ขายของ

วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

รักยม ตอนที่ 50 - การล้างแค้นของผีสาว

ก้อนเมฆสีดำทะมึนก้อนใหญ่ลอยล่องตามแรงลมมาบดบังแสงอาทิตย์ร้อนแรงของยามบ่ายในฤดูร้อนอย่าง ไม่มีทีท่ามาก่อน ท้องฟ้าที่สว่างจ้าบัดนี้มืดมิดสลัวราวกับยามสนธยา ไอร้อนผ่าวตามผืนดินค่อย ๆ ลดน้อย และหดหายไปอย่างช้า ๆ ด้วยไร้ซึ่งแสงแดดที่คอยแผดเผา เฉกเช่นเดียวกันกับสายลมอันแห้งและร้อนระอุ ที่ค่อย ๆ ลดอุณหภูมิลงจนกลายเป็นสายลมที่มีแต่ความเย็นเยียบและความชุ่มฉ่ำ สายลมที่เย็นลงแต่รุนแรงขึ้นนั้นพัดผ่านเข้าไปในตัวบ้านที่เก่าชำรุด มันพัดวูบผ่านเรือนร่างเปลือยเปล่าไร้ อาภรณ์จนเจ้าของร่างที่นอนกระสับกระส่ายอยู่บนพื้นบ้านรู้สึกขนลุกซู่ แม้ว่าหัวสมองจะเบลอจนไม่สามารถ คิดอ่านหรือรับรู้อะไรได้ แต่น้องหญิงคุณหนูไฮโซเจ้าของตำแหน่งนักศึกษาดาวเด่นของมหาวิทยาลัยชื่อดัง ก็ยังคงรู้สึกได้ถึงความหนาววูบของสายลมอันแปรปรวนนี้ แต่นั่นก็เป็นเพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้น เพราะตอนนี้ ร่างของเธอกำลังร้อนระอุอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างของเธอร้อนรุ่มด้วยอำนาจอันรุนแรงของยาปลุกสวาทราคา แพง จิตใจของเธอร้อนรนด้วยพยายามกดข่มไฟอารมณ์แห่งตัณหาราคะที่วนเวียนอยู่ในกระแสเลือดอุ่น ๆ ที่ฉีดไหลวนไปทั่วร่างจนแทบคลั่ง ดวงตาคู่สวยที่ปกติจะเปล่งประกายสดใสของเด็กสาววัยรุ่นนั้นตอนนี้หรี่ปรือหยาดเยิ้มไปด้วยอารมณ์ราคะ ที่เปี่ยมล้น เสียงลมหายใจที่พ่นออกทางจมูกโด่งสวยนั้นหนักหน่วงเหมือนพยายามที่จะระบายความต้อง การที่อัดแน่นอยู่ภายในให้ออกมาให้หมด แต่กระนั้นแทนที่มันจะเบาบางลงไปบ้าง อารมณ์ราคะนั้นกลับ ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงไปแม้แต่น้อย กลับกันเสียอีกเหมือนมันจะยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น มากขึ้น และมากยิ่งขึ้น ในทุกวินาที มากขึ้นจนกระทั่งเวลานี้ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นคนรูปชั่ว ใจทรามต่ำช้าเพียงใด หญิงสาวแสน สวยผู้เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่างคนนี้ก็พร้อมที่จะพลีกายให้แก่เขาได้ตักตวงความหฤหรรษ์ได้ทันที ขอ เพียงแค่ให้เขาสามารถช่วยบรรเทาความร้อนเร่าที่อัดแน่นอยู่ภายในตัวเธอลงได้บ้างก็พอ ทรวงอกอวบใหญ่กลมกลึงขยับสะท้านขึ้นลงตามจังหวะการหายใจที่ค่อย ๆ หนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ ปลายถัน สีชมพูอ่อนแข็งตัวเด้งสั่นไหวชูชันลอยเด่นไปมาอยู่ในแสงสลัวราวกับกำลังจะยั่วยวนสายตาหื่นกามคู่หนึ่ง ของมนุษย์เพศผู้ที่กำลังจ้องมองตอบมาด้วยสายตาอันมันวาว ใช่แล้ว น้องหญิงผู้น่าสงสารยังคงอยู่ในกำมือ ของโจรสวาทโดยที่ไม่อาจจะรับรู้ชะตากรรมของตัวเองได้แม้แต่น้อย "ไอ้ชด มึงจะเอาอีชะนีขาววอกตัวนี้ไปทำเมียที่ไหนก็ได้นะ แต่อย่าให้มันกลับมาให้พี่พิชัยเห็นอีก กูวางยา มันไว้แล้ว ส่วนอีชะนีปากเก่งตัวที่สลบอยู่นี่ มันทำกูเจ็บ กูจะพาไปให้พรรคพวกรุมโทรม ดูซิว่ามันจะฆ่าตัว ตายหนีเหมือนอย่างที่อีชะนีสองตัวก่อนนั่นมันทำหรือเปล่า ถ้ามันทำกูจะได้เอาไปฝังรวมกันไว้ที่เดียวกัน เลย" กระเทยควายร่างใหญ่ยักษ์พูดขณะมองสายตาของไอ้ชดที่กำลังจับจ้องเรือนร่างงามนั้นด้วยความรู้สึก หมั่นไส้และริษยา "แค่ก ๆ ... เดี๋ยว ... กูจะเอาอีคนนี้ด้วย มันเอาไม้เสียบคอกูแทบทะลุ แค่ก ๆ ... กูจะเอาคืน" ไอ้ชดพูดเสียง แหบแห้งด้วยบาดแผลที่สาวสวยร่างบางได้ฝากเอาไว้เต็มลำคอ สายตาของมันแดงก่ำด้วยแรงแค้นที่อัดแน่น อยู่เต็มอก แรงแค้นที่มันไม่เคยโดนผู้หญิงคนไหนทำแบบนี้มาก่อน "อย่าโลภมากน่า กูปล่อยให้มึงเอาไปคนเดียว พี่พิชัยก็คงเขม่นแย่แล้ว นี่จะเอาสองเลยเหรอ โลภไปมั้ง" กระเทยควายพูดท่าทางสะดีดสะดิ้ง "... มึงอย่าเรื่องมาก กูจะเอา มึงน่ะไปจัดการผัวของมึงเหอะ โดนมัดอยู่ข้างบนแน่ะ มึงอยากจะทำอะไร ก็ไปทำเลย โอกาสดีของมึงแล้ว อยากให้มันเป็นผัวก็รีบ ๆ ทำซะ ... แค่ก ๆ" "จะบ้าเหรอ ฮันนี่ ไม่ทำอะไรไม่เป็นกุลสตรีแบบนั้นหรอก ... แต่เอ๊ะ ... จะว่าไปแล้ว .... พี่ชัยโดนมัดอยู่ แถมยังกินยาโด๊ปไปซะขนาดนั้น ... ฮันนี่ก็น่าจะไปช่วยคลายอารมณ์ให้ที่รักของฮันนี่ซะหน่อยแล้ว ... แถมอีกอย่างให้มึงไปก็น่าจะดี ... ฮิ ฮิ ยังไงก็ไม่น่ารอด" ฮันนี่ยิ้มอย่างน่ากลัว "เออ ไป ๆ กูจะเชือดอีผู้หญิงสองคนนี้แล้ว เอามันตรงนี้ล่ะวะ เดี๋ยวมีพวกเหี้ยมาขอส่วนแบ่งอีก" ไอ้ชดมอง สองสาวหุ่นเซ็กซี่ที่เป็นเหยื่อรอให้มันขย้ำพลางตัดสินใจ มันแค้นใจอยากจะขยี้สาวร่างบางที่เอาไม้เสียบคอ มันจนเป็นแผลใจจะขาด แต่มันก็ไม่อาจจะหักห้ามใจเปลี่ยนสายตาไปจากเรือนร่างเปลือยเปล่าของคุณหนู ไฮโซที่นอนกระสับกระส่ายอยู่ตรงหน้าได้นานนัก ความขาวกระจ่างของผิวพรรณนุ่มนิ่มที่สวยผุดผาดเด่น อยู่ในแสงไฟมืดสลัวนั้นดึงดูดสายตาหื่นกามของมันได้เป็นอย่างดีเหมือนกับแสงไฟที่ล่อแมงเม่าให้พุ่งเข้า ไปหา "ขอเอาอีไฮโซคนนี้ก่อนเถอะวะ อดทนไม่ไหวแล้วโว้ย" ไอ้ชดแลบลิ้นเลียรอบปาก มันเกือบจะได้ชื่อว่าเป็น ผัวของคุณหนูคนสวยคนนี้อยู่รอมร่ออยู่แล้ว แต่อยู่ดี ๆ ก็กลับมีคนมาช่วยให้รอดไปได้เสียก่อน มันปฏิญาณ กับตัวเองว่าจะไม่ยอมเสียเวลาอีกต่อไปแล้ว ขณะที่กำลังเดินย่างสามขุมเข้าไปหาร่างของน้องหญิงที่กำลัง ทรมาณทุรนทุรายด้วยท่าทางของหมาป่าขย้ำเหยื่อ เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง เสียงฟ้าร้องดังลั่น ตามมาหลังจากแสงแวบวาบที่ลามเลียไปทั่วฟากฟ้าจนไฟฟ้าในบ้านเก่า ๆ กลางป่าถึงกับ ดับวูบลงชั่วครู่ ก่อนจะกลับมาให้ความสว่างด้วยแสงสลัวกว่าเดิมอีกครั้งหลังจากเวลาผ่านไปไม่ถึงสิบวินาที "วั้ย ฮันนี่ตกใจหมดเลย ฟ้าบ้าผ่ามาได้ ไฟดับเลย แถมฝนตกอีก เป็นบ้าอะไรเนี่ย เมื่อกี้ยังร้อนตับแล่บอยู่เลย" ฮันนี่กระเทยควายร่างยักษ์ที่กำลังจะเดินขึ้นบรรไดไปชั้นบนถึงกับสะดุ้งด้วยเสียงอันดังนั้น มันกระแดะเอามือ จับหน้าอกตัวเองท่าทางตุ้งติ้งเหมือนกิริยาอาการของผู้หญิงทั่วไปหากเพียงแต่ว่ามันคงดูดีกว่านี้ ถ้าไม่ได้เป็น กิริยาอาการมาจากผู้ชายที่มีร่างดำทะมึนล่ำบึ้กเท่าหมีควาย "ห่า เอ๊ย ตกใจหมด ... ไฟตกเหรอวะ มืดชิบหาย ... อ้าว อีนี่มันยังลุกขึ้นมาไหวอีกเหรอวะ" ไอ้ชดที่กำลังเดิน ไปหาเหยื่อด้วยอารมณ์หื่นอย่างเต็มพิกัดก็ถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยเสียงอันดังนั้นไม่แพ้กัน เมื่อไฟที่ดับวูบลงไป สว่างขึ้นมาอีกครั้งมันก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าภายใต้แสงไฟสลัวที่เห็นได้เพียงเป็นเงาลาง ๆ นั้น สาวสวยนัก เคนโด้ในชุดรัดกุมที่เพิ่งจะเอาไม้เสียบคอมันจนแทบขาดกลับยืนขึ้นมาได้ใหม่อีกครั้ง "หา ... ทนทายาทจริงนะ อีชะนีปากเก่ง .... ตัวนี้" ฮันนี่กระเทยควายร่างยักษ์หันมามองตามคำอ้างของไอ้ชด มันหันไปมองเงาคนที่ลุกขึ้นยืนแล้วตวาดร้องใส่ด้วยความรู้สึกแปลก ๆ ขนแขนของมันลุกชันอย่างไม่ทราบ สาเหต มันเป็นความหวาดกลัวต่อเงาของหญิงสาวร่างเล็กที่บังเกิดขึ้นอย่างไม่มีเหตและไม่มีผลใด ๆ "เฮ้ย มันหนีไปแล้ว อีฮันนี่มึงไปตามจับมาเร็ว คนนั้นมึงรับผิดชอบ" ไอ้ชดร้องสั่งเสียงดังเมื่อเห็นว่าเงาของ สาวร่างเล็กหมัดหนักวิ่งถลันวูบหายไปทางหน้าประตูอย่างรวดเร็วเหมือนว่ายังคงมีแรงเหลือเฟือ "เฮ้ย หนีไปไหนวะ ทิ้งเพื่อนเฉยเลย ฮ่า ฮ่า กลัวฮันนี่ล่ะซิ" ฮันนี่ขยับขาวิ่งตามไปทันทีเมื่อเห็นอีกฝ่ายวิ่งหนี ความจริงแล้วเมื่อกี้นี้ขาของมันสั่นระริกด้วยความกลัวในอะไรบางอย่าง จิตสำนึกของมันบ่งบอกว่ามีอันตราย อะไรบางอย่าง แต่เมื่อมันเห็นว่าอีกฝ่ายวิ่งหลบหนีไป มันก็หันกลับมาเชื่อมั่นในตัวเองอีกครั้ง มันเชื่อมั่นว่า หญิงสาวร่างเล็กนั้นไม่มีทางทำอันตรายอะไรให้กับมันได้แม้แต่ปลายก้อย และด้วยความแค้นที่สุมอกอยู่แล้ว ร่างใหญ่โตราวหมีควายนั้นจึงวิ่งกระแทกพื้นเสียงดังตึง ๆ พุ่งฝ่าความมืดออกไปนอกบ้านตามเงาของหญิงสาว ร่างเล็กไป ปล่อยให้ไอ้ชดอยู่กับเหยื่อสวาทอีกคนตามลำพัง ... ............................................................ "อูยยยย ดูกี่ทีก็สวย อวบไปทั้งตัว ผู้หญิงอะไรจะน่าเย็ดขนาดนี้วะ ซี้ดดด ... นี่มันนางฟ้าชัด ๆ .... พาไป เอาในห้องอื่นดีมั้ยวะ ... ไม่ดีกว่าไอ้ชดขอล่อก่อนล่ะโว้ย" ไอ้ชดพูดด้วยน้ำเสียงหื่น ขณะพาร่างเปลือยดำ ๆ ของมันไปนั่งชันเข่าอยู่ที่ปลายขาเรียวยาวของเรือนร่างขาวผ่องของน้องหญิงนักศึกษาสาวแสนสวยนั้น ท่าทาง ของมันไม่ได้ต่างอะไรไปกับปีศาจหน้าตาน่าเกลียดจากนรกที่กำลังจะขย้ำนางฟ้าแสนสวยเลยแม้แต่น้อย แม้จะอยู่ในแสงไฟสลัว แต่เรือนร่างขาวโพลนเปลือยเปล่านั้นก็สะท้อนกับแสงไฟอันน้อยนิดได้เป็นอย่างดี หน้าอกอวบอูมส่ายเด้งเบา ๆ ในเงาสลัวนั้นตามแรงบิดตัวอย่างกระสับกระส่ายของเจ้าของร่าง แม้จะอยู่ใน ท่าทางร่านสวาทเหมือนกะหรี่ราคาถูก แต่น้องหญิงคนสวยก็ยังคงเปี่ยมไปด้วยมนต์ขลังแห่งความงดงาม ดั่งนางฟ้าเฉกเช่นเคย ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อด้วยเลือดสาวอันร้อนระอุที่ไหลรินไม่หยุด ดวงตาสวยคู่นั้น แม้จะเปี่ยมล้นไปด้วยความหวานหยาดเยิ้มแห่งความต้องการที่โดนผลักดันด้วยฤทธ์ยาสวาท แต่ด้วยหัวใจ ที่พยายามต่อสู้กับสภาพที่ไม่อาจต้านทานได้ ดวงตาสวยนั้นจึงเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตาใส ๆ ที่หลั่งไหล ออกมาด้วยความเสียใจ "หึ หึ ยิ่งร้องไห้กูยิ่งเงี่ยนนะโว้ย แม่ง น่าเย็ดมากกว่าเดิมอีก" ไอ้ชดที่เห็นสภาพนี้แทนที่จะนึกสงสารอยู่บ้าง มันกลับยิ่งรู้สึกคึกคักมากกว่าเดิมเสียอีก เพราะเรือนร่างอวบอัดเบื้องหน้าทั้งเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของสตรีเพศ อันแสนร้อนแรง แถมมันยังแฝงไปด้วยความรู้สึกสดใสบริสุทธ์ที่น่าขยำขยี้ให้เหลวแหลกคามือของมันอีกด้วย ไอ้ชดไม่อยากเสียเวลาเล้าโลมใด ๆ อีกต่อไป มันจับสองขาเรียวยาวนั้นแยกออกจากกัน แล้วขยับร่างดำ ๆ ของมันเบียดแทรกเข้าไปที่ปากทางสวรรค์นั้น มันเพ่งมองชื่นชมความงามของโคกอวบอูมสีขาวอมชมพูที่ ฉ่ำเยิ้มด้วยน้ำรักอย่างหื่นกระหาย แต่เพียงครู่เดียวมันก็ถาโถมร่างกายบึกบึนสีดำมะเมื่อมของมันลงไป ทาบทับเรือนร่างอวบอัดนั้นราวกับหมาป่าหิวโซ เรือนร่างนางแบบนั้นกระตุกตัวเฮือกด้วยความสยิวเมื่อปลายหัวถอกสีดำมะเมื่อมของไอ้ชดกำลังพยายาม เบียดแทรกร่องหลืบสีสวยเข้าไปด้วยความดุดัน บั้นเอวหนาขยับซอยยิก ๆ เร่งส่งท่อนเนื้อขนาดยักษ์ เบียดแหวกกลีบพรูสีชมพูอ่อนของเธอเข้าไปจนยับยู่ยี่ มันสูดปากร้องซี้ดซ้าดรับความอ่อนนุ่มที่ครอบคลุม และตอดรัดตุบ ๆ ไปทั่วปลายลำลึงค์ของมันอย่างสุขสม "อูยยย ซี๊ดดสสสสส โอยยย เข้าได้นิดเดียวน้ำเกือบแตกเลยโว้ย มันส์หัวควยชิบหาย" ไอ้ชดแหงนหน้าเริ่ด ขณะยังคงพยายามแอ่นเอวส่งดุ้นเอ็นอวบใหญ่กระทุ้งแหวกกลีบเสียวเข้าไปอย่างรุนแรงและหักโหม มัน กระดกบั้นเอวอวบหนานั้นทะลวงใส่เข้าไปยิก ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งสิ่งแปลกปลอมสีดำมะเมื่อมนั้น โดนร่องสวาทกลืนกินเข้าไปจนมิด มันหัวเราะร่าในใจ ตอนนี้มันได้ชื่อว่าเป็นผัวของคุณหนูไฮโซแสนสวย คนนี้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ไอ้ชดร้องครางกระเส่าด้วยความสุขเสียวที่แล่นพล่านมาจากท่อนเนื้อส่วนล่างจนแทบสำลักไปกับความ สุดยอดของร่องสวรรค์ที่ตอดรัดหนุบหนับไปทั่วทั้งลำลึงค์ของมัน สายตาสีแดงก่ำที่เปี่ยมไปด้วยความ กระหายนั้นเหลือกต่ำลงมามองร่างงามที่บิดไหวกระตุกส่ายไปมาด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย สะโพก ขาวผ่องนั้นแอ่นเด้งเบียดโคกสวาทเข้าหาท่อนเนื้อของเขาอย่างร้อนร่าน แต่กระนั้นใบหน้าสวยกลับมี น้ำตาไหลรินออกมาอย่างไม่ขาดสาย มันยิ่งรู้สึกคึกคักเมื่อเห็นภาพที่เร้าใจนี้ บั้นเอวหนาขยับตัวยิก ๆ ส่งดุ้นเอ็นสีดำอันใหญ่ทะลวงเข้าไปในโพรงสวาทอย่างเมามันส์ในอารมณ์ที่สุด ท่อนเนื้ออวบอ้วนนั้นกระทุ้งเข้าใส่ร่องสวาทอย่างไม่ปราณีปราศัย ร่างเปลือยขาวผ่องของเหยื่อสวาทเด้ง สะท้อนไปมาด้วยแรงกระแทกจากเบื้องล่าง ร่างดำ ๆ ของชายฉกรรจ์แนบสนิทติดกับหว่างขาของเธอ ร่องสวรรค์ที่คับแน่นกำลังโดนแท่งเนื้อสีดำคล้ำวิ่งเข้าวิ่งออกอย่างไม่หยุดยั้งจนกลีบเสียวยับย่นเข้าออก สลับไปมา ในห้วงอารมณ์แห่งความสุขสมอันล้นเหลือนั้น ความวิปริตของไอ้ชดก็ออกอาการอย่างที่มันเป็นทุกครั้ง ที่ได้ร่วมเพศกับเหยื่อสวาท และนี่เองที่เป็นเหตผลหลักที่ฮันนี่กระเทยควายยอมวางแผนร่วมกับไอ้ชด ให้ไอ้ชดได้ผู้หญิงคนที่อาจารย์พิชัยหลงรักต้องทนกับความทรมาณอย่างที่สุด มือหยาบใหญ่นั้นเงื้อร่าขึ้นไปในอากาศก่อนจะเหวี่ยงสะบัดลงมาตบแก้มสีชมพูอ่อนนั้นดังเพี๊ยะจนอีก ฝ่ายถึงกับหน้าหัน มันมองดูแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของอีกฝ่ายด้วยความสะใจ ก่อนเงื้อฝ่ามือ อีกข้างแล้วตบเพียะลงไปที่แก้มนวลอีกข้างด้วยความรุนแรงที่พอกันกับเมื่อครู่ มันหัวเราะหื่นกระหายด้วย อารมณ์กำลังพุ่งทะยานสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง หญิงสาวเหยื่อสวาทร่ำไห้อย่างเจ็บปวด แก้มขาวใสอมชมพูของเธอบัดนี้แดงก่ำ และมีรอยเลือดบริเวณริมฝี ปาก แต่ไอ้ชดก็หาได้สนใจไม่ มันยังคงกระหน่ำส่งมือหยาบใหญ่อีกข้างหนึ่งสะบัดเพียะตบไปที่แก้มนุ่ม ของสาวสวยจนเธอหน้าหัน และร้องออกมาด้วยเจ็บปวด มันกระหน่ำตบซ้ำอีกหลายทีจนใบหน้าสวยนั้น แดงช้ำ พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะหื่น ๆ อย่างสะใจที่สุด ร่างดำ ๆ นั้นอัดกระแทกซ้ำใส่ร่างอวบอัดไม่หยุดยั้ง ร่างขาว ๆ บอบบางยิ่งกระเด้งสะท้านไปมาเร็วและแรง ขึ้นเรื่อย ๆ สองเต้าอวบกลมโดนมือหยาบนั้นบีบขยี้เหมือนจะฉีกกระชากให้ขาดวิ่นออกมาเป็นชิ้น ๆ ในวาระที่มันเร่งเครื่องซอยกระเด้าเอวกระหน่ำอย่างสุดแรงใส่เหยื่อสวาท จนใกล้จะถึงจุดสุดยอดแห่ง กามารมณ์ สองมือหยาบใหญ่ของไอ้ชดก็เอื้อมขึ้นไปบีบคอของเธออย่างแรง เหยื่อสวาทของมันร้องเอะอะ โวยวายและพยายามดิ้นรนขัดขืน สองมือเล็ก ๆ พยายามปัดป่ายสองมือแข็งแรงที่บีบล๊อคคอของเธอจน แน่นหนา แววตาของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวและความสิ้นหวัง ไอ้ชดมองแววตาที่กลอก ไปมาเพื่อมองหาความช่วยเหลืออย่างสุขสันต์ มันหัวเราะร่าด้วยรู้ว่าที่แห่งนี้ไม่มีใคร ไม่มีใครทั้งสิ้น มีแต่เพียงมันและเหยื่อสวาทของมันเท่านั้น มันมองสภาพดิ้นรนในยามที่เหยื่อสวาทของมันขาดอากาศด้วยสายตาที่แดงก่ำ มันชอบมองดูเวลาที่ ผู้หญิงดิ้นรน เวลาที่เธอต่อสู้ เวลาที่เหยื่อสวาทของมันร้องขออยากมีชีวิตอยู่ ไอ้ชดไม่สนใจใด ๆ ว่า อีกฝ่ายจะเป็นอย่างไร มันเอาแต่กระแทกเอวใส่ร่างที่แทบขาดใจนั้นอย่างไม่รู้สึกรู้สาใด ๆ ... และ เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนัก ดวงตาสวยคู่นั้นก็หลับลงพร้อมกับอาการหยุดนิ่งของร่างกาย น้ำตาใส ๆ ของเธอไหลพรากลงมาจากสองตา สองตาที่ไม่มีวันจะลืมตื่นขึ้นมาได้อีกครั้ง ริมฝีปากบางนั้นเผยอ ออกเบา ๆ พร้อมด้วยเสียงสุดท้ายอันเหนื่อยอ่อนของชีวิตที่กำลังหลุดออกจากร่าง ไอ้ชดได้ยินเสียงร้องกระซิบเบา ๆ จากร่างนั้นหนึ่งคำ แต่มันก็ไม่ได้สนใจอะไรกับน้ำเสียงนั้น มันยังคง กัดฟันแน่น เร่งซอยกระแทกเอวใส่ร่างบางนั้นอย่างไม่หยุดยั้ง ร่างดำมะเมื่อมนั้นกระแทกใส่ร่องหลืบฟิต แน่นนั้นอย่างต่อเนื่อง เสียงเนื้อหน้าขาของมันกระทบกระแทกกับเนื้อเนียนนุ่มดัง พั่บ พั่บ พั่บ ไม่หยุด และเมื่อยิ่งใกล้ถึงจุดสุดยอดมันก็ยิ่งโหมกระแทกใส่จนสุดแรง พร้อม ๆ กันกับสองมือที่ยิ่งออกแรงบีบลำคอ ขาวเนียนของอีกฝ่ายแรงยิ่งขึ้นจนแทบจะบีบให้กระดูกคอหัก "โอะ โอะ ซี้ดดสสสส อูยยยย เสร็จแล้วโว้ยยยย อ๊ากกกซซ" และแล้วในวินาทีแห่งความสุขสม ไอ้ชดก็สูด ปากร้องครางออกมาเสียงดัง มันกระแทกเอวใส่ 2-3 ครั้งเป็นการทิ้งท้าย ก่อนพยายามเกร็งตัวแอ่นเอวส่ง ท่อนเอ็นให้มุดเข้าไปในร่องหลืบให้ลึกที่สุดก่อนที่จะพ่นน้ำเชื้อชั่ว ๆ ของมันเข้าไปเต็มร่องหลืบนั้น ใน ห้วงอารมณ์นี้ไอ้ชดออกแรงบีบคออีกฝ่ายสุดแรง จนมันไม่ได้รับรู้เลยว่าดวงตาคู่สวยที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา คู่นั้นได้ปิดลงสนิทลงไปแล้ว ... และดูเหมือนว่ามันจะปิดสนิทไปตลอดกาลอย่างที่ไม่มีวันหวนกลับคืน มาอีก "ซี้ดดสสส สุดยอดเลยเว้ย ได้เย็ดอีคุณหนูแบบนี้ มันส์หัวควยชิบ ... เฮ้ย ชิบหายนี่กูเผลอบีบคอมันตาย อีกแล้วเหรอวะ เหี้ยเอ๊ย ตื่นซิวะ เสียของชิบหาย" ไอ้ชดที่กำลังร้องครางอย่างเมามันส์ด้วยความสุขเสียว ถึงกับสะดุ้งตัวเมื่อมันได้คลายจากอารมณ์สวาทอันแสนวิปริตของมันลงแล้ว มันรีบคลายมือที่บีบลำคอ ที่แดงเป็นปื้นใหญ่นั้นออกอย่างรวดเร็ว แต่เหมือนว่ากว่ามันจะรู้สึกตัวก็ช้าไปแล้ว เพราะเหยื่อสวาทของ มันไม่ได้หายใจอีกแม้แต่น้อย ทรวงอกที่กระเพื่อมไหวเบา ๆ ตลอดเวลาบัดนี้นิ่งเงียบสนิท แถมร่างของ อีกฝ่ายนั้นก็ค่อย ๆ เริ่มเย็นเยียบลงจนน่ากลัว จากร่างอุ่น ๆ นุ่ม ๆตอนนี้มันกลับเริ่มรู้สึกได้ว่าสิ่งที่มัน กำลังกอดอยู่ไร้สิ้นซึ่งชีวิต มีแต่เพียงเลือดเนื้อที่ไร้วิญญาณ ด้วยความกลัวมันพยายามจะใช้มือแงะสองขาที่เกี่ยวตวัดรอบบั้นเอวของมันออกไป แต่มันกลับไม่อาจ จะทำได้ มันขมวดคิ้วด้วยรู้สึกแปลกใจที่เรี่ยวแรงของมันไม่อาจจะสู้กับแรงของคนตายได้ มันเริ่มรู้สึก ใจเสียอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเคยได้ยินมาว่ากล้ามเนื้อของคนตายบางครั้งจะเกร็งมาก จนขยับไม่ได้ ตอนนี้มันคิดเพียงว่าอยากจะแยกออกจากร่างของเหยื่อสวาทให้เร็วที่สุด โดยไม่ได้รู้สึก รู้สาอะไรกับสิ่งที่มันเพิ่งได้กระทำลงไปแม้แต่นิดเดียว ไอ้ชดหันซ้ายหันขวาไปมองรอบข้างเพื่อหาตัวช่วย แต่มันก็ไม่เห็นเงาใครสักคน มันถึงกระเทยควาย ร่างยักษ์ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเพื่อนร่วมแกงค์ของมันนั้นวิ่งตามเหยื่ออีกคนของมันออกไปด้านนอก มัน พยายามเหลียวซ้ายแลขวาหาตัวช่วยอีกครั้ง แต่มันก็ไม่เห็นใคร หรืออุปกรณ์ใด ๆ ที่พอจะช่วยมันได้ นอกเสียจากเงาร่างของสาว ๆ สองคนที่นอนสงบนิ่งอยู่กับพื้นเบื้องหน้าใกล้กับบรรไดที่ซึ่งไม่ไกลออก ไปนัก ........ มันมองผ่านเงาร่างของสาว ๆ สองคนนั้นไปในแว้บแรกอย่างไม่สนใจ ก่อนที่จะหันกลับ มามองเงาของสาว ๆ ทั้งสองคนนั้นใหม่ด้วยความตื่นตระหนก ผู้หญิงสองคน !!!!! ..... ไอ้ชดเริ่มรู้สึกตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของอะไรบางอย่างจนขนหัวลุก มันพยายาม เพ่งมองไปยังความมืดนั้น และไม่รู้ว่ามันจะคิดไปเองหรือเปล่า แต่ไฟที่ฉายแสงสลัว ๆ เมื่อครู่นี้ก็เริ่มสว่างขึ้น เล็กน้อย และมันก็สว่างเพียงพอจนมันเห็นร่างของสองสาวที่นอนสลบอยู่จนได้ชัด หนึ่งในนั้นคือ ผู้หญิงนัก เคนโด้ที่เอาท่อนไม้เสียบคอมันจนแทบทะลุ และเป็นคนเดียวกับที่มันเห็นชัด ๆ ว่าเพิ่งจะวิ่งหนีออกไปข้าง นอกบ้านเมื่อกี้นี้จนฮันนี่ต้องวิ่งไล่ตามออกไป ... ส่วนอีกคนนั้นเล่า หน้าตาและรูปร่างที่สวยสดใสนั้นกลับ เหมือนกันกับเหยื่อสวาทที่มันเพิ่งจะลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ไปแล้วชัด ๆ .... หัวใจของมันตกวูบด้วย ความคิดที่ว่า ถ้าหากสองสาวนั่นยังคงนอนอยู่ข้างบรรได แล้วใครเล่าที่มันเพิ่งจะข่มขืนจนเสร็จสมไป !!!!!!! .................................................................................... "อีฮันนี่โว้ย ไอ้แห้งโว้ย ... อีฮันนี่ ไอ้แห้ง ... พวกมึงหายไปไหนกันหมดโว้ย ช่วยจับไอ้ชดก่อน มันจะเอาผู้หญิง ของกูไปแล้ว แล้วนี่ไฟดับได้ยังไงวะ มืดโว้ย อีฮันนี่ ไอ้แห้ง มาเปิดไฟให้กูด้วย "อาจารย์พิชัยร้องตะโกนด้วยลำคอ ที่แหบแห้งอยู่ในห้องเก็บเสียงที่อยู่ชั้นสอง โฟมดูดเสียงอย่างดีที่แปะติดไว้รอบห้องทำให้เสียงของเขาไม่มีทางหลุด ออกไปจากห้องถ่ายทำหนังใต้ดินนี้ได้แม้แต่คำเดียว ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ไม่ใช่เพราะเลือดที่กลบปากจากการ โดนไอ้ชดต่อยเท่านั้น หากแต่เป็นเพราะว่าความโกรธแค้นอันใหญ่หลวงที่อัดแน่นอยู่ในอกต่างหาก อาจารย์พิชัยหนุ่มหล่อขวัญใจนักศึกษาสาว ๆ ประจำมหาวิทยาลัยเพิ่งจะประสบกับความล้มเหลว และความรู้สึก อยากจะฆ่าคนเป็นครั้งแรกในชีวิต ข้อมือและข้อเท้าของเขาบวมแดงด้วยพยายามดิ้นรนให้หลุดจากพันธนาการ บ้า ๆ ที่ล่ามเขาไว้ เขาสบถอย่างหยาบคายเมื่อนึกไปว่าน้องหญิงนักศึกษาดาวเด่นประจำมหาวิทยาลัยที่เขาหลงไหลจะโดนไอ้ชด คนขับรถของเขากระทำการย่ำยีเช่นไรที่ด้านนอกนั่น เขาแอบภาวนาให้น้องหญิงหนีรอดไอ้ชดไปได้ แต่อีกใจ ก็รู้ดีว่าหากหนีไปได้จริง ๆ เขานั่นแหละที่จะเดือดร้อนแสนสาหัส แต่กระนั้นก็รู้ดีว่าน้องหญิงไม่มีทางหนีพ้น ไปได้อย่างแน่นอนเขาพยายามตัดใจ แต่ก็ไม่อาจจะทำได้ง่ายนัก กับการตัดหญิงสาวที่เขาหลงไหลตั้งแต่แรก เห็น เสียดายก็เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้เป็นคนหาความสุขบนเรือนร่างแสนหวานสุดเอ็กซ์นั้นเองก็เท่านั้น "น้องหญิง ... หนีไอ้ชดมาได้เหรอ ??" อาจารย์พิชัยร้องด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นร่างเปลือยขาวผ่องและ ใบหน้าแสนหวานของน้องหญิงลูกศิษย์แสนสวยเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม รอยยิ้มที่ทำให้เขาขนลุกซู่ "พี่ฮันนี่จัดการให้แล้วค่ะ ... อาจารย์พิชัยรักหญิงจริง ๆ เหรอคะ ?" น้ำเสียงหวานใสนั้นดังขึ้นพร้อมกับเสียง ปิดประตูแล้วลงกลอนอย่างแน่นหนา กิริยาอาการนั้นเหมือนกับว่าไม่ต้องการให้ใครเข้ามายุ่มย่ามทั้งสิ้น "เอ่อ ... รักซิครับ พี่รักน้องหญิงมาก เลยต้องวางแผนทำอย่างนี้ พี่ขอโทษนะที่ทำแบบนี้" อาจารย์พิชัยแม้จะ กำลังงง ๆ กับเหตการณ์ที่เกิดขึ้น แต่กิริยาอาการของสาวสวยเบื้องหน้ากำลังบ่งบอกว่าไม่ได้โกรธในสิ่งที่เขา ได้ทำลงไป จึงรีบพูดจาหวานใส่ "รักหญิงจริง ๆ เหรอคะ ... ความรัก หรือแค่ความใคร่ อยากจะมีอะไรด้วย?" สาวสวยถามขณะเดินใกล้เข้า ไปด้วยสายตาเย้ายวนชวนฝัน "อะ เอ่อ ... รักซิจ๊ะ ส่วนเรื่องความใคร่น่ะอาจจะมีบ้าง แต่ความรักสำคัญกว่า" อาจารย์พิชัยพูดด้วยน้ำเสียง หวานขณะพยายามอ่านใจอีกฝ่ายว่าต้องการอะไรกันแน่ หากแต่เรือนร่างอวบอัดเต่งตึงที่เปล่งประกายยั่วยวน นั้นก็ทำให้เขานึกหาเหตผลใด ๆ ไม่ออก นอกจากคิดเข้าข้างตัวเองไปว่า สาวสวยกำลังหลงเสน่ห์ของเขาแล้ว "คิก คิก ไม่ใช่ความใคร่ แล้วทำไมตรงนี้ถึงได้ผงกหัวหงึก ๆ น่ากลัวแบบนั้นล่ะคะ" เมื่อร่างนางแบบนั้นเดิน ไปยืนต่อหน้าของอาจารย์พิชัย สาวสวยทรงเสน่ห์ก็หัวเราะเบา ๆ ขณะใช้นิ้วชี้ไปแตะสัมผัสเบา ๆ ที่ปลายท่อน เนื้อดุ้นใหญ่สีคล้ำที่กำลังแข็งตระหง่านชูชันโด่เด่ด้วยฤทธ์ยาไวอากร้าชั้นดี "อูยยย ... มันก็มีบ้างนะ แต่ยังไงพี่ก็รักน้องหญิงนะครับ แก้มัดให้พี่เถอะ เราจะได้มีความสุขด้วยกัน " อาจารย์ พิชัยสะดุ้งตัวเบา ๆ กับความเสียวแปล๊บที่โดนปลายนิ้วสัมผัสตรงยอดของความเป็นชาย และแม้จะรู้สึกแปลกใจ ในความร้อนแรงของลูกศิษย์สาวแสนสวยอยู่บ้าง แต่ก็ปล่อยมันไปโดยไม่คิดอะไรให้มากความ ด้วยรู้สึกมั่นใจ ในเสน่ห์ของตัวเองส่วนหนึ่ง และอีกส่วนก็เพราะสมาธิทุกส่วนกำลังละลานตาไปกับความสวยเบื้องหน้าจนหมด "ทำเป็นปากหวาน อาจารย์ก็แค่จะหลอกฟัน แล้วทิ้งใช่มั้ยล่ะคะ" สาวสวยทำตาหวานใส่ขณะขยับเรือนร่าง เปลือยเปล่านั้นเบียดกระแซะเข้าหาอาจารย์หนุ่มจนหน้าอกอวบอั๋นนั้นบดเบียดกับแผงหน้าอกของเขา มือนุ่ม ๆ ของเธอก็ไม่ปล่อยให้ว่างงาน มือเล็ก ๆ นั้นลูบไล้ไปตามท่อนเอ็นดุ้นใหญ่ของเขาไม่หยุด "อูยยย น้องหญิงครับ พี่ไม่หลอกนะ พี่รักน้องหญิงจริง ๆ สาบานได้" อาจารย์พิชัยใจเต้นแรงไปกับความร้อนแรง ของลูกศิษย์สาวจนแทบลืมหายใจ หากเป็นไปได้เขาอยากจะเอาพันธนาการที่ล่ามเขาไว้ออกไปในทันที เพื่อที่จะ ได้หาความสุขกับเรือนร่างนุ่มนุ่มที่อยู่ตรงหน้าให้หายอยาก "ไม่อยากได้หรอกค่ะ คำสาบานน่ะ อยากได้อย่างอื่นมากกว่า" สาวสวยขยับตัวเบียดชิดเข้าไปอีกจนเนื้อนุ่ม ๆ นาบไปกับเรือนร่างแกร่งของอีกฝ่ายจนจวนจะเป็นเนื้อเดียวกัน เธอขยับเข้าไปกระซิบบอกที่ข้างหูของชายหนุ่ม จนอีกฝ่ายขนลุกเกรียว ขณะที่มือยังคงรูดถอกท่อนเอ็นที่กำลังบวมเป่งอย่างไม่หยุดมือ "ยะ อยากได้อะไรล่ะครับ พี่จะหามาให้ได้ทุกอย่างเลย พี่สัญญา ซี้ดดดสสส" อาจารย์พิชัยแม้จะผ่านสาว ๆ มามาก แต่ก็ไม่เคยเจอใครที่ทำให้เขาใจเต้นได้แบบนี้มาก่อนเลยแม้แต่คนเดียว สติของเขาเหมือนจะเลอะเลือน หลอมละลายไปกับนวลเนื้อนุ่ม ๆ และลมหายใจอุ่น ๆ ที่ราดรดใบหูเสียจนสิ้น "หนูอยากจะดูใจน่ะค่ะ ... " สาวสวยพูดก่อนก้มหน้าใช้ปากบางจูบเม้มที่ลำคอของอีกฝ่าย ไล่ลงมาที่หัวไหล่ แล้วมาวนเวียนที่บริเวณหน้าอกด้านซ้ายอย่างมีชั้นเชิง "โธ่ ... น้องหญิงครับ อย่าทรมาณพี่เลยครับ ถ้าต้องดูใจกันก่อนจะมีอะไรกัน พี่คงลงแดงตายแน่ ๆ เป็นของ พี่เถอะนะ รับรองว่าพี่จะคอยดูแลน้องหญิงให้ดีที่สุด" อาจารย์พิชัยที่กำลังเคลิบเคลิ้มตอบอย่างที่ตัวเองเข้าใจ คำว่าดูใจ ในความหมายของเขาน่าจะหมายถึงการที่ให้คบหากันไปก่อน และยังไม่มีความสัมพันธ์ทางเพศ กัน ซึ่งมันคงเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดสำหรับเขา "ไม่ใช่ค่ะ ... หนูหมายถึงดูใจจริง ๆ นะคะ" สาวสวยตอบ แล้วหันมาใช้ปากดูดดุนที่หน้าอกนั้นต่อ โดยเน้น พรมจูบที่หัวนมบนอกด้านซ้ายของชายหนุ่ม "อูยยยย ดะ ... ดูยังไงครับ ไม่ใช่คบหากันก่อนเหรอ อืมมม ซี้ดดสสส" อาจารย์ร้องครางกระเส่าด้วยลีลารักอัน แสนสยิวเหลือร้ายของลูกศิษย์สาว "ก็ดูใจน่ะค่ะ เดี๋ยวหนูทำให้ดูก่อนนะคะ แต่สัญญาซิคะว่าอาจารย์จะทำตามหนู" สาวสวยใช้หูแนบไปที่หน้าอก ด้านซ้ายของเขา เหมือนจะพยายามฟังเสียงหัวใจที่กำลังเต้นโครมครามของเขา "ได้ครับ พี่สัญญา ถ้าจะทำให้น้องหญิงรักพี่ได้ พี่ยอมทำทุกอย่าง" อาจารย์พิชัยพยักหน้าหงึก ๆ รับปากไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้หรอกว่าสาวสวยต้องการอะไร รู้แต่ว่าหากเธอทำได้ เขาก็ทำได้ "งั้นดูดี ๆ นะคะ" สาวสวยถอยตัวออกห่างจากร่างของอาจารย์หนุ่มประมาณ 1 ช่วงแขนแล้วยิ้มหวานให้ เธอใช้ สองมือขยับขึ้นมาประคองสองเต้าอวบใหญ่กลมกลึงเพื่อดึงดูดความสนใจของอีกฝ่าย และเหมือนจะได้ผลดีเพราะ อีกฝ่ายนั้นถึงกับต้องกลืนน้ำลายไปกับความใหญ่โตแถมยังเต่งตึงน่าฟัดของหน้าอกภูเขาไฟสองลูกนั้น "จะยั่วพี่เหรอครับน้องหญิง อย่ายัวเลยนะ พี่ทนไม่ไหวแล้ว" อาจารย์พิชัยแลบลิ้นเลียรอบปากด้วยความเงี่ยน ท่อนเอ็นของเขาบวมแล้วบวมอีกจนแทบระเบิดออกอยู่รอมร่อแล้ว แต่ลูกศิษย์คนสวยยังคงแกล้งเขาอยู่อีก "ไม่นานหรอกค่ะ เตรียมตัวนะคะ หนูจะให้อาจารย์ดูใจหนูแล้วนะคะ เตรียมตัวให้ดี" สาวสวยยิ้มหวาน ก่อนขยับทั้งสองมือเอาปลายนิ้วทั้งสิบจิ้มไปที่กลางทรวงอกของตัวเอง "จะ ... จ้ะ ..." อาจารย์ตอบไปทั้ง ๆ ที่รู้สึกเย็นวูบอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าอากาศรอบข้างมันเย็นลงหรือเป็น เพราะอะไร รู้แต่เพียงว่าขนอ่อนทั้งตัวของเขาลุกชูชันไปหมด แต่เขาบอกตัวเองว่าช่างเถอะ นาทีนี้ต่อให้ผี หลอกเขาก็ไม่สนหรอก ... และขอยืนยันว่าเขาคิดในใจอย่างนี้จริง ๆ ... จนกระทั่งต้องเบิกตาโพลงเมื่อได้ ยินเสียงแคว้กดังขึ้น "อะ อะ ... อะ ผะ .. .ผะ ผะ .. ผิ .... ผี ผี ..." อาจารย์พิชัยเหงื่อแตกพลั่ก ร้องออกมาแทบไม่เป็นภาษาคน ร่างกายเกร็งไปทั้งตัวจนแทบลืมหายใจ ตอนนี้น้องหญิงกำลังให้เขาดูใจของเธอจริง ๆ ไม่ใช่ใช้เวลาในการ คบหากันไปก่อน แต่ว่าเธอเล่นเอามือแหวกอกเปิดหัวใจสด ๆ ออกมาให้เห็นกันชัด ๆ ไปเลย "นี่ไงคะหัวใจของหนู เป็นยังไงบ้างคะ" สาวสวยยิ้มหวานประหนึ่งปีศาจร้ายจากขุมนรก สองมือของเธอแดง ฉานด้วยโลหิตที่ไหลทะลักออกมาอย่างไม่ขาดสายจากทรวงอกที่โดนแหวกกระชากเปิดออกอย่างง่าย ๆ เลือดแดงฉานยังคงไหลรินลงไปนองกับพื้นจนเละเทะ บางส่วนของมันพุ่งปรี๊ดไปราดเลอะเนื้อตัวและใบ หน้าของอาจารย์สุดหื่นจนแดงฉาน "!@#$%^&*()_+/" อาจารย์หนุ่มเบิกตากว้างแหกปากร้องออกมาไม่เป็นภาษาคน ฉี่ที่อั้นเอาไว้พรั่งพรูออก มาอย่างไม่อาจจะควบคุมได้ รู้สึกสะอิดสะเอียนอยากอ้วกออกมาแต่ก็ไม่อาจจะทำได้ เขาทำได้เพียงแต่มองดู หัวใจสีแดงสดของอีกฝ่ายที่ยังเต้นตุบ ๆ อยู่ในทรวงอกนั้น และไม่เพียงแค่หัวใจเท่านั้น หากแม้แต่ปอดและ กระดูกซี่โครงเขาก็ยังมองเห็นได้อย่างชัดเจน ประสาททุกส่วนของเขาขมวดเกร็งและหวีดร้องลั่น ทั้งแขนและ ขาพยายามดิ้นรนให้หลุดไปจากพันธนาการที่ล่ามเขาไว้อยู่กับที่อย่างสุดแรงเกิด แต่แม้จะดิ้นรนมากเพียงไร ก็ไม่อาจจะนำพาตนเองให้หลุดพ้นไปจากสถานที่แห่งนี้ได้ สุดท้ายเขาถึงกับต้องสะดุ้งโหยง น้ำลายฟูมปาก และเป็นลมสลบเหมือนไปอย่างไม่อาจจะทานทน เมื่อมือเปื้อนเลือดอันเย็นเฉียบคู่นั้นเอื้อมมาแตะที่ตรงกลาง ทรวงอกของเขา ก่อนยิ้มหวานแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นราวกับสุ้มเสียงของภูติผีจากนรกอย่างเชื่องช้าว่า "อาจารย์ก็ดูใจหนูไปแล้ว .... คราวนี้หนูขอดูใจอาจารย์บ้างนะคะ" .................................................................................... ตุบ ตุบ ตุบ เสียงฝีเท้าจากร่างใหญ่ยักษ์กระแทกพื้นดินดังแว่วอยู่ในป่าอันมืดสลัว แม้จะเป็นเวลายามบ่าย แต่เมฆ ฝนสีดำทะมึนก้อนใหญ่นั้นก็บดบังแสงแดดจากดวงอาทิตย์ไปเสียจนแทบจะหมดสิ้น ยังคงมีเพียงแสงเลือนลางของ ดวงอาทิตย์ที่ไม่ต่างกับแสงจันทร์สาดส่องลงมาให้ความสว่างต่อผืนโลก "หยุดก่อนซิวะ มึงจะหนีกูไปไหนอีชะนี กูเหนื่อยนะโว้ย" ฮันนี่กระเทยควายร่างยักษ์หยุดวิ่งแล้วหายใจหอบแฮ่ก อย่างเหนือยอ่อน มันพยายามร้องก้องตะโกนเรียกบอกเงาร่างเล็ก ๆ ที่วิ่งวูบหายเข้าไปในเงามืดของป่าไม้ราวกับไม่ รู้จักอาการเหน็ดเหนื่อย ร่างบึกบึนราวกับหมีควายนั้นหอบแฮ่กอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่จะเริ่มหันมองไปมองมารอบตัวที่ มีแต่เพียงต้นไม้ ต้นไม้ และต้นไม้ ฮันนี่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองนั้นกำลังสั่นอย่างไม่รู้สาเหต ขนแขนของมันกำลังลุกชันด้วยความกลัว ที่ที่มันอยู่ตอนนี้เงียบ ... เงียบจนเกินไป ... ไม่มีแม้แต่เสียงลมพัด หรือเสียงใบไม้ไหวแม้แต่ใบเดียว เหมือนกับว่าทั้งป่าตั้งใจที่จะเงียบ ! ... สัญชาตญาณของเพศที่สามตะโกนร่ำร้องบอกว่าที่แห่งนี้มีอันตรายให้วิ่งหนีไปเสีย แต่ขาคู่ใหญ่โตของมันกลับ สั่นพั่บ ๆ จนขยับไม่ออกแม้แต่ก้าวเดียว และแล้วมันก็เริ่มได้ยินเสียงแว่วของอะไรดังมาอย่างแผ่วเบา มันคล้าย ๆ กับเสียงลมพัดในช่วงแรก ๆ แต่แล้วเมื่อฟังไป เสียงนั้นก็เริ่มจะเหมือนกับเสียงหัวเราะคิกคักของคนนับสิบนับร้อย คน ต้นไม้รอบข้างเริ่มจะโบกไหวไปมาจนเสียงดังซ่า ๆ ทั้ง ๆ ที่ไร้ซึ่งแรงลมใด ๆ พัดผ่าน "เฮ้ย ... อะ อะ อีชะนี อะ ออกมา ออกมาดี ๆ นะโว้ย ไม่ต้องมาแกล้งหลอกกู กูไม่กลัวมึงหรอกโว้ย" ฮันนี่ทำใจดี สู้เสือร้องตะโกนสู้กับเสียงซ่า ๆ และเสียงหัวเราะคิกคักที่ดังมาจากรอบข้างไม่หยุด เป็นครั้งแรกในชีวิตที่คนทำชั่วมาตลอดอย่างมันพยายามท่อง นะโม นับตั้งแต่เคยเรียนมาบ้างในวิชาพุทธ ศาสนาตอนอยู่ชั้นประถม แต่ไม่ทันที่มันจะท่องได้ครบสักรอบ ก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเงาร่างเล็ก ๆ นั้นโผล่พ้น ความมืดออกมายืนท้าทายอย่างไม่เกรงกลัวในพละกำลังเหมือนยักษ์ปักหลั่นของมันแม้แต่น้อยนิด "มึง อีชะนี อย่ามาหัวเราะกูนะ เดี๋ยวเถอะ กูจะฆ่ามึงแล้วเอาไปฝังดินทิ้งซะเลย" ฮันนี่พยายามรวบรวมความกล้าที่ ดูเหมือนจะหดหายไปจากตัวซะเฉย ๆ แล้วร้องตะโกนข่มขวัญอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายยังคงเดินหน้าเข้ามาหามันอย่าง ไม่มีท่าทางว่าจะสนคำขู่ของมันเลย อีกทั้งเสียงหัวเราะรอบข้างนั้นกลับยิ่งดังขึ้นมากกว่าเก่าเสียอีก เหมือนกับว่าป่า ทั้งป่ากำลังหัวเราะเยาะใส่มัน "ว้ากก มึง อย่าอยู่เลย" ฮันนี่ก้มลงหยิบเอากิ่งไม้แห้งขนาดเท่าลำต้นกล้วยที่อยู่ตรงเท้าขึ้นมา กล้ามเนื้อแขนเกร็ง จนแน่นเปรี๊ยะด้วยน้ำหนักนับหลายสิบกิโลของท่อนไม้นั้น มันออกแรงเหวี่ยงแขนหวดท่อนไม้นั้นไปทางเงาร่าง เล็ก ๆ ของอีกฝ่ายเพื่อหยุดความกลัวในใจ มันมั่นใจมากว่าเงานั้นจะต้องหลบให้กับพละกำลังของมัน หรือไม่ก็ต้อง โดนท่อนไม้ใหญ่นี้หวดจนกระเด็นกระดอนกลิ้งหายเข้าไปในป่า แต่เปล่าเลย มันคาดผิดทั้งสองอย่าง ท่อนไม้ใหญ่วาดผ่านอากาศ และผ่านเงาร่างที่ยืนอยู่ไม่ไกลจนเสียงดังฟุ่บ ไม่มีสัมผัสใด ๆ ต่อร่างเงานั้นทั้งสิ้น มันเหมือนกับว่าเป็นการฟาดท่อนไม้ใส่อากาศธาตก็มิปาน เหงื่อเม็ดโต ๆ เริ่มผุดออกมาจากทั่วร่างใหญ่โตนั้น จนมือของมันเปียกชุ่ม แต่มันยังไม่ยอมแพ้ ด้วยพยายามบอกตัวเองว่าเมื่อกี้คงจะฟาดผิดไป ฮันนี่ดึงท่อนไม้นั้นฟาดใส่เงาร่างเล็ก ๆ อีกครั้ง แต่มันก็ยังคงวูบผ่านไปเฉย ๆ เหมือนเดิม มันเกร็งกล้ามเนื้อ ฟาดท่อนไม้ใส่ร่างเงานั้นอย่างบ้าคลั่ง ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ไม่อาจจะสัมผัสเข้ากับฝ่ายตรงข้ามได้แม้แต่น้อย ทั้ง ๆ ที่เงาร่างเล็กจ้อยนั้นไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆ ทิ้งสิ้น ท่อนไม้ใหญ่หล่นตุบจากมือหยาบหนานั้นลงไปกองกับพื้นเพราะตอนนี้มือของมันกำลังสั่นระริกด้วยความกลัว จนไม่ฟังคำสั่งของมันอีกต่อไป มันอยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลจากที่แห่งนี้แต่ก็ไม่อาจจะทำได้ เพราะสองขาของมัน ก็สั่นระริกจนแทบยืนไม่อยู่เช่นกัน สองตาของมันลุกโพลงจนแทบหลุดจากเบ้า เมื่อเงาร่างนั้นเดินเข้ามาใกล้จน เห็นได้ชัดเจน "ใจร้ายจังนะคะพี่หมีควาย ใจคอพี่จะฝังหนูอีกรอบเหรอคะ พี่เพิ่งฝังศพหนูไปยังไม่ถึงเดือนเลยนะคะ" น้ำเสียง เย็นเยียบจากร่างเล็ก ๆ นั้นดังขึ้นอย่างตัดพ้อ เสียงนั้นมาพร้อมกับสภาพเนื้อตัวเปลือยเปล่าที่เน่าเฟะ ร่างกายนั้น บวมอืดมีน้ำเหลืองไหลเยิ้มขณะที่มีตัวหนอนมากมายกำลังกัดกินเศษเนื้อที่กำลังเน่าเสียจนยั้วเยี้ยทั่วร่าง และแม้ว่า ทั่วร่างจะเหมือนซากศพเพียงใด แต่ใบหน้านั้นก็ยังคงเป็นใบหน้าแบบเดิมเช่นเดียวกับตอนที่มีชีวิตอยู่ ใบหน้าที่ ฮันนี่จำได้ดีเพราะเป็นคนจับเอาซากไร้ชีวิตนั้นโยนลงไปในหลุมฝังเองกับมือ "ผะ ผะ ผะ .. .ผะ ผี ผี ผี ว้ากกกกกกกกกก ช่วยกูด้วยยยยยยยยยย" ร่างใหญ่ยักษ์นั้นกรีดร้องขอความช่วยเหลือ ด้วยความหวาดกลัวอย่างไม่เคยพานพบมาก่อน ขณะที่ร่างศพอันเปื่อยยุ่ยของนั้นค่อย ๆ เดินเข้าหามันอย่างช้า ๆ ด้วยรู้ดีว่ายังมีเวลาที่จะล้างแค้นอีกยาวนานนัก .................................................................................... ไอ้ชดเบิ่งตามองเงาร่างของสองสาวที่ยังคงนอนอยู่ที่บันไดด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง กลิ่นเหม็นเหมือนของเน่า ๆ เริ่ม โชยมาเข้าจมูกของมันเริ่มจากบางเบา จนกระทั่งกลิ่นนั้นหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนฉุนกึ้ก ร่างกำยำของมันเริ่มสั่นสะท้าน ระริกไปกับความหวาดกลัวที่บังเกิดขึ้นในจิตใจอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน มันจ้องมองร่างของน้องหญิง และ น้องฟ้า ด้วยไม่กล้าที่จะเหลือบชายตาลงไปมองร่างของเหยื่อสวาทที่มันเพิ่งข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ไปหมาด ๆ บัดนี้ไม่ใช่เพียงแค่กลิ่นเหม็นเน่าเท่านั้นที่มันรับรู้ได้ แม้แต่ความอบอุ่นของร่างที่เกาะเกี่ยวเอวของมันอยู่ก็หายไป จนหมดสิ้น ตอนนี้มันรู้สึกได้เพียงความเย็นเยียบไร้ชีวิตชีวา ความรู้สึกนุ่มนิ่มของนวลเนื้อเต่งตึงบัดนี้มีแต่เพียง สัมผัสเละ ๆ น่าขยะแขยงเหมือนกับว่าที่รอบเอวของมันมีเนื้อเน่า ๆ มาเกาะติดอยู่ ความรู้สึกร้อนเร่าที่เคยตอดรัด จนแน่นตุบต่ออท่อนเนื้อที่คาอยู่ในเรือนร่างนั้นก็เปลี่ยนไปเหมือนกับว่ามีเศษเนื้อเย็นชืดมาประกบบีบความเป็น ชายของมันจนแน่นหนึบ อีกทั้งความรู้สึกยุ่บยั่บที่เหมือนกับว่ามีสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ นับร้อยตัวกำลังชอนไชกับท่อน เนื้อที่เสียบค้างคาไว้ในร่างของอีกฝ่ายนั้นด้วย สังหรณ์ของมันบอกว่ามันเจอดีเข้าให้แล้ว หัวใจของมันเต้นรัวเร็วอยู่ ภายในอกจนแทบจะระเบิดออกด้วยความสับสนระหว่างความรู้สึกกลัว และความอยากรู้ มันพยายามปลอบใจตัวเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่อย่างที่มันคิด ไม่ใช่อย่างที่มันกลัว แต่กระนั้นแม้จะพยายามปลอบ ใจตัวเองมากเท่าไหร่ มันก็ยังคงไม่อาจจะทำใจฝืนบังคับสายตาตัวเองให้เหลือบลงไปมองค้นหาความจริงที่อยู่เบื้อง หน้ามันได้ "พี่ขา อย่าหยุดซิคะ พี่ชอบข่มขืนหนูไม่ใช่เหรอคะ แถมชอบบีบคอหนูด้วย วันนี้หนูยอมให้พี่ทำเต็มที่เลยค่ะ บีบคอหนูอีกซิคะ หรือจะตบตีหนูเท่าไหร่ก็ได้ ทำต่อซิคะพี่ขา คิ คิ" ไอ้ชดถึงกับสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินน้ำเสียงเย็น เฉียบนั้นดังขึ้น มันตัวสั่นเทิ้มเมื่อรู้สึกได้ว่ามีมือเย็นเยียบมาแตะที่แก้มของมัน แล้วพยายามดันให้หน้าของมันหัน กลับไปมองเจ้าของเสียงนั้น มันพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหลับตาเพื่อไม่ต้องเห็นภาพที่มันคาดคิดว่าจะต้องได้เห็น แต่แล้วก็ไม่อาจจะทำได้ ดวงตาของมันยังคงเบิกกว้างโดยที่มันไม่อาจจะบังคับควบคุมได้แม้แต่น้อย และแล้วอย่างช้า ๆ ไอ้ชดก็ได้เห็นภาพเหยื่อสวาทที่มันเพิ่งข่มขืนไปอย่างเต็มตา ใบหน้าที่ยิ้มอย่างน่าหวาดกลัว นั้นเป็นใบหน้าอันสดใสน่ารักของเด็กสาวที่มันเคยข่มขืนเปิดบริสุทธ์มาก่อนอย่างไม่ผิดเพี้ยน มันจำได้ติดตาก็ เพราะว่ามันนี่แหละที่เป็นคนดักฉุดเหยื่อสาวมาเองกับมือ แถมยังเป็นคนแรกที่เปิดประตูเข้าไปแล้วเห็นเด็กสาว เหยื่อสวาททั้งสองคนผูกคอตายจนลิ้นจุกปาก และเป็นมันนี่แหละที่เป็นคนสั่งให้เอาศพไปฝังที่หลังบ้าน ใบหน้า นั้นเป็นเด็กสาวเหยื่อสวาทของมันแน่ ๆ ผิดก็เพียงแต่ว่าเนื้อตัวอันเปลือยเปล่าของเด็กสาวที่เคยเรียบลื่นน่าลูบไล้ ตอนนี้เนื้อตัวนั้นกลับกำลังบวมอืดเน่าเฟะจนมีน้ำหนองไหลเยิ้ม และหากสังเกตดี ๆ ก็จะเห็นได้ว่ามีตัวหนอน กำลังกัดกินเศษเนื้อเน่าตามเนื้อตัวบริเวณต่าง ๆ จนยุ่บยั่บเต็มไปหมด "ว้ากกกกกกกกกก ผี ผี ว้ากกกกกกกกกกกกกก กลัวแล้ว อย่าทำกู อย่าทำกู ว้ากกกกกกกกกก" ไอ้ชดแหกปากร้อง เสียงหลง มันรับรู้แล้วว่าผู้หญิงที่มันได้ทำการข่มขืนลงไป ไม่ใช่คุณหนูไฮโซที่มันตั้งใจไว้ แต่กลับเป็นซากศพ ของผีเด็กสาวที่พวกมันเคยกระทำการย่ำยี จนต้องฆ่าตัวตายไป มันพยายามดิ้นรนแกะสองขาที่เต็มไปด้วยเศษ เนื้อเน่า ๆ เละ ๆ นั้นออกจากการตวัดรัดรอบเอวของมัน แต่ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ จึงทำได้แต่เพียงแหกปากร้องลั่น ด้วยความกลัวสุดขีด มันพยายามยันตัวลุกขึ้นยืนเท่าที่พละกำลังของมันจะพึงมี และเมื่อมันยืนขึ้นได้ซากศพเน่า ๆ นั้นก็ทำหน้าถมึงทึง แล้วโหนตัวขึ้นมากอดร่างของมันจนร่างเน่าเฟะบวมอืดเบียดกับมันอย่างแนบแน่น สองขารัดเอวของมันไว้ พร้อมกัน กับสองแขนที่เห็นกระดูกขาว ๆ ก็รัดโอบรอบคอของมันไว้เหมือนจะไม่ยอมให้ดิ้นหลุด ไอ้ชดร้องโวยวายออกมาไม่ เป็นภาษาคนก่อนที่จะสติแตกพาตัวเองออกวิ่งพร้อมกับซากศพที่เกาะติดแน่นหายเข้าไปในป่าอันมืดมิด ... และนับ จากวันนาทีนั้นก็ไม่มีผู้ใดได้พบเห็นไอ้ชดอีกเลยแม้แต่คนเดียว .................................................................................... "ช่วยด้วย ... พี่เอก ... หญิงทนไม่ไหวแล้ว ... ช่วยหญิงด้วย .... อือออ" ในความมืดมิดนั้นน้องหญิงที่ กำลังโดนฤทธิ์ยาสวาทปลุกเร้าอย่างหนักหน่วงถึงกับต้องนอนกระสับกระส่ายบิดตัวไปมาด้วยไม่อาจจะ ทานทนในความทรมาณที่ไม่ได้รับการปลดเปลื้องนั้นได้ และแม้ว่าจะเป็นบุญกุศลส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอ รอดพ้นไปจากการโดนข่มขืนได้ด้วยความช่วยเหลือของผีสาว หากแต่คราเคราะห์ของเธอนั้นยังคงไม่ หมดสิ้นไป ด้วยต้องทนทรมาณต่อเพลิงไฟสีดำอันเร่าร้อนแห่งตัณหาราคะต่อไปโดยที่ไม่มีใครช่วยเหลือ บัดนี้เนื้อตัวขาวผ่องของเธอร้อนรุ่มเหมือนมีไฟรุมสุมแผดเผาอยู่ตลอดเวลาจนเจ้าของเรือนร่างทรงเสน่ห์ แทบคลั่ง เม็ดเหงื่อใส ๆ ผุดหลั่งไหลรินออกมาจนเนื้อตัวเปียกชุ่มไปหมด สมองของเธอเริ่มเลอะเลือนจน มองเห็นเพียงภาพหลอน ภาพของชายคนที่เธอรัก ภาพของชายคนที่เธอต้องการมากที่สุดในเวลานี้ ด้วยฤทธ์ยาเกินขนาดที่ได้รับ หากว่าเธอไม่ได้รับการปลดปล่อยทางด้านอารมณ์จนสุขสมแล้วล่ะก็ เธออาจ จะมีอันตรายถึงชีวิตเลยทีเดียว แต่ในที่แห่งนี้ไม่มีผู้ใดเลย นอกเสียจากตัวเธอ และฟ้าที่สลบลงไปแล้วด้วย อาการบาดเจ็บที่แขนจากการต่อสู้กับกระเทยควายร่างยักษ์ ในห้วงเวลานี้แม้ว่าเธอจะเป็นผู้หญิงที่เกิดมา ในยุคสมัยแห่งสังคมวิทยาศาสตร์ที่อยู่ห่างไกลกับคำว่าศาสตร์ที่พิสูจน์ไม่ได้ แต่ก็อาจจะเป็นผลบุญอะไร สักอย่างแต่ชาติปางก่อนที่ได้ดลใจให้สติที่เหลือเพียงน้อยนิดทำการสวดภาวนาขอร้องต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในห้วงแห่งสติอันเลือนรางนั้น เธอภาวนาร้องขอ ให้สิ่งศักดิ์ศิทธิ์ช่วยคุ้มครองให้เธอปลอดภัย เธอภาวนา ร้องขอให้นางฟ้าและเทวดาช่วยเหลือฟ้าเพื่อนรักของเธอให้ปลอดภัย และสำหรับคำขอสุดท้ายก่อนที่สติของ เธอจะดับวูบไป เธอขอว่าหากว่าเธอจะต้องเป็นอะไรเธอก็ขอให้ได้พบกับชายหนุ่มคนที่เธอรักอีกสักครั้ง .... เมื่อเธอหมดสติไปก็เหมือนกับสิ่งศักด์สิทธิ์ หรือเทพเทวดาจะได้ยินเสียงสวดภาวนาของเธอ ในความมืด สลัวที่ปกคลุมอยู่นั้นพลันปรากฎแสงสว่างสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งเป็นแสงสีขาว ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งเป็นแสงสีเขียว สดใส กลุ่มแสงทั้งสองกลุ่มนั้นค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเป็นรูปเป็นร่างเหมือนร่างของมนุษย์ที่พื้นที่ตรงกลางระหว่าง คุณหนูไฮโซและสาวหมวยหมัดหนัก และเพียงไม่นานนักกลุ่มแสงสีขาวก็ก่อตัวขึ้นมาเป็นรูปร่างของผู้ชาย วัยกลางคนในชุดสีขาวสะอาดตาเหมือนกับชุดเทวดาในละคร ส่วนกลุ่มแสงสีเขียวนั้นแม้จะก่อตัวได้ช้ากว่า แต่มันก็ค่อย ๆ กอปรขึ้นมาเป็นรูปเป็นร่างของหญิงสาวในเสื้อผ้าชุดไทยโบราณ ที่มีสไบสีเขียวสดห่มเฉียง พาดผ่านหัวไหล่ลงไปข้างลำตัว "โถ ๆ น่าสงสาร ยังดีนะที่แม่หนูคนนี้ภาวนาขอให้ช่วยก่อนจะสลบไป ไม่งั้นต่อให้แม่ตะเคียนขอร้องมา พวกเราคงไปยุ่งไม่ได้" หญิงสาวในชุดไทยสีเขียวสดเหมือนใบตองของต้นกล้วยมองสองสาวด้วยแววตาที่ เปี่ยมไปด้วยความสงสารเอื้ออาทร "เฮ้อ น่าสงสารจริง ๆ แต่ก็เถอะนี่มันเป็นกรรมที่นังหนูสองคนนี่ต้องยอมรับ เราจะไปไปช่วยมากเกินไป ก็ไม่ได้นะแม่ตานี" ชายในชุดขาวร้องบอกนางตานีที่เรารู้จักกันดีว่าเป็นวิญญาณของหญิงสาวที่จะสิงสถิตย์ ในต้นกล้วยตานี "ก็ช่วยเท่าที่ช่วยได้ล่ะกันนะ อยากไล่ไอ้พวกชั่วพวกนี้มาตั้งนานแล้ว ทำบาปทำกรรมอยู่ได้ ไม่รู้บ้าง หรือไงว่าทำแต่เรื่องชั่ว ๆ แบบนี้ตายไปแล้วต้องตกนรกหมกไหม้อีกกี่กัปกี่กัลป์ถึงจะชดใช้บาปได้หมด ตาแก่เอ๊ย แกเองก็เป็นเทพารักษ์เสียเปล่า ปล่อยให้พวกมันทำบาปทำกรรมในอาณาเขตที่ดูแลอยู่ได้" นางตานีมองค้อนใส่ชายที่น่าจะเป็นเทพเทพารักษ์เจ้าที่ จากคำเรียกหาที่ใช้คาดได้ว่าทั้งคู่คงจะมี ความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันไม่น้อย "เฮ้อ ... ข้าก็อยากทำอยู่ แต่มันเป็นเรื่องของทางโลกที่ข้าไปยุ่มย่ามไม่ได้ นี่ข้าก็ยอมช่วยปิดฟ้าตามที่ แม่ตะเคียนเขาขอมา จนวิญญาณออกมาได้คราวนี้ ข้าก็ช่วยเต็มที่แล้วนะ แม่ตานี ยังอยากจะได้อะไร อีกเล่า" "ฮึ ช่างเถอะ ตานีเข้าใจ แต่ก็สมน้ำหน้าไอ้พวกชั่วพวกนั้น วิ่งกันตับแล่บเลย สมน้ำหน้า คอยดูเถอะ แม่จะให้ผีป่าหลอกตั้งแต่บ่ายยันเช้าเลย" นางตานีหัวเราะด้วยน้ำเสียงสดใส ดวงตานั้นมองตามไป ทางด้านป่าอันมืดมิดที่ไอ้ชดวิ่งหนีเข้าไปด้วยความขบขัน "เอาแค่หอมปากหอมคอเถอะน่า เราไม่มีสิทธิไปลงโทษพวกเขา อย่าทำมากเกินไปเลยแม่ตานี เราจะบาปไปด้วย" ชายชุดขาวร้องปรามด้วยน้ำเสียงห้ามปราม "จริง ๆ มันน่าจะจับมาหักคอจิ้มน้ำพริกกินเสียเลย ไอ้พวกชั่วพวกนี้ แต่เอาเถอะ ตานีสั่งพวกผีป่า นางไม้ไปแล้ว ว่าเอาแค่หลอกให้จับไข้หัวโกร๋นก็พอ ไม่ต้องทำมากกว่านั้น" นางตานีสะบัดหน้า อย่างขัดใจในอารมณ์ ด้วยอยากจะลงโทษพวกมันให้หนักกว่านี้ แต่ก็ไม่อาจจะทำได้ เพราะผิดกฎ ข้อห้ามของสวรรค์ที่มีอยู่ยุบยิบเต็มไปหมด "อืม ดีแล้ว ... เวรกรรมของใคร ยังไงก็หนีไม่พ้น หากไม่เจอะในภพนี้ ก็ต้องเจอะในภพหน้า ปล่อยให้สวรรค์ลงโทษพวกมันเองเถอะ" ชายชุดขาวพูด "สาธุ ... เอาเถอะ ฉันเป็นแค่นางตานี ไม่สนใจกฎระเบียบบ้าบออะไรนั่นมากนักหรอก เอาเป็น ว่าตอนนี้สะใจแล้ว แล้วเมื่อไหร่จะช่วยผู้หญิงสองคนนี้เสียทีล่ะตาแก่ เอาแต่มองเอามองเอาเลยนะ" นางตานีตีแขนของเทพารักษ์ดังเผียะเมื่อเห็นว่าสายตานั้นเอาแต่จับจ้องที่ร่างเปลือยของเด็กสาว ผู้น่าสงสารด้วยสายตากะริ้มกะเหรี่ย "แม่ตานี จะให้ข้าช่วยจริง ๆ ได้เลย เห็นแก่แม่ตานีข้ายอมผิดศีลกาเมสักครั้งนึง ข้าจะยอมเป็นผัว ช่วยสนองอีนังหนูคนนี้ก็ได้" "ไอ้แก่บ้ากาม !!!! มีข้าทั้งคนยังคิดลามกอีกนะเนี่ย ข้าบอกเมื่อไหร่ว่าให้แกไปเป็นผัวอีนังหนูมัน เพราะเอาแต่คิดบ้ากามอย่างนี้แหละ เลยต้องอยู่เป็นเทพารักษ์กิ๊กก๊อกอยู่อย่างนี้ แกก็แค่ทำให้ฤทธิ์ ยามันหายไปซินังหนูมันจะได้ไม่ต้องทรมาณ เดี๋ยวก็ตายไปเสียก่อนพอดี" นางตานีตวาดเสียงดัง ก่อนหยิกแขนของเทพารักษ์แล้วบิดจนอีกฝ่ายต้องร้องครวญครางโอดโอย "โอ๊ย ๆ แม่ตานีจ๋า ข้าก็แค่ล้อเล่นน่า ข้าไม่ได้คิดอะไรเล้ย ใครจะสู้แม่ตานีได้ล่ะจ๊ะ อีนังหนูคนนี้ ก็เป็นแค่นางฟ้ามีกรรมที่ต้องมาเกิดเป็นมนุษย์ก็เท่านั้นเอง ก็แค่สวยกว่า เด็กกว่า น่ารักกว่า แล้วก็ อวบอึ๋มกว่าแม่ตานีนิดหน่อย ข้าไม่สนใจให้โง่ร้อก" เทพารักษ์พูดเหมือนจะชื่นชมนางตานี แต่น้ำ เสียงนั้นกลับเต็มไปด้วยการหยอกล้อ "ก็ดีแล้ว ... เอ๊ะ ไอ้แก่ !!!!! พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง ตกลงว่าข้าดีหรือไม่ดีกันแน่" นางตานี เผลอยิ้มรับคำชมชั่วครู่ ก่อนจะเพิ่งสำเหนียกได้ถึงความหมายที่แท้จริงของคำหยอกล้อนั้น จึงตวาด กลับด้วยน้ำเสียงเข้มกว่าเดิม ขณะที่ดวงตาก็วาวโรจน์จนเขียวปั๊ดกว่าเดิมเช่นกัน "โถ ๆ แม่ตานีจ๋า ข้าล้อเล่นแค่นั้นเอ้ง ข้ารับรองว่าไม่ได้อยากจะแอ้มนางฟ้าอะไรเลยจริงจริ๊งงงงง" ชายหนุ่มในชุดขาวลากเสียงสูงติดตลกหยอกล้อกับนางตานี "ไอ้แก่ หยุดพูด แล้วรีบช่วยสองคนนี่เดี๋ยวนี้ ไม่งั้นแม่จะเพ่นกะบาลซะเดี๋ยวนี้แหละ" "อูยย เมียใครล่ะเนี่ย ดุจริง ๆ ได้จ้า แม่ตานีจ๋า" ชายชุดขาวสูดปากทำเสียงหยอกล้อ ก่อนจะหัน ไปพนมมือและสวดท่องคาถาพึมพำ "โอม นะโม นะโม โอโม่ ขาวผ่อง หน้าเด้งเต่งตึง นมโตตู้มตูม ตูดเด้งดึ๋งดั๋ง น่าหม่ำจังเอย" เทพารักษ์ทำหน้าทะเล้นก่อนยึกยักแล้วพูดคาถาด้วยถ้อยคำแปลก ๆ ขณะแอบสำรวจความงาม ของหญิงสาวที่นอนสลบอยู่ "ไอ้แก่ !!!! อยากตายใช่มั้ย" นางตานีตวาดพร้อมกับเงื้อสากที่อยู่ ๆ ก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ เข้าใส่ เทพารักษ์ขี้เล่น "แว้ก เกือบไป ... จ้า ๆ ไม่เล่นแล้วจ้า แม่ตานียอดขมองอิ่มจ๋า" เทพารักษ์สะดุ้งโหยงก่อนกระโดด หลบสากกระเบือที่เหวี่ยงวืดเฉียดผ่านหลังไปนิดเดียว เขาหันมายิ้มแหย ๆ ให้กับนางตานีหนึ่งครั้ง ก่อนที่จะเริ่มต้นพนมมือแล้วบริกรรมคาถาอีกครั้งด้วยสุ้มเสียงที่ดูจะจริงจังกว่าเดิม และเพียงไม่นาน นัก ก็ปรากฎแสงสีขาวค่อย ๆ ห่อหุ้มร่างของทั้งน้องหญิง และน้องฟ้าเอาไว้ อย่างช้า ๆ ท่าทางทรมาณของน้องหญิงที่กำลังดิ้นรนค่อย ๆ ลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ จนลมหายใจที่หนัก หน่วงเจียนตายนั้น ค่อย ๆ ลดลงจนเป็นลมหายใจที่ราบเรียบเหมือนปกติ ซึ่งนั่นก็รวมไปถึงรอยจ้ำสี แดง ๆ ที่ปรากฎทั่วร่างกายของเธอด้วย ส่วนรอยสีแดงจ้ำบนแขนซ้ายที่กระดูกร้าวของน้องฟ้านั้นก็ ค่อย ๆ พร่าเลือนหายไป พร้อม ๆ กันกับกระดูกที่สมานตัวกันอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ผิวเนื้อสีแดงช้ำจะ แปรสภาพเปลี่ยนเป็นสีเนื้อตามปกติเหมือนกับว่าไม่เคยมีอาการบาดเจ็บเกิดขึ้นมาก่อนเช่นกัน ... และแล้วแสงสีขาวนวลนั้นก็เลือนหายไปเมื่อสีหน้าของสองสาวกลับเป็นปกติ "เอาล่ะ ข้าช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้หายแล้วเท่าที่รักษาได้แล้ว ส่วนไอ้ยาสวาทอะไรนั่นข้าคงช่วย ไม่ได้มาก มันเป็นกรรมที่พวกอีนังหนูมันต้องยอมรับ ข้าแค่เพียงช่วยกดเอาไว้ก่อนชั่วคราว กดเอา ไว้จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม" เทพารักษ์ลดมือที่พนมเพื่อบริกรรมคาถาไว้ลงมา ท่าทางใบหน้า อ่อนเพลียเหมือนสูญเสียพลังไปไม่น้อย "อีกแล้ว เวลาที่เหมาะสมอะไรอีกล่ะ พูดแบบนี้ทั้งปี แล้วก็ไม่เคยบอกอะไรตานีเลยสักอย่างเดียว อ้างกฎสวรรค์ตลอด" นางตานีตวาดแว้ด ๆ ใส่ชายคนนั้นจนอีกฝ่ายหน้าเจื่อน "ก็มันเป็นกฎจริง ๆ นี่จ๊ะแม่ตานีจ๋า ... เอาไว้เดี๋ยวเราคอยดูไปล่ะกัน ว่าพวกอีนังหนูสองคนนี่จะ ร้อนกันได้ขนาดไหน เอ๊ย ข้าหมายถึงจะเป็นยังไงต่อ แต่ข้ารับรองได้ว่าปลอดภัยแล้ว ไม่มีอันตราย ถึงชีวิต อย่างดีก็แค่ฟ้าเหลือง" เทพารักษ์พูดพลางหัวเราะหึ ๆ ด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ "อะไรของแกไอ้แก่ ... แต่เอาเถอะ นังหนูทั้งสอง ในเมื่อไอ้แก่มันรับรอง ข้าก็ขอรับรองว่าพวกเอ็ง ปลอดภัยแล้ว ... ตอนนี้ข้าต้องไปแล้วขอให้พวกเอ็งโชคดี อยู่ที่นี่แหละ อีกสักประเดี๋ยวก็จะมีคน มาช่วยพวกเอ็งแล้ว" นางตานีมองเทพารักษ์ขี้เล่นด้วยสายตาคลางแคลงใจ ก่อนจะหันไปส่งยิ้ม หวานให้กับสองสาวที่นอนสลบไสลอยู่ด้วยสายตาที่เปี่ยมด้วยความเมตตา ขณะที่สองร่างวิญญาณ นั้นจะค่อย ๆ เลือนหายไปในความมืดมิดอย่างช้า ๆ .................................................................................... เอี๊ยดดดดดดด โครมมมมมมม เสียงเบรคของรถยุโรปคันหรูดังขึ้นพร้อมกับเสียงล้อครูดกับพื้นถนนที่เป็นดินลูกรัง ก่อนที่จะตามมา ด้วยเสียงชนตูมเข้ากับต้นไม้ต้นใหญ่ที่อยู่หน้าบ้านของอาจารย์พิชัย จนมันแทบหักล้มแรงกระแทก ทำให้ด้านหน้ารถเป็นรอยบุ๋มรอยใหญ่ หากเพียงแต่ว่านั่นไม่ใช่รอยเพียงรอยเดียวที่ปรากฎอยู่บนตัวรถ กันชนหน้าบุบไปสี่แห่ง กระจกหน้าเป็นรอยแตกสองรอย ด้านข้างทั้งซ้ายขวามีรอยเฉี่ยวชนครูดกับ กำแพงเป็นทางยาวจนนับไม่ถ้วน เมื่อฝุ่นควันที่ฟุ้งกระจายอยู่ได้จางหายไป ที่ด้านในรถนั้นร่างวิญญาณของเจ้าแม่ตะเคียนก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นมาจากร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มที่นั่งสลบไสลอยู่บนที่นั่งคนขับ ร่างวิญญาณโปร่งใสนั้นลอย วูบผ่านประตูรถออกมาด้านนอกโดยไม่ต้องเสียเวลาเปิดประตู เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นสภาพ อันแสนยับเยินของยานพาหนะที่เธอเพิ่งจะพยายามนำพามันมาจนถึงสถานที่แห่งนี้ เธอยกมือไหว้ ต้นไม้ต้นที่กำลังโงนเงนด้วยเพิ่งจะโดนชนอย่างแรงจนจวนเจียนจะหักโค่นด้วยสีหน้าสำนึกผิด ก่อนหันไปยกมือไหว้ทางด้านที่นั่งคนขับ ที่ซึ่งร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มยังคงหลับสนิทอยู่บนนั้น อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว ก่อนกล่าวเสียงใส "ขออภัยเจ้าที่เจ้าทางนะจ๊ะ เอ่อ แล้วก็ท่านเจ้าของพาหนะด้วยนะจ๊ะ มือใหม่หัดขับจ้ะ"

ไม่มีความคิดเห็น: