ขายของ

วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

รักยม ตอนที่ 47 - กรรมเก่า

...................................................................... "อย่านะ ไม่เอา ... ช่วยด้วย อย่าทำหนูเลยนะ อย่า ... ได้โปรด โอะ ... โอ๊ยยยย .... เจ็บบบ " เสียงกรีดร้องของ สาวสวยหน้าตาดีในชุดนักศึกษาส่ง เสียงดังลั่น หยดน้ำตาใส ๆ ไหลเอ่อท่วมนองหน้าใบหน้าสวยนั้น แววตาที่เคยสุกสกาวไป ด้วยความฝันของเด็กวัยรุ่นบัดนี้เปี่ยมไปด้วยความ หวาดกลัวและเจ็บปวดสุดขีด ร่างเล็ก ๆ บอบบางของเด็กสาววัยใสที่แลดูบริสุทธิ์น่าทะนุถนอมโดนรายล้อมไปด้วยชายโฉด รูปร่างบึกบึน สี่คนที่แสดงแววตาหื่นกระหายวาววับราวกับสัตว์ป่าเพศผู้ใน ฤดูสมสู่ เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่อยู่นั้นแม้จะพอดูออกว่ามันเคยเป็น เสื้อ นักศึกษามาก่อน แต่สภาพขาดวิ่นเละเทะจากการโดนฉีกกระชากจนขาดวิ่นของมันตอนนี้ก็ไม่ต่างกัน กับผ้าขี้ริ้วตาม บ้านสักเท่าไหร่นัก กระโปรงสีดำโดนถลกเลิกขึ้นไปอยู่ที่หน้าท้องเปลือยเปล่า สองขาขาวเปลือยเปล่านั้นถ่างอ้าออกด้วยมี ร่างใหญ่ยักษ์เบียดแทรกอยู่ที่ ตรงหว่างขา ดุ้นเนื้อยาวใหญ่เสียบคาอยู่ในร่องสวาทจนกลีบสวรรค์นั้นบวมเป่งแทบปริขาด ใบหน้าของเธอแสดงความเจ็บปวดรวดร้าวออกมาอย่างเห็นได้ชัด ความเจ็บปวดอันล้นเหลือประมาณ ความเจ็บ ปวดที่ไม่เคยประสบพบพามาก่อน เธอร้องไห้คร่ำครวญด้วยทรมาณอย่างแสนสาหัส ร่างเล็ก ๆ นั้นพยายามบิดตัวหนีดิ้นไป ดิ้นมาอย่างเต็มที่ แต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะร่างกำยำทั้งสี่ร่างที่ห้อมล้อมเธออยู่นั้นไม่ยอม ปล่อยให้เธอทำอะไรได้แม้แต่น้อย มือหยาบใหญ่แปดมือลูบคลำสะเปะสะปะไปมา ทั่วเรือนร่างของเธอราวกับหนวดปลาหมึกยักษ์ พวกมันบีบขยำละเล่นกับเนื้อ ตัว ของเธอราวกับภูติผีตายอดตายอยากจนเธอเจ็บแปลบ ในขณะที่เบื้องล่างนั้นชายร่างกำยำกำลังส่ายเอวกระเด้าซอยท่อนเนื้อ ดุ้น ใหญ่วิ่งเข้าวิ่งออกเบียดแทรกร่องหลืบฟิตคับแน่นอย่างช้า ๆ แต่หนักแน่นเน้นรุนแรง ร่างบอบบางของเธอสั่นสะท้านเฮือกด้วยความเจ็บปวดต่อสิ่งแปลกปลอมนั้น มันเร่งความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ขณะ ร้องครางด้วยอิ่มเอมไปด้วยความสุขสะใจ ความสุขที่ได้มาด้วยการกระทำย่ำยีสาวบริสุทธิ์นางหนึ่งโดยไม่สนใจสีหน้าที่ เต็ม ไปด้วยหยาดน้ำตาและเสียงร้องโอดโอยแห่งความเจ็บปวดของร่างงามนั้น บั้นเอวหยาบหนาอัดกระแทกอย่างไม่ยั้งได้ไม่ นานนักมันก็หยุดลงพร้อมกับ แอ่วเอวอัดกระแทกเป็นครั้งสุดท้ายสุดแรง และแล้วแท่งเนื้อนั้นก็ฉีดอัดเอาน้ำเชื้อแห่งความ ชั่วช้าสามานย์ที่ร้อน รุ่มราวกับถูกส่งตรงมาจากนรกเข้าไปเต็มโพรงสวรรค์ของนักศึกษาสาวผู้น่าสงสาร จนเต็มรัก เมื่อสาแก่ ใจมันก็ถอนเอวดึงแท่งเนื้อสีดำคล้ำที่มีเลือด บริสุทธิ์สีแดงสดชุ่มอยู่ออกมา จากนั้นดุ้นอันใหม่ของหนึ่งในพวกมันก็กลับมา เสียบ เข้าไปในร่องที่บวมช้ำนั้นอีกครั้ง โดยไม่สนใจสีหน้าอ้อนวอนที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาของเด็กสาวแม้แต่น้อยนิด เธอ ร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบขาดใจ แต่ไหนเลยจะรู้ว่า 'นรก' ของเธอนั้นเพียงเพิ่งกำลังเริ่มต้นเท่านั้น "แม่งเอ้ย ยิ่่งดูยิ่งเงี่ยนโว้ย ... อีเด็กนักศึกษาคนนี้ที่โดนพวกกูรุมโทรมก็ว่าสวยน่ารักอยู่แล้ว แต่แม่งทำไม พอ มาเห็นเด็กนายคนใหม่วันนี้แล้วทำเอาอีนี่แม่งดูหมองไปเลย ผู้หญิงอะไรสวยยังกับนางฟ้า เห็นแล้วควยกระตุกเลย อิจฉานายชิบเป๋ง ... อีเด็กเวรนี่ก็เสือกใจน้อยฆ่าตัวตายหนีกูซะงั้น ... วันนี้ไม่กลับบ้านแล้ว กูขอตามไปดูนายเย็ดอี นางฟ้าคนนั้นหน่อยเถอะวะ เผื่อมีบุญได้มีส่วนร่วมกับเขาบ้าง หึ หึ" มือวางยาสลบผิวคล้ำร่างเล็กที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ ใหญ่ข้างถนนวงแหวนรอบนอก พูดบ่นอย่างหงุดหงิด ขณะมองดูภาพคลิปวีดีโอในโทรศัพท์มือถือ มือข้างหนึ่งของมันถือโทรศัพท์มือถือที่กำลังแสดงคลิปข่มขืนที่พวกมัน ภาคภูมิใจ ส่วนอีกข้างของมัน กำลังลูบคลำของสงวนของตัวเองที่บวมเป่งอยู่ ในเป้ากางเกงด้วยความหื่น คลิปนี้มันเพิ่งจะถ่ายมาได้ไม่นานนัก มัน ถ่าย ขณะที่พวกมันกำลังกระทำชำเราข่มขืนนักศึกษาสาวเคราะห์ร้ายรายหนึ่งจนยับเยิน และเมื่อเธอคนนี้ฆ่าตัวตาย พวกชั่วอย่างพวกมันก็เพียงเอาร่างไร้วิญญาณ ของเด็กสาวไปฝังทิ้งไว้ในสวนที่อยู่ไม่ไกลจากสถานที่ก่อกรรมนัก จากนั้น ก็ไปหาเหยื่อคนใหม่โดยไม่ได้ใส่ใจเรื่องเวรกรรมใด ๆ ทั้งสิ้น ................................................................. "ผู้หญิงคนเมื่อกี้ไปไหนแล้ว" เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งแฝงไปด้วยความรู้สึกไม่พอใจดังขึ้นมาจากข้างหลัง ชาย ร่างเล็กนั้น "อะไรจ๊ะน้องสาว ผู้หญิงที่ไหน ... ไม่มีหรอก แถวนี้มีแต่พี่สุดหล่อคนเดียวนี่แหละ ... จุ๊ ๆ หุ่นดีไม่เลว ถอด หมวก กันน๊อคออกมามาคุยกันหน่อยดีกว่านะน้องสาว" ชายร่างเล็กนั้นหันไปมองเจ้าของเสียงผู้มีความสูงพอ ๆ กับมันด้วย ความ รู้สึกแปลกใจ แต่ความแปลกใจนั้นโดนแทนที่ด้วยความรู้สึกหื่นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะมองไม่เห็นหน้า แต่เมื่อเห็นว่า รูปร่างที่โดนปกปิดด้วยเสื้อผ้า นั้นแลดูปราดเปรียวหนั่นแน่นและเต็มไปด้วยส่วนโค้งเว้า มันก็ไม่แคล้วออกลายผู้ชายหื่น ตะกละตะกลามออกมาทันที "จะถามอีกครั้งเดียวนะ ... ผู้หญิงคนเมื่อกี้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว" หญิงสาวในหมวกกันน๊อคสีดำมืดพูดย้ำเสียงเข้ม แม้ภายนอกจะดูเย็นชา แต่ก็จับได้ว่าเต็มไปด้วยความร้อนรน "ใจเย็น ๆ น่าน้องสาว เราคุยกันดี ๆ เดี๋ยวพี่ก็จะบอกเองแหละน่า ..." ชายร่างเล็กหันมองซ้ายมองขวา มัน ไม่รู้หรอกว่าหญิงสาวคนนี้คือใคร อาจจะเป็นใครสักคนที่ตามมาช่วยเด็กของนายคนเมื่อกี้ แต่ในเมื่อสาวหุ่นดีน่ากระเด้า โผล่มาต่อหน้าในเวลานี้ มันก็รู้สึกเหมือนมีคนเตะหมูมาเข้าปากหมาก็ไม่ปาน เมื่อมองซ้ายมองขวาแล้วไม่เห็นใคร มันก็ แอบกำหมัดแน่นก่อนเกร็งแขนพุ่ง หมัดออกไปเต็มแรง เป้าหมายอยู่ที่ส่วนหน้าท้องของเอวบาง ๆ นั้น กะว่าเมื่อโดนก็จะ ถอดหมวกก่อนโปะยาสลบ ล๊อคด้วยกุญแจมือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง แล้วพาไปหาความสุขให้สะใจ ... แต่มันคาดผิด ... เสี้ยววินาทีถัดมาหมัดที่มั่นใจว่าต้องเข้าเป้าแน่ ๆ นั้นกลับชกวืดจนตัวมันเซเสียหลัก และตามมาด้วยความรู้สึกเจ็บแปล๊บ "โอ๊ยยยยยย ... เจ็บ ๆ โอ๊ยยยย ปล่อยกูโว้ย ... แม่งอีดอก อีกะหรี่ กูไม่บอกมึงเด็ดขาด อย่าให้กูหลุดไปได้ นะโว้ย กูจะจับมึงเย็ดให้หอยบานเลย โอ๊ยยยย อีดอกปล่อยกู" ชายร่างเล็กนั้นร้องลั่นเดือดดาลด้วยความเจ็บปวด เมื่อแขน ของมันโดนอีก ฝ่ายจับล๊อคไพร่หลังไว้อย่างแน่นหนาในเวลาอันสั้น มันแทบไม่ทันมองด้วยซ้ำว่าร่างเล็ก ๆ นั้นพลิกพริ้ว หลบหมัดของมันไปได้ อย่างไร และยิ่งไม่ต้องถามถึงเลยว่าตัวมันเสียท่าโดนจับล๊อคไว้ได้อย่างไร "เอาล่ะ ... จะบอกดี ๆ หรือว่าจะให้ส่งตัวให้พ่อของผู้หญิงคนเมื่อกี้ ... รับรองว่าเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองไทย คงมีวิธีทรมาณแกให้เจ็บยิ่งกว่า ตายแน่ ๆ โดยเฉพาะถ้าเขารู้ว่าพวกแกรังแกลูกสาวของเขา" ด้วยความว่องไวหญิงสาวร่างเล็ก นั้นบิดแขนแล้วกดร่างของชายอกสามศอกลงไป นอนกองกับพื้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ เธอครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนพูดออกไปด้วย น้ำ เสียงข่มขู่ให้ฟังดูน่ากลัวที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมาจากในภาพยนต์ "เจ็บ ๆ โอ๊ย เบา ๆ เจ็บโว้ย ... " ชายร่างเล็กนั้นแหกปากร้องเสียงดังแข่งกับเสียงรถราที่วิ่งผ่านไปมาบนท้อง ถนน เมื่ออีกฝ่ายจับนิ้วของเขาแล้วบิดฝืนทิศทางจนมันดิ้นเร่า ๆ หัวสมองน้อย ๆ ที่คิดเป็นแต่เรื่องชั่ว ๆ ในการทำร้ายคนอื่น เริ่ม ทำ งานอย่างหนักที่จะคิดเรื่องเอาตัวรอด มันบอกกับตัวเอง ใช่แล้ว ... มันได้ยินมาว่าเหยื่อของนายคนนี้เป็นลูกคนใหญ่คนโต ไม่น้อย และดูจากการที่สามารถจัดการมันได้ง่าย ๆ อีกฝ่ายน่าจะเป็นบอดี้การ์ดฝีมือดีมีประสบการณ์ ดังนั้นคำขู่นั้นมีเค้าความ จริง อย่างไม่ต้องสงสัย ในความคิดของมัน ถ้ามันไม่บอกมันก็จะต้องโดนจับไปทรมาณจนต้องทนไม่ได้อยู่ดี ในขณะที่นายของ มัน ก็ได้เสพสุขกับนางฟ้าคนนั้นสบายไป แล้วทำไมมันต้องยอมทำให้นายของมันขนาดนั้นด้วย ประโยชน์ก็ไม่ได้แถมจะยัง โดน เชือดทิ้งเอาเสียอีก และเมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้วมันก็เริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อยลง "โอ๊ยยย ยอม ๆ เดี๋ยวบอกก็ได้ แต่สัญญาก่อนว่าถ้ากูบอกแล้วต้องปล่อยกูไป ..." ชายคนนั้นฟุบหน้าลงกับพื้น หยุดดิ้นรนขัดขืน ก่อนค่อย ๆ บอกแผนการณ์ชั่วของนาย และสถานที่ทำการออกมาจนหมดเปลือก เมื่อได้ฟังความทั้งหมดภายใต้หมวกกันน๊อคนั้นใบหน้าของเธอแสดงแววเคร่ง เครียดมากกว่าเดิม เธออยากจะจัด การลงโทษไอ้โจรชั่วคนนี้ให้สาสม แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้ เธอไม่มีเวลาพอ และอีกอย่างที่สำคัญก็คือเธอไม่เหี้ยมพอที่จะทำ อะไรแบบนั้น เธอจึงเพียงแต่ล๊อคประตูรถยนต์ที่จอดทิ้งเอาไว้ ก่อนโยนกุญแจรถยนต์ทิ้งไปในคูน้ำข้างทาง จากนั้นก็หยิบเอา โทรศัพท์มือ ถือที่กำลังฉายคลิปการกระทำชำเราข่มขืนของโจรชั่วคนนั้นติดตัวไปด้วย และแล้วเสียงเครื่องยนต์ของมอเตอร์ไซค์ ก็ส่งเสียงร้องคำรามดังบรื้น ๆ ก่อนพุ่งตัววิ่งฝ่าไอแดดออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงร่างสลบเหมือดของชายร่างเล็กคนนั้นที่ถูก กุญแจมือล่ามติด ไว้กับล้อรถยนต์ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนแรงประหนึ่งอยู่ท่ามกลางขุมนรก ......................................................................... ณ สถานที่อีกแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งแหงนมองยอดต้นตะเคียนต้นใหญ่เหมือนจะพยายามหยั่ง คะเน อายุของต้นไม้เบื้องหน้าที่สูงประหนึ่งกำลังค้ำจุนแผ่นฟ้า แววตานั้นมีแววของความหวาดหวั่นไม่น้อย เพียงแค่เขาเดินเข้ามา ใกล้ ต้นไม้ใหญ่นี้ แสงอาทิตย์ยามบ่ายที่สาดส่องลำแสงร้อนแรงเหมือนจะโดนบดบังเสียจนหมดสิ้น มองไปภายนอกแม้ว่าจะ ยังคงมีแสงแดดส่องสว่างจ้าอยู่ แต่สถานที่แห่งนี้กลับเต็มไปด้วยเงามืดครึ้มราวกับอยู่ในยามสนธยา เขาเดินก้าวขายาว ๆ อีก สองสามก้าว ก่อนหันไปมองรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้ทางเบื้องหลังไกลออกไปหลายร้อยเมตร เขาแอบสงสัยตัวเองเหมือนกันว่าทำไม ถึงได้จอดรถทิ้งไว้ซะไกล แล้วเดินเข้ามาแทนที่จะขับมาจอดใต้ร่มไม้นี้ โคนต้นตะเคียนทองต้นใหญ่ที่ยืนต้นสูงตระหง่านอยู่นั้นมีผ้าแถบสีผูกโอบไว้ รอบโคนตามธรรมเนียมปกติ ที่มักจะมีชาวบ้านมาบนบานกล่าวขอสิ่งที่ต้องการ ต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเมื่อมองไปรอบ ๆ ให้ดี จะเห็นได้ว่าภายใต้ไม้เลื้อย นานา พันธ์ที่เลื้อยตวัดพันปกคลุมจนรกรุงรังนั้น เต็มไปด้วยศาลพระภูมิและศาลเจ้าเก่า ๆ ที่แตกหักผุพังอยู่หลายศาลด้วยกัน และ ดูเหมือนว่าเจ้าของสถานที่แห่งนี้จะสำแดงฤทธาโดยเจตนา เมื่อชายหนุ่มกวาดตามองไปยังป้ายไม้ผุพังบนพื้นที่มีไม้เลื้อย พัวพัน อยู่จนยากแก่การอ่านนั้น ต้นไม้ใบหญ้าก็พากันขยับหลีกทางปล่อยให้เขาเห็นข้อความบนนั้นได้อย่างชัดเจน "... เจ้าแม่ตะเคียน" เอกไล่สายตาไปตามตัวอักษรที่จารึกบนป้ายไม้นั้นอย่างตั้งใจ แม้ตัวอักษรจะลบเลือนไปบ้าง แต่ก็ยังพออ่านออกได้ และเมื่อเขาออกเสียงอ่านออกมาแม้จะเพียงเบา ๆ ในลำคอ ก็เหมือนว่าบริเวณโดยรอบนั้นจะเงียบลงไป แทบจะทันที เสียงสายลมที่เคยหวีดหวิว และเสียงร้องของเหล่าแมลงตัวเล็กตัวน้อยในกอไม้ใบหญ้าต่างก็พลอยพากันเงียบ หาย ราวกับไม่เคยมีสิ่งใดอยู่ในบริเวณนั้นมาก่อน "ไปไม่ลา มาไม่ไหว้ ... สมัยนี้ผู้คนไร้มารยาทเช่นกระนี้กันหมดแล้วรึ" เสียงนั้นดังขึ้นมาจากทางต้นไม้ใหญ่ สุ้มเสียงนั้นหวานใสราวสาวรุ่น แต่กลับแฝงไปด้วยพลังมหาศาลจนสั่นสะเทือนอากาศไปทั่วบริเวณ สุ้มเสียงตำหนินั้นทำเอาเอกถึงกับสะดุ้ง เมื่อหันไปมองใต้โคนต้นไม้ใหญ่นั้นอีกครั้งจึงเห็นร่างสะโอดสะองของ สตรี เพศนางหนึ่ง ใบหน้าของเธอแลดูอ่อนเยาว์สะสวย สะอาดหมดจด ร่างขาว ๆ เล็ก ๆ มีเสน่ห์น่าหลงไหลนั้นห่อหุ้มด้วย สไบและผ้าถุงประหนึ่งสาวชาวบ้านชาวดอย ในสมัยก่อน ต่างกันก็เพียงแต่ว่าผ้าทุกชิ้นบนเนื้อตัวนั้นกลับสั้นเต่อจนเผยผิว กาย ขาว ๆ ของเรือนร่างอันงดงามให้เขาได้เชยชมอย่างจงใจ ดวงตาสีเขียวพิสุทธิ์ที่เปี่ยมไปด้วยพลังคู่นั้นสะกดจ้องมองกับ เขาตรง ๆ เหมือนจะยั่วยวนส่วนหนึ่ง และเหมือนจะล้วงอ่านซอกซอนเข้าไปทุกซอกมุมในใจของเขาอีกส่วนหนึ่ง "เอ่อ ... สวัสดีครับ" เอกยกมือไหว้รู้สึกได้ว่าเนื้อตัวสั่นน้อย ๆ ด้วยรู้สึกทั้งกริ่นเกรงในอำนาจที่แฝงอยู่ในน้ำเสียง นั้น และรู้สึกได้ถึงความพลุ่งพล่านประการหนึ่งที่บังเกิดขึ้นในหัวสมองของตนเอง เขาแทบจะถอยกลับและไปให้ไกลจากที่นี่ ด้วยความประหวั่น แต่ก็อดไม่ได้ที่จะยืนมองร่างงามนั้นด้วยความรู้สึกอยากใกล้ชิดสัมผัส และเขารู้สึกใจชื้นขึ้นเป็นกองเมื่อ เด็กน้อยรักยมผู้กร้าวแกร่งด้วยพลัง เวทย์ทั้งสองขยับตัวมายืนขวางระหว่างเขา และเจ้าแม่ตะเคียนเอาไว้ "เอาเถอะ ... ข้ารอเจ้าอยู่นานแล้วหนุ่มน้อยผู้ฝักใฝ่ในกามารมณ์" ปากเธอพูดเหมือนต่อว่า แต่กิริยานั้นเล่ากลับ เหมือนพยายามจะนำเสนออย่าง ยินยอมพร้อมใจ "... รออยู่นานแล้ว ? ... ท่านพูดเหมือนรู้ว่าผมจะมา ? ..." เอกรู้สึกหน้าชาน้อย ๆ ที่โดนต่อว่า แต่ก็พยายาม สะกดข่มอารมณ์ ตนเอง พลางร้องถามด้วยความสงสัย เขาไม่ทันสังเกตเห็นแววตาของรักยมที่กำลังฉายแววแห่งความตระหนก "... นั่งก่อนซิ ... ข้ามิได้พบเจอผู้ที่มองเห็นและเจรจาพาทีกับตัวข้าได้มาหลายเพลาแล้ว" นางไม่ตอบคำถาม แต่เดินส่ายสะโพกงามงอนนำหน้าชายหนุ่มไปที่ใต้กิ่งไม้ ใหญ่ที่มีเถาวัลย์ไม้เลื้อยห้อยลงมาพัวพันเสมือนว่าเป็นเก้าอี้เปลไกว "พ่อจ๋า ... อย่าเข้าไปเลย ... มันอันตราย ... อยู่ห่าง ๆ ดีกว่า ... อยู่ข้างนอกนี่ไม่มีอะไร แต่ใต้ต้นไม้นั่นเป็น ถิ่นของเขา" เด็กน้อยรักยมพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เห็นด้วยนักอีกทั้งเหมือนจะไม่ยอมเปิด ทางให้เอกเดินผ่านเข้าไป "เด็กผีทั้งสอง เจ้ารู้ใช่มั้ยว่าข้าถือศีลห้ามมุสา ... ข้าจักให้คำสาบานว่าข้าจะไม่ทำร้ายให้นายพวกเจ้าบาดเจ็บ แม้แต่น้อย" นางตะเคียนพูดตอบน้ำเสียงราบเรียบอย่างแทบจะไม่ต้องคิด เหมือนจะรู้อยู่แล้วว่าเด็กน้อยทั้งสองจะไม่ยินยอม ปล่อยผู้เป็นนายให้ เข้ามา "... ไม่เป็นไรหรอก ... ท่านเป็นเทพาอารักษ์คงจะไม่ทำอะไรใคร ... แถมท่านยังสวยเหมือนนางฟ้าด้วย คงไม่ ใจร้ายหรอก" เอกพูดกึ่งปลอบใจตัวเอง กึ่งหยอกล้อเล่นซนตามปกติวิสัย ใช่ว่าเขาไม่รู้สึกกลัว ตอนนี้เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไม เขาต้องมาที่นี่ ... เพียงแต่ว่ามันเป็นความรู้สึกบางอย่าง ความรู้สึกของจิตใจที่ผลักดันให้เขาต้องมาที่แห่งนี้ "..." แววตาสีเขียวเย็นชานั้นเปลี่ยนเป็นทอประกายอย่างยินดีไปชั่วขณะหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวยุคใดสมัยใด คำชมว่าสวยนั้นก็ถือว่าล้ำค่ากว่า ทรัพย์สินใด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันออกมาจากบุรุษที่พวกเธอให้ความสนใจ สายตาเย้ายวนของเธอไม่เคยคลาดสายตาไปจากชายหนุ่มแม้แต่วินาทีเดียว นางตะเคียนรู้สึกผูกพันธ์กับเขาอย่าง ประหลาดมันเป็นความรู้สึกที่เธอ ห่างหายไปนาน สำหรับเธอแล้วหนุ่มน้อยผู้นี้ภายนอกเปี่ยมไปด้วยรูปลักษณ์อันหล่อเหลาสม ชาย ชาตรี อีกทั้งทั่วทั้งร่างนั้นเปี่ยมล้นไปด้วยพลังมนต์ดำที่ไหลวนเวียนอยู่ อย่างกล้าแข็งประหนึ่งพ่อมดหมอผีเชี่ยวประสบการณ์ หากแต่นิสัยใจคอนั้น กลับมีแววแห่งความซุกซุนของเด็กน้อยบริสุทธิ์ที่น่ารักน่าใคร่ผสมปนเปกัน อยู่อย่างแยกไม่ออก "เอาล่ะ จงว่ามา เจ้ามาที่แห่งนี้ ด้วยเหตใดกัน" นางดึงตัวเองออกมาจากห้วงแห่งความคำนึงนั้นพลางกล่าวด้วย น้ำ เสียงราบเรียบอีกครั้ง เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังจะนั่งลงบนเก้าอี้เปลเถาวัลย์ด้านตรงข้าม "... เอ่อ ... ผมนึกว่าท่านรู้แล้วซะอีก" เอกยิ้มและพูดตอบล้อเลียนตามนิสัย ขณะที่สายตานั้นก็อดไม่ได้ที่จะ ซุกซนมองสำรวจ ช่วงขาเรียวยาวที่ขาวละลานตาอยู่เบื้องหน้าอย่างไม่เก็บอาการ "เจ้าเด็กไร้มารยาท ... ภายใต้ดวงเนตรพิสุทธิ์แห่งข้า ข้าจักรู้เพียงว่าเจ้าจะมาเยี่ยมเยียน แต่มิอาจรู้ได้ว่า ตัวเจ้ามา เยี่ยมเยียนด้วยความคิดอ่านประการใด ... และหากเจ้าไม่คิดพูดความสัตย์เสียบ้าง ข้าจะเลิกเจรจากับเจ้าแล้ว" นาง ตะเคียนพูดกึ่งตำหนิกึ่งตัดพ้อ พร้อมกับหัวเราะคิกคัก ในใจรู้สึกนึกชอบพอและขบขันในท่าทางซุกซนทีเล่นทีจริง ของชายหนุ่มคนนี้ "นี่หมายความว่าท่านเห็นอนาคตเหรอเนี่ย ... งั้นตอบตามจริงก็ได้ ... ผมมาเพราะว่า ... เอ่อ ... แหะ ๆ ไม่รู้เหมือนกัน ... สงสัยจะมาเพราะเสน่ห์ของท่าน" เอกตอบขณะจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีเขียวแวววาวนั้นอย่างสนอก สนใจจนอีกฝ่าย สะท้านไปทั้งร่าง "เช่นนั้นเองรึ" นางตะเคียนรู้สึกร้อนวูบวาบพูดพลางหัวเราะคิกคักพลางถอดผ้าสไบของตัวเองออก ไป จน เหลือแต่เพียงผ้าคาดหน้าอกที่สั้นเต่อจนแทบจะเหมือนเสื้อชั้นใน ไหล่ขาว ๆ และร่องอกเนื้อแน่นปรากฎต่อสายตาเขา อย่างยั่วยวน อกอวบตูมที่แทบจะล้นออกมาจากเนื้อผ้าที่รัดรึงอยู่นั้น ทำเอาเอกถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคอชุดใหญ่ และ หากเขาสังเกตไม่ผิดแล้วล่ะ ก็ในร่มผ้านั้นหัวนมของเธอกำลังชูชันขึ้นมาเป็นเม็ดอย่างชัดเจน "บอกข้าได้หรือไม่ว่า ตัวข้า กับผู้หญิงของเจ้า ... ผู้ใดงามกว่ากัน" นางตะเคียนผู้ร้อนเร่าพูดถามพลางก็แอ่น อกอวบสวยแล้วบิดตัวไหวไปมาเบา ๆ พลาง ๆ "... ก็สวยคนละแบบนะครับ ... ต้องบอกว่าเป็นคนสวยด้วยกันทั้งคู่ ... ถ้าท่านยังมีชีวิตอยู่คงเป็นดาราหนัง ได้เลย" เอกอ้ำอึ้งชั่วขณะก่อนตอบไป เมื่อลองสังเกตดี ๆ เขากลับรู้สึกว่าเรือนร่างที่โค้งเว้าสวยงามของเจ้าแม่ตะเคียนนางนี้ แทบ จะไม่ต่างกันกับน้องหญิงแฟนสาวของเขาแม้แต่น้อยนิด หรือหากให้พูดกันจริง ๆ แล้วหากไม่นับใบหน้าที่แตกต่าง ออกไปแล้วล่ะก็เขาคงจะนึกว่าร่างนี้คงจะ เป็นร่างของน้องหญิงอย่างแน่นอน หากแต่จะให้ตอบแบบนี้อีกฝ่ายคงไม่ชอบ หรือ จะให้โกหกเสียก็คงไม่ดี สุดท้ายก็เลยใช้วิธีเลือกทางที่สามแทน "คิก คิก ... ในสายตาของบุรุษเจ้าชู้เช่นเจ้า ผู้หญิงทั่วแผ่นดินสยามคงจะสะสวยไปหมดซะกระมัง" แรกทีเดียว นางตะเคียน นึกว่าชายหนุ่มจะมุสาบอกว่าเธอสวยกว่าเสียอีก แต่เมื่อตอบแบบนี้ก็ทำให้เธอรู้สึกดีไปอีกแบบ ถึงชายหนุ่มจะดู ท่าทาง กะล่อนอย่างไร ก็ไม่ใช่ผู้ที่จะโกหกพกลมมากนัก ยิ่งเจรจาพาทีเธอก็ยิ่งรู้สึกถูกใจเด็กหนุ่มผู้นี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ตลอด หลาย ร้อยปีที่ผ่านมาผู้ที่พูดคุยกับเธอได้มีแต่เพียงพระธุดงค์ และหมอผีสูงอายุที่คิดมาลองดีเท่านั้น นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอะ เจอกับ บุรุษหนุ่มวัยคะนองความรู้สึกของนางตะเคียนผู้ทรงฤทธิ์ตอนนี้ก็คงไม่ต่าง อะไรกับ เด็กสาวไร้เดียงสาขี้เหงาที่ได้พาน พบกับชายหนุ่มที่ถูกใจ มันเป็นความรู้สึกที่พร้อมจะมอบให้ได้ทุกอย่าง และพร้อมที่จะทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้เขาคนนั้นมา อิงแอบแนบกาย "ถ้าหากให้ผู้หญิงทุกคนสวยแบบท่านล่ะก็ โลกคงจะสดใสน่าดูทีเดียว ... ว่าแต่ท่านยังไม่ได้บอกเลยว่าท่านเห็น อนาคตจริง ๆ เหรอครับ" เอกแอบหยอดคำหวานแล้ววกกลับมาถามต่อ "มิผิด ... ดวงตานี้มองเห็นสิ่งที่จักเกิดขึ้นในกาลที่ยังมาไม่ถึงได้" นางตะเคียนตอบอย่างภูมิใจในฤทธาของตนเอง อีกทั้งยังถูกใจที่สุดที่ถูกมอง ด้วยแววตาอันแสนชื่นชมจากชายหนุ่มเบื้องหน้าเพศตรงข้าม "โอ้โห สุดยอดเลย ... เอ แต่ว่า รักยมของผมก็คงจะมองเห็นได้เหมือนกันมั้ง เพราะมักจะเตือนภัยได้ แล้วก็ยังช่วย บอกราคาหุ้นให้ผมได้อีก ใช่มั้ยลูกรัก" เอกหันไปมองทางลูกรักทั้งสองด้วยแววตาชื่นชมเหมือนกัน "ไม่ใช่ ... เจ้าอย่าได้นำดวงตาพิสุทธิ์แห่งข้าไปเทียบกับเด็กผีสองตนนั่น ... พวกมันมิได้มองเห็นอนาคต พวกมัน ทำได้เพียงรับรู้เหตการณ์ร้ายด้วย ลางสังหรณ์ที่กำลังเกิดขึ้นมิใช่รู้ล่วงหน้า ... จุดเด่นของพวกมันคือการโน้มน้าวให้ผู้คนปฎิบัติ ตามที่ต้องการ ... หากพวกมันบอกว่าพรุ่งนี้จะมีคนมาหา นั่นก็หมายความว่าพวกมันต้องใช้อิทธิฤทธิ์ดลใจให้คนผู้นั้นมาหา หรือ ดลใจให้ผู้คนจับจ่ายซื้อสินค้าใด ๆ ในราคาตามที่ต้องการได้ ไม่ใช่การรู้ล่วงหน้าโดยแท้จริงเช่นดวงตาของข้า... เจ้าเข้าใจ หรือไม่ อย่านำเอาฤทธิเดชเล็กน้อยนั่นมาเทียบกับตัวข้า" นางตะเคียนรีบตอบเสียงดังด้วยความรู้สึกเหมือนเด็กที่ถูกแย่งชิงความ รัก ส่วนหนึ่ง และด้วยความไม่พอใจที่โดนเปรียบเทียบส่วนหนึ่ง "... เป็นอย่างงั้นเหรอเนี่ย ... เพิ่งรู้เหมือนกัน ... " เอกทำหน้างง ๆ หันไปถามรักยม "ก็ใช่อยู่หรอกจ้ะพ่อจ๋า ... แต่คุณป้าคนนี้ก็ทำได้แค่มองอนาคต แต่ดลใจใครไม่ได้เหมือนพวกหนูหรอกนะ" เด็ก น้อยทั้งสองหันมาพยักหน้ายอมรับตามที่นางตะเคียนกล่าวมา แต่ก็ไม่วายพูดแขวะกลับไป เหมือนเด็กน้อยที่ไม่ยอมแพ้ กันและกัน "อ้ายพวกเด็กผี !!!" นางตะเคียนพูดเสียงดังอย่างไม่พอใจ "เอ่อ ... งั้นแสดงว่าเนตรพิสุทธิ์ของท่านก็มองเห็นเหตการณ์ในอนาคตได้ทุกอย่างเลยล่ะ ซิเนี่ย เจ๋งจริงๆ " เอกขยิบ ตาให้รักยมทั้งสอง ก่อนหันกลับมามองนางตะเคียนอย่างชื่นชมอีกครั้ง "คิดได้เช่นนั้นก็ดีแล้ว ... " นางตะเคียนตอบพลางมองหน้ารักยมอย่างหมิ่น ๆ และพวกรักยมทั้งสองก็ตอบโต้ด้วย การแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ "... เพียงแต่ว่าข้ามิได้มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง ข้าอาจจะเห็นเพียงบางฉากบางตอนของเหตการณ์แล้วแต่ม่านกรรม จะบดบัง อีกทั้งยังต้องอาศัยมองผ่านดวงตาของสรรพชีวิตที่อยู่ในเหตการณ์ หากไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่ข้าก็ไม่อาจเห็นสิ่งใดได้แต่ อย่างไรเสียก็นับ ได้ว่าตัวข้า เป็นผู้รู้เห็นอนาคต" นางตะเคียนชะงักช่วงหนึ่งก่อนยิ้มออกมาอย่างพอใจในสายตาชื่นชมนั้น เฉก เช่นเด็กน้อยที่ได้รับความสนใจจากคนที่ตนรัก เธอหันไปมองรักยมด้วยแววตาของผู้ชนะ "ถ้าอย่างงั้นท่านเห็นอนาคตของผมเป็นยังไงบ้างล่ะครับ" เอกผู้อยากรู้อยากเห็นมองสบสายตากับนางตะเคียนด้วย สายตาวิงวอน ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดีจนร้อนวูบวาบ "... ก็ได้ ... เมื่อเจ้าขอร้อง ข้าก็จะยอมเพ่งนิมิตรให้ก็ได้ แต่จงจำเอาไว้ ว่าข้ามองเห็นเพียงบางส่วนเท่านั้น แล้วแต่ ว่าม่านกรรมจะเปิดให้มองเห็น ได้เพียงใด ... เอาล่ะจงมองดวงตาของข้า แล้วเจ้าจะได้เห็นไปพร้อมกันกับข้า" เมื่อพูดจบดวงตา ของนางตะเคียนก็สว่างวาบเจิดจ้าขึ้นมาทันที เอกเพ่งมองเข้าไปในดวงตานั้นด้วยความประหลาดใจ แสงนั้นสว่างเจิดจ้าก็จริง แต่ก็ไม่ได้สว่างเสียจนทำให้เขา แสบตาแต่อย่างไร เขามองลึกเข้าไปในดวงตาแสนสวยที่ดึงดูดนั้น และราวกับว่าเขาโดนดูดเข้าไปในนั้น สายตาของเขาเห็น ภาพบังเกิดขึ้นมาก มายเหมือนกับกดดูภาพยนต์ด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นนับสิบนับร้อยเท่า รู้สึกเหมือนเห็นตัวเขาเองอยู่ในบาง ฉากบางตอนนั้น หากแต่มันวิ่งเร็วเสียจนไม่อาจจับเหตการณ์ใด ๆ ได้ และแล้วเมื่อผ่านระยะเวลาไปช่วงหนึ่งภาพนั้นก็พลัน ค่อย ๆ ขยับช้าลงเรื่อย ๆ ... ช้าลงเรื่อย ๆ .... จนกระทั่งหยุดลง ... ภาพที่เห็นนั้นมองลงมาจากเบื้องสูงระดับยอดไม้ ภาพนั้นโงนเงนสั่นไหวเล็กน้อยในตอนแรก มีอะไรบางอย่างที่ ดูเหมือนกับ ปีกนกสีน้ำตาลกำลังกระพือสะบัดแวบเข้ามาในจอภาพทั้งด้านซ้ายและขวาพร้อมกัน และเมื่อการเคลื่อนไหวนั้น หยุดลงภาพนั้นก็นิ่งสงบลง ดวงตาของสิ่งมีชีวิตอะไรบางอย่างที่เขากำลังมองผ่านอยู่นั้นหันไปสนใจ พื้นที่โล่งในป่าโปร่งแห่ง หนึ่ง เบื้องหน้านั้นท้องฟ้าแดงฉาน กลุ่มควันสีขาวพวยพุ่งไปทั่วทุกหย่อมหญ้า เพลิงไฟสีแดงลามเลียไปทั่วบริเวณราวกับยืน อยู่ในขุมนรกโลกันต์ขุมหนึ่ง เสียงเผียะผะดังระงมออกมาจากกิ่งไม้ใบหญ้าที่โดนเพลิงไฟแผดเผา หัวใจของเขาเต้นระทึกเมื่อภาพนั้นค่อย ๆ ขยับไปยังพื้นที่โล่งที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก ภาพเงาร่างของมนุษย์สาม ร่าง และเงาสีดำทะมึนของร่างอะไรบางอย่างที่ใหญ่โตอีกหนึ่งร่างจึงปรากฎขึ้นให้ เห็น เขาพยายามเพ่งมองเข้าไป จนกระทั่ง มองเห็นเงาร่างของตัวเขาเองกำลัง ยืนอยู่ในสภาพเนื้อตัวมอมแมมสะบักสะบอม เสื้อผ้านั้นฉีกขาดมีรอยแผลถลอกปอกเปิกไป ทั่วทั้งร่าง ตัวเขาในภาพนั้นกำลังยืนมองดูอีกฝ่ายด้วยสายตาเคียดแค้น แต่อีกฝ่ายนั้นกลับยืนอย่างปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิด ขึ้น อีกทั้งยังมองกลับด้วยแววตาเหยียดหยามเสียด้วยซ้ำ ไม่มีร่องรอยการบาดเจ็บ หรือร่องรอยการต่อสู้ใด ๆ ทั้งสิ้นมีแต่เพียง ตัวเขาที่บาดเจ็บเจียนตาย แทบจะทรงตัวยืนไม่อยู่ เอกเพิ่งพินิจผู้ชายฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง ชายคนนั้นเป็นชายวัยกลางคนนุ่มขาวห่มขาวรูปร่างหน้าตาบ่งบอกว่า เป็นหมอ ผีผู้ทรงฤทธิ์ สองมือเหี่ยวย่นแต่เต็มแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อนั้นพนมมือไว้แทบจะตลอดเวลา ที่ข้างกายหมอผีนั้นมี ร่างสีดำใหญ่ยักษ์คล้ายกับควายป่าเดินวนเวียนส่ง เสียงหายใจฟืดฟาดไปรอบกาย ขนาดของมันหากเทียบกับควายทั่วไปแล้ว ก็ ต้องบอกว่าใหญ่กว่าเกือบสามเท่าตัวทีเดียว รอยกีบเท้าที่กดลึกลงไปบนพื้นดินบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าน้ำหนักตัวของมัน นั้น ไม่ต่างอะไรกับรถบรรทุกคันใหญ่ ปลายเขานั้นโค้งแหลมน่ากลัวประหนึ่งคันธนู ดวงตาของมันแดงฉานเฉกเช่นเดียวกันกับ สภาพรอบข้างที่เต็มไปด้วยเพลิงไฟ สีแดงร้อนแรงที่กำลังเผาผลาญทำลายต้นไม้ใบหญ้า เงาร่างวิญญาณเล็ก ๆ คุ้นตาสองร่างบินโฉบวนเวียนไปมารอบบริเวณด้วยความเร็วสูง เขาสังเกตเห็นได้ว่า สองร่าง นั้นคือรักยม หากแต่ที่แห่งนั้นก็มีเงาร่างวิญญาณเล็ก ๆ สีดำอีกสองร่างที่ลักษณะคล้ายกันบินวนเวียนอยู่เช่นกัน เงาร่างวิญญาณ ทั้ง 4 นั้นลอยฉวัดเฉวียนไปมาไม่หยุด พวกมันบ้างลอยเข้ากระแทกโจมตีใส่กัน บ้างดีดตัวออกแล้ววนเวียนอยู่ไม่ห่างจากรอบกาย ของเขานัก เอกพยายามเดาเหตการณ์ในภาพนั้นว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น แต่หัวสมองก็มึนตื้อไปหมด ดูเหมือนว่ารักยมลูกรักของ เขากำลังประหัต ประหารกับ ... กับ ... กับสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นรักยม ต่างก็เพียงแต่เป็นสีดำเท่านั้น ... ในขณะที่ตัวเขาเองก็ยืน อยู่เบื้อง หน้าหมอผีผู้ทรงฤทธิ์ ไม่ต้องบอกเหตการณ์ก็รู้ว่าตัวเขาที่สะบักสะบอมเละเทะนั้นต้องเป็นฝ่ายพ่าย แพ้อย่างไม่ต้องสงสัย เขาอยากรู้เหตการณ์ต่อไปใจแทบขาด หากเพียงแต่ว่าภาพที่เห็นนั้นไม่ดำเนินต่อไป อีกทั้งกลับมืดลงไปเรื่อย ๆ เขา พยายามเพ่งตามองอย่างลนลานเผื่อว่าจะเห็นอะไรได้มากกว่านี้ พลันสายตาก็ไปสังเกตเห็นร่างของผู้หญิงคนหนึ่งนอนคว่่ำ หน้าอยู่กับพื้น ดินห่างจากด้านหลังเขาไม่ไกลนัก เขาไม่อาจจะเห็นใบหน้าของเธอได้ อีกทั้งภาพนั้นเริ่มพล่าเลือนจนจับไม่ได้ หากแต่เงาหลังนั้นช่างดูคุ้นตา เสียเหลือเกิน เขารู้สึกใจเต้นไม่เป็นส่ำ ผู้หญิงคนนั้นคือใครกัน แล้วเธอจะเป็นอะไรหรือเปล่าจึง ได้นอนนิ่งอยู่กับพื้นแบบนั้น ... ความรู้สึกโหยหาพาให้เขาเอื้อมมือคว้าไปเบื้องหน้ายังภาพนั้นประหนึ่งจะเข้า ไปโอบประคอง ช่วยเหลือ ... แต่แล้วภาพนั้นก็ค่อย ๆ ดับมืดลงอย่างช้า ๆ จนมองไม่เห็นสิ่งใดอีกต่อไป ................................................................................. "เป็นอย่างไรบ้าง ... อืมมม" เสียงหวานใสเสียงหนึ่งดังขึ้นดึงให้เขากลับคืนจากภาพแห่งอนาคต เขากระพริบตาปริบ ๆ สองสามครั้งก่อนจะ เห็นใบหน้าสวยหวานของนางคะเตียน ที่กำลังแดงระเรื่ออยู่เบื้องหน้า สีหน้านั้นช่างเย้ายวนใจราวสาวน้อยที่กำลังอยู่ในห้วง แห่งรัก เขารู้สึกผิดท่าจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าสองมือของเขาที่เอื้อมไปข้างหน้าเมื่อ ครู่ ตอนนี้อยู่ตรงบริเวณหน้าอกอวบอิ่มของเธอ แบบเต็ม ๆ แม้จะมีเนื้อผ้าปิดบังไว้ แต่สองมือที่ประคองสองเต้าอวบใหญ่ประหนึ่งลูกมะพร้าวไว้นั้นก็รู้สึกได้ถึง ความนุ่มนิ่ม หยุ่นตึง และเต็มไม้เต็มมือ "นุ่มจัง ... เอ๊ย ภาพเมื่อกี้คืออะไรกัน แล้วมันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ที่ไหน ทำไมผมต้องสู้กับมัน แล้วผู้หญิงในนั้น คือใครกัน" เอกถามเป็นชุด แต่กลับไม่ยอมปล่อยมือจากอบอวบนั้น แม้จะแปลกใจอยู่บ้างที่ว่าทำไมเขาถึงสัมผัสกับร่างที่น่า จะเป็นวิญญาณ ของนางตะเคียนได้ แต่นั่นใช่เรื่องสำคัญที่เขาอยากรู้ซะเมื่อไหร่ อีกทั้งเมื่อเขามั่นใจว่าเจ้าของร่างนั้นไม่ได้ ว่าอะไร ก็ยิ่งได้ใจลงมือบีบขย้ำสัมผัสเบา ๆ สลับกับใช้ปลายนิ้วบีบบี้บริเวณหัวนมที่กำลังแข็งตระหง่านชูชันนั้น "อุ ... ซี้ดดดสสส ... อืมมม ... นี่เจ้าจะถาม หรือจะล่วงเกินข้ากันแน่ ... อืมมม ... " นางตะเคียนผู้เปลี่ยนภาพ พจน์จากเจ้าแม่อันเร้นลับมา เป็นสาวสุดเซ็กส์พูดน้ำเสียงสั่นเครือ เธอแอ่นอกอวบนั้นสู้กับสองมือที่ตะปบตะโปมด้วยอารมณ์ กระสันอย่างที่สุด อารมณ์ร้อนรักของสตรีเพศที่ตกตะกอนอยู่ในเบื้องลึกของจิตใจด้วยผ่านวันเวลา อันยาวนานตอนนี้โดนเขา กวนให้มันขุ่นจนแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกายของเธอ แล้ว "ก็ขอสองอย่างเลย ไม่ได้เหรอครับพี่สาวคนสวย" เอกได้ทีรีบเปลี่ยนสรรพนามนางตะเคียนให้กลายเป็นพี่สาว ซะเฉย มันเป็นความรู้สึกสะใจอย่างหนึ่งของบุรุษเพศที่ทำให้หญิงสาวสักคนร้องครวญ ครางอย่างรัญจวนใจแบบนี้ได้ โดย เฉพาะอย่างยิ่งเรือนร่างที่สวยสมบูรณ์ แบบเต่งตึงไปซะทุกสัดส่วนแบบนี้ เรือนร่างที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับน้องหญิงแฟนสาว ของเขา ... เรือนร่างที่เขาหลงไหลอย่างที่สุด "อาาา ... สะ ... สตรีไทยผู้ใดกันที่จะอยากได้คนเจ้าชู้ชอบกระทำรุ่มร่ามอย่างเจ้ามาเป็นน้อง ชายร่วมสายเลือด อ ... อืม ... อูยยสสส" นางตะเคียนหลับตาพริ้มบิดตัวไหวไปมาสยิวแล้วสยิวอีกจนแทบคลั่ง "พี่สาวคนสวย ช่วยบอกน้องชายคนนี้หน่อยนะ ว่าเมื่อกี้ที่พวกเราเห็นนั่นคืออะไร" เอกยิ้ม ๆ ก่อนวกกลับมา ถามสิ่ง ที่กำลังสงสัยต่อ "อืมมม ... ข้าก็มองเห็นเฉกเช่นเดียวกับตัวเจ้า ... อูยยย ... ผู้หญิงคนนั้นข้าไม่รู้ว่าเป็นใคร ... อะ ... ซี้ดดดสสส ... ตะ แต่เรื่องราวนี้คงจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ... อ๊ะ อูยยย ... จ .. เจ้า จะต้องเผชิญหน้ากับมันผู้นั่น ... ส่วน เรื่องราวจะจบลง เช่นไร เราเองก็ไม่อาจจะรับรู้ได้" "... ในนั้นคือพวกลูกหรือเปล่า พ่อเห็นบินวนเวียนสู้กับอะไรบางอย่างสีดำ" เอกหันไปถามทางรักยม แต่รักยม ไม่ให้คำตอบใด ๆ แถมยังทำท่าทางงงงวยกับสิ่งที่เขาพูดเหมือนกับไม่เห็นเหตการณ์ที่เขาพบเห็น มาเสียด้วย "อืมมม ... เด็กผีทั้งสองนั่นไม่รู้เรื่องราวใด ๆ หรอก ... อุ อูวววว ... มีแต่เพียงเราสองเท่านั้นที่ได้ ... อูยยย ... ที่ได้ รู้เห็นเหตการณ์นั้น" นางตะเคียนแทบพูดไม่เป็นภาษา แม้ว่าจะอยู่ยืนยงมานับหลายร้อยปี แต่หากเทียบประสบ กามกับชายหนุ่มคนนี้ แล้วล่ะก็ เธอก็คงเป็นเหมือนกับเด็กมัธยมต้นผู้ไร้เดียงสาเท่านั้นเอง ร่างงามนั้นจึงทำได้เพียงบิด เร่า ๆ ไปมาตามแต่เขาจะลงมือปรนเปรอ "แล้วเหตการณ์ต่อจากนั้นจะเป็นยังไงบ้าง ... ดูแล้วผมไม่มีทางสู้ได้เลย ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นอะไรหรือเปล่า" เอกเอ่ยถามแต่มือยังคงบีบคลึงสอง เต้าเนื้อแน่นนั้นอย่างลำพองใจ เหตการณ์ในอนาคตเขาอาจจะสู้ไม่ได้ แต่ก็ช่างมันปะไร เล่า เขาขอเพียงว่าตอนนี้ ณ ที่แห่งนี้ ขอให้เขาได้ทำให้นางตะเคียนผู้นี้หมดทางสู้กับตัวเขาก็พอใจแล้ว สองมือบีบเคล้นสองเต้าอวบจนผ้าคาดอกผืนเล็ก ๆ ที่รัดเนื้อหน้าอกอวบจนปลิ้นนั้น โดนปลดเปลื้องร่วงหล่น หายไปอย่างรวด เร็ว สองเต้าอวบใหญ่นั้นเด้งตัวผึงออกมาภายนอกอย่างยั่วยวน ปล่อยให้ปลายนิ้วที่ช่ำชองปราดเปรียวนั้น บดบี้บีบคลึงสัมผัสไปทั่วโน มเนื้ออย่างนุ่มนวลแต่หนักแน่น "ซี้ดดดสสสส ... อูยยยย .... มะ ไม่รู้ ... เราไม่อาจทราบได้ ... ซ๊้ดดดสสส ... เหตการณ์ต่อจากนั้นโดนม่าน กรรม บดบังไว้จนหมดสิ้น ... อูยยย ... เจ้าอาจจะสู้ได้ ... หรืออาจจะไม่ได้ ... อาาา ... ข้าให้คำตอบไม่ได้หรอก" นาง ตะเคียนตอบตาปรือ ใบหน้านั้นแดงก่ำ เสียวซ่านกระสันจนตัวงอ ต่อสิ่งแปลกใหม่สำหรับเธอ เอกลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งดึงรั้งร่างวิญญาณสุดเซ็กส์ซี่นั้นขึ้นมายืนอยู่ใน อ้อมกอดของเขา หนึ่งร่างมนุษย์ที่เต็ม ไปด้วยเลือดเนื้อแห่งชีวิต เบียดเสียดสนิทแน่นกับเรือนร่างวิญญาณอันแสนนุ่มนิ่ม เขายังคงสงสัยอยู่ไม่น้อยที่เหตใดจึง สามารถสัมผัสกับร่างวิญญาณร่างนี้ ได้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถสัมผัสกับรักยมได้ ยกเว้นก็แต่ตอนที่ถอดวิญญาณ ออกไปจากร่าง แต่ความสงสัยนั้นก็โดนกลิ่นหอมของดอกไม้ป่าที่แผ่วโชยมาจากเรือนร่างของนาง ตะเคียนในอ้อมกอด เขาก้มหน้าลงไปซุกไซ้ซอกคอขาวเนียนหอมกรุ่นนั้นอย่างหลงไหล กลิ่นกายของเธอผู้นี้ช่างแตกต่างจาก คนอื่น มันเป็นกลิ่นของความสดชื่นแห่งธรรมชาติ กลิ่นของป๋า และต้นไม้ใบหญ้า มือหนึ่งประคองกอดลูบไล้ที่หน้า ท้องเรียบเนียน ส่วนมืออีกข้างก็ลูบคลำและบีบเคล้นเนื้อหน้าอกอวบที่เต่งตึงแน่นเด้งสู้มือ ไม่หยุด "อาาาา .... เจ้าหนุ่มน้อย ... อูยยย .... เจ้าทำให้ตัวข้าร้อนรุ่ม ... ร้อนเหลือเกิน" นางตะเคียนแสนสวย ยืนนิ่ง ตัวอ่อนระทวย ได้แต่ร้องคร่ำครวญ แอ่นอกอวบ และเอียงคอรับการจู่โจมของชายหนุ่ม "อืมมมม .... อืออออ ..." หญิงสาวร้องครวญครางในลำคอเมื่อโดนเขาบดขยี้ริมฝีปากใส่อย่างร้อนแรง ปลาย ลิ้นที่เหมือนมีชีวิตของเขาจู่โจมเข้าไปในปากของเธอทันทีที่เผยออ้าออก รสชาติหอมหวานของเพศตรงข้ามแผ่ ซ่านไปทั่วสรรพางค์กายของทั้งคู่ หนึ่งมนุษย์ หนึ่งวิญญาณ อ้าปากแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม ลิ้นต่อลิ้นพัวพันอย่างสุด กระสัน เอกใช้มือที่ลูบไล้หน้าท้องอยู่นั้นล้วงสอดเนื้อผ้าลงไปเบื้องล่าง ฝ่ามือใหญ่แปะสัมผัสเข้ากับโคกโหนกนูน ได้อย่างเหมาะเจาะเต็มไม้เต็มมือ ไม่มีชั้นในใด ๆ ทั้งสิ้นภายใต้ผ้าถุงสีสวยที่ปกปิดเนื้อสาวเบื้องล่าง มีแต่เพียงเนื้อสาว ที่ร้อนรุ่ม และเปียกแฉะเท่านั้นเท่าที่เขาสัมผัสได้ ปลายนิ้วอันจัดเจนเริ่มพลิกพลิ้วใส่ลีลารักอันร้ายกาจต่อปากร่องเสียว ที่ อยู่ในอุ้งมือนั้น ทันที "อือมมมม อืออออออ อือออออออ อาาาาา" ร่างวิญญาณของนางตะเคียนที่อ่อนหัดในเชิงกาม สั่นระริกไหว เด้งไปมา ประหนึ่งจะแตกสลาย ความกระสันเสียวที่หนักหน่วงเกินทานทนนั้นแผ่ซ่านไปทั่วร่างระลอกแล้วระลอก เล่า เหมือนน้ำป่าที่ไหลวน ใบหน้าสวยนั้นทั้งขมวดมุ่นและบิดเบี้ยวเหยเกไปด้วยความสุขสม ความหฤหรรษ์ที่บังเกิดจาก ปลายนิ้วที่ยุกยิกอยู่ตรงหว่างขา ผสมผสานปนเปไปกับรสสวาทจากการโดนบีบบี้สองเต้า นั้นเร้าอารมณ์จนอารมณ์ของ เธอ เตลิดแล้วเตลิดอีก ... อาาา เธอชื่นชอบมันเหลือเกิน "อะ โออออออ เจ้าหนุ่มน้อย โอออ... ซี้ดดดสสส ข้า ... ข้า ... อะ อ๊าาายยยยย" ร่างงามนั้นทานทนกระแส แห่งความเสียวซ่านอันเชี่ยวกรากได้ไม่นานนัก เรือนร่างงามก็กระตุกเร่าเด้งไหวบิดสะโพกส่ายไปมาอย่างรุนแรง เธอ ส่ง เสียงร้องครวญครางกระเส่าดังลั่น เสียงแห่งความสุขสมของเจ้าแม่ตะเคียนที่กระเส่าดังออกมาเสมือนจะดังก้อง กังวาน ไปทั่วผืนป่าแห่งนั้น ต้นตะเคียนใหญ่สั่นสะเทือนเบา ๆ จนใบไม้แห้งร่วงหล่นลงมาเสียงดังกราว ดอกไม้สีสวยรอบข้าง พลันบานสะพรั่ง ขึ้นมาพร้อม ๆ กัน ประหนึ่งจะแตะแต้มสีให้สถานที่แห่งนี้เป็นสรวงสวรรค์น้อย ๆ สำหรับเขาและเธอ วินาทีแห่งความสุขนั้นร่างวิญญาณของเธอพลันโปร่งใสลง ร่างเนื้อที่เคยสัมผัสแนบชิดให้ไออุ่นกับเธอก็ ไม่สามารถจับต้องเธอได้ อีกต่อไป ร่างบอบบางนั้นแทรกทะลุผ่านร่างกำยำของชายหนุ่มจนหล่นตุบลงไปนอนกองกับ พื้น ดินอย่างหมดเรี่ยวแรง นางตะเคียนแสนสวยนอนระทดระทวยอย่างเหนื่อยอ่อนแทบขาดใจ เธอหายใจหอบหนัก จน ทรวงอกอวบสวยนั้นสะท้านขึ้นลง ........................................................................................ "พี่สาวเป็นอะไรหรือเปล่า ..." เอกที่กำลังเคลิบเคลิ้มไปกับความหอมหวานของนางตะเคียนเกิดความ ตระหนก ตกใจอย่างที่สุด เขาขยับพยายามจะช่วยเหลือประคองร่างนั้นให้ลุกขึ้น หากแต่กายเนื้อของเขาดูเหมือนจะ ไม่สามารถสัมผัสกับร่างวิญญาณของนาง ตะเคียนได้อีกต่อไป สองมือของเขาพยายามคว้าแขนของเธอแต่ก็ทำได้ เพียง คว้าวืดเหมือนพยายามคว้าจับอากาศ สายตานั้นมองร่างวิญญาณที่นอนตาปรืออย่างเป็นห่วง "ไม่ต้องห่วงหรอกพ่อจ๋า ... ไม่เป็นอะไรหรอก ... ของปลอมทำเหมือนก็อย่างงี้แหละ ไม่คงทน" รักยม หันมาตอบแทนนางตะเคียนที่ นอนระทดระทวยอยู่ "หา ... อะไรของปลอม ... พ่องงไปหมดแล้ว อธิบายให้ฟังหน่อย" เอกหันไปมองดูรักยมทำหน้างง ๆ "ความจริงพ่อก็น่าจะสงสัยอยู่แล้ว เพียงแต่พ่อไม่อยากจะคิดให้เปลืองสมองแค่นั้นเอง ... มนุษย์กับวิญญาณ ไม่ สามารถสัมผัสกันได้โดยตรง ... แต่เมื่อกี้พ่อสามารถสัมผัสกับป้าตะเคียนคนนี้ได้ ก็เพราะว่าเธอพยายามใช้เวทย์มนต์ กระตุ้นสร้างร่างมายา ร่างที่คนสัมผัสรู้สึกว่าได้สัมผัส ร่างที่ผู้ถูกสัมผัสรู้สึกว่าถูกสัมผัสประหนึ่งร่างเนื้อของมนุษย์ หากแต่ ว่า ร่างนั้นไม่คงทน ไม่มีอยู่จริง ดำรงอยู่ได้เพราะเวทย์มนต์ สร้างขึ้นมาได้ยาก หากไม่ใช่วันเวลาที่เหมาะสม และพลังของ ทั้งสองฝ่าย แก่กล้าไม่พอก็จะไม่สามารถทำได้ อีกทั้งเมื่อใดก็ตามที่จิตสมาธิแตกซ่านจนควบคุมไม่อยู่ ร่างนั้นก็จะหายไป" รักยม แอบกระแนะกระแหนเอก ก่อนจะร่ายยาวอธิบายความเป็นไป "เดี๋ยวนี้มีแอบแซวนะ เดี๋ยวกลับบ้านจะไม่ให้กินขนมซะเลย" เอกถอนหายใจอย่างสบายใจเมื่อรู้ว่านางตะเคียน ไม่ได้เป็นอะไร ก่อนจะหันไปหยอกล้อเล่นกับรักยม "ฮึ งั้นพวกหนูไม่พูดก็ได้" สองเด็กน้อยรักยมสะบัดหน้าหันไปทางอื่นทำเป็นงอนใส่ "โอ๋ ๆ อย่างอนเลยลูกพ่อ ... เดี๋ยวไว้กลับบ้านแล้วจะซื้อพิซซ่าไปกินกันสักสามกล่องเป็นไง แล้วก็เอาของเล่นด้วย" เอกหันไปยิ้ม ๆ ขอคืนดีกับเด็กน้อยทั้งสอง กิริยาเหมือนพ่อกำลังง้อลูก "เย้ เย้ พ่อสัญญาแล้วนะ พวกหนูอยากได้รถไฟด้วย เอารางมาต่อยาว ๆ เลย" เด็กน้อยก็ยังคงเป็นเด็กน้อย รักยม ทั้งสองหันมายิ้มแก้มแทบปริก่อนกระโดดโหยงเหยงเหมือนเด็กซนธรรมดา ๆ "จ้ะ พ่อสัญญา ... แต่ร่างมายาที่ว่านี่เหมือนคนจริง ๆ เสียด้วย แทบแยกไม่ออกเลย ... แถมยังรู้สึกคุ้น ๆ ..." เอก ให้สัญญากับรักยมก่อน หันไปมองร่างวิญญาณที่โปร่งแสงของนางตะเคียนและครุ่นคิด "พ่อคุ้นก็ไม่แปลกหรอกจ้ะ เพราะพ่อกอดอยู่แทบทุกวัน ... ป้าตะเคียนเค้าใช้มายาสร้างร่างให้เป็นเหมือนกับของ แม่ เหมือนเด๊ะ ๆ ทุกอย่างตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ยกเว้นเสียก็แต่ใบหน้าและทรงผม คงแอบทำตั้งแต่ที่เห็นพวกเราเมื่อตอนเช้า โน่นแหละ ป้าแกรู้ว่าตัวเองมีเสน่ห์สู้แม่ไม่ได้ ก็เลยเลียนแบบซะเลย พ่อจะได้รัก จะได้หลง" รักยมเฉลยจนเอกถึงกับอึ้ง ......................................................................................... "ใช่แล้ว ... ข้าใช้มนต์มายาลอกเลียนแบบผู้หญิงของเจ้าเพื่อให้เจ้าหลง เพื่อให้เจ้ารักจริง ๆ " นางตะเคียนลุกขึ้น ยืนพร้อมกับตอบด้วยดวงตาฉ่ำ เยิ้มด้วยรสรัก บัดนี้ใบหน้าของเปลี่ยนไปเป็นเหมือนกับน้องหญิงอย่างไม่มีผิดเพี้ยน เนื้อตัวของ เธอเปลือยเปล่าไร้ซึ่งเสื้อผ้าอาภรใด ๆ ปกปิด ผิวขาวผ่องนั้นสะท้อนแสงแดดเป็นประกายระยิบระยับประหนึ่งนางฟ้านางสวรรค์ ความ งามและเสน่ห์ของเรือนร่างนั้นทำเอาเอกถึงกับเผลอมองตามอย่างเคลิบเคลิ้ม "หญิงสาวผู้นี้กอปรด้วยบุญและวาสนาอย่างล้นเหลือ ได้เติบโตมาในตระกูลใหญ่ร่ำรวย ใบหน้าสวยอีกทั้งยังมีเรือน ร่างที่สวย งามสง่ากว่าเทพธิดาใด ๆ ... แต่น่าเสียดาย ... น่าเสียดายจริง ๆ .... เธอคนนี้ไม่คู่ควรกับเจ้าเลย เจ้าหนุ่มน้อย" นาง ตะเคียนพูดต่อขณะทำท่า ทางยั่วยวน ก่อนที่จะหยุดและไม่ยอมพูดต่อเพื่อเร่งความสนใจของอีกฝ่าย "น่าเสียดายอะไรครับ .... แล้วทำไมไม่คู่ควร ... ผมต่างหากที่ไม่คู่ควรกับคนดี ๆ แบบน้องหญิง" เอกรู้สึกใจหล่น วูบกับคำ พูดนั้น มันเหมือนกับว่าจะมีเรื่องราวร้าย ๆ อะไรสักอย่างเกิดขึ้นกับแฟนสาว อีกทั้งยังสับสนกับคำที่บอกว่าน้องหญิง ไม่คู่ควรกับเขา เพราะในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะมองในด้านไหนมุมไหน น้องหญิงก็อยู่ในตระกูลสูงส่ง ตัวเขาต่างหากที่ ไม่มีอะไรเลย และไม่คู่ควรกับน้องหญิงเลยแม้แต่น้อย ซึ่งนี่ก็นับเป็นปมในใจของเขาอีกปมหนึ่ง "คำกล่าวของข้าถูกต้องแล้ว ... สตรีผู้นี้ไม่คู่ควรกับเจ้า ... สตรีผู้นี้ความจริงเปี่ยมล้นไปด้วยบุญญาธิการ เธอควรที่ จะได้อยู่อย่าง มีความสุขในภูมิภพนี้จนสิ้นอายุขัย ... เพียงแต่ว่าเธอมีกรรมเก่ามาแต่บรรพกาล กรรมเก่าที่ถูกลิขิตให้ต้องชดใช้ ใน ภพชาตินี้ ... เสน่ห์อันล้นเหลือของเธอ จึงกลับกลายเป็นกรรม กรรมที่เป็นเสมือนเหยื่อของเหล่าบรรดาเจ้ากรรมนายเวรที่ต้อง ตามมาจ้องจะ จองล้างจองผลาญอย่างไม่หยุดหย่อน" นางตะเคียนเดินเข้ามาประชิดร่างของเอกอย่างรักใคร่ "พี่สาวพูดอะไร ... " เอกกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อกรู้สึกปากแห้งผาก เคราะห์กรรมอะไรกันเล่าที่จะตามมารังควาน แฟนสาวของเขา "... เจ้าลองนึกดูดี ๆ ... หากว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้พบเจอกับเจ้า ... หากไม่ได้เจ้าคอยคุ้มครองดูแล ... อะไรจะเกิดขึ้น" นางตะเคียนในร่างของ น้องหญิงนั้นเดินวนไปมารอบกายของเอก เอกพลันได้คิด หากว่าน้องหญิงไม่เจอเขา เหตการณ์วันที่โจรสามคนบุกเข้าบ้านของน้องหญิงไปจะจบลงอย่างไร น้องหญิง คงไม่พ้นโดนย่ำยีกระทำชำเราอย่างร้ายกาจ หรือตอนที่เธอโดนรุ่นพี่ที่มหาลัยลักพาตัวไป หากไม่ได้เขาไปช่วยเหลือ น้อง หญิงก็คงจะไม่พ้นต้องกลายเป็นทาสสวาทที่ต้องคอยบำเรอกามให้กับรุ่นพี่คนนั้น ไปแล้วหรือ และในอนาคต ก็มั่นใจได้เลย ว่าความสวยสง่าของน้องหญิงจะต้อง เป็นที่ดึงดูดใจของใครต่อใครอีกหลายคนให้เข้ามากระทำการอุกอาจอีก "ความจริงแล้ว หากเจ้าทอดทิ้งนางไปเสีย เจ้าก็จะได้ใช้ชีวิตสุขสบายไปแล้ว ไม่ต้องคอยเป็นห่วงใคร อยากจะมี สัมพันธ์กับผู้หญิงคนใด เจ้าก็สามารถทำได้ ... เจ้าผู้ซึ่งครอบครองรักยม สามารถกระทำการอุกอาจใด ๆ ได้มากกว่านี้ ผู้หญิง คนใดที่เจ้าชอบพอ เพียงกระดิกนิ้ว ก็จะได้มาครอบครอง แล้วทำไมตัวเจ้าจึงต้องมาผูกจิตพิศวาสกับผู้หญิงคนนี้เพียงคนเดียว ด้วย เล่า" นางตะเคียนชี้แจงต่อ "เอ่อ ... แต่ยังไงผมก็รักน้องหญิง ผมไม่ทิ้งเธอไปให้เธอเจอกับเรื่องร้าย ๆ หรอก ผมจะช่วยเธอเอง" เอกหัวหมุนรู้สึก สังหรณ์ใจแปลก ๆ เขาที่เคยรู้สึกอิจฉาในความสมบูรณ์แบบของแฟนสาว กลับเริ่มที่จะรู้สึกสงสารแฟนสาวขึ้นมาจับใจ "รู้อะไรมั้ย ... ความจริงแล้ว ข้าจะเปลี่ยนแปลงร่างเป็นผู้ใดก็ได้ ... เพียงแต่ที่ข้าเลือกผู้หญิงคนนี้ ก็เพื่อเจ้า" นาง ตะเคียนยิ้มพรายอย่าง มีความนัย จนเอกเริ่มรู้สึกมึนงง "ข้าทำไปก็เพราะว่า ข้ามองเห็น ... วันพรุ่งจะไม่มีผู้หญิงคนนี้อีกต่อไป เธอจะจากไปอย่างที่เจ้าไม่อาจจะช่วยเหลือได้ ... และตัวข้าจะเป็นตัวแทนคอยซับน้ำตาให้กับเจ้าเอง" นางตะเคียนพูดทิ้งท้าย แม้จะเป็นใบหน้าเดียวกันกับน้องหญิงที่สวยงาม บริสุทธิ์เหมือนนางฟ้า แต่รอยยิ้มบนใบหน้านั้นกลับเหี้ยมเกรียมราวกับปีศาจร้าย ............................................................................................. ที่บ้านสองชั้นแถบชานเมือง ภายในห้องหับที่ปิดทึบทั้งหน้าต่างและบานประตูสว่างไสวไปด้วยแสงจากหลอดไฟ กำลัง แรงนับสิบดวง แสงสีเขียวจากกล้องบันทึกภาพนับสิบตัวที่ตั้งอยู่รายล้อมจากทุกมุมมอง บ่งบอกว่ามันกำลังทำการบันทึกภาพที่ ปรากฎอยู่ลงในหน่วยความจำแบบวินาที ต่อวินาทีอย่างไม่มีทางตกหล่น พิจารณาจากเครื่องไม้เครื่องมือเหล่านี้แล้วห้องนี้ก็ไม่ต่าง กันกับ สตูดิโอถ่ายภาพยนต์ของระดับมืออาชีพสักเท่าไหร่นัก หากเพียงแต่ว่าภาพยนต์ที่ว่านี้คงจะไม่ใช่ภาพยนต์ตามบ้านทั่ว ๆ ไป เพราะไม่ว่าจะเป็นเตียงน้ำใบใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง หรือ เก้าอี้รูปร่างแปลกตาที่มีชื่อเรียกขานในวงการน้ำกามว่าเก้าอี้นักล่าแล้ว ห้อง นี้ยังเต็มไปด้วยอุปกรณ์รูปร่างน่าเกลียดน่ากลัวที่สรรหามาจากร้าน Sex Shop ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นดิลโด้อันเขื่อง เทียนไข เชือก โซ่ แส้ กุญแจมือ หรือสิ่งอื่นใดต่างก็มีพร้อมพรั่งให้เลือกใช้ได้เท่าที่ต้องการ จึงไม่แปลกเลยที่อาจารย์พิชัย และลูกน้องทั้งหลาย จะตั้งชื่อห้องนี้ไว้ อย่างสั้น ๆ และได้ใจความว่า "ห้องเชือด" น้องหญิง นักศึกษาสาวสุดสวยชั้นปีที่ 1 เจ้าของตำแหน่งดาวมหาวิทยาลัยชื่อดัง กระพริบขนตางอนยาวถี่ ๆ พยายาม ปรับสายตากลมโตนั้นต่อแสงไฟที่สว่างจ้า อยู่รอบตัว เรือนร่างสวยนั้นอยู่ในสภาพเกือบเปลือย มีเพียงยกทรงและกางเกงในตัวจิ๋วสอง ชิ้นเท่านั้นที่ทำหน้าที่ปิดบังความ บริสุทธิ์ของเรือนร่าง ทรวงอกอวบสวยนั้นพุ่งตระหง่านดันยกทรงตัวจิ๋วออกมาเป็นก้อนกลมเหมือน แทบ จะปริขาด สองเต้าอวบอูมของเธอสั่นไหวตามแรงหายใจที่หอบถี่เล็กน้อย ช่วงเอวคอดกิ่ว หน้าท้องไร้ไขมันและริ้วรอยใด ๆ สอง ขาขาวเรียวนั่ง พับเพียบอยู่บนเบาะนอนนุ่ม เธอกวาดสายตามองไปรอบข้างด้วยความกระวนกระวายใจ และประหวั่นพรั่นพรึง เธอมองไปทางชายคนหนึ่งที่ถูก พันธนาการอยู่ด้วยความห่วงใย และมองไปยังร่างเงาของใครอีกสองคนที่ยืนอยู่หลังแสงไฟด้วยความหวาดหวั่น เนื้อตัวของเธอสั่น น้อย ๆ ด้วยความรู้สึกหนาวเหน็บ แต่มิใช่หนาวด้วยอากาศในห้องนั้น เธอหนาวด้วยความหวาดกลัวที่รู้สึกเหมือนโดนโลมเลีย ไปทั่วร่างกายต่างหาก ที่ด้านหลังแสงไฟนั้น ไอ้ชดคนขับรถลูกน้องของอาจารย์พิชัยนั่งมองสาวสวยเหยื่อสวาทในวันนี้ด้วย อารมณ์พลุ่งพล่าน อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สายตาหื่นกามนั้นมองเรือนร่างเกือบเปลือยของหญิงสาวแทบจะกลืนกินลงไปทั้ง เนื้อทั้งตัว แม้ว่าจะยังมี ยกทรงและกางเกงในตัวจิ๋วปกปิดจุดสำคัญอยู่ แต่เนื้อตัวส่วนใหญ่ของคุณหนูคนสวยนั้นก็เรียกได้ว่าเปลือยเปล่าล่อนจ้อนให้ มัน เฝ้ามองได้อย่างสบายอารมณ์อย่างที่ตัวมันเองไม่เคยคาดฝันมาก่อน เนื้อตัวของเธอนั้นขาวผ่องแลดูสะอาดสะอ้านอย่างถ้วนทั่ว เรือนร่างบอบ บางแต่มีน้ำมีนวลแน่นเต่งตึงแน่นเปรี๊ยะไปทั้งเรือนร่าง ส่วนที่ควรเว้าก็โค้งเว้าสวย ส่วนที่ควรจะโค้งก็โค้งนูนแน่น เต็มไม้เต็ม มือ มันตัวสั่นระริกด้วยทั้งชีวิตยังไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนสวยเด่นมีเสน่ห์ ยั่วยวนราคะเฉกเช่นผู้หญิงคนนี้แม้แต่ คนเดียว "เอาล่ะอีคุณหนูคนสวย จะยอมทำตามที่พวกกูสั่งแต่โดยดีแล้วพวกกูจะปล่อยกลับบ้านไป หรือจะยอมปล่อยให้ไอ้ อาจารย์คนนี้ทรมาณตายเพราะฤทธิ์ยาปลุกเซ็กส์ก่อน แล้วพวกกูค่อยข่มขืนมึงต่อ ... อย่างที่กูบอกไปหลายรอบแล้วน่ะแหละ ว่า ไอ้อาจารย์ของมึงเสือกสู้พวกกูเพื่อช่วยมึง พวกกูเลยอัดแม่งจนเดี้ยง แล้วจับกรอกยาปลุกเซ็กส์ขั้นรุนแรงให้ ถ้ามันไม่ได้เอากับ ผู้หญิงใน ครึ่งชั่วโมงนี้มันต้องทรมาณจนตายแน่ เลือกมาเร็ว ๆ กูชอบเห็นคนเอากันก็จริง แต่ถ้าจำเป็นกูจะข่มขืนมึงเองก็ได้ ...." ไอ้ ชดพูดข่มขู่เสียงดังตามบทบาทที่ได้รับมาจากผู้เป็นนาย ยกเว้นพียงประโยคหลังเท่านั้นที่มันคิดขึ้นมาเอง และมันคิดจะ ทำจริง ๆ เสียด้วย เพราะต่อหน้านักศึกษาสาวสวยคนนี้แล้วมันรู้สึกเหมือนกับว่าความเป็นชายของ มันจะคึกคักตื่นตัวแทบจะ ตลอดเวลาจนแทบจะควบคุมไม่ได้อยู่แล้ว "... ยะ อย่า ... อย่าไปเชื่อฟังพวกมัน คุณอย่าทำแบบนี้เลย ผมรู้สึกผิดมามากพอแล้ว ผมปกป้องคุณไม่ได้ก็ปล่อย ให้ผมตาย ๆ ไปเถอะ" อาจารย์พิชัยที่โดนจับล่ามอยู่กับโซ่ที่ผนังห้องในสภาพโทรมเหมือนโดนรุมทำ ร้ายจนเจ็บหนักพูดร้องห้าม ออกมาด้วยน้ำเสียงเจือความเจ็บปวดอย่างสม บทบาทที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสีหน้าและวาจา และเมื่อพิจารณาจากที่ผมเผ้าของเขากระ เซอะกระเซิง มีเลือดปลอมไหลย้อยอยู่ที่มุมมปากและบริเวณหน้าผากเล็กน้อย อีกทั้งเสื้อผ้าของเขาก็ขาดวิ่นและมีรอยเหมือนมีด กรีดจนเห็นแผลแดง ๆ อยู่หลายจุด ก็ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์พระเอกของเขาแลดูสมจริงมากยิ่งขึ้น หากจะมีอะไรสักอย่างที่ขัดกันกับภาพลักษณ์แสนดีนี้ก็คงเป็นท่อนล่างที่ เปลือยเปล่าไร้กางเกงสวมใส่ปกปิดปล่อยให้ ท่อนเนื้อดุ้นใหญ่สีคล้ำแข็ง ตระหง่านชี้โด่ในระนาบขนานไปกับพื้น ที่ปลายหัวบานสีแดงก่ำนั้นมีน้ำเงี่ยนใส ๆ ซึม ๆ อยู่อย่าง เห็นได้ชัด ส่วนที่ตามท่อนลำนั้นปูดโปนด้วยเส้นเอ็นและเป็นตะปุ่มตะป่ำกลม ๆ ด้วยมุกขนาดเล็ก ๆ หลาย ๆ เม็ด "ต๊ายย พ่อพระ ช่างน่าสงสาร โดนยาเงี่ยนจนควยบวมเป่งขนาดนี้แล้วยังคิดถึงหัวอกคนอื่นอีก พระเอกจริงจริ๊ง นี่ถ้า ไม่ติดว่าฮันนี่ไม่ได้มีร่างกายเป็นผู้หญิงนะ คงจะเขี่ยอีนังชะนีใจร้ายคนนี้ออกไป แล้วไปช่วยอาจารย์สุดหล่อคนนี้เองเสียแล้ว ฮันนี่ล่ะเสียด๊ายเสียดายจริง ๆ" เสียงกระแดะบีบเล็กตามแบบฉบับของเพศที่สามดังมาจากชายรูปร่างสูงใหญ่ที่เต็ม ไปด้วยกล้าม เนื้อราวกับยักษ์ปักหลั่นดังขึ้นอย่างไม่เข้ากัน มันเป็นเพศชายเพียงคนเดียวในห้องที่ไม่สนใจเรือนร่างสวรรค์สร้างของหญิงสาว เหยื่อ สวาท กลับกันเสียอีกสายตาของมันเอาแต่กวาดจ้องไปตามเนื้อตัวของอาจารย์พิชัยผู้มี ศักด์ฐานะเป็นนายจ้างอย่างภูมิใจ รอยแผลและรอยช้ำที่เกิดจากการตกแต่ง ด้วยเทคนิคทางภาพยนต์นั้นดูสมบูรณ์แบบไม่น้อย มันยิ้มร่าก่อนที่จะหันไปจ้องมอง ดูท่อนเนื้อดุ้นใหญ่ของนายจ้างที่มัน ทั้งรักและเคารพอย่างหลงไหล "อีกระเทยควายฮันนี่ มึงไปคอยข้างนอกเลยไป มึงดูอยู่แบบนี้กูไม่มีอารมณ์เลยว่ะ แม่งเสียวรูตรูด" ไอ้ชดหันไป มองเขม่นกระเทยควายก่อนเอ่ยปากไล่เสียงดังอย่างขัดอารมณ์ "เชอะ ฮันนี่ไปก็ได้ ใคร ๆ ก็ไม่สนใจฮันนี่ ทั้ง ๆ ที่ฮันนี่มีดีกว่าอีนังชะนีนั่นตั้งเยอะ อีนังชะนีนั่นมีอะไรดี ฮันนี่ ทั้ง สวยกว่า น่ารักกว่า หุ่นก็อึ๋มกว่าตั้งเยอะ อีนั่งนั่นมันมีดีก็แค่เป็นผู้หญิงหรอก ดูซิตัวงี้บางเชียว นมก็ใหญ่เกินหน้าเกินตาไม่ เข้าท่า" กระเทยควายตัวใหญ่ยักษ์หันไปมองน้องหญิงด้วยแววตาขุ่นเคืองเท่าที่จะสามารถ ทำได้ "อีฮันนี่ !!! มึงจะไปดี ๆ มั้ย ไปไกล ๆ ตีนกูเลย กูเห็นหน้ามึงแล้วหมดอารมณ์โว้ย" ไอ้ชดพูดเสียงดังกว่าเดิมด้วยสี หน้า รังเกียจอย่างที่สุด และเมื่อมันขยับตัวลุกขึ้นยืนเหมือนจะเอาเรื่อง กระเทยควายร่างใหญ่ก็วิ่งแจ้นหายออกไปนอกห้องอย่าง รวดเร็ว ".... พาอาจารย์ไปหาหมอก่อนเถอะค่ะ เลือดไหลใหญ่แล้ว ท่าทางอาจารย์จะบาดเจ็บมากเลย นะคะได้โปรด..." เสียงหวาน ๆ นั้นสั่นเครือน้อย ๆ สภาพการณ์ที่สมบูรณ์แบบทำเอาเธอเชื่อสนิทใจว่าอาจารย์คนนี้พยายามปกป้องเธอ อย่างเต็ม ที่จนต้องเจ็บตัวสะบักสะบอมถึงขนาดนี้ ด้วยความเป็นคนใสซื่อ มองโลกในแง่ดี และเห็นใจคนก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับว่า เธอเป็นคน ผิด ทั้ง ๆ ที่ว่ากันตามจริงแล้วตัวเธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแม้แต่น้อยนิด พวกโจรพวกนี้ต่างหากที่ผิด และที่สำคัญ อาจารย์หื่นคนนี้ต่างหากที่เป็น ต้นเหตของเรื่องราวร้าย ๆ ทั้งหมด "กูไม่พาไป จนกว่ากูจะเห็นพวกมึงเอากัน ... แล้วมึงก็รู้แล้วว่าถ้ามันไม่ได้ปล่อยน้ำเงี่ยนออกมาในเร็ว ๆ นี้ล่ะก็ มัน ได้ทรมาณจนคลั่งตายแน่" ไอ้ชดคนขับรถพูดขู่ซ้ำอย่างไม่ประณีประณอม ก่อนแอบหัวเราะกับตัวเองที่แสดงได้สมบทบาท ไม่น้อย นายของมันโดนยาเข้าไปจริง ๆ น่ะแหละ แต่มันเป็นยาไวอากร้าคุณภาพดี โดยนายของมันกินเข้าไปถึง3 เม็ด ซึ่งหาก ดูกันตามประสิทธิภาพของยาแล้ว รับรองได้ว่าโด่ไม่รู้ล้มไปยันเช้าแน่ ๆ มันรู้สึกคึกคักขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเห็นภาพใบหน้าสวยหวาน ปานนางฟ้านั้นทำท่าทางกลัดกลุ้มเหมือนจะ ร้องไห้ออกมาเสียให้ได้ ความเป็นชายของมันกระตุกหงึก ๆ รุนแรงอยู่ในเป้ากาง เก งราวกับประท้วงให้มันรีบจัดการเหยื่อเสียที 'พี่เอกช่วยหญิงด้วย' น้องหญิงร่ำร้องในใจขณะหันไปมองรอบตัวอย่างหมดความหวัง เธออยู่ในกำมือของพวก มันอย่างแน่นหนา ส่วนอาจารย์พิชัยนั้นแม้ว่าเธอจะไม่ได้ชื่นชอบเขานัก แต่ก็รู้สึกไม่ดีหากจะปล่อยให้เขาตายไปซะเฉย ๆ หรือจะให้เธอไปสู้รบปรบ มือกับผู้ชายเหมือนที่ฟ้าเพื่อนรักของเธอทำก็คงไม่ไหว ไม่ต้องนับกระเทยรูปร่างสูงใหญ่คนนั้นหรอก เพียงแค่ชายร่างโปร่งที่นั่ง ทำหน้าที่เป็นเหมือนผู้กำกับคนนั้นเธอก็ไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้กับเขาแล้ว สำหรับเธอตอนนี้ไม่มีความ หวังใด ๆ มองไปทางไหนก็มีเพียงแต่ความมืดมนเท่านั้น 'อูยยย ... น้องหญิงจ๋า สวยจริง ๆ นมเด้งจนยกทรงเกือบขาดอยู่แล้วนั่น ซี้ดดสส น่าขยำจริง ๆ ไม่ต้องคิดมาก หรอกรีบ ๆ มาช่วยอาจารย์เถอะนะน้องหญิง อาจารย์เงี่ยนจะแย่อยู่แล้ว อูยยย' อาจารย์พิชัยจอมเจ้าเล่ห์ร้องครางในใจด้วย ความหื่นอย่างที่สุด หญิงสาวที่สวยบาดตาบาดใจจนมันต้องเอาไปใฝ่ฝันมาตลอดบัดนี้อยู่อีกไม่ไกลแล้ว ดวงตาสวยใสที่ปริ่มไปด้วยน้ำตาของหญิงสาวนั้นกวาดมองไปรอบ ๆ เพื่อหาทางออกให้กับตนเอง แต่สภาพที่อยู่ ในขณะนี้ไม่ได้มีอะไรที่ดู เหมือนจะทำให้เธอและอาจารย์พิชัยหนีไปจากที่แห่งนี้ได้เลย สมองของเด็กเรียนดีอันดับหนึ่งของ เธอก็คิดอะไรไม่ออกแม้แต่น้อย เธออยากจะร้องไห้ออกมาดัง ๆ แต่ก็รู้ว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรใครเลย ในห้วงเวลาที่ไร้สิ้นซึ่ง ความหวังนั้นเธอมองไปเห็นนาฬิกาไม้เรือนใหญ่ ที่ข้างผนัง ... ก่อนจะมองเห็นทางออกเล็ก ๆ ที่เป็นไปได้ ... เวลายังไงล่ะ ... เธอต้องยื้อเวลาไว้ก่อน แล้วเดี๋ยวพี่เอกจะต้องตามมาช่วยเธอได้แน่ ๆ ... ด้วยความรู้สึกอะไรบางอย่างเด็กสาวเชื่อมั่นว่า จะต้องเป็นอย่างนั้น ภายใต้กล้องถ่ายทำภาพยนต์และแสงไฟสว่างจ้านั้น อาจารย์พิชัย และไอ้ชดคนขับรถต่างพากันเบิกตาโพลง จ้องมองเรือนร่างงามที่สะท้อนแสงไฟ เป็นระยิบระยับแทบตาไม่กระพริบอยู่ตลอดเวลา ความสวยใสของใบหน้า และเรือนร่าง ประหนึ่งนางแบบอันแสนเต่งตึงที่มีเพียงยกทรงและกางเกงในสี สวยห่อหุ้มรัดรึงอยู่นั้นเปล่งประกายเสน่ห์เย้ายวนราคะออกมา ได้อย่าง เหลือเชื่อ อาจารย์ผู้ซึ่งต้องเล่นละครต่อไปได้เพียงเก็บงำความหื่นของตัวเองไว้ ส่วนไอ้ชดนั้นแสดงอาการหื่นออกมา อย่างเต็มที่ มันหายใจถี่หนักขณะเลียลิ้นไปรอบปากด้วยความกำหนัดที่อัดแน่นอยู่ในร่างจน ล้นอก และเมื่อเธอขยับลุกขึ้นยืน อกอวบเต่งที่คับแน่นอยู่ในยกทรงนั้นก็ พุ่งตะหง่านท้าทายสายตาเด้งสั่นสะท้านไหวขึ้นลงเบา ๆ จนทำให้พวกมันอดจินตนา การ ไปถึงสัมผัสเนียนนุ่มของเนื้อแน่นที่อยู่ภายใต้ยกทรงตัวจิ๋วนั้นไม่ได้ และคนที่จะตื่นเต้นที่สุดก็คงจะไม่พ้นอาจารย์พิชัย ผู้คิดแผนการณ์นี้ แผนการณ์ที่ยอกย้อนวกไปวนมาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน แต่มันจะเป็นแผนการณ์ที่ทำให้เขาได้ครอบ ครองทั้งร่างกาย และจิตใจของนางฟ้าเดินดินคนนี้ได้อย่างแน่ ๆ อย่างน้อยที่สุดเขาคนนึงล่ะที่คิดเช่นนั้น เหมือนทั้งห้องจะเงียบกริบไร้สุ้มเสียงใด ๆ เมื่อร่างงามราวสวรรค์สร้างนั้นขยับมานั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าท่อนเนื้อ ตะปุ่ม ตะป่ำน่าเกลียดน่ากลัวประหนึ่งวัตถุจากขุมนรก เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อได้กลิ่นอับชื้นโชยมาเข้าจมูก สิ่งนั้นของ อาจารย์ พิชัยมันแลดูน่าครั่นคร้ามอย่างบอกไม่ถูก เธอจำได้ดี วันนั้นที่เธอโดนอาจารย์วางยาปลุกอารมณ์ เธอเองก็เคยลูบไล้ สัมผัสท่อน เอ็นของอาจารย์มาแล้ว ด้วยฤทธิ์ยาวันนั้นเธอสัมผัสมัน เธอจับมันใส่เข้าไปในปากอย่างหิวโหยเสียด้วยซ้ำ และ หากไม่มีโชคช่วยล่ะ ก็ เธอก็คงจะโดนอาจารย์หื่นกามคนนี้ยัดเยียดความเป็นสามีให้กับเธออีกคนไปเสีย แล้ว สำหรับเธอแล้ววันนั้นคือวันอันแสนเคราะห์ร้ายสำหรับเธอวันหนึ่ง แต่เธอไม่นึกเลยว่ามันจะเกิดเหตการณ์แบบ เดียวกันซ้ำสองอีก แถมวันนี้เธอยังต้องทำเรื่องบัดสีแบบนี้ต่อหน้ากล้องนับสิบตัว เหมือนกับว่าเธอเป็นดาราหนังผู้ใหญ่ เธอได้ แต่พัดพ้อต่อโชคชะตาของตัว เองที่จะต้องมาเจอะเจอแต่กับเรื่องเลวร้ายแบบนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ "อูยยย อืมมมม ซี้ดดดสสส" อาจารย์หนุ่มสะดุ้งตัวร้องครางเบา ๆ ทำลายความเงียบในห้องด้วยความรู้สึกดี ๆ เมื่อท่อนเอ็นที่บวมเป่งจนแทบ ระเบิดนั้นโดนมือนุ่มนิ่มบีบคลึงไปมาเบา ๆ ใบหน้าสวยใสประหนึ่งนางฟ้านางสวรรค์ของ นักศึกษาสาวอยู่ห่างจากความเป็น ชายของเขาเพียงแค่ไม่กี่คืบ ใจนึงเริ่มรู้สึกว่าไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไป อยากจะจับเธอคน นี้มากระเด้าให้จบ ๆ เรื่องไป แต่อีกใจก็ต้องพยายามข่มใจทำไปตามแผนที่วางไว้ ซึ่งเหลืออีกเพียงนิดเดียว มันก็เชื่อว่า มันจะสามารถครอบครองได้ทั้งร่างกาย และจิตใจของน้องหญิงนางฟ้าคนสวยคนนี้ได้แล้ว "อะ อูยยย เสียว น้องหญิง อูยยยย" อาจารย์หนุ่มอยากจะร้องตะโกนออกมาดัง ๆ ด้วยคำหยาบคายกว่านี้เพื่อระบาย ความเสียวที่ล้นอก แต่ก็ทำได้แค่เก็บเสียงร่ำร้องนั้นเอาไว้ในใจ ท่อนเอ็นดุ้นใหญ่ของเขาบัดนี้โดนสองมือนุ่มนิ่มบีบกำพอกระชับ มือนุ่ม นั้นสั่นน้อย ๆ และทำเพียงสัมผัสเบา ๆ ในตอนแรกอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ จนเขาหงุดหงิด แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักครู่ ลูกศิษย์ คนสวยก็เริ่มรูดเข้า รูดออกเป็นจังหวะอย่างมีชั้นเชิง มือข้างหนึ่งรูดไปเรื่อย ๆ ใ นขณะที่อีกข้างก็มาลูบไล้สัมผัสที่ปลายหัวหยักสลับ กับลูบไล้พวงไข่ที่ ห้อยต่องแต่งนั้นอย่างเแผ่วเบา ความเสียวแปลบปลาบในช่วงหลังนี้เองที่ทำเอาท่อนลำของอาจารย์หื่นเกร็งกระตุก แล้วกระตุก อีกแทบจะกระฉูดอยู่รอมร่อ "เฮ้ย อย่าใช้แต่มือซิวะ ปากน่ะใช้เป็นหรือเปล่า อีคุณหนูคนสวย อมเข้าไปทั้งดุ้นน่ะแหละอร่อยนะเว้ย" ไอ้ชดพูด เชียร์เสียงหื่นดังลั่นห้องด้วยความคึกคะนองในความหื่นกาม "....." น้องหญิงเริ่่มรู้สึกสับสนในตัวเองไม่น้อย แม้จะเป็นไปอย่างช้า ๆ แต่อารมณ์ของเธอก็เริ่มเปลี่ยนไป จาก หวาดกลัวเป็นกังวล และรังเกียจ กลับกลายเป็นอารมณ์ของอะไรบางอย่างที่อยู่อีกด้าน ลมหายใจเริ่มรุนแรงและร้อนขึ้นเรื่อย ๆ รู้สึกว่าเลือดลมตัวเองเริ่มสูบ ฉีดจนร้อนผ่าวไปทั้งตัว ความรู้สึกรังเกียจท่อนเอ็นเบื้องหน้าในตอนแรกดูจะเปลี่ยนไป ตอนนี้เธอ รู้สึก สยิวมือทุกครั้งที่รูดมือบนท่อนเอ็นตะปุ่มตะป่ำดุ้นใหญ่นั้น ความรู้สึกเสียววูบวาบเริ่มแล่นพล่านไปทั่วทั้งตัว เธอค่อนข้าง จะคุ้น เคยกับความรู้สึกนี้ มันคือความรู้สึกทางเพศ ความรู้สึกที่อยากจะสัมผัส อยากจะลูบไล้ อยากจะกลืนกิน และอยากจะให้ มันชอนไชเข้ามาอยู่ในร่างกาย ของเธอ และโดยไม่รู้ตัวกางเกงในตัวสวยนั้นก็เปียกชุ่มด้วยน้ำเสียวของวัยสาวจนชุ่ม เสียแล้ว เพียงครู่เดียวหญิงสาวก็เริ่มรู้สึกได้ถึงความร้อนรุ่มและเปียกชื้นที่ บริเวณเบื้องล่างได้อย่างชัดเจน ตอนนี้เสียงร้อง ครวญครางของอาจารย์ พิชัยเหมือนจะยิ่งปลุกเร้าอารมณ์เบื้องลึกของเธอให้ตื่นขึ้นมาเร็วขึ้น และเร็วขึ้น โดยไม่รู้ตัวเธอขยับตัว เข้าไปใกล้กว่าเดิมเรื่อย ๆ จวบจนปลายหัวบานนั้น สัมผัสกับริมฝีปากของเธอ และแล้วในที่สุด ปลายหัวบานสีแดงคล้ำนั้นก็ โดนริมฝีปากบางอ้าอมหายเข้าไปในโพรงปากอุ่น นุ่มและเปียกชื้นนั้นจนได้ "โอยยยย ซี้ดดดสสสส เสียววว อูยยย น้องหญิง น้องหญิง" อาจารย์หนุ่มที่แอบลุ้นอยู่ถึงกับเกร็งสุดตัว สัมผัสนุ่ม นิ่มอุ่น ๆ ชื้น ๆ ในโพรงปากนั้นทำเอาเขาแทบบ้าเสียให้ได้ สัมผัสเสียวซ่านระริกจากปลายหัวบานที่อยู่ในปากสวย ๆ นั้น ไม่ต้องบอกก็ รู้ว่าเป็นลิ้นของหญิงสาวนั่นเองที่เลียไล้วนไปมาไม่หยุด และนี่แหละคือสัมผัสที่เขาเฝ้าฝันและครวญคิดถึงจน แทบจะนอนไม่หลับอยู่ นานวัน แม้จะผ่านผู้หญิงมานับร้อยนางก็ไม่มีใครเลยที่จะโลมเลียปลุกระดมอารมณ์ของ เขาได้เก่ง ขนาดนี้ สัมผัสนี้แหละที่เขาใฝ่หา สัมผัสที่เสียวซ่านไปถึงจิตวิญญาณแห่งความเป็นชาย สัมผัสที่สุขล้นจนแทบสำลัก และ สัมผัสที่เหมือนจะพาเขาไปสู่สรวงสวรรค์ ได้อย่างรวดเร็วหากเขาไม่ฝืนอารมณ์ตัวเองเอาไว้ "อูยยย แม่งอยากโดนดูดบ้างโว้ย ไม่เคยเห็นนายทำหน้าเสียวแบบนี้มาก่อนเลย อยากลองชิบหายว่าปากอี นางฟ้านั่นจะเด็ดขนาดไหน ซี้ดดสสส แม่งกูจะกระเด้าแตกคาปากมันซักที อูยยยย ซี้ดดสสส" ไอ้ชดร้องครางซี้ดซ้าด ไม่ ขาดปาก ขณะทำหน้าที่เป็นผู้กำกับมองดูภาพฉากรักนั้นผ่านกล้องที่ซูมเข้าไปจนเห็น อย่างชัดเจนเต็มสองตา มันอด ไม่ได้ที่จะลูบไล้ท่อนควยอันยาวใหญ่ของตัว เองไปมาหนักหน่วงขึ้่นเรื่อย ๆ อีกทั้งยังแอบคิดไม่ได้ว่าฉากเบื้องหน้านั้น เร้า อารมณ์กว่าหนังเอ็กซ์ที่มันเคยดูเป็นร้อยเป็นพันเท่า เพียงเวลาไม่นานนักน้องหญิงนักศึกษาคนสวยก็สติเลอะเลือน หัวสมองขาวโพลนไปหมด ร่างกายวัยสาว สะพรั่งร้อนวูบวาบจนเธอขนลุกซู่ สมาธิของเธอง่วนอยู่แต่กับการสยบดุ้นเอ็นเบื้องหน้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เธอลืม ไปแล้วด้วยซ้ำว่าตอนนี้เธออยู่ในสถานะเหยื่อที่โดนข่มขู่ และการกระทำของเธอนั้นช่างน่าละอายเหมือนผู้หญิงขาย บริการร่านสวาทข้าง ถนน แต่กระนั้นเธอก็ไม่อาจจะหยุดยั้งความต้องการของเรือนกายและเลือดเนื้อที่ เพียบพร้อม ไปด้วยความใคร่และไวต่อรสชาตสวาทได้ เธอรูดมือใส่ท่อนลำยาวใหญ่และขรุขระนั้นด้วยความสยิวมือ ขณะเดียว กันก็ โลมเลียส่วนปลายดุ้นที่ทิ่มแทงอยู่ในปากอย่างหิวโหยในอารมณ์ ปลายลิ้นนั้นตวัดระรัวด้วยความใคร่ พร้อมกับ ออกแรงดูดดุนเสียงดัง ซร๊วบ ซร๊วบ จนแก้มสีขาวอมชมพูนั้นลีบตอบ "โอะ โอยยย เสียว โอยยย น้องหญิง ซี้ดดดสสสส " อาจารย์หนุ่มร้องครางลั่นห้อง หากไม่ติดว่ามือโดน ล่าม โซ่อยู่ไว้่ล่ะก็ เขาคงจะจับกดหัวเธอไว้แล้วกระเด้าเอวใส่ให้น้ำแตกโดยเร็วไปแล้ว แต่เมื่ออยู่ในสภาพนี้ก็ทำได้เพียง แค่กระดกแอ่นเอวส่งท่อนควยให้เข้าไป ในโพรงปากที่เป็นประหนึ่งประตูสวรรค์นั้นให้ลึกกว่าเดิม ส่งเข้าไปให้มันแนบ กระชับ กับเนื้อสาวมากที่สุด "อืมมม อืออออ อือออ" สาวสวยครางอือ เพราะความเสียวซ่านที่โดนท่อนเอ็นนั้นขับครูดคราดไปมาในช่อง ปาก เธอหลับตาพริ้มผงกหัวเข้าออกอย่างรวดเร็วถี่ยิบจนผมเผ้ากระเซอะกระเซิง อารมณ์ที่พลุ่งพล่านจนยากห้ามใจนั้นทำ ให้ตอนนี้เธอไม่ได้รู้สึกถึงความ อดสูใจ หรือความยับยั้งชั่งใจแม้แต่น้อย เธอรู้สึกได้แต่เพียงความเสียวกระสัน และความสะใจ ซะมากกว่า "อะ โอยยย ซี้ดดดสสส น้องหญิง โอยย น้องหญิง จะเสร็จแล้ว โอยยย ซี้ดดสสส อ๊าาาา" ชายหนุ่มแอ่นกระเด้าเอว ใส่ปากสวยอีกไม่กี่ครั้งก็รู้สึกตัว เกร็ง หน้าตาบิดเบี้ยวเหยเก ท่อนเอ็นที่พองตัวเป่งแทบระเบิดนั้นกระดกหงึก ๆ ฉีดพ่นน้ำเงี่ยน อัดเข้าไปเต็มปากสาวสวย และเหมือนจะรู้ใจลูกศิษย์สาวกดใบหน้าของเธอเข้าหาตัวตัวเขาจนเขารู้สึกได้ ว่าปลายดุ้นที่บานร่า นั้นมุดเข้าไปชนเข้ากับผนังในปาก จากนั้นปากสวย ๆ นั้นก็ออกแดงดูดเอาน้ำกามร้อนผ่าวกลืนผ่านลำคอเข้าไปเหมือนกับ อาหารเลิศ รสที่เพิ่งออกจากเตา เธอกลืนน้ำเงี่ยนชุดสุดท้ายที่อัดแน่นอยู่เต็มปากลงคอไปอย่างเอร็ดอร่อย จากนั้นก็อ้าปากปล่อยท่อนเอ็นที่เปียก ชุ่มออกมาภายนอก แล้วใช้ปากและลิ้นสีชมพูอ่อนนั้นทำความสะอาดโลมเลียไปทั่วท่อนลำอย่างหิว กระหายจนสะอาดสะอ้าน และเมื่อเธอละออกมาจากดุ้นเอ็นของอาจารย์ ดวงตาฉ่ำเยิ้มของเธอก็จ้องมองไปยังใบหน้าของอาจารย์ด้วยอารมณ์ที่เปี่ยมไป ด้วย ความต้องการของรสรักชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่จะก้มหน้าหลบต่ำลงเบื้องล่างด้วยความรู้สึกอดสูเมื่อภาพของเอกแฟน หนุ่มแวบ เข้ามาหัวสมอง หญิงสาวที่เริ่มมีสติกลับมาบ้างนั่งตัวสั่นระริก หายใจกระเส่าด้วยเพลิงไฟแห่งราคะ เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะข่มใจ ดับไฟ แห่งความใคร่ที่ลุกโชนอยู่ แต่ไม่ทันที่จะทำอะไรได้ ดุ้นเอ็นอีกอันที่ขนาดไม่แพ้กันก็มาจรดจ่ออยู่ที่แก้มนุ่มของเธอแล้ว และ เจ้าของดุ้นนั้นไม่ใช่ใครอื่น นอกเสียจากไอ้ชดที่นั่งดูจนทนไม่ไหวแล้วนั่นเอง มันหันไปสบตากับผู้เป็นนายที่จ้องมองตอบ เหมือนจะเอาเรื่องอย่างไม่แยแส อะไร มันไม่สนใจก็เพราะเตรียมใจมาก่อนอยู่แล้ว อีกทั้งนายของมันก็โดนมัดอยู่แน่นหนา ส่วนอีฮันนี่กระเทยควายก็โดนมัน ไล่ให้ไปอยู่นอกห้องแล้ว บัดนี้ เวลานี้ ณ ที่แห่งนี้ มันเป็นฝ่ายคุมเกมเพียงคนเดียว ไอ้ชดไม่พูดไม่จา มันจับร่างสวยนั้นหันหน้ามาทางมัน ก่อนใช้มือรั้งจิกที่หลังหัวของหญิง แล้วขยับตัวเสยเอาท่อน ควยสีดำคล้ำนั้นกดไปที่ริมฝีปากแล้วกดหัวเธอเข้า หาท่อนควยสุดแรงจนดุ้นเอ็นนั้นไปสะดุดกึกเข้ากับผนังด้านในโพรงปาก กิริยา รุนแรงดิบเถื่อนแบบที่ไม่ทันได้ตั้งตัวนี้ทำเอาคุณหนูคนสวยถึงกับสำลัก จนน้ำหูน้ำตาไหลพราก "อื๊ออออ" หญิงเอาสองมือมายันหน้าขาของไอ้ชด พยายามออกแรงผลักตัวเองออกไปเพื่อสูดอากาศ แต่ก็สู้แรงไม่ได้ เธอรู้สึก เหมือนหายใจไม่ออกจนแทบจะขาดใจตาย อีกทั้งกลิ่นอับชื้นที่ไม่เหมือนกับท่อนเนื้ออันก่อนหน้าส่งกลิ่นอบอวลยิ่ง ทำ ให้เธออยากสำลักมากขึ้นไปอีก "ซี้ดดสสส แม่งมันชิบหาย ปากอีนี่นุ่มน่าดู" ไอ้ชดไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นยังไงทั้งสิ้น มันใช้มือดึงหัวเธอออกนิด หน่อยแล้วดึงเข้าหาตัวพร้อมกับเด้งสวนเอวส่ง ท่อนเข้าไปใหม่รอบแล้วรอบเล่า จนแท่งเนื้อของมันเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายของนัก ศึกษาสาวดาว เด่นมหาวิทยาลัยชื่อดัง "แค่ก ๆ ... อุ๊บ อื้อออ อื๊อออ" หญิงไอสำลักจนน้ำตาไหลเมื่อมันยอมปล่อยโอกาสให้เธอได้หายใจหายคอบ้าง แต่ แค่ เพียงไม่กี่วินาที มันก็กดหลังคอของเธอแล้วกระเด้าเอวส่งดุ้นเอ็นมุดเข้าไปในโพรงปากชุ่มชื้น ใหม่จนเสียงดังกึกอีกครั้ง แม้ว่าคุณหนูคนสวยจะเคยใช้ปากกับแฟนบ่อย ๆ แต่เธอก็ไม่เคยโดนทำอะไรรุนแรงขนาดนี้มาก่อน เธอสำลักรอบแล้วรอบเล่าไป กับความดิบเถื่อนของไอ้ชด ความรู้สึกต่อต้านทำให้เธอไม่ต้องการทำอะไรให้จึงได้แต่ เพียงพยายามฝืน กล้ำกลืนอดทน แต่เพียงไม่นานนัก ไม่รู้ว่าเป็นพรสวรรค์ที่แฝงเร้นมากับเรือนร่างงามดุจนางฟ้า หรือสิ่งใด มาดลใจ เมื่อเวลาผ่านไปสักพักเธอก็เริ่มปรับตัวรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างเหมาะ เจาะ เธอใช้มือไปจับ ที่โคนท่อนเอ็นไว้เพื่อประคองไม่ให้สิ่งนั้นกดลึก เข้ามาในปากของเธอมากเกินไป จากนั้นก็ใช้มือออกถอกเข้าถอก ออกแรง ๆ ไปพร้อมกันกับจังหวะที่เขากระเด้าเอวใส่ "โอยย เรียนรู้เร็วนี่หว่า ซี้ดดดสสส ดูดซะกูเสียวเลย แม่งเสียวกว่าตอนเปิดซิงอีหมวยเมื่อเดือนก่อนนั่นอีก เสียวโว้ย ซี้ดดสสส" ไอ้ชดสบถครางอย่างพอใจในคุณภาพคับแน่นของวัตถุแห่งความใคร่เบื้องหน้า มันแอบคิดในใจ ว่านางฟ้าคนนี้ไม่ได้มีดีแค่สวย น่ารัก และหุ่นดีเสียแล้ว มันไม่เคยเจอใครที่จะรับบทรักหนัก ๆ ของมันได้แบบนี้เลย แม้แต่คนเดียว แม้แต่พวกกะหรี่ประสบการณ์สูงก็เถอะ แต่เธอคนนี้เหมือนจะตอบสนองความแรงของมันได้เป็นอย่างดี โดยที่ไม่ต้อง เรียนรู้มาก่อน แต่เพิ่งมาเป็นเอาตอนนี้หยก ๆ มันเริ่มจะติดใจสาวสวยคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ เสน่ห์ของเธอ มากล้นจนมัน รู้สึกเหมือนกับว่าหญิงสาวเป็นคนรักของมัน คนรักที่มันจะปรนเปรอสนองรสกามให้อย่างถึงใจ หญิงสาวเริ่มชินกับจังหวะแห่งเกมกามอันหนักหน่วงนี้แล้ว เธอผงกหัวหงึก ๆ ดูดอมท่อนเอ็นสีคล้ำนั้นอย่าง ตั้งอกตั้งใจ ท่อนสีดำมะเมื่อมวิ่งเข้าวิ่งออกรอบแล้วรอบเล่าจนเปียกชุ่มฉ่ำไปทั้งลำลึงค์ น้ำลายและน้ำหล่อลื่นไหลเอ่อจนชุ่ม และไหลย้อยออกมาทางมุมปากของสาวสวย ขับให้เธอยิ่งแลดูเซ็กส์ซี่น่าฟัดเข้าไปใหญ่ ความกระสันที่วิ่งพล่านไปทั่วร่างทำ ให้เธอลืมไปเสียแล้วว่าเธอมาที่นี่ ได้ยังไง เธอรู้แต่เพียงว่าเธออยากดูดไอ้เจ้าท่อนเนื้อน่าเกลียดน่ากลัวอันนี้ และที่สุดแล้ว เธออยากเอามันใส่เข้าไปในร่างกายเพื่อดับความร้อนรุ่มที่ ตรงหว่างขาให้หายไปเสียที "ซี้ดดสสส เกือบแล้วกู ดูดแรงชิบ อูยยยย โอยยยย ดูดควยกูแรงอีก แล้วก็แดกน้ำกูให้หมดด้วย โอยย เสร็จแล้ว โว้ยยย อ๊ากกก" ไอ้ชดกระดกเอวรัวและเร็วเท่าที่จะทำ ก่อนที่จะออกแรงดึงรั้งศรีษะของหญิงเข้าหาตัวจนสุดแรงเพื่อเสยท่อน เอ็น ให้ทะลวงเข้าไปให้ลึกที่สุด และเมื่อถึงจุดนั้นมันก็แหกปากร้องออกมาเสียงดัง เนื้อตัวกระตุกเกร็ง ใบหน้าบิดเบี้ยวไปด้วย ความเสียวขั้นสุดยอด มันแอ่นเอวกระแทกแรงขึ้น แต่หญิงสาวที่อารมณ์กระเจิดกระเจิงก็รอรับสิ่งนั้นอยู่แล้ว เธอใช้มือรูดถอกเหมือนจะ รีดเร้นเอาน้ำกามออกมาให้หมดหลอด ขณะที่ปากก็ออกแรงดูดกลืนน้ำรักที่เอ่ออยู่เต็มปากนั้นลงคออึกอึกเหมือน กระหายน้ำ มานานวัน ไอ้ชดยืนมองสภาพของนักศึกษาสาวที่เพิ่งใช้ปากให้เขาไปอย่างลุ่มหลง แม้ว่าใบหน้าสวยบางส่วนนั้นจะเลอะ ไปด้วยน้ำกามที่ไม่รู้ว่าเป็นของมัน หรือของนายมัน แต่เธอก็ยังคงดูสวยและบริสุทธิ์เฉกเช่นเดิม อีกทั้งกลิ่นกายที่หอมหวล อบอวนไปทั่วห้องนั้นเหมือนจะเปลี่ยนห้องเล็ก ๆ นี้เป็นสวนดอกไม้ก็ไม่ปาน สำหรับมันแล้วสภาพที่มีน้ำกามเปื้อนใบหน้า แบบ นี้ยิ่งทำให้เด็กสาวคนนี้มีเสน่ห์น่าย่ำยีมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ มันฉุดร่างของหญิงสาวให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจ้องมองเรือน ร่างสวยอวบอัดเต็ม ไม้เต็มมือด้วยสายตาลุกวาว สายตานั้นไม่ผิดอะไรกับนักล่าที่กำลังคิดว่าจะเริ่มชิมรสเหยื่ออันโอชะจาก ส่วน ไหนดี "ไอ้ชด หยุด จะทำอะไรวะ" อาจารย์พิชัย นายของมัน อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป เมื่อเห็นว่าเหตการณ์เริ่มจะ เกินเลยถึงกับตะโกน ขู่ตะคอกเสียงดัง แต่ไอ้ชดยักไหล่ทำเป็นไม่สนใจ มันยลโฉมเรือนร่างขาวผ่องอีกครั้งอย่างเต็มตา อก ตูม ๆ ตอนนี้มีเพียงยกทรงสีสวยปกปิดไว้เท่านั้น ส่วนโคกสวรรค์โหนกนูนเบื้องล่างก็ไม่แตกต่างกันมากนัก เพราะมีเพียง กางเกง ในบาง ๆ ที่เปียกชุ่มปกปิดอยู่ ไอ้ชดจ้องมองจนตาค้างรู้สึกน้ำลายเอ่อไหลออกมาไม่หยุดจนมันต้องกลืนลงคอไป อารมณ์ ดิบหื่นกระสัน ของมันโดนเสน่ห์ของเรือนร่างนี้โหมกระพือให้ลุกโชนหนักขึ้นทุก ๆ ที จนมันรู้สึกเหมือนกำลังจะ คลั่งตายอยู่รอมร่อ "ไอ้เหี้ยชดหยุดนะโว้ย มึงกล้าทำแบบนี้กับกูเหรอวะ" อาจารย์พิชัยรู้สึกโกรธจนเดือดปุด ๆ เส้นเลือดบนใบ หน้านั้นปูดโปนจนแดง ก่ำ พยายามดิ้นพราด ๆ เพื่อปล่อยตัวเองจากพันธนาการที่รั้งตัวเองเอาไว้จนเสียงโซ่กระทบฝาห้อง ดัง เคล้ง ๆ มันเป็นความรู้สึกคลั่งของความหึงหวง อารมณ์ที่มันไม่เคยรู้สึกมาก่อน อารมณ์ที่อยากปกป้องความบริสุทธ์เบื้อง หน้า อารมณ์ที่คิดไปเองว่าผู้หญิงคนนี้เป็นของเขาเท่านั้น เขาคนเดียวที่มีสิทธิไม่ใช่ไอ้ลูกน้องกระจอก ๆ คนนี้ ด้วยอารมราคะที่อัดแน่นอยู่เต็มอกไอ้ชดหันไปมองหน่อยหนึ่งก่อนที่จะปล่อย หมัดใส่หน้าคนที่มันเคยเรียก ว่านายเสียงดังปั้ก จนนายของมันหน้าหัน จากนั้นมันก็ซัดต่ออีกหลายปั้กด้วยความสะใจ และเหมือนจะได้ผล นายของมัน เลือด กลบปากจนต้องหุบปากเงียบ แต่ยังคงมองมันด้วยสายตาอาฆาตเคืองโกรธราวกับจะฆ่าจะแกงก็มิปาน "มึงเงียบไปเลย วันนี้กูไม่เป็นลูกน้องของมึงอีกแล้ว กูจะเย็ดอีนักศึกษาคนสวยหน้าโง่ที่หลงคิดว่ามึงเป็นคนดี ให้สมอยาก มึงฟังไว้นะจะทำให้ผู้หญิงที่มึงฝันหาทุกวันมาเป็นกะหรี่ส่วนตัวต้องคลานให้ กูเย็ดทุกวันให้ดู ตัวมัน ร่างกายมัน เงินมันกูจะเอาให้หมด มันต้องเป็นของกูคนเดียวเท่านั้น" ไอ้ชดพูดเสียงดังพลางยิ้มเยาะใส่อดีตนายที่มีสภาพเลือดกลบปาก แล้วก็หัน มามองดูเหยื่อสวาทของมันที่กำลังทำหน้างง ๆ ต่อเหตการณ์ "ไม่ต้องทำหน้างงหรอก อีกเดี๋ยวมึงก็จะต้องเป็นเมียกูแล้ว ฝันอยากเย็ดดาวมหาลัยสวย ๆ แบบนี้มานานแล้วโว้ย" มันพูดจบก็ออก แรงกระชากร่างบางนั้นมาอย่างแรง ร่างอวบนั้นพลันถลันเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอันแข็งแกร่งของมัน มันซุกใบหน้า โลม เลียไปทั่วซอกคอขาวผ่องนวนเนียนนั้นอย่างหิวกระหาย มือหยาบกร้านสองข้างคว้าสัมผัสเปะปะบีบเคล้นไปทั่วเนื้อตัวบอบ บางนั้น รุนแรง มันลูบไล้จากไหล่ผ่านเอวลงไปที่หนาท้องเรียบเนียนของเธอ ทุกสัมผัสหนักแน่นนั้นทิ้งรอยสีแดงจ้ำ ๆ ไว้บนเนื้อ เนียนขาวทั่วทั้งตัว นิ้วทั้งสิบบีบกระชับขย้ำรีดเร้นไปตามเนื้อนวลอย่างสะใจในอารมณ์ สัมผัสความนุ่มนิ่มและหอมกรุ่นของเนื้อ สาวทุกตารางนิ้วรุกเร้าอารมณ์ หื่นของมันมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อย ๆ ท่อนควยที่คร่าความสาวของเหยื่อสวาทมาแล้วนักต่อนักบวม เป่งด้วยความ ตื่นเต้นจนแทบจะระเบิดออก น้องหญิง นักศึกษาเฟรชชี่สาวสวยดาวเด่นอันดับหนึ่งหัวสมองเบลอไปหมด คำพูดทุกคำที่มันพูดเธอได้ยินเต็มสองหู แต่หัวสมองไม่ทำงานใด ๆ อีกทั้งยังไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก นอกจากพยายามขืนตัวดิ้นสู้กับสัมผัสที่ตะปบตะโปมไปทั่วเรือน ร่างของเธอ อย่างมูมมาม สัมผัสแล้วสัมผัสเล่าที่โจรสวาทแปะป่ายสร้างความสยิวให้กับเธอจนเกิดอารมณ์ ใคร่ปราถนาจนห้ามใจไม่อยู่ ร่างกายวัยสาวสะพรั่งที่เปี่ยมไปด้วยเนื้อหนังมังสาเต่งตึงนั้นเหมือนจะมี พลังเหนือการสั่งการใด ๆ จากสมอง เพียงครู่ เดียวร่างกายของเธอก็บิดเร่า ๆ ส่งเสียงร้องครางในความเสียวอย่างไร้ยางอาย เธอหอบหายใจถี่กระชั้นไม่หยุด ใบหน้าของเธอร้อน ผ่าวด้วยเลือดฝาดจนเป็น สีชมพูสวย นัยย์ตาของเธอเหม่อลอยหยาดเยิ้มด้วยอารมณ์ใคร่ การเล้าโลมอย่างถึงเนื้อถึงตัวที่หนักหน่วง รุนแรงแม้จะทำให้เธอเจ็บแปลบ แต่ความรู้สึกแปลบปลาบจากสัมผัสนั้นก็ป้อนความสุขให้กับเธอจนอยากจะขัดขืน ด้วยเช่นกัน "ซี้ดดดสสสส อืมมมม ... โอววว ... ซี้ดดสสส" ทุกสัมผัสหยาบกระด้างของมือที่บีบเคล้นสองเต้า ทุกสัมผัสนุ่มนิ่มของ ปลาย ลิ้นที่โลมเลียไปทั่วซอกคอทำให้เธอเสียวสยิวแล้วสยิวอีก ร่างกายวัยสาวสะพรั่งนั้นตอบสนองเป็นอย่างดีต่อความกระสันที่ได้รับ แม้ กระนั้นในใจลึก ๆ ของเธอ ก็ร่ำร้องอยู่เงียบ ๆ เธอร่ำร้องให้มันหยุดการกระทำ เธอเรียกร้องหาคนรัก เรียกร้องให้เขามาปลดปล่อย เธอจากสภาพแห่งหญิงสาวร่านสวาทแบบนี้เสียที แต่เสียงเรียกร้องนั้นไม่สามารถหลุดออกมาจากเรียวปากบางนั้นได้ เสียงที่หลุดออก มาตอนนี้มีแต่เพียงเสียงร้องซี้ดซ้าดแห่งความ เสียวกระสันที่ดังขึ้นอย่างไม่ขาดปาก และเมื่อเธอโดนริมฝีปากหนา ๆ ของอีกฝ่ายบดขยี้ จูบใส่ริมฝีปากบางของเธอ กลับเป็นปลายลิ้นของเธอเสียอีกที่แลบออกไปโลมเลียพัวพันกับลิ้นของอีก ฝ่ายอย่างกระหาย ไม่มีวี่แววใด ๆ ที่บ่งบอกได้แม้แต่น้อยว่านักศึกษาสาวแสนสวยที่ตกอยู่ในบ่วงกามจะรอดพ้นไป จากคราเคราะห์ครั้งนี้ ได้อย่างไร เรือนร่างบริสุทธิ์ผุดผ่องแสนหวานนั้นจะโดนคนอื่นกระทำย่ำยีสร้างมลทินอย่าง ไรก็เรื่องหนึ่ง แต่หญิงสาวแสนดีผู้เปี่ยม ด้วยบุญญาธิการนี้ จะไม่มีวันพรุ่งนี้อีกต่อไปด้วยผลแห่งกรรมแต่ชาติปางก่อนจริงอย่างที่นาง ตะเคียนได้กล่าวไว้อย่างนั้นหรือ ...

ไม่มีความคิดเห็น: