ขายของ
วันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2557
รักยม ตอนที่ 70 - ฝึกปรือ
........................................
แสงไฟในห้องที่โดนเปิดจนสว่างโร่ขึ้นมาอย่างกระทันหัน ทำให้บอยสะดุ้งลืมตาตื่นจากฝันหวานขึ้นมา และเมื่อเขาหันไปมอง ก็เห็นแพรนางแบบสาวผิวสีน้ำผึ้งกำลังเดินตาปรือโซซัดโซเซเมาแอ๋เข้ามาในห้องพักอย่างหมดสภาพ ชายหนุ่มส่ายหัวน้อย ๆ ก่อนจะลุกขึ้นไปช่วยหิ้วปีกประคองนางแบบสาวที่มีสถานะเป็นคู่นอนแบบครั้งคราวขึ้นไปเกลือกกลิ้งบนเบาะนุ่ม
ความร้อนแรงของสุราที่ดื่มกินมาไม่น้อย และอารมณ์กลัดมันที่ติดพันมาจากการทำงาน ทำให้นางแบบสาวหุ่นอวบอัดสะลึมสะลือถอดเสื้อสายเดี่ยว และกระโปรงสั้นโยนทิ้งไป เหลือไว้ก็แต่เพียงยกทรงและกางเกงในตัวจิ๋ว แล้วขยับมือทั้งสองข้างมาบีบคลึงหน้าอกและโคกสวาท พร้อมทั้งส่งเสียงครางเรียกชื่อชายหนุ่มที่เธอหลงไหลในรสสวาทที่เขาเคยมอบให้
"อืมมม คุณเอกขา อืมมม เสียวจัง อืมมม"
งานของนางแบบสาวดาวรุ่งจะอย่างไรก็เป็นงานที่ไม่พ้นเรื่องเปลืองเนื้อเปลืองตัว การมาบางแสนในครั้งนี้ ตอนกลางวันเธอจะรับงานเป็นพริตตี้งานแข่งรถ ส่วนตอนกลางคืน เธอก็รับงานอวดเนื้อหนังมังสาในผับ ซึ่งแน่นอนว่าการอยู่ในสถานที่เช่นนั้นย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงการโดนชายหื่นแย่งกันสัมผัสเนื้อตัวจนอารมณ์กระเจิงได้
"เหอะ เหอะ ไอ้แพรเอ๊ย เป็นเอามาก"
หากเป็นผู้ชายคนอื่น เมื่อเจอเหตการแบบนี้ คงไม่แคล้วต้องถอดเสื้อผ้า แล้วกระโดดขึ้นไปคร่อมขย่มยัดเยียดความเป็นผัวให้นางแบบสาวสวยเสียแล้ว แต่สำหรับบอยนั้นแพรไม่ใช่ของใหม่สดซิงที่ไม่เคยลอง เขาจึงเพียงยิ้มน้อย ๆ แล้วเลือกเดินไปล้างหน้าล้างตาเสียก่อน จากนั้นค่อยกลับออกมาดูนาฬิกา ที่กำลังบอกเวลาตีสองครึ่ง
"เวรกรรมจริงกู อุตส่าห์มาถึงบางแสน ก็ดันเอาแต่นอน ตอนนี้ยังที่ให้ไปหม้อสาวมั้ยเนี่ย"
บอยส่งเสียงสบถด้วยความเสียดาย เพราะเมื่อเย็นที่ผ่านมาเขาก็เตรียมจะออกไปท่องราตรีหาสาว ๆ ลงท้องตามปกติ แต่กลับเจอเหตการณ์แปลก ๆ ที่อธิบายไม่ได้ไปหลายอย่าง จึงต้องตัดใจกลับมาตั้งหลักใหม่ที่ห้อง แล้วก็เผลอนอนหลับไปจนกระทั่งเพิ่งตื่นเอาตอนนี้
"เอาไงดีหว่า ... ยิ่งกำลังอยาก ๆ อยู่ด้วย ... หรือจะลักหลับไอ้แพรอีกรอบดี อยากนอนยั่วดีนัก"
หนุ่มเพลย์บอยพูดพลางนั่งลงบนเตียงขนาบข้างนางแบบสาว มือข้างหนึ่งขยับวูบสอดเข้าไปในยกทรง แล้วบีบขยำหน้าอกคัพใหญ่ด้วยความรุนแรงพอประมาณจนแพรตัวกระตุก ซึ่งความจริงนั้นบอยเองก็กำลังรู้สึกหื่นอยู่ไม่ใช่น้อย เพราะเพิ่งตื่นจากฝันแสนหวาน ว่าได้ขึ้นเตียงแบบสุขเสียวกับสามสาวสวยพร้อมกัน
สาวคนแรกก็คือน้องเมย์เด็กสาวแสนสวย ที่บอยเกือบจะได้ยัดเยียดความเป็นสามีให้ในห้องน้ำปั๊ม สาวคนที่สองคือสาวสวยผิวขาวผุดผ่องชื่อฝ้าย ที่เขาเจอหน้าเพียงครั้งเดียวตอนเฝ้าโรงแรมม่านรูด ส่วนสาวสวยคนที่สามนั้น คือผู้หญิงที่บอยกล้าใช้คำว่าสวยสมบูรณ์แบบเหมือนนางฟ้า เสียดายก็แต่เขาไม่รู้จักชื่อของเธอ เห็นก็แต่คลิปลีลาการยั่วเย้าในโทรศัพท์มือถือของเพื่อนเกลอคนล่าสุด และสาวสวยทั้งสามนางนี้ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้หญิงของไอ้เกลอเอก ที่แสนจะน่าอิจฉาคนนั้นนั่นเอง
ความหื่นที่เก็บกดค้างคามาจากความฝัน ปลุกเร้าให้เขาขยับร่างขึ้นไปคร่อมบนร่างของนางแบบสาว ยกทรงและกางเกงในสีสวยโดนถลกออกไปอย่างรวดเร็ว เขาจับสองขาขาวเพรียวถ่างออกจนสุด แล้วเดินหน้ายัดเยียดแก่นกายกระแทกซอยเข้าใส่อย่างไม่มียั้ง แต่สาวสวยกลับร้องครางส่งเสียงซี้ดซ้าดเรียกชื่อไอ้เกลอของเขาออกมาทั้งที่ยังหลับไหล
บอยได้ยินเต็มหูแต่ก็ไม่ได้รู้สึกน้อยใจแต่อย่างใด เพราะในหัวของเขาตอนนี้ก็กำลังจินตนาการว่ากระเด้าใส่นางฟ้าเดินดินแสนสวยบริสุทธ์ที่ไม่รู้จักชื่อคนนั้นเช่นกัน นอกจากนั้นยังฝันหวานไปไกลลิบ ว่าบนเตียงนั้นมีฝ้ายและน้องเมย์นอนฉีกแข้งฉีกขารอคอยให้เขาระบายความใคร่ใส่อยู่ด้วย
จินตนาการอันแสนเร้าใจนี้ สร้างความสุขให้กับชายหนุ่มได้อย่างล้นเหลือจนแทบไม่น่าเชื่อ ทั้งที่เป็นเพียงแค่ความฝัน แต่ก็เร่งเร้าอารมณ์จนบั้นเอวกระแทกใส่ร่างของแพรแบบไม่มียั้ง และเพียงเวลาไม่นานนักเขาก็ตัวเกร็งระเบิดน้ำกามพุ่งปรี๊ดออกไปจนแทบหมดก๊อก ... ชายหนุ่มจึงได้แต่ทิ้งตัวลงไปนอนซบอกของแพรเพื่อพักเหนื่อย และได้แต่คิดในใจว่าเพียงความฝันก็เร้าใจขนาดนี้ หากได้นอนกอดเสพสุขกับบรรดาสาวสวยทั้งสามคนพร้อมกัน จะสุขสุดยอดถึงเพียงไหน
........................................
แม้จะเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ผู้คนค่อนข้างพลุกพล่าน แต่เมื่อเวลาล่วงเลยไปจนเกือบถึงตีสาม ผู้คนก็พากันกลับเข้าที่พักกันเกือบหมด บรรยากาศของเลาจ์เครื่องดื่มริมสระว่ายน้ำจึงค่อนข้างเงียบเหงาไร้ผู้คน หลงเหลือก็แต่บอยที่ข่มตานอนไม่หลับ เพราะนอนกินบ้านกินเมืองมาแล้วแทบจะทั้งวัน
ขณะที่กำลังเพลิดเพลินไปกับรสชาตของฟองเบียร์นุ่มลิ้น และกำลังคิดหาสถานที่เกี้ยวสาวสวยมารองท้องสักคน สายตาของบอยก็เหลือบแลไปเห็นร่างงามเปล่งปลั่งระยิบระยับตาของสาวสวยนางหนึ่งเข้าเสียก่อน สาวผิวขาวหน้าตาดีใส่แว่นคนนั้น นั่งอ้อยอิ่งอยู่ริมสระว่ายน้ำอยู่เพียงลำพัง เธอสวมใส่เสื้อยืดคอเว้าลึกสีขาวเนื้อบาง และกางเกงขาสั้นเต่อถึงโคนขา
บอยเพ่งมองร่องอกของเธอแทบไม่กระพริบตา ในใจก็ส่งเสียงร้องอื้อฮือไปกับความสวยน่ารักของหญิงสาวหน้าตาดีคนนั้น แม้ว่าเธอคนนี้จะไม่ได้สวยเลิศเลอแบบนางฟ้าเดินดินคนนั้น หรืออาจเทียบไม่ได้กับน้องเมย์และฝ้าย แต่เธอคนนี้ก็จัดได้ว่าสวยเซ็กส์ซี่น่ากินไปทั้งตัว ตั้งแต่หัวยันปลายเท้า ... สาวสวย เซ็กส์ซี่ นั่งเหงาเพียงลำพังคนเดียวในยามดึกแบบนี้ ... ขอแค่กล้าลุย โอกาสมีชัยมากกว่าครึ่ง
หนุ่มเพลย์บอยย่อมไม่ขลาดเขลาจนไม่กล้ารุกเร้า แต่เขาก็รักษาเชิงไม่เปิดฉากรุกจนทำให้เหยื่อตื่นกลัว บอยจับจ้องมองรอคอยจนกระทั่งเธอคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาทางเขา เขาส่งยิ้มให้พร้อมกับยกแก้วเบียร์เป็นการทักทายหยั่งเชิง และตอนนี้เขาจึงค่อยรู้สึกคุ้นหน้าเธออยู่บ้าง แต่ไม่ทราบว่าเคยพบเห็นที่ไหน
สาวแว่นแสนสวยคล้ายจะคุ้นเคยกับการเกี้ยวพาราสีอยู่บ้าง เธอยิ้มและยกแก้วไวน์ในมือขึ้นแทนการทักทายตอบ คล้ายกับจะเปิดทางให้เขาเข้าไปหา แต่ในขณะเดียวกันเธอก็มิได้มองสนใจเขานานเกินไป เหมือนจะบอกว่าเธอพร้อมสนทนา แต่ไม่ใช่ของง่ายให้เขาเคี้ยวเล่น
กิริยาของสาวแว่นสุดสวยยิ่งปลุกเร้าความสนใจให้บอยมากกว่าเดิม เขาไม่ชื่นชอบผู้หญิงที่สร้างกำแพงจนหนาเตอะยากเข้าหา และในขณะเดียวกันก็ไม่นิยมผู้หญิงที่ปล่อยตัวปล่อยใจจนเรียกว่าง่าย ดังนั้นเมื่อได้เจอกับกิริยากึ่งยั่วเย้ากึ่งท้าทายจึงทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นกระสันอยากลิ้มลองสาวแว่นนางนี้ขึ้นมาทันที
"มาเที่ยวเหรอครับ? หรือมาทำงาน?"
ชายหนุ่มไม่ยอมพลาดโอกาสทอง เขาจัดเสื้อผ้าหน้าผมพอเป็นพิธี ก่อนจะเดินเข้าไปหาแล้วถือวิสาสะนั่งลงบนเก้าอี้โดยมิได้ขออนุญาต พร้อมทั้งฉวยโอกาสเปิดฉากพูดคุยไปพร้อมกัน
"... มาเที่ยวกับแฟนค่ะ"
เธอหันมาตอบด้วยรอยยิ้มที่ยากคาดเดาความคิด หากแปลความตามประโยคโดยตรง ก็อาจมองได้ว่าเป็นการประกาศตัวว่าเธอมีเจ้าเข้าเจ้าของแล้ว แต่อากัปกิริยาท่าทางที่ไม่มีท่าทีรังเกียจ ทั้งยังมองกลับมาด้วยสายยั่วเย้านั้นกลับทำให้บอยแปลความหมายได้อีกแบบว่า เธอมีเจ้าของแล้ว แต่ก็พร้อมเปิดโอกาสให้เขาอยู่ในที บอยจึงถามหยั่งเชิงไปอีกครั้ง
"แฟนหลับไปแล้วเหรอครับ?"
"เปล่าค่ะ ... แฟนของนิคกี้ มีธุระสำคัญ ต้องกลับไปกรุงเทพก่อน คืนนี้นิคกี้ก็เลยต้องนั่งเหงาอยู่คนเดียว"
คำตอบของเธอทำให้บอยยิ้มร่าออกมา เพราะการเปิดเผยชื่อตัวเองทั้งยังบอกว่าเหงานั้น ย่อมแปลความได้ว่าเธอกำลังมองหาใครสักคนเพื่อคลายเหงา และเขาเองก็อยู่ในข่ายที่เธอคิดพิจารณาเลือกด้วย
"งั้นก็ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณนิคกี้ ผมชื่อบอย เป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรม กำลังเหงาเหมือนกัน งั้นผมขอนั่งเป็นเพื่อนคุยด้วยก็แล้วกันนะครับ"
"เหงาจริงเหรอคะ? นิคกี้นึกว่าคุณบอยจะเป็นพวกผู้ชายเจ้าชู้ ฝากรักกับผู้หญิงไปเรื่อยซะอีก"
เธอถามพร้อมทั้งก้มโน้มตัวลงมาวางแก้วไวน์บนโต๊ะ คล้ายตั้งใจคล้ายไม่ตั้งใจ แต่นั่นทำให้เสื้อคอเว้าที่สวมใส่ห้อยตกลงจนบอยแลลอดเข้าไปเห็นสองเต้าขาวอวบเกือบเต็มสองตา ... สำหรับเขาแล้ว ผู้หญิงคนนี้กำลังตั้งใจยั่วเขาชัด ๆ
"ไม่ใช่หรอกครับ คุณนิคกี้เข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ใช่พวกผู้ชายเจ้าชู้หรอก ผมน่ะแค่ยังหาตัวจริงไม่เจอ"
"คิก คิก งั้นผู้หญิงที่หลับอยู่ในห้อง ก็เป็นตัวสำรองเหรอคะ?"
บอยชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อเธอทิ้งท้ายคำถามที่ไม่แน่ใจว่า เธอเพียงคาดเดาไปเรื่อย หรือว่ารู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับเขา บอยจึงไม่คิดจะพูดโกหกไปแบบตรง ๆ
"หมายถึงคนไหนเหรอครับ?"
"ท่าทางจะมีจริง ๆ ด้วยซินะคะ นิคกี้ไม่รู้หรอกค่ะว่าคนไหน นิคก็แค่เดาเอา ถึงนิคจะเป็นนางแบบ แต่นิคก็ชอบดูหมอน่ะค่ะ ชอบเดานิสัย เดาบุคลิกคน อย่างคุณบอย ดูหล่อ ๆ มีฐานะสักหน่อย นิสัยก็เหมือนจะใช้ได้ นิคก็เลยเดาว่าไม่น่าจะมานอนคนเดียว ... นิคเดาถูกมั้ยคะ?"
เธอหัวเราะตอบด้วยน้ำเสียงสดใส ซ้ำร้ายยังแกล้งยั่วยวนซ้ำด้วยการสลับไขว้ขาขาว ๆ ตอนที่พูดว่าตัวเธอเองเป็นนางแบบ ให้เขากลืนน้ำลายเล่นไปอีกหนึ่งอึก
"คุณนิคดูแม่นนะครับ ผมสารภาพก็ได้ว่า ผมมากับผู้หญิงคนนึงจริง ๆ แต่ว่านั่นยังไม่ใช่ตัวจริงของผมครับ"
"แล้วตัวจริงของคุณบอย ต้องเป็นยังไงเหรอคะ?"
"ก็แบบ ... ผู้หญิงผิวขาว ขี้เล่น ใส่แว่น เซ็กส์ซี่ ... แบบคุณนิคกี้นี่ผมว่าเข้าข่ายเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เลย"
บอยมองเธอด้วยดวงตาลุกวาว และตอบแบบเอาอกเอาใจตามแบบฉบับของหนุ่มเพลย์บอยโดยเน้นรุกคืบในทุกคำพูด แต่สาวแว่นแสนสวยกลับพูดตอบกลับมาแบบตรงไปตรงมาเกินเหต จนเขารู้สึกกระดากอยู่บ้าง
"คิก คิก ผู้ชายร้อยทั้งร้อย พูดแบบนี้เพราะอยากหลอกฟันผู้หญิงทั้งนั้นแหละ ... คุณบอยก็เหมือนกันหรือเปล่าคะ?"
"อะแฮ่ม ... เอ่อ ... อย่าพูดแบบนั้นเลยครับ เรียกว่าพูดคุยเพื่อสร้างความสนิทสนมดีกว่า"
"อืม เรียกแบบนั้นมันฟังดูดีกว่าซินะ ... งั้น ... นิคขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยคะ ... ถ้าคุณบอยตอบถูกใจ ... คืนนี้ทั้งคืนนิคจะยอมตามใจคุณบอยทุกอย่างเลย"
นิคกี้พูดพลางทำหน้าตาออดอ้อน มือข้างหนึ่งของเธอขยับวูบไปแปะบนลำคอขาวผ่องของตัวเอง แล้วก็ลากวูบลงไปเบื้องล่างอย่างเชื่องช้า ปลายนิ้วลากผ่านร่องอก ผ่านหน้าท้อง แล้วไปจบลงที่โคนขาอ่อน และนั่นก็ทำเอาบอยต้องกลืนน้ำลายลงคออีกหนึ่งอึก แล้วส่งเสียงถามด้วยลำคออันแห้งผาก
"งั้นถามมาเลยครับ"
"งั้นถามนะคะ ... นิคกี้เคยคบกับผู้ชายมาหลายคน แต่นิคกี้ยังไม่เคยเจอใครที่จะมอบความสาวให้ ... แต่แล้ววันหนึ่งนิคกี้ก็เจอผู้ชายที่นิคกี้ถูกใจ และอยากมอบความสาวให้เขา ... เมื่อคืนวานนิคกี้ตั้งใจจะมอบความสาวให้ผู้ชายคนนั้นด้วยหัวใจระทึก ... แต่แล้ว ... กลับมีผู้ชายอีกคนมาชุบมือเปิบ ข่มขืนขยี้ครั้งแรกของนิคกี้จนพังยับเยิน ... คุณบอยคิดว่า นิคกี้ ควรจะแก้แค้นผู้ชายที่ชอบฉวยโอกาสคนนี้ยังไงดีคะ?"
เธอถามด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้น ดวงตาของเธอเหมือนจะแฝงแววแห่งความโกรธเกรี้ยวมากกว่าเดิม จนบอยเริ่มอึดอัดไม่แน่ใจว่าควรตอบอย่างไร เขาเพียงมั่นใจว่าเธอน่าจะพูดความจริง และนั่นก็หมายความว่าสาวแว่นแสนสวยคนนี้เพิ่งผ่านประสบการณ์เสียสาวมาเมื่อคืนวานแบบสด ๆ ร้อน ๆ ดังนั้นเขาจึงเน้นตอบแบบเอาใจเป็นหลัก ทั้งที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาเลยด้วยซ้ำ
"ผู้ชายแบบนี้เลวมากครับ ต้องจับมาสับเป็นพันชิ้น แล้วโยนให้เป็ดกิน ... แต่ยังไงถ้านิคกี้จะให้โอกาส ผมยินดีจะช่วยเยียวยาแผลใจครั้งนี้นะครับ"
"สับเป็นพันชิ้น ... คิก คิก น่าสนใจนะคะ ... ตอบถูกใจส่วนนึง แต่ไม่ทั้งหมด ... งั้นเอาแบบนี้นะคะ ... เรามาเล่นไล่จับกันดีกว่า"
"ไล่จับ?"
"ใช่ค่ะ ตอนเด็ก ๆ นิคชอบเล่นไล่จับกับเพื่อน นิคจะวิ่งหนีก่อน แล้วให้เพื่อนไล่ตาม ถ้าเพื่อนไล่ทัน นิคก็จะยอมทำตามที่เพื่อนบอกให้ทำ ... ทุกอย่าง ..."
สาวแว่นพูดด้วยน้ำเสียงเซ็กส์ซี่ยั่วยวนจนบอยตื่นกระสัน โดยเฉพาะเมื่อได้ยินว่าเธอจะยอมทุกอย่างหากเขาไล่ตามเธอทัน และเมื่อเธอพูดจบก็ก้มหน้าลงมาถอดรองเท้าเหมือนตั้งใจจะให้เขาเห็นร่องอก แล้วเริ่มเดินนวยนาดด้วยฝ่าเท้าอันเปลือยเปล่าไปตามริมสระว่ายน้ำอีกทางหนึ่ง
"มาซิคะ"
เธอส่งเสียงเชื้อเชิญออกมาคำหนึ่งเมื่อเดินออกไปได้ระยะพอประมาณ บอยจึงฉีกยิ้มกว้าง ด้วยความตื่นเต้นเร้าใจไปกับเกมใหม่ ที่เขาอยากตั้งชื่อว่า ถ้าหนีไม่ทัน ฉันจะฟันเธอ
เขาเริ่มด้วยการเดินอย่างรักษามาด ไม่กระโตกกระตาก ไม่พยายามแสดงท่าทีหื่นกามมากเกินไป แต่เมื่อเธอเริ่มเร่งความเร็วจากเดินเป็นกึ่งเดินกึ่งวิ่งจนทิ้งระยะห่างออกไป บอยก็อดไม่ได้ต้องเริ่งฝีเท้าเร็วขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าร่างของเธอทำท่าจะมุดหายเข้าไปในพุ่มไม้หนาทึบหลังตึก เขาก็ซอยเท้าเร่งความเร็วโผกระโจนตามร่างอ้อนแอ้นเข้าไปในนั้น
บอยฉีกยิ้มด้วยความมั่นใจว่าเธอต้องเสร็จเขาแน่ เพราะโรงแรมแห่งนี้เขามาพักแล้วนับสิบครั้ง และจำได้เป็นอย่างดีที่ทิศทางที่เธอวิ่งนำไปนั้นเป็นทางตันไม่มีทางออก แต่แล้วเมื่อกระโจนพุ่งผ่านทะลุพุ่มไม้หนาทึบออกไปได้ บอยก็รู้สึกได้ว่าร่างตัวเองกำลังลอยคว้าง ไม่มีที่เหยียบเท้า
"เฮ้ยยยยยย !!!"
ชายหนุ่มร้องเสียงหลงเมื่อร่างของเขากำลังร่วงหล่นลงไปเบื้องล่าง แต่ยังดีที่เพียงแวบเดียว ร่างของเขาก็ร่วงลงไปกระแทกเข้ากับพื้นน้ำเสียงดังตูมสนั่น ระยะเหมือนจะไม่สูงมาก เขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร มองไปมองมาด้วยความเป็นห่วงว่าสาวแว่นแสนสวยจะร่วงลงมาก่อนเขาหรือเปล่า ก็ไม่พบเจอใครอื่น นอกจากได้รับรู้ว่าเขากำลังอยู่ในบ่อขนาดเล็ก ที่มีน้ำเหม็นเน่าบรมบ่อหนึ่ง
"แหวะ โคตรเหม็น ... คุณนิคกี้ เฮ้ คุณตกลงมาหรือเปล่า เป็นยังไงบ้าง?"
เขาส่งเสียงตะโกนด้วยความเป็นห่วง จนเสียงนั้นสะท้อนก้องไปก้องมาในบ่ออันเล็กแคบ รอคอยจนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ เขาจึงค่อยได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักสดใสเหมือนพออกพอใจของหญิงสาวสักคน แต่เนื่องจากมีเสียงก้องสะท้อนไปมา เขาจึงไม่แน่ใจนักว่าเป็นเสียงของนิคกี้หรือเปล่า รู้แต่ว่าถัดมาอีกไม่นานนัก ก็เห็นเงาคนโผล่หัวมามองที่ขอบบ่อ แล้วตะโกนส่งเสียงลงมา ท่าทางเหมือนจะเป็นคนเห็นเหตการณ์แถวนี้พอดี
"คุณ ... เป็นอะไรหรือเปล่า ... อยู่ ๆ ก็วิ่งคนเดียว แล้วกระโดดลงมาในบ่อของเสียทำไม คุณ เฮ้ เป็นอะไรมั้ย เมาเหล้าหรือเปล่า?"
เมื่อได้ยินว่ากำลังอยู่ในบ่อของเสีย บอยจึงค่อยรู้สึกพะอืดพะอมมากกว่าเดิม เพราะตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าไอ้เจ้าพวกก้อนเละ ๆ เหม็น ๆ ในความมืดพวกนี้คืออะไรกันแน่ ว่าแต่ที่อีกฝ่ายบอกว่าเขาวิ่งคนเดียว มันหมายความว่ายังไง ก็เขาวิ่งตามนิคกี้มาชัด ๆ
"มะ ไม่เป็นไร ... เอ่อ ช่วยด้วย ... แล้วช่วยดูด้วยนะครับว่า ผู้หญิงสวย ๆ นมใหญ่ ๆ ใส่เสื้อกล้ามอยู่แถวนั้นหรือเปล่า"
"ผู้หญิงอะไรที่ไหนครับ ผมไม่เห็น ผมเป็นบ๋อยที่ซุ้มเบียร์ เห็นคุณไปนั่งริมสระคนเดียว แล้วอยู่ ๆ ก็วิ่งกระโดดเข้าไปในพุ่มไม้ ยังดีนะที่ไม่บาดเจ็บ รอแว้บนะครับ เดี๋ยวผมไปตามพวกมาช่วยก่อน"
ถ้อยคำของบริกรคนนั้นคล้ายฟ้าผ่ากลางแจ้ง บอยขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกงุนงงและเย็นเยียบ ทำไมบริกรถึงบอกว่าเห็นเขานั่งคุยคนเดียว แล้ววิ่งคนเดียว ... นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
........................................
ชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวในวงล้อมของหกบุปผางามกัดฟันดังกรอดขณะซึมซับรับแรงตอดรัดจากเด็กสาววัยแรกแย้ม จากนั้นจึงค่อยเร่งขยับร่างกำยำที่เปียกชุ่มด้วยเม็ดเหงื่อ ออกแรงกระแทกขย่มจนเตียงนอนสะเทือน เด้งขึ้นเด้งลงสั่นยวบยาบราวกับลูกคลื่นในช่วงพายุฝน ส่งผลให้ร่างอวบอัดหนั่นแหน่นของบรรดาสาวสวยที่อยู่บนเตียงผืนเดียวกันเด้งสะท้านขึ้นลงไม่ได้หยุด
โดยเฉพาะร่างของเด็กสาวตัวน้อยมัธยมต้นวัยสิบสี่ขวบ ซึ่งเป็นผู้รองรับแรงกระแทกแห่งอารมณ์กระสันโดยตรง ร่างอวบเปลือยโดนร่างกำยำแกร่งกร้าวโถมทับกดใส่จนจมบุ๋มลงไปในเตียงนุ่ม จากนั้นก็เด้งสะท้อนขึ้นมาเพื่อรับแรงกระแทกครั้งใหม่ มองไปคล้ายกับกับเรือลำน้อยท่ามกลางคลื่นพายุแห่งอารมณ์ใคร่อันดำมืด จนเด็กสาวได้แต่หลับตาปี๋สะบัดหน้าเริ่ดส่งเสียงร้องครวญครางด้วยความหฤหรรษ์ปริ่มว่าจะขาดใจตาย
กระนั้นเรือนร่างที่แลดูบอบบางหากทว่าอวบเต่งหนั่นแน่นเกินวัย ก็ใช่จะทำตัวเป็นเรือลำน้อยรอคอยรับความเสียวแต่ฝ่ายเดียว ขณะที่เขากระแทกลงมาใส่ บั้นท้ายผึ่งผายของเธอก็กระเด้งขึ้นแอ่นรับจังหวะกระแทกกระทั้นแห่งความหฤหรรษ์อย่างเหมาะเจาะลงตัว สุดท้ายจึงกลายเป็นว่าเขากระเด้าเธอกระเด้ง จนน้ำรักหลั่งออกมาผสานผสมกับคราบน้ำกามไหลนองทะลักล้นไปทั้งง่ามขา
"อะ อูยย ... อ๊อย ... อ๊อย ... อ๊อย ... อูยยสส ... อะ อาจารย์ อะ อ๊ายยย พี่เอก ... ซี้ดดสสส ... อาจารย์ อาจารย์ อ๊ายยยยยยย"
เด็กสาวหน้าใสหุ่นอวบอัดร่ำร้องด้วยน้ำเสียงอันขาดห้วง ดวงตากลมโตทั้งสองข้างปิดสนิทเพราะตกอยู่ในห้วงคล้ายจริงคล้ายฝัน สองมือของเธอจิกกำผ้าปูที่นอนเท่าที่เรี่ยวแรงจะพึงมี ร่างอวบอิ่มเกินวัยที่มีเสื้อนักศึกษาไซส์เล็กสั่งตัดพิเศษห้อยอยู่หงายนอนถ่างแข้งขาอ้าซ่า
ร่องรักที่ยังไม่เติบใหญ่เต็มวัยเปิดรับแรงกระแทกจากร่างกำยำของชายหนุ่มที่กำลังเมามันสะใจ ท่อนเอ็นดุ้นใหญ่วิ่งเข้าวิ่งออกร่องรักจนเปียกแฉะส่งเสียงดังเจ๊าะแจ๊ะออกมาอย่างแผ่วเบา ในขณะที่เสียงเนื้อหน้าขาชายหนุ่มกระทบกระแทกกับเนื้อนวลนั้นกำลังดัง ป้าบ ป้าบ สนั่นหวั่นไหวจนได้ยินชัดไปทั่วทั้งห้องนอน
สุดท้ายเมื่อความหฤหรรษ์พุ่งปรี๊ดจนถึงขีดสุด เด็กสาวก็ส่งเสียงหวีดร้องออกมาลั่นห้อง สองมือไขว่คว้ากอดรัดตวัดจิกปลายเล็บลงไปบนแผ่นหลังกำยำของชายหนุ่ม ปลายเท้าทั้งสองเหยียดเกร็งไปพร้อมกับร่างงามที่แอ่นสะท้านกระตุกสุดชีวิต ร่องรักสดใหม่วัยมัธยมต้นจึงขมิบตอดดูดรัดท่อนลำลึงค์บ๊วบสุดแรง ส่งความหฤหรรษ์ที่เสียวแปล๊บย้อนกลับคืนไปให้ชายหนุ่มอีกระลอก
ชายหนุ่มเองก็สุดแสนจะทานทนต่อรสเสียวในคราวนี้ได้ไหว เขาแอ่นสะโพกอัดเข้าไปในร่องหลืบจนลึกสุดเหยียด สองมือเอื้อมลงไปบีบขยี้หนองโพอวบเต่งเกินวัยของน้องสาววัยมัธยมต้นตัวน้อยจนแทบแตกคามือ จากนั้นดุ้นเอ็นลำยาวใหญ่ก็กระตุกสะท้าน ปลดปล่อยเอาน้ำกามข้นคลั่กที่เหมือนจะไม่มีวันหมด ละเลงหลั่งรินเข้าไปในร่องรักของเด็กสาวตัวน้อยเป็นรอบที่หกในค่ำคืนนี้
"อูยยสส ... เมย์ ... เย็ดมันส์จริงๆ"
เมื่อปลดปล่อยน้ำกามไปอีกระลอก เอกก็ส่งเสียงครางอย่างสุขสม พลางล้มตัวฟุบลงไปนอนกอดรัดกับร่างงามของเด็กสาว เขาจูบดูดปากกับริมฝีปากจิ้มลิ้มสีแดงสด แหย่แยงลิ้นเข้าไปพัวพัน โดยที่ยังคงปล่อยดุ้นเอ็นให้ฝังตัวซึมซับสัมผัสอันแสนสุขอยู่ในร่องรักของเธอเช่นนั้นอีกเนิ่นนาน
รอคอยกระทั่งรู้สึกสาสมใจ เขาจึงค่อยดันตัวถอนเอาดุ้นเอ็นที่ยังรากลึกจนสุดทางถอยครูดออกมาอย่างเชื่องช้า เธอพยายามผวาเด้งเข้าหาร่ำร้องเรียกหา เหมือนไม่อยากให้แยกร่างออกจากกัน แต่แอ่นเด้งได้เพียงเล็กน้อย ร่างงามที่เต็มไปด้วยสัดส่วนอวบใหญ่เกินวัยก็ร่วงผลอยปล่อยสะโพกลงไปหย่อนแหมะบนเตียงนอน แล้วหมดเรี่ยวหมดแรงสลบไสลไป
ซึ่งความจริงแล้วเมย์ก็ยังคงตกอยู่ในบ่วงมายามนตร์อยุ่ตั้งแต่ต้น เธอยังคงฝันหวานเห็นเหตการณ์ว่ากำลังระเริงรักกับเอกผู้เป็นพี่ชาย ที่สวมบทบาทอาจารย์อยู่เพียงลำพังสองต่อสอง ทั้งที่ความจริงแล้วยังมีหญิงสาวอีกห้านางที่กำลังดื่มด่ำระเริงรักอยู่ในห้องหอแห่งเดียวกันนี้อยู่ด้วย
เอกก้มหน้าลงไปฟอนเฟ้นดูดกินหน้าอกไซส์สามสิบสี่นิ้วของเด็กสาวมัธยมต้นเป็นการปิดท้าย ก่อนยันร่างลุกขึ้นนั่งมองฟองสีขาวฟ่อดที่ละเลงออกมาจากร่องกลวงโบ๋ สองขาของเด็กสาวมัธยมต้นถ่างอ้าออกจนหุบไม่ลง เพราะโดนกระแทกกระทั้นจนเธอเสร็จไปสิบกว่ารอบ และเขาก็ได้ฝากเอาน้ำแห่งความใคร่เอาไว้กับเธอไปแล้วทั้งสิ้นหกครั้งด้วยกัน ดังนั้นเขาจึงเปิดโอกาสให้เด็กสาวได้พักเหนื่อยเสียบ้าง
เสียงครางสลับกับเสียงหอบหายใจกระเส่าที่อยู่ด้านข้างเรียกความสนใจจนเอกต้องหันไปมอง บนโซฟาสีครีมที่ถูกลากมาวางติดกับเตียงนอนเพื่อเพิ่มพื้นที่นั้น สองสาวหุ่นสะบึมกำลังนอนตะแคงกอดรัดฟัดเหวี่ยง แลกลิ้นจูบปากกันอย่างดูดดื่ม พวกเธอต่างแอ่นอกอวบบดเบียดเสียดสีเข้าหากัน ขณะที่ด้านล่างก็แอ่นโคกสวาทฉ่ำเยิ้มบดขยี้ใส่กันอย่างไม่หยุดยั้ง
"เจ้านายขา ... อูยยสสส เจ้านาย ... ลงโทษฟ้าแรง ๆ เลยค่ะ เจ้านายขา อูยสสส"
รอจนกระทั่งริมฝีปากของทั้งคู่เผยอแยกออกจากกัน หนึ่งในนั้นจึงค่อยส่งเสียงครวญครางสะท้านอารมณ์ออกมา ซึ่งหญิงสาวคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นน้องฟ้านักศึกษาสาวขาวหมวยหุ่นน่าฟัดวัยสิบแปดปี ผู้ถือครองตำแหน่งนักสู้สาวหมัดหนักขวัญใจสาว ๆ ของทั้งมหาลัยนั่นเอง
เวลานี้เธอยังคงจมดิ่งอยู่ในมนตราเฉกเช่นคนอื่น จึงไม่ได้รับรู้ว่าจริง ๆ แล้วร่างเลือดเนื้อกำลังร่วมสมสู่กับสตรีเพศเดียวกัน ส่วนฝันแสนหวานของเธอนั้นก็ออกจะขัดกับภาพลักษณ์นักสู้ไม่ยอมใครของเธออยู่บ้าง
ซึ่งนั่นก็คือการรับบทบาททาสสวาทที่ต้องโดนเอก ผู้เป็นเจ้านายที่เธอแอบหลงรักระทำการกดขี่ข่มเหงทางเพศ โดยในฝันนั้นเธอกำลังถูกจับมัดอยู่บนเก้าอี้ขาหยั่งเพียงลำพังในห้องลับ และโดนเขากดกระแทกกระทำย่ำยีด้วยความหื่นกระหายแบบไม่ยั้ง เหมือนกับในหนังโป๊เรื่องหนึ่งที่เธอเคยดูในวัยเด็ก
เรื่องนั้นจะมีเนื้อหาน้ำเน่าประมาณว่า นางเอกเป็นนักคาราเต้ทีมชาติ แต่โดนพระเอกที่ต่อสู้เก่งกว่า จับตัวไปเพื่อแก้แค้นความเลวที่พ่อเธอกระทำกับครอบครัวเขา เขาข่มขืนกระทำชำเราอยู่นานหลายวัน โดยแรกสุดตัวนางเอกนั้นคับแค้นพระเอกสุดใจ แต่เมื่อร่วมรักนานเข้าเธอก็แอบหลงรักพระเอกจนถอนตัวไม่ได้ และเนื้อหาเหล่านี้เอง ที่ประทับตราตรึงอยู่ในก้นบึ้งของฟ้าสาวหมวยหมัดหนัก โดยที่แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่รู้ตัว
"อู้ยยย ซี้ดดดสสสส สุดยอดเลย อูยยสสส เย็ดฝนแรง ๆ เลย อู้ยยสสส"
หญิงสาวหุ่นนางแบบอีกคนที่กำลังกอดรัดเล่นฉิ่งฉาบอยู่กับน้องฟ้า ก็คือฝนพริตตี้สาวขาวยาวก้นสวยประจำค่ายรถยนต์ยี่ห้อดัง เธอส่งเสียงร่ำร้องออกมาดังไม่แพ้น้องฟ้าผู้เป็นคู่ขา และกำลังตะเกียกตะกายไขว่คว้าพยายามนำพาอารมณ์สยิวให้ไปถึงสรวงสวรรค์ ด้วยการแอ่นสะโพกดินระเบิด เบียดอัดโคกสวาทเข้าหาด้วยสุดเรี่ยวแรงเท่าที่มี
แน่นอนว่าฝนเองก็ไม่ได้ชื่นชอบการตีฉิ่งฉาบกับเพศเดียวกันนัก เธอชื่นชอบความรู้สึกของการโดนดุ้นเอ็นอันอุ่นร้อนสอดแทรกลึกเข้าไปในร่างเฉกเช่นหญิงสาวทั่วไป แต่ที่เธอกำลังร่วมรักกับฟ้า ก็เป็นเพราะกำลังตกอยู่ในมายามนต์ที่เขาได้ร่ายเอาไว้ตั้งแต่แรก
ฝันแสนหวานของพริตตี้สาวนั้นออกจะแตกต่างจากฝันหวานของเพื่อนร่วมสามีอยู่บ้าง เพราะเธอกำลังฝันหวานว่าตนเองเป็นผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวในวงล้อมนายแบบหุ่นล่ำบึ้กนับสิบ ผู้ชายทุกคนจ้องมองเธออย่างหื่นกระหายราวกับสัตว์ป่าเพศผู้ในฤดูติดสัด ทุกผู้คนต่างกระเหี้ยนกระหือรือยื้อแย่งเบียดเสียดเข้ามาหาหมายร่วมสมสู่กับเรือนร่างของเธอ
กระนั้นท่ามกลางสัตว์ป่ากลัดมัน กลับมีชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวที่แกร่งกล้าที่สุดและแข็งแรงที่สุด กำลังครอบครองร่วมรักเสพสุขกับเธออยู่ด้วยความเร่าร้อน เขาจับเธอนอนหงาย นั่งชันเข่ายกสะโพกเธอขึ้นมากระแทกซอยยิกด้วยความหนักหน่วงรุนแรง บรรดาบุรุษกลัดมันที่อ่อนแอกว่าเหล่านั้น จึงทำได้เพียงแค่ยื่นคว้ามือเข้ามาลูบไล้บีบขยำขยี้เนื้อตัวของเธอ
ที่น่าแปลกใจอยู่บ้าง ก็คือในบรรดานายแบบหุ่นล่ำเหล่านั้น กลับมีคุณพ่อของน้องหญิง และลุงสมคนขับรถประจำบ้านน้องหญิงติดมาด้วย อีกทั้งในความฝันนั้น ฝนก็ดูจะมีความสุขที่ได้จับดุ้นเอ็นของสองผู้หลักผู้ใหญ่หุ่นลงพุง มาจรดจ่อบนใบหน้าและตามร่างกาย แล้วกระถอกมือซอยยิกจนน้ำกามข้นคลั่กเปรอะเลอะจนเต็มเนื้อตัว
สำหรับคุณพ่อของน้องหญิงนั้น เอกไม่ได้รู้สึกแปลกใจนัก เพราะจะอย่างไรตอนนี้ฝน ก็เป็นเหมือนเด็กเสี่ย หรือเมียเช่าให้กับคุณพ่อของน้องหญิงอย่าไม่เปิดเผย ดังนั้นหากเธอจะแอบมีใจอยู่บ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เอกจึงก็ไม่ได้รู้สึกหึงหวงแต่อย่างใด เพียงแต่ในกรณีของลุงสมที่อ้วนดำหน้าตาน่าเกลียดนั้น ออกจะผิดจากการคาดการของเขาไปอยู่บ้าง เพราะคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าฝนติดใจจนขนาดเก็บมาฝัน
ชายหนุ่มมองสำรวจความฝันในก้นบึ้งของสองสาวแล้วอมยิ้มน้อย ๆ เขาทำท่าจะขยับไปช่วยปลดปล่อยคลายความกระสันให้สองสาว แต่แล้วก็ต้องชะงัก เพราะเหมือนจะไม่จำเป็นนัก หนึ่งสาวมหาลัยวัยใส หนึ่งพริตตี้สาววัยทำงาน ต่างก็กำลังเร่งเร้ากระดกร่อนแอ่นโคกสวาทด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี
จากนั้นเพียงไม่นานนักเรือนร่างอวบอิ่มน่าฟัดของสองสาวก็กระตุกเกร็งสะท้าน ต่างหวีดร้องออกมาสุดเสียงด้วยเพิ่งไต่ไปถึงจุดแห่งความหฤหรรษ์ แล้วต่างก็ม่อยผลอยหลับไปโดยที่ยังมีคราบน้ำกามอยู่เต็มร่อง เพราะก่อนหน้านี้ทั้งสองสาว ต่างก็ผ่านการร่วมรักและรับน้ำกามไปแล้วคนละสามรอบเท่ากัน
ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปาก ปล่อยให้ฝนและน้องฟ้านอนพักผ่อนไป เฉกเช่นเดียวกับน้องมายด์เด็กสาวตัวน้อยวัยเพียงสิบเอ็ดขวบ ร่างบอบบางเปลือยเปล่าของน้องมายด์กำลังนอนกอดตุ๊กตาหมีอยู่ใกล้กับสองสาว ค่ำคืนนี้เอกไม่ได้ร่วมรักกับเธอแม้แต่ครั้งเดียว หากทว่าเด็กสาวตัวน้อยที่หน้าตาสวยน่ารักเหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบก็เหน็ดเหนื่อยเพียงพอแล้วจากการไปเที่ยวทะเล
"งืม งืม พี่เอกขา มายด์ดูดเก่งใช่มั้ยล่ะจ๊ะ"
มายด์ส่งเสียงละเมอแผ่วเบา พลางห่อปากแลบลิ้นเลียอะไรบางอย่าง ซึ่งอะไรที่ว่าในฝันของเด็กสาวก็คือดุ้นเอ็นของผู้เป็นพี่ชายที่เธอแสนจะหลงไหล และในฝันนั้นก็สมกับที่เป็นฝันของเด็กน้อย เธอและเขากำลังนอนอยู่บนเตียงในบ้านขนมที่มีตุ๊กตากินได้มากมาย โดยที่เธอกำลังแสดงฝีไม้ลายมือทั้งดูดทั้งเลียจนเอกร้องครางซี้ดอย่างสุดเสียว
เอกยื่นมือไปลูบศีรษะน้อย ๆ ของเด็กสาวด้วยความทะนุถนอม แล้วก้มลงไปหอมแก้มของมายด์ฟอดใหญ่ จากนั้นจึงค่อยผละออกมาปล่อยให้เธอนอนหลับฝันต่อไปเช่นเดิม เพียงแต่ว่าตอนนี้อารมณ์ใคร่และกำลังวังชาของเขายังคงมีอย่างเปี่ยมล้น จึงต้องหันมามองหาตัวช่วยเพื่อระบายออกอีกสักหน่อย
มองไปก็เห็นร่างเปลือยที่ขาวกระจ่างกว่าใครอื่นของฝ้ายแวบเข้ามาก่อน ร่างที่ขาวนวลเนียนของเธอนั้นยังคงแฝงเสน่ห์ดึงดูดอยู่มิคลาย โดยเฉพาะยามที่เธอเปลือยกายล่อนจ้อนอวดผิวขาวเนียนเผยให้เห็นลึกถึงทุกซอกทุกมุมก็ยิ่งเพิ่มพูนเสน่ห์ของตัวเธอไปอีกขั้น จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ฝ้ายจะเป็นพยาบาลดาวเด่นขวัญใจแพทย์และคนไข้ในโรงพยาบาลชื่อดังแห่งนั้น
ฝันหวานของพยาบาลสาวที่นอนสลบไสลถ่างขาอ้าซ่าจนหุบไม่ลง เพราะโดนกระเด้าจนเสร็จไปห้ารอบก็คือ เธอและเขากำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ในบ้านหลังโต ด้านข้างมีเปลของทารกเพิ่งเกิดที่กำลังหลับปุ๋ย ส่วนบนเตียงนอนนั้นก็มีเด็กชายที่โตขึ้นมาหน่อยกำลังนอนหลับอยู่ ส่วนเธอและเขาที่เป็นพ่อและแม่ก็กำลังหยอกล้อระเริงรักกันบนพื้นพรมโดยมีเป้าหมายเพื่อให้มีเด็กน้อยเพิ่มอีกสักคน
ฝ้ายก็เป็นเช่นนี้ เธอมีความเป็นแม่มากกว่าใครอื่น และเขามั่นใจว่าเธอจะต้องเป็นแม่ที่ดีได้อย่างแน่นอน หลายครั้งเขาจึงลองถามตัวเองดูว่า หากเลือกได้คนเดียว เขาจะเลือกใคร?
สุดท้ายเขาก็มักจะพบว่าคำตอบของเขาคือ ฝ้ายเป็นเพียงเบอร์สอง ไม่ต่างกันกับน้องเมย์ รองลงไปก็คือน้องฟ้า ตามด้วยฝน ส่วนน้องมายด์นั้นขอยกเว้นเพราะยังเด็กเกินไป แต่มั่นใจได้อย่างหนึ่งว่าเมื่อน้องมายด์เติบโตขึ้นมาอีกสักหน่อย จะต้องมีเสน่ห์เรือนกายที่น่าลุ่มหลงไม่แพ้น้องเมย์อย่างแน่นอน
ส่วนอันดับหนึ่งในใจนั้น เขารู้สึกมั่นใจเต็มร้อยว่าคือใคร ผู้หญิงคนนี้คือผู้หญิงที่สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอ เธอน่ารักที่สุดยิ่งกว่าใคร และเข้ากันได้ดีกับเขาอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเซ็กส์ เรื่องความสนใจ นิสัยใจคอ ทุกอย่างเหมือนกับถูกออกแบบมาให้เป็นของกันและกัน ทั้งที่เธอเติบโตมาในสภาพแวดล้อมอันหรูหรามั่งคั่ง ส่วนเขานั้นเติบโตมาด้วยการเป็นเด็กวัด อาศัยทุนการศึกษาเพื่อนำพาให้ตัวเองเรียนจบ
"... พี่เอก ... "
น้องหญิงที่กำลังนอนบีบขยำทรวงอกตนเอง ถึงกับขยับร่างอวบอิ่มลุกขึ้นมาทันทีที่เขาร่ายมายามนตร์เชื่อมจิตเข้าไปยังห้วงแห่งความฝันอันแสนหวาน เธอเรียกชื่อเขาอย่างแผ่วเบา หากทว่าแฝงความหมายแห่งห้วงคำนึงอันมากมายมหาศาล และแม้ว่าเขาจะร่วมรักกับเธอเป็นจำนวนครั้งมากกว่าใคร แต่ความกระหายในรสรักของนางฟ้าเดินดินคนนี้ ก็ดูจะไม่มีที่สิ้นสุดเช่นเดียวกันกับพลังแห่งความใคร่ของเขา
ความฝันของเธอแทบจะตรงไปตรงมากว่าใครอื่น ไม่ต้องมีเหตการณ์อะไรเพื่อกระตุ้นอารมณ์ ไม่ต้องการเหตผลในการร่วมรัก เธอเพียงต้องการร่วมรักหลอมร่างรวมกันกับเขาโดยไปสนสิ่งอื่นใด ไปตราบนานเท่านาน
ไม่ต้องรีรอให้เขาเป็นฝ่ายเริ่ม เธอโผเข้ามาในอ้อมกอดพร้อมกับกลิ่นกายอันหอมกรุ่น เธอเสนอจูบอันร้อนแรงให้ ไปพร้อมกับการจับดุ้นเอ็นอันเขื่องของเขาตั้งตรง แล้วขยับสะโพกขึ้นไปนั่งคร่อม ขยับสะโพกอีกเล็กน้อยร่องสวาทที่กระชับแน่นเหมือนจะสดซิงตลอดเวลา ก็กลืนกินดุ้นเอ็นเข้าไปจนสุดลำ
เวลาทุกวินาทีแทบไม่มีการเสียเปล่า เธอเร่งโยกเอวขย่มใส่เขาอย่างเร่าร้อน พลางคล้องแขนจับหลังศีรษะกดใบหน้าของเขาให้ซุกเข้าหาทรวงอกอวบเต่งของเธอ จากนั้นก็แหงนหน้าเริ่ด ส่งเสียงร่ำร้องครวญครางออกมาอย่างสุดเสียว
เอกตอบสนองได้ไวทันใจเช่นกัน เมื่อเธอเสนอหน้าอกที่สวยงามที่สุด และเต่งตึงกระชับแน่นนที่สุดมาให้ถึงที่ เขาก็ก้มหน้าก้มตาลงไปฟอนเฟ้นดูดเม้มปลายถันสีชมพูอ่อน สลับกับล้วงมือขยำขยี้จนเธอตัวกระตุกเร่า ๆ ขณะกำลังโยกเอวขย่มใส่เขาไม่ยั้ง
ร่างกายที่แสนจะสวยงามของนางฟ้าเดินดินคนนี้กำลังทำให้เขาคลั่งเช่นเคย ทุกสัมผัสบนเนื้อตัวเธอล้วนแล้วแต่นุ่มนิ่มแฝงแรงดีดสะท้อน ทุกพื้นผิวสัมผัสเนียนละเอียดแทบไม่มีจุดด่างพร้อยอันใด แต่ที่น่าคลั่งไคล้กว่าสิ่งใด ก็คือร่องสวรรค์สร้างอันแสนมหัศจรรย์ที่แฝงแรงดูดตอดจนแม้แต่เขาเองก็ยังแทบทนทานรั้งน้ำกามเอาไว้ไม่อยู่
"ซี้ดดดสสส ... หญิงรักพี่เอกค่ะ อะ อ๊ายยยยย"
เธอขย่มใส่เขาอย่างไม่ลืมหูลืมตาอยู่เนิ่นนาน ก่อนที่ความกระสันร้อนร่านนั้นจะพุ่งไปถึงขีดสุด ร่างของเธอบิดไหวกระตุกสะท้าน สองมือจิกกดศีรษะของเอกเข้าหาอ้อมอกสุดแรง ริมฝีปากบางเผยอหวีดร้องออกมาไม่เป็นภาษา จากนั้นจึงค่อยหมดเรี่ยวหมดแรงสงบนิ่งปล่อยให้ร่องหลืบตอดรัดท่อนเอ็นของเขาหนุบหนับไม่หยุด
ตอนนี้จึงเป็นรอบของเขาที่ใกล้เสร็จอยู่รอมร่อ เขาผลักเธอลงไปนอนหงายบนเตียงนอน จับเอาหมอนมารองสะโพกเพื่อยกให้สูงได้ระดับ จากนั้นก็โหมเร่งกระเด้าซอยใส่อย่างไม่ลืมหูลืมตา จนได้กระฉูดน้ำกามเข้าใส่ร่องหลืบของเธอเป็นรอบที่แปดในค่ำคืนนี้
เพียงแต่นี่อาจไม่ใช่ครั้งสุดท้ายก่อนฟ้าสาง เพราะเธอยังคงมองเขาตาแป๋ว ราวกับว่าไม่เคยอิ่มเอมเฉกเช่นเดียวกับเขา เขาจึงขยับพลิกตัวลงนอนหงาย เปิดทางสลับให้เธอเป็นฝ่ายขย่มบ้าง สุดท้ายหนึ่งหญิงหนึ่งชายที่ไม่เคยพอในราคะ ก็สลับกันส่งเสียงกระเส่าครวญครางต่อไปอีกเนิ่นนานเกือบชั่วโมงในขณะที่ผู้อื่นหมดเรี่ยวหมดแรงผลอยหลับสลบไสลกันไปหมดแล้ว
........................................
"เอาล่ะ จวนได้เวลาแล้ว เริ่มกันเสียที ..."
น้ำเสียงอันสดใสของสตรีเพศเสียงหนึ่งแว่วดังขึ้นในความมืดสลัว นางตะเคียนในร่างวิญญาณสีเขียวอ่อนจางลืมตาขึ้นจากการนั่งสมาธิจากขอบเตียงทางด้านทิศตะวันออก
"โอเคครับพี่แก้ว ... จัดตำแหน่งแบบนี้ถูกแล้วนะ?"
เอกที่นั่งรอคอยอยู่ที่กึ่งกลางเตียงนอนอ้าปากขานรับ พลางจับร่างขาวโพลนของฝ้ายพยาบาลสาวขึ้นมานั่งคร่อมทับบนร่างตนเอง เขาขยับร่างกระเด้งสะโพกอีกสองสามครั้ง ก็สอดใส่แก่นกายที่แข็งแกร่งสอดใส่เข้าไปในร่องรักของฝ้ายได้อย่างไม่ยากลำบาก จากนั้นจึงค่อยทิ้งตัวลงไปนอนหงายบนผืนเพียง ปล่อยให้ดุ้นเอ็นสอดใส่ค้างคาอยู่ในร่องของฝ้ายที่มีธาตุวิญญาณสูง กระตุ้นจนความรู้สึกจนพยาบาลสาวที่ดำดิ่งอยู่ในฝันหวานตัวกระตุกขึ้นมาหนึ่งครั้ง
"... ถูกต้องแล้ว ณ จุดกึ่งกลาง จงเชื่อมต่อผูกพันธุ์กับธาตุวิญญาณให้แนบแน่น ส่วนด้านซ้ายและขวาให้ขนาบเชื่อมโยงด้วยธาตุแห่งแสงและความมืด"
นางตะเคียนนั่งบริกรรมคาถาอีกครู่หนึ่ง จนปรากฎสัญลักษณ์แสงสีดำขึ้นที่หน้าผากของฝ้าย แล้วจึงค่อยตอบคำ เธอโบกมือวาดจากขวาไปซ้ายหนึ่งครั้ง จากนั้นร่างของน้องหญิง และน้องเมย์ที่นอนขนาบอยู่ซ้ายขวา ก็ขยับพลิกร่างเข้ามานอนตะแคงหนุนแขน ยกขาขึ้นเกยทับขาของชายหนุ่ม แล้วแอ่นร่างอวบอิ่มบดเบียดเนื้อตัวหอมกรุ่นเข้าแนบกับร่างแกร่งกำยำจนแนบสนิท
เวลานี้ที่กึ่งกลางเตียงนอน จึงมีร่างของเอกนอนรับเป็นฐาน มีร่างของฝ้ายนอนทับอยู่ด้านบน ด้านขวามีน้องหญิงซึ่งเปี่ยมด้วยธาตุแสง และด้านซ้ายมีน้องเมย์ที่มีธาตุความมืดกอดร่างแนบสนิทเข้าหากัน โดยที่เวลานี้ทั้งน้องหญิง และน้องเมย์ ต่างก็ปรากฎสัญลักษณ์เวทย์สีดำขึ้นที่หน้าผากด้วยกันทั้งคู่
เมื่อนางตะเคียนวาดมือไปมาอีกครั้ง พยาบาลสาวที่นอนคร่อมร่างอยู่ด้านบน ก็เริ่มส่งเสียงคราง พลางละเมอขยับสะโพกโยกก้นกระแทกเข้าใส่ชายหนุ่ม แล้วก้มหน้าลงจูบปากแลกลิ้นทั้งที่ยังสลบไสล
ด้านหนึ่งสาวมหาลัย หนึ่งเด็กสาวมัธยมต้น ที่นอนตะแคงอยู่อยู่สองข้างก็เหมือนจะไม่ยอมน้อยหน้า พวกเธอซุกหน้าเข้าหาใบหน้าด้านข้างของเอกทั้งด้านซ้ายและขวา จากนั้นก็แลบลิ้นน้อย ๆ จูบดูดเลียแหย่แยงเข้าไปในรูหูของเขา สลับกับส่งเสียงครางละเมอ และขยับกระดกก้น แอ่นโคกโหนกนูถูไถไปกับความหยาบกระด้างของเนื้อท่อนขาชายหนุ่ม น้ำรักที่ยังคงหลั่งเยิ้มออกมาไม่หยุดยั้งจึงเลอะเปรอะเต็มหน้าขาของชายหนุ่ม
"ทิศอุดร แห่งอัคคี ... ทิศทักษิณ แห่งวารี ... ทิศประจิมแห่งวายุ ... และสุดท้าย ทิศบูรพาแห่งปฐพี ... "
นางตะเคียนร่ายบริกรรมคาถาต่อไป จากนั้นสัญลักษณ์แห่งมนตราสีดำมืดก็ค่อยผุดโผล่ปรากฎขึ้นบนหน้าผากของหญิงสาวที่เหลือ เริ่มจากน้องฟ้าสาวหมวยหมัดหนักตัวแทนแห่งธาตุไฟที่ประจำอยู่บนเตียงทางด้านทิศเหนือ ตามด้วยน้องมายด์เด็กสาวร่างบางตัวแทนแห่งธาตุน้ำทางทิศใต้
จากนั้นจึงเป็นฝนพริตตี้สาวสะโพกดินระเบิดตัวแทนแห่งธาตุลมที่ประจำอยู่ทางทิศตะวันตก ก่อนจะปิดท้ายด้วยตัวนางตะเคียนตัวแทนแห่งธาตุดิน ซึ่งนั่งประจำอยู่ที่ตำแหน่งทิศตะวันออก และเมื่อสัญลักษณ์แห่งมนตรานั้นปรากฎขึ้นที่ใคร หญิงสาวที่นอนสลบไสลอยู่นั้น ก็จะเริ่มขยับมือไม้ บีบคลึงเนื้อตัวตนเอง กระตุ้นจนอารมณ์รักที่สงบลงไปแล้วตื่นขึ้นมาใหม่อีกรอบ
"น่าเสียดายที่พวกเรายังขาดสตรีแห่งธาตุปฐพี แต่เวลาไม่คอยท่า หากปล่อยผ่านฤกษ์เวลานี้ไปโดยไม่ทำอะไรเลย ก็คงต้องรออีกสี่สิบเก้าปีจึงจะมีอีกครั้ง นี่ยังดีที่เราเป็นตัวแทนแห่งธาตุปฐพีชดเชยได้บ้าง จึงพอจะสร้างวงเวทย์แห่งเจ็ดธาตุเวียนวนได้อย่างไม่ตกไม่พร่อง ถึงแม้จะไม่สมบูรณ์เท่าร่างเลือดเนื้อที่เต็มไปด้วยเชื้อรักของสตรีเหล่านี้ก็ตามที"
ร่างสีเขียวอ่อนจางของนางตะเคียนซึ่งนั่งอยู่ทางทิศตะวันออกเอ่ยปากอธิบาย ขณะทำสีหน้าเคร่งเครียดหันไปร่ายมนตราใส่สายสิญจน์ปลุกเสกสีขาวหม่นที่ถูกขึงเอาไว้รอบด้าน เพื่อป้องกันการรบกวนจากภูติผีวิญญาณร้ายที่อาจผ่านมาโดยบังเอิญ เพราะขณะอยู่ในห้วงพิธีนี้ ดวงวิญญาณของเอกจะไม่อยู่กับร่างเนื้ออันเป็นกายหยาบ
"คิก คิก พวกหนูว่า ถ้าป้าตะเคียนมีร่างเลือดเนื้อ สงสัยว่าพิธีกรรมนี้คงจะไม่ได้ทำ เพราะป้าตะเคียนคงจะเหนื่อยหมดแรงซะก่อน"
เสียงแหลมสูงของสองเด็กน้อยรักยมดังขึ้นมา พร้อมกับการปรากฎของร่างวิญญาณสองร่าง ซึ่งบัดนี้กำลังทำท่าเดินเหยียบย่องข้ามร่างเปลือยของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง
นางตะเคียนที่กำลังทำสีหน้าจริงจัง หันมาขมวดคิ้วทำตาดุใส่สองเด็กน้อยคู่กัดขาประจำเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ดุด่าอะไรเช่นเคย เพราะหนึ่งนั้นพวกรักยมก็พูดความจริง ในแง่ที่ว่าหากเธอมีร่างเลือดเนื้อ ก็คงต้องกระโจนลงไปร่วมรักกับเอกแล้ว ส่วนเหตผลที่สองก็คือเธอกำลังรวบรวมสมาธิไม่ให้เสียงานใหญ่อยู่
"ชิ ไอ้พวกเด็กเหลือขอ นี่ใช่เวลามาต่อล้อต่อเถียงหรือไม่ หน้าที่ของพวกเจ้ามี กระทำแล้วหรือยัง ข้ากำลังทำหน้าที่ของข้า แล้วหน้าที่ของเจ้าเล่า?"
"จ้า จ้า พวกหนูยอมก่อนก็ได้ กลับออกมาแล้วค่อยมาด่ากันใหม่ คิก คิก ... พ่อจ๋า พวกหนูเข้าไปช่วยจัดการข้างในนั้นก่อนนะจ๊ะ"
อาจเป็นเพราะความสำคัญของพิธีกรรม สองเด็กน้อยที่ปกติไม่ยอมลดลาวาศอกจึงยอมเลิกการทะเลาะวิวาทแต่โดยดี พวกเขาหันไปมองเอกที่กำลังโดนสามสาวรุมจูบพรมไปทั่วใบหน้าแวบหนึ่ง จากนั้นก็ยกมือขึ้นพนม แล้วกลายเป็นอณูแสงเล็ก ๆ ลอยหายเข้าไปในจี้ห้อยคอที่ห้อยอยู่บนคอของชายหนุ่ม
"จงจดจำไว้เจ้านายและสามีของข้า ... เวลาในโลกแห่งความตายนั้นไม่เที่ยง บางเพลาอาจรวดเร็ว บางเพลาอาจเชื่องช้า ดังนั้นการไปในครั้งนี้อาจรวดเร็วจนไม่รู้สึก หรืออาจยาวนานจนแทบลืมเลือนตัวตน ... แต่จงอย่าได้ห่วงว่าตัวตนเจ้าจะสูญหายลบเลือน เพราะเมื่อเวลาในโลกแห่งชีวิตผ่านไปครบสามชั่วยามเมื่อไร ดวงจิตของเจ้าก็จะถุกพันธะที่เราสร้างไว้กับยอดเหล็กไหลดึงกลับมาทันที ... จงจำไว้ ... อย่าได้หวาดกลัวจนแพ้พ่าย อย่าได้ลืมเลือนว่าเข้าไปเพื่อสิ่งใด ... อย่าได้ลืมเลือนว่าเจ้าต่อสู้เพื่ออะไร ... และที่สำคัญก็คือจงอย่าได้ลืมเลือนว่าเจ้าคือใคร ..."
นางตะเคียนกล่าวอธิบายเป็นครั้งสุดท้าย เอกเหลือบตาหันมามองเธอแวบหนึ่ง เพราะกำลังโดนสามสาวห้อมล้อมอยู่ แม้อยากจะเอ่ยปากถาม แต่ก็ไม่อาจทำได้ เพราะฝ้ายแทบไม่ยอมปล่อยให้ริมฝีปากของเขาเป็นอิสระเลยแม้แต่วินาทีเดียว
"เวลาไม่คอยท่าแล้ว ... จงไปเถอะ และจงจำไว้ว่า การฝึกปรือในครั้งนี้ มิใช่เพื่อบำเพ็ญตบะสร้างเสริมพลัง หากแต่เป็นเพื่อฝึกความเชี่ยวชาญ และซึมซับผสานพลังที่มีอยู่ ให้เข้ากับกายละเอียดของเจ้าให้มากที่สุด"
นางตะเคียนยิ้มและพยักหน้า เหมือนจะบอกว่าอย่าได้กังวล จากนั้นเธอก็ยกสองมือขึ้นพนม แล้วบริกรรมคาถาด้วยสุ้มเสียงอันสดใสน่าฟังอีกครู่ใหญ่ กระทั่งปรากฎไอสีดำแห่งไสยเวทย์แผ่คลุมไปทั่วบริเวณ
เสียงหอบครางของหกสาวค่อยแผ่วเบาจนสลายหายไป เอกก็เริ่มสงบนิ่งและผลอยหลับไป จากนั้นอณูแสงสีขาวเล็ก ๆ หย่อมหนึ่งก็ลอยล่องออกมาจากร่างของเขา แล้วลอยหายเข้าไปในจี้ห้อยคอรูปน้ำค้าง ที่สองเด็กน้อยรักยมได้นำเข้าไปก่อนหน้า
นางตะเคียนยิ้มอย่างพอใจ แล้วหันมาบริกรรมคาถาอีกครั้ง จากนั้นก็ปรากฎอณูแสงสีขาวหย่อมเล็ก ๆ ออกมาจากร่างของหญิงสาวทั้งหก และลอยหายเข้าไปในจี้ห้อยคอนั้นเช่นกัน
"คิก คิก และเราก็ต้องขอโทษด้วย ที่ไม่ได้บอกเจ้าล่วงหน้า แต่นี่คือท่าไม้ตายลับที่เจ้าเด็กปากเหลือขอบอกเอาไว้ ว่าจะช่วยให้เจ้าฝึกปรือได้สำเร็จ"
มองดูร่างอันไร้วิญญาณของหญิงสาวทั้งหก ที่กำลังนอนหายใจแผ่วเบาในสภาพครึ่งเป็นครึ่งตาย แล้วนางตะเคียนก็แย้มยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนเด็กน้อยที่กำลังคิดกลั่นแกล้งเพื่อนสนิท เธอหัวเราะออกมาแผ่วเบา ทิ้งท้ายประโยคคำพูดไว้หนึ่งคำ ก่อนจะนำพาร่างวิญญาณของตนเอง ตามเข้าไปด้านในสุดยอดแห่งเหล็กไหลนั้น ปล่อยให้ห้องหอที่เพิ่งถูกไฟสวาทแผดเผาจนร้อนฉ่ากลับกลายเป็นเงียบสนิทวังเวงอย่างฉับพลัน
........................................
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
3 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ จะรอตอนต่อไป
ขอบคุณมากครับติดตามผลงานมาโดยตลอด
Thank you รอติดตามตอนต่อไปนะครับ ^_^
แสดงความคิดเห็น