ขายของ

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ขายประกัน 9

แต่เมื่อถึงวันนัดหมายของเค้ากับดิฉัน ซึ่งเป็นวันเสาร์ทุกเสาร์โดยแท้จริงแล้ววันเสาร์ที่ทำงานดิฉันจะหยุด แต่ดิฉันเคยทำงานวันเสาร์โดยการไปพบลูกค้าแทนเป็นประจำทุกเสาร์ ทำให้ครอบครัวรู้ดีว่าทุกวันเสาร์ดิฉันไปทำงาน แต่แล้วดิฉันก็เอาวันดังกล่าวเป็นวันยินยอมรับข้อตกลงกับเค้าแทน โดยเค้าให้ดิฉันไปหาเค้าที่พักเค้าแต่เช้าโดยให้มาถึง 9 โมงเช้าโดยประมาณ ดิฉันก็ยอมรับขอเสนอเค้าด้วยความตื่นเต้นและหวาดหวั่นไม่น้อย เพราะนี้เป็นเหมือนการกระทำผิดที่เรารู้อยู่เต็มอก แต่ก็ยังฝืนทำตามสิ่งที่รู้ว่าผิดศีลธรรม โดยแอบทำลายความเชื่อใจครอบครัว ไปมีความ สัมพันธ์ชู้สาวกับเพื่อนร่วมงานและเด็กหนุ่มรุ่นน้องทีอายุอานามห่างกันเป็นสิบๆปีอย่างน่าละอาย แต่ดิฉันก็ต้องสลัดความกังวลใจให้หมดสิ้น เพราะหากดิฉันไม่ทำตามที่เค้าตกลงไว้ชีวิตสมรสและครอบครัวดิฉันอาจแตกแยกได้ง่ายๆ
ตามคำขู่ของเค้า ทำให้วันนั้นดิฉันขับรถออกไปหาเค้าด้วยความกังวลใจไม่น้อยมันเป็นความรู้สึกของคนทำผิดปนเปกับความรู้สึกของความตื่นเต้นที่ใจลึกอยากให้ถึงเร็วๆ ดิฉันสับสนใจตัวเองจริงๆค่ะ จนเมื่อขับไปถึงที่พักของเค้าดิฉันทั้งตื่นเต้นและกลัวหวาดระแวงมันสับสนไปหมด แต่ไหนๆก็มาถึงที่แล้วดิฉันจึงเคาะห้องพักของเค้าพร้อมร้องเรียกชื่อเค้าเบาๆ ด้วยความตื่นเต้นหัวใจนี่เต้นระรัวไปหมด จนเมื่อเค้าเดินมาเปิดประตูห้อง ดิฉันก็เห็นสายตาเค้ามองยิ้มรับด้วยความดีใจที่ดิฉันทำตามคำมั่นที่เคยให้ไว้ โดยที่ดิฉันไม่ได้ทันสังเกตเลยว่าเค้าแก้ผ้ามาเปิดประตูห้องพักรอดิฉันอยู่ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว ดิฉันก้าวเข้าห้องพักเค้าอย่างเร่งร้อน เพราะความกลัวจะมีคนรู้จักมาเห็น จึงพรวดพราดเข้าห้องอย่างไม่มองรอบกายเลยสักนิด แต่ทันทีที่ดิฉันก้าวเข้าห้องพักปิดประตูเรียบร้อยเท่านั้นแหละ ดิฉันก็เป็นต้องอุทานด้วยความตกใจ เพราะเค้าแก้ผ้าเปลือยเปล่า แถมแท่งลำที่เคยมอบความสุขให้เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมานั้น มันกำลังชูชั่นด้วยความน่ากลัว ยังไม่ทันจะพูดเอยคุยกันแต่อย่างใดเค้าก็เค้ามาโอบกอดรั้งร่างอวบของดิฉันมากอดและซุกไซร้อย่างกระหาย เรี่ยวแรงปัดป้องของดิฉันแทบหมดสิ้นทันที เพราะเค้าเอามือโป๊ะลงโคกอูมในกางเกงทำงานของดิฉันอย่างหื่นกระหาย ดิฉันแทบไม่ได้ปฏิเสธสิ่งที่เค้าประเคนเข้าใส่ให้แม้แต่น้อยเลย ดิฉันโดนเค้าดันมาจนล้มลงกับที่นอนของเค้า แล้วหลังจากนั้นดิฉันก็แทบจะจำอะไรไม่ได้เลย เสื้อผ้าโดนถอดออกไปตอนไหนนั้นก็ไม่รู้ มารู้สึกอีกที่ก็คับตึงร่องสวาทเหมือนคราวตอนไปต่างจังหวัดอีกครั้งนั้นเอง ซึ่งคงไม่ต้องบรรยายอีกต่อไปแล้วน่ะค่ะ เอาโดยสรุป เลยละกันว่า ตลอดช่วงเช้าจนเกือบ 2 ทุ่มของวันนั้น ดิฉันต้องเปลื่อยเปล่าอยู่ในห้องพักเค้าตลอดทั้งวัน โดยที่ไม่ได้ออกไปไหนแต่อย่างใดเลย เค้าตักตวงความสุขกับเรือนร่างสาวใหญ่อย่างดิฉันอย่างไม่รู้เบื่อ เหนื่อยเราก็พักผ่อน หิวก็โทรให้ร้านค้าข้างล่างมาส่งอาหารทาน เสร็จจากการทานข้าวปลาก็บรรเลงความเสียวสุขกันอีกตลอดทั้งวัน ดิฉันกลับบ้านมาอย่างอ่อนระโหยโรยแรงเลย เมื่อกลับมาเห็นสามีก็ใจหายกลัวเค้าจับได้ เค้าเห็นสีหน้าดิฉันก็ถามด้วยความเป็นห่วง ดิฉันจึงได้โอกาสเลยกลบเกลื่อนด้วยการบอกเค้าว่างานวุ่นทั้งวัน เหนื่อยขอพักอย่ากวนน่ะคืนนี้ แล้วดิฉันก็รีบขึ้นห้องนอนแล้วอาบน้ำชำระคราบคาวที่อยู่ในร่างกายให้หมดสิ้น ขนาดดิฉันอาบน้ำล้างคราบเสียวที่เค้าหลั่งไว้ในร่องเสียวจนหมดแล้วก็ตามตอนก่อนกลับบ้าน แต่มันก็ยังไหลรินเปียกกางเกงในตัวบางดิฉันเป็นดวง จนดิฉันกังวลไม่น้อยเลย จึงต้องรีบล้างกางเกงในแล้วพึงตากราวทันทีที่อาบน้ำเสร็จ เพื่อไม่ให้สามีสังเกต ซึ่งนั้นคือ การทำตามข้อตกลงครั้งแรกกับเค้าอย่างที่สัญญากันไว้ มันเป็นครั้งแรกของการยินยอมรับเค้าเป็นส่วนหนึงในชีวิตของดิฉันแล้ว
ซึ่งคืนนั้นดิฉันก็หลับสลบไสลเลยคืนนั้น ซึ่งสามีดิฉันก็ไม่ยุ่งกับดิฉันเหมือนเช่นเคย ความผิดที่ไม่มีใครรับรู้ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ดำมืดต่อไป เป็นเช่นนี้ตลอดในรอบ 2 เดือนหลังจากเหตุการณ์กลับจากต่างจังหวัด เชื่อรึไม่ค่ะว่าสามีดิฉันก็ไม่ร่วมรักกับดิฉันเลยตลอด 2 เดือนที่กลับมา ความห่างของเราสองนี่เองที่เป็นปัจจัยแรงหนุนให้ดิฉันเริ่มไม่เกรงกลัวกับการกระทำผิดศีลธรรมแบบนี้ ซึ่งเมื่อมันไม่มีใครจับได้ถึงความผิดปกติของดิฉัน ดิฉันก็เริ่มกล้าและเริ่มไม่ค่อยกังวลเรื่องสามีที่ละน้อยๆ ซึ่งช่วงระยะเวลา 2 เดือนที่ดิฉันยินยอมไปร่วมหลับนอนกับเค้าที่ห้องพักนั้นทุกเสาร์ก็ดูเหมือนเค้าจะรับรู้ได้ว่าดิฉันคลายกังวลลงไปมากแล้ว เค้าก็เริ่มออดอ้อนและร้องขอดิฉันมากขึ้นโดยวันหนึ่งที่หลังจากเสร็จสมกันแล้วอย่างเหนื่อยล้า เค้าก็ยังคงกกกอดดิฉันบนที่นอนอย่างมีความสุข เค้าก็เอยร้องขอให้ดิฉันมาส่งเค้าที่บ้านพักก่อนกลับทุกวันหรือไม่ก็มารับเค้าที่พักช่วงเช้าได้รึมั๊ย เพราะเค้าไม่อยากเข้าที่ทำงานไปมาใช้เวลาไม่น้อย ซึ่งงานของเรานั้นไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิตทุกวัน ทำให้ดิฉันตกลงใจยอมเป็นสารถีขับรถรับส่งหนุ่มรุ่นน้องอย่างไม่คิดอะไร เพราะเมื่อก่อนนั้นดิฉันก็มารับและส่งเค้าออกจะบ่อย แต่หลังจากความสัมพันธ์ของเรามันเปลี่ยนเป็นเชิงชู้สาวแล้ว เค้าก็พาดิฉันขึ้นห้องบ่อยขึ้นทั้งที่เมื่อก่อนเค้าไม่เคยเอยชวนดิฉันมาชมห้องพักของเค้าเลย
ซึ่งดิฉันก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่ดิฉันหารู้มั๊ยว่าแท้จริงแล้วเค้าวางแผนให้ดิฉันมาพักบ้านเค้าก่อนไปทำงานหรือก่อนกลับบ้าน เพื่อวัตถุประสงค์ที่แท้จริงคือ หาโอกาสทำสิ่งที่เกินข้อตกลงของเรานั้นเอง
ด้วยความไม่ระแวงสงสัยในสิ่งที่เค้าต้องการดิฉันจึงยอมทำตามเค้าอย่างว่าง่าย แล้วเค้าก็แอบฉวยโอกาสตอนอยู่สองต่อสองในห้องพักแอบกอดรัดและออดอ้อนร้องขอดิฉัน จนดิฉันไม่สามารถต้านทานแรงวัยหนุ่มของเค้าได้ดิฉันจึงตกเป็นของเค้าอีกในช่วงเช้าวันนึงที่เค้าแอบหลอกให้ดิฉันขึ้นมาบนห้องเพื่อรอเค้าแต่งตัว แล้วเค้าก็จัดการตักตวงความสุขกับเรือนร่างของดิฉันเหมือนเช่นเคย ซึ่งมันไม่เป็นไปตามข้อตกลงของเค้ากับดิฉันอีกต่อไป ซึ่งเมื่อมีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งต่อๆมา และมันก็เหมือนจะกลายเป็นความเคยชินเชกเช่นเดียวกับข้อตกลงที่เคยตกลงกันอาทิตย์ละครั้งเพราะหลังจากนั้นเค้าก็ขอมีความสุขกับดิฉันเป็นวันเว้นวัน แรกๆ ดิฉันก็เคืองเค้าไม่น้อยที่ไม่ยอมทำตามที่ตกลงแต่ร่างกายและจิตใจที่เรียกร้องลึกของตัวเองนี้สิ มันไม่เป็นไปตามความคิด ท้ายที่สุดดิฉันก็ต้องยอมรับข้อเสนอครั้งใหม่ของเค้าเช่นเดิม ส่วนดิฉันกับสามีก็ยังห่างกันเช่นเดิมแต่มีค่ำคืนนึงเค้ามีนมาจากงานเลี้ยงแล้วคงมีอารมณ์จึงจัดการกับดิฉันอย่างกระหาย ซึ่งทันทีที่เค้าสอดใส่เข้ามาดิฉันก็ต้องตกใจไม่น้อยเพราะร่องสวาทที่เคยรัดแนบแท่งลำของสามีนั้นมันรู้สึกหลวมๆกว่าที่เคยเสียแล้ว จนเค้าเองอดสงสัยไม่ได้แต่ก็ไม่ได้เอยถาม ทำให้ดิฉันต้องแสร้งมีอารมณ์ร่วมกับสามีอย่างสุขสม ทั้งที่จริงๆคืนนั้นดิฉันแทบจะไม่รู้สึกเสียวสะท้านเลยสักนิด แต่กลับทำให้ดิฉันคิดถึงรสสวาทของหนุ่มรุ่นน้องมากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะความไม่เก่งของสามีที่เป็นประจำที่เค้าจะทำให้รักเราล่มปากอ่าวเป็นนิจ แต่มันกลับไม่ได้ทำให้ดิฉันหงุดหงิดเหมือนเช่นเคย เพราะดิฉันรู้ดีว่าพรุ่งนี้ดิฉันก็จะได้ปลดเปลื้องกับอารมณ์ที่ค้างคากับสามีนั้นกับใคร นี่แหละค่ะความห่างเหินของชีวิตคู่และความที่เป็นหัวเก่าด้วยกันทั้งคู่ ดิฉันกับสามีจึงไม่เคยพูดคุยเรื่องบนเตียงหรือบอกความต้องการของกันและกันเลยสักครั้ง นี้กระมังที่เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ดิฉันยินยอมรับชู้หนุ่มรุ่นน้องเป็นที่ระบายความต้องการของร่างกายอย่างไม่รู้สึกขัดเขิน ความต้องการทางเพศที่เก็บกดกับสามีมาหลายสิบปีพอมาโดนความเจนเชิงและลีลาและขนาดที่แตกต่างจากสามีนั้นเองทำให้ดิฉันติดใจรสสวาทที่เค้ามอบให้จนถอนตัวไม่ขึ้นเลย จนยินยอมให้เค้าเป็นชู้ลับอีกคนในชีวิตวัยสาวใหญ่สิบสิบกว่าแบบนี้
ดิฉันทำใจและยอมรับหนุ่มรุ่นน้องเป็นสามีลับๆอีกคนอย่างไม่ละอายใจ ศีลธรรมอันดีมลายหายไปจนหมดสิ้น แล้วในที่สุดดิฉันก็ยินยอมให้เค้าแอบหาความสุขกับเรือนร่างได้ทุกวันไปโดยไม่ห้ามปรามอีกต่อไปโดยปริยาย ซึ่งหลังจากทำใจยอมรับกับสิ่งที่พลาดพลั้งและเต็มใจรับสิ่งที่กระทำแล้ว ดิฉันก็แทบจะมีสัมพันธ์สวาทเชิงชู้สาวกับหนุ่มรุ่นน้องเกือบจะทุกวัน ซึ่งสรุปแล้วก่อนกลับบ้านดิฉันต้องร่วมรักกับเค้าก่อนกลับทุกวัน แต่เพราะความถี่และบ่อยครั้งของเราสองคนนี้เอง ทำให้ดิฉันกลัวหากสามีจับได้จึงขอเค้าเปลี่ยนเวลาแห่งความสุขเป็นช่วงเช้าแทนเพื่อกันและเพื่อไม่ให้คราบคาวของเค้าติดกางเกงในหรือในกายกลับบ้านนั้นเอง ทำให้ช่วงหลังดิฉันจะมารับเค้าที่ห้องพักทุกเช้าและมีความสัมพันธ์กันก่อนไปทำงานนอกพื้นที่ประจำทุกวัน ความสัมพันธ์ของเค้ากับดิฉันเป็นเช่นนี้ทุกวัน และมันก็ยังคงเป็นความลับเช่นเดิม โดยที่สามีและครอบครัวไม่เคยระแคะระคายสักนิด นี่ก็ผ่านมาเกือบจะ 2 ปีแล้ว กับชีวิตสาวขายประกันของดิฉันที่ต้องทำงานทุกวันแต่สิ่งที่เปลี่ยนไปจากเดิมคือ ความสุขในเพศรสที่เมื่อก่อนดิฉันทำงานหนักเพื่อให้ไม่คิดถึงเรื่องดังกล่าว แต่ปัจจุบันดิฉันทำงานไม่หนักขึ้นและหาความสุขที่ร่างกายต้องการมากขึ้น ซึ่งตลอดเวลาทั้งงานและเรื่องกามาณ์อารมณ์ของดิฉันรู้สึกจะดีขึ้นมาก อารมณ์ที่เคยหงุดหงิดก็แทบไม่มีแถมเราก็ทำงานเข้าขากันมากขึ้น ทำให้ยอดหาลูกค้าต่างๆดีขึ้นเป็นลำดับ แต่ความสัมพันธ์เชิงชู้สาวก็พัฒนาจนขั้นเรียกได้ว่าผัวเมียไปแล้ว เพราะดิฉันเป็นเหมือนภรรยาเค้าไปแล้ว ทุกวันนี้หากวันไหนสามีดิฉันร่วมรักกับดิฉัน เค้าสั่งให้ดิฉันห้ามล้างให้มาให้เค้าเห็นที่พักของเค้าก่อน ซึ่งดิฉันอายจริงๆเพราะดิฉันยอมทำตามที่เค้าสั่ง ซึ่งเมื่อเค้าเห็นคราบเมือกคาวของสามีดิฉัน เค้าจะมีอารมณ์เพศที่มากกว่าที่เคย ซึ่งหากมีครั้งใดวันนั้นดิฉันแทบไม่ได้ไปทำงานเลย เพราะเค้าจะทำรักอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ซึ่งดิฉันก็กลับติดใจและยอมทำแบบนี้ทุกครั้งไป ดิฉันยอมรับค่ะว่า ถึงตอนนี้ดิฉันยินยอมร้องเรียกเค้าเป็นผัวหรือสามีอย่างเต็มตัวแล้ว แม้จะรู้ว่ามันเป็นสิ่งผิดก็ตาม แต่สิ่งที่เค้ากระทำให้ดิฉันได้รับความสุขตลอด 2 ปีนั้น มันช่างเป็น 2 ปี แห่งความสุขที่ดิฉันต้องการมาทั้งชีวิตจริงๆ ดิฉันไม่คาดหวังให้เค้าอยู่เป็นคู่ชีวิตจริงแต่หวังลึกๆว่าเค้าจะไม่เบื่อหน่ายเรือนร่างสาวใหญ่วัยสี่สิบกว่าอย่างดิฉันในเร็ววันนี้
ดิฉันก็ขอให้ผู้อ่านเรื่องราวนี้ของดิฉันได้เป็นบทเรียนของชีวิตคู่น่ะค่ะ และโดยเฉพาะพวกสามีที่ไม่ค่อยได้ทำการบ้านหรือไม่ค่อยทำหน้าที่สามีที่ดีไม่ค่อยดูแลภรรยา เอาชีวิตคู่ของดิฉ็นบทเรียน อย่าได้ทอดทิ้งภรรยาที่บ้านให้อ้างว่างอย่างดิฉัน แม้สิ่งที่เกิดนี้มาจากความพลาดพลั้งจากความไม่พึงประสงค์ในแรกเริ่ม แต่หากสิ่งที่ได้รับนั้นมันมีความสุข และเป็นความต้องการลึกๆในจิตใจจนไม่เกินพอดี ก็อาจจะมีสาวๆ หลายๆ คน เดินตามทางที่ดิฉันเดินอยู่นี้ก็เป็นได้ นี้ก็เป็นอุทาหรน่ะค่ะ....ขอฝากไว้ให้สามีทุกคนได้เอาไปเป็นข้อคิดละกันน่ะค่ะ ดิฉันก็ขอจบเรื่องชีวิตสาวขายประกันอย่างดิฉันเพียงเท่านี้แหละค่ะ ................................ขอบคุณค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น: