ขายของ

วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ฉันชื่อ นาตยา อายุ 40 ปี

ฉันชื่อ นาตยา อายุ 40 ปี

ไม่ มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไร" เป็นคำพูดที่ถูกต้องแล้ว ฉันเองไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้มันจะเป็นจริง! และเกิดขึ้นกับตัวฉัน... ฉันชื่อ นาตยา อายุ 40 ปี ผิวขาว สูง 165 หนัก 48 สัดส่วน 35-24-34 หน้าตาธรรมดาไม่สวยแต่ก็ไม่ขี้เหร่ ฉันเป็นอาจารย์สอนวิชาภาษาไทย ที่โรงเรียนมัธยมชายล้วนแห่งหนึ่ง สามีเสียชีวิตด้วยโรคตับวายเมื่อ 5 ปีก่อน ฉันอยู่กับลูกชาย 2 คน "ภาสกร" ลูกชายคนเดียวของฉัน อายุ 16 ปี เรียน ม.5 โรงเรียนเดียวกับที่ฉันสอนซึ่ง กร ก็เหมือนกับเด็กวัยรุ่นๆทั่วๆไป จันทร์-ศุกร์ ก็เรียนที่โรงเรียน เสาร์อาทิตย์ก็ไปเรียนพิเศษ เลิกเรียนก็ไปเล่นบ้านเพื่อนบ้าง บางอาทิตย์ก็มีเพื่อนๆมาเล่นที่บ้านบ้าง ดูๆไปก็เหมือนครอบครัวอื่นๆทั่วไป แต่สิ่งที่ทำให้ครอบครัวของฉันแตกต่างจากครอบครัวของคนอื่นก็เกิดขึ้น..
ทุกวันอาทิตย์ฉันถึงจะมีเวลาในการทำความสะอาดบ้าน อาทิตย์นี้ก็เช่นกัน ซึ่งมันก็น่าจะเหมือนทุกๆครั้ง แต่มันก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นและเป็นจุดเปลี่ยนแปลงชีวิตฉันกับกรโดย สิ้นเชิง วันนี้ กร ไปเรียนพิเศษตามปกติ ฉันเก็บกวาดบ้านจนเกือบจะเสร็จ เหลือเฉพาะในห้องนอนของ กร ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะดูรายการคุยคุ้ยข่าวให้จบก่อนแล้วค่อยไปทำความสะอาดใน ห้องนอนของลูก แต่ไม่อยากจะเสียเวลาและอีกอย่างในห้องของกร ก็มีทีวีอยู่ด้วย ฉันเลยคิดว่าไปดูในห้องลูกก็ได้แล้วก็เก็บกวาดห้องลูกไปด้วย พอฉันเปิดทีวี ฉันต้องตะลึงยืนตัวแข็งอ้าปากค้าง เกิดความคิดสับสนและมีคำถามในใจมากมาย ภาพที่ปรากฎบนจอ เป็นภาพห้องน้ำ ในห้องนอนของฉัน!!! ฉันโมโหลูกมาก ถ้าลูกกลับมาฉันจะต่อว่าและลงโทษอย่างรุนแรง แต่พอได้สติฉันก็กลับมาคิดว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ลูกมีพฤติกรรมแบบนี้ เพราะปกติลูกก็จะเหมือนวัยรุ่นทั่วๆไปมีเพื่อนสนิท 3-4 คนเห็นจะได้แบบไปไหนไปกัน ส่วนเพื่อนหญิงไม่มีเลย คงเพราะเรียนโรงเรียนชายล้วน ฉันเลื่อนปุ่มเปลี่ยนช่องทีวีขึ้นไปอีกหนึ่งช่อง ภาพที่ปรากฎหน้าจอทำให้ฉันตะลึงไม่แพ้ช่องเดิม เพราะมันเป็นภาพในห้องนอนของฉัน! นี่แสดงว่าความเคลื่อนไหวของฉันในห้องนอน ถูกลูกจับตามมองอยู่ตลอดเวลา โดยที่ฉันไม่รู้เลย ฉันคิดว่าลูกจะจ้องจับผิดอะไรฉันหรือเปล่า หรือว่าเขาต้องการลองกล้อง เพราะปกติลูกจะชอบเล่นกล้อง ชอบอะไรที่มันเกี่ยวกับไอที ฉันซื้อกล้องถ่ายวีดิโอให้เป็นของขวัญวันเกิดเขาตอนต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเขาชอบและดีใจมาก แต่ภาพที่หน้าจอ มันทำให้ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่ภาพจากกล้องวีดิโอที่ฉันซื้อให้ ทันใดนั้น ฉันรีบกลับไปที่ห้องนอนฉันเพื่อหาดูกล้องที่ลูกซ่อนไว้จากภาพที่ปรากฎ "ร้ายจริงๆนะกร" ฉันอุทานออกมากหลังจากหยิบนาฬิกาที่ติดอยู่บนฝาผนังลงมาดู..
นาฬิการูปหน้าโดเรม่อน ตรงดวงตาด้านซ้ายติดกล้องขนาดจิ๋วแบบไร้สาย ซึ่งฉันเป็นคนบอกลูกให้ไปซื้อนาฬิกามาให้ฉันเองเอาไว้ดูเวลา แต่ลูกฉันบอกให้ติดในห้องน้ำด้วย จะได้ดูเวลาได้ตอนที่อยู่ในห้องน้ำ ฉันไม่ต้องเข้าไปดูในห้องน้ำเพราะดูทุกวัน มันเป็นนาฬิกาแบบเดียวกับที่ฉันถือในมือตอนนี้ ฉันเอานาฬิกาไปแขวนไว้ที่ผนังตามเดิม แล้วกลับมาทรุดตัวนั่งลงบนเตียงในอาการท้อแท้ และโทษตัวเองว่าเป็นครูแต่สอนลูกยังไงลูกถึงได้มีพฤติกรรมแบบนี้ คิดไปคิดมาก็รู้สึกร้อนวูบขึ้นมา หน้าแดงมีอาการเกร็งสะท้าน "ลูกแอบดูฉัน ? แล้วเขาคิดอะไรกับฉัน ? ฉันดูดีจนทำให้เขาสนใจฉัน ?" คิดเพียงแค่นี้น้ำเงี่ยนก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว จนต้องขมิบหีไว้ตลอด ตั้งแต่สามีเสียชีวิต ฉันไม่เคยมีความต้องการเรื่องเซ็กส์และไม่เคยช่วยตัวเองเลย ทำแต่งาน อะไรก็งาน... ฉันเข้าไปปิดทีวีในห้องนอนลูก โดยไม่ลืมที่จะกดช่องทีวีมาที่ช่องเดิมและทำความสะอาดห้องนอนลูกจนเสร็จแล้ว ลงมากินข้าว ตลอดเวลาฉันคิดเสมอว่าฉันมีอะไรที่ทำให้ลูกสนใจจนต้องมาติดกล้องแอบดูฉัน เพราะปกติฉันก็จะแต่งตัวธรรมดา สบายๆ ไม่ได้เซ็กซี่อะไรเลย.. "กลับมาแล้วครับ" เสียงกรร้องบอก ขณะที่ฉันกำลังเก็บกับข้าวในห้องครัว ความคิดที่จะต่อว่าและทำโทษลูกไม่รู้หายไปไหนไม่อยู่ในสมองเลย กลับกลายเป็นความตื่นเต้น ใบหน้าร้อนชา น้ำเงี่ยนไหลซึมออกมาจากรูหีจนรู้สึกถึงความแฉะได้.. "หิวมั้ยกร กินอะไรมารึยังล่ะจ๊ะลูก" ฉันพยามเก็บอาการและถามลูกตามปกติ แต่ใครจะไปรู้ว่าภายในใจฉันตอนนี้มันเร้าร้อน อย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน "กินที่สยามมาแล้วครับแม่ งั้นกร ขึ้นไปทำการบ้านต่อนะครับ" พูดจบลูกก็ขึ้นไปบนห้อง ฉันหาอะไรทำจนถึงตอนเย็น โดยไม่ได้เข้าไปที่ห้องนอนฉันเลย เพราะยังทำใจไม่ได้ ระหว่างที่กินข้าวเย็นเราคุยกันหลายเรื่องเหมือนทุกวันแล้วก็แยกย้ายกันไป พักผ่อน..
พอฉันเข้าไปในห้องนอนของฉัน มันทำให้ฉันเริ่มตื่นเต้นอีกแล้ว เพราะทุกย่างก้าว หรือทุกสิ่งที่ฉันทำจะถูกจับตามมองจากลูกชายฉันเอง ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าไปอาบน้ำโดยนุ่งผ้าเช็ดตัวเป็นครั้งแรก (ทุกๆครั้งฉันจะเปลือยกายเดินเข้าห้องน้ำเลย) ฉันสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อรวบรวมความกล้า ก่อนที่เข้าเข้าห้องน้ำ ฉันคิดว่าพอเข้าไปแล้วจะไปปลดนาฬิกาที่ลูกติดกล้องไว้ออกมาเก็บไว้ในห้องนอน แต่มันกลับเป็นตรงกันข้าม?? ฉันเหลือบไปมองนาฬิกา ซึ่งคิดว่าตอนนี้ลูกชายฉันกำลังจ้องมองมาที่ฉันอย่าไม่กระพริบตา มันทำให้ฉันร้อนวูบไปทั้งตัว น้ำเงี่ยนไหลเยิ้มออกมาแฉะเต็มรูหีจนฉันต้องเม้มปากตัวเองด้วยความเสียว ซี๊ด ด ด.. ฉันเดินไปเปิดฝักบัวทั้งๆที่ยังนุ่งผ้าเช็ดตัวเพราะไม่อยากให้ลูกเห็นน้ำ เงี่ยนของฉันที่ตอนนี้มันเริ่มไหลย้อยลงมาที่ขาแล้ว พอน้ำเปียกผ้าเช็ดตัวซักพัก ฉันก็กระตุกมันลงไปกองที่พื้น ตลอดเวลาที่ฉันอาบน้ำ น้ำเงี่ยนฉันไหลออกมาจนฉันเสร็จเองโดยไม่ต้องใช้มือช่วยตัวเอง...อ้าาา ฉันเดินเปลือยกายออกมาจากห้องน้ำและรีบแต่งตัว แล้วก็ปิดไฟนอนเพราะอายลูก.. ฉันนอนไม่หลับในความคิดรู้สึกผิดชอบชั่วดี แต่มันก็น้อยไปกว่ากิเลสตัณหาที่ฉันต้องการ.. ฉันเพิ่งมารู้ตอนนี้เองว่า ฉันมีความต้องการทางเซ็กส์สูงมากโดยเฉพาะการที่ได้เปลือยกายแก้ผ้าโชว์นม โชว์หี ยิ่งคนที่ฉันโชว์ไม่ใช่ใคร แต่เป็นลูกชายฉันเอง มันทำให้ฉันเสียวซ่านสะท้านตัวตลอดเวลา...วันต่อมาช่วงบ่ายไม่มีสอน ฉันก็ออกไปเสื้อผ้าที่ห้างซึ่งอยู่ใกล้ๆโรงเรียนนี่เอง ฉันเลือกชุดที่เซ็กซี่ๆ ไม่ว่าจะชุดนอน ชุดชั้นใน ชุดใส่เล่น ชุดทำงาน แม้กระทั้งชุดเครื่องแบบสีกากี.. ยังไม่ทันได้เลี้ยวรถเข้าไปในโรงเรียน ฉันเห็นกรยืนโบกรถเรียกฉัน "แม่ครับๆ" หลังจากที่ลูกขึ้นมานั่งในรถฉันก็ถามว่า "มารอแม่นานรึเปล่าจ๊ะลูก"..."อ๋อ..ไม่ครับผมไปที่โรงจอดรถไม่เห็นรถแม่ เลยเดินมารอที่หน้าประตูครับ" กรตอบ พร้อมกับถามว่าฉันไปไหนมา เราคุยกันมาตลอดทางจนถึงบ้าน โดยที่เขาไม่ให้ความสนใจกับตัวฉันเลยเขายังคงเรียบร้อยเป็นเด็กปกติ แต่ฉันเสียอีกที่มีความรู้สึกเสียวๆแปลกๆ คิดถึงชุดที่ซื้อมา เพื่อที่จะใส่โชว์ให้ลูกชายดู....
"กร กร ขึ้นมาหาแม่หน่อยลูก" ฉันเปิดห้องตะโกนเรียกลูกขึ้นมา พอลูกเข้ามาในห้องหน้าของเขาก็ซีดเปลี่ยนสีแววตามีกังวล "ม ม มี มี อะไร..เหรอครับแม่" ลูกถามฉันขณะที่มองดูนาฬิกาทั้งสองเรือนที่กระจกหน้าปัดแตก.. "แม่ไล่ตีแมงมุมน่ะลูก ด้ามไม้กวาดไปโดน" ฉันบอกลูก.. "มันหนีเข้าห้องน้ำ แม่ตามไปตีมัน ก็เลยโดนนาฬิกาอีกเรือน"...ฉันพูดจบโดยที่ไม่ต้องรอลูกตอบฉันยื่นนาฬิกาทั้ง สองเรือนส่งให้ลูก.."เอาไปให้ร้านเขาซ่อมนะจ๊ะ ซ่อมเสร็จค่อยเอามาติดไว้ที่เดิม" พูดจบฉันก็เดินไปเก็บของที่ซื้อมา เสียงเป่าปากถอนหายใจอย่างโล่งอกของลูกมันทำให้ฉันอดยิ้มขำๆในใจไม่ได้.. "ครับแม่ กรพรุ่งนี้จะเอาไปให้ร้าน..งั้นกรลงไปข้างล่างนะครับ"...ฉันพูดขอบใจลูกยัง ไม่จบ ลูกก็ออกไปแล้ว จริงๆแล้วฉันเอาด้ามไม้กวาดไปตีหน้าปัดนาฬิกาให้มันแตกเองแหละ ฉันอยากให้เขาสนใจในตัวฉันในทุกๆที่ ไม่ใช่แค่ในห้องนอนหรือห้องน้ำ...3 ทุ่มกว่าๆ ฉันนั่งตรวจการบ้านนักเรียนบนโต๊ะภายในห้องทำงานชั้นล่างซึ่งแต่ก่อนเป็น ห้องในรับแขก เพราะญาติสามีเยอะและจะแวะมาค้างที่บ้านบ่อยๆ หลังจากที่สามีเสียชีวิตญาติๆก็ไม่ค่อยได้มาค้าง ส่วนมากจะไป-กลับ หรือไม่ก็พักที่โรงแรม ฉันเลยดัดแปลงเป็นห้องทำงาน มีโต๊ะทำงานขนาด 3 ฟุต กระจกใสมองเห็นพื้นเขาตั้งเป็นเหล็ก เดิมเป็นโต๊ะกินข้าวสมัยแต่งงานใหม่ๆ เก้าอี้ก็เป็นเก้าอีกสำนักงาน มีผนักพิง ปรับเอนได้ ข้างหน้าโต๊ะทำงานที่พื้นฉันจะปูด้วยขนสัตว์สังเคราะห์ และก็มีหมอนใบใหญ่หนึ่งใบ เอาไว้นอนพักเวลาปวดเมื่อยหลังเวลานั่งทำงานนานๆ ถัดไปข้างหน้าก็เป็นทีวีพร้อมชั้นวาง ใครเข้ามาไม่ยืนคุยก็ต้องนั่งพื้น เพราะไม่มีเก้าอี้ให้.. "ก๊อก ก๊อก" ประตูถูกเปิด.."ขอกรทำการบ้านด้วยนะครับแม่".. ลูกเข้ามาพร้อมกระเป๋านักเรียน "วันนี้คิดยังไง เพราะตั้งแต่ขึ้น ม.ปลายมา ลูกไม่เคยมาทำการบ้านที่ห้องทำงานแม่เลย"...ลูกยิ้มเขินๆ.. "งั้นลูกไปยกเอาเก้าอี้เข้ามาซิจ๊ะ".. เขากลับตอบฉันมาว่า "ไม่เป็นไรครับแม่ กรนั่งเขียน นอนเขียนที่พื้นดีกว่า สบายดีได้ดูทีวีด้วย"... ฉันนั่งทำงาน ลูกก็นอนทำการบ้าน ความคิดแห่งตัณหาก็เกิดขึ้น.."แม่ต้องไปรื้อเสื้อผ้าสมัยแต่งงานกับพ่อของ ลูกใหม่ๆมาใส่ดีกว่าเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง" ฉันเอ่ยขึ้นลอยๆ.. "มันจะไม่เก่า ละก็ไม่ล้าสมัยไปเหรอครับแม่" ลูกย้อนถามฉันทันที"อ๋อ..ไม่จ้ะชุดพวกนั้นเป็นแฟชั่นตามสมัย ตั้งแต่พ่อของลูกเขาซื้อให้ แม่ยังไม่เคยใส่เลยเก็บไว้ในตู้" ฉันปั้นเรื่องเพื่อให้เข้าแผนทั้งที่เพิ่งจะซื้อมา...

ไม่มีความคิดเห็น: