ขายของ

วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2554

With No Remorse Chapter 22

With No Remorse Chapter 22 “ตอนนี้มันไม่ออกไปเพ่นพ่านแล้วครับ แค่บ้านกับที่ทำงานสองที่” ศรัณย์พูดแล้วยกช้อนข้าวต้มข้นซด กลาง โต๊ะอาหารนั่น หม้อหุงข้าวไฟฟ้าขนาดย่อมตั้งส่งควันลอยเป็นสาย กลิ่นข้าวต้มหอมกรุ่นฟุ้งไปทั่วห้องปะปนกับ กลิ่นกาแฟนุ่มนวลที่โชยออกมาจากเครื่องต้มกาแฟที่อยู่ถัดไป “งั้นเราคงต้องเล่นมันที่บริษัทเลย หรือไม่ก็คอยจังหวะไปก่อนตามที่ผู้การว่า” ชาติชายครุ่นคิด “ถ้ามีจังหวะ พี่จะเอาเลยหรือเปล่าล่ะครับ” ศรัณย์เงยหน้าขึ้นมอง “ถ้าจัดการได้ มันก็จะจบไปเป็นเรื่อง ๆ ก็ดี จะได้กลับไปทำงานกันบ้าง มานาน ๆ คนอื่นก็ต้องทำงานแทนเรา” ชาติชายตอบ “วันนี้พี่จะโทรไปรายงานการปฏิบัติกับพี่นครก่อน ได้เรื่องยังไงแล้วจะบอก” “คุณคะ ขอโทษค่ะ” เสียงใส ๆ ที่ดังมาจากด้านหลังทำให้สองหนุ่มหันไปมอง วันเพ็ญเดินลงมาจากชั้นบนช้า ๆ มือรวบผ้าห่มผืนใหญ่ที่ศรัณย์เอาคลุมตัวเมื่อคืนไม่ให้บังสายตาที่ก้มมองขั้นบันได สองหนุ่มลุกขึ้นยืน “มีอะไรครับ” ชาติชายเป็นคนถาม “เอ่อ คือ ดิฉัน อ่า” วันเพ็ญตะกุกตะกักแก้มแดงระเรื่อ “ไม่มีเสื้อผ้าเลย” “จริงซิ..” ชาติชายพูดขึ้นแล้วหันไปมองศรัณย์ “เอ่อ ถ้าไม่รังเกียจ เสื้อผ้าผมก่อนก็ได้ครับ” ศรัณย์รีบบอกแล้วเดินไปหาวันเพ็ญ หยุดยืนที่ตีนบันไดเงยหน้ามอง วันเพ็ญที่ยืนสูงขึ้นไป “ยังไง เดี๋ยวสาย ๆ ค่อยออกไปหาซื้อใหม่” วันเพ็ญเม้มปาก “ก็ได้ค่ะ” เธอพูดแล้วหันหลังเดินกลับขึ้นไปชั้นบน “ตัวไหนก็ได้นะครับ ในตู้นั่นเลย” เสียงที่ดังไล่หลังมานั่นทำเอาวันเพ็ญย่นจมูก บ่นพึมพำระหว่างที่เดินไปยังห้องนอน “หนอย เสื้อผ้าไม่เอามาสักชิ้น แล้วนี่จะให้ใส่เสื้อผู้ชายอีก มันจะไม่คันตายเหรอเนี่ย ตัวก็ใหญ่ยังกะ อะไรดีนะ แล้ว มีเสื้ออะไรบ้างก็ไม่รู้ ไหนจะเสื้อใน กางเกงในอีก สงสัยคงไม่ต้องใส่มันแหละ ใครจะเอากางเกงในของนายนั่น มาใส่กัน แค่คิดก็หยะแหยงแล้ว ไหนดูซิ มีอะไรพอใส่ได้บ้างเนี่ย แหม ตู้เสื้อผ้าเรียบร้อยดีนี่ นึกว่าจะขยุ้ม ๆ เป็น กองขยะเสียอีก .. อืมม เสื้อตัวนี้ก็ดูโอเคนะ ไหนดูซิ...” วันเพ็ญเอาผ้าห่มพันเอวเหน็บชายพออยู่แล้วยกเสื้อยืดตัวนั้นสวมลง “อืมม ก็พอใช้ได้นะ ไหนดูกระจกหน่อย ว๊าย หัวนมดันเสื้อมาเป็นตุ่มเลย อื๋ยย เต้าเต้อวเห็นหมด ขืนใส่ลงไป คงมองกันเพลินซีเนี่ย เดี๋ยวใส่อีกตัวทับคงพอไหว อืมม กางเกงทหารนี่โอเคหรอก อึ๊บ ใช้ได้ อืมม โอเค ไม่เข้าร่อง แล้ว แหม น่าจะมีกางเกงในเสียหน่อย สาบกางเกงเข้าร่องเมื่อกี้เสียววาบเลยเรา เอาเสื้ออีกตัวซิ...” วันเพ็ญก้าวเดินไปยังโต๊ะอาหาร พยายามทำหน้าเรียบ ๆ ทั้ง ๆ ที่ท้องหิวจนรุ้สึกได้ หน้าเธอยังแดง ๆ เพราะตอน ที่ส่องกระจกครั้งสุดท้ายนั่น ถึงสวมเสื้อยืดสองตัวแล้ว แต่หัวนมเธอก็ยังดันเสื้อขึ้นมาเห็นเป็นปุ่ม ๆ อยู่ดี อีกทั้ง ยามที่เดินนั้นเล่า ไอ้สาบกางเกงแข็ง ๆ มันก็ถูไถเอากลีบเนื้ออยู่ไหว ๆ ชายหนุ่มทั้งสองลุกขึ้นเมื่อวันเพ็ญเดินมา ถึงโต๊ะอาหาร ทำเอาเธอหยุดยืนเลิกคิ้วอย่างเก็บความประหลาดใจไม่มิด เธอเคยแต่ต้องลุกขึ้นยืนยามที่ผู้อื่นมาถึง ด้วยความที่เป็นผู้น้อย แต่คราวนี้ชายทั้งสองลุกขึ้นยืนเมื่อเธอมาถึงโต๊ะนั้นจึงสร้างความประหลาดใจให้ไม่น้อย “เชิญครับ ข้าวต้มฝีมือนายรัณย์ พอกินได้ครับ ของไม่สดเท่าไร วันไหนคุณ..” ชาติชายอึกอัก “วันเพ็ญค่ะ” “ครับ คุณวันเพ็ญ ไปสัตหีบ จะให้นายรัณย์ทำให้กินใหม่ ถ้าได้ปลาได้กุ้งสด ๆ แล้วรับรองว่าอร่อยกว่านี้แน่นอน” จวบจนวันเพ็ญนั่งลงนั่นแล้ว ชาติชายจึงนั่งลงบ้าง ส่วนศรัณย์ก็กลับมาพร้อมกับชามและช้อนในมือ จัดการตัก ข้าวต้มเกือบเต็มชามมาวางตรงหน้าเธอ “อย่าเชื่อพี่ชายเลยครับ แค่พอกินได้แหละครับ” ศรัณย์ยิ้มแล้วขยับไปนั่งลงอีกด้านหนึ่ง “ขอบคุณค่ะ” วันเพ็ญยิ้มแหย ๆ กับสองชายหนุ่มแล้วค่อย ๆ ตักข้าวต้มขึ้นชิม ชั่วไม่นานข้าวต้มชามนั้นก็เหลือแต่ น้ำขลุกขลิก วันเพ็ญเงยหน้าขึ้นเห็นสองหนุ่มนั่งยิ้ม ๆ “อีกชามไหมครับ เติมอีกหน่อย ข้าวต้มมันเบา ๆ เดี๋ยวสาย ๆ จะหิวอีก นะครับ” ศรัณย์ลุกขึ้นกุลีกุจอตักข้าวต้ม วันเพ็ญขยับจะห้าม แต่ความหิวประกอบกับรสชาติข้าวต้มนั่นทำให้เธอยั้งปากไว้ “กินเถอะครับ เชื่อมันหน่อย เมื่อคืนออกแรงมาเยอะนะครับ ตามสภาพที่นายรัณย์เล่าให้ฟัง” “ขอบคุณค่ะ” ชามที่สองหายไปอีกในเวลาไม่นาน วันเพ็ญถอนหายใจแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ “อร่อยจังค่ะ” “ขอบคุณครับ กาแฟไหมครับ” ศรัณย์ถามขึ้น “ไม่เอาค่ะ กลัวดำ” ความเป็นกันเองของทั้งสองทำให้เธอกล้าพูดเล่นมากขึ้น “เมื่อคืนขอโทษนะครับที่ไม่ได้เตือนให้ระวังตัว” ชาติชายพูดสั้น ๆ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่ให้คุณศรัณย์ไปช่วยก็ขอบคุณมากแล้ว” วันเพ็ญหันไปสบตาชาติชายและศรัณย์ ชาติชายลุกเดินไปที่ฝั่งห้องรับแขกก้มลงหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาเดินมายื่นส่งให้ “ผมว่าคุณคงติดต่อผู้บังคับบัญชาเสียก่อนนะครับ แล้วก็ติดต่อทางบ้านด้วย” ชาติชายบอกเรียบ ๆ “ขอบพระคุณค่ะ” วันเพ็ญยกมือไหว้อย่างซาบซึ้งใจ “โอ๊ย ไม่ต้องไหว้ผมก็ได้ครับ” ชาติชายทำหน้าไม่ถูก “อ้อ เรื่องที่คุณอยู่ที่นี่ ตอนนี้ทางผมขอให้ปิดเป็นความลับ ไว้ก่อนนะครับ” “ค่ะ..” วันเพ็ญเงยหน้ารับคำแล้วก้มลงกดหมายเลขโทรศัพท์ หางตาบอกเธอว่าชายทั้งสองขยับเดินไปนั่งคุยกันที่ ชุดรับแขก “สวัสดีค่ะ หัวหน้า.... เพ็ญเองค่ะ.... ยังค่ะ อยู่ที่ไหนไม่ทราบค่ะ คนของผู้การท่านไปช่วยออกมา....... ” จนครู่ใหญ่ วันเพ็ญจึงเดินเอาโทรศัพท์มาคืน “ขอบคุณค่ะ” “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวให้นายรัณย์พาไปหาเสื้อผ้าแล้วกันนะครับ” “เอ่อ แต่งตัวยังงี้ไม่สะดวกเลยค่ะ..” เธอบอก ชาติชายกับศรัณย์มองเธอจนเธอรู้สึกอาย ๆ เหมือนสายตาของเขา นั้นมันจะทะลุเสื้อเข้าไป โดยเฉพาะศรัณย์ที่ไปช่วยเธอเมื่อคืน เธอเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะเห็นอะไรบ้างตอนที่เธอถูก ขึงพืดอยู่นั่น ถึงสองคนที่จับตัวเธอจะปล่อยมือไปแล้วเธอก็ยังทั้งเจ็บทั้งหมดแรงกระดิกกระเดี้ยไปอีกอึดใจใหญ่ ๆ ถึงแม้ว่าเมื่อคืนตอนที่เปลี่ยนเอาผ้าปูที่นอนออกนั่น เขาจะไม่เห็นก็เถอะ ชายหนุ่มทั้งสองหันมามองหน้ากัน “จดเบอร์ให้ได้ไหมคะ” สิ้นเสียงทั้งสามคนก็นิ่งไปพักหนึ่ง แล้วตาของชาติชายก็เบิกขึ้นอย่างที่นึกอะไรออกมาได้ “เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวผมหาตัวช่วยเอง” พูดจบก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดพร้อมกับเดินออกไปนอกตัวบ้าน ทิ้งให้ศรัณย์ นั่งมองหน้าวันเพ็ญ “คุณชาติชายไปไหนคะนั่น” “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมว่าพี่ชายคงคิดอะไรออกแล้ว เดี๋ยวก็มาครับ ว่าแต่ว่าเจ็บไหมครับนั่น” วันเพ็ญมองเห็น ความห่วงใยออกมาจากสายตาของนายทหารหนุ่ม “ระบมนิด ๆ ค่ะ ไม่ถึงเจ็บ” วันเพ็ญทำท่าเหยียดแขนเหมือนจะอวด “งั้นคุณคงยังไม่ได้ล้างหน้า” ศรัณย์พูดเรียบ ๆ ทำเอาคิ้วเรียวเลิกขึ้น “ทำไมคะ .. โอย” วันเพ็ญถามพร้อมกับยกมือขึ้นลูบหน้าแล้วก็ครางเมื่อความเจ็บแล่นขึ้นมายามที่มือตนเองสัมผัส ผิวหน้า “เจ็บจัง เป็นไงบ้างคะเนี่ย” “บวม ช้ำ เลยครับ” ศรัณย์ยิ้มแหย ๆ วันเพ็ญลุกขึ้นเดินหายไปในห้องน้ำ พอดีกับชาติชายเดินยิ้มกริ่มเข้ามา “อ้าว ไปไหนแล้วล่ะ” “เข้าไปห้องน้ำน่ะครับ ส่องกระจกแหละครับ” ศรัณย์หันไปมองวันเพ็ญที่เดินปิดหน้าออกมา “โอย เจ็บจัง ทีเมื่อเช้าไม่รู้สึก” เสียงใส ๆ บ่นงึมงำพร้อมกับเจ้าของเสียงเดินมาทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่าง “คงสักสามสี่วันแหละครับกว่าจะหาย” ศรัณย์บอกปลอบใจหญิงสาว “อูย สามสี่วันคงไม่หายหรอกค่ะ อย่างเร็วคงต้องเจ็ดวัน” ยามนี้ความสนิทสนมไว้วางใจเพิ่มพูนขึ้น “หายซีครับ เอาดินสอพองกับน้ำมะนาวพอก ถ้าพอกทั้งหน้าผิวจะสวยเนียนขึ้นด้วย” แรก ๆ เสียงศรัณย์สดใส แต่ ช่วงท้ายกลับหม่นหมองลง วันเพ็ญไม่ทันจะสังเกตเหมือนกับชาติชายที่รู้จักรุ่นน้องดีกว่า “โห ยาโบราณนะคะ จะหายเหรอ ใครบอกค่ะ เชื่อได้เหรอ” วันเพ็ญหันไปถามทันได้เห็นแววตาหมองของศรัณย์ ตอนที่เขาลุกขึ้นยืนหายใจลึก ๆ ก่อนตอบแล้วหมุนตัวเดินออกไปนอกตัวบ้าน “แม่..ผมเอง ครับ..” วันเพ็ญมองตามหลังชายหนุ่มที่เดินดุ่มไหล่ห่อออกไปอย่างมึนงง แล้วหันมามองหน้าชาติชายที่ถอนหายใจ ”เพ็ญพูดอะไรผิดเหรอคะ” “ไม่ผิดหรอกครับ” ชาติชายยิ้มปลอบหญิงสาว “เผอิญว่า แม่นายรัณย์แกเสียชีวิตไปแล้วน่ะครับ” ชาติชายบอกเบา ๆ สีหน้าวันเพ็ญยังงุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก “คือ พ่อนายรัณย์เป็นนักข่าว เขียนบทความเปิดโปงขบวนการค้ายาเสพติด จนกระทั่งวันหนึ่งก็โดนพวกนั้นดักยิง ระหว่างขับรถเข้ากรุงเทพ” ชาติชายบอกเรียบ ๆ “วันประดับยศนายรัณย์พอดี ในรถมีพ่อ แม่ กับน้องนายรัณย์ อีกสองคน” “ตาย” วันเพ็ญครางสีหน้าสลดวูบ ยกมือขึ้นทาบหน้าอก “ถ้ายังอยู่กัน ตอนนี้น้องนายรัณย์คนรองน่าจะสักยี่สิบกว่า คนเล็กก็คงราว ๆ ยี่สิบ ประมาณนั้น” ใบหน้านั้นตื่นตะลึง ดวงตาทั้งคู่เบิกกว้าง “น้องของคุณศรัณย์ ชื่ออะไรคะ” “ชิดชนก กับ กรัณย์ ครับ” ชาติชายตอบ “ตอนนั้นยายชิดชนกคงเรียนอยู่ประมาณ.. มหาวิทยาลัยปีสอง เก่งพอ ๆ กันครับ พี่น้องบ้านนี้ทั้งสามคนเนี่ย อ้าว คุณเพ็ญ” ชาติชายร้องเรียกเมื่อเห็นวันเพ็ญหลั่งหยาดน้ำตาไหลริน ศรัณย์ที่กำลังเดินกลับเข้ามาได้ยินเข้าก็เดินเข้ามาที่โต๊ะ “มีอะไรครับพี่ชาย” ชาติชายเงยหน้าขึ้นมองรุ่นน้อง “มีอะไรครับคุณเพ็ญ” เมื่อเห็นว่าชาติชายรู้จะตอบอะไรศรัณย์จึงหันไปถามวันเพ็ญ “พี่นก พี่ชิดชนก น่ะค่ะ เป็น” น้ำตาเม็ดกลมที่ไหลลงมาเป็นทางทำเอาสองหนุ่มประหลาดใจ “เป็น พี่รหัสของเพ็ญ เอง เพ็ญจำได้ พี่นก..” คำพูดกลืนหายไปในลำคอ ใบหน้างามเปียกไปด้วยน้ำตาแล้ว ศรัณย์ทรุดตัวลงนั่งเบิกตา ด้วยความประหลาดใจ “คุณเพ็ญ น่ะเหรอครับ.” หางเสียงของศรัณย์แหบแห้งอยู่ในลำคอ “ค่ะ พี่นกเรียนปีสาม เพ็ญเป็นเฟรชชี่ พี่นกคอยดูแลเพ็ญเสมอ ๆ พี่นก...” หางเสียงขาดไปเพราะเจ้าของเสียงได้แต่ นั่งสะอื้น “เหรอครับ..” เสียงศรัณย์แหบแห้งจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง “นกเป็นคนอย่างนั้นแหละ คุณเพ็ญ” ชาติชายขยับลุกเดินออกไปจากห้อง เมื่อรู้สึกว่าควรจะปล่อยให้สองคนนั่นคุยกันไปลำพัง เขาไม่อยากจะเชื่อว่า โลกนี้มีอะไรที่ประจวบเหมาะได้เช่นนี้ ดูเหมือนว่ากลุ่มของเขานี่จะต้องพบเจอคนที่มีความสัมพันธ์กันในลักษณะ ต่าง ๆ เขากับรจนาเคยเห็นกันมาเมื่อยังเยาว์ กับปานเรขาหรือก้อย น้องสาววรวุฒิเพื่อนสนิทก็รู้จักมาตั้งแต่เด็ก แล้ว คราวนี้นายศรัณย์ก็พบกับวันเพ็ญที่เป็นน้องรหัสของน้องสาวตนในสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ยังไม่ต้องนับ อาต้น พันเอกการุณย์กับแม่เขาเองที่ต่างก็รู้จักกันมานาน “พี่ชาย มาแล้วค่า” เสียงใส ๆ ดังมาก่อนตัวเมื่อรถมอเตอร์ไซค์คันเล็กแล่นเข้ามาจอด “อ้าว ก้อย มาแล้วเหรอ ไม่ทันเห็น” ชาติชายร้องทักสาวน้อยบนอานที่ลงมาจากรถ เสื้อยืดตัวนั้นรัดทรงจนเห็นเต้า อวบตูมขึ้นมาเป็นก้อนเมื่อสายสะพายของกระเป๋าที่เธอหอบมานั้นพาดลงระหว่างเต้าทั้งสอง กางเกงยีนส์ขายาว สีเข้มเข้ารูปดูทะมัดทะแมง ผมรวบรัดไปด้านหลังเปิดวงหน้าหวานคมชวนหลงใหล “อ้าวพี่ชายมองอะไรคะ ก้อยอายนะ ก้อยเรียกตั้งแต่โน่นแล้ว พี่ชายแหละคิดอะไรถึงไม่ได้ยิน” เสียงใส ๆ ต่อว่า ขณะที่จัดขาตั้งรถเข้าที่ “ไหนคะ พี่สาวที่ว่าจะให้ก้อยช่วย สวยป่ะ” “มานี่ก่อน เดี๋ยว” มือแข็งแรงคว้าแขนสาวน้อยไว้จนเซเข้ามาหาตัว “บ้า พี่ชาย กลางวันแสก ๆ นอกบ้านด้วย เดี๋ยวใครเห็น” สาวน้อยหน้าตาตื่น “เดี๋ยวก่อน มานี่ก่อน” ชาติชายลากแขนสาวน้อยไปด้านหนึ่งมองตรงผ่านหน้าต่างเข้าไปเห็นศรัณย์กำลังคุยกับ วันเพ็ญอยู่ ก่อนที่ศรัณย์จะลุกขึ้นไปนั่งข้าง ๆ วันเพ็ญ ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นโอบไหล่ที่สะท้านไหว “อุ้ย พี่ชาย พี่ศรัณย์เป็นอะไรกับผู้หญิงคนนั้นเหรอคะ” สาวน้อยเงยหน้าขึ้นถาม “เธอชื่อวันเพ็ญ” ชาติชายบอกก่อนจะบอกเล่าให้สาวน้อยฟัง ปานเรขาเงยหน้าขึ้นมองตาแป๋วอย่างตั้งใจพยักหน้า รับคำเป็นจังหวะ “แค่นี้แหละ อ้อ แล้วก็อย่าทำหน้าอย่างนี้กับใครนะ” ชาติชายพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หน้ายังไงคะพี่ชาย” สาวน้อยถามด้วยความสงสัย “ก็อย่างที่กำลังทำอยู่นี่แหละ” ชาติชายบอก ทำเอาสาวน้อยขมวดคิ้วย่นจมูก “ไม่เห็นรู้เรื่องเลยพี่ชายนี่ ก็..” “ก็มันน่ารักไง” ชาติชายพูดสั้น ๆ “ไป เข้าไปในบ้านกัน” “ไหน ๆ พี่ชายว่าอะไรนะคะ ก้อยฟังไม่ทัน” สาวน้อยรีบเดินตามชาติชายที่รีบเดินเข้าไปในบ้าน “มาแล้วครับ ตัวช่วย” ชาติชายส่งเสียงนำเข้าไปก่อน ศรัณย์รีบลดมือลงจากไหล่วันเพ็ญพร้อมกับขยับตัวออกจาก กัน ศรัณย์หน้าแดงจนเห็นได้ชัด ขณะที่วันเพ็ญก็ยังคงเห็นสีแดงเรื่อ ๆ ระหว่างที่เธอค่อย ๆ เช็ดน้ำตา ทั้งสองคน ต่างพยายามทำหน้าเป็นปกติ “นี่น้องก้อย ปานเรขา ครับ น้องสาวเพื่อนผมเอง” ชาติชายแนะนำ “สวัสดีค่ะพี่วันเพ็ญ” สาวน้อยไหว้อย่างงดงาม “พี่วันเพ็ญไม่ต้องห่วง เดี๋ยวก้อยจัดการให้เองนะคะ” สาวน้อยเดินเข้าหาพลางเปิดกระเป๋าใบเขื่องที่ปลดมาจากสะพายแล่งนั่น “นี่ ๆ ก้อยเอาแปรงสีฟันมาด้วย แล้วก็เสื้อก้อยกับกางเกง ไม่รู้ว่าพี่จะใส่ได้หรือเปล่านะคะ” สาวน้อยบอกอย่าง ร่าเริงเปิดกระเป๋ายกแปรงสีฟันขึ้นชูให้วันเพ็ญดูก่อน แล้วหยิบเสื้อขึ้นมาแกว่งเหมือนอวด “ก้อยยังเอา” “พี่ว่านะคะ เราไปข้างบนดีไหมคะ”วันเพ็ญขัดขึ้นพลางพยักหน้าไปทางชาติชายกับศรัณย์ “จริงด้วย” สาวน้อยร้องหน้าแดง “แล้วพี่ชายก็ไม่ยอมบอกเลยนะ” ท่อนหลังหันไปต่อว่าชาติชาย “อ้าว ไหงพี่โดนล่ะ” ชาติชายอุทาน “พี่ศรัณย์อีกคนด้วย” “ฮื้อ..” ศรัณย์ได้แค่อุทาน ก่อนที่ปานเรขาจะจูงมือวันเพ็ญหายลับขึ้นไปชั้นบน “พี่ชายครับ” “หือ อะไรรัณย์” “ผมว่าพี่จะแย่แล้วแหละครับ” “ทำไมวะ” “ก็เมื่อกี้นี้ ที่น้องก้อยว่าพี่นะ เหมือนที่คุณป้าต่อว่าผู้การการุณย์เมื่อวันก่อนเลย นะครับ” ชาติชายหันไปมองหน้าศรัณย์ นึกถึงเมื่อคืนที่โดนแม่เรียกไปเทศนาเรียงตัวที่พาปานเรขาไปเสี่ยงคราวก่อน “จริงว่ะ” ชาติชายเสียงอ่อย ๆ “ถ้าต่อไปพี่มีลูกสาว เป็นอันครบองค์ประกอบเลยนะครับ” “อะไรวะ วันนี้แกพูดมากนะนายรัณย์” ชาติชายจ้องหน้ารุ่นน้อง “องค์ประกอบที่บอกว่า ผู้ชายจะต้องอยู่ในโอวาทของผู้หญิงตลอดชีวิตไงพี่ พี่ไม่เคยได้ยินเหรอ” ศรัณย์ยิ้มกริ่ม “ยังไงวะ” ชาติชายขมวดคิ้ว “ก็ที่ว่า ผู้ชายน่ะ ตอนเป็นเด็กต้องอยู่ในโอวาทของแม่ พอแต่งงานก็อยู่ในโอวาทของเมีย แก่ลงไปก็อยู่ในโอวาท ของลูกสาว ไงพี่พี่จำไม่ได้เหรอ ที่คุยกันเล่น ๆ สมัยเรียนน่ะ” ศรัณย์ยิ้ม “เออว่ะ ท่าทางนะ แต่พี่ว่าวันนี้เอ็งพูดมากจริง ๆ ว่ะ” ชาติชายหันมาจ้องหน้าทะเล้น ๆ “ข้าจะคอยดูซิว่า คุณเพ็ญ จะดุแค่ไหน” “คุณเพ็ญจะเกี่ยวอะไรล่ะพี่” ถึงทีศรัณย์หน้าเหรอหราบ้าง “ไม่รู้ซิ เห็นนั่งโอบกันอยู่ พอเข้ามาหน้าแดงกันหมด เดี๋ยวไปเล่าให้แม่ฟังดีกว่า” ชาติชายพูดลอย ๆ “เฮ้ยพี่ ผมไม่มีอะไรนะพี่” ศรัณย์เดินตามหลังชาติชายที่เดินไปยังโต๊ะอาหาร “พี่ชาย พี่ชาย โว้ย” ชาติชายเดินหัวเราะไปรินกาแฟก่อนจะหันกลับมายักคิ้วให้ศรัณย์ ...................... “เดี๋ยวพี่มา คงใช้เวลาสักสองสามชั่วโมงนะ ทั้งไปทั้งกลับ” ชาติชายที่ยืนคู่อยู่กับปานเรขาหันมาบอกศรัณย์กับ วันเพ็ญก่อนจะออกไปซื้อของ “โห พี่ไปซื้อของทำไมนานจัง” ศรัณย์ขมวดคิ้ว “กะว่าไปลำพูนดีกว่า ซื้อแถวนี้เผื่อใครเห็นเข้า ซื้อเยอะด้วย เดี๋ยวผิดสังเกต” ชาติชายหันเดินออกไปพร้อมกับ ปานเรขา ศรัณย์กับวันเพ็ญนั่งดูโทรทัศน์กันเงียบ ๆ พักใหญ่ ศรัณย์ก็ผลุดลุกขึ้น วันเพ็ญสะดุ้งผงะถอย “อ้าว เป็นอะไรครับ” “แหม อยู่ดี ๆ ก็ลุกพรวด ก็ตกใจซีคะ” พูดพลางค้อนเข้าให้ “ตัวออกเบ้อเริ่ม มีอะไรเหรอคะ” “อ้าว ขอโทษครับ ว่าจะไปทำความสะอาดปืนเสียหน่อยครับ” “เหรอคะ ไปด้วยซีคะ เผื่อเอาปืนเพ็ญไปทำด้วย” “ไปซีครับ” วันเพ็ญลุกขึ้นยืนรอให้ศรัณย์ปิดโทรทัศน์แล้วเดินตามขึ้นไปชั้นบน “โห นี่คลังอาวุธเลยนะคะ ปืนอะไรมั่งน่ะคะ แปลก ๆ” วันเพ็ญอุทานแล้วถามเมื่อเข้าไปในห้องที่เก็บอาวุธไว้ “ไอ้ปืนโตนั่น Barrett M99 ครับ ใช้ลูกปืน .50 BMG คู่นั้น HK 417 ใช้กระสุน 7.62 นาโต้ ไอ้สี่กระบอกนั่น MP 7 ใช้กระสุน 4.6 มิลลิเมตร ของ HK ตรงนั้น UMP 9 ใช้กระสุน 9 มิลลิเมตร พาราเบลลั่ม เหมือนกับปืนพก HK P30 ตรงนั้น เอาปืนคุณเพ็ญมาซิครับ เดี๋ยวจัดการให้” ศรัณย์บอกระหว่างเดินไปหยิบกล่องเครื่องมือออกมาวาง กลางห้องพร้อมกับชี้ให้วันเพ็ญดูอาวุธที่วางไว้อย่างเป็นระเบียบ “ทำหมดเหรอคะเนี่ย เยอะแยะ” วันเพ็ญยืนมองไปรอบ ๆ ห้อง “แป๊บเดียวครับ ทำความสะอาดหลังยิงไปแล้ว ตอนนี้แค่เช็ดฝุ่น ไล้น้ำมันนิดหน่อย ปืนคุณเพ็ญล่ะครับ” “เดี๋ยวไปเอาค่ะ” วันเพ็ญเดินตัวปลิวไปแค่อึดใจก็กลับเข้ามานั่งตรงข้ามศรัณย์ที่กำลังเริ่มทำความสะอาดปืน เธอจัดการปลด ซองกระสุน ตรวจรังเพลิงแล้วถอดปืนพกของตนออกวางเรียงบนผ้าที่ศรัณย์ปูไว้อย่างคล่องแคล่ว ศรัณย์นั่งมองเธอถอดปืนออกมาแล้วหยิบแซ่แยงลำกล้องชุดหนึ่งส่งให้ วันเพ็ญเงยหน้ามองรับของแล้วยิ้มให้ก่อน ก้มลงประกอบแซ่เข้ากับด้ามแซ่แล้วลงมือทำความสะอาดปืนตนเอง สองคนนั่งทำกันเงียบ ๆ จวบจนวันเพ็ญ ทำความสะอาดปืนของเธอเสร็จก็ประกอบกลับเข้าที่ ดึงลูกเลื่อนดูแล้วบรรจุซองกระสุนเรียบร้อยก็วางไว้ด้านหนึ่ง “เพ็ญช่วยไหมคะ” เธอถาม ศรัณย์เงยหน้าขึ้นมอง “เอาซีครับ ถ้าอยากลอง เดี๋ยวผมบอกวิธีถอดประกอบให้ เอา MP 7 นี่แล้วกันครับ นี่ครับ ตรงนี้...” ศรัณย์ส่งปืนให้ วันเพ็ญรับไปส่วนตนเองถืออีกกระบอกหนึ่ง ถอดออกมาช้า ๆ ให้วันเพ็ญดูพร้อมกับทำตาม เธอนั่งมองศรัณย์อย่าง ตั้งอกตั้งใจแล้วทำตามไปช้า ๆ ครึ่งชั่วโมงถัดมา สองคนก็ช่วยกันทำความสะอาดปืนไปครึ่งหนึ่ง ตอนนี้ศรัณย์กำลังทำความสะอาดปืนซุ่มยิง M 99 พอเงยหน้ามองวันเพ็ญก็เห็นว่าใบหน้ากลม ๆ นั่นมีเหงื่อเกาะพราว ศรัณย์ถึงกับหยุดมองวันเพ็ญที่ก้มหน้า ก้มตาทำความสะอาดปืนในมือง่วนอยุ่พอวันเพ็ญเงยหน้าขึ้นมองเจอสายตาศรัณย์ต่างคนก็ต่างยิ้มแล้วก้มหน้า ทำกิจต่อไป จนครู่ใหญ่ต่อมา เหงื่อวันเพ็ญก็หยดลงมาที่ปลายคางสร้างความรำคาญให้เธอ วันเพ็ญหยุดมือเงยหน้าขึ้น มองศรัณย์เห็นว่ากำลังทำงานง่วนอยู่ ด้วยความอ้าวของห้องและเสื้อยืดตัวหนาที่เธอสวมใส่มาสองตัวซ้อนนั่น เธอจึงถอดเสื้อออกตัวหนึ่งแล้วชำเลืองมองศรัณย์เห็นว่าเขาไม่ได้สังเกตก็ก้มหน้าทำงานต่อไป ศรัณย์ดันคันรั้งลูกเลื่อนของเจ้า M 99 เข้าที่ดังแกร๊กแล้วเงยหน้าขึ้นมองวันเพ็ญเพื่อจะดูว่าเธอทำไปได้เท่าไรแล้วก็ ตาค้าง หญิงสาวนั่งขัดสมาธิ ปืนยาวพาดอยู่บนตัก มือหนึ่งประคองปืน อีกมือหนึ่งเอาเศษผ้าเช็ดไปตามตัวปืน อากาศยามบ่ายที่อบอ้าวทำเอาทั้งเธอและเขาเองเหงื่อซึม ส่วนวันเพ็ญนั้นถอดเสื้อไปตัวหนึ่งเมื่อใดเขาก็ไม่รู้ได้ แต่เสื้อตัวที่ใส่อยู่นั้นก็เริ่มจะเปียกเหงื่อจนแนบเข้ากับถันเต้าสองลูกงามจนเห็นเป็นเต้าอวบได้ถนัด แล้วพอเจอ รอยด่างบนปืนที่กำลังจัดแจงทำความสะอาดอยู่นั้น เธอก็กดผ้าลงกับรอยนั้นแล้วออกแรงขัด อาการเขย่าตัวยาม ที่ออกแรงขัดรอยด่างนั่น ทำเอาเต้าที่ดันเสื้อยืดออกมาเป็นลูกนั้นขยับส่ายแกว่งไกวไปมาในเสื้อ อาการที่ ปลายหัวนมถูเสื้อนั้นเธอเองก็รู้สึก แต่ไม่ทันจะฉุกใจคิดว่ามันจะส่งผลให้จะงอยถันของเธอลุกพุ่งชูชันจนดันเสื้อ ขึ้นมาเป็นปุ่มปม อีกทั้งเต้าถันเธอมันก็ใหญ่อวบเอาการ ศรัณย์จึงมองเห็นตุ่มไตปลายถันนั้นได้ถนัดถนี่ ภาพนั้น ส่งอาการขมึงตึงลงไปที่ท่อนเอ็นในกางเกงเขาทันที ศรัณย์กลืนน้ำลายเป่าปากแล้วก้มลงทำงานต่ออีกครู่ใหญ่ “เสร็จแล้วค่ะ หมดแล้ว” เสียงใส ๆ ที่ดังขึ้นนั่นทำให้ศรัณย์เงยหน้าขึ้น วันเพ็ญยืดตัวขึ้นเต็มที่ ตั้งหลังตรงแก้อาการ เมื่อยเนื่องจากนั่งขัดสมาธิพร้อมกับยกแขนกางเหยียดสลัดเบา ๆ ศรัณย์นั่งมองตาค้าง “มีอะไรคะ” “เอ่อ คุณเพ็ญ เอ่อ เหงื่อแยะนะครับ” “ค่ะ บางทีรำคาญเลยแหละ” เธอรับคำก่อนที่จะก้มลงมองตัวเอง “ว้าย ตายแล้ว” สองแขนหุบเข้ากอดหน้าอก หน้าแดงเงยหน้าขึ้นมองศรัณย์ที่นั่งหน้าแดงไม่แพ้กัน วันเพ็ญลุกพรวดขึ้นด้วยความอาย แต่เมื่อสองมือสองแขนยังกอดตัวกลัวเต้าโผล่ให้ศรัณย์เห็นนั่น มันก็ไม่มีอะไรจะ ช่วยในการทรงตัว ร่างอวบ ๆ ที่ลุกขึ้นจึงเสียหลักหัวทิ่มไปข้างหน้าพุ่งเข้าใส่ศรัณย์ที่ไม่ทันตั้งตัว หน้าผากกลม ๆ กระแทกเข้าครึ่งปากครึ่งจมูกศรัณย์จนล้มหงายผึ่งไปด้วยกัน ร่างศรัณย์หงายหลังลงไปพร้อมกับร่างอวบอัดที่โถม ทับด้วยความสิ้นหวังที่จะยั้งตัว วันเพ็ญยกสองแขนขึ้นกุมหน้าปากด้วยความเจ็บปวดที่ซ้ำเข้ามาทั้ง ๆ ที่เธอยัง ระบมอยู่จากเหตุการณ์เมื่อคืน ศรัณย์ตวัดแขนโอบรัดร่างนั้นไว้ด้วยสัญชาติญาณทั้ง ๆ ที่ตนเองทั้งเจ็บทั้งมึน ปานโดนกระแทกด้วยหมัดลุ่น ๆ วันเพ็ญหน้าเบ้หลับตาปี๋ด้วยความเจ็บ พอ ๆ กับที่ศรัณย์เองก็หลับตาลิ้มรสเฝื่อน ฝาดของเลือดตนเอง สองหนุ่มสาวลืมตาขึ้นเจอสายตาของอีกฝ่ายอยู่ห่างแค่คืบ “อุ๊ย ปากแตกเลยค่ะ” “มะ ไม่เป็นไรครับ เจ็บไหมครับ” ศรัณย์ตะกุกตะกักเมื่อรู้สึกถึงเต้าอวบที่ทาบอยู่บนอกและร่างเต่งตึงที่ทับอยู่ เต็มตัวทำเอาเอ็นเนื้อของเขาแข็งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว วันเพ็ญเองด้วยความตกใจที่เห็นเลือดไหลออกจากปากชายหนุ่มก็ไม่ทันจะเอะใจ ละมือจากหน้าผากลงไปเช็ด เบา ๆ ดวงตาใสแป๋วจับอยู่ที่ปาก ลมหายใจหอมกรุ่นของเธอเป่าเข้าหน้าศรัณย์ “เจ็บเหมือนกัน คุณล่ะคะ อ่า..” ใบหน้าหญิงสาวแดงซ่านเมื่อรู้สึกได้ว่า อกอวบบดเบียดอยู่กับอกกว้าง ตัวของเธอ ทาบทับอยู่บนตัวเขาเต็มที่ อ้อมแขนแข็งแกร่งโอบรัดตัวเธอไว้อย่างมั่นคง และ เบื้องล่างนั้นเนินเนื้อสาวแน่นหนั่น ทาบทับของที่แข็งเป็นลำขึ้นมาจากส่วนล่างของศรัณย์ “อุ๊บ..” เสียงอุทานขาดหายเมื่อศรัณย์โอบรัดเธอแล้วใบหน้าของเขาก็ยื่นขึ้นมา ปากชนปาก แล้วเธอก็หน้ามืด อ่อนแรงวาบไปทั้งตัว ปากเขาที่ยกยื่นขึ้นแนบเบา ๆ ก็กลายเป็นประทับจูบ แขนแข้งแรงกอดรัดเธอแน่นเข้า ยามนี้ ต่อให้เขาไม่กอดเธอก็หมดแรงที่จะดิ้นรน มือที่พยายามยกยันตัวออกห่างหมดแรง กะปลกกะเปลี้ย ความรู้สึก วาบหวิวดื่มด่ำอย่างไม่เคยพบแล่นพล่านไปทั่วร่าง เธอบอกตัวเองให้ดิ้นรนให้หลุดออกจากอ้อมกอดนั้นแต่แขนเธอ กลับยกขึ้นโอบกอดเขา “ช่างน่าชังแขนตัวเองนัก อ้าว ทำไมฉันถึงจูบตอบเขาด้วย โอย จูบกันเป็นอย่างนี้นี่เอง มันช่างวาบหวิวซาบซ่าน จน.. จน.. หมดแรงจะต่อต้าน อูย เขาทำอะไรนะ อุ๊ย สอดลิ้นเข้ามา โอ๊ย นี่ฉันโดนไฟช๊อตเหรอเนี่ย ตายแล้ว เขาพลิกตัวแล้ว โหยย กอดเขาทำไมมันอบอุ่นจังหนอ อูย จูบกันทำไมมันทำให้ฉันหมดแรงขนาดนี้ มือเขาร้อน จังนะ โอย ฉันฉันบอกไม่ถูกแล้ว อยากให้เขาออกไป หรืออยากให้เขาจูบอยู่อย่างนี้กันแน่หนอ ว้าย มือ มือ....” อุ้งมือแข็งแรงสอดผ่านชายเสื้อขึ้นไปไล้ข้างเต้าแล้วสอดขึ้นกดอุ้งมือลงกับยอดถัน วันเพ็ญถอนหายใจขลุกขลักอยู่ กับปากของศรัณย์ที่ละเลียดชิมความหวานจากริมฝีปากอิ่ม แผ่นหลังราบเรียบหยัดยกสลับยุบหลบอุ้งมือหยาบที่ กดคลึงไปทั่วเต้าสาวของเธอ ลมหายใจหอมกรุ่นเป่ากระชากออกจากจมูกวันเพ็ญเฮือก ๆ ริมฝีปากศรัณย์ผละออก จากปากเธอแล้วไต่ลงไปที่แก้มนวลก่อนจะลดลงไปฝังลงกับลำคอขาวผ่อง ร่างอวบกระตุกเฮือกเมื่อชายหนุ่มจูบ ลงกับสันคอ “โอยยยย” เสียงวันเพ็ญแหบโหยเมื่อศรัณย์ประทับปากลงกับลำคอ ความอุ่นซ่านทำให้เธอต้องขยับตัวไปมา เหมือนดังจะอำนวยความสะดวกที่เขาค่อย ๆ ดันชายเสื้อยืดชุ่มเหงื่อนั้นสูงขึ้น สูงขึ้น จนเต้าอวบผ่องนวลพ้น ออกจากชายเสื้อ “ว้าย ตายแล้ว ตายแน่แล้ว ยายวันเพ็ญเอ๊ย เขาจูบหน้าอกแล้ว ว้าย ๆ ๆ อูย ทำไมเขาช่างทำได้ขนาดนี้นะ ทำไมมันถึงช่างเร้าอารมณ์ฉันได้ขนาดนี้นะ อู๊ยยยยย เขาทำอะไรกับหัวนมฉันเนี่ย มันถึงได้ซ่านไปถึงปลายเท้า ปานนั้น.. อืมม ทั้งซ้ายทั้งขวาแล้ว โฮยยย มันร้อน มันคัน มันผ่าว ๆ ไปทั่วทั้งตัวเลย นี่เขาจะพาฉันไปถึงไหนกันหนอ” ศรัณย์เคล้าหน้าเกลือเต้าอวบจนดิ้นไปมา ปากอ้างับดูดเม้มจะงอยถันจนลุกชันชี้ตั้งขึ้นรับปลายลิ้นที่ตวัดพลิ้ว อกอวบยกขึ้นพร้อมกับเรียวแขนโอบประคองศีรษะชายหนุ่มที่คลุกเคล้าอยู่กับหน้าอก มือข้างหนึ่งของศรัณย์เลื่อน มาป้วนเปี้ยนอยู่กับกระดุมกางเกงตัวหนานั่น แล้วสาบกางเกงก็เปิดออกตามกระดุมที่ถูกปลดออกจากรังดุม ทีละเม็ด ริมฝีปากจูบตอดระเรื่อยลงไต่เต้าอวบจนทั่วเต้าเต่ง แล้วพรมจูบละเรื่อยลงมานาวแนวกลางหน้า ท้องแบนราบพร้อมกับที่มือของเขาขยับดันกางเกงตัวใหญ่ค่อย ๆ หลุดลงไปตามสะโพกผายที่ขยับไปมา ไม่กี่อึดใจ เอวกางเกงตัวหลวมของเขาที่วันเพ็ญนุ่งอยู่นั้นก็พับม้วนลงไปอยู่ที่โคนขา เปิดทางให้สายตาของชายหนุ่มจับจ้อง ลงที่เนินเนื้อเกลี้ยงเนื้อนูนตั้งโหนกยกตัวขึ้นนั้นปราศจากเส้นขน เกลี้ยงเกลาผุดผ่องยั่วยวนใจ กลีบแคมเนื้อ ขาวนวลประกบปิดกันแนบสนิทเป็นเส้นลงมุดหายลงไปเบื้องล่าง ตรงร่องเนื้อนั้นวาววับด้วยหยาดน้ำใสปริ่มอาบ ไปทั้งร่อง “ตายแล้ว ยายเพ็ญ เขาถอดกางเกงเราไปแล้ว อี๋ย เห็นหมดเลยแล้วซี จะทำยังไงดีล่ะ ขนาดยายนุชยังบอกว่า ของเรามันแปลกที่ไม่มีขนเลย แล้วเขาจะว่าอย่างไรนี่ เมื่อคืนไอ้พวกนั้นที่เห็นนั่นมันก็ตายหมดแล้ว คราวนี้ เขามาเห็นแล้วมันจะเป็นอย่างไรเล่ายายเพ็ญเอ๋ย อูย ลมอะไรอุ่น ๆ มารดตรงนั้นะ อุ่นเลย ว๊าย หน้าเขา..” “ว๊าย..” วันเพ็ญอุทานเมื่อปากของชายหนุ่มประกบลงกับยอดกลีบที่รอยเนื้อมาประกบกันนั่น เอวกระตุกเมื่อ รู้สึกถึงปากชายหนุ่ม ยิ่งกระตุกจนสั่นเมื่อเขาจูบเม้ม แล้วก็สะท้านไหวยามที่เขาแทรกเรียวลิ้นลงมากลางกลีบ “โฮยยยย” เสียงอุทานปนออกมากับลมที่พ่นออกมาจากปากอิ่ม เมื่อปลายลิ้นศรัณย์สอดผ่านเข้าไปกระทบ โขดเนื้อปากถ้ำ เสียวซ่านวาบขึ้นไปทั้งตัว ยิ่งเมื่อปลายลิ้นตวัดโลมโขดเนื้อชิ้นนั้นด้วยแล้ว สะโพกวันเพ็ญก็ยกขึ้น ลอยคว้างปลายลิ้นตวัดน้ำฉ่ำเกลี่ยไล้ไปทั่ว ปากที่พ่นลมกลับหุบเม้ม ฟันขาว ๆ กัดขบจนแน่น สองมือขยุ้มลง ตรงหน้าขาที่เสียวซ่านเพียงเพื่อจะตะปบขยุ้มลงกับศีรษะของศรัณย์แล้วขยับยึกยัก จะกดลงก็สุดเสียว จะดึงออก ก็สุดกำลังจะทำได้ “โอย โอย ยายเพ็ญ ยายเพ็ญ เอ๋ย ทำไมมือเรามันถึงคอยจะกดหัวเขาให้แนบตรงนั้นเสียจริง ดึงออกซิเจ้ามือ ของชั้น ฮือ มันช่าง เสียว ช่างดี อะไร อย่าง นี้ นะ มิน่า ยายนุชถึงชอบ เอ๊ะ นี่เราจะเป็นอย่างยายนุชอีกคนหรือ แต่ก็ นะ ดีจังนะ อูย ตายแล้ว ไม่ไหวแล้วนะ” “อูยย.. ตายแล้ว ไม่ไหวแล้วค่ะ โฮยยย” สะโพกกลมกลึงยกยันเร่า ๆ เข้าหาปากและลิ้นของศรัณย์ เสียงร้อง ขาดหายลงไปในลำคอ ร่างอวบอัดเกร็งหยัดจนแอ่นโค้ง ปลายลิ้นของศรัณย์สัมผัสอาการกระตุกขมิบของมัน ยามที่กวาดหยาดน้ำหวานปนคาวนั้นเข้าปาก กลีบแคมนั้นยกย้ายส่ายไหวเหมือนจะหลบ เหมือนจะยั่วให้ศรัณย์ ไล่ลิ้นตามติดตวัดโลมเลียก่อนที่จะประกบปากลงกับช่องถ้ำเนื้อฉ่ำแล้วแทรกปลายลิ้นแหย่ผ่านปากถ้ำเข้าไป “อ๊ายยย๊ายยซซซซซ” ร่างอวบนั่นเกร็งขึ้นจนสะท้าน สองมือขยุ้มหัวเขากดขยี้ลงกับกลีบแคมพลางสะโพกงามส่าย บดคลึงมันกับปากของเขา ศรัณย์เกร็งลิ้นฉกวาบ ๆ ร่างงามก็สั่นกระตุกยวบ ๆ ยามที่ปลายลิ้นเขาฉกผ่านปากถ้ำ “ฮืออออยยยยย” วันเพ็ญครางแอ่นกระตุก แล้วหมดแรงปล่อยร่างอวบลงนอนกับพื้นห้อง หายใจหอบจนตัวโยน เต้าอวบกระเพื่อมยวบ ๆ สองแขนปลดปล่อยศีรษะของศรัณย์แล้วตกลงแผ่กางออกอย่างหมดแรง “โอย เหนื่อยจัง เมื่อกี้เราเป็นอะไรนะ เหมือนตกจากหน้าผามางั้น ทั้งหวิว ทั้งเสียว หมดแรงแล้วเรา นะเพ็ญเอ๋ย เรี่ยวแรงมันไปไหนหมดนะ อืมม ทำไมอึดอัดนะ หรือว่าโดนผีอำอย่างที่เขาพูดกัน อืมม อุ่นดีจังนะ ผีอำเนี่ย..” วันเพ็ญปรือตาโรยแรงขึ้นพบกับสายตาคมของศรัณย์ที่จ้องเข้ามา ร่างแข็งแรงนั่นทาบทับลงมาเต็มตัวเรือนร่างอัน แข็งแรงแผ่ความอบอุ่นซ่านผ่านผิวกายของเธอ ใบหน้าของเขาก้มลงประทับจูบ เธอจูบตอบเขาด้วยใจรัญจวน แขนผ่องเรียวยกสอดลอดใต้แขนทั้งคู่นั่นขึ้นไปวางบนหลังของเขา ใจสะท้านวาบเมื่อรู้สึกถึงความแข็งแกร่ง อย่างหนึ่งที่ประทับลงตรงความสาว “โอย ยายเพ็ญ แย่แน่แล้ว เขาทำแล้ว เขารุกล้ำเข้ามาแล้วนั่น ช่างอึดอัดเสียจริงหนอ โอ้ โอย เจ็บนะ เจ็บแปลบ ตรงนั้นนะ อูย ให้เขาหยุดดีไหมนะ เขารุกล้ำเข้ามาใหญ่แล้ว โอย ตาย ๆ ไหนยายนุชบอกว่ามีความสุขแล้วนี่ทำไม มันถึงเจ็บเล่านี่ ...” ร่างนวลอวบนั่นเกร็งตัวแข็งยามที่แก่นกายของศรัณย์เคลื่อนตัวเข้ามาอย่างช้า ๆ แก่นเนื้อแข็งปักหัวลงเปิดปากถ้ำ ให้เผยอกว้างออกทีละน้อยปล่อยให้มันมุดผ่านเข้าไปทีละนิด ศรัณย์จูบแก้มนวลอย่างแผ่วเบา สายตาจับจ้อง ใบหน้าสวยกลมคมขำที่เหยเกส่ายไปมาด้วยความรู้สึกของเจ้าของ ปากจิ้มลิ้มนั้นเดี๋ยวก็เม้ม เดี๋ยวก็เป่าลม เดี๋ยวก็กัดฟัน มือนุ่มที่วางอยู่บนหลังนั้นก็กด บีบ ขยุ้ม จิกหลังเขาสลับไปมา ศรัณย์สอดมือเข้าทาบเต้าอวบนุ่ม คลึงฝ่ามือหยาบลงกับพวงเนื้อนวลยามที่เขาขยับดันแก่นกายรุกคืบเดินหน้า “โอ๊ย เจ็บนะนี่ เจ็บจัง ใครมาฉีกตัวฉันหรือ โอ๊ย...” ใบหน้าวันเพ็ญแหงนเชิดกัดฟันกรอด นิ้วมือขยุ้มหลังศรัณย์จิกกำ สองขาถ่างออกจนสุดที่ ร่างอวบเกร็งแน่น โพรงเนื้อบีบรัดแก่นกายของศรัณย์เป็นจังหวะ ชายหนุ่มจูบคลอเคลียแก้ม คาง ลำคอผ่อง ก่อนจะไต่ขึ้นไปจูบ หน้าผาก ลิ้มรสเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ที่ผุดขึ้นมาพราว แล้วค่อย ๆ วางริมฝีปากลงบนเปลือกตาที่ปิดแน่น รอจนร่าง ขาวผ่องนั่นหยุดสั่นและคลายอาการเกร็งจึงขยับเขยื้อน “อึ..ๆ ๆ ” เสียงสั้น ๆ ดังอยู่ในลำคอเมื่อแก่นกายเขาขยับเดินหน้าเบา ๆ ลึกเข้าไปเรื่อย ๆ ปากจิ้มลิ้มห่อเป่าลม ปะทะใบหน้าเขาเป็นจังหวะ แก่นกายเขาค่อย ๆ คืบเข้าไปในร่างนวลนั้นทีละนิด ทีละนิด จนกระทั่ง “โอย.. เจ็บ แน่นจัง อืมม มันเข้ามาแล้ว เขาเข้ามาในตัวเราแล้ว อูย ไอ้เจ้าน้องน้อยนี่ก็เต้นอยู่ได้ ไม่เห็นแก่หน้า แม่เลยอูย มันบอกไม่ถูกเลยนะ เต็มจัง ตัวเขานี่อุ่นดีจังน่ากอดนาน ๆ ดูซิของเขามันเต้นตุบ ๆ ด้วย อา.. แปลกพิลึก..” ดวงตาคู่งามปรือลืมขึ้นพบกับสายตาของศรัณย์ที่จ้องจับอยู่ เขาจูบอีกครั้ง “อูย เขาถอยไปแล้ว อืม เสียวจัง ว้าย เข้ามาอีกแล้ว อืมม คันยิบ ๆ ตรงนั้นจังเลย อูย เขาส่ายด้วย มันคว้านเราจน โหยยย เสียวไปทั้งตัว อุ๊ย เสียวจัง ของเขามันทำได้ขนาดนี้เลยรึนี่ อืมม ช่างเสียวไปจนสุดใจเสียจริง โอย มันอะไร กันนี่ถึงได้เสียวซ่านเสียเหลือเกิน มันถอยออกไปอีกแล้ว ช้า ๆ โหยยย จะลากไปถึงไหนกัน อื๊มมมม เข้ามาอีกแล้ว ทรมานจังเลย เสียวจัง อูย อูย อูย” แก่นกายศรัณย์เริ่มขยับตัวเข้าออกโพรงเนื้อคับแน่นของวันเพ็ญ ยามถอยมันก็ครูดดึงกลีบแคมชิ้นเล็กแบะตาม ออกมาพร้อมด้วยหยาดน้ำใสลื่นที่เกาะแก่นเนื้อชโลมมันจนลื่น ยามเข้ามันก็กดกลีบย่นยู่มุดตามลำเอ็นขรุขระไป ช้า ๆ ท่อนเอ็นแข็งแกร่งเริ่มจับจังหวะมุดเข้าจนสุดกั่นแล้วส่ายควงจนปลายของมันควานก้นถ้ำเนื้อ สะโพกนวล ของวันเพ็ญเริ่มขยับไหวส่ายยกตอบโต้ศรัณย์อย่างช้า ๆ เมื่อความเจ็บคลายหายไป เปิดทางให้ความสุขหฤหรรษ์ เริ่มแผ่ซ่าน ศรัณย์กอดร่างอวบนั้นอย่างทะนุถนอมย่างดันเอวกระเด้าเชื่องช้าดื่มด่ำกับความรู้สึกยามที่ท่อนเนื้อ ขยับเขยื้อนเคลื่อนเข้าออก แขนเรียวงามนั้นกอดรัดเขา ดวงตาคู่งามปรือจ้องตอบฉ่ำเยิ้มไปด้วยอารมณ์สุข สะโพกกลมยกยันอย่างเข้าจังหวะเป็นธรรมชาติยิ่งนัก ความเสียวพุ่งพล่านไปทั้งร่างเมื่อโพรงเนื้อของวันเพ็ญ บีบรัดท่อนเอ็นอยู่หมุบหมับ จังหวะเคลื่อนกายจึงเริ่มเร่งเร้ากระชั้นถี่ขึ้นและเพิ่มแรงดันท่อนเอ็นมุดเข้าไปจน แนบสนิท สองหนุ่มสาวควานหาปากซึ่งกันและกันแล้วประกบแนบแน่น เสียงคราง เสียงสูดปากจึงลดลงเหลือ อยู่เพียงในลำคอ ไม่ถึงอึดใจร่างทั้งสองก็เหมือนกับศัตรูคู่อาฆาตที่เผ่นโผนโจนทะยานเข้าห้ำหั่นกันดังจะให้ สิ้นชีพไปเสียฝ่ายหนึ่ง ร่างแข็งแรงบดขยี้แก่นเนื้อเข้าใส่ร่างอวบนวลหนักแน่นจนร่างนั้นสะเทือนไหว แต่ร่างนั้น ก็ขยับตัวเข้าปะทะอย่างไม่ยอมแพ้แก่กัน จนหน้าเนินของทั้งสองประกบประทับเข้าแนบแน่น เสียงเนื้อต่อเนื้อ ดังขึ้นจนระงมยามที่ศรัณย์เร่งเร้าจังหวะโหม ปากถ้ำนวลฉ่ำแฉะไปด้วยน้ำใสที่รินหลั่งออกมาชโลมไม่ขาดสาย “โอย โอย ฉันคุมตัวไม่อยู่แล้ว มันช่างมีความสุขมากมายนัก โหยยย เขาช่างแข็งแรงเสียจริง ยามที่รุกเข้ามานั้น ช่างหนักแน่นจนสาแก่ใจ ทำไมฉันถึงได้รู้สึกเช่นนั้นได้หนอ โอย มันเสียวจนหมดไปทั้งตัวแล้ว โหยยย ทำไมมัน ถึงรู้สึกเหมือนใครมาดึงฉันลอยละลิ่วเช่นนี้ ...โอย ว้าย...” “โหอย ว้าย..” ร่างอวบของวันเพ็ญแอ่นหยัดขึ้นจนลอยพ้นพื้นยามที่ความสุขทะยานขึ้นจนเต็มตัว สองแขนกอดรัด ร่างศรัณญ์ดึงเข้าหาตัวแนบแน่น พร้อมกับเรียวขาที่ยกขึ้นเกี่ยวกระหวัดรักท่อนขาเขาไว้ สะโพกกลมยกกระดก เป็นจังหวะกระชั้นถี่ ร่างอวบเกร็งจนเหมือนสั่น ใบหน้าเชิดหงาย กลั้นเสียงกรีดจนเหลือแต่เสียงครางในลำคอผ่อง “อึ๊มมมม กรรร” ศรัณย์ขบกรามจนแน่น เกร็งเอวดันแก่นเนื้อกระทั้นเข้าใส่อีกสองสามครั้งแล้วกดแน่น สองแขน แข็งแรงกอดร่างอวบเข้าแนบตัว เอวกดท่อนเอ็นจมเข้าในร่างอวบจนมิดกั่น หยาดน้ำอุ่นฉีดทะลักออกจากท่อนเนื้อ พุ่งเข้าในร่างอวบจนอุ่นวาบ “อี๊ยยยยย” วันเพ็ญร้องครางอีกครั้ง ร่างามเกร็งกระตุกยามที่น้ำรักอุ่นร้อนฉีดพุ่งเข้ามาเป็นสาย ๆ เติมเต็มโพรงถ้ำ ของเธอจนล้นทะลัก สองมือเกร็งจิกหลังศรัณย์แน่นด้วยความเสียวสุดชีวิตสาว ทั้งสองคนไม่รับรู้ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไร เพียงแต่ดื่มด่ำกับความรักที่ป้อนและรับแก่กันนั่นจนร่างทั้งสองฟุบลง หอบหายใจตัวโยนทั้งคู่ หยาดน้ำรักขาวข้นไหลเยิ้มออกมาจากโพรงเนื้อแทรกออกมาตามขอบที่แก่นเนื้อจมเข้าไป เยิ้มย้อยลงสู่พื้น หนุ่มสาวตะกองกอดร่างอันอบอุ่นของกันและกัน ริมฝีปากแตะกันเบา ๆ สองสายตาที่จับจ้องกัน เปี่ยมด้วยความรักความซาบซึ้ง ตี๊ดดดด ตี๊ดดดดด เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำเอาสองคนสะดุ้งเฮือก ศรัณย์หันมองหาที่มาของเสียงพอเจอเข้าก็เสือกตัวไปหยิบกางเกง ที่กองอยู่ข้าง ๆ มาล้วงเอาโทรศัพท์เคลื่อนที่ออกมาจากกระเป๋าอย่างร้อนรน วันเพ็ญสะดุ้งเฮือก ๆ เพราะ หนุ่มศรัณย์เล่นขยับตัวไปมาทั้ง ๆ ที่ยังสอดแก่นเนื้อคาไว้ในร่างเธอ ยามที่เขาขยับตัวนั่น มันทำเอาเจ้าท่อนเอ็น ที่ฝังคาอยู่นั้นตื่นตัวขึ้นมาจนเต็มร่องรูเนื้อโยนีเธอขึ้นมาอีก วันเพ็ญต้องยกมือขึ้นรัดร่างศรัณย์ไว้ด้วยความเสียว คิ้วเรียวขมวด ปากห่อกลั้นใจค่อย ๆ ปล่อยลมเบา ๆ ด้วยกลัวเสียงจะดังเข้าไปในโทรศัพท์ที่ศรัณย์กดปุ่มรับสาย แล้วกดเปิดลำโพง “เฮ้ย รัณย์ เป็นไงกันบ้าง พี่อยู่ที่ตลาดแล้ว เอาอะไรไหม” เสียงชาติชายปนด้วยเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจ “เอ่อ สบายดีครับพี่ เอ่อ” ศรัณย์หยุดไปนิดหนึ่ง “พี่ซื้อของกินเข้ามาเลยเถอะพี่ จะได้ไม่ต้องมานั่งทำ” “เออ ก็ว่างั้นแหละ นี่น้องก้อยกำลังซื้ออยู่แล้ว เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว อย่างอื่นเอาไหม” “ไม่มีอะไรแล้วครับ” ศรัณย์ตอบก้มลงสานสายตาที่เบิ่งกว้างของวันเพ็ญที่นอนอยู่ในอ้อมกอด “งั้นเดี๋ยวเจอกัน อ้อ คุณเพ็ญเป็นไงบ้าง” วันเพ็ญยกมือขึ้นปิดปากนัยน์ตาเต้นริก ๆ โพรงเนื้อขมิบวาบ ๆ ด้วย ความตื่นเต้น จ้องตาศรัณย์นิ่ง “เอ่อ อ่า อยู่ในห้องน้ำครับพี่ ก็ เอ่อ ไม่เป็นไรนี่ครับ” ศรัณย์ตะกุกตะกัก หน้าแดงจนวันเพ็ญยิ้มอยู่ในที “โอเค งั้นเดี๋ยวเจอกัน” เสียงโทรศัพท์ขาดหายไป ศรัณย์ก้มลงมองวันเพ็ญที่ต่างเบิกตาด้วยความตกใจ “กำลังมากันแล้ว” “ก็ลุกซีคะ ไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวสองคนก็มาหรอก” “จริงของคุณเพ็ญ” ศรัณย์ขยับตัวถอนแก่นกายออกช้า ๆ “อูยยยยย” วันเพ็ญนิ่วหน้าเมื่อท่อนเอ็นแข็งเลื่อนถอยหัวถอกระโพรงเนื้อไปจนหลุดออกไปข้างนอก ความรู้สึก ของเธอยามนี้มันเหมือนว่าง ๆ โล่ง ๆ พิกล ศรัณย์ก้มลงมองท่อนเนื้อตัวเองแล้วหยุดตะลึง นอกจากครบเมือกใส คราบน้ำรักขุ่นขาวที่เกาะรอบเอ็นแท่งอวบ นั่นแล้ว ยังปนด้วยคราบสีแดงอยู่เกือบทั่วลำเอ็น ศรัณย์เงยหน้าขึ้นมองวันเพ็ญที่ยกมือปิดปากสบตาเขา “คุณเพ็ญ” คำถามหายไปในลำคอเมื่อเธอพยักหน้าช้า ๆ มือกดพื้นดันร่างขึ้นยกแขนอีกข้างเหนี่ยวคอศรัณย์ “คุณเป็นคนแรกค่ะ” วันเพ็ญบอกเบา ๆ “ไปเถอะเร็ว ๆ เดี๋ยวสองคนนั่นมากันพอดี” สองคนกระวีกระวาดลุกขึ้น ศรัณย์คว้าเสื้อผ้าเผ่นโผนลงไปข้างล่าง ขณะที่วันเพ็ญก็คว้าเสื้อผ้าที่ศรัณย์กองไว้ วิ่งโหย่ง ๆ ไปเข้าห้องน้ำเช่นกัน ดังนั้น ยามที่ชาติชายกับปานเรขาเดินเข้ามาในตัวบ้านจึงเห็นศรัณย์กับวันเพ็ญนั่งจ้องโทรทัศน์กันสองคน แก้มของ ทั้งคู่แดงเรื่อ ๆ ชาติชายขมวดคิ้วอย่างผิดสังเกต แต่ก็นึกไม่ออก เดินเลยไปห้องเตรียมอาหาร ศรัณย์กับวันเพ็ญ หันไปสบตากันยิ้มให้กันอย่างอ่อนระโหย

With No Remorse Chapter 21

With No Remorse Chapter 21 “ตามที่สายข่าวแจ้งมา งูใหญ่ เริ่มกว้านมือปืนขึ้นมาจากภาคกลางเพื่อเข้ามาทดแทนคนเก่าที่โดนกวาดล้างไปเมื่อ คราวก่อน มีอดีตจ่าตำรวจเป็นหัวหน้า ขณะนี้รวบรวมได้ประมาณหกถึงสิบคน รวมกลุ่มอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ รอยต่อเชียงใหม่เชียงราย ตัวงูใหญ่มีจ่าตำรวจคนนี้อยู่ใกล้ชิดตัวตลอดเวลา มังกรตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหว แต่คาดว่าหลังจากที่เราทลายแหล่งเก็บของมันไปเมื่อวานซืนนี้แล้ว จะต้องมีการรวบรวมของลงไปเพิ่มเติมแน่นอน เส้นทางคาดว่าจะมาทางเดิมค่ะท่าน ความต้องการของหน่วยเหนือคืออยากให้ทางนี้ขัดขวางเส้นทางลำเลียงต่อไป ส่วนการจัดการงูใหญ่นั้นแล้วแต่ท่าน สำหรับมังกรเรากำลังรวบรวมหลักฐาน แต่เท่าที่ผ่านมาการหาหลักฐาน เชื่อมโยงกับมังกรยากมาก แม้กระทั่งที่เราเข้าทลายแหล่งเก็บของมันไปนั่น ก็ไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงกับมังกรค่ะ ดิฉันขอสรุปเพิ่มเติมแค่นี้ค่ะ ขอบพระคุณค่ะท่าน” เจ้าหน้าที่ ปปส.สาวกล่าวจบแล้วนั่งลงจับตามองการุณย์ที่นั่ง ครุ่นคิดอยู่ที่หัวโต๊ะ “ขอบคุณ คุณ อ่า..” “วันเพ็ญค่ะ” “คุณวันเพ็ญ ขออภัยที่ยังจำชื่อไม่ได้นะครับ” การุณย์พูดพร้อมกับยิ้มให้อย่างจริงใจ “วุฒิ ว่าไง” “ช่วงนี้เงียบอยู่ครับ ตั้งแต่ที่เราทลายโรงผลิตกับเซฟเฮ้าส์ไปแล้วนั่น แต่ตามที่เด็กผมออกไปดูมานั่น มีสิ่งบอกเหตุ ว่ามีการสะสมยาเสพติดอีกจำนวนมากตามแนวชายแดน ที่น่าสนใจคือ คราวนี้มันแบ่งย่อยออกเป็นสองส่วนครับ ส่วนแรกอยู่ตอนเหนือตามเส้นทางเดิม” วรวุฒิลุกขึ้นยกไม้ชี้ไล่ไปตามแนวสันเขาบนแผนที่ที่ติดไว้บนผนังบ้าน ”ส่วนที่สองลงมาอยู่บริเวณนี้ ซึ่งอาจจะถ่ายเทเข้ามาทางแม่สอด หรืออาจจะเป็นปาย ก็เป็นได้ ตอนนี้คนของผม ฝังตัวจับตาดูอยู่แล้วครับ ถ้ามีความเคลื่อนไหวก็จะทราบได้ทันที” “สรุปว่าตอนนี้มันนิ่งอยู่ เราก็พอจะหายใจหายคอกันได้บ้าง” การุณย์สรุป “เอาว่าตอนนี้ส่งคนออกไปดูเส้นทาง ไว้ก่อน ถ้ามีความเคลื่อนไหวแล้วรายงานด่วนเลย ทุกคนเตรียมพร้อมตลอดเวลา ผมตกลงกับ ปปส. ไว้แล้วว่า ช่วงนี้จะไม่ยอมให้ยาผ่านเราไปได้ สำหรับเสี่ยกิมเล้งนั่นตอนนี้คงจัดการยากหน่อย หรือไงชาติชาย” “ถ้าไฟเขียวก็จัดการได้เลยครับ” ชาติชายตอบเรียบ ๆ ทำเอาวันเพ็ญหันมามอง “เท่าที่คุยกันนี่ เสี่ยกิมเล้งมีจ่าชดนั่น ติดตามอยู่คนเดียว พวกลูกน้องยังไม่ขึ้นมาให้เอิกเกริก ยากหน่อยก็ตรงที่ตอนนี้มันเก็บตัวเงียบ แต่ไม่เป็นปัญหา ครับ จัดการได้” “ทาง ปปส. อยากได้หลักฐานเชื่อมโยงไปที่มังกรนั่นด้วย ไม่งั้นก็สวย” การุณย์พูดเหมือนรำพึง “ถ้าจะจัดการทั้งสองก็ได้ครับ” ชาติชายบอก “ผมกับนายรัณย์สองคนได้เลยครับ” “คือทาง ผอ ออ ปปส. ต้องการจับมังกรให้ได้เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายค่ะ” “ฮึ” เสียงล่มดังออกมาจากจมูกของศรัณย์ “มีอะไรหรือคะ” ใบหน้ากลม ๆ ของวันเพ็ญหันขวับ ศรัณย์ยักไหล่ “มีอะไรก็พูดมาได้ค่ะ” “เอาน่า ไม่มีอะไร เอาเป็นว่า ตอนนี้เอาอย่างที่ว่า ผมต้องการข่าวเพิ่มเติม เพื่อวางแผนต่อ ใครได้อะไรมาก็ส่งให้วุฒิ รวบรวมส่งมาให้ผม” การุณย์มองสองหนุ่มสาวที่ทำท่าจะไม่กินเส้นกัน “คุณวันเพ็ญพักที่ไหนครับ” “หนูบุ๊คโรงแรมไว้แล้วค่ะ ขอแค่รถไปส่งเท่านั้นก็พอ ค่ะท่าน” “งั้นตกลง เดี๋ยววุฒิจัดการหน่อยแล้วกัน จันทร์หน้าประชุมกันอีกครั้ง” การุณย์ลุกขึ้นรับความเคารพจากคนที่รวมตัว อยู่ในห้องก่อนเดินออกจากห้องไป วันเพ็ญลุกขึ้นรวบเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ แต่สายตาจับอยู่ที่ศรัณย์ที่นั่งเงียบ ๆ ฟังชาติชายที่เอนตัวมากระซิบ สั่งความแล้วลุกขึ้น “คุณวันเพ็ญ ผมให้ลูกน้องเตรียมรถไว้แล้วนะครับ จอดรอหน้าบ้านนี่แหละ จะไปไหนก็บอกจ่าเอกชัยคนขับได้เลย ไม่ต้องเกรงใจนะครับ” วรวุฒิบอกเรียบ ๆ แล้วเดินออกไปพร้อมกับชาติชาย ศรุณย์ลุกขึ้นยืนแล้วหันตัวเตรียมจะ ตามชาติชายไป “เมื่อกี้มีอะไรหรือคะ” เสียงใส ๆ ที่ดังขึ้นลอย ๆ ทำศรัณย์หยุด “ไม่มีอะไรหรอกครับ เรื่องส่วนตัวนิด ๆ หน่อย ๆ” “ดิฉันไปทำอะไรคุณหรือคะ” “เปล่าหรอกครับ” ศรัณย์ย่นจมูก “ไม่มีอะไรหรอกครับ บ้านเมืองมีกฎหมาย สบายใจเถอะครับ” ศรัณย์พูดจบแล้วเดินยิ้มออกไปจากห้องปล่อยให้วันเพ็ญยืนมอง ................. วันเพ็ญยืนมองผ่านหน้าต่างของโรงแรมออกไปยังทัศนียภาพข้างนอก การที่ห้องพักของเธออยู่ถึงชั้นสิบสองนี่ก็ ทำให้เธอสามารถมองเมืองเชียงใหม่ได้เกือบทั้งเมือง เบื้องล่างลิบ ๆ นั่น บนถนนสายที่ไขว้ไปมา รถสี่ล้อสีแดง สัญลักษณ์ประจำเมืองวิ่งขวักไขว่ บนรถมีชาวบ้านทั้งชายหญิง ทั้งผู้ใหญ่และเด็กนักเรียน เธอมองพลางถอนหายใจ คนเรานี่ไม่ได้รู้เลยว่าเงาอุบาทว์ของยาเสพติดนั้นมันแผ่ครอบคลุมเมืองไปมากมายเพียงใด เมื่อสองวันก่อนที่เธอ กับเพื่อน ๆ เข้าทลายแหล่งซุกซ่อนยาเสพติดนั้น จำนวนยานับเป็นแสนเม็ดที่จับค้นมาได้นั่น ถ้าเล็ดรอดออกไป จะมอมเมาประชานชนและวัยรุ่นไทยไปอีกเท่าใด มือยกโทรศัพท์แนบหูฟังเสียงจากอีกฝั่งหนึ่ง “ไม่มีอะไรมั๊งยายเพ็ญ แกก็หาเรื่องเขาไปหรือเปล่า” “เปล่านี่ นุช ชั้นก็พูดไปตามปกติแหละ ความจริงก็หมั่นไส้แต่แรกแล้วนะ หมอนั่นน่ะ ทำนั่งกอดอกเงียบ ๆ” “แล้วจะให้เขาทำอะไรวะ” ก็นั่งเงียบ ๆ ไปซี ท่าทางคงจะเป้นพวกลิ่วล้อแหละ ไม่รู้จะให้เข้ามาประชุมทำไม” “ไม่หรอกมั๊ง พ่อบอกว่าพวกที่จะเข้าประชุม โดยเฉพาะทีมผู้การการุณย์นี่ มือท๊อป ๆ ทั้งนั้นแหละ” “ไม่รู้ว่ะ ชั้นว่าหน้าอ่อน ๆ แหละ ไม่น่าเท่าไหร่” “หล่อละซี” เสียงเพื่อนทำเสียงล้อเลียน “ก้อ โอเคว่ะ หน้าตาน่ากินดี ฮ่า ฮ่า” “แกเหรอจะกล้า อย่ามาพูดเลย นี่เดี๋ยวแกจะทำอะไรวะ ฝากซื้อขนมมาด้วยนะ” “เดี๋ยวอาบน้ำแล้วจะไปซื้อให้โว้ย แค่นี้นะนุช” พอปลายสายกดวางหู วันเพ็ญก็วางโทรศัพท์ลง สองมือปลดปล่อย ร่างกายออกจากความรัดรึงของเสื้อผ้า เสื้อเชิ้ตแขนสั้นปลิวลงไปตกบนที่นอนตามเสื้อชั้นนอก ก่อนที่กางเกงขายาว จะปลิวลงไปทับ ชิ้นต่อมาคือเสื้อในสีนวลกับกางเกงในตัวจิ๋ว วันพ็ญยืนมองกระจกเงาที่ส่องภาพสาวผมสั้นยืน ร่างเปล่าเปลือยจ้องตอบออกมา เรือนร่างอวบอัดไปด้วยกล้ามเนื้อ เต้าอวบตั้งเป็นกระเปาะประดับป้านเนื้อสีดำ จุกนมตั้งชันเป็นก้อนด้วยลมเย็น ๆ จากเครื่องปรับอากาศ เอวคอดกิ่วลงไปยังสะโพกผาย หน้าขาเกลี้ยงเกลาไร้ เส้นขนปกปิดกลีบเนินที่นูนขึ้นแผ่กว้าง เธอลูบไล้เนื้อตัวที่ปราศจากเสื้อผ้า “น่าอิจฉายายนุชจังเนอะวันเพ็ญ ตัวเธอยังไม่มีใครมาเจาะมาไชซะที เอ้อ อาบน้ำ ไปกินข้าวดีกว่านะ ชักจะฟุ้งซ่าน” เธอพูดกับตัวเองก่อนเดินเข้าห้องน้ำ ก้าวลงอ่างอาบน้ำแล้วเปิดก๊อกให้น้ำสาดสายลงมารดร่างกาย ท้องก็อิ่มเรียบร้อยด้วยอาหารพื้นเมืองในละแวกโรงแรมนั่น ของฝากก็เรียบร้อยหิ้วมาสำหรับทุก ๆ คน มันจะได้ไม่ ต้องมากระแนะกระแหนว่าเราไปเที่ยวมา วันเพ็ญหิ้วถุงใส่ของสองถุงใหญ่ ๆ เดินกลับโรงแรม ตอนที่ผ่านห้องโถง ของโรงแรมนั่น เธอกวาดสายตาไปมามองเห็นเหมือนมีคนหน้าคุ้น ๆ แต่พอมองกวาดไปอีกครั้งก็กลับไม่เจอใคร ที่พอจะเรียกได้ว่าคุ้น วันเพ็ญยักไหล่กับสายตาตัวเองแล้วกดลิฟท์ ตอนที่บานประตูกำลังจะปิดนั่นเองที่มีมือแทรก เข้ามาจับไว้จนมันเปิดออกอีกครั้ง วันเพ็ญเงยหน้าขึ้นมอง “อ้าว ไชยา มาไง” วันเพ็ญร้องทักเพื่อนชายที่ผลุบตัวเข้ามาในลิฟท์ ชายหนุ่มอีกสองคนตามเข้ามาติด ๆ “นั่งเครื่องมา” คนที่วันเพ็ญทักตอบสั้น ๆ “มีอะไรละ” วันเพ็ญยังยิ้มเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มนั่นคือเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในสำนักงาน ปปส. เธอเคยพบเขามาก็ หลายครั้ง แต่ไชยานี่ทำงานเอกสารไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ปราบปรามเหมือนเธอ “มาธุระ วันเพ็ญล่ะ” “มีงานน่ะ ผอ ออ ให้มา แล้วนี่เธอจะกลับเมื่อไรล่ะ เรากลับพรุ่งนี้” ประตูลิฟท์เปิดออก วันเพ็ญขยับตัวก้าวออก “พักห้องไหนล่ะไชยา” “ชั้นนี้แหละ” คำตอบยังคงสั้น ๆ พร้อมกับก้าวเดินตามออกมา ผู้ชายสองคนนั่นตามมาด้วย “ตกลงเธอกลับเมื่อไรล่ะ เผื่อกลับพร้อมกันจะได้คุยกันไง” วันเพ็ญวางถุงลงหน้าประตูห้อง ล้วงมือลงไปหยิบ กุญแจห้องขึ้นมาถือ “นั่นเพื่อนเธอเหรอ” “เราก็มาคุยกับเธอนี่แหละ” วันเพ็ญหันมามองหน้าเพื่อน มือที่จับลูกบิดประตูห้องหยุดชะงักเมื่อสายตามองเห็น ปากลำกล้องปืนกลวง ๆ ชี้ตรงมาที่ใบหน้า หนึ่งในผู้ชายสองคนเอื้อมมือมาเปิดประตูพร้อมกับที่ไชยาผลักเธอเซหลุน ๆ เข้าห้อง มือที่แข็งแรงจับต้นแขนเธอ แน่น วันเพ็ญหยุดค้างเซไปตามแรงดันเพราะปากกระบอกปืน “อะไรเนี่ย” เธอร้องถามเมื่อบานประตูปิดลง “เธอขึ้นมาประชุมกับพวกผู้การการุณย์ล่ะซี” มือที่กำท่อนแขนลากเธอไปที่เก้าอี้แล้วผลักให้ลงนั่ง ลูกสมุนของมัน ปราดไปมองซ้ายขวาที่หน้าต่างก่อนจะรูดม่านปิดแล้วยืนอยู่ตรงนั้น อีกคนเปิดประตูห้องน้ำยื่นหน้าเข้าไปมอง แล้วออกมายืนคุมประตูห้อง “ไม่ใช่เรื่องแผนกเธอนี่ไชยา” สองตาของวันเพ็ญกวาดไปมา ปืนพกอยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้าแต่มันก็อยู่ในตู้ไกลจน เกินกว่าจะทำอะไร ในห้องก็ไม่มีอะไรพอที่จะใช้งานได้ อย่าว่าแต่พวกมันมีกันถึงสามคน “ก็ไม่ใช่เรื่องของแผนก แต่มันเป็นเรื่องของชั้นเอง” ไชยาถอยออกไปแต่ยังคุมให้ปลายกระบอกปืนชี้มายังเธออยู่ “หมายความว่าไง” “หมายความว่า พวกมันเตรียมทำอะไรต่อ แล้วพวกมันมีใครบ้าง” “เธอจะรู้ไปทำไม” ไชยาเดินเข้ามาหาเธอช้า ๆ ยิ้มยียวนพร้อมกับกระดกปลายลำกล้องปืน พอมันมายืนประจันหน้าเธอมันก็หันไปมอง ไอ้คนที่ยืนอยู่ที่หน้าต่าง “เฮ้ย มันถามว่ากูจะรู้ไปทำไม” มันจบคำพูดกับหมอนั่นด้วยเสียงหัวเราะ หันหน้ามามองเธอ “เธอคายมาดีกว่านะ วันเพ็ญ อย่าให้เสียเวลาชั้น” “เธออยู่ฝ่ายธุรการ ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้นี่” ไชยาทำปากยื่น ทำคอตกทิ้งปืนห้อยลงข้างตัว เผี๊ยะ.. มืออีกข้างตวัดวูบขึ้นมาหลังมือกระทบแก้มวันเพ็ญจนดังลั่น “อุ๊บ..” วันเพ็ญอุทานก่อนจะหน้าสะบัดไปตามแรงมือ ร่างหมุนตกลงจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ แก้มข้างนั้นร้อนฉ่าด้วย ความเจ็บปวด เธอหันหน้าขึ้นมองไชยาที่เอาปืนกวัก ๆ แล้วชี้ให้เธอลุกขึ้นนั่งเก้าอี้ตัวเดิม “ทีนี้ เกี่ยวได้ยัง วันเพ็ญ” “ผอ ออ รู้ละ เธอติดคุกแน่” วันเพ็ญเข่นเขี้ยว ไชยาหัวเราะลั่นห้อง ยืดตัวหงายหน้าขึ้นหัวเราะกับเพดานก่อนจะก้มลงมาสบสายตา “ผอ ออ รู้เหรอ วันเพ็ญ ทำไมเธอโง่วะ ไอ้ ผอ ออ โง่ ๆ นั่นจะมารู้อะไร” ไชยาลดไกปืนแล้วโยนให้ไอ้คนที่คุม หน้าประตู วันเพ็ญมองตามอย่างเสียดายโอกาส นี่ถ้าเธอไวกว่านี้นะ เธอคงตะปบปืนกระบอกนั้นมาได้ เผี๊ยะ.. แก้มข้างเดิมโดนฝ่ามือมันอีกครั้ง วันเพ็ญหล่นลงมากองที่พื้น หัวเริ่มจะหมุนด้วยความมึนงง ปากเธอลิ้มรสเค็ม ๆ เฝื่อน ๆ ของเลือดสด ๆ แล้วศีรษะเธอก็เจ็บตึงเมื่อไชยาขยุ้มผมเธอเต็มกำยกขึ้นจนหน้าเธอแหงนหงาย “มันเตรียมการอะไรบ้าง ไอ้การุณย์นั่น ถ้ามึงบอกกูดี ๆ กูจะให้มึงตายสบาย ๆ” ไชยายื่นหน้าเข้ามาจนแทบชิด วันเพ็ญพยายามเบือนหนีแต่ก็ติดที่มันขยุ้มผมเธอดึงอยู่ ถึงเธอจะพยายามแกะออกก็ตาม เผี๊ยะ.. “ว่าไง นังวันเพ็ญ ไอ้การุณย์มันเตรียมอะไรบ้าง แล้วมันมีกันกี่คน” มันจิกผมเธอยกขึ้นจนเจ็บตึงไปทั้งหัว “ทำไมฉันต้องบอกแก ยังไงก็ตายอยู่ดี” วันเพ็ญข่มกรามตอบ “ไม่อยากตายสบาย ๆ เหรอวะอีนี่” ไชยายกมือข้างที่ขยุ้มผมวันเพ็ญยกขึ้นจนเธอต้องขยับตัวลุกตามมือด้วยความเจ็บ พอเธอยืดตัวขึ้นมันก็ยัดกำปั้นเข้าเต็มท้อง ตุ๊บ.. “อุ๊บ..” ร่างบางอวบนั่นงอเข้าไปตามแรงกำปั้น มันปล่อยมือให้เธอทรุดลงคู้เข้ากับพื้นห้องก่อนจะก้มลงจิกผมเธอ ยกขึ้นมาจนหน้าหงาย “ฤทธิ์เยอะเหรอ อีนี่” มันตุ๊ยท้องเธอตัวกำปั้นอีกครั้งแล้วผลักร่างเธอหงายลงไปกองกับพื้น “อ๊อก..” วันเพ็ญจนจนรู้สึกว่าอาหารที่กินไปมันเอ่อล้นขึ้นมาถึงคอหอย อ้าปากหอบกลืนอากาศ เหงื่อผุดขึ้นพราว ใบหน้า ท้องไส้ปั่นป่วนไปด้วยความจุกเสียด แล้วผมเธอก็โดนจิกยกขึ้นเธอตะเกียกตะกายลุกด้วยความเจ็บหนังหัว มันเหวี่ยงเธอไม่ปรานีปราศรัยจนร่างบางนั่นหมุนไปปะทะขอบเตียงจนล้มลงไปนอน วันเพ็ญรีบลุกขึ้นนั่งทั้งที่ ยังเจ็บร้าวไปทั้งท้องทั้งชายโครง เธอพยายามหอบหายใจแรง ๆ สะกดความเจ็บปวดมองไปทั่วห้องพร้อมกับคิด หาทางออกทั้ง ๆ ที่เธอก็รู้ดีว่าสิ้นหวังที่จะแหวกลงล้อมของผู้ชายทั้งสามคน “ทีนี้มึงจะคายออกมาได้หรือยังวันเพ็ญ” เสียงไชยาดึงสายตาเธอกลับมาจ้องมันอย่างแข็งกร้าว “กู ไม่ บอก” วันเพ็ญเค้นเสียงทีละคำ ไชยาปราดเข้ามาพร้อมกับมือที่เงื้อง่า แต่ร่างบาง ๆ นั้นพร้อมกว่าที่มันจะคิดเพราะร่างนั้นดีดผึงขึ้นมาจากที่นอน พุ่งเข้าใส่มัน รองเท้าผ้าใบเบอร์หกพุ่งเขาเต็มหน้าอกมันจนเสียดยอกขึ้นมาพร้อมกับที่มันผงะหงายไม่เป็นท่า วันเพ็ญโจนตามพร้อมกับยกเข่าอัดเข้าเต็มอกไชยาจนมันกระแทกหลังเข้ากับฝาห้อง จุกเสียดจนรูดตัวลงกองกับพื้น ชายสองคนที่ยืนคุมเชิงขยับตัวพุ่งเข้ามาพร้อมกับที่วันเพ็ญโจนเข้าใส่คนที่พุ่งตัวมาจากประตู เธอโถมเข้าไปทั้งตัว มือขวายกขึ้นทัดหูตั้งศอกเป็นดั้งอัดเข้ากลางยอดอก ถึงมันจะตัวใหญ่กว่าวันเพ็ญขนาดบังกันมิด แต่ปลายศอก แหลม ๆ ก็ทำเอามันสะอึกด้วยความเจ็บปวด เท้าเล็ก เตะกวาดขามันจนเสียหลักเซไปติดผนังห้องแคบ ๆ จุดหมาย ต่อไปของเธอคือประตูห้อง วันเพ็ญพุ่งตัวไปจนมือเธอจับลูกบิดประตูได้แล้วตอนที่ผมเธอโดนดึงกระชากกลับไป ร่างเธอหงายหลังผลึ่งกลับ เข้าไปในห้อง มือที่กำผมเธอไม่ได้ปล่อยเมื่อกำปั้นยัดตูมเข้ามาเต็มซอกคอ สติแทบจะปลิวเมื่อโดนกำปั้นเข้าไป เกือบเต็มคาง วันเพ็ญพยายามแกะมือที่ขยุ้มผมจนหนังหัวแทบหลุดนั่นออก ตุ๊บ.. “โอ๊ะ..” กำปั้นลุ่น ๆ ที่ต่อยเข้ามาตรงบั้นเอวทำเอาความเสียดพุ่งจนหายใจไม่ออก ร่างอวบบางทรุดลงไปกองกับพื้น ในทันที เธอบิดตัวด้วยความจุกเสียดขณะที่หนังหัวถูกดึงยกเหวี่ยงเต็มแรงจนเธอกระเด็นไปบนเตียงแล้วกลิ้ง อย่างหมดท่าไปตกลงอีกด้านหนึ่ง วันเพ็ญนอนแบบอยู่ตรงซอกเตียงตอนที่เท้าข้างหนึ่งวางลงตรงหน้าเธอ วันเพ็ญ แข็งใจรวบเท้าข้างนั้น ตุ๊บ.. “อุ๊บ..” ท้องจุกแน่นเมื่อเท้าอีกข้างจิกปลายเข้ามาเต็มท้อง มือเธอปล่อยอย่างหมดแรง เส้นผมถูกจิกดึงอย่างแรงยก เธอขึ้นพาดหลังกับที่นอน กริ๊ก เสียงขึ้นนกปืนก่อนที่ปากลำกล้องกลวงโบ๋จะจิ้มเข้ามาตรงสันจมูกจนเจ็บแปลบ เนื้อเหล็กเย็น ๆ แนบอยู่กับสันจมูก เธอแน่น ไชยานั่งลงจ้องตาเธอเม้มปาก มือข้างหนึ่งจิกผมเธอดึงกดลงกับที่นอนจนหน้าหงาย อีกมือกำปืนยกขึ้นจ่อ ตรงหน้าเธอ “เก่งนักนะมึง อีเพ็ญ” ไชยาเข่นเขี้ยว หันไปมองลูกน้อง “ขึงพืด” ไอ้สองคนโดดเข้ามาจับแขนเธอยกขึ้นพาดเตียงดึงรั้งจนเธอดิ้นไม่ออก ความจุกเสียดยังแล่นพล่านไปทั้งตัว “เดี๋ยวพอกูเย็ดมึงแล้ว อย่าลืมดิ้นด้วยนะมึง กูชอบ” ไชยาสำรากคำพูดออกมา ลดนกปืนแล้ววางปืนลงบนโต๊ะด้านหลัง ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบมีดพับขึ้นมาง้างเอา ใบมีดกางออก มันขยุ้มเสื้อเธอดึงจนชายเสื้อลุ่ยออกมาจากขอบกางเกงแล้วใช้มีดปาดตัดชายเสื้อจนแบะออกจากกัน จากนั้นมันตัดเสื้อยกทรงเธอจนขาดหลุดปล่อยเต้าอวบออกมาดีดดิ้น มันกดมือขยำขยี้อย่างเมามัน “นมแน่นฉิบหาย นี่แฟนมึงไม่เย็ดบ่อย ๆ ซีท่า” มันจับปลายหัวนมบีบเต็มแรง “โอ๊ย..เจ็บ” วัญเพ็ญร้องพยายามบิดตัวหลบ ไชยาล้วงมือลงกำขอบกางเกงเธอจนมีช่องให้มันสอดใบมีดลงไปแล้วยกคมขึ้นตัดผ้ากางเกงจนขาดหลุดออกจากกัน มันตะลุยตัดกางเกงจนหลุดลุ่ยเปิดแหวกออก จากนั้นมันก็ดึงกางเกงในตัวจิ๋วขึ้น ไม่ถึงอึดใจร่างเธอก็เปลือยอวดโคก เนินเนื้ออยู่ในสายหาของชายหื่นทั้งสาม “แหม โคกหีมึงนี่เกลี้ยงดีจังอีเพ็ญ” “โอ๊ย..” วันเพ็ญร้องเมื่อมันตะโบมมือลงบนเนื้ออ่อน นิ้วมือเหยียดลากลงกลางกลีบเนื้อแล้วบดขยี้เม็ดแตดเธอ อย่างเมามัน “อื๊ยย โอ๊ย...” เธอดิ้นรนหาทางรอดที่เธอเองก็รู้ว่า ยามนี้เธอสิ้นทางรอดเสียแล้ว เธอก้มมองไชยาที่มือหนึ่งขยำ เต้านมและอีกมือก็ขยำโคกเธอด้วยความขยะแขยง “โอ๊ย..” ไชยาอุทานเมื่อเท้าเรียวงอขึ้นยันเต็มท้องน้อย ร่างมันหงายผึ่งลงอีกคำรบ ไอ้คนหนึ่งที่จับแขนเธออยู่กำมือ ทุบลงกับหน้าขาเธอเต็มแรง ตุ๊บ..ตุ๊บ.. “โอ๊ย..” ขาเธอเจ็บจนสั่นระริก วันเพ็ญกัดฟันกรอด ๆ เมื่อเห็นไอ้ไชยาผุดลุกขึ้นมือกุมท้องน้อย จนครู่ใหญ่มันก็ เริ่มปลดเข็มขัด “เดี๋ยวมึงเจอควยกูก่อน แล้วก็ควยไอ้สองคนนั่นก่อนตายเถอะมึง” ไชยาปลดเข็มขัดดึงออกแล้วปลดกระดุมกางเกง ยีนส์ปากพร่ำเหมือนคนเป็นโรคจิต “ยังไงก่อนตายมึงจะได้รู้ว่าโดนเย็ดมันเป็นยังไง” ก๊อก ก๊อก ก๊อก สามคนโฉดหยุดชะงักเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น มันเงยหน้าขึ้นมองกันอย่างแปลกใจ ก๊อก ก๊อก ก๊อก อึดใจถัดมาเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกคำรบหนึ่ง ไชยาที่กำลังก้มหน้าปลดกระดุมกางเกงหยุดมือ หันมาพยักหน้าให้ ลูกน้องที่คนหนึ่งยกมือขึ้นปิดปากวันเพ็ญขณะที่มันขยับตัวไปยังประตูห้อง คว้าปืนออโตเมติกติดมือไปแล้วขึ้นนก ไชยาแนบสายตาไปกับช่องตาแมว บริกรคนหนึ่งยืนอยู่หน้าห้องสองมือมือขวาประคองถือถาดที่คลุมด้วยผ้าผืนหนา ขาวสะอาด ขวดไวน์สีเขียวเข้มเย็นเฉียบจนน้ำเกาะวางอยู่ในถังสีเงินวาว ข้างถังแก้วไวน์สะอาดวางอยู่ ผ้าปูถาด ผืนใหญ่คลุมลงมาถึงข้อมือไอ้เจ้าบริกรนั่น มันยกมือข้างหนึ่งยกแผ่นกระดาษบาง ๆ ในมือขึ้นมองก่อนเงยหน้าขึ้น จ้องเข้ามาที่ประตูห้อง “มีอะไรไอ้หนุ่ม” ไชยาร้องถาม “ไวน์มาส่งแล้วครับท่าน” เสียงตอบนอบน้อม ไชยามองลอดช่องตาแมวอีกครั้ง บริกรหน้าอ่อน ๆ ยืนนิ่ง “อั๊วไม่ได้สั่งนี่ ส่งผิดห้องแล้วมั๊ง” “ห้อง 1215 ถูกแล้วนี่ครับ” เจ้าบริกรนั่นยกกระดาษในมือขึ้นดูอีกครั้ง เงยหน้าขึ้นมองประตูห้องก่อนจะตอบ “สั่งไว้ ให้มาส่งสองทุ่มครับ คุณผู้หญิงเจ้าของห้องเป็นคนสั่งไว้น่ะครับ ถูกต้องแล้วครับ” ไชยาขยับปืน หันไปมองลูกน้องสองคนที่ยึดวันเพ็ญที่ร่างเปล่าเปลือยอยู่บนเตียง มันกวาดตาคะเนความกว้างของ ห้องพัก ถ้ามันเปิดแง้ม ๆ ไอ้เจ้าหน้าอ่อนนี่คงไม่เห็น ประเด็นเดียวคือมันจะเก็บเงินหรือต้องลงชื่อในบิล “เท่าไรไอ้น้อง” “คุณผู้หญิงสั่งให้รวมบิลแล้วครับ” ไอ้หนุ่มนั่นก้มลงมองบิลในมือก่อนตอบ ไชยาขยับยกมือไว้หลังประตู รวมบิลแล้ว เหมาะมาก ท่าทางคงต้องเปิดแล้วรับถาดนั่นมาเอง ไอ้เจ้านั่นจะได้มอง เข้ามาไม่เห็นในห้อง อีเพ็ญนี่รสนิยมสุดเลิศนะมึง มานอนเชียงใหม่ยังสั่งไวน์มาแดก เดี๋ยวกูจะแดกไวน์แกล้มหีมึง อีเพ็ญเอ๊ย กูจะเย็ดให้ลืมโลกก่อนส่งมึงลงนรก มันขึ้นห้ามไกปืนก่อนจะยัดปืนเข้าด้านหลังกางเกง แล้วปลดล๊อก หมุนลูกบิด ดึงประตูเปิดแง้ม ไอ้หน้าอ่อนนั่นลดมือปล่อยถาดไวน์ตกลงพื้นดังโครมคราม ไชยามองตามทั้งถังน้ำแข็งทั้งขวดไวน์ที่หล่นจากถาด แปลกที่แก้วใบนั้นไม่ยักแตก ขวดไวน์กระทบพื้นพรมพร้อมกับถังน้ำแข็งแล้วกระดอนออกมากลิ้งโค่โล่ ไชยาเงย หน้ากะจะด่าไอ้หน้าอ่อนที่เซ่อซ่าทำถาดหล่น แต่ที่มันเห็นคือปืนในมือของไอ้หน้าอ่อนนั่นที่ยื่นเข้ามาที่หน้าอกของ มันเอง เสียงปืนไม่ดังเท่าไรตอนที่ไชยาเห็นว่าควันบาง ๆ กระจายออกจากตัวปืนพร้อมกับความเจ็บร้อนในอก ครอบลูกเลื่อนขยับเลื่อนถอยหลัง ปลอกกระสุนสีเหลืองทองกระเด็นหมุนติ้วออกจากช่องคายปลอกกระสุน แล้ว เสียงปืนก็ดังขึ้นอีกครั้ง สายตาของมันดับวูบ ปัง. ปัง.. หัวกระสุนเคลือบแข็งพุ่งวาบเข้าหน้าอกไอ้คนที่มาเปิดประตู สีหน้ามันดูงุนงงขณะที่แรงปะทะส่งตัวมันแทบจะลอย หงายหลังไปตกในห้อง สายตาบริกรหนุ่มพุ่งเลยเข้าไปในห้อง ไอ้สองคนนั่นนั่งยงโย่ยงหยกอยู่บนเตียง มือของ พวกมันกดร่างขาว ๆ ให้นอนอยู่บนเตียง สีหน้าตื่นตะลึงพึงเพริศกับเหตุการณ์ คนหนึ่งละมือออกจากเหยื่อตวัด อ้อมไปด้านหลัง ปัง.. ปัง.. ปืนในมือบริกรหน้าอ่อนยกขึ้นลั่นกระสุนคู่หนึ่งพุ่งเข้าปะทะร่างไอ้คนที่กำลังจะล้วงปืน ร่างของมันรับกระสุนทั้ง สองนัดแล้วหงายไปปะทะผนังห้องรูดลงกับเตียงนอน ร่างขาว ๆ นั้นเหมือนจะผงกหัวขึ้นมอง ปัง ปัง.. ไอ้คนสุดท้ายที่ทำท่าเหมือนจะโจนหลบโดนนัดแรกเข้าเต็มสีข้างร่างมันสะดุ้งเฮือกตอนที่นัดที่สองยัดตามเข้าลำตัว ร่างที่กำลังพุ่งลงจากเตียงหัวทิ่มลงปักพื้นนิ่ง “มีกี่คน..” เสียงบริกรที่ร้องถามเข้ามาบอกวันเพ็ญว่า ชายที่เข้ามาแก้ไขสถานการณ์นั่นคือ หนุ่มที่เกือบจะได้ปะทะ คารมกันเมื่อตอนบ่าย สติที่มั่นคงยังทำให้เธอยกมือขึ้นชูสามนิ้วเป็นคำตอบ เธอลุกขึ้นนั่งส่ายไปมาด้วยความมึนงง และเจ็บปวดตามร่างกาย สายตาบอกว่าหนุ่มคนนั้นวาดปืนส่องเข้าในห้องน้ำที่อยู่ติดประตูห้องแล้วก้มลงหยิบ ปลอกกระสุนปืนรวบยัดลงกระเป๋ากางเกง เขาพุ่งเข้ามาในห้องสายตากวาดมองร่างวายร้ายที่นอนนิ่งก่อนจะหันมา มองเธอ วันเพ็ญรู้สึกหน้าร้อนผ่าวเมื่อรู้ว่าตนเองกำลังเปลือยกาย แต่ความเจ็บปวดทำให้เธอแทบขยับตัวไม่ได้ “ไหวไหมครับ” เสียงถามห้วนสั้น วันเพ็ญสั่นหัวตอบ ศรัณย์พุ่งเข้าประชิดสองมือดึงผ้าปูที่นอนขึ้นพันร่างเธออย่างรวดเร็วแล้วช้อนร่างเธอขึ้นในวงแขน “ปืน ในกระเป๋า ตู้เสื้อผ้า” วันเพ็ญพูดขึ้นเมื่อเดาได้ว่าเขากำลังจะพาเธอออกไปจากห้อง “ช่างมันเถอะ เดี๋ยวหาใหม่” ร่างนั้นอุ้มเธอมาจนถึงประตูห้อง “ไม่ ปืนพ่อ” วันเพ็ญเค้นเสียงผ่านปากที่บวมเจ่อ เขาชะงักนิดหนึ่ง หันหน้ามามองตาเธอ วางเธอลงกับพื้นให้พิง ผนังห้องน้ำก่อนหันไปเลื่อนบานประตูตู้เสื้อผ้า ก้มลงไปเปิดกระเป๋าควานค้นก่อนจะหยิบปืนพกออกโตเมติกสีเทา ขึ้นมาชู พอเห็นเธอพยักหน้าเขาก็ดึงโครงปืนเลื่อนส่งกระสุนเข้ารังเพลิง ขึ้นห้ามไกก่อนจะส่งปืนให้เธอมารับไว้ วันเพ็ญเจ็บไปเกือบทั่วตัวยามที่เขาอุ้มเธอเดินเกือบจะเป็นวิ่งลงบันได ถ้าเป็นเธอนี่คงจะเหนื่อยเสียตั้งแต่ชั้นแรก ๆ อย่าว่าแต่ต้องอุ้มคนมาอีกคนก็เถอะ ใบหน้าของเขาดูอ่อนเยาว์แต่สายตามุ่งมั่นจนแทบจะเป็นแข็งกร้าว เม็ดเหงื่อ ผุดขึ้นมาตามหน้าผากเขาเป็นเม็ด ๆ แรงกระแทกยามที่เขาเคลื่อนตัวลงบันไดมานั่นทำเอาเธอเจ็บทั้งใบหน้าและ ชายโครงแต่อ้อมกอดนั่นช่างแข็งแรงจนเธอมั่นใจว่าเขาจะไม่ปล่อยให้เธอหล่นแน่นอน เขาอุ้มพาเธอผ่านชั้นต่าง ๆ ภาพผนังปูน ประตูห้อง ขั้นบันได และเลขบอกชั้นที่เขียนติดผนังช่องบันไดทำเอาเธอเวียนหัว แต่เธอไม่อยากหลับ เธออยากลืมตาจ้องมองใบหน้าอ่อนเยาว์คมสันของคนที่ช่วยเธอออกจากความตายเมื่อสักครู่ คนที่ร่างกายเขาแผ่ ความอบอุ่นแก่ร่างกายเธอที่เริ่มสั่นสะท้านปานเหน็บหนาวอย่างยิ่ง เธอรู้สึกดีว่าร่างเธอสั่นระริกจนสะท้านทั้งที่ ไม่ได้รู้สึกถึงความเย็นแต่อย่างใด มือที่กำด้ามปืนซิกซาวเออร์ของพ่อนั้นก็สั่นจนเธอต้องรวบรวมกำลังกำมันไว้ให้ แน่นขึ้น “หนาว..” เธอครางเบา ๆ “ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่ตกใจ เดี๋ยวก็หาย” เสียงตอบนุ่มนวลพร้อมกับอ้อมแขนกระชับเธอแน่นเข้า ลมเย็น ๆ โชย เข้ามาปะทะหน้าเธอยามที่บานประตูเปิดอ้า ท้องฟ้ามืดสนิท ฟ้าสว่างนวลด้วยแสงจันทร์ วันเพ็ญหลับตาลงเมื่อ ไม่อาจฝืนความมึนงงต่อไปได้ ................. “เป็นไง รัณย์” “เรียบร้อยครับ สาม ครับพี่” ศรัณย์ตอบตอนขณะที่ก้มลงมุดเข้าไปด้านหลังรถแล้วค่อย ๆ อุ้มร่างในผ้าปูที่นอน ออกมา ชาติชายจับบานประตูเปิดอ้าไว้ ผลักประตูรถปิดเมื่อเห็นว่าศรัณย์อุ้มเธอพ้นบานประตูแล้วก่อนก้าวยาว ๆ แซงไปเปิดประตูบ้านให้ศรัณย์อุ้มร่างหญิงสาวผ่านเข้าไป “ห้องนายเลยรัณย์” ชาติชายบอก ปิดประตูแล้วเร่งแซงขึ้นไปชั้นบน “ฮ้า พี่ ดีเหรอ” “แกจะปล้ำเขาเหรอ” “เปล่าพี่ แต่” “งั้นก็ดีแล้ว ห้องแก..” ชาติชายเปิดประตูหลบทางให้ศรัณย์อุ้มวันเพ็ญผ่านเข้าไปวางบนที่นอน “เดี๋ยวพี่ไปบ้านผู้การ ไม่ต้องรอนะ” “ครับพี่” ศรัณย์มองตามหลังนายทหารรุ่นพี่ที่เดินดุ่ม ๆ ออกไป ก่อนจะหันกลับมาที่วันเพ็ญที่นอนนิ่งอยู่บนที่นอน ของเขา ใบหน้ากลม ๆ ที่เห็นเมื่อตอนกลางวันขณะนี้บวมขึ้นมาด้วยฤทธิ์มือของทรชน ศรัณย์ถอนหายใจด้วย ความสงสาร ก้มลงค่อย ๆ ปลดปืนออกจากมือเรียวนุ่ม ปลดซองกระสุน ดึงโครงปืนเลื่อนถอยส่งกระสุนในรังเพลิง หลุดมาสู่มือ เขาปล่อยโครงปืนดันกลับเข้าที่ ยัดกระสุนนัดนั้นกลับเข้าซองกระสุน สอดมันกลับเข้าช่องที่ปืนจน ได้เสียงกริ๊ก แล้ววางปืนลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง หันมามองร่างที่นอนนิ่งนั้นอีกครั้งก่อนจะออกไปจากห้อง ศรัณย์เดินกลับเข้ามาพร้อมกับอ่างน้ำ เขาวางอ่างลงบนโต๊ะข้างเตียง ก่อนหันกลับมาหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลี่ออกคลุม ทับร่างที่ห่อหุ้มด้วยผ้าปูที่นอนที่เขาดึงมาจากโรงแรม จากนั้นจึงค่อย ๆ ดึงชายผ้าปูที่นอนที่ห่อหุ้มร่างวันเพ็ญ ออกมาอย่างระมัดระวัง จนผ้าสีขาวสะอาดลงมากองที่พื้น เขาหันกลับไปหยิบผ้าขนหนูผืนย่อมที่แช่น้ำอยู่ขึ้นมา บิดจนหมาดแล้วค่อย ๆ บรรจงเช็ดหน้าผากหญิงสาวอย่างเบามือ แล้วดึงแขนเรียวออกมาเช็ดอย่างระมัดระวัง พอเสร็จข้างหนึ่งเขาก็ซักผ้าแล้วอ้อมไปทำอย่างเดียวกันกับแขนอีกข้าง เรียบร้อยก็เดินกลับมาซักผ้าก่อนจะเช็ด ใบหน้าเนียน ๆ อีกครั้ง พอเสร็จเรียบร้อยก็ยืดตัวขึ้นพอดีกับที่ดวงตาสุกใสลืมขึ้นมาจ้องหน้าเขา “อ้าว รู้สึกตัวแล้วหรือครับ ขออภัยที่ล่วงเกินนะครับ” ศรัณย์หน้าเป็นสีชมพูเมื่อสบสายตากับหญิงสาว “ขอบคุณนะคะ” ปากอวบอิ่มแย้มเอ่ยอย่างอ่อนระโหย “ไม่เป็นไรครับ เรื่องเล็กน้อย เดี๋ยวผมออกไปแล้วคุณเช็ดตัวเสียหน่อย ก็หลับสบายแล้ว” “ขอบคุณที่ไปช่วยชีวิตดิฉันน่ะค่ะ” มือเธอกำผ้าห่มดึงขึ้นชิดคอ อย่างไรเบื้องใต้ผ้าห่มนั่นร่างเธอก็เปลือยเปล่าจน เธอเขินอาย “อ้อ ไม่เป็นไรครับ ยินดีที่ไปทันเวลา เกือบสายไปด้วยซ้ำ มัวแต่หาเสื้อผ้าอยู่” “รู้ได้ไงคะ ว่า.. จะเกิดเรื่อง.. เอ่อ” “คนของเราแจ้งมาครับ พี่ชายกับพี่วุฒิเห็นว่าผิดปกติ พี่ชายเลยให้ผมไปคุ้มกัน” ศรัณย์พูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ สายตาสองคู่จ้องมองกัน วันเพ็ญหลบตาด้วยความอาย “เอ่อ .. คือ คุณ นอนพักนะครับ” เขาชี้ไปที่โต๊ะ “ปืนอยู่ตรงนั้น รังเพลิงว่างนะครับ ผมจะอยู่ข้างล่าง มีอะไรก็เรียก ไม่ต้องเกรงใจนะครับ” “ขอบคุณค่ะ คุณ ..” “ศรัณย์ ครับ ไม่ต้องคิดมากนะครับ นอนพักก่อนพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน” “ค่ะ วันเพ็ญ ค่ะ” เธอตอบแล้วค่อย ๆ หลับตาลง ศรัณย์ยืนมองจนเห็นว่าลมหายของหญิงสาวสม่ำเสมอ จึงเดิน ออกไปจากห้อง วันเพ็ญหรี่ตามองตามแผ่นหลังศรัณย์ ยิ้มน้อย ๆ “แหม เราคงมีเรื่องไปคุยกับยายนุชเยอะแยะ แต่มันง่วงเหลือเกินนะ ทั้งง่วงทั้งเจ็บไปทั่วตัว เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดต่อ อืมม เตียงผู้ชายคนนั้นก็หอมดีนะ กลิ่นผู้ชายเป็นอย่างนี้นี่เองหนอ หอม อบอุ่น เฮ้อ......” ความง่วงและอ่อนเพลียคืบคลานเข้ามาโอบร่างเธอไว้จนเธอหลับลงไปพร้อมกับเงาร่างและกลิ่นกายของชายหนุ่ม ผู้ที่เข้าไปแก้ไขเธอออกมาจากมือพญายมนั่น

With No Remorse Chapter 20

With No Remorse Chapter 20 ซอกลึกของชั้นสูงสุดในอาคารจอดรถกลางกรุงเทพมหานคร ยามสายนั่นรถยนต์ที่เข้ามาใช้บริการยังไม่มากนัก ลานกว้างนี้จึงยังว่างเปล่าเงียบเหงา กว่าที่ชั้นล่าง ๆ จะเต็มนั่นก็จะเข้าไปบ่าย ๆ รถเบนซ์สีดำที่จอดซุกอยู่ตรง มุมอาคารอับแสงนั่นจึงเป็นเพียงไม่กี่คันที่ขึ้นมาจอดในชั้นนี้ ทั้งคนขับและผู้โดยสารในเบนซ์ต่างจับตามองไป ยังลาดทางขึ้นที่อยู่ห่างออกไป บางครั้งก็สอดส่ายสายตากวาดไปทั่วบริเวณลานจอดอันว่างเปล่า “ยังไม่มาเลยครับ จวนเวลาแล้วนี่ครับ” “ไม่เป็นไรน่าชด เดี๋ยวถ้าเลยไปสักสิบห้านาทีไม่มา เราก็ไป เปลี่ยนที่เลยก็ได้” เสี่ยกิมเล้งบอกอดีตจ่าตำรวจที่นั่ง กุมพวงมาลัย สายตาของจ่าชดจับจ้องอยู่ที่รถสปอร์ทไรเด้อร์สีดำที่ติดฟีล์มดำมืดที่แล่นขึ้นมาช้า ๆ มือที่กุมพวงมาลัยเลื่อนไปจับ ด้ามปืนที่พกอยู่ตุงเอว แม้เมื่อสปอร์ทไรเด้อร์เลี้ยวไปอีกทางหนึ่งแล้วถอยเข้าจอดห่างออกไป มือมันก็ยังกุมด้าม ปืนพกของมันอยู่ จนกระทั่งหญิงสาวสองคนเปิดประตูลงมายืนข้างรถ ดึงกระเป๋าถือใบโตออกมาคล้องไหล่นั่น มันจึงละมือจากด้ามปืน แต่สายตายังจ้องมองไปยังสองสาวนั่นเขม็ง “ไม่มีอะไรมั๊งชด” เสี่ยใหญ่บอกเบา ๆ “นุ่งกระโปรงคับติ้วอย่างนั้น อีกคนก็กางเกงสั้นกุดนั่น หรือว่าอยากเอาไป สังเวยกามล่ะ” “อ๋อ ครับ เสี่ย” จ่าชดหัวเราะหึ หึ แล้วก็เลื่อนมือลงไปที่ด้ามปืนอีกครั้งเมื่อรถเก๋งอีกคันโผล่ขึ้นมา แต่มันก็เลี้ยว เข้าไปจอดใกล้ ๆ สปอร์ทไรเด้อร์นั่น สองหนุ่มหน้าตี๋เปิดประตูลงมาแล้วเดินไปยืนข้าง ๆ สองสาวสปอร์ทไรเดอร์ ไม่ถึงอึดใจก็เดินเป็นสองคู่ “เฮ้ย เด็กสมัยนี้มันขนาดนี้เลยเหรอวะ” เสี่ยใหญ่ที่นั่งมองอยู่อุทาน เมื่อคู่หนึ่งเปิดท้ายสปอร์ทไรเดอร์หายขึ้นไป อีกคู่หนึ่งเดินคลอเคลียกันมาที่รถเก๋งแล้วก็ขึ้นรถไปเช่นกัน ไม่ถึงอึดใจ รถทั้งสองคนก็ขย่มไหวยวบยาบ จ่าตำรวจระบายลม ยกมือขึ้นวางบนพวงมาลัยอีกคำรบ จ่าตำรวจเพิ่งจะลดข้อมือที่ยกขึ้นดูนาฬิกาลงเมื่อแคมรี่สีดำเลี้ยวขึ้นมาหยุดตรงลาดทางขึ้น แล้วเลี้ยวปราดมาถอย เข้าจอดข้างเบนซ์คนขับลดกระจกลง จ่าชัยลองตรงไปยังชายฉกรรจ์สองคนที่นั่งอยู่ในแคมรี่ ก่อนจะลดกระจก เบนซ์ลงเช่นกัน คนขับแคมรี่ยื่นโทรศัพท์มือถือของตนส่งข้ามมาให้เสี่ยใหญ่ที่รับมาแนบหู “อาโหล” “เสี่ยเหรอ ผมเอง” “อ้อ ท่านเหรอครับ สวัสดีครับ รถรับของมาถึงแล้วครับ” “แคมรี สีดำ ทะเบียน.....” เสียงอีกข้างบอกมาอย่างรู้กัน “ถูกต้องแล้วครับ ขอบพระคุณท่านครับ” เสี่ยใหญ่ตอบแล้วยื่นโทรศัพท์กลับไปให้คนขับแคมรี่ก่อนพยักหน้ากับ จ่าชด “ถูกต้อง..” อดีตจ่าตำรวจกดปุ่มเปิดฝากระโปรงท้ายเบนว์แล้วลงจากรถอ้อมไปยังท้ายรถพร้อมกับคนที่นั่งมาในแคมรี่ พอมัน ไปถึงท้ายรถต่างก็ยกฝากระโปรงขึ้นจนสุด ท้ายเบนซ์นั่นกระเป๋าเป้สองใบที่บรรจุของจนเต็มแน่นวางอยู่เคียงกัน จ่าชดยกเป้ทั้งสองใบส่งให้คนจากแคมรีที่รับไปวางลงในท้ายรถ ปลดสายรัดเปิดฝากระเป๋าแล้วดึงห่อพลาสติก ที่พันด้วยเทปกาวสีน้ำตาลออกมาหนึ่งห่อ มันยกเป้อีกสองใบจากท้ายแคมรีส่งให้จ่าตำรวจที่รับไปวางในเบนซ์ แล้วเปิดฝาเป้ออกดูเช่นกัน จ่าชดล้วงเอาม้วนธนบัตรออกมาสองปึกกรีดดูคร่าว ๆ แล้วจัดการกับอีกปึกหนึ่ง ในขณะที่อีกฝ่ายก็ดึงมีดคัตเตอร์ออกมากรีดห่อของแงะออกจนยาเม็ดหลากสีหล่นลงในท้ายแคมรี่สี่ห้าเม็ด มันหยิบ เม็ดยาเม็ดหนึ่งขึ้นดมแล้วแตะลิ้น ก่อนหันมาพยักหน้ากับจ่าชดที่พยักหน้ารับ ต่างคนต่างปิดฝากระโปรงท้ายรถ แล้วเดินกลับไปขึ้นรถตนเอง “เรียบร้อยครับเสี่ย” จ่าชดบอกเสี่ยใหญ่พร้อมกับติดเครื่องยนต์ สายตามองกวาดลานจอดรถเห็นสาวสปอร์ทไรเด้อร์ ที่ขึ้นไปบนเก๋งออกมายืนเสยผมยุ่ง ๆ ก่อนเดินกลับไปที่รถขณะที่หนุ่มรถเก๋งก็ลงจากท้ายสปอร์ทไรเด้อร์ รูดซิป กางเกงเข้าที่ แล้วเดินกลับไปที่รถเก๋งตนเอง จ่าชดดึงคันเกียร์แล้วกดคันเร่งพาเบนซ์เคลื่อนออกจากลานจอด ชั่วโมงถัดมามันก็เลี้ยวเข้าทางสายเอเชีย ป้ายบอกทางอยุธยาตั้งตระหง่านอยู่กลางถนน ....................... “ไอ้นุช วันนี้ขับไงวะกระตุกชอบกล” สาวน้อยกางเกงขากุดในสปอร์ทไรเดอร์หันไปบ่นเพื่อน ก่อนกลับไปจับตา มองแคมรีที่อยู่ข้างหน้า “ก็ขามันสั่นอยู่นี่หว่า หมวดเชษฐ์เล่นเย็ดจริงเลย น้ำแกเต็มเป้าอยู่เนี่ย” สาวกระโปรงสั้นบอกเพื่อนขณะที่สาว พวงมาลัยพารถเลี้ยวตามเป้าหมาย “เฮ้ย แป๊บเดียวเนี่ยนะ บอกแล้วไม่เชื่อว่าให้นุ่งกางเกง เป็นไงล่ะแก” “ไม่ทันตั้งตัวซี พอปิดฝากระบะแกเล่นประกบดูดเลย เผลออีกทีโดนเข้าไปแล้ว” “เออ ขับไปดี ๆ โว้ย แล้วจะมีแรงไหมเนี่ย” เพื่อนสาวส่ายหัว “ได้น่า แต่แหม นี่ยังกลวง ๆ เจ็บ ๆ อยู่เลย หมวดเชษฐ์นี่ใหญ่ฉิบ แกเอ๊ย” “ไอ้บ้า ยังมีหน้ามาบอกอีก เวร เพื่อนชั้น” สปอร์ทไรเดอร์หักหัวเบนเข้าจอดข้างทางเมื่อแคมรีชะลอเข้าจอดหน้าบ้านหลังย่อม รถเก๋งสองหนุ่มแล่นเลยแคมรี แล้วจอดอีกฝั่งของถนน สองสาวลงจากรถพร้อมกระเป๋าก้าวเดินตรงไปยังหน้าบ้านที่แคมรีกำลังถอยเข้าจอด สองหนุ่มลงจากรถเก๋งเดินมายังทางเดียวกัน เบื้องหลังสปอร์ทไรเดอร์นั้น กระบะสองตอนอีกสองคันเข้าจอด ต่อท้าย ชายในชุดดำลงจากรถพร้อมปืนพกออกโตเมติกในมือกรูกันเดินเลียบแนวรั้วตรงไปยังบ้านที่แคมรีเข้าจอด “หยุด นี่ ปปส. อย่าขัดขืน” ชายหนุ่มคนหนึ่งจากรถเก๋งปราดเข้าถึงหน้าบ้านที่แคมรีถอยเข้าจอด ปืนในมือเล็งตรง ไปที่ชายหน้ากร้านที่กำลังจะลากประตูบ้านปิด ปัง.. ปัง. ปัง.. เสียงปืนดังออกจากตัวบ้าน ชายหนุ่มซวนร่างล้มฟุบ ปัง ปัง ปัง ปัง.. สองสาวชักมือออกจากกระเป๋าใบเขื่องปล่อยให้มันตกลงสู่พื้นถนนคอนกรีตร้อนผ่าว สะบัดมือยกปืนพกกระบอก เขื่องขึ้น สาวขาสั้นสาดกระสุนสวนเข้าไปในบ้านที่มองเห็นผ้าม่านสั่นไหว สาวกระโปรงสั้นสาดกระสุดในมือ เป็นชุดพุ่งเข้าหน้าอกไอ้คนที่กำลังจะปิดประตูเมื่อเห็นมันกระตุกมือดึงปืนออกมาจากด้านหลัง มันหงายท้องลงไป นอนแผ่พร้อม ๆ กับเพื่อนคนขับรถที่กำลังจะลั่นไกใส่สองสาวเมื่อหนุ่มอีกคนจากรถเก๋งที่ปราดตามมาติด ๆ กระดิก ไกปืนปล่อยกระสุนเจาะกบาลมันเปิดอ้า ตำรวจปราบปรามยาเสพติดในชุดดำที่มาจากกระบะพุ่งเข้าปากทางเข้าบ้านสาดกระสุนสวนเข้าไปในบ้านเมื่อ ยังเห็นว่าคนในบ้านยังยิงออกมาเป็นชุด ๆ ยามนี้กระสุนปลิวว่อนออกมาจากบ้านหลังนั้น สองสาวกับอีกหนึ่งหนุ่ม ที่ตามแคมรีออกมาจากที่จอดรถนั่นพุ่งตัวลงกับพื้น สาวกระโปรงสั้นคลานไปที่ร่างของชายหนุ่มคนที่โดนกระสุน เข้าไป เลือดไหลซึมจากบาดแผลบริเวณหัวไหล่และสีข้าง “หมวด ๆ พี่เชษฐ์ เป็นไง เฮ้ย ตอบซี” สาวกระโปรงสั้นวางปืนลงกับพื้นจับตัวชายหนุ่มเขย่า น้ำตาไหลเป็นทาง “ไอ้บ้า เจ็บ อย่าเขย่าซีวะ” เสียงดังลอดออกมาจากปากแทบไม่ได้ยินด้วยเสียงปืนดังระงมทำเอาชาวบ้านแตกตื่น ”อย่าตายนะ ไม่ยอมด้วย” สายตาจ้องมองหน้าชายหนุ่มที่บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บแผล ยกหลังมือเช็ดน้ำตา “ไม่ตายหรอกโว้ย ไอ้นุช แต่เจ็บ หยุดเขย่าได้แล้ว แล้วไปช่วยพวกนั้นเร็ว” มือข้างหนึ่งจับแขนสาว ปปส. ดัน ออกจากตัว “เออ ดี โดนซะมั่ง อย่าไปไหนนะเดี๋ยวมา” เธอบอกแล้วคว้าปืนขึ้นมาถือ “ก็โดนยิงอยู่นี่ มันจะแถกไปไหนได้วะเฮ้ย” ชายหนุ่มตอบกลั๊วหัวเราะ หญิงสาวจึงหันกลับไปที่วงต่อสู้ หางตาเห็น หน้าต่างชั้นบนสะบัดวูบ ๆ ก็ยกปืนขึ้นเล็ง วายร้ายคนหนึ่งโผล่ออกมาพร้อมปืนลูกซองกระบอกยาว ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปืนในมือพ่นกระสุนออกไปจนลูกเลื่อนค้างเพราะกระสุนหมด สายตาเธอยังมองเขม็งไปที่บานหน้าต่างที่ไอ้เจ้า วายร้ายผลุบหายไปด้วยยังไม่อาจนิ่งนอนใจว่ามันจะหมดฤทธิ์หรือยัง มือล้วงลงไปในอกเสื้อดึงเอาซองลูกปืน เต็มปรี่ออกมาพร้อมกับมือที่ถือปืนกดปุ่มปลดซองกระสุนว่างเปล่าหล่นลงกับพื้น ตบซองกระสุนใหม่เข้าแทนที่ แล้วปลดล๊อกลูกเลื่อนปล่อยให้มันกระแทกกลับเข้าที่ดันกระสุนนัดใหม่เข้ารังเพลิง “เพ็ญ ระวังซ้าย” เธอตะโกนลั่นถนนเมื่อเห็นวายร้ายอีกคนโผล่ออกมาจากข้างตัวบ้านในมุมอับที่เพื่อนสาวมอง ไม่เห็น สาวกางเกงขากุดไม่ได้หันไปมองด้วยซ้ำเมื่อทิ้งร่างหงายกลิ้งม้วนออกมา กระสุนที่ไอ้เจ้าวายร้ายปล่อย ออกมาจึงหลุดจากเป้าไปโดนแคมรีที่จอดอยู่จนกระจกแตกกระจาย ปัง ปัง ปัง นัดแรกที่สาว ปปส. ปล่อยออกไปขึ้นสูงจนกระทบขอบปูนแตก แต่อีกสองนัดเข้าเป้าเหมาะเหม็ง วายร้ายนั่น ตัวหมุนลงไปกอง ตำรวจ ปปส. ชุดดำสามสี่คนพุ่งออกจากข้างกำแพง โถมใส่ประตูบ้านจนมันเปิดอ้า แล้วพุ่ง ปราดหายเข้าไปในตัวบ้าน อีกสองคนวิ่งค้อมตัวไปด้านหลังที่มีเสียงปืนดังมาเป็นระยะ เจ้าหน้าที่ ปปส.สาวพุ่งตัว ปราดเข้าไปช้อนไหล่เพื่อนที่กำลังทรงตัวให้ลุกขึ้น แล้วทั้งสองคนก็พุ่งตัวตามเข้าไปในบ้าน เสียงปืนเงียบลง เสียงสัญญาณฉุกเฉินของรถเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ดังระงมขึ้น รถตำรวจหลายคันพุ่งเข้ามาจอด สองสาว เดินดุ่ม ๆ ออกมาจากบ้านที่มีรอยกระสุนปืนพราว ตำรวจหลายนายเล็งปืนเข้าใส่เมื่อเห็นปืนในมือสองสาว จวบจน รถอีกคันที่ติดตราสำนักงานปราบปรามยาเสพติดแล่นเข้ามาพร้อมกับเสียงคนนั่งที่โผล่ออกมาตะโกนบอกนั่นแหละ เจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านั้นจึงลดปืนลงกระจายกำลังเข้าตรวจสอบบ้านหลังนั้น ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงเริ่มออกมา จับกลุ่มดูเจ้าหน้าที่ ไม่ถึงอึดใจรถนั่งข่าวก็พุ่งปราดเข้ามาเบรกหยุด “จ่า ไปกันนักข่าวไว้ อย่าให้เข้ามา ห้ามถ่ายคนของผมด้วย” ชายหนุ่มที่สวมเสื้อแจ๊กเก็ตสีดำร้องบอกตำรวจนายหนึ่ง ที่รับคำแล้วออกวิ่งเรียกเพื่อนตำรวจอีกสองสามคนตามไปยังรถนักข่าว ................ ชาติชาย วรวุฒิ และศรัณย์ นั่งดูข่าวทลายแหล่งซุกซ่อนยาเสพติดทางโทรทัศน์อย่างใจจอดจ่อ การุณย์นั่งเอนตัว อยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ตรงกลาง “เรียบร้อยไปอีกหนึ่ง คราวนี้ถึงทีตีงูใหญ่แล้วซิครับ” วรวุฒิหันไปทางการุณย์ที่พยักหน้าช้า ๆ “เหลืออีกสอง เสี่ยเล้งนี่ เตรียมแล้วไม่ใช่รึ ว่าไง วุฒิ ชาย” “ครับ พร้อมแล้วครับ” วรวุฒิตอบเรียบ ๆ “ลงมือได้เมื่อไหร่” “คืนนี้ครับ” ชาติชายพูดขึ้น “ไปกันกี่คนล่ะ” “สามครับ ผมลงมือ รัณย์เก็บคนคุ้มกัน วุฒิ ระวังหลังครับ” “อืมมม ก็ดี เร็ว ๆ ก็ดี จะได้หมดเรื่องกันไปเรื่องหนึ่ง” การุณย์พูดเรียบ ๆ เหลียวกลับไปมองกานดากับสาวน้อยที่ นั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะอาหาร “น้องเราชื่ออะไรนะวุฒิ” “ก้อยครับผู้การ ทำไมหรือครับ” “เฮ่ย ชื่อจริงซิ ผมจำไม่ได้” “ปานเรขา ครับผม” “อืมม เพราะนะ ถ้าใช้ภาษาง่าย ๆ ก็ปานวาดซีนะ ดี เวลาไปขอจะได้เรียกชื่อถูกไง” “อ้อ เหรอครับ” วรวุฒิร้องเบา ๆ “แล้วผู้การจะจัดงานทีเดียวสองคู่เลยหรือเปล่าครับ” “อ้าว วุฒิจะแต่งพร้อมกันเลยรึ ไม่บอกล่ะ จะให้ไปขอใครล่ะเนี่ย” การุณย์ ชาติชายและศรัณย์หันมามองเป็นตาเดียว ”อ๋อ ไม่ใช่ผมหรอกครับ ก็แต่งเจ้าชายกับยายก้อย พร้อมกับ ผู้การกับอากานดา ไงครับ” “หนอย ไอ้ทะลึ่ง” การุณย์หัวเราะก๊ากเต็มเสียง พาอีกสามหนุ่มหัวเราะประสานเสียงขึ้นมา “หนุ่ม ๆ ขำอะไรกันคะ” เสียงกานดาดังมาจากโต๊ะกินข้าว การุณย์ทำคอย่น “ห้ามบอกนะเว้ย” การุณย์หันมาบอกหนุ่ม ๆ เบา ๆ อย่างติดตลก “โห อาต้นยังไม่ทันแต่งเลย กลัวแม่แล้วเหรอครับเนี่ย” ชาติชายแซวเรียกเสียงหัวเราะขึ้นมาอีก “เฮ่ย ของยังงี้ ต้องซ้อมไว้ก่อน” การุณย์หันมาบอก “ว่าแต่ตัวเราเหอะ ชายเอ๊ย ตะกี้เห็นยายหนูเรียกคำเดียว ก็ แทบจะวิ่งไปช่วยรับของแล้วนี่หว่า” “แฮ่ะ แฮ่ะ ครับ ผมก็คิดเหมือนคุณอาแหละครับ ต้องซ้อมไว้ก่อนน่ะครับ” ชาติชายทำเสียงอ่อย “แล้วพี่ชายเขา ก็นั่งอยู่นี่ ต้องทำดี ๆ ครับ เดี๋ยวมันไม่ยกให้น่ะครับ” ชายทั้งสี่คนฮากันครืนใหญ่ประสานเสียงกันครื้นเครง ....................... ในห้องพักของโรงพยาบาล คนที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยพันด้วยผ้าไปครึ่งตัวกับไหล่อีกข้างหนึ่ง ไหล่ข้างหนึ่งนั้นก็ มีผ้าก๊อซสีขาวพันไว้จนหนาเตอะ ข้างเตียงนั่นสาวกระโปรงสั้นยืนกุมมือไว้ “ก็พี่เชษฐ์นี่ เล่นอะไรแผลง ๆ จะทำงานยังจะมาเอาอีก” สาวเจ้ากระเง้ากระงอด “ก็กลัวไม่สมจริงไง” คนป่วยนอนยิ้มกริ่ม “แล้วไงล่ะ วิ่งไปขาอ่อน โดนยิงกระจุย ดีไม่โดนหำ” “โดนก็มีคนอดซิ” คนป่วนนอนยักคิ้วอย่างทะเล้น สาวกระโปรงสั้นหยิกหมับ “เฮ้ย โอ๊ย รังแกคนป่วยเหรอ” “มันน่าซ้ำให้หำหดน่ะไม่ว่า” “ไอ้นุช ชักจะลามปามใหญ่ มันไม่หดหรอก มีแต่จะบานใหญ่น่ะไม่ว่า ช่วยไม่ได้ อยากนุ่งกระโปรงสั้น แล้วแทนที่ จะนุ่งข้างในจะได้มิดชิดก็ไม่นุ่งนี่หว่า” “ไอ้บ้าพี่เชษฐ์ นุ่งไปขากางเกงมันแลบก็แผนแตกซีวะ” สาวนุชค้อนขวับ “ใครจะไปนึกว่าจับคู่กับคนบ้ากามล่ะ” ประตูห้องพักเปิดออก ชายในชุดสากลเดินก้าวเข้ามาพร้อมกับนายร้อยตำรวจหนุ่มในเครื่องแบบอีกสองคน “ไงวะเชษฐ์ นึกยังไงวิ่งเอาสีข้างไปรับลูกปืน” คนในชุดสากลทักทายพลางรับไหว้ทั้งสองหนุ่มสาว “มันใส่มาจากชั้นสองน่ะครับ เลยไม่ทันระวัง ดีที่นุชเขาเห็นเลยเล่นมันทัน ไม่งั้นคงโดนซ้ำอีกแหละครับ” “อืมม คราวต่อไประวังกันหน่อยซีนะ ดีมากนะนุช ตอนนี้ให้พักสักอาทิตย์นึงนะ แล้วเดี๋ยวให้คนอื่นสรุปรายงาน ก็ได้ เชษฐ์ก็นอนพักไปก่อน หายแล้วค่อยว่ากันใหม่” ชายในชุดสากลบอก “คราวนี้ได้เยอะเลยนะครับ ตัดกำลังมันได้พอสมควรเลย” ปปส.หนุ่มบนเตียงกล่าวกับผู้เป็นนาย “เออว่ะ ข้างบนก็ถล่มโรงงานมันไปแล้ว คราวนี้ไอ้ตัวใหญ่คงดิ้นกันพล่าน ฮ่ะ ฮ่ะ” ชายผู้อาวุโสกว่าหัวเราะเบา ๆ หันไปมองลูกน้องทั้งสองคน “เออ แล้วนี่จะแต่งกันเมื่อไรเนี่ย” “คุณพ่อนะ” สาวนุช หรือวีรนุช เจ้าหน้าที่ ปปส. ค้อนขวับ “เอ่อ..” ชายหนุ่มบนเตียงพูดไม่ออก “เฮ่ย แต่ง ๆ กันเสียที่เถอะว้า” ผู้อาวุโสบอกพร้อมกับสบตาสองคนสลับกัน “อยู่ด้วยกันมาตั้งปีแล้ว จะได้มีหลานตา ไว้อุ้มเสียที” สองหนุ่มสาวหน้าแดง “พ่อนะ นุชยังไม่ได้อะไรสักหน่อย” “แกไม่ต้องมาโกหกพ่อหรอกน่า ทำอย่างกับพ่ออายุสัก 5 ขวบ” ผู้สูงอายุบอกลูกสาว “ถ้าจะว่า พ่อก็ว่าไปแล้ว ทำไม จะไม่รู้ล่ะ ไม่ได้ขี่สามล้อซะเมื่อไหร่ แกสองคนคิดจะปิดพ่อได้เหรอไง” สองหนุ่มสาวกลืนน้ำลาย “งานเราน่ะมันเสี่ยงตลอดเวลา อย่างวันนี้พอเชษฐ์ยังโดนเข้าไปสอง ถ้าเรามีลูก พ่อจะได้ให้เรามาทำงานสำนักงาน เสีย แต่ถ้าอยู่อย่างนี้ พ่อคงดึงแกออกจากงานสนามไม่ได้หรอก ยังไงแกก็เป็นเจ้าหน้าที่ฝีมือดีนะ” ผู้สูงวัยบอกตรง ๆ “อ้อ นี่จะให้หนูขึ้นไปนั่งทำงานสำนักงานหรอกเหรอคะเนี่ย” “ใช่แล้ว พ่อดึงเชษฐ์ขึ้นไม่ได้หรอก แต่ถ้าแกท้องแล้วมีลูก พ่อก็ดึงได้ อย่างน้อยที่สุดแกสองคนก็ต้องไปเสี่ยงได้ คนหนึ่ง แต่แกสองคนไปเสี่ยงอย่างนี้ พ่อก็ไม่ค่อยสบายใจหรอก แกน่ะลูกพ่อ พ่อต้องห่วงอยู่แล้ว ส่วนเชษฐ์นี่มัน ไม่ใช่ลูกก็เหมือนลูกเพราะเป็นคนที่ลูกสาวพ่อรัก พ่อก็ต้องห่วงอีกคน อย่าให้พ่อต้องห่วงมันทั้งสองคนเลยว้า” “แหม พ่อนี่..” สาวน้อยเดินเข้าไปสวมกอดพ่อตนเอง ชายหนุ่มยกมือขึ้นไหว้อย่างลำบากเพราะไหล่ข้างหนึ่งนั้น พันผ้าปิดรอยแผลกระสุนปืนไว้ “ขอบพระคุณครับ ผอ ออ.” “เอาละ ตกลงกันเมื่อไรก็บอกจะจัดงานให้ แล้วเชษฐ์ ถ้าแกยังไม่เลิกเรียกชั้นว่า ผอ ออ ชั้นจะส่งแกไปไกล ๆ เลย” “ครับ ท่าน” ชายหนุ่มรับคำ แต่พอเจอสายตาชายสูงวัยที่ถลึงใส่ก็รีบพูดต่อ “ครับ คุณพ่อ” “เออ ค่อยยังชั่ว รื่นหูหน่อย” ชายสูงอายุพูดแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “เดี๋ยวพ่อจะให้วันเพ็ญขึ้นไปประสานหน่วย ผู้การการุณย์เขาสักสี่ห้าวัน กลับมาค่อยประชุมวางแผนกันต่อ เอาเป็น อังคารสิ้นเดือนแล้วกัน แล้วนายเชษฐ์ด้วย ถ้ายังไม่หายดีก็พันผ้าเข้าประชุมแล้วกัน” “ครับ”.. “ค่ะ” สองหนุ่มสาวรับคำพร้อมกัน พอผู้สูงวัยเดินลับออกจากห้องไปสองคนนั่นก็หันมามองหน้ากัน “พ่อรู้ได้ไง พี่เชษฐ์..” วีรนุชถามขึ้น “โธ่ ผอ ออ นั่นระดับไหนแล้ว แต่ก็ดีนะ รู้แล้วรู้รอดกันไป พี่กลัวแต่จะหัวขาดเท่านั้น” ชายหนุ่มพูดเบา ๆ “หนอย กลัวหัวขาด” สาวเจ้าเข่นเขี้ยว “ทำงานอยู่ยังไม่วายเล่นซะเข่าอ่อนนะ กลัวหัวขาด นี่แน่ะ” “โอ๊ย” ชายหนุ่มร้องสะดุ้งตัวงอเมื่อสาววีรนุชตะปบขยำพวงสวรรค์เต็มมือ “แหม ขนาดเจ็บตัวยังมีแรงแข็งขันอีกนะพี่เชษฐ์” วีรนุชพูดตอนที่กำจนไอ้เจ้าท่อนเอ็นนั่นแข็งขึ้นมาคามือ “เมื่อเช้า ก็ทีนึงแล้วยังไม่หมดฤทธิ์อีก” “ก็แฟนพี่ทั้งสวยทั้งน่าฟัดขนาดนี้ ใครจะอดใจไหวกันเล่า” นายตำรวจ ปปส. นอนยิ้มเมื่อมือที่กำนั่นคลึงจนอวัยวะ ยืดตัวขึ้นมาเต็มลำ “อ๋อ เหรอ แล้วพยาบาลก็สวยด้วยซีนะเนี่ย สงสัยต้องมานอนเฝ้าเองแล้วมั๊งเนี่ย” สาวเจ้าแย้มพรายกระเซ้า “กลัวพยาบาลมาทำแทนเหรอจ๊ะ” “ไม่กลัวหรอกเจ้าค่ะ กลัวแต่แฟนตัวเองจะออกไปปล้ำพยาบาลเท่านั้นแหละเจ้าค่ะ” มือเรียวล้วงลงไปในกางเกง คนป่วยลูบคลำท่อนเอ็นแล้วรูดหนังเปิดหัวถอกเล่น นิ้วมือลูบเบา ๆ วนไล้ “อูยย อย่าลูบซี เดี๋ยวใครเข้ามา” คนป่วยประท้วง ทำเอาสาวเจ้าหยุดชะงักชักมือออกแล้วเดินไปกดล๊อกประตูห้อง “คราวนี้ไม่มีใครเข้ามาแล้ว” สาวเจ้าก้มถอดกางเกงในสีดำตัวจิ๋วออกโยนไปที่เก้าอี้ข้าง ๆ แล้วปีนขึ้นเตียงคนไข้ “เอาจริงเหรอน่ะ นุช” คนป่วยหน้าเหรอหราเมื่อเห็นแฟนสาวก้าวขึ้นคร่อม ปลดกางเกงตนเองล้วงเอาท่อนเอ็น ออกมาให้มันตั้งโด่เด่ ก่อนจะกดเนินกลีบแคมโยนีอวบ ๆ อุดมไปด้วยพงขนทาบลงไป “ต้องคิดบัญชีก่อน พี่เชษฐ์ แก้แค้นเมื่อเช้า” สาวเจ้าวางแคมทาบกดจนท่อนเอ็นราบลงไปกับหน้าท้องแล้วขยับ สะโพกไสไปมาช้า ๆ “จะได้ไม่มีแรงไปเที่ยวปล้ำพยาบาล อุ๊ย” สาวเจ้าอุทานเมื่อชายหนุ่มกระเด้าท่อนเอ็นให้ไหลไปมาอีกแรง “สู้เหรอ นี่แน่ะ” วีรนุชกดแคมยันไหลไปมาใสท่อนเอ็นอวบจนถ้ำทองหลั่งหยาดน้ำลงไปอาบเอ็นเนื้อชายหนุ่ม “สู้ซิ ใครจะไปยอมแพ้” ชายหนุ่มเกร็งเอวข่มความเจ็บแผลกระเด้าแล้วหยุดสูดปาก “อูยย เจ็บสีข้าง” “อ้าว เหรอคะพี่เชษฐ์ งั้นก็อย่ากระเด้าซิ นอนเฉย ๆ นุชทำเอง โอ๊ะ..” สาววีรนุชอุทานเมื่อหย่งตัวขึ้นนิดหนึ่งด้วยจะก้มลงมองแผลที่สีข้างแฟนหนุ่ม จังหวะนั้นเองพิเชษฐ์นายตำรวจหนุ่ม ก็ฉวยโอกาสที่แคมเนื้อยกสูงขึ้นจากท่อนเอ็นปล่อยให้มันกระดกขึ้นตั้งจรดปากถ้ำ ยกเอวดันมันมุดจมวาบเข้าใน รูเนื้อนุ่มมิดเงี่ยง “อูยยซซ” วีรนุชหยุดนิ่งครางเมื่อหัวเงี่ยงบานหยักมุดเข้ามาเต็มรู ถึงจะอยู่ด้วยกันมาหลายเดือน ถึงจะเคยกระหน่ำ เพลงกามากันมาชนิดฟ้าสว่างคาตามาหลายหน แต่ความอวบของท่อนเอ็นของพิเชษฐ์ก็ยังทำให้เธอรู้สึกเต็มแน่น ได้ทุกครั้งไป ยิ่งยามนี้เธอเป็นฝ่ายอยู่บน ไอ้หัวดอที่ฝังเข้ามามันกดยอดเนินจนเสียววาบต้องขมิบถ้ำยกค้างไว้ ”อืมม หยุดทำไมล่ะจ๊ะนุช” “เดี๋ยวซี มันเสียวนะ” สาวเจ้าค้อนขวับก่อนจะกดสะโพกลงช้า ๆ กลีบแคมแบะอ้ากลืนเอ็นลึงค์อวบเข้าไป มันครูด ผนังถ้ำดะไปจนเธอรู้สึกได้ตลอดเวลาว่ามันบุกเข้ามาในร่างของเธอถึงไหน เธอกดสะโพกลงพร้อมกับดื่มด่ำไปกับ ความรู้สึกยามที่ท่อนเอ็นของชายอันเป็นที่รักค่อย ๆ ขยับเขยื้อนเคลื่อนเข้ามาในร่างที่ร้อนรุ่มไปด้วยเพลิงกาม “อูย พี่เชษฐ์ขา เสียวจัง” “อืมม พี่ก็เสียวจะแย่ อูย” ถึงจะเสียว พิเชษฐ์ก็ข่มความเสียวยกก้นดันเอ็นแทงสวนขึ้นไปเป็นจังหวะ หัวถอกบานร่า ขยับไหวขยอกเข้าออกสั้น ๆ รูเนื้อก็ขมิบรับวาบ ๆ อย่างยินดีปรีดายามที่มันค่อย ๆ เคลื่อนกระดุบกระดิบเข้ามา “อืยยยยย.. ซซซซซ” สาวนุชครางพลางซบฟุบลงกับร่างของแฟนหนุ่มเบา ๆ เมื่อตนเองกดหน้าเนินลงแนบชิดสนิท ลงกับโคนเอ็น แก่นกายชายหนุ่มมุดเข้ามาในร่างจนหมดสิ้นเบ่งพองหยุบหยับเป็นจังหวะอยู่ในช่องแน่นหนั่น เธอ ขยักยักสะโพกเบา ๆ ให้โคนตอเอ็นบดบี้ติ่งเม็ดเนื้อเพิ่มความเสียวกำซาบแล่นไปทั่วร่างจนขนลุกเกรียว ๆ ชายหนุ่มเองก็หลับตาขบกรามจนขึ้นเป็นสันยามที่ท่อนเอ็นโดนครอบงำด้วยโพรงเนื้อนุ่มกระชับ เมื่อวีรนุชบดส่าย ทำให้ปลายหัวถอกบานครูดเอาเนื้อในโพรงที่บีบรัดขยับไปมาจนเขาเองก็เสียวมิใช่น้อย เอวแข็งแรงพยายามกระดก กระเด้าด้วยความปรารถนาให้แก่นเนื้อกายมุดเข้าออกให้สาแก่ใจ แต่ก็ต้องพ่ายแก่ความเจ็บแผลที่สีข้าง ทอดตัวลง นอนเฉย ๆ ปล่อยให้แฟนสาวเป็นผู้บรรเลงเพลงกามาอย่างเริงร่า นายตำรวจหนุ่มได้แต่นอนมองแฟนสาวที่ขึ้นนั่งคร่อมร่างของตน หัวเข่ากลมกลึงวางลงข้างสะโพกแข็งแรงของเขา สะโพกกลมกลึงดันโคกแคมเนื้อบดเบียดกับเอ็นกายเขาเป็นจังหวะแช่มช้า สองมือเท้าลงข้างศีรษะของเขา โน้มลง มาจูบประจบแน่น จมูกเรียวปล่อยลมหายใจฟืดฟาดเคล้าเสียงที่เปล่งออกจากลำคอระหงด้วยความกำหนัดเสียว โพรงโยนีเนื้อนั่นกระตุ้นเร่งเร้าอารมณ์เขาได้ไม่สิ้นสุด ด้วยมันบีบรัดกระชับโอบรัดท่อนเอ็นเนื้อพลางบดส่าย ไหวเคลื่อนไปมา พาเอาหัวถอกบานกวัดไกวไปทั่ว ยามถอนถอนออกจากแก่นกายก็ดังจะดูดเอาเรี่ยวแรงตาม ออกไป ยามที่บดเบียดเข้ามามันก็บดคลึงวน กระถอก กระตุ้น กระทบ กระแทกเพียงให้รู้สึกว่า ปลายหัวถอกบาน นั่นมุดเข้าไปจนสุดความลึกแห่งถ้ำทอง กระทบแก่นเนื้อในถ้ำกึกกัก จนแทบจะกลั้นความเสียวไม่ได้ และแล้ว แฟนสาวของเขาก็หยัดตัวตั้งขึ้น ถอดทึ้งดึงเสื้อตัวนอกและเสื้อในออกเหวี่ยงไปไม่ใยดี ช้อนเต้าอวบข้างหนึ่ง ส่งปลายจะงอยถันที่ตั้งชันเข้าสู่ปากของเขาที่อ้ารับแล้วดูดดุนปลายหัวนมด้วยความยินดี “อย่าขบนะ พี่เชษฐ์ บอกว่าอย่าขบ ว๊ายยย ซี๊ดดสสสสสสสสสสสสส” ในเมื่อนายตำรวจหนุ่มรู้จุดอ่อนของแฟนสาวจึงไม่ลังเลที่จะดูด ขบเม้มหัวนมแฟนสาวด้วยริมฝีปากนุ่มของตน วีรนุชครางแล้วสูดปากเมื่อความเสียวพุ่งขึ้นมาเมื่อโดนแฟนหนุ่มเม้มเอาหัวนม โพรงเนื้อกระตุกวาบ ๆ รัด ท่อนลึงค์อวบแน่น สะโพกกลมส่ายควงกระดกกระเด้ากระชั้นกระทั้นถี่เมื่อความเสียวพุ่งปราดขึ้นจนเสียวซ่าน ไปทั้งตัว ร่างบาง ๆ นั้นแอ่นกายเหยียดสั่นริก ๆ เกร็งแน่น ใบหน้าเรียวงามบูดเบี้ยว ขบฟันกรอด ๆ จนครู่ใหญ่ ร่างบาง ๆ นั้นจึงผ่อนลง เธอลืมตาขึ้นจ้องประสานตากับแฟนหนุ่ม “บ้า พี่เชษฐ์นี่ บอกแล้วว่าอย่าขบ อย่าขบ ไปเลยเห็นป่าว” ถึงดวงตาคู่นั้นจะค้อนใส่ แต่ก็ไม่มีแววเคืองขุ่น “อ้าว เห็นส่งหัวนมให้พี่นี่” “บ้า ก็รู้ว่าขบแล้วมันจะจี๊ดน่ะ อูย หมดแรงเลยเนี่ย พี่เชษฐ์ ขาสั่นเลย” พูดจบเธอก็ยกก้นขึ้นถอดเอาโคกเนื้อนุ่ม หลุดออกจากแท่งเอ็นที่หลุดออกมาตั้งแกว่งแล้วตกลงแนบหน้าท้อง แท่งเนื้อมันปลาบอาบด้วยน้ำเมือกใสพอง กระดกอยู่หงึก ๆ หยาดน้ำเมือกที่อาบชุ่มท่อนเอ็นหยดแหมะลงกับหน้าท้องแบนราบ วีรนุชก้าวลงจากเตียงลงไปยืนหายใจเหนื่อย ๆ ด้านข้างสองแก้มแดงระเรื่อ “แกล้งดีนักนะพี่เชษฐ์ มานี่” เอก้มลงมือจับประคองท่อนเอ็นเนื้อให้ตั้งขึ้นแล้วครอบปากลงไป อมหัวถอกบาน ผลุบหายเข้าไปในกระพุ้งแก้ม ออกแรงดูดกับใช้ลิ้นเรียวนุ่มม้วนรัดหัวถอกบานจนพิเชษฐ์เสียววาบ ๆ ตามจังหวะ ที่เธอเลียลิ้นวนเน้นที่หัวถอกไวความรู้สึก “อูย ซซ อย่าดูดแรง เสียว” พิเชษฐ์ผงกหัวขึ้นบอกเบา ๆ “ไม่รู้ล่ะ ตานุชมั่ง จะดูดให้หมดแรงเลย” เธอคายหัวถอกออกจากปาก เงยหน้าขึ้นบอกแล้วก้มลงดูดต่อ มือช้อนถุงไข่นุ่มนิ่มขึ้นคลึงเบา ๆ ปากอมดูดแล้วก้มยกขึ้นลงกระถอกท่อนเอ็นด้วยกระพุ้งปากนุ่ม กดปากลงจนมัน กลืนเอาท่อนเอ็นเข้าไปจนชนเพดานปาก คายมันออกมาแล้วลากลิ้นขึ้นลงไปตามลำท่อนเอ็น มือกำแก่นเนื้อกระชับ กระถอกรูดเป็นจังหวะ กดปลายลิ้นลงแหย่ปากรูปลายหัวแล้วเกลี่ยวนไล่รอบหัวถอกบานร่า พิเชษฐ์หลับตา ข่มความเสียวที่โดนแฟนดูดอมกำกระถอกท่อนเอ็นเน้นแน่น ความเสียวพุ่งขึ้นเป็นริ้ว ๆ เขาเองก็ ตระหนักดีว่า แฟนสาวมีจุดอ่อนที่หัวนมเม็ดน้อย ยามที่เขาสอดใส่กระแทกเอ็นเข้าโพรงเนื้อเธอแล้ว เมื่อเขาเม้มขบ หัวนมเธอ วีรนุชจะถึงจุดสุดยอดอย่างฉับพลัน ส่วนตัวเขาเองคือ เมื่อวีรนุชดูดเลียแท่งเอ็นเขาอยู่ เมื่อใดที่เธอเขี่ย ฝีเย็บตรงรอยต่อใต้ถุงไข่กับรูทวารแล้ว เขาก็จะกลั้นน้ำไว้ไม่ไหว ต้องหลั่งทะลักออกไปจนแห้งเหือดเมื่อนั้น สาววีรนุชอมดูดจนร่างของแฟนหนุ่มเกร็งเขม็งด้วยความเสียว เธอดูดเม้มหัวถอกด้วยริมฝีปากนุ่ม มือกระถอก ท่อนเนื้อเป็นจังหวะจนท่อนเอ็นในมือพองเบ่ง แล้วเธอก็รุกฆาต ดันหัวไปข้างหน้าอ้าอมท่อนเอ็นแฟนหนุ่มเข้าไป จนสุดลำคอ พงขนแข็งของแฟนหนุ่มเขี่ยระปลายจมูกจนจั๊กจี้ไม่ใช่น้อย แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ ปลายนิ้วที่ กำลังคลึงพวงข่ของแฟนหนุ่มเหยียดลงไปยังเป้าหมายที่เธอรู้ดี แล้วกดปลายเล็บลากแผ่ว ๆ ไปตามรอยฝีเย็บ พร้อมกับทำเสียฮึมอยู่ในลำคอ “โอ๊ะ อ๊าซซซซซซ” พิเชษฐ์เกร็งร่างแน่นเมื่อโดนโจมตีเข้าจุดอ่าน ปลายเล็บที่ลากไปตามฝีเย็บทำเอาเอวเขากระตุกยึก ๆ ด้วยความเสียว มันพุ่งขึ้นจากโดนตอเอ็นแผ่วาบซ่านไปทั้งตัว แล้วแฟนสาวก็ส่งเสียงคราง ลำคอนุ่มสั่นไหวระรัวยามที่เธอเปล่ง เสียงทำเอาหัวถอกบาน ๆ ที่แนบอยู่กับเพดานคอนั่นเสียวจนสุดระงับยับยั้ง ร่างแข็งแรงแอ่นหยัดกระดกเอวขึ้น แก่นเนื้อที่เสียวจี๊ดนั้นเบ่งพองขึ้นอีก แล้วสายธารกามาอุ่นคาวก็ทะลักพรวดออกไปจากท่อนลึงค์ดังกระสุนปืน พุ่งออกไปเข้าสู่กระพุ่งปากของแฟนสาวที่ขยับถอยออกไปนิดหนึ่งอย่างรู้จังหวะ ถึงเธอจะรอจังหวะนั้นอยู่แล้ว แต่น้ำกามขาวขุ่นระลอกแรกที่พุ่งออกมาจากลำเอ็นของพิเชษฐ์ มันแรงจนพุ่งลงสู่ ลำคอของเธอแล้วเอ่อท้นเข้ามาเต็มกระพุ่งแก้ม มือเธอกำท่อนเอ็นที่กระตกวาบ ๆ กระถอกลงจนสุดแล้วบีบรูดดัง จะรีดเอาน้ำกามทั้งหมดเข้าสู่ปาก ดังคนที่กระกายอย่างมาก เธอดูดกลืนเอาน้ำกามขาวขุ่นคาวของพิเชษฐ์ผ่าน ลำคอเข้าไปอย่างไม่ละลด อุ้งมือที่ประคองถุงไข่กดคลึงเบา ๆ ปลายนิ้วลากเล็บลงที่ฝีเย็บจุดอ่อน ปลายลิ้นกดเลีย รับหยาดน้ำที่ฉีดพุ่งออกมาจากปลายหัวบาน แล้วออกแรงดูดเลียวนลิ้นไปรอบ ๆ หัวถอก พิเชษฐ์ขยุ้มผมของวีรนุชมือสั่นระริก ร่างแข็งแรงเกร็งหยัดแน่น ยามที่กำลังหลั่งน้ำอยู่นั่น ปลายหัวถอกบานยิ่งไว ต่อความรู้สึกมากขึ้นเป็นทวีคูณ ความรู้สึกบอกตนเองว่า ท่อนเอ็นฉีดพ่นน้ำกามเข้าสู่ปากคอแฟนสาวเป็นระลอก แล้วก็ต้องเกร็งกระตกเฮือก ๆ เมื่อแฟนสาวเลียไล้อมดูดหัวถอกจนเสียจี๊ดไปทั้งลำเอ็นทั้งท้องน้อย “โอย โอย โอย..” พิเชษฐ์ครางเมื่อหัวถอกโดนดูดซ้ำย้ำแน่นกระชับด้วยกระพุ่งปากและปลายลิ้น น้ำกามของเขา ฉีดพ่นออกไปจนเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันหมดยุ้งเก็บหรือไม่ ด้วยความเสียวที่โดนกระตุ้นไม่หยุด ร่างเขาสั่นอย่างระงับ ไม่ได้เมื่อปลายหัวถอกยังโดนดูดโดนเลียอยู่อย่างนั้น จนรู้สึกว่าปากนุ่มนั่นดูดเอากำลังวังชาของเขาออกไปจน แห้งเหือด ปล่อยให้เขานอนหายใจระรวย เป่าลมจนปากแห้งผาก “เป็นไงล่ะ” ใบหน้าสวยแฉล้มก้มลงมาจ้องตา ปากเรียวยิ้มละไม “โหยย หมดแรงแล้ว” พิเชษฐ์บอกเมื่อปลายนิ้วเรียวยังวนไล้รอบปากรูหัวเอ็น “ดีแล้วค่ะ งั้นนุชกลับก่อนนะ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวเย็น ๆ มานะคะ” สองมือดึงชายกางเกงของพิเชษฐ์ ขึ้นปิดท่อนเอ็นที่หดตัวลงพังพาบกับหน้าท้อง “จ๊ะ..” “อยากกินอะไรไหมพี่เชษฐ์ จะได้หิ้วมาฝาก” วีรนุชบอกขณะที่สวมเสื้อ แล้วล้างแปรงออกมาสางผม “อยากกิน.. พยาบาล” พิเชษฐ์กระเซ้า วีรนุชหันขวับมาจ้อง ทำเข่นเขี้ยว “ดี งั้นเดี๋ยวดึก ๆ จะดูดให้แห้งตายเลย” “จ้า รีบไปรีบมานะนุช” พิเชษฐ์พูดอย่างอ่อนแรง “ค่า พ่อสามีคนเก่ง” วีรนุชบอก คว้ากระเป๋าถือขึ้นสบายไหล่หันเดินออกไปจากห้อง

With No Remorse Chapter 19

With No Remorse Chapter 19 ในห้องรับแขกนั้น ชาติชาย วรวุฒิ ศรัณย์ กับชายหนุ่มอีกสองคน นั่งล้อมโต๊ะตัวเล็กก้มหน้าคุยกันง่วน เสียงโทรศัพท์ วรวุฒิดังขึ้นเจ้าตัวจึงปลีกตัวไปรับโทรศัพท์ ครู่ใหญ่ ๆ ก็เดินกลับมา “เฮ้ย งานเข้า” เสียงดังตั้งแต่ตัวยังเดินมาไม่ถึง “ผู้การเรียก ไอ้ชายกับรัณย์ไม่ต้องเว้ย ไม่ใช่เรื่องนี้ เรื่องต่างด้าว เดี๋ยว พวกข้าไปรับงานก่อน” “งั้นผมติดรถกลับไปบ้านด้วยครับพี่” ศรัณย์ร้องบอกพร้อมกับเก็บของ “ดี กูกลับด้วย” ชาติชายบอกเรียบ ๆ ลุกขึ้นช่วยเก็บของ ขณะที่กำลังช่วยกันปิดบ้านนั่น โทรศัพท์ของวรวุฒิก็ดังขึ้นอีก “ว่าไง ยายก้อย... อ้าว.. แล้วไงล่ะ.. เดี๋ยวพี่จะออกไปทำงานก่อนแหละ.. เหรอ ได้ ๆ เดี๋ยวให้ไอ้ชายมันรอแล้วกัน แค่นี้” วรวุฒิปิดโทรศัพท์ขณะที่ชาติชายหันมามองเลิกคิ้ว “ชาย ไอ้ก้อยมันกำลังกลับบ้าน มันลืมกุญแจบ้านน่ะ เอ็งช่วยรอ ยายก้อยหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวมาแล้วค่อยกลับ” “ได้ แล้วเอ็งกลับมากี่โมง” ชาติชายบอกเรียบ ๆ “ไม่รู้ว่ะ เดี๋ยวไปแล้วจะโทรมาบอก ยังไงฝากดูด้วยแล้วกัน” วรวุฒิบอกพลางหยิบของ ชาติชายยักไหล่ “นี่ข้ามาเป็นขี้ข้าเอ็งแต่เมื่อไรวะ” ชาติชายบ่นพึมพำ วรวุฒิเดินโฉบเข้ามาใกล้ ๆ พูดกันให้ได้ยินกันแค่สองคน “หัดไว้ ไอ้ชาย ไอ้น้องเขย ฮ่า ฮ่า ฮ่า” พูดจบก็ออกเดินตัวปลิวออกจากบ้านไป ชาติชายกลับมานั่งที่โต๊ะเปิดโทรทัศน์ นั่งดูฆ่าเวลาระหว่างที่ไม่รู้จะทำอะไร “สวัสดีค่า พี่ชาย” เสียงใส ๆ ของสาวน้อยดังขึ้น ชาติชายหันไปดูเห็นสาวน้อยในชุดนิสิตกำลังถอดรองเท้า “สวัสดีจ๊ะ ร้อนไหม วันนี้ทำไมเลิกเร็วล่ะ บ่ายไม่มีเรียนเหรอ แล้วยังไงถึงได้ลืมกุญแจบ้าน” ชาติชายถาม สาวน้อย ยืนเบิกตาเลิกคิ้ว “พี่ชายยยย” เสียงถามแหลมสูงจนชาติชายเลิกคิ้วบ้าง “ทำไมเหรอ” “ก็โห ถามซ้า... ยังกะเป็นผู้ปกครองงั้นน่ะ” ตอบพร้อมกับเม้มปาก “ค่า ก้อยเลิกเร็วเพราะวันนี้มีเรียนแค่ครึ่งวันเจ้าค่ะ บ่ายไม่มีเรียนเจ้าค่ะ แล้วเมื่อเช้าก็ตื่นสายไปหน่อย เตรียมกับข้าวกับปลาให้พี่แก้วอยู่ เลยลืมหยิบกุญแจบ้าน เจ้าค่า....” “โห แค่นี้ มีประชด” ชาติชายลุกเดินไปรินน้ำเย็น ๆ มายื่นส่งให้ “อ่ะ กินน้ำก่อนนะ” “พี่ชาย นี่บ้านก้อยนะ” “อ้าว จริงดิ งั้นไม่ต้องกินแล้วกัน” ชาติชายทำท่าจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม สาวน้อยพุ่งเข้าแย่งแก้วน้ำจากมือ ตอนที่มือ กระทบกันทำเอาน้ำกระฉอกรดทั้งสองคนจนเปียกไปด้วยกัน สาวน้อยยืนหน้าบึ้งขณะที่ชาติชายหัวเราะ เช็ดน้ำ ออกจากใบหน้าตัวเอง “ดูเด่ะ เปียกหมดเลย” คำพูดกระเง้ากระงอดทำให้ชาติชายยิ้มมากขึ้น “ยังจะมายิ้มอีก เดี๋ยวเหอะ” “เอาน่า ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซะไป๊” สาวน้อยสะบัดหน้า คว้าหนังสือเดินตึง ๆ ขึ้นชั้นบน ครู่ใหญ่สาวน้อยก็เดินลงมาโดยเปลี่ยนจากชุดนิสิตมาเป็นเสื้อยืดแขนกุดคอกว้างอวดเนินอกผุดผ่องกับกางเกงขาสั้น อวดเรียวขาระหง “พี่ชายกินอะไรดีคะ มื้อเย็นน่ะ” สาวน้อยชะโงกหน้าถามมาจากประตูห้องครัว “ไม่ละ เดี๋ยวพี่กลับแล้ว” “อ้าว เหรอคะ” เสียงสลดไปนิดหนึ่ง “พี่แก้วกลับมากินข้าวป่าวคะ” “ไม่รู้มัน มันบอกว่าเดี๋ยวจะโทรมาบอก” “แหม พูดไม่เพราะเลย ผู้ชายเนี่ย” “อ้าว...” “ก็จริงนี่คะ หรือจะเถียง” “ก็นิด ๆ หน่อย ๆ เองแหละน่า พี่ก็พูดกับเพื่อน ๆ เท่านั้นเอง” “นั่นแหละ เดี๋ยวจะโทรไปฟ้องคุณป้า” “อ้าว...” “แน้..พี่ชายนี่ พูดเป็นแต่อ้าว อ้าว เหรอคะเนี่ย” “อ้าว... ไหงงั้นล่ะ จะให้พูดอะไรล่ะ” “ไม่รู้แล้ว โกรธแล้ว” พูดจบสาวน้อยก็สะบัดหน้าเดินหายลับขึ้นไปข้างบนปล่อยให้ชาติชายนั่งงงอยู่คนเดียว เขานั่ง ส่ายหัวเบา ๆ แล้วหันไปดูโทรทัศน์ต่อได้ครู่ใหญ่ ๆ สาวน้อยก็เดินตุ๊บ ๆ มายืนข้างหลัง “พี่ชายคะ จะกลับบ้านจริงเหรอ” “อ้าว เดี๋ยวพี่ก็ต้องกลับบ้านซีครับ เดี๋ยววุฒิก็คงกลับแล้วมั๊ง” “ไม่หรอกค่ะ พี่แก้วบอกว่าไม่กลับจะออกไปทำงานเลย คงอีกสักสามสี่วัน” “อ้าว เหรอ มันโทรมาแล้วเหรอ” “ค่ะ โทรมาเมื่อกี้ พี่ชายอยู่เป็นเพื่อนก้อยได้ไหมคะ” “ก็ได้จ๊ะ ค่ำ ๆ ค่อยกลับก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก วุฒิออกไปทำงานนี่พี่คงว่าง ๆ อยู่หรอก” “ไม่ใช่ค่ะ อยู่กลางคืนน่ะ” น้ำเสียงเริ่มกระเง้ากระงอด “อืมม จะดีเหรอ” ชาติชายครุ่นคิด แหงนหน้าขึ้นมองสาวน้อยที่ก้มลงมาจ้องตา “นะคะ นะคะ ก้อยอยู่คนเดียว เหงาด้วย เบื่อด้วย ทุกครั้งเลย” “แล้วให้พี่มาอยู่เป็นตัวตลกเหรอ พี่เล่นตลกไม่เป็นด้วยนา” “มาอยู่เป็นเพื่อนก้อยไงคะ แบบคุยกันน่ะ เผื่อก้อยถามการบ้านมั่ง” “งั้น.. พี่จะรู้เรื่องเหรอนั่น เรียนมาคนละเรื่องเลยน่ะนะ” “แหม ก้อยก็ถามที่พี่ชายรู้เรื่องซีคะ เหอะ ไม่อยากก็ไม่ต้องก็ได้” สาวน้อยเดินหายลับขึ้นไปข้างบนอีกครั้ง สาวน้อยหายไปอีกพักใหญ่ก็เดินกลับลงมา “พี่ชายคะ พี่ชายจะไม่แต่งงานกับก้อยตามที่คุณป้าบอกใช่ไหมคะ” “หา อะไรนะ” ชาจิชายสะดุ้งลุกขึ้นนั่งตัวตรง “พี่ชายจะไม่แต่งกับก้อยตามที่คุณป้าบอกใช่ไหมคะ” “ใครบอกล่ะ” “ก็เนี่ย ก้อยบอกอะไรก็ไม่เห็นจะทำสักอย่าง” “อ้าว...” “ก็จริงนิ ก้อยขอให้มาอยู่เป็นเพื่อนก็ไม่มา ใหิ้อยู่กินข้าวก็ไม่อยู่” “อ้าว...” “แล้วยังจะมากวนโทโสก้อยอีก ฮือ..” คราวนี้สาวน้อยยืนร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทางลงมาอาบแก้ม “เฮ้ย..อ้าว ร้องไห้เรื่องอะไร” ชาติชายลุกขึ้นเดินไปโอบไหล่สาวน้อยเข้ามากอดเบา ๆ “ขี้แยซะ..” “ไม่ต้องมาว่าก้อยเลย โกรธแล้ว” “โกรธอะไรเล่า พี่ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย แล้วก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่แต่งงานสักนิด แค่บอกว่าพี่อยู่ค้างคืนมันจะไม่ดี เท่านั้นเอง” ชาติชายกอดพลางลูบไหล่มน ๆ เบา ๆ กลิ่นกายสาวโชยเข้าจมูกรวยรื่น “แหม ก้อยโตแล้วนะคะ” “ก็นั่นแหละ อย่างที่แม่ว่านั่นแหละ ใครเขาจะมองไม่ดีไง” “ช่างเขาดิ” “แต่ก้อยจะเสียหายนะ” “เรื่องของก้อย คนอื่นไม่ได้มาเป็นอะไรกับก้อยนี่” “อ้าว...” “งั้นพี่ชายกินข้าวก่อนแล้วค่อยกลับนะคะ นะคะ นะ น้า...” ใบหน้าสวย ๆ อ่อนเยาว์นั้นเงยขึ้นออดอ้อน “อืมม ตกลง เดี๋ยวพี่โทรบอกศรัณย์ก่อน เขาจะได้รู้ว่าพี่ไม่กลับไปกินข้าวน่ะ” “ได้ค่า... งั้นก้อยไปทำกับข้าวแล้วนะคะ” ................... “เดี๋ยวคืนนี้มีของมาส่ง จ่าชดช่วยไปรับของหน่อย หลังขนส่งน่ะ” เสี่ยใหญ่บอกลูกน้องคนใหม่อดีต ตชด.นอกแถว “ครับ กี่โมงครับเสี่ย แล้วจะให้เอาไปไหนครับ” “สัก สี่ทุ่มน่ะ เอาไปเก็บไว้ที่บ้านที่บ่อสร้างก่อน ระวังด้วยล่ะ” “ได้ครับ แล้วเสี่ยล่ะครับ” “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวอั๊วกลับบ้านเลย” เสี่ยใหญ่บอกแล้วลุกขึ้น “จ่าไปส่งที่บ้านแล้วก็ตามสะดวกแล้วกัน เสร็จแล้ว โทรบอกหน่อย แค่นั้นก็พอ เดี๋ยวอีกสักสามวันค่อยไปส่งของกัน” “ครับเสี่ย” เสี่ยใหญ่เดินนำหน้าจ่าตำรวจออกจากห้องทำงาน พอขึ้นนั่งก็หยิบโทรศัพท์เคลื่อนที่ขึ้นมากดหมายเลข ................... “ตกลงตามนั้นเลย เสี่ย ผมจะให้คนไปรับของ แต่ช่วงนี้คงต้องระวังตัวหน่อยแล้วนะเสี่ย ดูเหมือนมันจะใกล้ตัวเสี่ย เข้าไปทุกทีแล้วมั๊ง” ผู้ช่วยรัฐมนตรีหนุ่มใหญ่นอนเอกเขนกอยู่บนที่นอน “ครับ ผมมีคนคุ้มกันใหม่แล้วครับ ท่านไม่ต้องห่วงนะครับ” “อือมมม เสียดายลูกชายเสี่ยนะ ยังหนุ่มยังแน่น” “ท่านพอจะระแคะระคายว่าฝีมือใครไหมครับ” “ยังเลยนะ ทางนี้เงียบ ๆ อยู่ ผบ.ตร. ก็ไม่ได้ว่าอะไร” ผู้ช่วยรัฐมนตรีหันไปมองประตูห้องที่เปิดแง้มออก “แล้วคราวหน้า จะให้ใครมาส่งของล่ะ” “เดี๋ยวผมมาเองครับ ขับรถล่องมาเลยกับลูกน้องอีกคน คนเก่าโดนเก็บไปหมด ต้องค่อย ๆ หาคนมาแทนครับ” “ก็ดีนะ จะได้มาคุยกันบ้าง พาคุณพัชราภามาด้วยซี จะได้มาพักสมอง” ปากก็พูดอย่างหนึ่งแต่ในหัวนึกภาพเมีย สาวใหญ่ของเสี่ยกิมเล้ง ยามที่เปลือยกายให้เขาเอาท่อนเนื้อทะลวงรูฉ่ำน้ำเมื่อคราวที่แล้ว “เดี๋ยวคราวหลัง ผมพามาพักผ่อนครับ คราวนี้ส่งของเดี๋ยวจะเอิกเกริก” “พามาก็ช่วยปกปิดด้วยไง ก็โอเคนะเสี่ย งั้นแค่นี้นะ” ผุ้ช่วยรัฐมนตรีบอกตัดบทสนทนา “ครับท่าน สวัสดีครับ” ................... ชาติชายส่งจานที่ล้างจนสะอาดไปให้สาวน้อยที่รับไปเช็ดจนแห้งหมาดแล้วคว่ำวางลงกับตะแกรงสำหรับวางจาน “พี่ชายอยู่เป็นเพื่อนก้อยไม่ได้จริง ๆ เหรอคะ” เสียงถามอ่อย ๆ “มันไม่ดีไงล่ะจ๊ะ” ชาติชายตอบเรียบ ๆ หันไปยิ้มให้สาวน้อยที่ยืนหน้าง้ำอยู่ข้าง ๆ ปิดน้ำที่ล้างจานอยู่แล้วเอาฟองน้ำ เช็ดอ่างล้างจานจนหมาด “ใครรู้เข้าเขาจะเอาไปพูด สาวน้อยก็เสียหายไง เกิดไปเข้าหูแม่เข้า มีหวังโดนเทศนากันอีก” คราวนี้สาวน้อยไม่ได้ออดอ้อนออกฤทธิ์แต่เดินขึ้นชั้นบนไปเงียบ ๆ ชาติชายถอนหายใจเบา ๆ จัดการปิดประตูหลังบ้าน แล้วไล่ปิดหน้าต่างครัวลงกลอน ปิดไฟแสงสว่างจนเรียบร้อย แล้วไล่ปิดมาถึงห้องนั่งเล่น จัดการปิดหน้าต่าง ปิดไฟ ในห้องเปิดไฟหน้าประตูบ้าน เงยหน้าขึ้นมองชั้นบนที่สาวน้อยหายเงียบขึ้นไปครู่ใหญ่แล้ว เขาชั่งใจก่อนจะปิด ประตูบ้านลงกลอนไว้ก่อน แล้วพาร่างเดินขึ้นชั้นบนตรงไปยังประตูห้องสาวน้อยที่ปิดเงียบ ยกมือเคาะประตูเบา ๆ พอไม่มีเสียงตอบก็ค่อย ๆ แง้มประตูมองเข้าไปในห้อง เตียงนอนว่างเปล่าพาให้เขาฉงนใจว่าสาวน้อยหายไปอยู่ที่ไหน แต่พอหันกลับมาร่างขาว ๆ ก็โดดเข้าใส่กอดคอแน่น อกอวบตันในเสื้อยืดบดอัดกับหน้าอก สองขาเรียวนวลรัด รอบเอวเขาไว้ ชาติชายโอบแขนรัดรับร่างประเปรียวนั้นไว้แน่นด้วยกลัวเธอจะหล่น “นี่แน่ พี่ชาย” ใบหน้างามจิ้มลิ้มยิ้มกริ่ม “อืมม อยู่นี่เอง เห็นเงียบ พี่เลยขึ้นมาดู จะกลับแล้ว” “ไม่ให้กลับ” สาวน้อยบอกแล้วแนบร่างเข้ากอดซุกหน้าลงกับซอกคอแน่น “ขี้โกงแล้วนะ” “ไม่รู้ล่ะ ก้อยไม่ให้กลับ” พูดแล้วกอดแน่นขยับตัวที่เลื่อนไหลทำเอาเป้ากางเกงไถเอากับเป้ากางเกงชาติชาย ปลุก ท่อนเนื้อขึ้นมาช้า ๆ ชาติชายใจหายเมื่อรู้สึกว่าท่อนเอ็นเนื้อโดนกระตุ้นอย่างที่สาวน้อยก็ไม่ได้ตั้งใจ “นี่สาวน้อย อย่าโกงซีครับ ปล่อยเถอะ” “ไม่ปล่อย ไม่ปล่อย” สาวน้อยขยับตัวรัดแน่นขึ้นแล้วก็ตื่นตะลึงตัวแข็งหน้าแดง เมื่อเป้ากางเกงที่แนบแน่นรู้สึกถึง ท่อนลำเนื้อของชาติชายที่แข็งขึ้นมาเป็นลำ พองตัวส่งความแข็งผ่านเนื้อผ้าขึ้นมากดโคกเนินตัวเอง “อุ้ย..” “หือ..เป็นอะไร” “ไม่รุ๊..” ใบหน้าแดงซ่านซุกเข้ากับซอกคอ แต่ก้นกลมกลึงขยับไปมาเบา ๆ “ก้อย หยุดนะ พี่ชายไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ” ชาติชายหน้าตาตื่นเมื่อรู้สึกว่าสะโพกกลมกลึงนั่นขยับจนเป้าโหนก ขยับไถท่อนเนื้อเขาอยู่เบา ๆ “น้องก้อย..” “ขา..” เสียงขานรับมาจากซอกคอดังสั่นกระเส่า เรียวแขนรัดร่างชาติชายจนรู้สึกถึงกระเปาะเต้าบดอัดเข้ามากับอกเขา “พอเหอะ นะจ๊ะ” “ไม่..” ใบหน้าที่เงยขึ้นสบตานั้นแดงซ่าน “อย่าดื้อซิครับ” “จะดื้อ..” ชาติชายรัดร่างนั้นแน่นขึ้นเพราะตัวสาวน้อยทำท่าจะไถลลง “สาวน้อย เดี๋ยวเลยเถิดนะครับ” “อืมม.. ช่างมัน” สาวน้อยตอบแผ่วหวิว พยายามรัดร่างตนเองไว้กับร่างชาติชาย “พี่ชายรักก้อยหน่อยซีคะ” “พี่ชายก็รักสาวน้อยอยู่แล้วนี่” ชาติชายขยับตัวเข้าไปในห้อง พยายามขยับตัวเดินไปเพื่อจะวางร่างสาวน้อยลงบนเตียง แต่นั่นก็เท่ากับว่าตัวเขาเองขย่มร่างสาวน้อยจนโหนกเนื้อที่เบียดอยู่กับท่อนเอ็นถูไถกันมากขึ้น “ไม่เอานี่ ก้อยอยากให้พี่ชายรักก้อย เหมือนรักพี่รจนะ” ชาติชายขยับเดินมาจนถึงที่นอนแล้วแต่วางไม่ลงเพราะแขน สาวน้อยรัดคอเขาแน่น จึงทำได้เพียงทรุดตัวลงนั่งกับขอบเตียง สาวน้อยก็ยังไม่ยอมปล่อยมือเพียงคลายวงแขนยันร่าง อวบออกห่างพอจะจ้องดวงตาสุกใสตรงมาที่ดวงตาของเขา “พี่ชายรักก้อยได้ไหมคะ” “ได้จ๊ะ แต่พี่ว่ามันยังไม่ถึงเวลานะสาวน้อย” “ก้อยไม่อยากรอนี่คะ” ยามนั้นสาวน้อยรู้สึกถึงท่อนเนื้อแก่นกายแข็งเขม็งที่ตนเองนั่งทับอยู่ส่งผ่านความร้อนผะผ่าว แผ่ขึ้นจากหน้าเนินโหนกในกางเกงขาสั้นแผ่ขึ้นมาจนร้อนไปทั้งตัว ธรรมชาติทำให้เธอขยับดันโคกนูนในกางเกงแผ่ว ๆ ทำให้หน้าเนินโคกไถไปมา “เอาไว้ สาวน้อยเรียนจบก่อนดีกว่านะ” ชาติชายพยายามข่มกลั้นอารมณ์ทั้ง ๆ ที่โคกเนินสาวถูไถจนท่อนเอ็นเขาพอง แข็งจนอึดอัดคับแน่นอยู่ในกางเกง “ไม่เอา..” สาวน้อยจ้องหน้าชาติชายเขม็ง ดวงตาสุกใสเริ่มมีน้ำรื้นขึ้นมาเอ่อขอบตา ชาติชายก้มลงหอมแก้มนวลนั้นเบา ๆ สาวน้อยพริ้มตาหลับขับหยาดน้ำใส ๆ ไหลร่วงลงมาตามพวงแก้ม “ร้องไห้ทำไม สาวน้อย” ชาติชายจับศีรษะแนบลงกับหน้าอกกว้าง “ก็ พี่ชายไม่รักก้อย” “ใครว่าพี่ชายไม่รักก้อยล่ะ” “ก็พี่ชายเอาแต่จะกลับบ้าน แล้วก็ไม่ยอม.. ทำ..” ชาติชายดันไหล่น้อย ๆ นั้นผละออก นิ้วมือช้อนคางเรียวยกขึ้น ดวงตาสุกไสอาบด้วยหยาดน้ำตา เขามองจ้องลงไปใน ดวงตาคู่นั้นอึดใจใหญ่ ๆ จึงค่อย ๆ ก้มลงไป สัมผัสนุ่มนวลที่ริมฝีปากอ่อนนุ่มจากเรียวปากที่แข็งแกร่งทำเอาสาวน้อยวาบไปทั้งตัว รู้สึกเหมือนมีกระแสความร้อน พุ่งออกจากบริเวณที่ริมฝีปากประกบลงมานั้นแล่นวาบไปทั่วตัว เรี่ยวแรงดูจะเหือดหายไปจนหมดสิ้น กายสาวสั่นเทิ้ม ด้วยฤทธิ์คลื่นกระแสอันอบอุ่น แผ่นหลังรับความรู้สึกของสองมืออันแข็งแกร่งโอบกอดแนบรั้งตัวให้แน่นกระชับ พลางลูบไล้แผ่นหลังจนเธอรู้สึกอุ่นวาบ ดวงตาคู่งามหลับพริ้มลงแม้เมื่อริมฝีปากของชายหนุ่มจะถอนออกไปแล้ว ใบหน้าคมสันโลมไล้ลงมาตามลำคอ ลมหายใจอบอุ่นเป่าปัดลำคอผ่องจนสาวน้อยขนลุกเกรียวไปทั้งตัว ความร้อนรุ่ม ก่อกำเนิดขึ้นบริเวณท้องน้อยแล้วค่อย ๆ แผ่กระจายออกจนวาบหวามซาบซ่าน อุ้งมือแข็งแกร่งช้อนขึ้นมาตามสีข้าง เลื้อยไต่ขึ้นมาตามตัวเสื้อเขี่ยปัดปลายนิ้วลงกับข้างเต้าอวบแล้วยื่นไหลเลื่อนเข้ามาประกบเต้าตูมเต่ง “ฮือ...” สาวน้อยส่งเสียงลอดจมูกเมื่ออุ้งมือร้อนผะผ่าวประกบลงกับยอดเต้า เม็ดติ่งจะงอยเนื้อลุกชันจนเสียวสูบเมื่อ อุ้งมือแข็งกระด้างของชาติชายบดลงคลึงวน เรียวปากของเขาจูบลงกับซอกคอไล่เล็มไปที่ลาดไหล่ สองมือนั่นลดลง เกี่ยวเกาะชายเสื้อแล้วยกขึ้นอย่างนุ่มนวลจนสาวน้อยต้องยกแขนเรียวขึ้นให้เขายกเสื้อยืดออกไปทางศีรษะ ปลดปล่อย เต้าตูมเต่งตึงนวลเนียนออกมาสู่อิสระกลางแสงไฟ สองมือของชายหนุ่มช้อนกอบเต้าตูมยกขึ้นจนสาวน้อยต้องยกอกแอ่นขึ้นรับใบหน้าคมสันที่ก้มลงสู่ปทุมเต่งตึง ยามที่สายลมอุ่นเป่ารดลงมาบนเนินเต้าส่งความเสียวกระสันแผ่ขยายไปทั้งหน้าอก แล้วเมื่อจมูกของเขากดลงสู่เนื้อนวล สาวน้อยก็ถึงสะดุ้งเมื่อเขากดมันลงมากับติ่งปลายถัน “ฮูยยย..” สองแขนเรียวยกขึ้นโอบรอบศีรษะชาติชายเข้ากับเต้านวลของตน “อูวววว..” ปากจิ้มลิ้มห่อตัวจนกลมเป่าลมพรั่งพรูเมื่อติ่งจะงอยหัวนมผลุบเข้าไปสู่ปากอันอบอุ่น ปลายลิ้นนุ่มนวล ไล่โลมวนเขี่ยปลายจะงอยถันอยู่ไปมา สาวน้อยหยัดกายขึ้นสูง แอ่นหลังยกเต้าอวบเข้าสู่ปากชาติชาย หน้าท้องบดอัด เข้ากับเรือนร่างบึกบึน เต้าถันทั้งสองข้างโดนชาติชายวนสลับไล่โลมเลียแผ่วพลิ้วจนติ่งเนื้อรัดตัวแข็งชูชัน สายตาลืมขึ้น มองศีรษะชายหนุ่มที่ซุกลงตรงอกอวบสลับกับพริ้มหลับเมื่อความเสียวซ่านแผ่พุ่งเป็นริ้วระลอก ชาติชายขยับตัวยกร่างอวบบางของสาวน้อยพลิกลงนอนกับที่นอนหนานุ่ม ร่างบาง ๆ นอนหงายอวดปทุมเต้าเต่งตั้งตูม แยงยอดถันสีชมพูสดชี้ชัน เอวคอดกิ่วเรียวผายออกเมื่อถึงต้นขาหนั่นแน่น หน้าท้องแบนราบแขม่วยุบเป็นจังหวะตาม แรงหายใจด้วยอารมณ์ที่ตื่นเพริศด้วยแรงปรารถนา กางเกงขาสั้นกุดแนบลงกับเนินเนื้อนูนที่มันปกปิดอยู่ บัดนี้ตรง เป้ากางเกงเปียกชื้นเป็นดวง สะโพกกลมกลึงขยับเขยื้อนเบี่ยงหลบด้วยเอียงอายเมื่อเจ้าของมองเห็นสายตาของชายหนุ่ม ไล่โลมไปทั่วร่าง สองมือของชาติชายประกบเข้าที่เอวเนียนกดรูดขอบกางเกงม้วนลง สาวน้อยหลับตาลงเมื่อรู้สึกว่าขอบกางเกงม้วนพ้น เนินเนื้อลงไปถึงหน้าขา ก้นกลมขยับยกให้ชาติชายม้วนมันดันลงไปแล้วดึงออกไปทางปลายเท้า นูนเนินผุดขึ้นมาแก่ สายตาของชาติชายกลางแสงนวลของดวงไฟ เนินเนื้อนวลนั้นแผ่กว้างเต็มหน้าขา ไรขนหยิกสลวยดำขลับแผ่กระจาย ปกคลุมเนินเนื้อที่ดันตัวขึ้นหน่อยหนึ่งก่อนจะลาดลงเลี้ยวเข้าสู่หน้าขา ไรขนเปียกน้ำใส ๆ เป็นทาง รอยประกบ กลีบแคมปากถ้ำสีชมพูสดประกบกันเบียดชิดไร้ช่องว่างประดับด้วยหยาดใสเคลือบจนแวววาว เรียวขาอวบหนั่นแน่น ด้วยเนื้อสาวเรียวลงสู่ปลีน่องแล้วข้อเท้า “ฮึ อือ..” สาวน้อยส่งเสียงเบา ๆ เมื่อสายลมอุ่นเป่าลงกับหน้าท้องก่อนที่จมูกของชาติชายจะกดลงกลางหน้าท้องที่สะดุ้ง แขม่วตัวด้วยความเสียว “ฮู...ยยย” อุ้งมือแข็งวางประกบปลายถันคลึงวน ขยี้จะงอยหัวนมด้วยอุ้งมือหยาบกร้านจนเสียววาบลงไปถึงท้องน้อย “อี๊..” สาวน้อยส่งเสียงสั้น ๆ เมื่อจมูกของชาติชายไต่ไล่ลงไปถึงยอดโคกเนิน สองมือเรียวยกขึ้นกุมศีรษะชาติชายเบา ๆ เมื่อเขาลากปลายลิ้นลงกับรอยแยกของกลีบแคม สองขาเรียวขยับเขยื้อนเผยอออกจากกันเมื่อใบหน้านั้นเกลี่ยคางที่มีแต่ ตอเคราสั้นลงกับต้นขา “อาฮาวววว..” กลีบแคมที่โดนรุกด้วยปลายลิ้นเป็นครั้งแรกส่งความเสียวซ่านไปทั่วตัว สะโพกกลมกระตุกแขม่วท้อง เมื่อปลายลิ้นของชาติชายลากไปตามความยาวของกลีบแคมที่ประกบกันสนิท สาวน้อยรู้สึกถึงถ้ำของสงวนขมิบรัดตัว วูบวาบ เธอร้อนผะผ่าวไปทั่วทั้งเนินโคกและอกตูมที่โดนลิ้นและมือของชาติชายเคล้าคลึง “ฮ๊ายยยยย..” เสียงครางของสาวน้อยแหลมสูงเมื่อปลายลิ้นของชาติชายแหย่ลงแทรกกลีบแคมอวบลงไปปะทะยอด ติ่งเนื้อไวความรู้สึก สะโพกกลมกลึงยกขึ้นพร้องกับแผ่นหลังที่แอ่นหยัดจนโคกเนื้อลอยเด่น ปลายลิ้นของชาติชาย สะบัดลงกับติ่งเนื้อระรัวแผ่ว สาวน้อยเหมือนโดนไฟฟ้าช๊อตไปทั่วร่าง คลื่นความสุขเสียวแผ่กระจายดุจว่าจะพุ่งพล่าน ไปทั้งตัวตามสายโลหิตในร่างบาง ประหนึ่งเกลียวคลื่นที่กราดเกรี้ยวโหมโถมตัวเข้าปะทะโขดหินชายฝั่ง แล้ว แตกกระจายฟองพุ่งขึ้นสู่อากาศหอบตัวเธอลอยสูงขึ้นไปกับยอดคลื่นแล้วหล่นวูบลงสู่ท้องทะเลเย็นเฉียบอีกครั้ง แล้วเกลียวคลื่นยอดถัดมาก็หอบตัวเธอโยนลอยขึ้นไปอีกคำรบก่อนหล่นลงมาสู่พื้นน้ำเป็นระลอก ๆ “อา..ย.ย.ย...” ร่างอวบบางหล่นลงนอนราบกับที่นอนนุ่ม สองมือปล่อยศีรษะของชาติชายที่เธอขยุ้มกำแน่นอย่าง ลืมตัว แล้วตกผล็อยลงข้างตัว ร่างอวบขยับจนตัวโยนตามแรงหายใจเหมือนเพิ่งจะวิ่งแข่งมาใหม่ ๆ สาวน้อยนอน แน่นิ่ง ร่างกายเหมือนจะเบาหวิวจนเธอรู้สึกว่าร่างกายแทบจะลอยขึ้นไปตามสายลมเอื่อย ๆ ที่พัดผ่านตัว เนินเนื้อ เต้นตุบ ๆ ขยับรัดตัวคลายตัวอยู่แผ่ว ๆ จนเธอรู้สึกซ่านเนื้อส่วนสงวนนั้นอยู่ครามครัน ลมที่พัดเอื่อยโลมไล้ตัวนั้น ทำให้เธอรู้ว่าร่างแข็งแรงอันแสนจะอบอุ่นนั้นผละออกไปแล้ว สาวน้อยจึงลืมตาขึ้นพบกับร่างนั้นยืนอยู่ข้างเตียง สองมือดึงเสื้อยืดออกไปทางศีรษะ อกกว้างเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อพ้นออกมาจากชายเสื้อ กล้ามอกขึ้นเป็นลูกรับลาดลง ไปที่หน้าท้องราบแข็งแรง เขาโยนเสื้อไปด้านข้างก่อนจะจัดการกับกางเกงที่สวมอยู่ ปลดเข็มขัดและตะขอกางเกง ดันซิปลงจนสุดแล้วดันมันลงไปที่ข้อเท้า พอเขายืดตัวขึ้นยกสองมือจับสองมือดันขอบกางเกงในขาวสะอาดลงไป แล้วหยัดกายขึ้นยืนอีกครั้งนั้น สาวน้อยใจหล่นวูบเมื่อองคาพยพแห่งเพศชายของชาติชายปรากฏขึ้นแก่สายตา ท่อนเนื้อเกร็งแข็งตั้งชันจากหน้าขาที่ปกคลุมด้วยพงขนหนา ลำท่อนเอ็นอวบตั้งงอนช้อนขึ้นเล็กน้อยส่งส่วนปลาย ยกหัวเด่นขึ้นในอากาศ ลำเนื้อตันพาดพันด้วยเส้นเลือดที่พองจนเหมือนเส้นเชือกเล็ก ๆ สีดำที่พันรอบไขว้ไปมา อย่างไม่เป็นระเบียบ ส่วยปลายเบ่งบานอยู่ในหนังบาง ๆ ที่หุ้มมันอยู่จนมองไม่เห็นทั้งหัว แต่หนังบาง ๆ นั้นก็ ไม่พอที่จะห่อหุ้มจนหมด ปลายมนทู่ของมันจึงโผล่ผิวเรียบมันปลายแดงก่ำออกมาแก่สายตา ต่ำลงไปอัณฑะที่ หลบซ่อนในถุงหนังเหี่ยวย่นห้อยตัวอยู่ มันขยับยกตัวเป็นจังหวะยามที่ลึงค์ใหญ่ผงกตัว ต่ำลงไปเป็นท่อนขาที่ อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อตัน ๆ เรียวลงสู่ปลีน่องหนา สาวน้อยพริ้มตาลงเมื่อร่างบึกบึนนั่นลดลงทาบทับ ความอบอุ่นแผ่ซ่านขึ้นมาอีกคำรบเมื่ออ้อมแขนแข้งแรงตระกอง กอดเธออย่างแผ่วเบา ท่อนเอ็นลึงค์นั่นทาบลงมากับหน้าท้องและเนินโคกของเธอจนร้อนวาบ แต่ยังไม่เท่ากับที่ ปาdร้อน ๆ ของชาติชายที่ประกบลงมากับเรียวปากจิ้มลิ้มของเธอ ในเปลือกตาที่หลับพริ้มเหมือนเห็นประสาย แสงแปลบปลาบพร้อมกับความรู้สึกร้อนผ่าวที่แผ่ออกจากริมฝีปากแล่นไปจนทั่วตัวแล้วมาหยุดรวมอยู่ที่โคกเนิน ที่โดนท่อนเอ็นกดแนบอยู่นั้น ร่างแข็งแรงค่อย ๆ เบียดแซะจนเรียวขาขาวผ่องย้ายแยกเปิดให้ชาติชายหย่อนร่างลงแทรกเขามากลางขาเรียว เอ็นลึงค์ แนบทาบลงมากับแคมโคกเนื้อจนเสียวซ่าน แล้วมันก็ขยับ มันขยับตัวเลื่อนไปมา มันขยับตัวไปตามความยาวของร่องกลีบที่มันทาบลง มันขยับตัวจนกลีบแคมแบะออกให้ลำเอ็นขรุขระนั้นแทรกลงมาบดกับเนื้ออ่อนภายใน มันขยับเขยื้อนถูไถทั้งเนื้ออ่อน ติ่งเนื้อ และปากถ้ำจนสาวน้อยเสียววูบวาบไปทั้งหน้าขาและท้องน้อย มันขยับปลายหัวบาน ๆ นั่นถูไถปากถ้ำของเธอ บางครั้งเหมือนมันจะมุดเข้ามาข้างในจนเธอต้องกลั้นใจ แต่มันก็ไถเลยไปดันติ่งเนื้อจนเสียววาบ ๆ สะโพกกลมกลึงขยับส่ายอย่างไร้การควบคุม ถ้ำน้อยหลั่งรินสายน้ำออกมาชโลมกลีบเนื้อจนชุ่มไปทั้งหน้าเนิน อาบไล้ท่อนเอ็นลึงค์จนมันลื่น “พี่..ชาย.. ขา..” “จ๊ะ สาวน้อย..” แก้มนวลโดนจมูกเขากดสูดลม แล้วไล่ไปเล็มซอกคอ “พี่.ชาย. ก้อย.. เสียวววว” สาวน้อยส่งเสียงแหบโหยเพราะเป่าลมจนปากแห้งผาก “อูย..” “ไม่เป็นไรหรอก พี่ชายอยู่กับก้อยนี่แล้วไง” กระซิบริมหูแล้วเม้มติ่งหู “ก้อย. พี่ชายขา” สาวน้อยเสียงขาดกระท่อนกระแท่น เมื่อรู้สึกว่าท่อนเอ็นแก่นกายของชายหนุ่มจรดปลายลงกับ ปากถ้ำของตนพร้อมกับแรงดันเบา ๆ ปากทางคับแน่นแหวกตัวออก “อื๊มมมมซซ” “เจ็บหรือก้อย” “ไม่..เจ็บค่ะ ..แต่ มัน แน่น..” สาวน้อยกอดรัดร่างชายหนุ่ม “มันจะเจ็บเหรอคะ” “จ๊ะ มันจะเจ็บตอนแรก ๆ สักพักหนึ่ง” ชาติชายตอบแล้วจูบปากจิ้มลิ้ม “เจ็บนานไหมคะ” สาวน้อยจูบตอบ ดวงตาสุกใสจ้องตาชาติชายอย่างหวาดหวั่น “เจ็บมากไหมคะ” “เจ็บไม่นานหรอก แล้วก็เจ็บมากอยู่เหมือนกันกระมัง” ชาติชายจูบปากนั้นอีกครั้ง “พี่จะค่อย ๆ พาไปนะจ๊ะ สาวน้อย” “ค่ะ” สายน้อยเม้มปากพยักหน้าเบา ๆ สาวน้อยพยายามแบขออกกว้างขึ้นยามที่ปลายในของท่อนเอ็นเริ่มเบียดแทรกมุดเข้ามาในร่างจนตึงแน่น มันค่อย ๆ มุดผลุบ ๆ เข้ามาทีละนิด ปากถ้ำแคบคับค่อย ๆ เบิกออกมากขึ้นดังยอบศิโรราบแก่ท่อนเอ็นแก่นเนื้อตันอวบที่ค่อย ๆ ดันตัวผ่านเข้ามาทีละนิด หน้าขาเธอยามนี้ตั้งตึงทั้งแน่นคับรูโยนี เรียวขาแบะอกอย่างพยายามจะให้รูถ้ำเปิดออกให้ ลึงค์ชายหนุ่มบุกเข้าโดยสะดวก ความคับเริ่มกลายเป็นความเจ็บแปลบเมื่อมันรุกล้ำเข้ามาอีกทีละน้อย หัวบาน ๆ นั่น ทั้งบุก ทั้งถอย สลับกันช้า ๆ ทั้งส่ายแซะแบะกลีบ ควงงัดจนปากรูเธอค่อย ๆ เบิกกว้าง แต่มันก็ยังบีบรัดแนบเหมือน จะยังไม่ยอมแพ้ “พี่ชาย ขา ก้อยเจ็บ.” ปลายมนบานนั้นหยุดลงนิ่ง พร้อมกับปากที่ก้มลงมาครอบปลายจะลอยหัวนมเลียพลิ้วจนเสียวยอกหัวนมวาบ ๆ ไม่ถึงอึดใจ ท่อนลึงค์นั่นก็เริ่มขยับให้รูเธอกระดืบอมมันเข้ามาอีกนิด และอีกนิด มันแซะซ้าย แซะขวาเข้ามาช้า มันตึงแน่นจนเจ็บแปลบปลาบระคนความเสียว สาวน้อยพริ้มตาข่มความเจ็บ ขบฟันลงกับริมฝีปากกลั้นเสียงร้อง ยามที่มันมุดผ่านเข้ามาท่อนแก่นเนื้อขยับยึก “โอ๊ะ..” ดวงตาเบิกกว้างเมื่อรู้สึกถึงความกว้างใหญ่ที่เบียดเข้ามาในร่างนิ่ง โพรงถ้าเนื้อบีบรัดเหมือนดังไม่ยอมแก่ ผู้บุกรุกที่บัดนี้ปลายหัวบาน ๆ มุดจมเข้ามาในร่างจนหมด ทั้งเจ็บ ทั้งแน่น แม้ว่ามันจะปักคานิ่งอยู่ อึดใจต่อมาความเสียวจากยอดอกที่โดนคลึงโดนลิ้นชาติชายก็เริ่มแผ่ขึ้นมาบดบังความตึงแน่น ถ้ำเนื้อเริ่มเคยชิน กับขนาดของท่อนเอ็นผู้บุกรุก แล้วเริ่มขมิบเม้มมันวาบ ๆ สองเต้าอวบโดนมือชาติชายคลึงนวดอยู่ข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งนั้นติ่งหัวนมตกอยู่ในปากอันอุ่นร้อนที่ตวัดลิ้นดันดุนมันไม่หยุด “อุ๊ย..ซซ” สะโพกกลมขยับถอยนิดหนึ่งเมื่อชาติชายดันกระเด้าส่งท่อนเอ็นรุกเข้ามาทีละน้อย ท่อนลึงค์มุดถ้ำเข้ามาอีกนิด แล้วก็อีกนิดตามจังหวะที่เขากระเด้าสะโพกเบา ๆ กลีบแคมเนื้ออ้าอมท่อนเอ็นเข้าไป จนคับแน่นบวมตุ่ย พร้อมกับหลั่งหยาดน้ำออกมาชโลมเพิ่มความลื่นมากขึ้น ชาติชายกระเด้าเอวทีละนิดให้มัน มุดเข้าไปอีกจนเข้าได้กว่าครึ่งของเนื้อเอ็น เขางัดท่อนเนื้อขึ้นลงให้ท่อนเอ็นงัดโพรงดันเนื้อกดติ่งเนื้อจนสาวน้อย เริ่มสูดปาก แล้วเขาก็หยุดกระเด้า สาวน้อยลืมตาขึ้นสบตาชาติชาย ยื่นหน้าขึ้นจูบ ชาติชายจูบตอบ ประคองรัดร่างนั้นแล้วดึงก้น ถอยถอนเอ็นเนื้ออกมานิดหนึ่งก่อนจะกดมันลงเนิบนาบส่ายควงเอวให้ท่อนเอ็นควงแซะมุดลงไปในโพรงเนื้อสาวน้อย จนสุดความยาวแล้วกดนิ่ง “อี๊ยยยยยยซซซ” สาวน้อยผวากอดรัดร่างสั่นด้วยความเจ็บปนเสียวเมื่อท่อนเนื้อตัน ๆ มุดปราดจมหายเข้ามาในร่าง จนมิดกั่น โพรงเนื้อบีบรัดท่อนเอ็นนั่นแน่น ส่ายสะโพกกลมเหมือนจะหลบแต่ก็ไม่พ้นจากอ้อมกอดอันแข็งแรง ท่อนเนื้ออวบเข้ามาในร่างจนหมดสิ้น พงขนหยาบบดเบียดอัดส่ายไปมากลับกลีบเนินจนรู้สึกยุบยิบที่กลีบแคมและ เม็ดแตด มันเจ็บแปลบวาบขึ้นมายามที่มันมุดดะเข้ามากดแช่แน่นิ่ง มันยังพองวาบ ๆ อยู่ในตัวเธอเหมือนจะเบ่งตัว สู้กับแรงบีบของเธอ หยาดน้ำใส ๆ ไหลรินออกจากหางตา “โอ๊ะ... ฮี๊ยยยยยซซ” สาวน้อยอุทานสั้น ๆ เมื่อเขาถอนแก่นกายถอยออก มันครูดเนื้อนวลอ่อนออกไปจนแคมเนื้อ ปลิ้นตาม กวาดลากน้ำใส ๆ ตามออกไป เสียวจนต้องผวาร่างกอดรัดแล้วก็ครางไม่เป็นส่ำเมื่อมันบุกเนิบเข้ามา เต็มแน่นอีกคำรบ “ยังเจ็บอยู่ไหม สาวน้อยจ๋า” “ไม่ค่อยเจ็บแล้วค่ะ พี่ชาย แต่เสียว โอย พี่ชายขา” เสียงตอบสั่นไหวเมื่อท่อนเอ็นครูดเข้าออกสร้างความเสียวกระสัน แล่นไปทั่วตัว “อึ๊บ..” อุทานสั้น ๆ เมื่อชาติชายกดกระชับเอ็นเนื้อสุดลำแล้วควงเอว “อูยยยยย.” กลีบแคมและเม็ดเนื้อโดนขนหยาบบดขยี้ยามที่ชาติชายบดโคนลึงค์ส่ายไปมา รูเนื้อขมิบวาบด้วยความเสียว ชาติชาย เริ่มกระเด้าชักเอ็นอวบเข้าออกช้า ๆ เนิบ ๆ สาวน้อยก็ยกสะโพกไล่ตามแท่งเอ็นด้วยความเสียว แรก ๆ จังหวะก็ขัดเขินเคอะคะ สาวน้อยแรกเริงรักขยับย้ายส่ายร่างควงสะโพกด้วยอารมณ์อันตื่นเพริศไปกับรสกามา ที่ชาติชายค่อย ๆ บรรจงสอดใส่ จังหวะรับรุกจึงยังขัดกันอยู่กึก ๆ กัก ๆ แขนเรียวกอดรัดร่างชาติชายพร้อมกับเรียวขา ที่เหยียดเกร็งด้วยความเจ็บแสบก็เริ่มขยับยกขึ้นเกี่ยวเกาะท่อนขาแข็งแรง เอวบางเริ่มขยับพยายามตามจังหวะที่ชาติชาย สอดแท่งเอ็นใส่เนิบนาบ แล้วพยายามรักษาจังหวะนำทาง เปรียบเสมือนคู่เต้นรำใหม่ ๆ ที่พอเริ่มหัดก็ขัดจังหวะกันบ้าง เผลอพลั้ง ก้าวพลาดไปบ้างจนเสียจังหวะไม่ลื่นไหล ต้องตั้งต้นจังหวะเต้นกันใหม่ แต่ฝ่ายนำก็ไม่ได้ย่อท้อ ชักนำฝ่ายตามให้ค่อย ๆ คลำจังหวะตามดนตรีแห่งกามนั้น ไปช้า ๆ จวบจนครู่ต่อมา ทั้งคู่ก็เริ่มประสานจังหวะกันได้ลงตัว “ฮือ ฮือ ซซซ” สาวน้อยครางด้วยความเสียวจนเต็มตื้นเมื่อท่อนเอ็นอวบกระหน่ำโพรงเนื้อนวลด้วยจังหวะหนักแน่น ยามที่มันถอนถอยก็ครูดระไปตลอดทางจนเสียววาบไปกระทั่งปลายบานผลุบเหลือแค่ยอดแหย่แยงอยู่ในช่องเนื้อ ยามที่มันมุดผ่านเข้ามาก็เบิกดุนกลีบเนื้อจนเสียวเต็มตื้นไปทั้งร่องช่องทาง แล้วบดเข้ามาอัดแน่นแนบโคกเอ็นที่ รุงรังด้วยขนหนาเข้ามาตึงเนินโคกนวล แท่งเอ็นอวบเบิกทางเข้ามาเบ่งพองอยู่ข้างใน สุดก้นบึ้งของโพรงถ้ำนั้นก็ โดนยอดทวนเนื้อกดเขี่ยจนเสียววาบไหว เกินกว่าที่เธอจะกลั้นอารมณ์สุขที่พุ่งพล่านขึ้นมาอย่างรุนแรง ยิ่งชายหนุ่ม ระรัวเอวกระเด้าถี่ยิบ สาวน้อยพลันรู้สึกเหมือนท่อนเนื้อที่ฝังเข้ามานั้นเบ่งพองขยายขึ้น พร้อมกับความสุขสบายที่แผ่ซ่านขึ้นมาจากหน้าขา เนินเนื้อ ความรู้สึกเสียววาบนั้นพุ่งปราดวนไปจนทั่วร่าง สาวน้อยรู้สึกเหมือนร่างกายของเธอจะร้อนรุ่มจนเบ่งพอง ออกแล้วแตกกระจายออกไปในอากาศ “โอ๊ยยยยยย...” ร่างสาวน้อยแอ่นหยัดบดเข้ากับร่างกำยำนั้น สะโพกกลมส่ายยกบดคลึงอย่างไร้การควบคุม สองแขน ยกกอดร่างแข็งแรงที่กำลังกระหน่ำแก่นเอ็นอย่างหนักแน่น โพรงเนื้อบีบกระตุกรัดท่อนเนื้อชายหนุ่มเป็นจังหวะ ภาพที่ร่างสาวน้อยหยัดตัวขึ้นอัดเต้ากลมพร้อมกับกอดรัดนั้นเป็นที่รู้ได้ว่า สาวน้อยบรรลุจุดสุดยอดไปแล้ว พร้อมกับ ถ้ำเนื้อที่บีบรัดท่อนเอ็นเขาประหนึ่งจะเค้นให้บี้แบนด้วยอาจหาญรุกเข้ามานั้น ส่งความเสียวพล่านไปทั้งตัว หยาดน้ำ พุ่งทะยานออกจากที่กักเก็บ สาดสายกระหน่ำเข้าสู่โพรงถ้ำของสาวน้อยที่กำลังขมิบวาบวับ “ว๊ายซซซซซ” สาวน้อยสะดุ้งเป็นคำรบสองเมื่อลำน้ำอุ่นร้อนฉีดพ่นเข้ามาในร่าง อาบชโลมปากมดลูกข้างใน ส่ง ความเสียวพุ่งขึ้นมาอย่างฉับพลัน ร่างบางผวาด้วยแรงที่เหลือประกบกอดรัดร่างของชายชายแน่นเปรี๊ยะปานจะกอด ให้เลือดเนื้อของทั้งสองคนกลืนประสานเข้าด้วยกัน หวีดเสียงดังออกจากลำคอก่อนที่จะงับปากจิ้มลิ้มลงกับซอกไหล่ ของชาติชายเต็มปาก ออกแรงงับอย่างไม่อาจควบคุมไว้ได้ด้วยความเสียวซ่านที่ทะยานขึ้นเป็นระลอกตามที่ชาติชาย หลั่งน้ำรักขาวขุ่นฉาด ๆ เข้าสู่ตัวเธอ ร่างงามสั่นสะท้านระริกพร้อมกับร่างบึกบึนที่เหยียดเกร็งกดสะโพกส่ายคลึง บดเบียดร่างอวบบางนั้นแนบแน่นปากจิ้มลิ้มของสาวน้อยลิ้มรสเค็มปะแล่ม ๆ ยามที่สติเริ่มหวนกลับเข้าสู่การควบคุม แต่ในเปลือกตาที่พริ้มแน่นด้วยความสุขสมนั้นยังคงเห็นแต่แสงสีแวบวาบปลาบแปลบอีกครู่ จวบจนกระทั่งเธอ ลืมตาขึ้นมองใบหน้าคมสันที่ก้มจ้องมาด้วยความรักอย่าสุดซึ้ง สาวน้อยรับจุมพิตดื่มด่ำนั้นด้วยเต็มใจ ความรู้สึก เหมือนกับจะภูมิใจที่ได้เป็นสาวเต็มตัว ทั้งอิ่มเอมกับรสกามาที่ชาติชายปรนเปรอเป็นครั้งแรกแห่งวัยสาว สายตา ปาดผ่านไปทั่วใบหน้าของชาติชายแล้วยื่นหน้าขึ้นจูบปากคู่นั้นเบา ๆ ก่อนทอดกายนอน ให้ชายหนุ่มตระกองกอด เบื้องล่างนั้นเธอยังรู้สึกถึงแก่นกายของชาติชายที่ยังฝังจมมิดเบ่งพองในร่างเธอเป็นจังหวะและหนอกโคนเอ็นที่ กระดกเน้นเบา ๆ “พี่ชายคะ” “อะไรจ๊ะ” ดวงตาคมเข้มจ้องลงมาที่เธออย่างรักใคร่สุดซึ้ง “เจ็บไหมคะ” สาวน้อยถามยกนิ้วลูบรอยฟันที่หัวไหล่บึกบึน เกลี่ยนิ้วช้า ๆ ระวังไม่ให้โดยรอยแผลที่เป็นวงสองวง เลือดสดแดง ๆ รินออกมาจากรอยฟัน “ไม่หรอก นิดหน่อยเอง” “ทำแผลใส่ยาไหมคะ เดี๋ยวก้อยไปเอายาก่อน” เธอขยับจะลุกขึ้นแต่ร่างบึกบึนนั้นไม่ได้ขยับไหว “ลุกซีคะพี่ชาย ไม่งั้น ก้อยจะไปเอายามาใส่แผลได้ไง” “เอาไว้ก่อนก็ได้จ๊ะ” ชาติชายก้มลงหอมแก้ม “ไม่ล่ะค่ะ เดี๋ยวต้องใส่ยาก่อน” “เอาไว้ก่อนเถอะ เดี๋ยวใส่ทีเดียวทุกแผลเลยดีกว่า” ชาติชายบอกยิ้มกริ่ม กระตุกเอวเบา ๆ ท่อนเนื้อที่ยังแข็งอยู่นั้น ขยับตัวไหวเคลื่อน “ไม่ ค อึ๊ยยยย” เสียงสาวน้อยกลายเป็นครางเมื่อท่อนเอ็นเริ่มขยับเข้าออกช้า ๆ

With No Remorse Chapter 18

With No Remorse Chapter 18 “คุณพรรณ เอาบัญชีส่งของเข้ามาให้ผมดูหน่อย” เสียงโทรศัพท์ภายในบนโต๊ะดังขึ้น พรพรรณหันไปกดปุ่ม “ค่ะพ่อเลี้ยง เอากาแฟด้วยไหมคะ” เลขาสาวสะพรั่งหยอดกลับด้วยรหัสที่รู้กันว่า เสี่ยใหญ่กำลังอยากปลดปล่อยกามใส่เธอ พรพรรณเลขาถึงแม้จะมีสามีเป็นตัวตนและท่อนควยเสี่ยใหญ่ถึงจะสั้นตันเอาไม่ถึงใจ แต่การพลีร่องสวาทให้พ่อเลี้ยงใหญ่ ส่งให้รายรับของเธอเพิ่มขึ้นอย่างลับ ๆ ด้วย เธอจึงยอมให้เสี่ยกิมเล้งทะลวงเอ็นควยกระหน่ำรูเธอเป็นประจำ “เอามาเลย คุณพรรณ กำลังง่วงเลย” เลขาสาวลุกเดินไปยังโต๊ะกาแฟจัดการชงกาแฟถ้วยใหม่ไปพร้อมกับเหลือบมองอดีตจ่า ตชด.ที่ผันตัวมาเป็นมือปืน ประจำตัวพ่อเลี้ยงเจ้านายเธอ ถึงร่างจะไม่ใหญ่โตแต่เป้ากางเกงนั้นตุงแน่น แสดงว่าท่อนลำเอ็นในนั้นน่าจะสนอง ความอยากกามของเธอได้ดีกว่าทั้งสามีและเสี่ยกิมเล้งแน่นอน แต่หากเธออยากลิ้มลองรสเอ็นของจ่าชดนี่ เธอคง ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง ด้วยรู้ว่าตัวเสี่ยกิมเล้งเองจะจัดการกับคนที่ทรยศอย่างไร โดยเฉพาะผู้หญิงที่พ่อเลี้ยงยาเสพติด ยังไม่เบื่อโคกโยนีเช่นตัวเธอ พรพรรณถือถ้วยกาแฟเดินกลับไปหยิบแฟ้มบัญชีบนโต๊ะ ชายตามองจ่าชดอย่างมีเลศนัยก่อนเยื้องย่างตรงไปยังประตู ห้องทำงานของเจ้านาย “กาแฟ กับบัญชีมาแล้วค่ะ” เธอเดินไปวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะทำงาน แน่ใจว่าระหว่างที่เอื้อมก้มลงไปวางนั้น คอเสื้อ จะหย่อนลงให้เสี่ยใหญ่เห็นลึกลงไปในอกตันอันว่างเปล่าปราศจากยกทรง เสี่ยใหญ่นั่งจ้องลงไปในคอเสื้อจับสายตาลงกับเต้าถันอวบที่แกว่งไกวนั้น ลึกลงไปมองเห็นก้อนเต้าเคลื่อนไหวไปกับ กิริยาของร่างอวบจนเห็นเม็ดหัวนมสีชมพูเข้มรำไร เสี่ยยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบอึกใหญ่ก่อนวางลงเมื่อเลขาเดินอ้อมโต๊ะทำงาน มายืนด้านข้าง ให้เสี่ยใหญ่ล้วงมือผ่ายชายเสื้อขึ้นไปกอบกำก้อนเต้าอวบคลึงเม็ดหัวนมเบา ๆ “พ่อเลี้ยงจะดูบัญชีก่อนไหมคะ” “กำลังมึนหัวเลยคุณพรรณ คุณพรรณมานี่ดีกว่า” มืออวบนิ้วสั้น ๆ ดึงตัวเธอเข้ามากลางท่อนขาที่กางออก พรพรรณยืน หันหน้าประจันกับเสี่ยใหญ่ที่นั่งอยู่บนโต๊ะ แล้วถอยหลังจนขยับขึ้นไปนั่งบนโต๊ะทำงานตามมือที่ดันตัว เธอรู้ดีว่าเสี่ยกิมเล้ง ต้องการดูดกลีบเนื้อของเธอจึงขยับสะโพกรั้งกระโปรงตัวสั้นร่นขึ้นไปกองที่เอวขณะที่นั่งอยู่นั่น เปิดโคกโยนีที่ปราศ จากอาภรณ์ปิดบังออกมาปรากฏแก่สายตาพ่อเลี้ยงหื่น “คุณพรรณ รู้ใจจริง ๆ” เสี่ยใหญ่บอกอย่างปรีดาพร้อมกับขยับเลื่อนเก้าอี้เข้าประชิดขอบโต๊ะ ขณะเดียวกับที่พรพรรณ แบะขาออกพากน่องลงกับเท้าแขนเก้าอี้นวมตัวใหญ่ กลีบแคมเนื้อที่ปกคลุมด้วยเส้นขนสั้น ๆ เพราะเธอตัดเล็มอยู่เสมอนั้น แบะออกจากกับเล็กน้อย เผยให้เห็นกลีบแคมเนื้อในชิ้นเล็กยาวที่แผ่เป็นปีก ยาวขึ้นไปจนเป็นสันเนื้อประกบรวบเม็ด ติ่งกระสันไว้เห็นเป็นเม็ดกลมสีชมพูใสอยู่บนสุด ปากรูเนื้อสีขมพูเข้มขมิบวาบ ๆ จะด้วยความเย็นของอากาศหรือ ความกระหายรสกาม แต่ยามนี้มันเริ่มมีเมือกน้ำใสออกมาเอ่อปากร่องรูเนื้ออยู่ เสี่ยใหญ่ก้มลงจรดปากลงกับโคกนูนที่พรพรรณแบะออกรับเธอเอนตัวไปข้างหลังยันมือลงกับโต๊ะทำงานยกขาขึ้นงอเข่า วางเท้าลงกับขอบโต๊ะ เปิดท่อนขาให้หัวของเสี่ยใหญ่แทรกขาอ่อนอวบเข้าไปโจมตี เมื่อปลายลิ้นของเสี่ยใหญ่สัมผัสปาก รูถ้ำสวาทนั้น “อูยยยววว” พรพรรณครางยาวด้วยความเสียว กระดกสะโพกยกโคกเนื้อขึ้นรับลิ้นที่เลียบี้ลงกับติ่งเนื้อแตดแล้วเลียตวัด ฉวัดเฉวียนไปมาทั้งหน้าเนิน รูเนื้อโยนีขมิบวาบ ๆ ด้วยแรงเสียว หลั่งหยาดเมือกลื่นรินไหลออกมาให้เสี่ยใหญ่เลียลิ้น ตวัดดูดกลืนอย่างเมามัน อึดใจถัดมาเธอก็หยัดตัวขึ้นดึงเสื้อออกทิ้งไปปล่อยเต้าอวบเปลือยออกมาเล่นแสงไฟในห้อง จะงอยถันลุกชันด้วยไฟราคะที่แผดเผาร่างอวบ ก้มมองหัวเสี่ยใหญ่ที่ซุกอยู่กลางหน้าเนินเลียโลมดูดเนื้อเธอส่งเสียงจ๊วบจ๊าบ ดังลั่นห้อง จนเธอเสียวไปทั้งร่าง บานประตูหนาหนักแง้มออกอย่างแผ่วเบา สายตาคู่หนึ่งลอดช่องมองเข้ามาภายใน ดวงตาคู่นั้นเบิกขึ้นนิดหนึ่งเมื่อเห็น แผ่นหลังเปลือยของเลขาสาวบนโต๊ะทำงาน ก่อนบานประตูนั้นจะงับปิดลงอีกครั้ง เสี่ยกิมเล้งตวัดลิ้นเลียกลีบแคมนอกแคมในของเลขาสาวจนทั่ว ตวัดปลายลิ้นผ่านปากรูถ้ำโยนีที่ขมิบด้วยความเสียว น้ำเมือกใสคาวกลิ่นกรุ่นติดปลายลิ้นมาให้เขากลืนลงคอเป็นระยะ ๆ ท่อนควยในกางเกงเบ่งพองจนรู้สึกอึดอัด แต่เขาอยาก จะเลียให้หนำใจเสียก่อน หลายวันมานี่ มัวแต่เสียใจและทำงานศพเจ้าก้องลูกชายคนเดียวจนลืมมาทะลวงโคกหีเลขา อันที่จริงเขาไม่ได้ทะลวงรูใครมาเลยนับแต่วันที่ดูข่าวเจ้าก้อง เมื่อคืนก็ร่ำ ๆ จะทะลวงโคกเมียเสียแล้ว แต่เจ้าหล่อนก็มัว แต่ร้องไห้กระซิก ๆ จนหมดอารมณ์ ตอนนี้โคกโยนีพรพรรณแบะอ้าอยู่ตรงหน้าทั้งหวานฉ่ำ ทั้งเนียนนุ่มหนึบลิ้น นี่กะว่า จะล่อเสียสักสองสามน้ำแล้วค่อยกลับบ้าน กิมลั้งหรือพัชราภา ก็คงจะนอนร้องไห้ไม่มีอารมณ์ให้เขากระเด้านั่นแหละ ขืนไม่ได้เอาใครเลยควยมันจะบวมจนปวดระบมเสียเปล่า กรี๊ง งงงงงงงงงงงงงงง เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานดังจนสองคนที่กำลังเพลินกับเพลงชิวหาสะดุ้ง เสี่ยเล้งหยุดเลียโคกเลขา ยกหัวขึ้นมอง เครื่องโทรศัพท์เหมือนเห็นเชื้อโรค พอเสียงกริ่งดังอีกสองครั้งจึงเอื้อมมือไปกดปุ่ม “สมชายพูด” “เฮีย ฉันเอง เฮียเสร็จงานหรือยัง” เสียงที่ดังมาเป็นเสียงของเมียสาวใหญ่ของตนนั่นเอง “ยังเลย สงสัยจะค่ำน่ะวันนี้” เสี่ยใหญ่กรอกเสียงตอบ ยกมือขึ้นลูบเนินเนื้อของเลขาที่ฉ่ำไปด้วยเมือกและน้ำลายของตน “แหม ฉันจะไปเดินเล่นหน่อย นึกว่าเฮียว่าง เจ้าชัยก็หายไปแล้ว ไม่มีคนขับรถเลย” “เหรอ เฮียยังติดงานอยู่เลย” กรอกเสียงตอบ “ลั้งอยู่ไหนล่ะ” “ฉันมารอที่บริษัทแล้วน่ะเฮีย แต่จ่าชดบอกว่าเฮียกำลังตรวจบัญชี ฉันเลยไม่กล้าเข้ามา” เสี่ยเล้งใจหายวูบพร้อมกับ พรพรรณที่ตาเบิกกว้าง กล้ามโยนีกระตุกวาบ “ใช่ เอียกำลังดูบัญชีอยู่เลย” เสี่ยใหญ่ทำใจดีสู้เสือ “เอางี้ ลั้งให้จ่าชดไปด้วยแล้วกันนะ เสร็จแล้วค่อยให้จ่าชดกลับมารอเฮีย ก็ได้นะ กว่าเฮียจะกลับก็คงค่ำ ๆ แหละ บัญชีมันยุ่งมากเลย” “ได้เฮีย งั้นฉันไปเดินเล่นนะ อีกสักสามสี่ชั่วโมงค่อยให้จ่าชดกลับมารอเฮียที่บริษัทนี่” “ได้ลั้ง ตามนั้นเลย เฮียทำงานต่อนะ” เสียงโทรศัพท์ตัดเงียบไป เสี่ยเล้งกดปุ่มปิดเสียง เงยหน้าขึ้นมายักคิ้วให้เลขาที่ยังนั่งอ้าขาแบะโคกอยู่บนโต๊ะ แก้มแดงระเรื่อ ทั้งด้วยความเสียวที่ยังค้างคาและความหวาดวิตกว่าเมียเสี่ยใหญ่จะจับได้ว่าผัวแอบมาเย็ดหีเลขาคาที่ทำงาน หน้าห้องทำงานนั้น กิมลั้งปิดโทรศัพท์มือถือของตนลงเก็บเข้ากระเป๋าถือ หันไปมองจ่าชดที่ยืนนอบน้อมอยู่ด้านข้าง “ไปกันเถอะ” เธอบอกสั้น ๆ แล้วออกเดินนำอดีตจ่าตำรวจออกไปจากบริษัท ในสมองมีแต่ภาพหลังเปล่าเปลือยของ พรพรรณเลขาเสี่ยใหญ่ที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงานของสามี แต่เธอไม่ได้รู้สึกถึงอากาศที่เย็นฉ่ำภายในรถคันหรู ในสมองครุ่นคิด แต่เรื่องของสามีกับเลขา ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าสามีแอบกระซวกโคกเลขา แต่การที่มาเห็นเข้าจัง ๆ นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้ากลับกันแล้วเธอแน่ใจว่าเสี่ยใหญ่คงไม่ยอมปล่อยละเว้นเธอแน่นอน แต่เมื่อเป็นอย่างนี้เธอจะต้องตอบแทนสามีบ้าง สายตามองไปด้านข้าง ๆ ตึกรามผ่านไปอย่างเรื่อยเฉื่อย จ่าชดไม่ได้เร่งรีบอะไรขับรถไปเรื่อย ๆ “ไปไหนครับคุณนาย” จ่าชดหันมาถามเมื่อรถเคลื่อนผ่านไปได้ครู่ใหญ่ “ไปลำพูน” สาวใหญ่ตอบสั้น ๆ พอเงยหน้ามองเห็นจ่าชดมองหน้าเธอทางกระจกมองหลังเหมือนสงสัย “ไปเถอะน่า ฉันไม่อยากไปซื้อของแล้ว จะไปหาที่เงียบ ๆ คิดอะไรหน่อย” จ่าชดเอารถเข้าจอดในที่จอดรถของโรงแรมแห่งหนึ่ง โดยแน่ใจว่ารถจอดอยู่ในที่ลับตาแต่สามารถนำรถออกได้โดยสะดวก เรียบร้อยแล้วก็เดินขึ้นไปนั่งกินกาแฟในคอฟฟี่ช๊อปรอแม่เลี้ยงสาวใหญ่เมียเจ้านาย ระหว่างที่จิบกาแฟไปก็นึกถึงหุ่นอัน อวบอัดของพรพรรณเลขาสาวของเจ้านายไปพลาง ช่วงแรก ๆ ที่มาแถว ๆ บริษัท เขาก็เมียงมองพรพรรณอยู่เหมือนกันว่า ถ้ามีโอกาสคงได้พาไปเย่อกันสักหลาย ๆ ทีให้ชุ่มฉ่ำท่อนควยตนเองที่พักหลัง ๆ ได้ลิ้มลองแต่ของกะหรี่ราคาไม่เท่าไร ท่าทางยายพรพรรณนี่คงจะเย่อมันดีแท้เพราะหน้าอกหน้าใจก็ล้นหลาม แต่งตัวก็ยั่วกามเสียปานนั้น ข้อควรระวังก็คือ อย่าให้เจ้านายคือเสี่ยกิมเล้งรู้เข้า เท่านั้นเอง พอกาแฟหมดถ้วยจ่าชดก็ยกนาฬิกาขึ้นดู พอเห็นว่าเวลาเพิ่งจะผ่านไปไม่นาน ก็เตรียมจะสั่งของมากินเล่น ๆ ระหว่างรอเมียเสี่ยใหญ่ที่ขึ้นไปบนโรงแรม พอหยิบเมนูมาได้ โทรศัพท์ในกระเป๋าก็สั่นขึ้นมา “ชดครับ” เขากรอกเสียงสั้น ๆ เมื่อเห็นว่าผู้ที่โทรเข้ามาคือสาวใหญ่เมียเสี่ยกิมเล้ง “จ่า เอ ขึ้นมาหน่อยซิ ห้อง 766 น่ะ ฉันมีอะไรจะวานหน่อย” ถึงจะงง ๆ ว่า เจ้าหล่อนจะมีอะไรใช้งาน แต่อดีตจ่าตำรวจก็วางเงินลงบนโต๊ะแล้วลุกเดินไปที่ลิฟท์ เสียงลูกบิดประตูลั่นเมื่อสิ้นเสียงเคาะ อดีต ตชด. เปิดประตูเข้าไปข้างใน พอหันกลับมาก็ถึงกับกลืนน้ำลาย ร่างเมียเจ้านาย มีแค่ผ้าขนหนูผืนใหญ่ของโรงแรมพันไว้ ผ้าที่พันขึ้นมาเหนืออกรัดเต้านมอวบดันขึ้นมาเป็นก้อน ผ้าดันพุ่งขึ้นมาเป็นลูก ๆ ตรงเนินเนื้อนม เบื้องล่างนั้นเล่า พ้นชายผ้าไปก็เป็นท่อนขาหนั่นแน่นขาวผ่อง ร่างของสาวใหญ่หันกลับไปนั่งที่สบาย ๆ เก้าอี้รับแขก มองมาที่หน้ามันนิ่ง ๆ “ล๊อคประตูเสียด้วย” จ่าตำรวจทำตามเงียบ ๆ “ผัวฉันเอาเลขานั่นนาหรือยังล่ะจ่าชด” “ก็เข้าไปก่อนคุณนายมาไม่นานหรอกครับ” จ่าชดตอบแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้เมื่อสาวใหญ่กวักมือเรียก มันพยายามนั่งเก็บ ขายาว ๆ และซ่อนท่อนเอ็นเนื้อในกางเกงที่เริ่มตุง ๆ ขึ้นมาเมื่อได้เห็นรูปร่างเมียสาวใหญ่ของเจ้านาย “ยายพรพรรณเป็นไงมั่ง” สาวใหญ่ถามเรียบ ๆ ยกขาขึ้นไขว่ห้าง ชายผ้าเลิกขึ้นจนมองเห็นหนั่นเนื้อขาวลึกเข้าไปเกือบ ถึงง่ามขา ยกแขนขึ้นพาดพนักเก้าอี้ทำเอาอกแอ่นดันขึ้นชูชัน “ก็ หน้าตาดีนะครับ” “หุ่นล่ะ ดีไหม น่าเอาไหมล่ะ” จ่าชดกลืนน้ำลาย แลบลิ้นเลียปาก “ก็ น่า ครับ” “แล้วฉันล่ะจ่า” “อูยย เมียเจ้านาย ผมไม่กล้าหรอกครับ เดี๋ยวรู้เข้า หัวขาด” “ถ้าเขาไม่รู้ก็ไม่เป็นไร ใช่ไหม” “เอ่อ..” “ถ้าฉันให้จ่าเอา แล้วจ่าจะไปบอกไหมล่ะ” “จะได้หัวขาดซีครับ คุณนาย” “ดีมาก งั้นก็ถอดเสื้อผ้าซี” สาวใหญ่ตอบเรียบ ๆ นั่งมองหน้าจ่าชดนิ่ง “แล้วก็ไม่ต้องพูดไปแล้วกัน” “เอ่อ จะดีหรือครับ” “ดีซิ หรือจะให้ฉันไปบอกว่าจ่าปล้ำฉันล่ะ” “อ้าว ไหงงั้นล่ะครับ คุณนาย” “ก็แก้ผ้าแล้ว..มา...เอาฉันซิ” สาวใหญ่บอกแล้วชักมือปลดปมผ้าขนหนูที่หน้าอกออกแบะออกกว้าง เต้าอวบหย่อนตัวลง มาหยุ่นอยู่ที่หน้าอก เต้าอวบนวลขยับด้วยแรงหายใจ หัวจุกนมสีคล้ำยกช้อนขึ้นเล็กน้อย หน้าท้องนูนขึ้นมาด้วยไม่ใช่สาว ๆ แล้วลาดหลุบลงไปที่เรียวขา ตรงง่ามขาเห็นเส้นขนดำกระจุกตัวอยู่ “จะเอาหรือไม่เอา” จ่าชด ถอดเสื้อออกเผยแผงอกกำยำ ร่างที่เพรียวแต่ยังมีกล้ามเนื้อไม่ถึงกับผอมแห้ง แต่เมื่อจ่าชดก้มลงถอดกางเกงออกพาด แล้วหันกลับมาประจันหน้ากับสาวใหญ่ เธอก็ถึงกับสะดุ้งวาบหวิวไปถึงโคกโยนี อวัยวะเครื่องมือร่วมเพศของจ่าชดนั้น พองขึ้นตั้งแก่นเนื้อเป็นลำโชนตัวขึ้นผงาดชี้ขึ้นเพดานห้อง ขนาดของมันทำเอาสาวใหญ่ถึงกับใจสั่น ลำตัวท่อนควยนั่น อวบตันอ้วนใหญ่เกือบ ๆ เทียมนิ้วเธอสี่นิ้วที่รวบกัน ท่อนควยตั้งจากโคนที่ฝังอยู่กลางดงหมอยหน้าทึบเหยียดยืดลำควยที่ มีเส้นเลือดพาดพันยาวขึ้นไปจนเกือบจรดสะดือ หัวควยบานแดงก่ำจนเกือบดำแผ่หัวบานมันปลาบอยู่กลางแสงไฟ มัน ผงกตัวหงุบหงับกระดกหงึก ๆ เหมือนสัตว์ร้ายที่หิวโหย จ่าชดสืบเท้าเดินหลบโต๊ะตัวเล็กเข้าไปยืนประจันหน้าเมียเสี่ยใหญ่ ท่อนควยพองตั้งลำอยู่ตรงหน้าขาวผ่อง มันก้มลงมอง สาวใหญ่ที่จับตาอยู่ที่ท่อนควยมันอย่างทั้งแปลกใจทั้งสยดสยองในขนาดของท่อนควยของมัน “คุณนายนั่งดี ๆ แล้วกันครับ” จ่าชดบอกยิ้ม ๆ “เดี๋ยวผมจะเย็ดคุณนายให้ลืมโลกทีเดียว” คุณนายกิมลั้งถอนใจเมื่อจ่าชดนั่งคู้เข่าลงเบื้องหน้า สายตายังจับจ้องท่อนควยขนาดมหึมาอย่างที่เธอไม่เคยพบมาก่อน ขนาดของเจ้าก้องลูกชายที่เป็นขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยเจอมานั่น ก็เต็มร่องเต็มรูจนเสียวสุดฤทธิ์สุดเดชมาแล้ว แต่ท่อนควย จ่าชดนี่ ทั้งใหญ่ทั้งยาวกว่าของเจ้าก้องที่กลายเป็นผีเฝ้าคอนโดเสียอีก ทั้งอยากทั้งหวั่นใจยามที่จ่าชดจับเข่าเธอยกขึ้นให้ เอาเท้าวางลงบนเก้าอี้ แล้วดันท่อนขาแบะออก จ้าชดจับจ้องพวงเนื้ออวบอูมที่แบะกลีบอ้าออกอย่างพึงใจ แคมเนื้ออูมสองข้างแบะออกกว้างตามท่อนขาที่มันดันออกจากกัน ด้านในแคมนั่น เม็ดแตดสีชมพูอ่อนเม็ดเขื่องตั้งยอดชัน สั่นระริก ชิ้นแคมเล็กสองชิ้นวางตัวยาวลงมาด้านข้างแผ่ออกจนแทบเป็นปีก ตรงกลางเป็นรูโยนีสีสดขมิบวาบ ๆ ปากทาง ยังแห้ง ๆ อยู่ จ่าชดก้มหัวลงจรดปากลงกับเนินเนื้อ จูบลงตรงปากรูจนมันขมิบวาบ “อุ๊ย อูยสสส” กิมลั้งยกมือขึ้นจับหัวเข่าตัวเอง สะดุ้งกระตุกสะโพกยวบเมื่อปากจ่า ตชด. ดูดเอาปากรูเบา ๆ “ซีดซซซซซซซซซซซซซซซซ” ครางยาวเหยียดเมื่อจ่าชดลากลิ้นผ่านปากรูแล้วไปเลียตวัดบนยอดเม็ดแตด เสียวจนต้อง กระทุ้งเอวเบา ๆ เธอรู้สึกถึงปากรูที่ขมิบวาบ ๆ ร้อนผ่าว น้ำเมือกหล่อลื่นเริ่มรินออกมาจากปากรู “น้ำเงี่ยนมาแล้วนี่ครับ” จ่าชดเลยหน้าขึ้นบอกยิ้ม ๆ แล้วก้มลงลากลิ้นเลียตวัดไปที่กลีบแคมเล็กทั้งสองข้าง เลียสลับดูดมัน เบา ๆ ตวัดลิ้นไปมา “อูย จ่า เสียวววววว” สาวใหญ่ครวญพลางจับหัวจ่าชดดันเบา ๆ “ปล่อยตามสบายนะครับ เดี๋ยวผมมีของดีให้ดู” จ่าชดเงยหน้าขึ้นยิ้ม “อูย อะไรเหรอจ่า ที่ว่าน่ะ” “นี่ไงครับ” จ่าชดบอกแล้วแลบลิ้นออกมายาวเหยียด กิมลั้งเบิกตาโพลงเมื่อเห็นว่าปลายลิ้นของจ้าชดนั้นเหยียดออกมา ยื่นยาวจนเกือบถึงปลายคาง “เดี๋ยวคุณนายกลับถึงบ้าน รับรอง หลับสบายแน่ครับ” “อูย ทำไมมันเยอะไปหมดเลยล่ะ” กิมลั้งสาวใหญ่ถามเสียงสั่นเมื่อจ่าชดก้มลงสู่โคกหี ประกบริมฝีปากลงกับปากรูเนื้อ แหย่ลิ้นพรวดแทรกปากรู ปลายลิ้นเบียดปากรูมุดเข้าไปดุจท่อนควยที่มุดผ่านจนเธอเสียววาบ แล้วเจ้าของลิ้นก็กระดก ปลายลิ้นกระดุกกระดิกควานกวาดไปทั่วรู “ว๊าย... ซี๊ดซซซซซซซ” ทั้งร้องทั้งสูดปาก ทั้งเกร็งโคกเกร็งสะโพกต้านความเสียวเมื่อทั้งปากรูทั้งในรูหีนุ่มโดนปลายลิ้น กวาดไปมา เสียวยิ่งกว่าโดนท่อนควยควงเอาเสียอีก เพราะปลายลิ้นจ่าชดนอกจากจะมุดเข้ามาเต็มรูแล้ว มันยังกระดกไปมา ควานแซะไซ้ แล้วยิ่งจ่าชดแยงมันพรวด ๆ เข้า ก็เหมือนกับโดนควยกระเด้าเอา กิมลั้งจับเข่าตัวเองแบะออกดันเนินหีเข้า อัดปากจ่าชดอย่างเงี่ยนง่านเต็มที่ ก้มลงมองปากจ่าชดที่แลบลิ้นกระเด้ารูหีแผล็บ ๆ “อูยจ่า เสียวดีจังอูย ยังกับโดนควยเลยจ่า” จ่าชดไม่ตอบคำแต่เร่งลิ้นเย็ดรัวเร็วอีกสามสี่ทีแล้ว เลื่อนขึ้นประกบดูดเม็ดแตดที่ชี้ชัน แนบแผ่นลิ้นลงกดคลึง ยกมือ ข้างหนึ่งขึ้นมาประกบนิ้วชี้กับนิ้วกลางเข้าด้วยกันแล้วเสียบส่งมันจมหายเข้าไปในร่องรูจนมิดโคนนิ้วแล้วชักนิ้วเข้าออก “อ๊ายซซซซ” กิมลั้งโดนกระตุ้นด้วยทั้งลิ้นทั้งนิ้ว เสียวจนลืมควยลูกชายที่ตายไปแล้ว แบะขาออกกระเด้าโคกหียวบ ๆ ร่องรูขมิบนิ้วจ่าชดวาบ ๆ หลั่งน้ำกามออกมาชโลมนิ้วจนชุ่มโชก “อู๊ยยยยยยย ชั้นถึงแล้วววววว” สาวใหญ่ร้องครางกระเด้าก้นวาบ ๆ เข้าใส่แล้วเกร็งส่ายร่อนครู่หนึ่งจึงปล่อยก้นลง หายใจหอบตัวโยน “โอยจ่าชด โอย เสียวไปทั้งตัวเลย” “ยังหรอกครับคุณนาย” จ่าชดหัวเราะเบา ๆ แล้วจับร่างอวบหมุนจนเอนนอนลงไปกับเก้าอี้แล้วดันเข่าขาวผ่องโย้ขึ้นไป จนจรดหน้าอก แล้วออกแรงกดพับในให้เข่าแนบหน้าอกอยู่อย่างนั้น ยามที่ขายกขึ้นนั่นเท่ากับยกก้นขาวผ่องลอยเด่น ชูพวงกลีบเนื้อหีขึ้นสูงจนเห็นเป็นพู ปากรูขมิบวาบ ๆ อยู่ด้วยความเสียวเมื่อจ่าชดก้มลงแยงลิ้นวาบ ๆ เข้ารู “ว๊าย ๆ ๆ ๆ” ความเสียวที่กำลังจะค่อย ๆ คลายพุ่งพรวด ๆ เมื่อโดนลิ้นเย็ดรูเข้าแผล็บ ๆ ปลายลิ้นจ่าชดฉกวาบ ๆ เข้าออก รูเนื้ออย่างว่องไว สะโพกผาย ๆ ของสาวใหญ่ที่โดนกดขาจนลอยขึ้นสูง ร่อนส่ายไปมาสลับกระดกอยู่วูบวาบด้วยความเสียว จนสุดจะควบคุม “ฮือ.. กรอดดดดด” เสียวจนกิมลั้งต้องกัดฟันกรอด ๆ สั่นไปทั้งตัว จ่าชดถอดลิ้นจากรูเนื้อแล้วเลื่อนลงต่ำ ปลายลิ้นปาดปัด รูทวารของกิมลั้งแล้วกดปลายลงกับปากรูทวารกระดกเขี่ย “ว๊าย โอ๊ย....” สาวใหญ่กระเด้าสะโพกเต็มแรงด้วยความเสียวที่พุ่งขึ้นจนสุดกลั้น สะโพกงามนั่นกระเด้าจนหัวจ่าชดกระเด้ง วาบ ๆ แต่จ่าชดก็กดปลายลิ้นลงกับรูทวารแน่วแน่น สาวใหญ่กระเด้าฮวบ ๆ อย่างลืมตัวเต็มแรงแล้วร่างอวบก็เกร็งเหยียด จนจ่าชดต้องออกแรงกดขาอวบนั่น ปากรูโยนีขมิบวาบ ๆ อย่างรุนแรงจนน้ำเมือกใสพุ่งออกจากรูเป็นฝอยกระจาย กิมลั้งนอนแผ่กับเก้าอี้อย่างหมดเรี่ยวแรง โคกหีเต้นตุบ ๆ ด้วยความเสียวไปทั้งโคกทั้งรูหีรูก้น นี่ขนาดจ่าชดยังไม่ได้เอา ท่อนควยใหญ่นั่นสอดเข้ามา เธอถึงกับถึงจุดสุดยอดไปแล้วสองครั้งอย่างอิ่มเอมใจ เดี๋ยวพอถึงคิวควยบักม้านั่น เธอจะ เสวยกามไปอีกกี่ยกก็สุดที่จะคาดเดา จ่าชดยกร่างอวบ ๆ ไปวางบนเตียงนอนขาวสะอาด ร่างอวบนั้นนอนหายใจระรวยอย่างสุขสมในกามรสไปแล้ว โคกเนิน เนื้ออูมนั้นชุมไปด้วยทั้งน้ำเมือกปนน้ำลายของเขาเองที่ละเลงจนอารมณ์สาวใหญ่ทะลุจุดสุดยอดไปสองคำรบแล้ว ต่อไป ก็ถึงคิวควยของเขาได้เพลิดเพลินกับรูโยนีเช่นเดียวกับปลายลิ้นที่ได้ลิ้มชิมรสไปแล้ว จ่าชดยันตัวขึ้นเตียงแทรกร่างผอมเกร็ง เข้ากลางท่อนขาที่จับแบะออก กิมลั้งลืมตาขึ้นมองพร้อมกับยกขาขึ้นรัดสะโพกของจ่าชดไว้หลวม ๆ จ่าชดจับท่อนควย มหึมาปัดหัวกับปากรูจนเธอเสียววาบ หยาดเมือกลื่นโดนหัวควยบาน ๆ ปาดไปจนเปียกชุ่มแล้วจ่าชดก็จับมันจรดลงที่ปากรู “เตรียมรับของจริงแล้วนะครับคุณนาย” จ่าชดบอกเบา ๆ กิมลั้งสาวใหญ่พยักหน้าขบฟันเตรียมตัว ปากรูค่อย ๆ แบะออกยามที่หัวควยบาน ๆ ของจ่าชดเริ่มมุดเข้ามาในตัว กิมลั้งสูดปากด้วยความเสียวเมื่อปลายหัวบานเริ่ม มุดเข้ามาแล้วร่องรูของเธอก็รู้สึกถึงความอึดอัดคับแน่นยามที่หัวบานเรียบนั้นค่อย ๆ มุดเปิดถ่างปากรูเนื้อของเธอขยาย ออกเรื่อย ๆ มันเพิ่มความตึงคับแน่นจนเสียวแสยงปนเจ็บปวดเมื่อโดนท่อนเอ็นถ่างปากรูออกเหมือนจะไม่หยุด จ่าชดเอง ก็ค่อย ๆ กดกระเด้าดันควยเนิบ ๆ รูหีแม่เลี้ยงสาวใหญ่นี่ไม่ใช่พวกผ่านศึกมาโชกโชน มันจึงทั้งตีบทั้งคับ หากเขาดึงดัน ตะบันควยเข้าไปจนเกินแรง คราวต่อไปแม่เลี้ยงสาวใหญ่จะเข็ดควยเขาจนอดเย็ดโคกขาว ๆ อวบ ๆ นี้อีก อีกทั้งปากรูก็รัดรึง หัวควยเขาวาบ ๆ จนเริ่มเสียวหน่อย ๆ จ่าชดวางมือลงกุมกำเต้าอวบ ๆ บดคลึงเคล้นเบา ๆ เอาก็กดกระเด้าเชื่องช้าปล่อย หัวควยบาน ๆ เบ่งปากรูกว้างขึ้นเรื่อย ๆ “อูยคับจัง ชด หัวควยเข้าไปหรือยัง” จ่าชดก้มลงมองปากรูเนื้อที่อมหัวควยเขาจนเกือบมิดเงี่ยง “อีกนิดเดียวครับคุณนาย” แล้วก็กระเด้าพรวด ฉวยโอกาสที่ แม่เลี้ยงเผลอตัว ปลายหัวควยบานเป็นเห็ดมุดผลุบเข้าไปจมมุดเงี่ยง ปากรูเนื้ออมท่อนควยเข้าไปจนมิดหัวเต้นวาบ ๆ มือขาว ๆ ของสาวใหญ่จับแขนเขาเกร็งแน่นจนข้อนิ้วขาว หน้ากลมบิดเบี้ยวกัดฟันกรอด ๆ “โอ๊ยซซซ” จ่าชดรู้สึกได้ว่าสะโพกผาย เกร็งสั่นเป็นริ้ว ๆ “อูยจ่า แน่นไปหมดเลย อูย เสียววว” จ่าชดก้มลงเลียลิ้นลงกับหัวนมจนมันตั้งชันแล้วสลับข้างซ้ายขวาพร้อมกับมือขยำคลึง เอวส่ายวนควงให้ปลายหัวดอบาน ๆ หมุนอยู่ในรูคับ ๆ นั่นไปพลาง “ซ๊ดสสส จ่า เสียวจัง อุ๊ย ว้าย อุ๊บ..” จ่าชดฉวยโอกาสอีกครั้ง ถอนกระตุกควยนิดหนึ่ง พอสาวใหญ่โย้สะโพกตามด้วย ความเสียวก็กระเด้าสวบส่งท่อนควยมุดเข้าไปลึกขึ้น “แน่นไปหมดทั้งหน้าขาเลย อูยยย” “เหรอครับคุณนาย ทนหน่อยนะครับ เดี๋ยวได้เสียวสบาย” พูดจบก็กระเด้าส่งท่อนควยมุดเข้าไปทีละน้อย ๆสลับเสียงคราง เสียงสูดปากของแม่เลี้ยงจนกระทั่งท่อนควยอวบใหญ่มุดเข้าไปได้ครึ่งลำก็หยุดกระเด้า หันมาส่ายควยให้มันกวาดไปมา ในโพรงตีบกระชับแล้วดูดดุนหัวนมสองข้าง มือข้างหนึ่งแทรกผ่านลงไปเบื้องล่างสอดนิ้วลงไปคลึงเม็ดแตดของ แม่เลี้ยงเบา ๆ “อูย ๆ ๆ ซี๊ด ๆ อาววว” เจอกระตุ้นทั้งนมทั้งแตดทั้งรูหีเข้าไป กิมลั้งถึงกับครางไม่เป็นส่ำ ร่างอวบ ๆ บิดไปมาด้วย ความเสียว กระดกสะโพกกระเด้าควยใหญ่ของจ่าชดอยู่ยึกยัก ทั้งเสียวทั้งแน่นรูตนเองอย่างไม่เคยประสบพบพาน จ่าชดกระดกเอววาบท่อนควยไหลออกมาครึ่งหนึ่งแล้วมันก็กระเด้าท่อนควยเต็มลำ ควยอวบใหญ่ยาวเหยียดพุ่งเสียบวาบ เข้าไปในรูหีที่เจ้าของรูขยับยกตามด้วยความเสียวยามที่ถูกควยครูดออกเต็มที่ มันมุดลำตัวอวบคับรูผ่านพรวดเข้าไป ปลายควยยันปากมดลูกเต็มแรงแล้วกดเข้าไปแน่นเมื่อมันมุดต่อเข้าไปจนหมดความยาว “อุ๊บ โอ๊ะ อ๊ายยยยยยย” สาวใหญ่ร้องครางเมื่อแน่นไปทั้งรูหีทั้งท้องน้อยเมื่อโดนควยมุดเข้ามาจนหมดสิ้น ท่อนควยอวบ มุดเข้าร่างจนแน่นคับตึงไปทั้งรู เสียวแน่นจนแทบจุกเมื่อปลายหัวมนทู่เบียดบดดันมดลูกเข้าเต็มที่ เธอผวากระเสือกถอย ด้วยความจุกแน่นแต่จ่าชดไม่ยอมให้ร่างอวบหนีไปได้ มันเริ่มกระเด้าสวบ ๆ เบา ๆ ท่อนควยอวบใหญ่มุดไหลเข้าออกรูหี ที่ขมิบวาบ ๆ เหมือนจะประท้วง ยามที่ถอยออกมานั้น ถึงจ่าชดจะดึงยาว แต่มันก็ยังค้างคาอยู่ในรูเสียหลายส่วย ยามที่ เย็ดพรวดเข้ามาท่อนควยมันก็ครูดผนังรูจนเสียววาบไปทั้งรูจนแน่นทั้งหน้าท้องโคกเนิน หนอกโคนขนหยาบ ๆ ของ จ่า ตชด.บดขยี้ลงกับหน้าเนินเม็ดแตดจนเสียววาบ ๆ ระคนตึงแน่น จ่าชดจับประคองเอวอวบขาวกระเด้าโคกเนื้อจน หยาดเมือกน้ำเงี่ยนของแม่เลี้ยงไหลถะถั่งออกมาชโลมท่อนเอ็นยักษ์จนลื่นปราด จ่าชดขบกรามแล้วเริ่มกระเด้ายาวเหยียด เพิ่มน้ำหนักกระเด้าตะบันควยใส่โคกหีเมียเจ้านายหนักขึ้น ปั่บ ปั่บ ปั่บ... “โอย โอย โอย” สาวใหญ่ร้องครางด้วยความเสียวตามจังหวะกระเด้าของจ่าชด ครู่เดียวร่างอวบก็ผวาขึ้นกอดรัดร่าง ผอมเกร็งแน่น รูหีขมิบรัดวาบ ๆ จ่าชดยิ้มในหน้าเมื่อรู้ว่าแม่เลี้ยงบรรลุความสุขไปอีกครั้งคราหนึ่งแต่เอวของมันก็ยัง กระดกดันท่อนควยของมันอยู่ผลุบผลับ โพรงหีของนายสาวใหญ่บีบรัดท่อนควยมันหมุบหมุบเพิ่มความเสียวให้กับมัน มากขึ้น จ่าชดเกร็งเอวกระเด้ายาว ๆ ถอนควยจนเกือบหลุดแล้วเย็ดตะบันเข้าไปด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น ปั่บ ปั่บ ปั่บ... น้ำเมือกลื่นหลั่งออกมาจนเนืองนอง ท่อนควยลื่นพราดมุดเข้าออกไม่หยุดจนกิมลั้งเสียวไปจนบอกไม่ถูกสะโพกผาย กระเด้งรับท่อนควยเข้าอย่างหนำใจ ภาพของผัวตัวเองที่โลมเลียหีเลขานั้นเลือนไปนานแล้วคงเหลือแต่ความเสียว ความเมามันยามที่จ่าชดตะบันควย แล้วจ่าชดก็ดึงควยถอนออกจนหลุด กิมลั้งโย้โคกตามอย่างเสียวปนเสียดาย แต่แล้ว ก็ต้องพลิกตัวตามมือของจ่าชดที่จับเธอหมุนคว่ำแล้วทาบร่างลงแนบแผ่นหลังและก้นงอน ท่อนควยอวบสอนผ่านง่ามก้น เข้ามาจรดปากรูหีแล้วกระเด้าพรวดเข้ามาจมมิดลำ “ว้าย...” ร่างอวบงามแผ่คว่ำเกลือกลงไปกับที่นอนเมื่อท่อนควยอวบยัดเข้ามาจนแน่นเอี๊ยด ความรู้สึกเหมือนมันจะดัน เอาเครื่องในของเธอเคลื่อนไปทั้งท้อง แล้วจ่าชดก็จับสะโพกเธอดึงยกแล้วตะบันควยมิดกั่น ปั่บ ปั่บ ปั่บ... “อี๋ยยยย” ท่อนควยมุดลึกกว่าที่โดนเมื่อกี้ ความเสียวพุ่งพล่าน ๆ จนร่างอวบเกร็งกระตุกเหยียดตัวมือไม้กลาง หน้ามืด จนเห็นแสงวาบ ๆ ยามที่จ่าจดตะบันเย็นจนตัวเธอสะท้านด้วยแรงกระหน่ำ ปั่บ ปั่บ ปั่บ... สามครั้งสุดท้ายแล้วจ่าชดก็กดหน้าขาดันท่อนควยเข้ามาจมมิดแนบแน่น ควยอวบก็เบ่งพอจนคับตื้อก่อนน้ำกาม ปริมาณมหาศาลฉีดพุ่งเข้ามาจนเธออุ่นวาบ จังหวะฉีดน้ำกามยาวเหยียดจนเธอรู้สึกว่ารูหีโพรงเนื้อจะเต็มจนล้น จ่าชด บดส่ายให้ท่อนควยฉีดน้ำกามเข้าเต็มรูจนล้นออกมานองที่นอนแล้วดึงควายพรวดออกพลิกร่างสาวใหญ่หงายขึ้น กิมลั้งลืมตาขึ้นมองท่อนควยในมือจ่าชดที่แข็งขมึงเปียกมันปลายแล้วก็เห็นน้ำกามขาวพุ่งออกจากปลายควยเป็นสาย ๆ ฉีดขึ้นมาจนถึงหน้าเธอแล้วตกลงบนหน้าอก จ่าชดใช้มือกอบมันละเลงไปพร้อม ๆ กับน้ำกามอีกสาองสายฉีดพรวด ๆ ตามออกมาจนฉ่ำเปียกไปทั้งตัว กว่าสองคนจะจับจังหวะหัวใจได้ก็อีกครู่ใหญ่ “จ่าชด น้ำเยอะจังเลย ล้นหีฉันแล้วยังมีอีกเนี่ย” “คุณนายชอบไหมล่ะครับ” “อูย ฉันแทบหมดแรงแล้วเนี่ย” กิมลั้งหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย หันไปมองนาฬิกาที่โต๊ะหัวเตียง “ห้าโมงเอง เดี๋ยวสักหกโมง ค่อยกลับแล้วกันนะจ่า จ่ายังมีแรงอีกป่าว” “อ๋อ คุณนายครับ” จ่าชดหัวเราะเบา ๆ ดึงมือกิมลั้งไปกำรวบท่อนควย สาวใหญ่ก้มลงมองท่อนควยที่กำแทบไม่รอบ กระถอกมือลงจนถึงโคนควยยังมีอีกกว่าครึ่งหนึ่งที่โผล่พ้นมือออกมา เธอให้ฉงนนักที่ควยท่อนนี้มุดเข้าไปในรูหีสร้าง ความหฤหรรษ์แก่เธอยิ่ง “น้ำผมเพิ่งออกไปครั้งเดียว ยังไม่หมดแรงหรอกครับ” “ดีมาก” กิมลั้งพลิกตัวลุกขึ้นแล้วดันร่างจ่าชดลงนอนหงาย ควยมหึมาชี้ตั้งขึ้น เธอก้าวขึ้นคร่อมจับควยลื่น ๆ จรดปากรูหี แล้วกดสะโพกดันให้โคกแคมหีอวบกลืนท่อนควยเข้าไปจนมิด “ซี๊ดซซซซ อูย คับ.. แล้วจ่าได้อีกกี่ทีล่ะ” “ผมได้เรื่อย ๆ ครับคุณนาย” จ่าชดกระเด้าควยสวนจนกิมลั้งตัวลอยร้องครางเพราะท่อนควยมันดันเข้าไปจนแทบจุก สองมือจ่าชดเอื้อมไปจะเอวแม่เลี้ยงเมียเจ้านายไว้ “เดี๋ยวอีกทีก็แล้วกันนะครับ เพราะเวลาน้อย วันหลังค่อยเอาสักสี่ห้ายก” “อูย เสียวจัง” พูดจบก็เบิกตากว้าง “สี่ห้ายก มีหวังโคกระบมแล้วจ่า” “ไม่ลองไม่รู้นะครับ คุณนาย” จ่าชดพูดแล้วกระเด้าสวนพร้อมกับดึงเอวแม่เลี้ยงเข้าหา ปั่บ ปั่บ ปั่บ ปั่บ ปั่บ ปั่บ ปั่บ ปั่บ ปั่บ... จ่าชดหักพวงมาลัยนำรถออกจากคฤหาสน์ของเสี่ยเล้งแล้วพารถมุ่งตรงไปที่บริษัท กิมลั้งสาวใหญ่หยุดยืนอยู่ตรงบันได หน้าบ้าน มองตามรถที่จ่าชดขับออกไปจนลับตา รสกามของจ่าชดช่างเมามันจนสุดจะพรรณนา ทั้งท่อนควยก็ใหญ่ยาว จนขณะที่เธอเริ่มก้าวขึ้นบ้านหลังใหญ่นั้น ยังรู้สึกเหมือนท่อนควยนั่นยังเสียบคารูอยู่อย่างนั้น ไม่นับน้ำกามขาวขุ่นที่ยัง ไหลริน ๆ ออกมาแทบไม่ขาดสาย คราวนี้ถึงผัวเธอจะไปเย็ดเลขาก็ช่างหัวมัน ลูกน้องผัวเย็ดมันถึงอกถึงใจยิ่งนัก