ขายของ

วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2554

เธอมีชู้

เธอมีชู้

เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ที่เกิดขึ้นกับผมและภรรยา
ผมเป็นคนกรุงเทพฯ แต่ไปเอนท์ติดวิศวะที่ มช. แล้วก็ไปเจอกับแนน (ภรรยาผม) ที่ตอนนั้นเธอทำงานเป็นฝ่ายต้อนรับของโรงแรมใหญ่ที่นั่นตอนผมไปอบรมสัมนา แนนเป็นสาวสวยน่ารักอย่าบอกใคร ตาโตแกมป่องออกแนวเด็กญี่ปุ่น รูปร่างสะโอดสะองค์ ผิวขาวละเอียดใสแบบสาวเหนือ เธอเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆ หลายคน แต่ผมก็จีบเธอติด เราคบกันจนกระทั่งเธอเรียนจบได้ปีกว่า ผมก็ไปสู่ขอเธอกับพ่อแม่ของเธอ ถึงวันนี้เราแต่งงานกันมาปีเศษๆ เท่านั้น ลืมบอกไป ตัวผมชื่อ อ้น นะครับ ส่วนภรรยาผมชื่อแนน
แต่งงานแล้วเราสองคนก็อยู่กันที่เชียงใหม่นั่นล่ะครับ เพราะผมทำงานเป็นหัวหน้าช่างระบบ IT ของบริษัทรับจ้างวางระบบสื่อสารบริษัทหนึ่ง ส่วนแนน เธอลาออกจากงานโรงแรมมาเปิดร้านกิฟท์ชอฟบนกาดสวนแก้ว เรามีบ้านน่ารักๆ อยู่ออกไปทางนอกเมือง ชีวิตเราสองคนก็มีความสุขตามประสาผัวหนุ่มเมียสาว ลูกก็ยังไม่มี เพราะรู้สึกว่าเรายังเป็นผู้ใหญ่ไม่พอ เพราะผมก็เพิ่งอายุ 27 ส่วนแนนก็ 23 เอง และอีกอย่างคือผมอยู่บ้านไม่ค่อยติดนัก อาทิตย์หนึ่งๆ เดินทางตลอด เพราะต้องไปวางระบบ IT ของโรงงานสาขา หลายแห่ง ทั้งที่เชียงใหม่ เชียงราย เพชรบูรณ์ ต้องทิ้งให้แนนอยู่บ้านตามลำพังบ่อยๆ หากมีลูก เธอก็คงไม่สะดวก เลยกะว่า พอมีเงินเก็บมากกว่านี้อีกสักหน่อย ผมจะหางานใหม่ ซื้อบ้านในกรุงเทพฯ แล้วค่อยมีลูกสักสองคน
แต่แล้วความสงบสุขในบ้านของเราเริ่มมีเมฆหมอกปกคลุม เพราะพี่สาย สาวแก่อายุประมาณ 45 ที่รับจ้างซักผ้าให้คนในหมู่บ้าน มาบอกผมว่า ช่วงที่ผมไม่อยู่บ้าน มีผู้ชายดูเหมือนเป็นทหาร อายุประมาณ 40 ปี ตัวสูงใหญ่ มาเกาะๆ แกะ ๆ แนน อยู่ บางทีก็ขับรถมาส่งที่บ้าน นั่งคุยกันดึกๆ ก็มี “ อ้น ระวังๆ ไว้หน่อยก็ดีนะ...เมียทั้งสาวทั้งสวยซะด้วย…
พี่น่ะไม่อยากยุ่งเรื่องชาวบ้านหรอกนะ....แต่เห็นกับตาจริงๆว่าดูสนิทสนมกัน ” แกป้องปากกระซิบบอกผม

แต่ผมก็ฟังหูไว้หูนะ เพราะรู้กิตติศัพท์พี่สายแกดี ว่าเรื่องอะไรที่แกเล่าต้องเอาตะแกรงร่อนก่อน เหลือที่เชื่อได้อยู่นิดหน่อย ผมก็ไม่ได้ถามแนนหรอกนะเรื่องนี้ ผมถือว่าเราต้องเชื่อใจและให้เกียรติกัน แนนเธอยังไม่เคยซักผมสักคำว่าแอบไปมีอะไรกับใครที่ไหนหรือเปล่า ผมเองยังแอบมีกิ๊กอยู่เพชรบูรณ์คนหนึ่ง ผมยังรู้สึกผิดเลย แล้วนี่จะไปจับผิดแนน เพราะคำพูดของพี่สาย คงไม่มีเหตุผลเท่าไหร่เท่าไหร่ จนเหตุการณ์ผ่านไปเกือบเดือน
ช่วงหนึ่งผมได้วันพักอาทิตย์นึง ผมก็มาพักอยู่ที่บ้าน แนนก็ไปที่ร้านของเธอ กลางวันผมก็ไปหาเธอที่ร้านกินข้าวด้วยกัน ช่วยเธอขายของ เย็นๆ ก็พากันกลับบ้าน “อ้นๆ พี่มีอะไรจะคุยด้วย” พี่สายเรียกผม ขณะที่ผมกำลังเปิดประตูรถ เธอถือผ้าซักรีดเรียบร้อยแล้วมาตะกร้าหนึ่ง เธอดึงมือผมเข้าไปในบ้าน ผ้าในตะกร้านั่นเป็นเสื้อผ้าของบ้านผมเอง เข้าใจว่าพี่สายเอาผ้ามาส่ง “อ้น จัดการอะไรหรือยัง” “จัดการอะไรพี่” “พี่น่ะ ไม่อยากให้อ้นเป็นขี้ปากชาวบ้านเลย...เขาเริ่มพูดๆ กันแล้วนา” ผมนึกถึงเรื่องแนนกับทหารที่ว่า “ไม่มีอะไรมังพี่ คงเพื่อนแนนเขามั้ง พี่อย่าลืมสิเขาเป็นคนที่นีนะ เพื่อนฝูงก็ต้องมีบ้าง... หรือไม่ก็อาจจะเป็นญาติก็ได้ ....ผมไม่คิดมากหรอก” ผมตัดความรำคาญ
แต่แล้วก็ต้องสะดุดกับคำพูดประโยคนึงของแก “ญาติอะไร...นี่ดูเหมือนจะมาค้างที่บ้านอ้นสองครั้งแล้วนา.... พี่เห็นเขามาตอนดึกๆ แล้วเห็นอีกทีก็ออกไปตอนพระบิณฑบาตร” “พี่ว่าไงนะ” ผมยังงงกับคำพูดของแก แล้วพี่สายก็ล้วงอะไรออกมาให้ผมจากถุงที่ถืออยู่ มันเป็นกางเกงในผู้ชายสีเขียวขี้ม้าตัวหนึ่ง “นี่ของอ้นเหรอเปล่าล่ะ” ผมหยิบดูแล้วส่ายหัว “มันรวมๆอยู่ในตระกร้าผ้าที่แนนเขาเอามาซักอาทิตย์ก่อนแล้ว พี่คิดว่าไม่ใช่ของอ้นแน่ เพราะอ้นไม่เคยส่งกางเกงในให้พี่ซักมาก่อน พี่เลยเก็บไว้“ ผมมองดูกางเกงในในมือของแก Size ขนาด XL แสดงว่า ถ้าเจ้าของนั้นไม่เป็นคนที่อ้วนมากก็ต้องเป็นคนตัวใหญ่ทีเดียว ในใจเริ่มสับสน “พี่ผมขอซื้อต่อนะนะ” ผมดึงกางเกงในตัวนั้นจากมือแก แล้วควักเงินให้ไป 1 พันบาท “ถ้าพี่หวังดีกับผม...อย่าเอาเรื่องนี้ไปพูดอีกนะพี่...แล้วกางเกงนี่ก็อาจ เป็นของลูกค้าพี่ก็ได้” แกทำท่าจะพูดต่อ แต่ผมยกมือขึ้นส่งสัญญานว่า “พอแล้ว” แกรับปากว่าจะไม่พูดต่อ “พี่ไม่บอกใครหรอก...อ้นต้องรีบจัดการแล้วนา” พี่สายผู้หวังดี เก็บเงินใส่กระเป๋า แล้วออกจากบ้านไป
“แนนมีชู้จริงๆเหรอ...” ....ผมคิดในใจ ....สมองชาไปเลย จากที่จะต้องขับรถไปหาเธอที่กาดสวนแก้ว เลยนั่งมึนอยู่หน้าบ้าน คิด..แล้วก็คิด เป็นไปได้ยังไง....เรายังรักกันดีนี่นา... เที่ยงครึ่ง.... เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น.... แนนโทรหาผม “ฮัลโหล...พี่อ้น...ทำไมยังไม่มาอีก...แนนหิวแล้วนะ” เสียงใสๆ แว่วมาจากปลายสาย “พี่ไม่ค่อยสบายนะ มึนๆ แนนทานคนเดียวนะ” ผมพูดเสียงเรียบๆ “พี่อ้นเป็นอะไรคะ ตัวร้อนหรือเปล่า ที่บ้านมียา ทานสักสองเม็ดนะ เดี๋ยวบ่ายแนนปิดร้านดีกว่า” “ไม่เป้นไรหรอกแนน เดี๋ยวก็หาย ให้พี่นอนสักงีบ” ผมทำเสยงสดใส “แน่นะพี่” ผมยืนกรานว่าไม่เป็นไร เธอวางสายไป
เพียงแค่คำพูดพี่สาย กับกางเกงในตัวเดียว มันน่าเชื่อถือแล้วหรือ ผมคิดกับตัวเอง พี่สายปากเป็นยังไงใครๆ ก็รู้ แล้วเรื่องกางเกงใน แกซักผ้าให้คนเป็นร้อย อาจเป็นของใครหล่นมาใส่กางละมังของบ้านผมตอนแกซักก็ได้ ผมพยายามคิดในแง่ดี แต่กระนั้นก็คิดอยู่ว่าจะทำอย่างจึงจะแน่ชัดว่าแนนมีชู้จริงไหม ผมจึงตัดสินใจทำในสิ่งที่ผมมีความชำนาญมากที่สุด แต่ไม่เคยคิดจะทำมาก่อน
ผมรีบขับรถเข้าตัวเมือง มุ่งหน้าไปร้านขายอุปกรณ์กล้องที่สนิทกัน แล้วจัดการซื้ออุปกรณ์สำหรับติดตั้งกล้องวงจรปิดแบบรูเข็ม และไมโครโฟนขนาดหัวไม้ขีด โดยเอาอย่างดีที่สุด แล้วรีบกลับมาบ้าน จัดแจงติดตั้งอุปกรณ์ที่ซื้อมา ผมตั้งกล้องขนาดจิ๋วถึงสามตัวไว้สามจุดของห้องนอน โดยให้กล้องทั้งสามหันไปที่เตียงนอน ไมโครโฟนก็เจาะฝ้าเพดานเหนือเตียงเป็นรูและฝัง จากนั้นก็เดินสายอย่างมิดชิดที่สุด และต่อสายกล้องสายไมค์ไปที่ตัวรับส่งสัญญานที่ซ่อนเอาไว้ที่ช่องฝ้าเพดาน ใกล้กับชองลมที่เปิดออกไปนอกบ้าน ด้วอุปกรณ์ขนาดนี้สามารถทำให้ผมเปิดรับสัญญานภาพและเสียงได้จากระยะไกลด้วย อุปกรณ์แปลงสัญญานตัวพิเศษที่ผมเอามจากบริษัท เชื่อมต่อกับ Wireless lan ใน Laptop ของผม ถ้าระยะไม่เกิน 10 กิโลเมตร นี่ ทั้งภาพและเสียงชัดเจนเหมือนนั่งดู TV เลยทีเดียว .....ครับ.....ผมตั้งใจว่า ถ้าแนนมีชู้จริง ผมจะจับให้คาหนังคาเขา
เย็นวันนั้นแนนก็กลับมาบ้าน ดูเหมือนใจดำนะ ผมน่าจะไปรับเธอ เพราะผมก็ไม่ได้ป่วยซะหน่อย แต่ความแค้นมันมีอยู่สุมในหัวอก ทำให้ผมโกรธเธอ แต่อีกใจก็คิดว่า ผมยังไม่มีหลักฐานอะไรเลย จะไปโกรธเธอได้ยังไง “พี่อ้น...แนนมาแล้ว ...ไหนดูซิ เป็นไงบ้าง” เธอเดินตรงเข้ามาสีหน้าห่วงใย เอามือมาอังหน้าผาก “ไม่เห็นร้อนเลยนี่คะ” “ก้อพี่บอกแล้วไงว่าพี่ไม่เป็นไร” ผมสวมกอดแล้วหอมแก้มเธอ “นี่...แนนซื้อของโปรดมาฝาก” เธอชูถุงก๊วยเตี๋ยวผัดไทยสองสามห่อและแหนมเนืองชุดใหญ่เจ้าประจำของผมให้ดู เราสองคนทานอาหารเย็น ดู TV คุยกันหนุงหนิง คืนนั้นเข้านอน ผมก็มี Sex กับเธอครั้งหนึ่ง จะอุปาทานแพราะคำพูดของพี่สายหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะวันนี้ผมมีความรู้สึกว่า ลีลาของเธอเปลี่ยนไป ใช่จริงๆด้วย พักหลังๆ นี่ดูเธอจะเร่าร้อนกว่าเดิม ผิดจากแต่ก่อนที่เธอจะเขินอายเวลามี Sex กัน โดยเฉพาะเมื่อผมขอให้เธอใช้ปากกับแก่นกายของผม เธอก็จะขัดๆ เขินๆ แต่วันนี้นี่เธอใช้ปากได้อย่างคล่องแคล่ว และที่สำคัญนะ ผมว่าร่องสวาทของเธอที่เคยคับแน่น ดูเหมือนจะคลายความกระชับไปเล็กน้อย
ขณะที่ผมกำลังจะเสร็จ ผมก็พาลนึกถึงภาพของชายชู้ตัวใหญ่ล่ำ กำลังขย่มกระเด้าอยู่บนร่างอ้อนแอ้นของแนน นึกถึงภาพท่อนลำอันเขื่องของเขาคนนั้นที่กำลังมุดเข้ามุดออกในกายของเธอ และเธอก็กำลังครางด้วยความเสียวกระสันต์และถึงจุดสุดยอดไปกับชายชู้ มันทำให้ผมรู้สึกประหลาดที่สุด มันทั้งหึงหวง แต่ก็เกิดอารมณ์อย่างมาก คืนนั้นเราสองคนนอนก่ายกอดกัน แต่กว่าผมจะหลับก็ปาไปตีสี่ ครุ่นคิดว่า เช้าพรุ่งนี้ ผมจะอุบายบอกแนน อย่างไรดี
เช้าวันรุงขึ้นผมแกล้งทำเป็นโทรศัพท์ “อ้าว แล้วไม่ให้โจไปล่ะครบ ผมยังเหลือวันพักอยู่สามวัน.…ครับ...ครับ...ไม่เป็นไร” ผมทำเป็นกดวางหู แกล้งทำสีหน้าเคร่งเครียด “เป็นอะไรพี่อ้น” “ก็ไอ้โจลูกน้องพี่ มันดันไม่สบาย เลยไม่มีใครไปคุมวางระบบที่เพชรบูรณ์ ทางโรงงานจะให้พี่ไปน่ะ ดูสิ พี่ยังเหลือวันพักอีกตั้งสามวัน” “เดี๋ยวเขาก็ให้พี่พักต่อได้มังคะ” แนนพูดเสียงปกติ “แล้วพี่จะต้องไปไหม” ผมอยากรู้จริงๆ ในใจเธออยากให้ผมไปหรือเปล่า “ก็คงต้องไปน่ะ” “กี่วันละพี่” “ก็กว่าระบบจะเสร็จก็คง 5 วันอย่างน้อย…เดี๋ยวบ่ายๆ ค่อยไป” ผมลงมาหน้าบ้านเอา Lap Top ลงเปิดดูภาพในห้องนอนอีกครั้ง กดปุ่มปุ๊บ ไม่กี่วิ ภาพก็ขึ้นจอ ผมดูกล้อง1 และ 2 ที่เตียงนอนว่างเปล่า เลยดูกล้อง 3 ซึ่งเป็นกล้องตัวที่ติดให้มุมกว้างคือเห็นทั้งเตียงนอนและทั้งห้อง เห็นแนนกำลังถอดชุดนอน เธอยืนเปลือยเปล่าดูหุ่นตัวเองในกระจก สักพักก็นุ่งผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไป พักใหญ่เธอก็ออกมา แต่งตัวแต่งหน้า ระหว่างนั้นมีโทรศัพท์เข้า เธอพูดโทรศัพท์ “ คะ...ไม่ได้ค่ะ....อยู่นะ.....” กำลังจะฟังว่าพูดอะไร เธอก็ลุกเดินไปคุยต่อในเข้าห้องน้ำ ทดสอบแล้วชัดเจนทั้งภาพและเสียง เอาเป็นว่า ถ้าเธอพาใครมา แล้วทำอะไรบนเตียง ภาพจะชัดเจนเหมือนดูถ่ายทอดสดเลยทีเดียว ผมนึกแล้วร้อนรุ่มในหัวอก ถ้าเธอมีชู้จริงๆ ผมจะทำอย่างไร
ผมขับรถไปส่งแนนแล้วก็ช่วยเธอที่ร้าน จนเที่ยง เราก็ทานกลางวันกันที่กาดสวนแก้ว ประมาณบ่ายสาม ผมก็บอกเธอว่าผมต้องไปเพชรบูรณ์ต่อเลย แนนเดินมาส่งผมที่รถ ผมเปิดกระจกบอกเธอ “พี่ไปล่ะนะ แล้วะโทรหา อยู่บ้านดีๆ นะครับ” แนนก้มลงหอมแก้มผม “ขับรถดีๆ นะคะ คิดถึงแนนด้วยนะ” แล้วผมก็ขับรถไปที่ที่พักของผมที่โรงงาน ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านผมไปประมาณ 5 กิโล ผมเปิดคอมพิวเตอร์ดูภาพ ก็เห็นว่าชัดเจนดี ผมตั้งตารอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือไม่คืนนี้ ด้วยใจระทึก
ประมาณทุ่มนึง ผมก็โทรหาแนนบอกเธอว่าอยู่ที่เพชรบูรณ์แล้วไม่ต้องห่วง แนนบอกว่าเธอกำลังกลับบ้านใกล้ถึงแล้ว พูดุยเรื่องโน้นเรื่องนี้แล้วก็วางหูไป ผมกลับไปในห้องพัก เปิดคอมฯ ดู ประมาณ 2 ทุ่ม ไฟในห้องนอนของแนนก็เปิด เห็นเธอเดินเข้ามาแล้วก็เข้าห้องน้ำ เสียงโทรศัพท์มือถือเธอดัง แต่เธอไม่ได้รับ เพราะมันอยู่ในกระเป๋า สักพักเธอออกมา หยิบโทรศัพท์ออกมาดูเบอร์ที่โทรเข้า เธอกดโทรออก แต่ยังไม่ยินว่าคุยอะไร ไฟในห้องก็ปิด เสียงเธอเดินออกจากห้องไป ก็คงลงไปข้างล่าง
สี่ทุ่มครึ่ง ไฟห้องนอนของเธอเปิดอีกครั้ง แนนเดินเข้ามานั่งบนเตียง สายตาเธอมองไปที่ประตู แล้วผมกับตะลึงงัน เมื่อมีผู้ชายตัวสูงใหญ่ผิวคล้ำ เดินเข้ามาในห้อง ผมไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อนเลย เขาใส่เสื้อยืดสีขี้ม้ามีสัญญลักษณ์ของกองพันทหารแห่งหนึ่ง และใส่กางเกงแบบทหารสีเขียวขี้ม้า แนนมีชู้จริงๆ ผมไม่เข้าใจเลย ชายชู้คนนี้ไม่ใช่คนหน้าตาหล่อเหลาเลย และดูน่าจะอายุประมาณ 40 ตัวดำเกรียมแดด ผมสั้นเกรียน แต่ตัวใหญ่มาก สูงราว 185 เห็นจะได้ ถ้าให้ผมไปยืนเทียบผมคงแค่ไหล่เขาเท่านั้นเอง ผู้ชายคนนี้ไม่ได้มีอะไรดูดีกว่าผมเลย ชายคนนั้นก็ลงนั่งข้างๆ แนน ที่เตียงแล้วก็โอบตัวเธอเข้าหาพร้อมๆ กับซุกจมูกลงที่ซอกคอของเธอ เธอเบี่ยงตัวขืนเล็กน้อย “อย่าค่ะ....จ่า…อย่า....อาบน้ำก่อน” ชายคนดังกล่าวเป็นทหารยศเพียงแค่จ่าเท่านั้นเองหรือ “ขอจ่าชื่นใจหน่อยซี่...วันนี้จ่าจะทำให้ถึงใจเลย...ผัวแนนน่ะได้ครึ่งของ จ่าไหม...ฮ่าๆๆๆ” เสียงจ่าหัวเราะเบาๆ มือหนาของเขาประคองที่พวงแก้มใสของแนน จับให้ห้าของเธอหันตรงกับใบหน้าของเขา แล้วจ่าก็ก้มลงประทับรอยจูบที่ริมฝีปากบางเป็นกระจับ เนิ่นนาน แรกๆ แนนขัดขืนพยายามผลักไหล่ขอจ่าให้ถอยออก แต่ครู่เดียว ทั้งสองก็ดูดปากแลกลิ้นกันดูดดื่ม ภาพเหล่านี้ทำเอาผมถึงกับนิ่งเป็นหิน
ระหว่างที่ทั้งสองจูบกันอยู่นั้น มือของจ่าก็ป่ายปะไปทั่วร่างของแนน มือซ้ายของเขาตะโบมบีบที่ปทุมถันของเธอย่างเมามัน แล้วเขาก็บรรจงปลดกระดุมเสื้อของเธอออกทีละเม็ด จนหลุดออกหมด เผยเห็นเต้านมขนาดพอดีมือที่มยกทรงตัวจิ๋วห่อหุ้มอยู่ จ่าถอดเสื้อสีชมพูที่ผมซื้อให้แนนออกแล้วโยนไปมุมห้องอย่างไม่ใยดี ร่างขาวโพลนของแนนต้องไฟนีออนแล้วมันสว่างราวกับมีแสงเรืองเลยทีเดียว จ่ากระชิบอะไรสักอย่างที่หูของแนน แล้วเธอก็เอามือทั้งสอง ดึงชายเสื้อยืดของจ่า ก่อนที่จะถลกมันขึ้นแล้วถอดจากจากกายของจ่า ร่างใหญ่กำยำไปด้วยมัดกล้าม หน้าอกหนานั้นมีไรขนแผ่เต็มอก ไล่เรื่อยลงไปถึงหน้าท้องที่มีกล้ามเป็นรอนและหายไปในขอบเข็มขัด แสดงให้เห็นว่าเป็นคนที่มีขนดกทีเดียว จ่าลุกขึ้นยืนต่อหน้าแนน “เอ้า....ดูดควยให้จ่าทีนึงก่อนแล้วค่อยไปอาบน้ำ”
แนนนสภาพเกือบเปลือยท่อนบน เงยหน้ามองหน้าจ่า แล้วก็ก้มหน้าลงมองระดับสายตา คือเป้ากางเกงของจ่า เธอค่อยๆเอามือไปรูดซิบกางเกง “ถอดเข็มขัด ถอดกางเกงเลยสิ” เสียงจ่าบอก เธอเลยเอื้อมทั้งสองไปปลดเข็มขัด ปลดตะขอ รูดกางเกงทหารของจ่าลงมากองที่เข่า จ่ายืนแอ่นสะโพกใส่หน้าแนน ผมปรับไปดูกล้องตัวที่สาม ทำให้เห็นภาพจากด้านข้างเตียง จ่าใส่กางเกงในสีเขียวขี้ม้า แบบเดียวกับที่พี่สายเจอไม่มีผิด เป้ากางเกงในของจ่าตุงโป่ง ใต้กางเกงในสีมอๆนั้น ท่อนเอ็นอันใหญ่พาดยาวเป็นลำชัดเจน แนนเอามือไปคลำมันเบาๆ แล้วลูบมันตามแนวยาว “เร็วๆ สิ พี่จ่าปวดควยจะแย่แล้ว”
แนนเม้มปากแล้วค่อยๆ รูดกางเกงในของจ่าลงมากองที่เข่าเช่นเดียวกับกางเกง ....โอ...ผมถึงกับนั่งไม่ติด เมื่อเห็นท่อนเอ็นของจ่า ที่ดีดผึงออกมา ลำเอ็นนั้นมันใหญ่สมตัวเจ้าของมันจริงๆ และคงแข็งจัด เพราะมันยาวตรงและตั้งลำเป็นมุมฉากกับพื้น ความยาวน่าจะยาวประมาณ 7 นิ้วครึ่ง และอวบใหญ่พอๆ กับขวดน้ำอัดลม ท่อนเอ็นใหญ่นั้นสีคล้ำเหมือนสีผิวของไอ้จ่า แถมมีเส้นเลือดปูดโปนพาดตลอดลำ ที่ฐานของมันมีขนหมอยหยิกดกดำ รับกับขนที่ไล่มาจากหน้าอก พวงไข่ในหนังหุ้มหนานั้นยานโทงเทง ส่วนหัวของมันบานเป็นกระจัง สีของดอกเห็ดนั้นเป็นสีม่วงคล้ำ เพราะผ่านศึกใต้สะดือมาอย่างโชกโชน แนนทำสีหน้าแปลกๆ เมื่อเห็นท่อนเอ็นของจ่า “ยังจะไม่คุ้นกับควยพี่จ่าอีกเหรอ...ดูดตั้งหลายครั้งแล้ว” แนนไม่พูดอะไรสักคำ สายตาจรดจ้องที่ลำเอ็นขนาดข้อมือแล้วเอามือรูดถอกท่อนเอ็นใหญ่เข้าออกช้าๆ จนปลายของมันเป็นมันปลาบ เพราะมีน้ำเมือกใสหลั่งออกมา “อูยยย ดูดได้แล้ว....เร็ว” เสียงจ่าเร่งเร้า มันดึงมือของแนน ออกจากท่อนเอ็นของมัน แล้วมันก็เอามือทั้งสองข้างประคองใบหน้าของแจนให้อยู่กับที่ “อ้าปาก” มันสั่ง แนนอ้าปากจิ้มลิ้มอย่างว่าง่าย แล้วมันก็แอ่นสะโพกดันลำเอ็นของมันเข้าปากแนน "พร๊อบบบบ" เสียงเอ็นท่อนใหญ่มุดเข้าริมฝีปากจิ้มลิ้มของแนน

ไม่มีความคิดเห็น: