ขายของ
วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556
รักยม ตอนที่ 51 - ทัวร์ฉิ่งฉาบ
"ร้อน ..."
เสียงผะแผ่วราวกระซิบของนางสาวสุดคะนึง หรือน้องหญิง นักศึกษาสาวสวยสุดฮอตจากรั้วมหาวิทยาลัยชื่อดัง
แว่วดังออกมาจากริมฝีปากบางที่เปี่ยมไปด้วยความกระหาย ทรวงอกอวบอิ่มขาวผ่องกลมดิกขนาดล้นมือเด้งดึ๋ง
สั่นไหวไปมาสะท้อนแสงไฟวิบวับอยู่ในความมืดสลัว และแม้ว่าอากาศภายนอกจะหนาวเย็นด้วยลมฝนเพียงไร
แต่เจ้าของเรือนร่างเปลือยเปล่าเปี่ยมเสน่ห์นั้นกลับรู้สึกได้เพียงความร้อนรุ่มดั่งโดนไฟรุมสุม
แม้จะได้สิ่งศักดิ์สิทธ์ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาอยู่บ้าง แต่ฤทธ์ยาสวาทที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งราคะดำมืดอัน
ร้ายกาจร้อนแรงก็ยังคงไหลวนเวียนเจือปนอยู่ในเลือดสาวอุ่น ๆ ของเธออยู่อีกไม่น้อย และนั่นเองที่ทำให้
คุณหนูนักศึกษาไฮโซผู้มีภาพลักษณ์อันแสนเรียบร้อยรู้สึกร้อน ... ร้อนรุ่มไปด้วยความกระสันร่าน และ
ร้อนรุ่มไปด้วยความต้องการแห่งการสมสู่ของสัตว์เพศเมีย
ร้อน ... ร้อนจังเลย พี่เอกช่วยด้วย ... เธอร่ำร้องคร่ำครวญในใจด้วยอยากคลายความทรมาณที่ยากจะ
บรรยายได้ แพขนตาเรียวสวยอันหนักอึ้งกระพริบถี่ ๆ ด้วยหญิงสาวพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะนำพา
ตัวเองให้ตื่นจากห้วงนิทราอันแสนร้อนรุ่มและทรมาณนี้ ในความสลัวนั้น เธอมองเห็นเงาใบหน้า
อันรางเลือนของใครบางคนที่ขยับยุกยิกอยู่บนร่างของเธอ แต่เมื่อพยายามจับจ้องดูรายละเอียดมากกว่า
นั้น เปลือกตาทั้งสองข้างก็ปิดลงไปอีกครั้งอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง
เธอรู้สึกเหมือนอยากจะยอมแพ้ และเตรียมตัวที่จะกลับเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง ... หากแต่ว่าความร้อนรุ่ม
ที่แล่นพล่านอยู่ทั่วร่างก็ยังคงรั้งดึงเธอเอาไว้ ไม่ให้เธอหลีกหนีความอัดอั้นทรมาณจากโลกแห่งความเป็น
จริงไปสู่โลกแห่งความฝันอย่างที่เธอต้องการได้
"อืมมมมม .... พี่เอกคะ"
เธอส่ายศรีษะไปมาก่อนร้องครางเสียงกระเส่าพร้อมกับสะดุ้งเฮือกจนแอ่นหน้าอกภูเขาไฟที่ชี้ตั้งเด่ขึ้นรับสิ่งที่
รุกเร้าเข้ามาสัมผัสตามสัญชาตญาณ เมื่อปลายถันสีชมพูสวยที่แข็งเป็นเม็ดได้รับการสัมผัสสะกิดเกาปลุกเร้า
จากภายนอก ทรวงอกอวบอิ่มทั้งสองข้างสั่นไหวเด้งไปมาด้วยโดนฝ่ามือของใครบางคนกำลังลูบไล้สัมผัสขยำ
ขยี้จนทั่วทั้งสองเต้าซ้ายและขวา แม้จะพยายามหากแต่เปลือกตาทั้งสองข้างอันหนักอึ้งก็บดบังมิให้เธอมอง
เห็นตัวตนของบุคคลที่กำลังล่วงล้ำละเมิดเรือนร่างของเธออยู่
ใจหนึ่งนั้นก็รู้สึกอยากต่อต้านการรุกเร้านั้น ด้วยรู้สึกหวงแหนในเนื้อหนังมังสาที่เธอเต็มใจยกให้ผู้ชายที่เธอ
รักเพียงคนเดียว หากแต่อีกใจนั้นเล่ากลับรู้สึกยอมแพ้ต่อความต้องการแห่งกามรสของตนเองไปให้รู้แล้วรู้รอด
อีกฝ่ายจะเป็นใครเธอเองไม่อาจจะรู้ได้ หากแต่นาทีนี้ นาทีที่ร่างทั้งร่างร้อนผ่าวเต็มไปด้วยความต้องการ ต้อง
ทุรนทุรายแทบเจียนตาย เธอจะต้องสนใจอะไรอีก ในเมื่อสัมผัสของใครก็ตามคนนั้นกำลังช่วยปลดเปลื้อง
ความอัดอั้นทรมาณอันแสนทุรนทุรายของเธอออกไปได้ไม่น้อย
ใครคนนั้นเอ่ยปากแม้สักคำเดียว หากยิ่งขยับตัวขึ้นไปดูดเม้มที่ซอกคออันขาวผ่องของเธอ พร้อมกับยิ่งบีบ
เคล้นขยำเต้านมของเธอด้วยอารมณ์หื่นกระหายอย่างรุนแรงยิ่งขึ้นเสียด้วยซ้ำ ริมฝีปากของอีกฝ่ายทั้งดูดทั้ง
เม้มและเลียที่ซอกคอจนเสียงดังจ๊วบจ๊าบ อีกทั้งยังค่อย ๆ ไล่ริมฝีปากลงมาด้านล่างจนอ้าอมงับเอาเอาปลายหัว
นมสีชมพูบนเต้านมขาวสวยกลมดิกเข้าไปในปากพร้อมกับออกแรงดูดดุนอย่างหิวโหย จนนักศึกษาสาวดาว
มหาลัยผู้แสนเรียบร้อยถึงกับต้องเด้งแอ่นอกแอ่นเอวขึ้นลงจนแทบหายใจหายคอไม่ทัน
“อือออ...อา...”
เสียงร้องครวญครางอย่างผะแผ่วอ่อนแรงในทีแรกนั้นค่อย ๆ ดังขึ้นมาทีละน้อยอย่างช้า ๆ เหมือนกับว่าพละ
กำลังในร่างกายจะฟื้นกลับคืนมาบ้างเมื่อได้ความเสียวซ่านแห่งราคะรสมาเติมเต็ม ความรู้สึกมึนงงค่อย ๆ
ทุเลาลง ด้วยโดนแทนที่โดยความรู้สึกร้อนรุ่มที่รุนแรงและเข้มข้นกว่า แม้จะยังลืมตาไม่ขึ้น แต่ร่างของเธอ
ก็ค่อย ๆ มีแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อพอจะขยับตัวได้บ้าง เธอก็ขยับแขนขึ้นหมายจะผลักไสร่างของใคร
คนนั้นที่กำลังยุ่มย่ามอยู่บนร่างของเธอให้หยุดการกระทำเสีย หากแต่เมื่อไม่มีเรี่ยวแรงที่เพียงพอ อาการ
ผลักไสนั้นจึงเป็นเพียงการแตะสัมผัสกับร่างของอีกฝ่ายอย่างเบามือเท่านั้น
"อาาา ..."
เสียงร้องของอีกฝ่ายที่สะดุ้งตัวไปกับสัมผัสเบา ๆ แว่วเข้ามาในโสตประสาทของเธอ ฝ่ามือของเธอสัมผัสเข้า
กับความนุ่มนิ่มนวลเนียนละเอียดลื่นของอะไรบางอย่าง ด้วยความแปลกใจอุ้งมือน้อย ๆ ของเธอเลื่อนลูบ
ไถลไปตามพื้นผิวอันนุ่มเนียนนั้น ก่อนที่ปลายนิ้วจะไล้ไปสะดุดเข้ากับปุ่มอะไรบางอย่างจนอีกฝ่ายสะดุ้ง
โหยงและส่งเสียงร้องครางออกมาดังขึ้นกว่าครั้งแรก
น้ำเสียงที่เปี่ยมสุขนั้นดึงสติของน้องหญิงให้กลับมาจากอารมณ์กึ่งหลับกึ่งตื่นได้ไม่น้อย ดวงตาหวานซึ้ง
กระพริบปริบ ๆ ก่อนค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาเห็นว่าอุ้งมือของเธอกำลังจับหมับอยู่บนเต้านมของเพศเดียวกัน
ความสงสัยทำให้เธอเงยหน้าขึ้นจ้องมองใครคนนั้นที่กำลังละลาบละล้วงล่วงเกินเรือนร่างของเธออยู่ด้วย
ความแปลกใจ
"ยะ ... ยัยฟ้า ... ทำอะไรน่ะ ... หยุดนะ ... อะ ... อืมมม"
หญิงร้องห้ามเมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้อย่างเต็มตา ใบหน้าอันแสนคุ้นเคยสำหรับเธอ ใบหน้าของเพื่อน
สาวคนสนิทของเธอนั่นเอง เธอพยายามร้องห้ามการกระทำของเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง หากแต่ก็ต้อง
สะดุ้งโหยงเป็นระยะ เมื่อฟ้าเพื่อนของเธอยังคงก้มหน้าก้มตาดูดดุนหน้าอกทั้งสองของเธอด้วยกิริยาอันหิวโหย
ความเสียวซ่านบาดใจทำให้เธอได้แต่เพียงนอนทอดร่างให้เพื่อนเพศเดียวกัน ใช้ปากจิ้มลิ้มทั้งดูดทั้งเลียอย่าง
ไม่มีแรงขัดขืนต้านทาน แต่ความจริงแล้วอาจจะต้องพูดว่า เมื่อรู้ว่าเป็นเพศเดียวกันแล้ว เธอก็มีความรู้สึกต่อ
ต้านน้อยลง และยอมรับการเล้าโลมนั้นมากขึ้นเสียมากกว่า
“ยัยฟ้า ... อุ้ย ...อือ ... ไม่เอา”
หญิงสะดุ้งโหยงเมื่อปลายนิ้วของฟ้าลูบไถลเลื่อนแทรกเข้าไปในร่องสวาทร้อนผ่าวและอันเปียกชุ่มของเธอ
แม้ว่าปลายนิ้วนั้นจะไม่ได้พลิกพลิ้วเจนจัดเฉกเช่นปลายนิ้วอันร้ายกาจของแฟนหนุ่ม หากแต่สัมผัสที่ถูก
กระตุ้นเร้านั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เธอถึงกับต้องสะดุ้งโหยงเด้งยกสะโพกส่ายเบียดกลีบแคมอันโหนก
นูนเข้าหาฝ่ามืออันนุ่มนิ่มของอีกฝ่ายด้วยความร่านกระสันในรสสวาท
ระดับอารมณ์พุ่งขึ้นเกิดขีดที่หญิงจะสามารถครองสติได้อีกต่อไป เธอจับข้อมือของฟ้าที่กำลังเขี่ยแกะเกา
ไปตามร่องสวาทของเธอไว้จนแน่น แก้มสีขาวอมชมพูใสกิ๊งบัดนี้แดงก่ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ร่างด้านบนก็แอ่น
อกให้ฟ้าเคล้นขยำเต้านมของเธอให้เต็มที่มากกว่าเดิม ส่วนด้านล่างก็เด้งสะโพกส่ายไหวไปมาอย่างร้อนร่าน
"อ๊า ... อ๊า ... ฟ้า ... ฟ้า ... เร็วอีก ... เร็วอีก "
หญิงแลบลิ้นเลียรอบปากอย่างสุดกลั้นในอารมณ์ มือซ้ายของเธอขยับมาบีบขย้ำทึ้งหน้าอกอวบอิ่มของตัวเอง
จนบิดเบี้ยวแทบปริแตกด้วยเหมือนจะยังไม่สะใจในอารมณ์ร้อนรัก ขณะที่ด้านล่างก็ใช้มือขวาล้วงลงไปช่วย
ลูบคลำสัมผัสกับปุ่มเสียวของตนเองที่อยู่ด้านในของร่องสวาท พร้อมทั้งปล่อยให้ปลายนิ้วเล็ก ๆ ของฟ้าทำ
หน้าที่วิ่งเข้าวิ่งออกครูดคราดไปกับร่องสวาทที่กำลังเปียกชุ่มฉ่ำและสั่นระริกของเธอต่อไป
"โอ๊ะ ซี้ดดดสสส ... อะ โอ๊ยยย อ๊าาาาาาาาาาาาา....."
หญิงกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่นเมื่อสายตาของเธอมองเห็นแต่ภาพอันเจิดจ้าขาวโพลน จุดสุดยอดแห่งอารมณ์
รักระเบิดฟุ้งกระจายไปทั่วร่างจนก้นของเธอเด้งลอยไม่ติดพื้น ความเสียวซ่านในรสสวาทกระตุ้นจนร่างงาม
ถึงกับต้องเด้งไปเด้งมาอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่ และแรงดีดนั้นก็มากเกินกว่าร่างที่เล็กกว่าของฟ้าจะรับไหว
หญิงจึงดิ้นจนหลุดออกจากการทับคร่อมของฟ้าไปนอนหายใจหอบระทวยอยู่ที่ข้าง ๆ แทน หากแต่เพียง
ครู่เดียวฟ้าก็ขยับตัวเข้าไปกอดก่ายกับร่างเปลือยเปล่าของหญิงที่กำลังนอนหอบหายใจกระเส่าอีกครั้ง
.....................................................................................
“อู้ยยยย แม่เจ้าโว้ย นางฟ้าสุดสวย กับอาหมวยหมัดหนัก บรรเลงเพลงมโหรีกันสนั่นป่าไม่อายใคร
เลยวุ้ย นั่นแหละอย่างนั้น คลุกวงในเลย บีบนมแรง ๆ เอ้อ นั่นแหละดูด ๆ กัดเลย กัดเลย อู้ยย
ซี้ดดด เห็นแล้วอยากกลับไปเกิดใหม่เป็นคนจริงเชียว ไม่อยากเป็นแล้วเทพารักษ์รักษาการแล้ว”
เงาร่างโปร่งแสงชะโงกหน้าทะลุออกมาจากผนังห้องที่อยู่ติดกับสองสาว เงานั้นมองซ้ายมองขวา
เหมือนหวาดระแวงอะไรอยู่ แต่เมื่อเห็นว่าทางสะดวก จึงหันมาจ้องมองเรือนร่างเปลือยเปล่าของ
สองสาวที่กำลังนัวเนียด้วยแววตาวามวาวเฉกเช่นชายหนุ่มเดินดินผู้เปี่ยมไปด้วยกิเลสตัณหาผู้หนึ่ง
“อยากไปเกิดใหม่นักใช่มั้ยไอ้แก่ !!!”
น้ำเสียงเยือกเย็นของเงาร่างสีเขียวของใบตองดังขึ้นมาจากข้างหลังจนเงาร่างสีขาวนั้นสะดุ้งโหยง
“ปะ เปล่าจ้ะแม่ตานีจ๋า ข้าก็แค่แวะมาตรวจดูความเรียบร้อย ว่าสองนังหนูพ้นเคราะห์พ้นโศกหรือยัง”
เทพารักษ์รักษาการแก้ตัวไปแบบน้ำขุ่น ๆ ขณะค่อย ๆ กระเถิบตัวไปด้านข้างทีละน้อยเตรียมตัวเผ่น
ให้ป่าราบ หากแต่มีคำโบราณว่าไว้ ต่อให้สามีจะหัวสูงแค่ไหน ก็ไม่ไกลเกินภรรเมียจะเอื้อมถึง
โป๊กกกกก
เป็นดังคาด ไม่ทันที่ร่างสีขาวเลือนลางนั้นจะหลบหนีได้ทัน สากกระเบือขนาดเท่าแขนก็เหวี่ยงปั้ก
เข้าเพ่นเสียเต็มกบาลจนร่างเทพารักษ์หมุนเคว้ง
“ไอ้แก่ สองนังหนูนั้นพ้นเคราะห์ไปตั้งนานแล้ว แต่แกนี่แหละที่กำลังจะมีเคราะห์ มานี่เลยข้าจะช่วย
ให้ไปเกิดใหม่เอง จะหนีไปไหนไอ้แก่”
นางตานี ร้องตวาดด้วยดวงตาสีเขียวขุ่นใส่ร่างเทพารักษ์ที่กำลังวิ่งแจ้นทะลุผนังบ้านอีกด้านหนึ่งหนี
ไป เธอจึงเขวี้ยงสากกระเบืออันหนึ่งเข้าใส่ ก่อนได้ยินเสียงร้องดังแอ้กของเทพารักษ์ดังมาด้วยโดนเข้า
ไปเต็ม ๆ แผ่นหลัง นางตานียิ้มอย่างสะใจ ก่อนเสกเอาสากกระเบืออันใหญ่กว่าเดิมขึ้นมาถือไว้ แล้ว
ถลันร่างตามเงาร่างสีขาวนั้นไปติด ๆ ด้วยหมายจะฟาดกบาลสามีชีกออีกสักปั้กสองปั้ก โทษฐานที่
แอบนอกใจมาดูเด็กสาวสองคนเล่นดนตรีไทยกัน
.....................................................................................
ท่ามกลางสายฝนห่าใหญ่ที่ตกลงมากระทบใส่หลังคาสังกะสีเก่า ๆ จนส่งเสียงดังอื้ออึงจนหูแทบแตกนั้น
สองสาวหาได้สนใจสิ่งใดไม่ หนึ่งคุณหนูไฮโซสาวสวยดีกรีดาวมหาวิทยาลัย ที่เพศตรงข้ามพากันลุ่มหลง
และหนึ่งสาวหมวยนักกีฬาดีกรีเหรียญทองขวัญใจของบรรดาผู้เป็นดี้ ที่นิยมชมชอบเพศเดียวกัน ต่าง
กอดรัดฟัดเหวี่ยงนัวเนียเข้าหากันอย่างรุ่มร้อน ริมฝีปากเรียวบางของทั้งคู่บดจูบขยี้สู้กันอย่างไม่ยอมแพ้
คุณหนูไฮโซดูจะเป็นฝ่ายรุกเร้าเข้าใส่มากกว่าด้วยลีลารักเหนือชั้นที่ฝึกฝนกับแฟนหนุ่มมาจนช่ำชอง
แต่กระนั้นสาวหมวยนักกีฬาที่เพิ่งจะเคยมีประสบการณ์สวาทกับผู้ชายคนเดียวกันก็หาได้ยอมแพ้แต่
อย่างใด ฤทธ์ยาสวาทอันร้อนแรงผลักดันให้เธอทำได้ทุกอย่างโดยไม่รู้สึกขัดเขิน อะไรก็ได้ที่ทำให้
เธอรู้สึกสะใจในอารมณ์ อะไรก็ได้ที่จะช่วยปลดปล่อยอารมณ์รักที่กำลังร่านกระสันคุกรุ่นอยู่ภายในร่าง
ฟ้าตอบสนองการรุกเร้านั้นด้วยการจูบกลับอย่างโหยหาเช่นเดียวกัน มือนุ่มนิ่มทั้งสองคู่ลูบไล้ไปมาทั่ว
เรือนร่างเนียนนิ่มลื่นละมุนของอีกฝ่ายไม่หยุด บ้างลูบไล้เบา ๆ บ้างก็บีบขย้ำเคล้นคลึงอย่างหนักหน่วง
ตามแต่อารมณ์เสียวจะพาไป ความแนบชิดทำให้หน้าอกขนาดอวบใหญ่กลมดิกของสองสาวบดเบียดบี้
ชิดกันจนดูเหมือนลูกโป่งลูกใหญ่ทั้งสี่ลูกนั้นใกล้จะแตกระเบิดได้ทุกเวลา สองสาวเด้งส่ายร่อนสะโพกดิน
ระเบิดไปมาอย่างร้อนรน ด้วยต้องการเร่งขยับให้โคกสวรรค์ที่กำลังคันยิบ ๆ ของตนเองได้บดเบียดเสียด
สีกับต้นขาของอีกฝ่ายอย่างหิวกระหาย
"อืมมมม ..... อืมมมมม .... จ๊วบบ จ๊วบบบ .... อาาาาา อือออออ ซี้ดดสสส"
สองสาวร้องครวญครางไปกับเสียงจ๊วบจ๊าบที่เกิดจากการจูบอันดูดดื่ม ปลายลิ้นเรียวนุ่มชุ่มชื้นสีชมพู
อ่อนของทั้งสองบ้างโลมเลียไปตามซอกฟันอันเป็นระเบียบของอีกฝ่าย บ้างก็กระหวัดพัวพันรัดเหนี่ยว
ดูดดุนกันประหนึ่งจะกลืนกินให้กลายเป็นเนื้อเดียวกัน
หัวนมสีชมพูทั้งสองคู่ที่แข็งเต่งเป็นเม็ด ต่างโยกขยับสะกิดเกี่ยวกับหัวนมของอีกฝ่ายไปมาไม่หยุด
ด้วยรู้สึกได้ถึงความสยิวแห่งเนื้อหนังมังสา ฟ้าที่ร่างกายแข็งแรงกว่าอีกฝ่าย เพราะเล่นกีฬาเป็นประจำ
ขยับหมุนตัวขึ้นคร่อมอีกฝ่ายเมื่ออารมณ์ร่านสวาทบอกว่าต้องการความเสียวมากกว่านี้
ฟ้าขยับขึ้นนั่งคร่อมที่ขาอ่อนของหญิง แล้วทิ้งน้ำหนักกดเบียดโคกโหนกนูนที่เปียกชุ่มฉ่ำลงไปบด
เสียดสีกับเนื้อต้นขานั้น สาวหมวยร่านสวาทส่ายสะโพกยุกยิกพยายามร่อนโคกสวาทที่กำลังคันยุบยิบ
ให้เสียดสีกับต้นขาของอีกฝ่ายอย่างร้อนรน
สัมผัสนั้นส่งผลให้ฟ้าตัวสั่นระริกกับความเสียวที่ได้รับ และแม้ว่านั่นจะไม่เสียวถึงใจเหมือนกับการ
โดนดุ้นใหญ่ ๆ สอดใส่เข้าไป แต่มันก็พอจะคลายอารมณ์กระสันของเธอลงไปได้บ้างเล็กน้อย และ
เมื่อสัมผัสนั้นยังไม่ถึงใจ เธอจึงบดสะโพก เพิ่มแรงเบียดเสียดสีให้หนักหน่วงขึ้น และรุนแรงขึ้น ซึ่ง
สัมผัสอันเสียวสยิวกว่าเดิมนั้นก็ทำเอาฟ้ารู้สึกสะใจในอารมณ์ และสูดปากร้องซี้ดซ้าดดังมากกว่าเดิม
น้ำรักแห่งความกระสันที่ไม่มีวันหมดเอ่อล้นทะลักออกมาจากร่องสวาทจนเปียกชุ่มไปทั่วง่ามขาของ
เธอ และเอ่อลงไปเปียกชุ่มท่อนขาขาว ๆ ของคุณหนูไฮโซ ที่กลายสภาพมาเป็นวัตถุทางเพศจนเป็น
ประกายระยิบระยับ
น้องหญิงที่อารมณ์คุกรุ่นไม่แพ้กันแสดงอาการฮึดฮัด เพราะตนเองไม่ได้ระบายความกระสันออกไป
เธอพยายามดิ้นตัวด้วยอยากจะขยับขึ้นไปอยู่ด้านบนเพื่อทำแบบเดียวกับที่ฟ้าเพื่อนรักกำลังทำอยู่
แต่ก็ไม่อาจจะสู้เรี่ยวแรงและน้ำหนักของเพื่อนรักที่กดทันเธออยู่ได้ คุณหนูไฮโซร่านสวาทจึงทำได้
เพียงพยายามส่ายสะโพกโยกเอวขึ้นไปด้านบนด้วยหวังว่าโคกสวรรค์ที่กำลังคันยุบยิบของเธอจะได้
สัมผัสเสียดสีกับเนื้อหนังของอีกฝ่ายบ้าง
หากแต่ในท่วงท่าที่น้องหญิงโดนคร่อมอยู่นี้โคกสวรรค์ของเธอก็ทำได้เพียงส่ายร่อนไปมาในอากาศ
อย่างน่าสงสาร ผิดกับอีกฝ่ายที่สามารถขยับโคกสวรรค์ให้เลื่อนไถลบดเบียดเสียดสีกับขาอ่อนของเธอ
ได้อย่างสุขสมอารมณ์หมาย น้องหญิงรู้สึกเหมือนว่าตนเองนั้นกระหายจนแทบจะขาดใจตายเสียให้ได้
อารมณ์กระสันที่โหมกระหน่ำอยู่ในร่าง เรียกร้องให้คุณหนูคนสวยรีบหาอะไรก็ได้สอดใส่เข้ามาเติม
เต็มอยู่ในตัวเธอ ให้มันอัดแน่นกระเด้าใส่เข้ามาในร่างกายของเธอแล้วทำให้เธอสุขสมและหาย
ทรมาณเสียที
"อาาา อืออออออ อาาาาาา ซี้ดดดสสสส"
ฟ้าที่กำลังโยกไถลตัวเองอยู่บนร่างของเพื่อนสาวเพศเดียวกันอย่างเมามันส์ร้องครวญครางอย่างมีความสุข
กลีบเสียวอวบอูมที่บดเบียดกับท่อนขาของอีกฝ่ายนั้นแม้จะไม่สะใจในอารมณ์เท่ากับตอนที่โดนสอดใส่
ด้วยดอกเห็ดใหญ่ยักษ์ของใครคนนั้น แต่มันก็พอที่จะบรรเทาความร่านสวาทของเธอลงได้บ้าง เอวบาง
นั้นจึงยิ่งเร่งพลิ้วส่ายร่อนเบียดโคกสวาทเข้าหาเนื้อหนังมังสาอันอบอุ่นและเต่งตึงของเพื่อนสาวถี่ยิบยิ่ง
กว่าเดิม สองมือแข็งแรงที่เคยแต่ซ้อมกีฬาการต่อสู้ตอนนี้เลื่อนขยับมาบีบบี้หัวนมที่กำลังแข็งเต่งเป็นเม็ด
ของตนเองอย่างสุดเสียว อารมณ์สวาทที่กำลังลุกโชนนั้นได้เปลี่ยนให้สาวหมวยหมัดหนักกลายเป็น
อีกะหรี่สาวร่านสวาท เซ็กส์สะบัดไปเสียแล้ว
"อาาา อาาาาาา ซี้ดดดสสสส โอวววว อีกนิดเดียว อีกนิดเดียว"
ฟ้าเริ่มหอบหายใจแรงขึ้นจนหน้าแดงซ่าน ความเสียวกระสันแผ่ซ่านไปทั่วจน ร่างเปลือยขาว ๆ ของ
สาวหมวยเริ่มเกร็งและสั่นระริกมากขึ้น เธอรู้สึกได้ว่าตัวตนกำลังใกล้จะเดินทางไปถึงสวรรค์อยู่รอมร่อ
หากได้โยกและบดคลึงกลีบเสียวกับท่อนขาของเพื่อนรักอีกหน่อยเธอก็คงจะได้สุขสมอารมณ์หมาย
หากแต่ในห้วงแห่งเส้นชัยนั้น เป็นน้องหญิงที่ออกแรงผลักร่างของฟ้าที่กำลังใกล้สุขสมจนหงายล้ม
ลงไปด้านหลัง สวรรค์เบื้องหน้าของสาวหมวยหมัดหนักจึงหายวับไปกับตาทันที และเพียงพริบตา
คุณหนูแสนสวยผู้สวมบทนักศึกษาเรียบร้อยเรียนดีที่โลกภายนอกก็ได้เปลี่ยนผันตัวเองให้เป็นอีตัว
มั่วเซ็กส์ที่ร่านสวาทไม่แพ้อีกฝ่าย
หญิงขยับตัวขึ้นคร่อมร่างของฟ้าเอาไว้ แล้วกอดแนบร่างของเธอเข้ากับร่างของอีกฝ่ายจนแนบแน่น
เธอแอ่นสะโพกเบียแนบกลีบแคมอวบอูมที่กำลังคันยิก ๆ สัมผัสเข้ากับโคกสวาทที่กำลังร่านสวาท
จนคันยิก ๆ อย่างไม่แพ้กันของอีกฝ่ายจนแนบสนิท
ที่ด้านบนทรวงอกอวบอิ่มขาวโพลนของทั้งคู่บดเบียดแนบชิดติดกันจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวแยกกัน
ไม่ออก มีแต่เพียงปุ่มหัวนมสีชมพูที่ชูชันเด่นอยู่ในความขาวโพลนที่แนบแน่นชิดกันนั้น น้องหญิง
บดจูบปากของฟ้าอย่างดูดดื่มขณะที่ขยับเบียดแทรกท่อนขาของเธอเข้าไปกลางลำตัวของฟ้า และเป็น
ฟ้าที่อ้าขาให้กว้างขึ้นเพื่อยอมรับสัมผัสแห่งความเสียวที่อีกฝ่ายมอบให้แต่โดยดี ในท่านี้โคกสวรรค์อัน
แสนโหนกนูนของแต่ละฝ่ายจึงได้ขยับเบียดเสียดสีกับต้นขาของอีกฝ่ายอย่างเสียวสยิวอย่างเท่าเทียมกัน
"ซี้ดดสส ... โอววว .. พี่เอก ฟ้าเสียวว .. ซี้ดดสส"
"อูวววว ซี้ดดสสส พี่เอก ใส่เข้ามา ใส่เข้ามาหาหญิงแรง ๆ หญิงใกล้แล้ว ซี้ดสสสส อูยยยย"
แม้จะโดยบังเอิญ แต่สองนักศึกษาสาวสุดสวยแห่งรั้วมหาลัยชื่อดังก็เพิ่งจะค้นพบว่าหนึ่งในกระบวนท่า
แห่งคัมภีร์ฉิ่งฉาบปราบหมู่มารท่านี้ ช่างสร้างความสยิวซ่านให้พวกเธอได้ไม่น้อยทีเดียว เพียงขยับตัว
ฉิ่งของทั้งคู่ก็เบียดเสียดสีกันจนพลิกปลิ้น จุดกระสันเสียวที่อยู่ภายในบางครั้งก็สัมผัสสะกิดเกากันเอง
จนต่างฝ่ายต่างผวาเฮือก
ยิ่งขยับเลื่อนตัวเบียดไถลไปมา อารมณ์ใคร่ก็ยิ่งพุ่งทะยานขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเธอเลียรอบปาก
ตัวเองที่กำลังกระหายในความใคร่จนแห้งผากด้วยฤทธิ์ยาสวาทที่ปลุกเร้าประสาท ดวงตาที่ฉ่ำเยิ้มด้วย
อารมณ์ร่านสวาทนั้นบัดนี้มองเห็นใบหน้าของเพื่อนสาวเป็นใบหน้าของชายหนุ่มที่พวกเธอหลงรักไป
เสียแล้ว
ในห้วงทางโค้งสุดท้ายสะโพกดินระเบิดขาวผ่องของทั้งคู่เร่งเร้าโหมกดเบียดไถลพรืดเข้าหากันอย่าง
หนักหน่วงสุดแรง บั้นท้ายอวบอัดกลมดิกกระตุกระรัว ร่อนไหวส่ายไปมาเป็นระวิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า สอง
ฝ่ามือน้อย ๆ ตะปบบีบเนื้อขาว ๆ นุ่ม ๆ ของอีกฝ่ายแรงบ้าง ผ่อนบ้าง ตามจังหวะแห่งความกระสันเสียว
ติ่งไตเม็ดน้อยสีสวยที่ซุกซ่อนอยู่ในกลีบสวาทของสองสาวบางครั้งก็ขยับมาเบียดเสียดสีกันเองจนสองฝ่าย
ถึงกับครางซี้ดซ้าดเสียงดังออกมาพร้อม ๆ กัน
แม้จะไม่สะใจในอารมณ์เท่ากับดุ้นสวาทของแฟนหนุ่ม แต่กระนั้นความเสียวซ่านจากการบดเบียดเสียดสี
ของฉิ่งต่อฉิ่ง ก็เพียงพอแล้วที่นำพาสองสาวร่านสวาทเดินทางมาถึงขอบฝั่งฝันอีกครั้งอย่างพร้อมเพรียงกัน
ฟ้า และหญิงกดสะโพกเข้าหาอีกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนส่งเสียงหวีดร้องดังลั่น สองร่างงามกระตุกเกร็งสั่น
สะท้านเฮือก ๆ ในอ้อมกอดของกันและกันปานจะขาดใจตาย
ต่างฝ่ายต่างตะปบบีบเนื้อขาว ๆ ของอีกฝ่ายอย่างสุดแรงจนเป็นรอยจ้ำสีแดงบนเนื้อนวลนั้น แม้จะไม่มี
ดุ้นเนื้อเสียบใส่ในร่องนั้น แต่โพรงสวาทก็ทำหน้าที่บีบรัดตัวตอดตุบ ๆ ส่งสัมผัสความเสียวซ่านแผ่กระจาย
เป็นห้วง ๆ ไปทั่วร่างของสองสาว น้ำรักแห่งความร่านกระสันต่างหลั่งไหลทะลักเยิ้มออกมาจนชุ่มฉ่ำกลีบ
สวาทของทั้งคู่ อีกทั้งบางส่วนยังไหลเอ่อล้นลงไปเปียกนองกับพื้นไม้เป็นวงใหญ่ด้วย
เสียงหายใจฟึดฟัดแห่งความเหนื่อยอ่อนและสุขสมแว่วดังอย่างต่อเนื่อง แม้จะไปถึงจุดหมายแล้ว หากแต่
สองสาวยังคงกอดกันแน่นกว่าเดิม พวกเธอต่างฝ่ายต่างก็พยายามเกร็งสะโพกเบียดโคกสวาทเข้าหาอีกฝ่าย
อย่างร้อนรน แม้จะถึงจุดสุดยอดแล้ว แต่มันก็เป็นความกระหายที่โดนเติมเต็มไปเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
โพรงสวาทของทั้งคู่ยังคงรู้สึกคันยุบยิบ อยากได้อะไรสักอย่างเข้าไปเติมเต็ม ดูเหมือนว่ามันจะพยายาม
ประท้วงเจ้าของร่างด้วยการบีบรัดตุบ ๆ กับความว่างเปล่าภายใน จนเจ้าของร่างรู้สึกเหมือนยังไม่เสร็จสม
พวกเธอรู้สึกโหยหาสัมผัสครูดคราดอันแสนวาบหวิวแบบเต็มๆ ร่องสวาท โหยหาน้ำเชื้อร้อนผ่าวที่จะสาด
ใส่เข้าไปดับความร่านสวาทในร่างของพวกเธอ หากแต่ที่แห่งนี้ไม่มีสิ่งนั้นที่พวกเธอฝันหา
สองสาวสวยอารมณ์เปลี่ยวจึงทำได้เพียงกอดกันแน่นขึ้น แน่นขึ้น ด้วยเพียงหวังว่าพวกเธอจะได้รับความ
สุขเสียวได้สักเศษเสี้ยวของอารมณ์ที่พวกเธอเคยได้รับจากดุ้นเนื้ออันยาวใหญ่ของแฟนหนุ่มบ้าง ใช่แล้ว
พวกเธอต้องการเขา … ต้องการเขาจริง ๆ ……
……………………………………………………………………………………………………………………..
เปรี้ยงงงงงงงงงงง
เอกที่สลบอยู่บนพวงมาลัยรถยนต์สะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงฟ้าร้องอันดังลั่น ดวงตาสีดำสนิทกระพริบถี่ ๆ
พยายามไล่ความมึนงงที่ลอยฟ่องเหมือนกลุ่มควันสีดำในหัวให้ออกไป เขาสะบัดหน้าสองสามที รู้สึกปาก
และลำคอแห้งผากไปหมด จึงเขาเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำที่วางอยู่ทางซ้ายมือตามความเคยชิน ก่อนอ้าปาก
กระดกน้ำเข้าในร่างกายอึก ๆ จนหมดขวด
เมื่อได้ความชุ่มชื้นคืนมาบ้าง ความมึนงงในหัวก็ค่อย ๆ จางหายไปอย่างช้า ๆ และเมื่อรู้สึกว่าได้สติ
กลับคืนมา ก็ต้องให้รู้สึกงุนงงอีกครั้งที่พบว่าตัวเองอยู่ในรถท่ามกลางความมืดมิดที่มีสายฝนที่กำลัง
กระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา บรรยากาศรอบข้างตัวเขาดูราวกับจะเป็นราตรีกาลไปเสียแล้ว ซึ่งเขา
ก็คงคิดว่าอย่างงั้นจริง ๆ หากว่าไม่มีนาฬิกาข้อมือที่บ่งบอกเวลาอย่างเที่ยงตรงว่าตอนนี้ยังคงเป็นเวลา
4 โมง 12 นาทีของวันเดียวกันเท่านั้น
เขาปลดเอาเข็มขัดนิรภัยที่รัดแน่นจนเขารู้สึกอึดอัดออกไป ก่อนพบว่าเสื้อผ้าของเขาแม้จะไม่เปียกชุ่ม
ด้วยฝนจากภายนอก แต่ก็เปรอะเลอะไปด้วยฝุ่นดินสีแดงไปทั่วทั้งตัว หัวสมองที่สดชื่นขึ้นค่อย ๆ ดึง
เอาความทรงจำที่ขาดห้วงหายไปให้กลับมาอีกครั้ง ภาพสุดท้ายที่เขาหมดแรงล้มลงไปกองกับผืนดิน
ภาพการต่อสู้ของเขากับนางตะเคียน ค่อย ๆ ไหลย้อนกลับเข้ามาในความคิด ก่อนที่เขาจะต้องสะดุ้ง
เฮือกเมื่อนึกไปถึงภาพความทารุณกรรมที่นางตะเคียนบอกว่าจะเกิดขึ้นกับน้องหญิงแฟนสาวของเขา
“รักยม”
เอกร้องเรียกหารักยมด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตะหนก และความร้อนรน หากแต่สองเด็กน้อย
รักยมที่เขากำลังเรียกหาดูจะไม่ได้ยินเสียงของเขาแม้แต่น้อย ซึ่งเขาไม่รู้หรอกว่าการที่โหมใช้พลังไป
จนหมดตัวแบบนั้น ทำให้รักยมจำเป็นต้องไปนอนพัก และไม่สามารถออกมาหาเขาได้
“รักยม อยู่ไหน ออกมาเร็วลูก รักยม รักยม”
เอกตะโกนร้องเรียกด้วยความรู้สึกร้อนรนกระสับกระส่ายอีกหลายครั้งด้วยเสียงที่ดังจนแทบจะเรียกได้ว่า
ตะโกนอยู่แล้ว หากแต่ก็ยังคงมีแต่เพียงความเงียบงัน และเสียงสายฝนพรำที่รายร้อมอยู่รอบตัวเขา ไม่มี
แม้แต่วี่แววใด ๆ ว่าเด็กน้อยรักยมทั้งสองจะขานรับเสียงเรียกของเขา
อากาศและความมืดรอบข้างราวกับจะกดดันบีบตัวเขาให้เล็กลงเรื่อย ๆ รู้สึกเหมือนร่างกายใช้พลังงานไป
เสียจนหมดตัว กล้ามเนื้อทั่วร่างนั้นปริ่ม ๆ จะฉีกขาดออกจากกันได้แทบทุกเมื่อ ความรู้สึกเดียวกันกับเมื่อ
ครั้งที่เขาเคยช่วยน้องหญิงจนถูกยิงหวนกลับคืนมาอีกครั้ง ความรู้สึกที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงใด ๆ และสติสัมปชัญญะ
ที่ค่อย ๆ มืดดับลง ซึ่งนี่คือผลพวงมาจากการที่เขาฝืนใช้พลังเวทย์ออกมาโดยที่ตัวเองไม่อาจควบคุมได้
จึงกลายเป็นว่าเขาเป็นฝ่ายถูกพลังเวทย์ควบคุม ไม่ได้เป็นฝ่ายใช้พลังเวทย์อย่างที่ควรจะเป็น
ความรู้สึกง่วงนอนค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาควบคุมสติของเขาอย่างช้า ๆ จนรู้สึกเพียงว่านอนพักให้สบายไป
เสียจะสบายกว่า แต่เมื่อเขาเกือบจะเผลอสลบไปอีกครั้ง ก็ทะลึ่งตัวพรวดขึ้นมาใหม่ เมื่อภาพใบหน้าที่เปี่ยม
ไปด้วยความทรมาณของน้องหญิงหวนกลับมาในความคิด เขาพยายามฝืนร่างกายอ้าปากหายใจเอาอากาศ
เข้าไปในปอดให้มากที่สุด แต่รู้สึกเหมือนอากาศในรถนั้นอับเกินไป อับจนรู้สึกร้อน สติเบื้องลึกจึงสั่งการให้
เขาค่อย ๆ เอื้อมมือขวาที่สั่นระริกไปเปิดประตูรถ
ความพยายามครั้งแรกไม่ประสบผลสำเร็จ เมื่อพบว่าคันโยกดึงเปิดประตูนั้นมันแข็งและหนักอย่างที่เขาไม่
เคยรู้สึกมาก่อน ฝ่ามือใหญ่ของเขาจึงทำได้เพียงกระตุกคันโยกให้ดังแก๊ก ๆ เบา ๆ เท่านั้น
เอกสูดลมหายใจเข้าปอดไปอีกเฮือกใหญ่ก่อนค่อย ๆ ใช้มือกำคันโยกเปิดประตูไว้จนแน่น แล้วค่อย ๆ ออก
แรงดึงมันให้เปิดออกอย่างช้า ๆ ความรู้สึกอ่อนแรงเกือบจะทำให้ปลายนิ้วหลุดออกจากคันโยกอยู่แล้ว หาก
แต่เขาก็ค่อย ๆ ฝืนส่งแรงไปที่มือไว้ แล้วค่อย ๆ ออกแรงดึง จนได้ยินเสียงดังแกร๊กหนัก ๆ หนึ่งครั้ง พร้อม
กับประตูรถที่เหวี่ยงแง้มตัวเองออกไปนิดหน่อย
เอกรู้สึกดีขึ้นบ้าง เมื่อสายฝนและสายลมอันชุ่มฉ่ำพัดผ่านเข้ามาในรถ แม้เสื้อผ้าจะเปียกปอน แต่กระนั้น
เขาก็ค่อย ๆ รู้สึกดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อได้สัมผัสเข้ากับสายลมที่กระหน่ำเข้ามา ราวกับว่ามันแทรกซึมผ่านเข้า
ไปในทุกอณูของร่างกาย เซลล์ต่อเซลล์ แล้วค่อย ๆ ฟื้นฟูพลังให้กับเขาทีละน้อย ๆ อากาศที่หนาวเหน็บ
ที่ภายนอก ดูจะไม่ส่งผลใด ๆ ต่อเขาแม้แต่น้อย เขารู้สึกได้แต่เพียงความอบอุ่น และสัมผัสอันอ่อนโยน
ของสายลมที่ผลัดกันประดังเข้ามาชะโลมล้างความเหนื่อยล้า และความมึนตึงในหัวของเขาออกไป
เพียงได้สัมผัสกับสายลมเขาก็รู้สึกได้ถึงอณูของมัน วิถีแห่งการไหลเวียนอย่างเป็นอิสระของมัน เสียงเพลง
ที่ไม่เคยมีใครได้ยินพวกมันขับขาน และพลังอันเปี่ยมล้นตามธรรมชาติของพวกมัน ซึ่งแม้จะไม่รู้ตัว
แต่เขาก็เพิ่งจะเปิดประตูนำพาตัวเองเข้าไปสู่ วิถีแห่งเวทย์ธรรมชาติที่บรรดาหมอผีเกจิอาจารย์ทั่วโลก
ต่าง ๆ โหยหาอยากได้มาครอบครอง โดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย
มันเป็นความรู้สึกเบิกบานหรรษาในรูปแบบหนึ่งที่เขาไม่เคยเจอะเจอมาก่อน หรรษาเสียจนอยากจะขับ
ขานร้องเพลงอะไรก็ได้ออกมาสักเพลง หรรษาเสียจนจิตใจที่ตึงเครียดด้วยความเป็นห่วงน้องหญิง ได้ผ่อน
คลายลงบ้างสักเล็กน้อย และเมื่อมีเสียงกระซิบของหญิงสาวที่เขาคุ้นเคยดังขึ้นที่ข้างหูบอกว่าคนที่เขา
เป็นห่วงปลอดภัยแล้ว และมีเวลาให้เขาพักผ่อนได้อีกหน่อย เอกก็ผ่อนคลายตัวเองจนเริ่มเข้าสู่ภวังค์
อีกครั้ง ปล่อยให้ร่างวิญญาณโปร่งใสของนางตะเคียนที่กำลังนั่งอยู่บนตักของเขา ตระคองกอดและเฝ้า
มองเขาด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยรักของวิญญาณที่มีให้ต่อมนุษย์ผู้มีเนื้อหนังมังสาคนหนึ่ง
................................................................................................................................
"ยัยฟ้า ... เราสองคนรีบไปจากที่นี่กันก่อนเถอะนะ"
หญิงในสภาพเปลือยกายพูดเขิน ๆ ขณะ ยืนหันหลังให้ฟ้า ที่กำลังยืนเปลือยกายหันหลังให้เธอด้วย
อารมณ์ขวยเขินเช่นกัน สองสาวสุดสวยแห่งรั้วมหาลัยชื่อดังใบหน้าแดงซ่าน ในสภาพที่ไร้อาภรณ์ใด ๆ
สวมใส่ พวกเธอจึงทำได้เพียงใช้มือหนึ่งตระคองกอดปิดบังเต้านมขนาดไม่ธรรมดาเอาไว้ ขณะที่อีก
มือก็เลื่อนเอาฝ่ามือลงไปปิดที่โคกสวาทที่ด้านล่างเอาไว้ตามกิริยาปกป้องของสตรีไทย
"อืม ยัยคุณหนู ... เรารีบหนีกันดีกว่า"
ฟ้าเองก็ไม่กล้าหันกลับไปสบตากับเพื่อนคนสนิทของเธอ เพราะพวกเธอเพิ่งจะได้ร่วมลูบไล้แลกเปลี่ยน
อารมณ์รักตามแบบฉบับสาวทอมดี้ร้อนสวาทจนเดินทางไปถึงจุดสุดยอดแบบหมาด ๆ ตอนนี้ความ
สัมพันธ์ของเธอและหญิง ดูจะสนิทแน่นแฟ้นมากขึ้นเสียแล้ว
"ว่าแต่ไม่มีอะไรให้ใส่เลยเหรอ จะให้ออกไปทั้ง ๆ ที่โป๊แบบนี้ฟ้าไม่เอาด้วยหรอกนะ"
ฟ้าพยายามกวาดตามองไปทั่วความมืดสลัวนั้น ก่อนจะพบว่าเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่มานั้นได้อันตรธาร
หายไปเรียบร้อยแล้ว ในห้องนี้มีเพียงแต่พวกเธอสองคน และซากเศษไม้ระเกะระกะเท่านั้น ไม่มีอะไร
เลยที่พวกเธอพอจะสวมใส่ปิดบังร่างกายที่กำลังเปลือยเปล่าได้
"แต่ถ้าเราอยู่ต่อ แล้วคนพวกนั้นออกมาเจอเราเข้าล่ะ … แล้วจะให้กลับเข้าไปหาเสื้อผ้าใส่น่ะ ก็ไม่เอานะ"
แม้จะเห็นด้วย แต่กระนั้นหญิงก็มองกลับเข้าไปในบันไดขึ้นสู่ชั้นสองอันมืดมิดด้วยความรู้สึกหวาดกลัว
แน่นอนว่าข้างบนนั้น ต้องมีเสื้อผ้านักศึกษาของเธออยู่แน่ ๆ แต่การเดินกลับเข้าไปในนั้นมันก็ดูจะเป็น
อะไรที่ต้องอาศัยความบ้า มากกว่าความกล้า
ขณะที่ทั้งคู่กำลังมองหน้ามองหลังไปมาอย่างตัดสินใจไม่ถูกนั้น พลันก็มีสายลมแรงพัดวูบเข้ามา พร้อมกับ
เงาร่างวิญญาณสีขาวที่พวกเธอมองไม่เห็น เงาร่างนั้นหอบหิ้วเอาเสื้อผ้าเข้ามา และวางหล่นตุบลงข้างหน้า
พวกเธอทั้งสองคนอย่างพอดิบพอดี
ในความมืดสลัวสองสาวมองเห็นแต่เพียงว่าสิ่งนั้นดูจะเหมือนเสื้อ และกางเกงใน หญิง กับ ฟ้า หันมามอง
หน้ากันด้วยความประหลาดใจอย่างที่สุดที่จะมีเรื่องบังเอิญอะไรแบบนี้ได้ แต่กระนั้นนี่ก็ไม่ใช่เวลาที่พวก
เธอจะสามารถเลือกอะไรได้มากนัก อีกทั้งเมื่อยกขึ้นมาดมดู ก็พบว่าเสื้อผ้านั้นมีกลิ่นอันสดสะอาดเหมือน
เพิ่งซักอยู่ สองสาวจึงหยุดคิดและรีบร้อนสวมใส่สิ่งที่ดูเหมือนเสื้อ และกางเกงใน ซึ่งบังเอิญเหลือเกินที่ฟิตเข้า
กับร่างกายของพวกเธอทั้งสองคนได้แบบพอดิบพอดี และแม้จะงุนงงเล็กน้อย แต่ทั้งคู่ก็ตัดปัญหาด้วยการ
ไม่คิดอะไร และจูงมือกันวิ่งออกไปทางประตูสู่แสงสว่าง ประตูแห่งอิสระภาพ
“ว้าย นี่มันชุดอะไรเนี่ย?”
สองสาวสุดสวยถึงกับร้องออกมาพร้อมกันเมื่อเดินมาใกล้ถึงประตูที่เริ่มมีแสงสว่างสาดส่องเข้ามา ต่างฝ่าย
ต่างมองเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายใส่ด้วยใบหน้าเหรอหรา ไม่หรอก จริง ๆ ควรจะเรียกสิ่งนั้นว่าชุดนอนยั่วสวาทเสีย
มากกว่า ทั้งสองกำลังสวมใส่ชุดนอนบางโปร่งจนมองทะลุเห็นเนื้อขาว ๆ ได้แบบไม่ต้องเพ่งสายตาให้เหนื่อย
ผ้าชิ้นบนนั้นไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่เรียกว่ายกทรง เว้นแต่เพียงว่าเนื้อผ้าบางเบากว่า รูปทรงโค้งเว้าของมันดูจะ
ยิ่งขับให้เต้านมอวบอิ่มทั้งสี่ข้างดูโดดเด่นน่ามองมากกว่าตอนที่กำลังเปลือยเปล่าเสียอีก อีกทั้งเนื้อผ้ามันยัง
เสียดสีกับหัวนมที่กำลังแข็งชูชันเป็นไต ของทั้งคู่จนรู้สึกเสียวแปลบปลาบอยู่ตลอดเวลาเสียด้วย
ผ้าชิ้นล่างนั้นก็คือสิ่งที่เรียกว่ากางเกงใน มันใส่กระชับพอดีกับสะโพกดินระเบิดของทั้งคู่ หากเพียงแต่ว่ามัน
กลับเป็นผ้าโปร่งเสียจนไม่ต้องเสียเวลาเพ่งมองเช่นกัน เนื้อสะโพก ร่องก้น โคกสวาทอวบอูม และกลีบแคมขาว ๆ
ที่ยังปิดสนิทของสองสาวเปิดเผยความสวยงามของมันออกมาอย่างเต็มที่ภายใต้กางเกงในสุดเซ็กส์ซี่นี้ และที่
สำคัญตรงส่วนล่างสุดของมันมีรูขนาดพอเหมาะเจาะเอาไว้เสียด้วย รูขนาดพอดีกับที่จะเปิดทางให้ฝ่ายชาย
สอดใส่แท่งเนื้อเข้าไปในกลีบสวาทได้โดยไม่ต้องเสียเวลาถอดออก
สองสาวยืนมองอีกฝ่ายที่บิดตัวไปมาในชุดนอนยั่วสวาทด้วยใบหน้าที่เป็นสีชมพูระเรื่อ แม้อีกฝ่ายจะเป็นเพศ
เดียวกัน หากแต่จากเหตการณ์ที่เพิ่งประสบมา ก็ทำให้พวกเธอรู้ว่า ถึงจะเป็นเพื่อน และเป็นเพศเดียวกัน สู้
ความรู้สึกที่ได้รับเวลามีเซ็กส์กับเพศตรงข้ามไม่ได้ แต่อย่างน้อยพวกเธอก็รู้เหมือนกันว่า หากจำเป็นจริง ๆ
การสัมผัสเล้าโลมกับอีกฝ่ายก็พอจะปลดปล่อยอารมณ์สวาทออกมาได้บ้าง แม้จะไม่สุขสมอิ่มเอมเปรมปรีด์
เหมือนมีแท่งเนื้อดุ้นใหญ่เสียบสอดใส่เข้ามาก็ตามที ยิ่งมองความสวยงามของเพื่อนร่วมเพศ อารมณ์ร่าน
สวาทที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ในร่างกายก็ค่อย ๆ โดนปลุกเร้าขึ้นมาอีกครั้งได้โดยง่ายดาย เพราะยาสวาทราคาแพงยัง
คงทำงานของมันไปอย่างไม่มีการบกพร่องต่อหน้าที่
สองสาวดาวดังของมหาลัย แม้จะไม่เคยมีความคิดเรื่องทอมดี้มาก่อนเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ตอนนี้พอผ่าน
ประสบการณ์นั้นเข้าไปหนึ่งครั้ง อีกทั้งเมื่อต้องตกเป็นเป้าสายตา ยืนให้อีกฝ่ายจ้องมองด้วยสายตาวาบหวาม
เข้าหน่อย เลือดลมสาวก็สูบฉีด จนรู้สึกร้อน พลุ่งพล่านไปทั่วทั้งตัว แล้วไหนไอ้เจ้าชุดที่ยิ่งกว่าหญิงสาวขาย
บริการบ้า ๆ นี้อีก พอขยับตัวทีไร หัวนมของพวกเธอก็จะโดนเสียดสีเสียจนสยิวตาปรือ แทบอยากจะร้องคราง
ออกมาทุกครั้ง ส่วนที่ด้านล่างนั้นก็รู้สึกหวิว ๆ ที่มีรูเปิดโหว่ไว้ มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่า พวกเธอพร้อม
จะให้สิ่งนั้นสอดใส่เข้ามาได้ตลอดเวลา
สองสาวยิ่งยืนมองก็ยิ่งให้รู้สึกสั่นสะท้านวาบหวิวในอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้ง พวกเธอยืนหนีบขาเข้าหากันแน่น
เมื่อรู้สึกได้ว่าท้องน้อยกำลังขมิบหนุบหนับอย่างไม่หยุดหย่อน และเมื่อยิ่งหนีบขาเข้าหากัน กลีบแคมทั้งคู่
ก็ยิ่งเสียดสีกับกางเกงในยั่วสวาทแรงเข้าจนแทบอยากจะกรีดร้องออกมา
อย่างไม่รู้ตัวหญิงเป็นฝ่ายที่ทนไม่ได้ก่อน เธอทำทีเป็นเอาฝ่ามือขึ้นมาปิดบังหน้าอกอวบของตัวเอง หากแต่ว่า
ปลายนิ้วนั้นกลับหนีบคลึงหัวนมที่ดันตัวเป็นจุกออกมาอย่างเบามือ บีบบี้หนักบ้างเบาบ้างสลับไปมาตามกระแส
อารมณ์เสียวที่กำลังทะลักล้นออกมาจากเบื้องอารมณ์ด้านมืดที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน ส่วนอีกมือก็ไม่ปล่อยให้ว่างเปล่า
เธอขยับลงไปทำเหมือนกำลังปิดโคกสวาทไม่ให้อีกฝ่ายเห็น หากแต่ในเวลาเดียวกันก็แอบขย้ำมือตัวเองบีบกำ
โหนกนูนที่กำลังเปียกชุ่มชื้นไปด้วยในตัว
“ซี้ดดดสสสส อืออออ”
หญิงพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่แสดงอาการร่านสวาทออกมาให้เพื่อนรักของเธอรู้ หากแต่ก็ไม่อาจจะปิดบังซุ้ม
เสียงแห่งความเสียวที่หลุดรอดออกมาได้ เพราะความเสียวกระสันที่ได้รับนั้นมันช่างสุดกลั้นจริง ๆ
ฟ้าเองก็ยืนมองด้วยความรู้สึกงุนงง เพื่อนรักดาวมหาลัยที่หนุ่ม ๆ ต่างพากันฝันหา ผู้ที่เธอเคยคิดว่าเป็นคุณหนู
ผู้น่ารักและเรียบร้อยสุด ๆ บัดนี้เพื่อนรักของเธอทำตัวไม่ต่างอะไรกับดาราหนังโป๊เซ็กส์จัด ที่มีอารมณ์หื่นได้
ตลอดเวลา ช่วยตัวเองเพื่อบำบัดอารมณ์ใคร่ได้ทุกเมื่อ และพร้อมที่จะรับการถล่มทะลวงจากผู้ชายที่ไหนก็ได้
ไปเสียแล้ว
ฟ้าอยากจะบอกหญิงว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาทำเรื่องแบบนี้ หากแต่เมื่อรู้สึกตัวอีกที เธอเองก็กำลังทำแบบเดียวกันกับที่
เพื่อนรักของเธอกำลังทำอยู่ แถมทำอย่างโจ่งแจ้งกว่าเสียด้วย มือหนึ่งบีบขย้ำเนื้อหน้าอกตัวเอง แล้วสลับไปมาซ้ายที
ขวาที ส่วนที่ด้านล่างนั้น เธอถึงกับสอดฝ่ามือตัวเองเข้าไปในเนื้อผ้า แล้วลูบขยำขยี้กับโคกโหนกนูนที่กำลังร้อนฉ่า
ของตัวเองแบบจะแจ้งเสียเหลือเกิน ใจหนึ่งก็สั่งให้ตัวเองหยุด แต่อีกใจนั้นเล่ากลับไม่ยอมฟังคำสั่งนั้นเลยแม้แต่น้อย
หญิงเองก็แปลกใจไม่น้อยที่ ฟ้า เพื่อนรักสาวหมวยหมัดหนัก ขวัญใจดี้ทั้งมหาลัย ถึงได้เปลี่ยนเป็นสาวไวไฟร่านรัก
ได้ขนาดนี้ เธอเคยคิดว่า ฟ้า จะเป็นผู้หญิงที่ห่างไกลกับคำว่าเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ มากที่สุด เสียอีก หากแต่วันนี้เธอ
ต้องเปลี่ยนความคิดเสียแล้ว เพราะว่าฟ้า ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่า ฟ้าก็คือผู้หญิงปุถุชนคนหนึ่ง ที่มี
ความต้องการในเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ไม่ต่างอะไรกับเธอเลย ต่างกันก็เพียงว่าเธอมีเอกที่พร้อมจะรองรับอารมณ์เปลี่ยว
ของเธอได้จนเธอแทบสำลัก ในขณะที่เพื่อนรักของเธอนั้น เธอคิดว่าไม่น่าจะมีใครมาช่วยปลดปล่อยอารมณ์เปลี่ยว
ออกไปได้
“ฟะ ฟ้า … ซี้ดดดสสส พวกเรารีบไปกันเถอะนะ … อูยยยย อืมมม”
หญิงพยายามรวบรวมสมาธิพูดห้าม ซึ่งความจริงคงเหมือนห้ามตัวเองเสียมากกว่า เมื่อเธอเพิ่งจะขยับฝ่ามือลูบไล้
เข้าในเนื้อผ้า แล้วลากปลายนิ้วกรีดผ่าไปตามร่องเสียวยิก ๆ และปลายนิ้วนั้นก็สะกิดเกาติ่งเสียวที่ด้านใน จนเจ้า
ตัวตาปรือน้ำรักหลั่งไหลออกมาพราด ๆ ตัวเองตัวงอแทบจะยืนไม่อยู่
“อา …. อูยยยย … เธอก็หยุดก่อนซิ … แล้วเดี๋ยวเราก็จะ ซี้ดดดสส … ยะ … หยุดด้วย”
ฟ้ารับฟังและเข้าใจในสิ่งที่เพื่อนรักพูด หากแต่ร่างกายนั้นเล่าไม่ได้สนใจเหตผลใด ๆ แม้แต่น้อย เธอบีบบี้สอง
เต้าอวบอิ่มของตัวเองแรงขึ้นเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งกำลังแหย่ปลายนิ้วกลางล้วงคว้านเข้าออกไปในร่องรูสวาทอย่าง
กระสันในอารมณ์สวาทเสียแล้ว ความเสียวซ่านที่แล่นพล่านทำเอาน้ำรักหลั่งไหลออกมาจนเปียกชุ่มไปตาม
ง่ามก้นและง่ามขาที่หนีบเข้าหากันจนเต็มไปหมด น้ำลายโดนขับเร่งออกมาจนเธอต้องเลียลิ้นไปรอบปากตัวเอง
อย่างหิวโหย
"ซี้ดดสส ... โอววว .. อูยยย ยัยคุณหนู … ไม่รู้ฟ้าเป็นอะไรไปแล้ว ฟ้าห้ามตัวเองไม่ได้จริง ๆ "
"อูวววว ซี้ดดสสส … ยัยฟ้า … อูยยย หญิงก็เหมือนกัน … มันเสียว … เสียวจนหยุดไม่อยู่แล้ว … พี่เอกขา ….
พี่เอกมาช่วยหญิงด้วย หญิงอยากได้ของพี่เอก"
หากไม่มีใครบอก อาจจะมีคนคิดว่านี่เป็นฉากในหนังเอ็กซ์สักเรื่อง ที่จัดฉากหน้าบ้านร้างเก่า ๆ ในที่เปลี่ยว
แล้วให้สองสาวนักศึกษาแสนสวยระดับดาวเด่นมหาลัย มายืนบิดตัว แอ่นหน้าแอ่นหลัง หนีบขาแน่น ขณะ
สอดปลายนิ้วแหย่ทะลวงยิก ๆ เข้าไปในร่องรูเสียวอันเปียกชุ่มของตัวเองอย่างไม่คิดจะหยุด กิจกามนั้นส่ง
เสียงดังเจ๊าะแจ๊ะออกมาแข่งกับสายฝนที่เริ่มซาลงที่ด้านนอกนั่น ตอนนี้ที่แห่งนี้ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า ความสดใส
ความน่ารัก หรือสิ่งที่ดีงามควรคู่กับคำว่านิสิตสาวแม้แต่น้อย ตอนนี้ที่แห่งนี้มีแต่เพียง อารมณ์ด้านต่ำ ความใคร่
ความกระสัน ความร่านสวาท และความต้องการในการสมสู่ของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเพศเมียเท่านั้น
สองสาวที่กำลังหน้ามืดตามัว ยังคงเร่งแหย่นิ้วทะลวงสะกิดเการ่องรักของตัวเองยิก ๆ อย่างไม่อายดิน ไม่อายฟ้า
และไม่อายใคร อารมณ์กระสันสวาทค่อย ๆ พุ่งทะยานไต่ระดับขึ้นมาอีกครั้ง มันพุ่งขึ้นมาจนถึงระดับที่พวก
เธอเริ่มมองเห็นแต่แสงสีขาวพร่างพรายอยู่ในหัว ร่างกายเริ่มเกิดอาการบิดเกร็งเป็นระลอก ๆ โดยเฉพาะที่ท้อง
น้อย ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกอันชัดเจนว่าว่า พวกเธอใกล้จะถึงแล้ว ใกล้จะถึงจุดสุดยอดแห่งอารมณ์เสียวอีกครั้ง
แล้ว เหลืออีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น ..... อีกนิดเดียว ……
“ว้ากกกกกกกก อีพวกผีชะนี ปล่อยกู พวกมึงปล่อยกูแล้วมาสู้กับกูซิวะ ว้ากกกกก ปล่อยกู อย่าหลอกกู สู้กับกูซิวะ”
สองสาวที่ใกล้จะถึงฝั่งฝันอยู่รอมร่อ ถึงกับสะดุ้งตื่นจากภวังค์ด้วยความตกใจสุดขีด เมื่อได้ยินเสียงโวยวายอัน
ดังลั่นของฮันนี่กะเทยควาย ที่เพิ่งวิ่งโผล่ออกมาจากแนวป่า ในสภาพที่แทบดูไม่ออกว่าเป็นคนหรือเป็นผี
และแม้จะตกใจจนหยุดการช่วยตัวเองชั่วคราว แต่พวกเธอก็ยังคงเสียบปลายนิ้วค้างคาเอาไว้ในร่องรูของตัวเอง
ด้วยท่าทางที่พร้อมจะสานต่ออารมณ์เสียวอีกครั้งได้ในทันที หากไม่มีอะไรมาขัดขวาง
ฮันนี่ กะเทยควายร่างใหญ่โต ที่เพิ่งถูกผีหลอก บัดนี้กำลังกลัวจนสติแตกไปเรียบร้อยแล้ว ปากร้องตะโกนโวยวาย
บอกว่า กลัวแล้ว กลัวแล้ว แต่กระนั้นก็ส่งเสียงท้าสู้กับบรรดาผีสาวที่กำลังวนเวียนหลอกหลอนมันอยู่ ดวงตาของมัน
ตอนนี้เลื่อนลอยไม่เหมือนคนปกติเสียแล้ว น้ำหู น้ำตา และฉี่ไหลนองออกมาจนเละเทะเต็มตัว ตามลำตัวมีกิ่งไม้
และเถาวัลย์พันอยู่จนทั่วเหมือนคนบ้า หากแต่ก็เป็นคนบ้าที่กำลังถือท่อนไม้ขนาดใหญ่อยู่นี่ซิ
สองสาวเพิ่งจะได้สติเมื่อเวลาผ่านไปชั่วครู่ หนึ่งในคนร้ายที่จับเธอมาเคลมสวาทโผล่ออกมาแล้ว แถมอยู่ในสภาพ
ที่พวกเธอไม่อาจจะเข้าใจได้เสียด้วย เพราะเห็นเพียงแต่ว่า กะเทยร่างยักษ์คนนั้นเหมือนกำลังเหวี่ยงท่อนไม้
ในมือทะเลาะวูบวาบเข้าใส่อากาศธาตที่ไม่มีตัวตน ในขณะที่ปากก็ร้องโวยวายว่าโดนผีหลอก ซึ่งแน่นอนว่าภูติ
ผีหน้าตาเน่าเฟะก็กำลังกอดก่ายและหลอกหลอนกะเทยควายคนนั้นอยู่จริง ๆ เพียงแต่ว่า สองสาวมองไม่เห็น
เท่านั้น
“ผี ผี นั่นผีชะนี อีกสองตัว พวกมึงตายยยยยย”
กะเทยควายร้องขู่ดังลั่นเมื่อหันมาเห็นเข้ากับหญิงและฟ้า มันแหกปากร้องด้วยเข้าใจว่าพวกเธอเป็นผีที่หลอก
หลอนมันอยู่ จึงวิ่งดิ่งตรงเข้าไปแล้วเงื้อง่าท่อนไม้ขนาดใหญ่พร้อมจะฟาดฟันเข้าใส่สองสาวให้สิ้นชีวีเสีย
“ว้ายยยยยย !!!!!!!”
หญิง และ ฟ้า กรีดร้องออกมาสุดเสียงแทบจะพร้อมกัน เมื่อเห็นท่อนไม้ใหญ่ยักษ์นั้นกำลังเหวี่ยงเข้ามาหาพวกเธอ
และพวกเธอก็ทำได้เท่านั้นจริง ๆ เพราะรู้สึกได้ว่าสองขานั้นไม่มีแรงแม้แต่จะก้าวเดินด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่ต้องกระโดด
หลบมันเลย ซึ่งสิ่งที่พวกเธอทำได้ก็คือยกมือเล็ก ๆ ขึ้นมาเหมือนว่ามันช่วยปกป้องเธอได้บ้าง พร้อมทั้งหวีดร้องขอ
ความช่วยเหลือจากใครสักคน
ตุบบบบบบ
เสียงทึบแน่นดังขึ้นจนสองสาวลืมหายใจ พวกเธอยังคงหลับตาปี๋ด้วยความหวาดกลัวอยู่เช่นเดิม หากแต่เมื่อเวลา
ผ่านไปชั่วครู่พวกเธอก็ค่อย ๆ หรี่ตาขึ้นมามอง และพบว่าท่อนไม้ขนาดเท่าตัวพวกเธอลอยค้างห่างจากร่างของ
หญิงเพียงคืบเดียว มันใกล้เสียจนหญิงได้กลิ่นดินและกลิ่นยางไม้จากมันเลยด้วยซ้ำ
น้องหญิงพบว่าเบื้องหน้าเธอมีแผ่นหลังอันกำยำแข็งแรงอันแสนคุ้นเคยยืนบังอยู่ ใครคนนั้นใช้มือจับท่อนไม้
ที่กะเทยร่างยักษ์ฟาดเข้าใส่เอาไว้ โดยที่ตัวเขาเองไม่ถูกกระแทกกระเด็นแม้แต่ก้าวเดียว ซึ่งความจริงแล้วหาก
ไม่มีเขามาขวางกั้นไว้ ท่อนไม้นั้นก็คงจะฟาดใส่เธอ แล้วเลยผ่านไปกระแทกฟ้าที่อยู่ด้านข้าง จนทั้งสองคน
ต้องกระดูกกระเดี้ยวหักแน่ ๆ ... หากแต่ใครคนนั้นกลับรับมันได้อย่างไม่สะทกสะท้านแม่แต่น้อย
“หนุ่มหล่อ ฮันนี่ไม่ตีหนุ่มหล่อ … ปล่อยนะ ฮันนี่จะตีผี ผีไม่ดีมาหลอกฮันนี่ ปล่อยนะสุดหล่อ“
กะเทยควายที่กำลังสติแตกไม่ได้รับรู้ หรือตกใจ แม้แต่น้อยที่อีกฝ่ายหยุดการฟาดท่อนไม้น้ำหนักไม่ต่ำกว่า
50 กิโล ของตัวเองได้อย่างง่าย ๆ มันเพียงเบิกตามองความหล่อเหลาของอีกฝ่ายด้วยท่าทีตะลึงพรึงเพริด ก่อน
แววตานั้นค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวอีกครั้งเมื่อเงาแห่งภูติผีวิญญาณเริ่มวนเวียนกลับมาหลอก
หลอนมันอีกครั้ง
“ปล่อย ปล่อยยยย ปล่อยยยยนะ …… !!!!”
กะเทยควายพยายามออกแรงกระชากท่อนไม้นั้นออกจากการยึดกุมของชายหนุ่ม หากแต่ดูเหมือนว่าพละ
กำลังที่มันภาคภูมิใจมาตลอดชีวิตดูจะทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลยแม้แต่น้อย มันเกร็งกล้ามเนื้อจนเส้นเอ็นปูดโปน
กล้ามเนื้อส่งเสียงร้องดังเปรี๊ยะ แต่ก็ไม่อาจจะถอนเอาท่อนไม้ให้หลุดจากมือของอีกฝ่ายที่ตัวสูงแค่คางได้เลยแม้แต่
นิดเดียว
ไม่เพียงแค่มันทำอะไรไม่ได้เท่านั้น หากแต่มันถึงกับต้องอ้าปากค้างยิ่งกว่าตอนเจอผีเสียอีก เมื่อร่างของมันค่อย ๆ
ลอยสูงจากพื้นอย่างช้า ๆ พร้อม ๆ กับท่อนไม้ใหญ่ยักษ์นั้น อีกฝ่ายออกแรงยกน้ำหนักของท่อนไม้ และน้ำหนักตัว
นับร้อยกิโลของมันขึ้นมาจากพื้นราวกับว่าอีกฝ่ายกำลังยกกิ่งไม้ขึ้นมาเหวี่ยงเล่นเท่านั้น อารามตกใจและทำอะไร
ไม่ถูก ทำให้มันยังคงจับยึดท่อนไม้นั้นไว้แน่นหนาและไม่ยอมปล่อยออก
“ฮึบบ”
ชายหนุ่มส่งเสียงหนัก ๆ ออกมาหนึ่งครั้งขณะจับท่อนไม้ที่มีกะเทยควายเกาะอยู่แกว่งไปทางขวามือเบา ๆ
ก่อนจะเกร็งกล้ามเนื้อแล้วออกแรงเหวี่ยงส่งทั้งท่อนไม้ และกะเทยควาย ลอยละลิ่วสูงลิบไปบนอากาศ เหมือน
โยนก้อนหินเล็ก ๆ เล่น ๆ ก็ไม่ปาน กะเทยควายอ้าปากเหวอ เมื่อพบว่าตัวมันกำลังลอยอยู่บนอากาศสูงลิบ
เหมือนกำลังโบยบิน ก่อนจะหวีดร้องอย่างตกใจออกมาเป็นภาษากะเทยเมื่อพบว่าตัวมันเองกำลังร่วงหล่นตูม
ลงบนหลังคาบ้านชั้นสองจนส่งเสียงดังโครมสนั่นหวั่นไหว
………………………………………………………………………
“พี่เอก ? …”
ฟ้ายืนมองเหตการณ์อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ผู้ชายคนนั้นที่โผล่มาช่วยพวกเธอไว้ เพิ่งจะจับกะเทยควาย
ร่างยักษ์นับร้อยกิโลเหวี่ยงโยนเล่นขึ้นไปบนอากาศความสูงระดับตึกสามชั้น พร้อมกับท่อนไม้ขนาดใหญ่
ที่น้ำหนักไม่ต่ำกว่าห้าสิบกิโล เสียด้วย เธอชื่นชอบการแข่งกีฬาและรู้ดีว่าสิ่งที่เขาเพิ่งทำไปนั้น เรียกได้ว่า
ทำลายสถิติการยกน้ำหนัก การทุ่มไกล หรืออะไร ๆ ก็แล้วแต่ที่เธอเคยดูมาจนหมดสิ้น และเมื่อเขาหัน
หน้ากลับมาหาก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกตกใจยิ่งกว่าเดิม เพราะเธอจำใบหน้าอันแสนหล่อเหลานั้นได้เป็นอย่างดี
เขาคือผู้ชายคนที่เธอมอบความสัมพันธ์วาบหวามครั้งแรก และความบริสุทธ์ของเธอให้ไป ใช่แล้ว เขาเป็น
ผู้ชายคนแรกของเธอ และแน่ล่ะ ว่าเธอคาดหวังว่าเขาจะเป็นคนสุดท้ายด้วยเช่นกัน แม้จะมั่นใจว่าใช่เขา
แต่ตัวฟ้าเองก็รู้สึกว่าอะไรบางอย่างในตัวเขาเปลี่ยนไป? ซึ่งเธอเองก็บอกไม่ถูกหรอกว่าอะไร รู้แต่เพียงว่า
เขาเคยดูดี และตอนนี้เขาคนนี้ก็ดูดีมากกว่าเดิมเสียอีก
“พี่เอก พี่เอกมาช่วยหญิงแล้ว”
หญิง วิ่งเข้าหาเอกที่ยืนยิ้มให้ด้วยน้ำตานองหน้า เธอโอบกอดร่างกำยำของเขาไว้แน่นที่สุดเท่าที่เรี่ยวแรง
ของเธอจะอำนวยได้ แม้จะพยายามบอกตัวเองว่า เอก แฟนของเธอคงจะไม่มีทางสามารถมาช่วยเธอจาก
เหตการณ์วิบากกรรมครั้งนี้ได้ และเธอแอบทำใจยอมรับไว้แล้ว ว่าเธออาจจะต้องพลาดพลั้งเสียท่าโดนใคร
สักคนข่มขืน แต่เธอก็หลอกตัวเองไม่ได้ ว่าเธอยังคงคิดถึงเขาตลอดเวลา เธอร้องเรียกหาเขา และเชื่อว่าเขา
จะต้องมาช่วยเหลือเธอได้อย่างแน่นอน
เอกโอบกอดร่างของหญิงเอาไว้แน่น พร้อมกับพรมจูบไปทั่วใบหน้า พวงแก้ม และริมฝีปากของเธอ ภาพ
นิมิตรอันแสนโหดร้ายของนางตะเคียนทำให้เป็นห่วงเธอแทบบ้า และเมื่อได้พบกับเธออีกครั้งในสภาพ
ที่ปลอดภัยดี ก็ทำให้เขารู้สึกเป็นสุข เบิกบานใจจนแทบบ้าได้เหมือนกัน ตอนนี้เขาไม่ต้องคิดแล้วว่าเขา
รักผู้หญิงคนนี้ขนาดไหน เขารักผู้หญิงคนนี้จริงหรือเปล่า เพราะเขารับรู้แล้วว่า เขาไม่สามารถมีชีวิตอยู่
ได้โดยที่ไม่มีผู้หญิงคนนี้แน่ ๆ ไม่ว่าจะวันนี้ หรืออีกสิบปี ร้อยปีข้างหน้าก็ตาม
หญิงร้องไห้กระซิกราวกับสั่งสมน้ำตาไว้นานนับปีจนมันไหลพรากลงอาบสองแก้มจนเปียกชุ่ม แต่กระนั้น
มันก็เป็นน้ำตาแห่งยินดีปรีดา มิใช่น้ำตาแห่งความโศกเศร้าอาดูรแต่อย่างใด
“ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่เป็นอะไรแล้ว พี่จะคอยดูแลหญิงเอง น้องหญิงยังไม่โดนทำอะไรใช่มั้ย”
เอกสวมกอดร่างอันสั่นระริกของเธอแน่นขึ้น พร้อมทั้งพรมจูบไปทั่วใบหน้าอันแดงก่ำ และจมูกอันแดงช้ำ
ไม่หยุด พยายามพูดปลอบใจด้วยน้ำเสียงอบอุ่น จนอีกฝ่ายค่อย ๆ หายสะอื้นไห้อย่างช้า ๆ
"แล้วถ้าหญิงพลาดท่าไปแล้ว พี่เอกจะยังรักหญิงหรือเปล่าคะ"
น้องหญิงส่งเสียงเง้างอนออกมาอย่างน่ารัก
"น้องหญิงจะเป็นยังไง ก็ไม่เป็นอะไรหรอก ต่อให้ขี้เหร่ หรืออ้วนลงพุง ยังไงพี่เอกก็รักน้องหญิงอยู่ดีนะ"
เอกตอบแฝงอารมณ์เล่นสนุกตามแบบฉบับของเขา
"คนบ้า หาว่า หญิงอ้วน แล้วก็ขี้เหร่เหรอ หญิงไม่รักพี่เอกแล้ว บ้า บ้า อืมมมม ...."
น้องหญิงใช้กำมือเล็ก ๆ ทุบตีไปที่แผงหน้าอกของเอกด้วยอารมณ์เกี่ยงงอน แต่กระนั้นอารมณ์ขันของ
เขาก็ทำให้เธอรู้สึกคลายความเครียดลงได้ไม่น้อย และเมื่อเขาแนบริมฝีปากร้อน ๆ เข้ากับริมฝีปากของ
เธอ เธอก็ลืมสิ้นถึงความทุกข์ยากที่เพิ่งผ่านมา และรับรู้ได้ว่าเขารักและเป็นห่วงเธอเพียงใด
สองร่างยืนแนบชิดติดกัน ริมฝีปากต่างขบกัดส่งลิ้นเข้าพัวพันหากันอย่างลุ่มหลง อารมณ์รักอันร้อนแรง
โดนจุดประกายขึ้นมาอีกครั้ง และแม้จะอยู่ในสถานที่ที่ไม่ควร แต่เอกก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของเขาไว้
คือ ตอบสนองอารมณ์ให้ถึงที่สุด ขณะที่ยังคงบดจูบเข้าใส่น้องหญิง เอกก็เอื้อมมือไปบีบคลึงเต้านมที่อัน
แสนนุ่มนิ่มเต่งตึงอย่างเบามือ ก่อนจะพบว่าเสื้อที่น้องหญิงกำลังใส่นี้ช่างเร้าอารมณ์เขาเสียเหลือเกิน
ไม่จบเพียงแค่นี้เมื่อมืออีกข้างก็ล้วงเข้าไปในสิ่งที่เป็นกางเกงในผ้าโปร่ง แล้วขยำยุกยิกเข้ากับโคกสวาท
ที่กำลังเปียกชื้นอย่างเบามือ จนน้องหญิงสะดุ้งแล้วสะดุ้งอีก อารมณ์กระสันสวาทที่เมื่อกี้เกือบจะเสร็จสม
โดนจุดขึ้นมาอีกครั้ง จนเธอทนไม่ไหวและล้วงมือเข้าไปสัมผัสเข้ากับสิ่งที่เธอโหยหาอยากได้ เธอล้วง
เข้าไปในกางเกงของเขาแล้วคว้าจับเข้ากับแท่งเนื้อที่ร้อนผ่าวและแข็งเกร็งด้วยอารมณ์วาบหวิว เธอโหย
หาสิ่งนี้เหมือนกับว่า พลัดพรากจากมันมานานนับสิบปี เธอใช้อีกมือปลดตะขอกางเกงออกอย่างช่ำชอง
ก่อนทำท่าจะล้วงเอาสิ่งนั้นออกมาด้านนอก หากแต่ว่า เธอก็สะดุ้งตัวและเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า เธอไม่ได้อยู่
กับเขาเพียงแค่สองคน เธอจึงผลักร่างของเอกออก จนอีกฝ่ายที่กำลังเคลิ้มงงงวยในการกระทำนั้น
ฉากรักของหญิงชายเบื้องหน้า ราวกับจะเป็นสายฟ้าที่ฟาดเปรี้ยงเข้าไปกลางใจของฟ้า เธอไม่แปลกใจ
หรอกที่ผู้หญิงคนนั้นคือหญิง เพราะว่าแม้จะไม่เคยพบเจอ แต่เธอก็รับรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนรักของเธอนั้น
มีแฟนอยู่แล้ว แฟนที่เคยช่วยเพื่อนของเธอจากโจรสวาท และแฟนคนนั้นที่เธอเคยได้ยินเสียงร่ำร้อง
อย่างมีความสุขของหญิงจากโทรศัพท์ เสียงที่บอกว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ใช่แค่แฟน แต่เป็น
มากกว่านั้น เธอแปลกใจเสียมากกว่าที่ผู้ชายคนนั้นคือผู้ชายคนที่เธอรู้จักเช่นกัน และที่สำคัญคือผู้
ชายคนนั้นคือผู้ชายคนแรกของเธอ และเป็นคนที่เธอหลงรัก อยู่ทุกคืนวัน อารมณ์หลายอย่างต่าง
ประดังเทเข้ามาในหัวสมองจนเธอรู้สึกสับสนวุ่นวายจนทำอะไรไม่ถูก หนึ่งนั้นรู้สึกยินดีที่ได้เจอเขา
อีกครั้ง แต่กระนั้นก็รู้สึกหึงหวง และอิจฉา ที่เขาเป็นแฟนกับเพื่อนรักของเธอ
“ฟ้าจ๋า นี่พี่เอก สุดที่รักของหญิง … พี่เอก นี่ฟ้า เพื่อนรักของหญิง”
หญิงกอดแขนเอก แล้วพาเดินมาหาฟ้าที่กำลังยืนเหม่อลอยด้วยท่าทางเขินๆ เธอแนะนำสองฝ่ายให้รู้จักกันโดยไม่รู้
เลยว่า ทั้งสองคนนั้นเคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งไปถึงขั้นไหน
“สวัสดีครับฟ้า เอ่อ จริง ๆ ไม่ต้องแนะนำหรอก เราเคยเจอกันแล้ว”
เอกมองฟ้าที่ควรจะตกใจ กลับทักทายเธอเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร จนฟ้ารู้สึกแปลกใจ
“สวัสดีค่ะ”
ฟ้าตอบด้วยท่าทางเหม่อ ๆ ใจลอย รู้สึกดีอยู่บ้างที่ผู้ชายคนแรกของเธอ ยังจำเธอได้ และไม่แสร้งทำเป็น
ไม่รู้จักเธอ แต่กระนั้นก็เถอะ เธอก็อดน้อยใจไม่ได้ที่เขาใช้คำว่า ‘เราเคยเจอกันแล้ว’ มาอธิบายความ
สัมพันธ์อันแสนลึกซึ้งของเขาและเธอ
“เอ๊ะ สองคนนี้เคยเจอกันตอนไหน”
“ตอนนั้นพี่เอกไปส่งหญิงที่มหาลัย แล้วก็ไปเดินเล่น พอดีว่าฟ้า เขาก็วิ่งมาชนจนล้มจ้ำเบ้าลงไปทั้งคู่
พอลุกขึ้นมาได้ ฟ้าก็ต่อยเข้าเต็มท้องพี่เอกก็เลยจำได้ แล้วหลังจากนั้น ก็ ….”
เอกยิ้มน้อย ๆ ขณะเล่าเรื่องราวที่เขากับฟ้าได้เจอกัน แต่ก็ไปติดในส่วนสุดท้ายที่ว่าเธอและเขามีอะไรกัน
“หลังจากนั้นก็เคยเจอกันบ้างนิดหน่อย”
ฟ้าพูดต่อประโยคให้เองเสร็จสรรพโดยไม่ต้องการบอกความจริงกับเพื่อนรักของเธอ และแอบส่งสายตาโกรธบึ้ง
ให้กับเอกเมื่อหญิงไม่ทันสังเกตจะด้วยเหตผลใดก็ตาม เธอไม่คิดที่จะแย่งคนรักกับเพื่อนรักของเธอแน่นอน
“อ๋อ งี้นี่เอง นึกว่า พี่เอกจะไปทำเจ้าชู้ใส่ฟ้าเข้าเสียอีก”
หญิงพูดเล่น ๆ ขำ ๆ แต่ก็ทำเอาเอกและฟ้าถึงกับต้องสะดุ้งน้อย ๆ
“จะบ้าเหรอ ยัยคุณหนู นั่นมันแฟนเธอนะชั้นไม่ยุ่งหรอก แล้วก็ลองใครมาเจ้าชู้กับฟ้าซิ โดนต่อยตาแตก”
ฟ้าพูดโบ้ยอย่างร้อนตัว
“ไม่เป็นไรหรอก จริง ๆ ถ้าฟ้าจะคบพี่เอกเป็นแฟนด้วยอีกคน หญิงก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ ดีออก พี่เอก
น่ะลามกจะตาย หญิงคนเดียวกว่าจะทำให้พี่เอกสงบได้ก็เล่นเอาเหนื่อยเลย ถ้าฟ้ามาช่วยอีกคน เราสองคนจะ
ได้ช่วยกันคุมพี่เอกไง”
หญิงผู้มองโลกในแง่ดีเสมอ พูดทีเล่นทีจริงออกมา จนฟ้าเกือบจะหลุดปากบอกความจริงออกไปเสียแล้ว
แม้ว่าเธอไม่ต้องการแย่งคนรักของเพื่อนก็จริง แต่หากเพื่อนของเธอยอมรับได้ที่จะเป็นคนรักร่วมกัน
ก็ไม่ถือว่าเธอไปทำร้ายจิตใจหญิงไม่ใช่เหรอ และที่สำคัญ … เธอต้องการเขา เธอรักเขา เธออยากอยู่ร่วมกับเขา
แม้ว่าจะต้องมีแฟนร่วมกับเพื่อนรักของเธอ เธอก็รู้สึกว่าดีกว่าต้องขาดเขาไปไม่ใช่เหรอ
“อะ แฮ่ม … เรารีบไปจากแถวนี้กันก่อนดีกว่ามั้ย ?”
เอกพูดขัดจังหวะ จนฟ้าหันมามองด้วยแววตาขุ่นมัว แต่เขากลับมองเธอด้วยรอยยิ้มเล็กน้อยเหมือนไม่สนใจ
อะไร แต่กระนั้นเขาก็พูดถูก เธอจึงเดินไปทางมอเตอร์ไซค์ของเธอที่เสียบกุญแจรถค้างไว้อยู่ตั้งใจว่าจะบึ่งรถ
หนีไปจากคนใจร้ายอย่างเขาให้ไกล ๆ เสียหน่อย
“ฟ้าจะไปไหน มานั่งรถยนต์ซิ เธอจะใส่ชุดนั้นขี่มอเตอร์ไซค์ได้ยังไง”
หญิงร้องเรียกฟ้าเมื่อเห็นว่าเธอกำลังกระโดดขึ้นไปนั่งคร่อมอานมอเตอร์ไซค์ทั้ง ๆ ที่ยังคงใส่ชุดนอนยั่วสวาท
ชุดนั้นอยู่
“ว้ายยยย ลืมไปเลย … งั้นนายก็เห็นแล้วซิ”
ฟ้าที่เพิ่งนึกได้รีบกระโดดลงจากรถแล้วหันหลังให้เอกที่ยืนยิ้มกริ่มมองเรือนร่างของเธออยู่ด้วยท่าทางขี้เล่น
"ไม่ทันแล้วล่ะ เมื่อกี้นั่งมองสองสาว ตกเบ็ด กลางป่าอยู่ตั้งนาน มาปิดตอนนี้ก็เท่านั้นแหละ"
เอกพูดแซวก่อนถอยออกมาหน่อยนึง เพราะกลัวว่าสาวน้อยหมัดหนักจะวิ่งมาตะบันหน้าเขาเข้า
"อีตาลามก คนชีกอ"
ฟ้าไม่ได้วิ่งเข้ามาต่อยเขา เพราะต้องยืนหันหลังให้เขาโดยที่พยายามเอื้อมมือมาปิดก้นที่เหมือนจะเปล่าเปลือยไว้
"ว่าแต่ ฟ้าไม่เป็นอะไรนะ โดนพวกมันทำอะไรหรือเปล่า"
"ไม่เป็นไรหรอก อีตาบ้า ไปห่วงแฟนของนายเหอะ ไม่ต้องมาห่วงฟ้า"
ฟ้าบ่นกระฟัดกระเฟียดเสียงดังเหมือนรำคาญ หากแต่ใบหน้าที่หันหนีไปด้านอื่นนั้น กลับฉีกยิ้มออกมาด้วย
ความยินดีที่ เขารู้สึกเป็นห่วงเธอบ้าง ไม่ใช่ห่วงแต่เพียงเพื่อนของเธอคนเดียว
“มอเตอร์ไซค์น่ะช่างมันเถอะนะฟ้า เรารีบไปกันดีกว่า”
น้องหญิงร้องเรียกฟ้าอีกครั้ง
“ไม่ได้หรอก ป๊า ดุตายเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกฟ้า เดี๋ยวหญิงซื้อให้ใหม่นะ เอารุ่นใหม่ล่าสุดเลยก็ได้”
“ไม่ได้หรอก คันนี้คันโปรดของป๊าเลยนะ ไม่เอาไปคืนล่ะก็โดนตีตายเลย”
ฟ้ามั่นใจว่าเพื่อนของเธอซื้อให้ได้แน่ ๆ เพราะมันเป็นแค่เศษเงินเท่านั้น เพียงแต่ว่าเธอก็รู้เช่นกันว่าป่าป๊า
ของเธอก็รักรถคันนี้มากสองสาวจึงได้แต่มองหน้ากันอย่างไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป
“เอาแบบนี้ ดีกว่า หญิงขับรถ ฟ้าไปนั่งกับหญิง แล้วเดี๋ยวพี่จะขับ มอเตอร์ไซค์ไปให้เอง”
เอกตัดสินใจสั่งการอย่างรวดเร็วเหมือนกับว่าวางแผนตระเตรียมมาอย่างดีแล้ว เขาเดินไปนั่งบนรถมอเตอร์ไซค์
อย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้สองสาวได้ทันปฎิเสธ
“แล้วก็เราจะยังไม่กลับบ้านนะ เราต้องแวะพักสักที่นึง แล้วหาเสื้อผ้าเปลี่ยนก่อนกลับ ไม่งั้นคงเรื่องใหญ่แน่ ๆ”
เอกพูดต่อด้วยสายตาวิบวับ เมื่อพูดคำว่า ‘แวะสักที่นึง’
“งั้นพี่เอกนำไปเลยค่ะ เดี๋ยวหญิงขับตามไปเอง … ยัยฟ้ามาเร็ว”
หญิงเดินอ้อมไปเปิดประตูรถคนขับ พร้อมกับกดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ และร้องเรียกฟ้า ซึ่งฟ้าก็ยอมขึ้นรถแต่โดยดี
“โอเค ตามมานะสองสาว อย่าเอาแต่ช่วยตัวเองล่ะ”
เอก บิดคันเร่งมอเตอร์ไซค์เสียงดังบรื้น ๆ สองที ก่อนหันมาแซวด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ แล้วบิดรถแซงหนีไปทันที
“พี่เอกบ้า”
“อีตาบ้า”
สองสาวโวยวายแทบจะพร้อมกันด้วยใบหน้าอันแดงซ่าน
“ว่าแต่อีตาบ้านั่นจะพาพวกเราไปไหนกันน่ะ ยัยคุณหนู”
“อืม ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะพาพวกเราสองคนไปขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดก็ได้นะ"
หญิงตอบเล่น ๆ ขณะมองฟ้าด้วยสายตาวิบวับ ด้วยรู้สึกว่าเพื่อนรักของเธอดูจะสนิทสนมกับแฟนเธอ
มากไปกว่าคนที่แค่เจอกันครั้งสองครั้งเสียแล้ว เธอยิ้มให้ฟ้าน้อย ๆ ก่อนเหยียบคันเร่งรถตามเงาของ
มอเตอร์ไซค์ที่อยู่ห่างไปลิบ ๆ
หนึ่งหนุ่ม และสองสาว ค่อย ๆ พาตัวห่างออกมาจากบ้านร้างทีละน้อย ๆ จนลับตา พวกเขาไม่ได้
หันหลังไปสังเกตเห็นเลยว่า ที่ชั้นสองของตัวบ้านตอนนี้กำลังมีแสงสว่างของเพลิงไฟแวบแพลมลาม
เลียออกมา ด้านในนั้นกะเทยควายร่างยักษ์กำลังถือเศษผ้าจุดไฟ เหวี่ยงสะเปะสะปะแปะป้ายสัมผัสเผา
ไหม้สิ่งต่าง ๆ ในห้องอย่างบ้าคลั่ง สะเก็ด และเศษไฟ กระเด็นกระดอนไปลุกพรึ่บกับบรรดาสิ่งที่เป็นเชื้อไฟ
และค่อย ๆ ลามไปถึงผนังและพื้นบ้านอย่างรวดเร็ว ซึ่งในห้องเดียวกันนั้น อาจารย์จอมหื่นก็กำลังจ้องมอง
เพลิงไฟที่ลุกโชน และหัวเราะกับตัวเองอย่างเสียสติ เพราะในดวงตาของเขา เพลิงไฟเหล่านั้นกลับเป็น
ภาพสยองขวัญ ของบรรดาเหยื่อสวาท ที่กำลังเดินเข้ามาหาเขาด้วยสภาพเน่าเฟะน่ากลัวสุดจะบรรยาย
"กัมมุนา วัตตะตีโลโก ... สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม"
เสียงทุ้มของเทพารักษ์รักษาการแว่วดังมาพร้อมกับสายลม
………………………………………………………………………………
"แบบนี้ แล้วยังไงต่อล่ะ พี่สาว ให้โทรศัพท์เรียกสองคนนั้นมาด้วย รถไฟจะไม่ชนกันแย่เหรอ"
เอกที่ยังคงบึ่งรถมอเตอร์ไซค์อยู่พูดพึมพำ เหมือนพูดกับตัวเอง
"เอาน่า เชื่อฝีมือพี่สาวคนนี้เถอะนะ รับรองดีแน่"
เสียงคำตอบดังออกมาจาก ร่างวิญญาณของนางตะเคียนที่กอดเอวของเอกเอาไว้แน่น
ซึ่งดูไปแล้วดวงตาของทั้งคู่ตอนนี้กำลังวิบวับ ฉายแววเจ้าเล่ห์ชอบกล
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น