ขายของ

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

มุมมืดของชีวิต

ผมเองจริงๆแล้วอายุก็กลางคนแล้ว (41) คงไม่แปลกนะครับที่ยังฝักใฝ่เรื่องในแนวครอบครัวอยู่อีก ทั้งที่น่าจะเข้าวัดเข้าวาแล้ว แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะมาบอกเล่าประสบการณ์ในอดีตให้ฟังกันบ้าง ซึ่งที่ผ่านมาต้องปกปิดกันอย่างเคร่งครัด ใครรู้ ไม่ต้องอยู่เป็นผู้เป็นคนกันละ สำหรับเรื่องที่ผมใคร่จะแชร์ประสบกามให้ฟัง รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่ดีไม่ควร แต่ก็จะเล่าครับ
เรื่องมันเกิดขึ้นหลายปีแล้วครับ ตั้งแต่ผมอายุรุ่นหนุ่มกระทง ราว 15-16 สมัยนั้นโอกาสที่จะได้ล่อสาวๆนั้น ยากยิ่งกระไร อินเตอร์เน็ตที่จะได้ดูของดีๆก็ไม่มีหรอก ยิ่งครอบครัวถูกสอนให้มองเรื่องเพศเป็นเรื่องน่าอายก็เลยไม่ต้องไปหวังอะไร เลย สำหรับในครอบครัวผมก็ประกอบด้วยพ่อซึ่งเป็นหลักมีอาชีพขับรถสิบล้อวิ่งล่อง จากใต้ไป กทม ส่วนแม่ก็ทำหน้าที่เป็นแม่บ้าน ดูแลลูกๆไปตามประสาครอบครัวเล็ก ผมมีน้องชายอีกคนนึงอายุห่างกันมาก เค้าเป็นลูกหลง เพิ่งจะโผล่มาตอนผมอายุ 14 แล้ว ผมจึงมีหน้าที่อีกอย่างคือช่วยแม่ดูแลน้องตัวเล็กด้วย ช่วงนั้นเมื่อได้ไกล้ชิดแม่และน้องตัวเล็ก โอกาสได้เห็นนมของแม่จึงมีบ่อยๆ ซึ่งแม่ก็คงๆไม่ได้คิดไม่ถึง ว่าผมได้เพาะความคิดอันชั่วร้ายขึ้นทีละนิดแล้ว ทุครั้งที่แม่ให้นมน้อง ผมจะพยามกุลีกุจอมาอยู่ใกล้ๆ ช่วยเก็บโน่นจับนี่ เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต แต่ก็ทำได้เพียงเท่านี้ละครับ ถึงจะพอเห็นนมขาวๆของแม่ได้บ้างแต่ก็ไม่ชัดเจนนัก เพราะแม่ยังไม่โจ่งแจ้งนัก ความอยากก็ทวีขึ้นเรื่อยๆ จนเกาะกุมจิตใจเรื่อยมา ชักว่าวทุกครั้ง ตัวละครสุดท้ายก่อนที่น้ำจะพทะลักออกจากปลายควย ก็คือแม่นี่ละที่ผมจะต้องจินตนาการถึงแทบทุกครั้งก็ว่าได้ ในที่สุดน้องก็เติบใหญ่ขึ้นมา
ร่วมปีที่ผมทรมาณจิตใจตัวเอง โดยที่แม่ไม่มีโอกาสล่วงรู้ความโสมมในใจผมหรอกนะ และแล้วผมก็สอบเข้าเรียน วิทยาลัยอาชีวะในตัวเมือง ตั้งแต่นั้นมาความคิดที่จะล่วงเกินแม่ตัวเองก็ซาๆลงไปบ้าง เนื่องจากมีสังคมใหม่ และการเรียนที่ต้องแข่งขันมากขึ้น แล้วก็น่าจะลืมแม่ไปได้ เมื่อเพื่อนชวนไปเที่ยวผู้หญิงครั้งแรก ตอนนั้น โรคเอดส์ยังไม่ระบาดนัก แต่มีหนองในและซิฟิริสที่เป็นพระเอก ผมก็เป็นหนองในนั่นละ เนื่องจากไม่ป้องกันตัวเอง จากนั้น พอมีเงินบ้างก็หันไปใช้บริการผู้หญิงดังกล่าวเรื่อยมา เรื่องแฟนยังไม่มีเป็นตัวตนเลย จนติดทหารเกณฑ์ 6เดือน (ใช้วุฒิ ปวส สมัคร) ออกมาจากทหารก็สมัครเข้าไปสอนอัตราครูจ้าง (สอนวิชาช่าง) ในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง และในที่นี้ละครับที่ผมได้เจอเนื้อคู่ ผมมีโอกาสได้สนิทกะครูรุ่นพี่กว่าผม 4 ปี เธอไม่จัดว่าสวย แต่นิสัยดี สุดท้ายเราก็แต่งงานกันเมื่อผมอายุ 23 ปี เมียผม 27 ปี ก็ใช้เวลาไม่นานนัก ผมก็ปั๊มลูกชายคนแรกได้สำเร็จสมใจอยากของญาติๆ โดยเฉพาะแม่จะเห่อหลานมาก รับอาสาจะนำไปเลี้ยงเอง แต่เนื่องจากหลานยังกินนมแม่ เค้าเลยกุลีกุจอมาอยู่ที่บ้านเลย ผมเลยต้องแบ่งห้องเพิ่มอีกห้อง ส่วนเมียผมก็ดีใจที่แม่จะได้มาช่วยแบ่งเบาภาระทางบ้าน จนลูกผมอายุ 5 เดือนกว่าแม่ก็แนะนำให้หย่านม แล้วก็นำหลานไปดูแลเอง ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี แม่ผมก็เห่อหลานมาก ถึงแม้ว่าแม่ยายจะอาสามาเลี้ยงบ้าง เค้าก็ไม่ยอม บอกว่าหลานติดเค้ามาก ดูสิ ขนาดหลานยังทำเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเลยครับ จนเช้าวันหยุดวันนึง ภรรยาออกไปซื้อกับข้าวที่ตลาดสด จู่ๆก็มีเสียงลูกชายผมดังมาจากห้องที่แม่เลี้ยงหลาน ร้องเสียงดังมาก ผมเลยรีบเข้าไปดู เห็นขาลูกชายกำลังเข้าไปขัดกะร่องเปล ผมก็พยายามจะแกะออก ลูกก็ร้องจ้า เวลาเดียวกันแม่ก็รีบออกมาห้องน้ำ เนื้อตัวยังเปียกแฉะ พอผมดึงลูกออกมาจากเปลได้ ลูกก็ยังแหกปากร้องปานบ้านจะแตก แม่ก็ยื่นมือมารับหลานสุดที่รักของเค้าจากมือผม จังหวะที่อ้าแขนยื่นมาผ้าขนหนูที่ห่อกายแม่ก็หลุดออกมา ครั้นเค้าจะปล่อยหลานก็ไม่ได้ จะหยิบผ้ามาห่อกายก็ไม่ได้ด้วย ผมมองไปที่รูปกายแม่ บอกตรงๆว่าความรู้สึกเดิมๆในอดีตมันย้อนกลับมาอีกครั้งโดยสมบูรณ์ ผมก้มลงเก็บผ้ามาพันที่เอวแม่ แต่ส่วนอกยังโผล่ให้เห็นชัดเจน แม่ก้มลงวางหลาน แล้วจัดผ้าให้เข้าที่เข้าทาง หลังจากที่ช่วยกันชงนมให้ลูก พอนมเข้าปากก็เงียบเสียงลงได้ ผ่านไปสักพักผมก็เปรยกะแม่ว่า “แม่ยังสวยไม่สร่างเลยนะ หุ่นยังเหมือนตอนยังสาวๆเลย” แม่ถามว่า รู้ได้อย่างไรว่าหุ่นยังเหมือนตอนสาวๆ ผมก็เล่าไปพอสังเขปถึงเรื่องราวที่ผ่านมา แต่ไม่ได้บอกความรู้สึกลึกๆที่อยากจะสังวาสกับเค้าหรอกนะ ผมหยอดต่อไปว่า “ หลังๆเนี่ยพ่อคงใจดำกะแม่สินะ คงไม่ได้ใช้งานแม่เลยสิ ทรวดทรงยังดีอยู่ “ ที่ผมพูดได้ขนาดนี้นอกจากจะอาศัยความกล้ามากแล้ว อีกอย่างเพราะแม่มีความเป็นกันเอง ทำให้ผมคุยได้สะดวกปากมาก แม่บอกว่า พ่อเป็นเบาหวานนานแล้ว ก็ต่างคนต่างอยู่ ผมจึงถึงบางอ้อ มิน่าเล่าแม่ถึงมาอยู่เลี้ยงหลานโดยไม่คิดจะกลับบ้าน เป็นเพราะพ่อไม่สู้นี่เอง ผมรู้ว่าในวัย 45 กะรัต แม่คงจะยังมีไฟ แต่คงไม่มีใครจะช่วยจุดให้ ผมเลยหยอดไปว่า “เอามั๊ยจะแอบหากิ๊ก(สมัยนั้นไม่มีคำว่ากิ๊ก)ให้สักคน แม่ก็บอกว่า ไม่เอาละ เดี๋ยวพ่อฟาดหัวแตก” ความคิดผมตอนนั้นแล่นปริ๊ด จะหาเหตุยังไงจึงจะได้ดูดนมแม่ (ตอนนั้นไม่ได้คิดไกลหรอก เพราะการที่จะเย็ดแม่นั้น มันไกลเกินเอื้อมแน่ๆ) ผมก็บอกว่า แม่ยังไม่แก่เลย หุ่นก็ยังดี เสียดายจัง นี่ถ้าหากผมช่วยได้ ผมจะช่วยแม่นะเนี่ย” ดูผมพูดกะแม่ตัวเองสิคับ อุบาทย์น่าดูนะ แม่ก็บอกว่า “ช่างมันเหอะ ขาดเรื่องนี้มันไม่ตายหรอก “สุดท้ายการสนทนาก็ชะงักเมื่อเสียงรถเมียดังขึ้น กลับมาจากตลาด หลังจากนั้นผมก็พยายามหาโอกาสที่จะคุยเรื่องนี้กับแม่ ต้องการสานต่อความต้องการในวัยเด็กอีกครั้ง ซึ่งมันก็มีโอกาสแล้วในตอนนี้ แล้วผมก็หาโอกาสให้เมียผมไปเที่ยวต่างจังหวัดจนได้ โดยทำทีเป็นได้บัตรท่องเที่ยว แต่มีบัตรเดียว ผมทำเป็นว่า ถ้าเมียผมไม่ไปก็ทำลายทิ้งซะ สุดท้ายเมียก็เสียดาย เพราะราคาตั้ง สามพันกว่า เธอก็ยินยอมเดินทางไปโดนลำพัง 3 วัน ซึ่งผมคิดว่า ถ้าจะหาโอกาสทำไรกับแม่ก็คงเหลือเฟือ แล้วค่อยมาดูกันครับว่า เรื่องมันจะสมหวังแบบตั้งใจ หรือยากเย็นเพียงใด ค่อยว่ากันใหม่ครับ ... ผมไม่ใช่นักแต่งนิยาย แต่อยากมาเล่าประสบการณ์ครับ เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ขอบคุณครับ

ไม่มีความคิดเห็น: