ขายของ

วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2557

เพชรพระอุมา ( ภาคพิเศษ ) ### ตอนที่ 2 บึงผีสิง ###

แสง แดดยามเช้าลอดผ่านกิ่งใบของต้นไม้ที่สูงตระหง่านขนาดสามคนโอบลงมา สองข้างทางเป็นป่าทึบ เถาวัลย์เกี่ยวพันระโยงระยาง ขบวนคาราวานคณะเดินทางเพื่อติดตามหาผู้สูญหาย อันประกอบด้วยฝ่ายนายจ้างคือธาราและกนิษฐา ฝ่ายพรานนำทางได้แก่วรินทร์และพรานพื้นเมืองคู่ใจอีกสามคน คือ ผา วัยห้าสิบเศษ เคี้ยวหมากจนปากแดงเถือกไปหมด รูปร่างล่ำสันแข็งแรง จิต วัยสามสิบห้า รูปร่างอ้อนแอ้นแต่แข็งเกร็ง มักจะอมฝิ่นไว้ในปาก ท่าทางอารมณ์ดี หัวเราะร่วนตลอดเวลา เส่ง เด็กหนุ่มกระเหรี่ยงวัยยี่สิบห้า ท่าทางบึกบึน เงียบขรึม ไม่พูดไม่จาอะไร และฝ่ายลูกจ้างซึ่งมีนายเลา เป็นหัวหน้าลูกหาบจำนวนสิบห้าคน... ทั้งหมดออกเดินทางจากบ้านพักของ วรินทร์มาตั้งแต่เช้ามืด ตลอดทางที่ผ่านมา วรินทร์เดินนำหน้า สายตามองกวาดทั่วทั้งบริเวณ มือถือไรเฟิลคู่มืออย่างไม่ประมาท โดยมีเกวียนของนายจ้างทั้งสองตามมา มีจิตและเส่งคุ้มกันอยู่ด้านซ้ายและขวาของเกวียน ส่วนเกวียนอีกสองลำสำหรับบรรทุกสัมภาระ ถูกควบคุมโดยลูกหาบตามมาติดๆ โดยผาทำหน้าที่คุ้มกันท้ายขบวน ฝ่ายนายจ้างโดยเฉพาะกนิษฐา นั่งมองสองข้างทางอย่างตื่นตาตื่นใจเพราะเป็นครั้งแรกของเธอ ที่ได้เดินทางเข้ามาในป่าลึกขนาดนี้ เสียงนกแปลกหู อีกทั้งเสียงร้องของสัตว์ต่างๆที่เธอไม่เคยได้ยิน ดังแว่วมาให้ได้ยินตลอดเวลา "วรินทร์.." หญิงสาวร้องเรียก ชายหนุ่มหันมามอง เธอพยักหน้าเป็นเชิงเรียก เขาจึงลดความเร็วของฝีเท้าลงจนมาเดินตีคู่กับเกวียนของนายจ้าง "เราจะ ใช้อะไรเป็นเครื่องนำทางล่ะ ว่าพี่ไชยาไปทางไหน.." เธอถามพลางมองสองข้างทาง วรินทร์เหลือบมองต้นขาอวบอัดที่อยู่ภายใต้กางเกงเดินป่ารัดรูป โหนกเนื้อกลางลำตัวนูนขึ้นมาจนเห็นได้ชัด ในหัวยังจำภาพเปลือยเปล่าที่นอนบิดร่างไปมาอยู่บนเตียงเมื่อคืนนี้ได้อย่าง ติดตา "ผมพอจะรู้คร่าวๆครับ ว่าคุณชายไชยาใช้เส้นทางไหนในการออกเดินทาง คุณหญิงอย่าเป็นห่วงไปเลยครับ" " ว่าแต่ว่าคืนนี้เราจะพักที่ไหนล่ะ.." ธาราถามมาบ้าง หางตาเห็นแวบๆว่าพรานหนุ่มแอบชำเลืองมองเป้ากางเกงน้องสาวของตน พอชำเลืองมองดูบ้างก็ต้องกลืนน้ำลาย เพราะเป้ากางเกงของน้องสาวมันอวบนูนจนแทบไม่ต้องจินตนาการถึงโหนกเนื้อภายใน เลย นี่ถ้าไม่ต้องเกรงใจพรานหนุ่มและคนอื่นๆ เขาอยากจะขอให้พักขบวนซักครู่ เพื่อเข้าไปปลดปล่อยอารมณ์ในเนินเนื้อที่อยู่ภายในกางเกงรัดรูปนั้นให้ หายอยากซะก่อน แล้วค่อยเดินทางต่อ "วันนี้เราจะพักในเขตที่เรียกว่าบึง ผีสิง ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ประมาณห้าชั่วโมงครับ" วรินทร์เงยหน้าจากเนินเนื้ออวบอูมของหญิงสาว หันไปตอบธารา "บึงผีสิง..." หญิงสาวทวนคำ ทำท่าขนลุก "...ชื่อน่ากลัวจังเลย.." "ทำไมถึงเรียกบึงผีสิงล่ะ.." ธาราถาม วรินทร์หัวเราะหึๆ เมื่อเห็นนายจ้างสาวทำท่ากลัว " มันเป็นความเชื่อของชาวบ้านแถวนี้ครับ.." เขาอธิบาย "...ว่ากันว่า วันดีคืนดีจะมีบางอย่างในบึง โผล่ขึ้นมาฉุดลากคนที่นอนอยู่บริเวณนั้นลงไปในน้ำ แล้วไม่โผล่ขึ้นมาอีกเลย.." หญิงสาวหันไปมองหน้าพี่ชายด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก "เราหาที่พักที่อื่นไม่ได้เหรอ..." ธาราถามวรินทร์เพราะรู้ว่าน้องสาวไม่อยากนอนพักในที่แบบนั้น วรินทร์ส่ายหน้า " ไม่ได้หรอกครับ..." เขาตอบง่ายๆ "...ที่นั่นสะดวกที่สุดแล้วเพราะอยู่ใกล้น้ำและที่ผ่านมา เวลาต้องค้างคืน ผมก็นอนกับคนของผมที่นั่นทุกครั้ง ก็ไม่เห็นมีอะไรเลย.." เขาหัวเราะเบาๆ "... คุณหญิงอย่ากลัวไปเลยครับ..." พรานหนุ่มปลอบ "...เรามาตั้งหลายคน ผมรับรองว่าคุณหญิงจะปลอดภัยอย่างแน่นอน ขอร้องเพียงแต่ว่าถ้าจะเดินไปไหน ก็ให้พรานของผมเดินไปเป็นเพื่อนด้วยแค่นั้น ว่ากันตามความจริง มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอกครับ เพียงแต่บริเวณนั้นมันเงียบสงบ พอตกดึก ชาวบ้านก็สร้างภาพกันขึ้นมาเอง ไม่ใช่เรื่องผีสางอะไรอย่างที่เขาเล่ากันหรอกครับ.." กนิษฐาจ้องหน้า เขาอย่างไม่แน่ใจ แต่เธอตกลงใจแล้วว่าจะร่วมเดินทางไปด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าเพียงเรื่องแค่นี้ก็ทำให้เธอหวาดกลัวเสียแล้ว ในอนาคตยังมีเรื่องที่รอเธออยู่ แล้วเธอจะร่วมเดินทางไปได้อย่างไร... " ถ้าคุณรับรองอย่างนั้น ฉันจะเชื่อก็แล้วกัน..." เธอพูดเบาๆ ชายหนุ่มพยักหน้ายิ้มๆ หันหลังจะเดินกลับไปนำหน้าขบวนต่อ หางตาเหลือบเข้าไปในสาบเสื้อที่กลัดกระดุมอย่างหมิ่นเหม่ของหญิงสาว มองเห็นเนินอกขาวผ่องชั่วแวบหนึ่ง วรินทร์กลืนน้ำลายก่อนจะตัดใจเดินไปข้างหน้าต่อไป สองชั่วโมงผ่าน ไป เส้นทางที่ขบวนเดินผ่านเงียบสนิท ใบไม้และกิ่งไม้บริเวณนั้นนิ่งไม่กระดิก ปราศจากเสียงสัตว์ให้ได้ยินแม้แต่น้อย วรินทร์เหลือบหันไปมองด้านหลัง นายจ้างทั้งสองนั่งหลับตา พิงร่างกันอยู่บนเกวียนด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง คนของเขายังเดินสบายๆเพราะแต่ละคนผ่านการเดินป่ามาจนชินแล้ว เสียงที่ได้ยินมีเพียงเสียงย่ำเท้าและเสียงล้อเกวียนที่ดังกรอบแกรบขณะที่ ผ่านใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นลงมา... ตะวันตรงศีรษะ ขบวนเกวียนมาหยุดพักกินข้าวในร่มไม้ที่อยู่ติดเชิงเขาลูกเล็กๆ กลุ่มลูกจ้างจัดแจงหยิบห่ออาหารที่เตรียมไว้สำหรับเป็นเสบียงมื้อเที่ยงออก มานั่งล้อมวงกินด้วยกัน "คุณชายกับคุณหญิงนั่งทานบนเกวียนก็ได้นะครับ ไม่ต้องลงมาหรอก.." วรินทร์เอ่ยปากเมื่อเห็นนายจ้างขยับตัวจะลงมาจากเกวียน ธารากลับขึ้นไปนั่งตามเดิม แต่กนิษฐายังคงกระโดดลงมาจากเกวียน เอื้อมมือไปหยิบไรเฟิลที่วางอยู่บนที่นั่ง หันมาทางเขา "ฉันยังไม่หิวหรอก..." หญิงสาวหันมาพูดพลางมองไปรอบๆ "...ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว คุณช่วยพาฉันไปหาเป้าลองซ้อมมือดูหน่อยสิ.." วรินทร์ มองตาโต อมยิ้ม เพราะรูปร่างของหญิงสาวไม่บอกว่าจะเป็นนักยิงปืนที่ดีแม้แต่นิดเดียว รูปร่างเพรียวบางภายใต้ชุดเดินป่ารัดแนบเนื้อ มองเห็นทรวงอกพุ่งตระหง่าน ลาดลงมาตามหน้าท้องที่แบนราบ รับกับเนินเนื้อที่อวบอูมด้านล่าง เธอน่าจะเป็นนางแบบมากกว่าจะมาเดินป่าแบบนี้ แต่เขาก็ไม่อยากขัดใจ "ตามใจคุณหญิงสิครับ ถ้าคิดว่ายิงได้.." เขาพูดเสียงยิ้มๆ ธาราหัวเราะตะโกนมาจากบนเกวียน "ปล่อยเขาเถอะวรินทร์ ให้ไปลองยิงดู เดี๋ยวเมื่อยมือก็เบื่อเองนั่นแหล่ะ" หญิงสาวหันมาค้อนผู้เป็นพี่ชาย " เล็กอยากลองดูเท่านั้นเองแหล่ะค่ะ ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว ถ้าไม่ได้ยิงปืนเลย มันก็เหมือนไม่ได้เข้าป่า..." เธอหันมาทางชายหนุ่ม "...คุณพาไปเถอะ ให้พี่โตทานคนเดียวไปก่อน แล้วเดี๋ยวเราค่อยกลับมาทานทีหลังก็ได้" พรานหนุ่มพยักหน้ายิ้มให้ หญิงสาวรีบเดินนำหน้าเขาเข้าไปในพงด้านข้างเพื่อซ้อมยิงปืน "ไหน ล่ะ ยิงตรงไหน.." หญิงสาวหันมาถามหลังจากที่พรานหนุ่มพาเดินมาชั่วเหงื่อซึม วรินทร์ซึ่งเดินตามหลังหญิงสาวและคอยชี้บอกทาง แอบลอบมองบั้นท้ายเนื้อแน่น สะโพกผายที่มองเห็นจากด้านหลัง บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของเนินเนื้อด้านหน้าที่อวบอูมจนแทบล้นออกมาจาก เป้ากางเกง ภาพที่เห็นเบื้องหน้าและที่จดจำได้จากเมื่อคืน ทำให้ท่อนเนื้อของเขาแข็งตัวดันเป้ากางเกงขึ้นมาเป็นลำอีกครั้งอย่างช่วยไม่ ได้ เขาฝืนยิ้มพลางชี้ขึ้นไปบนต้นไม้ที่มองเห็นลิบๆ หญิงสาวเงยหน้ามอง ก็เห็นนกเงือกเกาะอยู่บนต้นไม้ ห่างออกไปประมาณสามสิบเมตร "นั่นแหล่ะครับ คุณหญิงยิงตามสบายเลยครับ.." วรินทร์พูดพลางหลบมายืนด้านหลัง เพื่อให้เธอมองเป้าได้อย่างสะดวก หญิงสาวหันมามองหน้าเขาก่อนจะบรรจงเล็งศูนย์ปืนจนมองเห็นนกเงือกอยู่ในกากบาท กลั้นใจก่อนจะเหนี่ยวไกยิง เปรี้ยง!!! "อุ๊ย..." หญิงสาวอุทาน แรงสะท้อนของไรเฟิลในมือทำให้ร่างเซมาปะทะร่างเล็กแต่แข็งเกร็งที่ยืนอยู่ข้างหลัง วรินทร์ เอื้อมมือมาคว้าร่างของหญิงสาวเพื่อไม่ให้สะดุดล้ม แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อรู้สึกว่าสองมือที่โอบยึดร่างเธอไว้ มันตะปบเอาสองเต้าของเธอไว้เต็มกำมือ สัมผัสที่ได้รับมันเต็มไปด้วยความหยุ่น แน่นกระชับมือ แต่เพียงแวบเดียว เขาก็รีบปล่อยมือออก "อุ๊ย..." หญิงสาวอุทานอีกครั้ง เมื่อรู้สึกว่าทรวงอกเต่งตึงถูกสัมผัสโดยมือของผู้ที่อยู่ด้านหลัง และที่สำคัญ บั้นท้ายแน่นกระชับที่กระทบส่วนล่างของเขา จนรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งกลางลำตัวเขาที่สะโพกของเธอสัมผัสโดน "ขอ โทษครับ.." วรินทร์รีบเอ่ยปากขอโทษเมื่อเห็นหญิงสาวหันมามอง หน้าแดงกล่ำ ไม่แน่ใจว่าเขาจงใจหรือว่าบังเอิญแตะต้องทรวงอกของเธอกันแน่ แต่ที่เธอแน่ใจอย่างหนึ่งก็คือท่อนเนื้อในกางเกงเดินป่าของเขามันแข็งราวกับ หิน และสัมผัสเพียงชั่วแวบบอกให้รู้ว่ามันมีขนาดไม่แตกต่างจากของพี่ชายเธอเลย หญิงสาวยืนนิ่งอึ้งอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เดินไปด้านหน้าและลองซ้อมมือยิงโน่นยิงนี่อีกซักพัก ก่อนจะเดินกลับมาหาเขา "เรากลับกันดีกว่า.." หญิงสาวพูดเกือบเป็นเสียงกระซิบ ใบหน้าสีชมพูไก๋ไปมองเส้นทางที่ต้องเดินกลับเกวียน วรินทร์ ก็เห็นด้วยเพราะเรือนร่างที่เซมาปะทะร่างของเขาเมื่อครู่ มันเปี่ยมไปด้วยพลังที่ทำให้เขาปั่นป่วนไปหมด หนั่นเนื้อด้านหลังที่แนบกับท่อนล่างของเขามันแน่นกระชับราวติดสปริง ถึงจะเป็นแค่แวบเดียว แต่ก็ทำให้เขาอึดอัดไปทั้งร่าง วรินทร์นำหญิง สาวกลับมายังเกวียนเพื่อให้เธอทานอาหารร่วมกับพี่ชาย ส่วนตัวของเขาไปนั่งทานรวมกับพรานคู่ใจ ซึ่งตลอดเวลา หญิงสาวไม่ได้หันกลับมามองเขาอีกเลย... ขบวนคาราวานออกเดินทางต่อ หลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จเรียบร้อยแล้ว วรินทร์ยังคงเดินนำหน้าขบวนเหมือนเคย นายจ้างทั้งสองนั่งอยู่บนเกวียน ธาราเมื่อออกเดินทาง ก็หลับพักผ่อนเพื่อเก็บแรงไว้ ส่วนหญิงสาวนั่งมองร่างของพรานหนุ่มที่เดินดุ่มๆอยู่เบื้องหน้า นานๆครั้งจะได้ยินเสียงเขาเรียกพรานคู่ใจเข้าไปหารือถึงเส้นทาง เมื่อกำหนดได้แล้วก็ออกเดินนำหน้าเหมือนเดิม ภาพของพรานหนุ่มที่เธอ เห็น ทำให้นึกย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อตอนที่ซ้อมยิงปืน หญิงสาวรู้จากประสบการณ์ที่อยู่ร่วมกับพี่ชายว่าเมื่อพี่ของเธอมีอารมณ์ ท่อนเนื้อตรงนั้นของเขาจะแข็งตัวขึ้นมาซึ่งเธอเห็นจนชินตา แต่เมื่อสักครู่นี้ เธอนึกไม่ออกว่าพรานนำทางมีอารมณ์เพราะเหตุใด จะบอกว่าเป็นเพราะเธอ แต่เธอก็จำได้ว่าเธอวางตัวดีมาตลอด และจากคำรับรองของผู้อำนวยการสถานีกักสัตว์ว่าวรินทร์เป็นคนที่ไว้ใจได้ใน ทุกๆเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจในการเปลี่ยนแปลงของเขาโดยเฉพาะบริเวณเป้ากางเกง... หญิง สาวยิ้มเล็กน้อย หรือว่าพรานหนุ่มก็แอบชอบเธอ แต่ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะเขาไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาแม้แต่นิดเดียว คงทำหน้าที่เป็นพรานนำทางเพียงแค่นั้น แต่...เรื่องอย่างนี้ปิดกันได้ไม่นานหรอก ยิ่งต้องออกเดินทางมาด้วยกันอย่างนี้ ซักวันหนึ่ง เขาก็ต้องแสดงความรู้สึกออกมาให้เธอเห็นเองนั่นแหล่ะ... แดดสุด ท้ายลับสายตาไป ขบวนคาราวานมาหยุดพักบริเวณบึงน้ำแห่งหนึ่ง ล้อมรอบด้วยพรรณกล้วยไม้หลากชนิด ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว ไก่ป่าฝูงเล็กๆเดินมาริมบึงและก้มลงจิกกินน้ำอย่างเงียบกริบ เก้งยืนเล็มใบไม้อยู่อย่างสงบ ทัศนียภาพยามนี้ สวยงามกว่าที่พรานนำทางพูดถึงไว้อย่างเทียบไม่ได้ หญิงสาวคิดพลางมองดูความงามรอบๆตัว เธอดูไม่ออกเลยว่าเพราะเหตุใด ที่แห่งนี้ถึงได้มีชื่อน่ากลัวเช่นนั้น พี่ชายของเธอเดินไปยืนอยู่ริมน้ำ มองดูแสงตะวันที่กำลังลับหายจากท้องฟ้า... "ที่นี่น่ะเหรอ ที่เรียกว่าบึงผีสิง.." หญิงสาวถามลอยๆ ขณะที่ลูกหาบต่างกางเต้นท์เพื่อให้เป็นที่พักของเธอและพี่ชาย อีกส่วนหนึ่งกำลังก่อกองไฟสำหรับเตรียมหุงหาอาหารและใช้เป็นรั้วสำหรับ ป้องกันอันตรายยามค่ำคืน "ครับ ที่นี่แหล่ะ บึงผีสิง.." วรินทร์ตอบขณะที่นั่งถอดลูกเลื่อนและทำความสะอาดปืนคู่มือ " ดูไม่ออกเลย ว่ามันน่ากลัวตรงไหน ฉันว่าสวยดีออก.." หญิงสาวยังคงสงสัย พรานหนุ่มเหลือบมองเป้ากางเกงที่ห่างจากใบหน้าของเขาเพียงเล็กน้อยเพราะเจ้า ของร่างม ายืนอยู่ใกล้ๆ เนินเนื้ออวบอูมที่ลอยเด่นอยู่เบื้องหน้าทำให้ชายหนุ่มกลืนน้ำลาย อยากจะบอกว่าไอ้วิวที่เขากำลังดูอยู่เนี่ยก็สวยเหมือนกัน แต่ก็ฝืนใจตอบ " ผมบอกแล้วไงครับ ว่าอะไรๆมันอยู่ที่เราคิดทั้งนั้น ถ้าคุณหญิงไม่กลัว นั่นก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะแสดงว่าคุณหญิงมีจิตใจที่เข้มแข็ง อย่างนี้ผมรับรองว่าไปได้ทุกที่แหล่ะครับ" เขาหลบสายตาลงจากเนินเนื้องดงามนั้นพลางประกอบปืนและบรรจุกระสุนเตรียมพร้อม ไว้ หญิงสาวเดินไปนั่งข้างๆพี่ชายที่กำลังนั่งอยู่ริมบึง "สวยดีนะคะ.." เธอเอ่ยกับพี่ชายเบาๆ สายตามองดูธรรมชาติที่งดงาม ธารา หันมายิ้มให้ สายตามองลอดเสื้อเดินป่าเข้าไป เหงื่อที่ซึมออกมาทำให้ทรวงอกของเธอพุ่งดันเสื้อออกมาจนมองเห็นเม็ดทับทิม ปลายยอดอย่างชัดเจน เนินเนื้อที่อวบอูมใต้กางเกงเดินป่า ทำให้เขาแอบกลืนน้ำลาย อารมณ์ที่พึ่งได้ระบายออกบนเรือนร่างของน้องสาวเมื่อคืนค่อยๆกลับมาอีกครั้ง ท่อนเนื้อที่นอนนิ่งสงบอยู่ในกางเกงเริ่มขยับขยายตัวตามภาพที่เห็น บรรยากาศที่สวยงามตอนนี้ ทำให้เขาอยากปลดปล่อยอารมณ์กับเธออีกซักครั้ง แต่จะทำอย่างไร เพราะเขาไม่ได้อยู่กับน้องสาวเพียงแค่สองคน... "เอาไว้ ดึกๆเราลองมาเดินเล่นที่นี่กันดีกว่า พี่ว่ามันต้องสวยงามกว่านี้แน่ๆ.." ธาราเอ่ยกระซิบ น้องสาวหันมายิ้มให้ ทำไมจะไม่รู้ว่าพี่ชายตัวเองคิดอะไรอยู่ อีกอย่างหนึ่ง เรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอเมื่อตอนสาย มันทำให้เธอมีอารมณ์ขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่เธอจำได้ว่าวรินทร์เคยบอกว่าถ้าจะไปไหน ก็ให้มีพรานของเขาไปเป็นเพื่อนด้วยทุกครั้ง "เราอย่าบอกใครสิ..." พี่ชายพูดยิ้มๆเพราะรู้ใจน้องสาว "...ทำไมพี่จะดูแลน้องตัวเองไม่ได้ หรือเล็กอยากให้มีคนอื่นมานั่งดูอยู่ด้วยล่ะ.." น้องสาวค้อน หน้าแดง เรื่องอย่างนี้ ใครเขาจะอยากให้คนอื่นเห็น เธอหันกลับไปมองจุดที่ตั้งเต้นท์ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่มากนัก คิดว่าคงไม่มีอันตรายใดๆในระยะใกล้ๆอย่างนี้หรอก อารมณ์ที่ปั่นป่วนทำให้เธอหันมายิ้มให้กับพี่ชายและพยักหน้านิดๆเป็นเชิง ตกลง... ภายหลังทานอาหารค่ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว นายจ้างทั้งสองนั่งคุยกับวรินทร์และพรานพื้นเมืองอีกชั่วครู่ ก่อนจะเข้าไปในเต้นท์เพื่อพักผ่อน วรินทร์จัดเวรยามสำหรับเฝ้าที่พักคืนนี้ ส่วนตัวเขาเอง นอนห่างจากเต้นท์ของนายจ้างออกไปเพื่อดูแลความปลอดภัยให้ทั่วทั้งที่พัก แต่ลึกๆแล้วเขาต้องการนอนห่างจากเต้นท์ของนายจ้างเพราะกลัวว่าคืนนี้จะได้ ยินเสียงที ่ไม่อยากได้ยิน ไม่ว่าจะเป็นเสียงครวญครางหรือเสียงโยกบนเตียงสนาม ซึ่งบรรดาเสียงเหล่านั้นมันคงจะทำให้เขาอึดอัดจนนอนไม่หลับเป็นแน่ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าขณะที่นายจ้างสาวถอยหลังมาชนตัว กลิ่นหอมอ่อนๆจากเรือนร่างบวกกับหนั่นเนื้อแน่นกระชับที่กระแทกตัวเขา ยังคงคั่งค้างอยู่ในสมอง เพียงแค่คิด...ท่อนเนื้อที่อุตส่าห์ข่มใจให้สงบก็แข็งตัวขึ้นมาอีกครั้ง ชายหนุ่มนอนพลิกซ้ายพลิกขวาด้วยความหงุดหงิด ความสุขที่พึ่งได้รับจากชบา สาวลูกบ้านที่ยอมให้เขาใช้ร่างกายของเธอปลดปล่อยความอัดอั้นในตัวออกเมื่อ คืน ดูเหมือนจะไม่เพียงพอสำหรับเขาเสียแล้ว... วรินทร์ถอนหายใจเฮือก ใหญ่ ผุดลุกขึ้นนั่ง ถ้าไม่ทำอะไรซักอย่าง เขาคงไม่สามารถนอนหลับได้แน่ ตัดสินใจมองซ้ายมองขวาเพื่อหาที่ปลดปล่อยอารมณ์ อย่างน้อยก็ทำให้ท่อนเนื้อที่แข็งราวกับหินนั้นสงบลงชั่วคราวก็ยังดี เขาเดินอ้อมผ่านเต้นท์ของนายจ้างเพื่อจะหลบไปด้านหลังของบริเวณที่พัก แต่ก็ต้องชะงักนิ่ง รู้สึกถึงความผิดปกติ เพราะภายในเต้นท์ของนายจ้างนั้นเงียบสนิท ปราศจากเสียงหรือแสงไฟใดๆทั้งสิ้น ซึ่งผิดปกติวิสัยของคนทั้งสอง วรินทร์เดินมายืนข้างๆเต้นท์แล้วแนบหูกับผ้าใบเพื่อฟังเสียง แต่ไม่มีเสียงใดๆแม้แต่น้อย เขายืนคิดอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะเดินมาหน้าเต้นท์แล้วค่อยๆเปิดและมองภายในเต้นท์จนทั่ว... ร่าง ของกนิษฐานอนหลับสนิทอยู่บนเตียงสนาม ห่มผ้าคลุมตัวด้วยความเย็นของอากาศที่ยะเยือกไปทั่วบริเวณ วรินทร์มองที่เตียงของธาราแล้วต้องขมวดคิ้วย่น เพราะบนเตียงนั้นไม่มีร่างของนายจ้างผู้พี่ ผ้าห่มถูกคลี่ออกบนเตียง นั่นแสดงว่าผู้เป็นเจ้าของล้มตัวลงนอนแล้ว และลุกเดินออกไป... เขานิ่งคิดอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนจะค่อยๆเดินมาที่เตียงของนายจ้างสาวและเขย่าตัวเรียกเบาๆ " คุณหญิง...คุณหญิงครับ.." วรินทร์กระซิบเรียก กนิษฐาบิดกายเบาๆก่อนจะลืมตา และรีบลุกขึ้นมานั่งทันทีเมื่อเห็นพรานนำทางมายืนอยู่ข้างเตียง "มีอะไรเหรอ.." หญิงสาวถามพลางมองไปที่เตียงของพี่ชายแล้วชะงักเพราะไม่เห็นพี่ของเธอนอนอยู่ "คุณหญิงทราบหรือเปล่าครับ ว่าคุณชายหายไปไหน.." คำถามนั้น ทำให้เธอหายจากอาการสะลืมสะลือทันที " ไม่รู้สิ ฉันเข้ามานั่งคุยกับพี่โตซักพัก แล้ว..." เธอหันไปมองโดยรอบ "...แล้วนี่ฉันหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย จำได้ว่านั่งคุยกับพี่โตอยู่ดีๆ.." น้ำเสียงเธอตกใจ "คุณหญิงจำได้หรือเปล่าว่าคุยเรื่องอะไรกับคุณชาย.." เขาพยายามทำเสียงให้ปกติ ซึ่งตรงกันข้ามกับใจที่ร้อนดั่งไฟ " อืมม...ก็คุยกันหลายเรื่องนะ แต่เดี๋ยว..." เธอทำท่านึกขึ้นได้ หันมามองหน้าเขา "...ตอนที่ยืนอยู่ที่ริมบึงเมื่อตอนเย็น พี่โตชวนฉัน บอกว่าให้ออกไปชมวิวที่ริมบึงตอนกลางคืนกัน ฉันนึกว่าเขาพูดเล่น เพราะไม่เห็นเอ่ยปากชวนอีกเลย.." วรินทร์นิ่งคิด ธาราจะไปที่ไหนได้ในยามค่ำคืนเช่นนี้ วูบหนึ่ง!!! เขาคิดแล้วก็สะดุ้ง หรือธาราจะออกไปที่บึงจริงๆ ชาย หนุ่มใช้หลังมือเช็ดเหงื่อใต้จมูก ธาราไม่น่าจะบ้าระห่ำออกไปเดินเล่นริมบึงกลางดึกอย่างนี้ ทั้งๆที่เขาห้ามแล้วห้ามอีก ทั้งยังบอกแล้วว่าถ้าจะไปไหน ก็ขอให้มีพรานของเขาไปเป็นเพื่อนด้วย แต่ดูเหมือนนายจ้างจะไม่ยอมฟังคำเตือนของเขาเสียแล้ว... "คุณหญิงรออยู่ที่นี่นะครับ เดี๋ยวผมกลับมา.." วรินทร์ขยับตัว แต่ต้องชะงักเมื่อหญิงสาวเอื้อมมือมาดึงแขนเขาไว้ " ไม่เอา ฉันไปด้วย..." หญิงสาวพูดเด็ดขาด เขาตั้งใจจะปฏิเสธ แต่เวลาทุกวินาทีมีค่า เขาไม่อยากเสียเวลาห้ามปรามเธอ จึงพยักหน้าให้ หญิงสาวรีบขยับตัวหยิบไรเฟิลและไฟฉายลุกขึ้นจากเตียง ไม่รออะไรทั้ง สิ้น...วรินทร์สาวเท้าเดินไปยังริมบึงน้ำพร้อมไรเฟิลในมือที่ปลดเซฟไว้แล้ว สายตามองกวาดทั่วเส้นทางที่ตนเองกำลังเดินก้าวไปอย่างรวดเร็วโดยมีร่างของ นายจ้างสาว ก้าวตามมาติดๆ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าธาราจะปลอดภัยจากอันตรายใดๆที่อาจเกิดขึ้นจนกว่าเขาจะไปถึง... " พี่โตชอบที่นี่หรือเปล่าคะ.." หญิงสาวที่นั่งข้างๆถามเสียงเย็น หลับตา แหงนหน้า กลิ่นดอกไม้ป่ายามดึกลอยมาพร้อมลมที่พัดโชยมาเบาๆ เงาไม้ฝั่งตรงข้ามมองเห็นเรือนลางจากแสงจันทร์ที่ส่องสว่างนวล ยามที่มานั่งอยู่ริมบึง ธาราหันมายิ้มให้น้องสาว บรรยากาศที่เงียบสงบ ร่างของน้องสาวที่นั่งชันเข่าพิงร่างอยู่กับตัวเขา กลิ่นกายหอมอ่อนๆที่โชยจากเรือนร่างของเธอ ทำให้อารมณ์ของเขาเริ่มพลุ่งพล่าน ความมืด ความน่ากลัวของสถานที่ในเวลานี้ ไม่ทำให้เขารู้สึกกังวลแม้แต่น้อย ชุดเดินป่าของเธอที่เปิดกระดุมเสื้อเม็ดบนเพื่อรับอากาศที่เย็นสบาย ทำให้ธารามองลอดเข้าไปเห็นร่องเนื้อขาวผ่อง คืนนี้เธอไม่ได้ใส่เสื้อชั้นใน ทำให้มองเห็นเม็ดทับทิมสีชมพูอ่อนวับๆแวมๆ ยิ่งทำให้อารมณ์ที่มีอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พุ่งสูงขึ้นไปอีก... เมื่อ สักครู่ที่อยู่ในเต้นท์ เขาแปลกใจมากที่น้องสาวของตน เป็นฝ่ายเอ่ยปากชวนเขาออกมาเดินเล่นเอง ทั้งที่แต่ก่อนแต่ไรมา เขาจะต้องเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อนทุกครั้ง กนิษฐามาเขย่าตัวเขาบนเตียง เมื่อเขาตื่นขึ้นมา เธอก็ยิ้มให้และก้มลงประทับจูบเบาๆบนริมฝีปากเขา ก่อนจะค่อยๆเดินออกจากเต้นท์ไป เพียงแค่นี้ก็รู้แล้วว่าน้องสาวของตนต้องการอะไร... ธาราเดินตามน้อง สาวออกมานอกเต้นท์ มองเห็นเธอเดินช้าๆมายังริมบึงแห่งนี้ เขาขมวดคิ้ว เพราะปกติแล้วกนิษฐาไม่ใช่คนที่จะกล้าไปไหนมาไหนคนเดียว แต่อาจเป็นเพราะเธอคงรู้ว่าเขาเดินตามมา จึงกล้าเดินออกมาที่นี่ ธารามองดูบริเวณที่พักรอบๆ ลูกหาบส่วนใหญ่นอนหมดแล้ว คงมีเพียงพวกที่ต้องอยู่ยามเท่านั้น ที่นั่งอยู่บนขอนไม้ข้างกองไฟ... สังหรณ์ แวบหนึ่งเตือนเขาให้เรียกใครซักคน บอกว่าเขากำลังจะไปที่ริมบึง แต่น้องสาวที่หันมายิ้มให้และกวักมือเป็นเชิงเรียกหา ทำให้เขาส่ายหัว สลัดความกังวลออกทั้งหมด และเดินตามเธอออกมาทันที... "เล็กถามว่าพี่โตชอบที่นี่หรือเปล่าคะ.." เสียงเย็นๆถามซ้ำ ธาราสะดุ้งเพราะกำลังคิดอะไรเพลิน หันมายิ้มให้น้องสาว " ชอบสิ ยิ่งพอเล็กมานั่งอยู่ด้วย พี่ยิ่งชอบเข้าไปใหญ่เลย.." เขาพูดยิ้มๆ มือขวาโอบประคองร่างที่นั่งอยู่ด้านข้าง ฝ่ามือลอดใต้วงแขนไปเกาะกุมอยู่บนเต่งเต้าที่พุ่งชูชันอยู่ภายในชุดเดินป่า เคล้นคลึงเบาๆ หญิงสาวเอนตัวมาซบอยู่บนไหล่ หอบหายใจตามแรงบีบเคล้นของเขาที่ค่อยๆเพิ่มความหนักหน่วงขึ้น เธอแอ่นอกขึ้นรับ เมื่อเขาเอื้อมมือมาปลดกระดุมเสื้อทีละเม็ดจนถึงเม็ดสุดท้าย ก่อนจะดึงชายเสื้อออกจากกางเกงและค่อยๆถอดเสื้อออกจากร่าง... "อืม ม..." ร่างงามนั้นครางในลำคอเมื่อเขาซบหน้าลงบนเต่งเต้าทั้งสอง สลับกับใช้ปลายลิ้นแตะสัมผัสแผ่วเบาบนปลายยอด ฝ่ามือกระด้างบีบเคล้นปทุมถันอย่างหนักหน่วง แต่แทนที่จะรู้สึกเจ็บ เธอกลับแอ่นอกขึ้นรับแรงที่ขยำขยี้ พลางหอบหายใจเบาๆ สะท้านไปทั้งร่างเมื่อรู้สึกว่าเขาค่อยๆเอื้อมมือมาปลดเข็มขัดและตะขอกางเกง ก่อนจะรูดทั้งกางเกงและซับในตัวจิ๋วผ่านปลายขาลงไปช้าๆ ธาราบีบเคล้น สองเต้าของน้องสาวอย่างหนักหน่วง บรรยากาศเงียบสงบริมบึง ปลุกอารมณ์ให้กระพือขึ้นมาอย่างรวดเร็วทำให้เขาอดใจไว้ไม่อยู่ เขาดันร่างงามลงนอนกับพื้นหญ้า ก่อนจะตามลงไปใช้ริมฝีปากดูดเม้มป้านถันงาม ปลายลิ้นเกลี่ยบนยอดถันทั้งสองจนเขม็งเกลียวเป็นเม็ดพุ่งชูชันสู้ปลายลิ้น สองมือป่ายเปะปะทั่วทั้งร่าง ก่อนจะค่อยๆปลดอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายด้านล่างจนร่างงามของน้องสาวเปลือยเปล่าต่อ หน้า แสงจันทร์ที่ส่องลงมากระทบร่างขาวผ่อง ปราศจากไฝฝ้าราคีใดๆ ธาราชื่นชมความงามชั่วขณะ ก่อนจะก้มลงซบหน้ากับเนินรักที่ปกคลุมด้วยไหมดำขลับของน้องสาวและตวัดปลาย ลิ้นลงไปชอนไชอยู่ในร่องรอยแยกจนร่องรักของเธอเปียกปอนไปด้วยน้ำลายและหยาด น้ำรักที่หลั่งออกมาจากภายในตามอารมณ์ที่กระพือขึ้น... "เล็กอยากให้ พี่โตอยู่กับเล็กที่นี่.." เสียงครางระคนคำพูดแผ่วเบา เย็นจับใจดังขึ้น ธารากำลังก้มหน้าก้มตาอยู่ในร่องรักของเธอ จึงไม่ได้สำเหนียกถึงความหมายในคำพูดนั้น "พี่อยู่กับเล็กแล้วยังไงล่ะ.." เขาตอบพลางตวัดปลายลิ้นเข้าใส่ติ่งเนื้อที่ยื่นออกมาจนแข็งขึ้นเป็นเม็ด ร่างงามสะท้านไปทั้งร่าง " พี่โตอยู่กับเล็กที่นี่นะ เราจะมีความสุขด้วยกันอย่างนี้ตลอดไป ตกลงมั๊ยคะ.." เสียงเย็นถามต่อ ธาราไม่ได้เงยหน้าขึ้นตอบอีก จึงไม่เห็นสายตาคมวาวที่จ้องมองเขาอยู่ในขณะนี้ ธาราก้มหน้าซุกไซ้ใบ หน้าในร่องรักของหญิงสาวจนไม่สามารถอดกลั้นได้อีก สองมือปลดเสื้อกางเกงออกจากร่างจนเปลือยเปล่าเช่นเดียวกับร่างงามที่กำลัง นอนบิดไปมา อยู่บนพื้นหญ้า ท่อนเนื้อที่แข็งราวท่อนไม้ถูไถไปมาบนร่างขาวผ่อง ยิ่งสร้างความเสียวกระสันให้ผู้เป็นเจ้าของยิ่งขึ้นไปอีก... "พี่ทนไม่ไหวแล้วเล็ก.." พี่ชายกระซิบเบาๆข้างหู ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปอยู่กลางลำตัวของน้องสาว เธอแยกต้นขาออกให้อย่างรู้งาน " พี่โตเบาๆก่อนนะคะ.." เสียงเย็นผิดไปจากที่เคยได้ยิน กระทบเข้าหู แต่วินาทีนั้น ธาราไม่สนใจความผิดปกติใดๆอีกแล้ว ท่อนเนื้อจ่อตรงร่องรอยแยก ค่อยๆดันร่างเข้าไปภายในร่างของเธอช้าๆ ร่างงามที่นอนอยู่ด้านล่างบิดกายไปมาเพื่อให้ท่อนเนื้อที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาในร่ าง สามารถขยับตัวให้เบียดช่องทางเข้ามาได้สะดวกขึ้น.. "อ้า..." ทั้งสองครางออกมาพร้อมๆกันเมื่อรู้สึกว่าท่อนเนื้อของเขาเบียดตัวเข้าไปในร่างของเธอ ได้จนหมด เมื่อเข้าไปได้เรียบร้อยแล้ว ธารารอซักพักจึงเริ่มโยกร่างเข้าใส่ร่างงามที่นอนยิ้มเย็นๆ รอรับแรงบดกระแทกทันที... ********************************* วรินทร์เดินนำนายจ้างสาวมายังริมบึงซึ่งเมื่อตอนเย็นเขาได้พานายจ้างทั้งสองมาชมทิวท ัศน์ ป่าทั้งป่าเงียบกริบ ไม่มีแม้แต่เสียงเรไร ตุ๊กแกป่า ที่มักจะร้องระงมไปทั่ว ราวกับว่าแม้แต่พวกมันก็สำเหนียกถึงอันตรายที่มองไม่เห็นเช่นกัน เขาก้าวพ้นพงหญ้าออกมายืนหลังไม้ใหญ่ ภาพที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ริมบึงที่เห็นเบื้องหน้าห่างจากจุดที่เขายืนอยู่ ประมาณสิบ เมตร แสงจันทร์ส่องสว่าง ทำให้เขาชะงัก หญิงสาวที่เดินตามหลังมายืนเบิกตาโพลง "พี่โต..." หญิงสาวอุทานเสียงกระซิบ ตะลึงกับภาพที่เห็น วรินทร์ จะเห็นอย่างไร กนิษฐาไม่รู้ แต่ภาพที่เธอเห็นขณะนี้ คือพี่ชายของเธอกำลังโยกเอวเข้าใส่ร่างของใครคนหนึ่งที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ท่าทางที่กำลังบดกระแทกร่างนั้นอยู่ บอกให้รู้ว่าเขากำลังมีอารมณ์อย่างรุนแรง เสียงครวญคราง เสียงกระแทกร่างของคนทั้งสอง ดังแว่วมาจนถึงบริเวณที่เธอและพรานหนุ่มแอบซ่อนอยู่ พี่ชายเธอก้มหน้าก้มตาบดขยี้ท่อนเนื้อเข้าใส่ร่องรักที่นอนรับอยู่ด้าน ล่างอย่างหนัก หน่วง โดยไม่ได้สังเกตแม้แต่นิดเดียวว่ามีคนมาแอบยืนซุ่มดูอยู่... แวบ หนึ่ง!!! หญิงสาวรู้สึกเหมือนกับว่าร่างที่กำลังนอนหงายอยู่บนพื้นหญ้านั้น จะเหลือบหันมามองเธอ กนิษฐาเพ่งมองก็ต้องเอามืออุดปาก เพราะถึงแม้ใบหน้านั้นจะดูงดงาม แต่ก็ซีดจนเขียวไปหมด และคล้ายกับจะรู้ว่าเธอกำลังแอบดูอยู่ ใบหน้านั้นหันมาแสยะยิ้มให้เธอทั้งๆที่ยังนอนให้พี่ชายเธอกระแทกร่างเข้าใส่ อย่างเอาเป็นเอาตาย กนิษฐาจ้องมองสายตานั้นแล้วก็ต้องสะบัดใบหน้าเบาๆเพราะรู้สึกเหมือนพื้นดิน โคลงเคลงไปมาจนเธอเซไปยืนพิงต้นไม้ที่แอบอยู่นั้น ซักพักหนึ่ง เธอรู้สึกปั่นป่วนภายใน เหมือนมีความร้อนแผ่กระจายไปทั่วทั้งร่าง ขุมความร้อนที่ซาบซ่านในตัวพุ่งผ่านตั้งแต่ศีรษะลงไปจนถึงเนินอกอวบอูม วนไปมาอยู่บนปลายยอดจนเธอต้องบิดกายไปมา เม็ดทับทิมที่ซ่อนตัวอยู่ในเสื้อชั้นในแข็งเขม็งชูชันขึ้นมาอย่างห้ามไม่ อยู่ รู้สึกว่ากระแสความร้อนแผ่ลงไปด้านล่าง เธองอตัวเมื่อรู้สึกร้อนวาบไปทั่วท้องน้อย กระแสความร้อนชอนไชเข้าไปในร่องรัก หมุนวนอยู่บนติ่งเนื้อจนเธอแทบทรุดตัวลงนั่ง หยาดน้ำภายในเอ่อซึมล้นทะลักออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ สติสัมปชัญญะค่อยๆลดเลือนลงทุกที... วรินทร์ยืนมองร่างที่กำลังบด กระแทกอยู่บนพื้นหญ้า สิ่งที่เขาเห็นแตกต่างจากที่กนิษฐาเห็น เขามองด้วยความงุนงงเพราะภาพที่เห็นคือนายจ้างของเขาถอดเสื้อผ้าจนเปลือย เปล่าและกำล ังนอนคว่ำหน้ากระแทกท่อนเนื้อเข้าใส่พื้นหญ้า คล้ายกับกำลังร่วมรักกับใครซักคน สีหน้าแววตาของธาราคล้ายกับกำลังมีความสุขอย่างเต็มเปี่ยม ภาพที่เห็นเบื้องหน้า ทำให้เขาไม่ได้สังเกตถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวของนายจ้างสาวที่ยืนอยู่ด้าน หลัง... วรินทร์ขยับตัวจะเดินออกไปหาธาราก็ต้องสะดุ้งเมื่อรู้สึกว่า หญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างหลัง เอื้อมมือมาจับแขนเขาไว้แน่น เขาหันกลับไปก็เห็นหญิงสาวยืนจ้องหน้าอยู่ด้วยแววตาหวานเยิ้ม ร่างงามยืนบิดไปมาดูยั่วยวนอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน... "คุณ หญิง..." วรินทร์กระซิบเรียกเบาๆด้วยความงุนงง ร่างของเธอสั่นระริกไปทั้งร่าง แววตาหยาดเยิ้มที่มองเขามันบ่งบอกถึงความต้องการภายในอย่างชัดแจ้ง " วรินทร์...ฉัน...ฉันเป็นอะไรก็ไม่รู้.." เสียงแผ่วเบาสั่นระริกดังลอดจากริมฝีปากงาม ปลายลิ้นเรียวเล็กเกลี่ยไปมาบนริมฝีปากที่แห้งผาก วรินทร์จ้องมองแล้วต้องรีบหลบตาเพราะปลายลิ้นที่ตวัดไปมานั้น เหมือนเป็นการเชิญชวนให้เขายื่นปลายลิ้นเข้าไปสัมผัสความหอมหวานที่กำลังรอ คอยอยู่... ร่างงามที่ยืนบิดส่ายสะโพกไปมาอยู่ใต้ต้นไม้ ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ดจนถึงเม็ดสุดท้าย ชายเสื้อถูกดึงรั้งออกจากขอบกางเกงและถอดเสื้อเหวี่ยงลงกับพื้นอย่างไม่ไยดี วรินทร์ตาค้าง ถอยหลังออกไปอย่างลืมตัว ร่างงามนั้นเอื้อมสองมือขึ้นมากุมสองเต้าขาวผ่อง ฝ่ามือนุ่มนิ่มบีบเคล้นเต่งเต้าของตนเองช้าๆ ปลายนิ้วคืบเข้าหาส่วนยอดก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่โป้งและนิ้วชี้บีบคลึงเม็ด ทับทิมแผ่วเบาจนแข็งชันสู้ปลายนิ้ว... "วรินทร์..อื้มม..." เสียงแหบพร่ากระซิบเรียก ระคนกับเสียงครวญครางที่ฟังแล้วกระตุ้นอารมณ์อย่างรุนแรง สองมืองามที่บีบเคล้นเต่งเต้าค่อยๆเลื่อนต่ำลงมาตามหน้าท้องที่ลาดลงไปด้าน ล่าง เข็มขัดถูกปลดออกพร้อมกับตะขอกางเกงเดินป่า บริเวณที่เขาและเธอ ยืนอยู่สว่างวาบขึ้น เมื่อกางเกงเดินป่าและซับในตัวจิ๋วถูกเขี่ยออกจากปลายขา ร่างงามขาวผ่องที่ยืนเปลือยกายต่อหน้าเขาบิดสะโพกไปมาอย่างยั่วยวน เนินเนื้อที่ปกคลุมด้วยไหมงามละเอียดดำขลับบิดไปมาตามอารมณ์ของผู้เป็นเจ้า ของ หยาดน้ำจากภายในที่เอ่อซึมออกมาเปียกปอนไหมงามบนร่องรัก สะท้อนแสงจันทร์ราวกับหยาดน้ำค้างที่เกาะตามใบไม้ วรินทร์ยืนนิ่งอย่าง ทำอะไรไม่ถูก ร่างงามยืนลูบไล้ส่วนสัดตัวเองไปมาทั่วทั้งร่างอย่างยั่วยวน ก่อนจะค่อยๆเยื้องกรายเข้ามาหาเขาช้าๆ... ************************************* สัมผัส ของความแน่นกระชับในร่องรัก ทำให้ธาราบดท่อนเนื้อเข้าใส่ร่างที่กำลังนอนอยู่บนพื้นหญ้าอย่างหนักหน่วง สองมือบีบเคล้นเต่งเต้าที่พุ่งชูชันล่อสายตาแทบแหลกคามือ แปลกใจเล็กน้อย เพราะปกติแล้ว น้องสาวมักจะอุทธรณ์ถึงความรุนแรงที่เขามอบให้ แต่คราวนี้เธอกลับแอ่นกายขึ้นรับทั้งบนและล่างอย่างเต็มใจ เนินเนื้อด้านล่างเริ่มบีบกระชับร่องรักแน่นขึ้น บ่งบอกถึงอารมณ์ของเจ้าของว่าใกล้ถึงเส้นชัยเต็มทน ทำให้ธาราเร่งจังหวะในการบดกระแทกเร็วขึ้น... "พี่โต...เร็วอีกนิดค่ะ ...เล็กจะถึงแล้ว.." เสียงเพ้อครางออกจากปากร่างงาม ใบหน้าส่ายไปมาด้วยความเสียวซ่าน ทำให้เขาบดแท่งรักเข้าใส่เธอเร่งความเร็วขึ้น "อีก..อีกนิดนึง...เร็วค่ะ...เราจะได้อยู่ด้วยกันแล้ว...อีกนิด..นึง.." เสียงครวญครางดังกระเส่า แอ่นท่อนล่างขึ้นรับแรงกระแทก "พี่จะไม่ไหวแล้ว..เล็ก.." พี่ชายกระหืดกระหอบพูดพลางเด้งเอวเข้าใส่ร่างที่นอนอยู่เร็วถี่ยิบ " ป..ปล่อยออกมาเลยค่ะ..เราจะได้มีความสุขอยู่ด้วยกันที่นี่ตลอดไป.." น้องสาวเพ้อครางสำนวนฟังแปลกหู แต่ธาราไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ความฟิตกระชับของร่องรัก ทำให้เขาไม่สามารถอดกลั้นไว้ได้อีก ท่อนเนื้อขยายตัววูบขึ้นอย่างรวดเร็ว "นั่นแหล่ะค่ะ..นั่นแหล่ะ...จะ ออกแล้ว.." น้ำเสียงลิงโลดจากปากหญิงสาว ทำให้พี่ชายกระแทกเอวเข้าใส่ร่างงามอีกครั้ง ก่อนจะบดท่อนเนื้ออัดแน่นในร่องรักและกอดร่างงามไว้อย่างแนบแน่น.. " อ..อ้า.." ทั้งคู่ครางออกมาพร้อมๆกัน ธารากระตุกวูบไปทั้งร่าง ท่อนเนื้อที่ฝังตัวอยู่ในร่องรอยแยก ฉีดน้ำรักเข้าไปในโพรงรักของน้องสาวอย่างรุนแรง ร่างงามที่นอนอยู่ด้านล่างกระตุกผวารับหยาดความร้อนที่ฉีดพุ่งเข้าไปใน ร่างอย่างทะลักทลาย... "ออก...ออกมาแล้ว.." เสียงพึมพำจากปากของน้องสาวเหมือนเก็บความยินดีไว้ไม่อยู่ ทำให้ธารายิ้มเพราะคิดว่าน้องสาวมีความสุขจากสิ่งที่เขาทำไปเมื่อครู่ ร่องรักขมิบตอดท่อนเอ็นถี่ระรัวเหมือนจะรีดเค้นน้ำรักในร่างของเขาจนหยดสุด ท้าย... ธารา นอนกอดร่างของน้องสาวไว้แนบแน่น แต่ทันใดนั้น!!! เขารู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง...น้ำรักที่ฉีดพุ่งเข้าไปในร่างของน้องสาว ดูเหมือนว่ามันจะหลั่งไหลออกมามากเกินไป จนคล้ายกับจะไม่มีวันหยุด ท่อนเนื้อยังคงกระตุกฉีดน้ำรักออกมาอย่างต่อเนื่อง ร่องรักขมิบดูดท่อนเนื้ออย่างเอาเป็นเอาตาย "เอ๊ะ..." เขาอุทานออกมาเบาๆ ขยับตัวจะดึงท่อนเนื้อออกจากร่องรักของน้องสาว แต่ก็ต้องชะงักเพราะร่างที่นอนอยู่ข้างล่างกอดรัดเขาไว้อย่างแนบแน่นจนเขา กระดุกกระดิกตัวไม่ได้ "อย่าพึ่งไปสิคะ.." เสียงเย็นๆเอ่ยปากออกมา "...เล็กยังรู้สึกดีอยู่เลย.." ธารา ขยับตัวอย่างอึดอัด ร่างกายเขาอ่อนเพลียลงอย่างรวดเร็ว น้ำรักยังคงพุ่งเข้าใส่ร่องรักของเธอ แต่ก็แปลก...เหมือนกับว่าของเหลวทั้งหมดที่เขาถ่ายเทเข้าใส่ร่างเธอ มันฉีดเข้าไปในโพรงถ้ำขนาดใหญ่ เพราะหยาดน้ำรักซึ่งหลั่งออกมาขนาดนั้น น่าที่จะไหลล้นออกมาจากร่องรักของเธอบ้าง แต่มันกลับหายเข้าไปอย่างชนิดที่ไม่ล้นออกมาแม้แต่หยดเดียว.. "อีกนิดเดียวพี่โตก็จะอยู่กับเล็กแล้ว.." ร่างงามเอ่ยเบาๆ ธาราอ่อนแรงลงเรื่อยๆ เขาหันมามองหน้าน้องสาวแล้วก็ต้องชะงัก " เฮ้ย!!!.." เขาอุทานเสียงดัง เมื่อเห็นว่าผู้ที่นอนอยู่กับพื้น ไม่ใช่น้องสาวของตนเอง ใบหน้าที่นอนอยู่ซึ่งเขาคิดว่าเป็นน้องสาวนั้น บัดนี้...มันเปลี่ยนเป็นใบหน้าของใครคนหนึ่ง ซึ่งเขาไม่เคยรู้จักมาก่อน ใบหน้านั้นซีดจนเขียว สายตาจ้องมองเขาอย่างเย็นชา เสียงหัวเราะเย็นยะเยือกจากปากทำให้ธาราตกใจแทบสิ้นสติ เขาพยายามขยับตัวออก แต่สองแขนที่โอบกอดร่างของเขาไว้ มันรัดแน่นเหมือนคีมเหล็ก ร่างของเขาอ่อนเพลียลงอย่างรวดเร็วจนไม่มีแรงที่จะดิ้นรนอีก ท่อนเนื้อยังคงหลั่งน้ำรักเข้าใส่ร่างที่นอนรออยู่อย่างต่อเนื่อง... **************************************** วรินทร์จ้องมองร่างงามที่ปราศจากอาภรณ์ห่อหุ้มกายแม้แต่ชิ้นเดียว ที่กำลังเดินเข้ามาหาเขาช้าๆจนประชิดร่างของเขา " คุณหญิง..." ชายหนุ่มพูดเหมือนกระซิบ ภาพของนายจ้างสาวที่แสดงท่าทางยั่วยวนอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้ท่อนเนื้อในกางเกงแข็งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว หญิงสาวประชิดร่างของ ชายหนุ่มจนสองเต้าเบียดแน่นอยู่กับแผงอกของเขา มือคู่งามลูบไล้ไปทั่วร่างที่ยืนชะงักนิ่งอยู่ ก่อนจะเลื่อนมือวูบลงไปด้านล่าง "คุณหญิง..." พรานหนุ่มอุทานอีกครั้ง เอื้อมมือลงไปจับหลังมืองามที่ตะปบลงบนเป้ากางเกงของเขาไว้แน่น มือเรียวงามนั้นบีบคลึงท่อนเนื้อที่แข็งตัวอย่างนุ่มนวล มืออีกข้างเอื้อมมาดึงมือของเขาขึ้นไปเกาะกุมบนเต้างามที่ชูชันล่อตา " อูยย..." วรินทร์งอตัวด้วยความเสียวจากแรงบีบเคล้นของหญิงสาว มือสากกระด้างที่จับปืนอยู่เป็นนิจ เกาะกุมบนเนินเต้านุ่มนิ่มแน่นกระชับ เขาเผลอบีบเคล้นเต้างามอย่างลืมตัว "อะ...อ้า.." หญิงสาวร้องครวญครางเสียงสั่นระริก แอ่นอกงามให้พรานหนุ่มเคล้นคลึงอย่างหนักหน่วงแทบแหลกคามือ เธอสะท้านไปทั้งร่างเมื่อใบหน้าของเขาซบลงบนเนินอกอวบแน่น หนวดเคราที่สากระคายถูไถบนเต้างาม ทำให้เธอดิ้นพล่าน แล้วก็ต้องดึงใบหน้าเขาแนบกับเต่งเต้า เมื่อพรานหนุ่มฉกปลายลิ้นลงบนปลายยอดที่เขม็งเกลียวขึ้นรอรับอยู่แล้ว วรินทร์ ดันร่างงามไปประชิดต้นไม้ ก่อนจะค่อยๆทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ร่างของหญิงสาวค่อยๆล้มตัวลงนอนราบกับพื้นหญ้าราวกับที่นอนชั้นดี ชายหนุ่มมองร่างที่นอนบิดไปมาประหนึ่งกำลังรอให้เขาเฟ้นหาความสุขบนเรือน ร่างงามนั้น สติเฮือกสุดท้ายขาดผึงลง วรินทร์ก้มลงไปหาร่างงามนั้นตามที่ธรรมชาติเรียกร้อง... ******************************* เปรี้ยง!!! เสียงไรเฟิลขนาดใหญ่ดังกังวานสะท้อนหุบเขาไปจนทั่วบริเวณ วรินทร์ สะดุ้งไปทั้งตัว เพ่งมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็ต้องตกใจเพราะใบหน้าเขาอยู่ห่างจากเม็ดทับทิม ที่ประดับปลายยอดอยู่บนเต้างามไม่กี่นิ้ว เขารีบผุดลุกขึ้นนั่ง มองไปทั่วบริเวณ เพราะเสียงปืนที่ดังขึ้นเมื่อกี้นี้ มันห่างจากบริเวณที่เขาอยู่ไม่มากนัก พรานหนุ่มหันกลับมามองร่างที่ กำลังนอนนิ่งอยู่บนพื้นหญ้า ต้องกลืนน้ำลายอย่างลืมตัวเพราะร่างงามนั้นเปลือยเปล่า ปราศจากสิ่งห่อหุ้มแต่อย่างใด ผิวกายที่สะอาดผุดผ่อง สองเต้าที่อวบอูมแน่นกระชับ ลงมาถึงเนินเนื้อที่ประดับด้วยไหมงามดำขลับ วรินทร์พยายามข่มใจเรียกสติของตนเองกลับมา "คุณหญิง...คุณหญิงครับ.." ชายหนุ่มเขย่าตัวเรียกเธอพลางหยิบเสื้อผ้าที่หญิงสาวถอดออก คลุมร่างกายเธอเอาไว้ หญิง สาวนอนนิ่งไปซักพักก่อนจะค่อยๆขยับตัวเบาๆ เธอลุกขึ้นนั่งมองซ้ายมองขวาอย่างแปลกใจ แต่ก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อรู้สึกว่าร่างของเธอปราศจากอาภรณ์ห่อหุ้มกายแม้แต่ ชิ้นเดียว "อุ๊ย..อะไรกันเนี่ย.." หญิงสาวถามด้วยความตกใจ กอดเสื้อผ้าที่บังร่างเอาไว้แน่น " เอาไว้เดี๋ยวผมค่อยอธิบายทีหลังก็แล้วกัน..." วรินทร์พูดรีบๆ "...ตอนนี้คุณหญิงรีบแต่งตัวก่อนดีกว่า คนของผมกำลังเดินมาทางนี้แล้ว ถ้าเขาเห็นคุณหญิงในสภาพอย่างนี้แล้วมันจะดูไม่ดี เดี๋ยวผมขอตัวไปดูคุณชายสักครู่ คุณหญิงแต่งตัวเสร็จแล้วก็ตามออกไปนะครับ" ไม่รอฟังคำตอบ วรินทร์ก้าวออกจากหลังต้นไม้ ตรงเข้าไปยังร่างของธาราทันที... ********************************** เสียง ปืนที่ดังลั่นเมื่อครู่ ก้องกังวานทั่วทั้งบึง ร่างของธาราที่กำลังอ่อนแรงลงเรื่อยๆนอนนิ่งอยู่บนร่างงามที่หัวเราะอย่าง เยือกเย็น ท่อนเนื้อด้านล่างยังคงหลั่งน้ำรักเข้าใส่ร่องรักอย่างต่อเนื่อง แต่เสียงปืนที่ดังขึ้นนั้นทำให้ทั้งคู่สะดุ้ง "กรี๊ด..." ร่างงามที่นอนอยู่ด้านล่างกรีดร้องเสียงแหลมเหมือนได้รับความเจ็บปวด ดิ้นพล่านอย่างรุนแรงจนธารากระเด็นร่วงลงมาจากร่างนั้น เขาฝืนใจหันไป มองก็ต้องเบิกตาโพลง เพราะร่างที่เห็นเมื่อสักครู่ ค่อยๆจางหายไปจากสายตา ธาราขยี้ตาเพ่งมองอีกครั้ง ก็เห็นว่าร่างงามที่พึ่งแลกเปลี่ยนรสสวาทกับเขาเมื่อครู่ หายไปต่อหน้าต่อตา เขาเพ่งมองพื้นหญ้าบริเวณนั้นก็ต้องแปลกใจเพราะบริเวณนั้นไม่มีร่องรอยของ การร่วมรัก เลยแม้แต่นิดเดียว ยกเว้นแต่คราบน้ำรักของเขาที่เลอะเทอะอยู่บนใบหญ้า แต่ที่เขาเห็นนั้นมันเป็นเพียงคราบน้ำรักในระดับปกติ ไม่ได้มากมายจนเขาแทบขาดใจตายอย่างที่รู้สึกได้เมื่อครู่... "คุณ ชาย...คุณชายครับ.." เสียงเรียกจากด้านหลัง ธาราหันมาเห็นวรินทร์กำลังก้าวเดินเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว เขาขยับตัวลุกขึ้นนั่งพลางหยิบเสื้อกางเกงขึ้นมาใส่จนเสร็จเรียบร้อย " คุณชายเป็นยังไงบ้างครับ.." วรินทร์ถามด้วยความเป็นห่วง ธาราฝืนหัวเราะเบาๆ เขาขนลุกไปหมดทั้งตัว สิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นทั้งหมด ยังวนเวียนอยู่ในหัว "ไม่เป็นไรหรอก.." ธาราตอบสั้นๆ มองหน้าพรานนำทางอย่างอัดอั้นตันใจ ชะโงกมองไปด้านหลังวรินทร์เพราะเห็นน้องสาวกำลังเดินตรงเข้ามาหา ภาพของน้องสาวที่เดินเข้ามาทำให้เขาอึ้ง หญิงสาวเดินมานั่งข้างพี่ชาย "คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะเนี่ย.." ธาราถาม วรินทร์กำลังจะตอบ แต่น้องสาวตอบแทน "ตั้งแต่ที่พี่โตอยู่กับผู้หญิงคนนั้นแล้วล่ะค่ะ.." น้ำเสียงแสดงความเป็นห่วงชัดเจน วรินทร์ หันไปมองหน้าหญิงสาวเพราะเขาไม่เห็นว่าธาราจะอยู่กับใครเลย แต่เธอไม่ยอมสบตาด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นหลังต้นไม้เมื่อครู่ มันเกิดในช่วงที่เธอไม่เป็นตัวของเธอเอง เพราะฉะนั้น เมื่อสติสัมปชัญญะกลับมาเป็นปกติ สำนึกแรกที่รู้สึกคือร่างของเธอเปลือยเปล่า โดยมีร่างของพรานหนุ่มนั่งอยู่ข้างตัว ซึ่งเธอไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้อย่างไร ก่อนที่ทุกคนจะทวนสอบเรื่องกัน ก็ได้ยินเสียงกลุ่มคนส่งเสียงจอแจ เดินมายังบริเวณที่ทั้งสามนั่งอยู่ " ผมอยากให้ทั้งสองท่านเก็บเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามแต่ไว้ก่อน อย่าพึ่งบอกให้คนอื่นรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เอาไว้เดี๋ยวเราค่อยคุยกันเองอีกครั้งนึงนะครับ" วรินทร์รีบเอ่ยปากกับนายจ้างทั้งสอง ธาราหันไปมองหน้าน้องสาว ก่อนจะหันมาพยักหน้าให้พรานนำทาง "นาย...นายอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า.." เสียงผาดังขึ้น ร่างบึกบึนนำคนอีกสามสี่คนเดินเข้ามา พอเห็นทั้งสามนั่งอยู่ก็ยิ้มให้อย่างยินดี "...ผาคิดว่านายหายไปไหนเสียอีก" พรานคู่ใจกล่าวต่อพลางหันมามองนายจ้างทั้งสองอย่างแปลกใจเพราะไม่คิดว่าจะได้เห็นทั้ งสองนั่งอยู่ที่นี่ด้วย "ผาเป็นคนยิงปืนเมื่อกี้นี้เหรอ.." วรินทร์ถามเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร พรานเฒ่าหัวเราะจนน้ำหมากกระเด็น " ผาเองแหล่ะ..." พรานเฒ่าพูดพลางหัวเราะพลาง "...ชิชิ หนอยแน่ะ นอนหลับอยู่ดีๆ ไอ้พวกเร่ร่อนแถวๆนี้ดันเข้าไปกวน ก็เลยว่าคาถาแล้วก็ยิงปืนไล่มันไป แค่นั้นมันก็โกยแน่บแล้ว แต่พอยิงปืนออกไป กลับไม่เห็นนาย ก็เลยชวนไอ้พวกนี้ออกเดินตามหานาย แล้วนี่นายทั้งสองคนมากับนายวรินทร์เหรอ" ผาหันมามองหน้าธาราและกนิษฐาอย่างสงสัย ทั้งสามไม่ได้ตอบคำถาม ต่างมองหน้ากันด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก "ลุงผารู้จักคาถาไล่ผีด้วยเหรอ.." หญิงสาวถามเบาๆ พรานเฒ่าหันมายิ้มให้ " อยู่ในป่า นอกจากยิงปืนเป็นแล้ว ก็ต้องรู้จักคาถาอาคมไว้บ้างแหล่ะครับ ไอ้พวกนี้มันพวกผีกระจอก ว่าคาถาแค่ไม่กี่บทก็เปิดแน่บไปหมดแล้ว อย่าว่าแต่ผาเลย นายวรินทร์ก็รู้จักคาถาอาคมเหมือนกันแหล่ะ แต่แกไม่ค่อยจะยอมใช้ เอะอะอะไรก็ยิงปืนอย่างเดียว..." พรานเฒ่าหุบปากลงเมื่อเห็นวรินทร์จ้องหน้า "เรากลับที่พักกันเถอะ ครับ.." วรินทร์ตัดบท ทำให้ทั้งสองขยับตัวลุกขึ้นยืน หญิงสาวยังไม่ยอมสบตาด้วย ส่วนธาราหันไปมองพื้นหญ้าที่เมื่อครู่เขาใช้เป็นสถานที่บรรเลงเพลงรัก ภาพของหญิงสาวคนนั้นยังติดตาเขาอยู่จนบัดนี้ เธอเป็นใคร แล้วทำไมครั้งแรกเขาถึงเห็นเธอเป็นน้องสาวของตัวเอง... ธาราสั่นศีรษะสะบัดไล่ความมึนงง หันมาพยักหน้าให้กับน้องสาวและพรานนำทาง ก่อนจะเดินกลับเต้นท์ที่พักไป... ***************************************** " วรินทร์ อยู่นั่งคุยกันซักพักก่อนสิ.." ธาราเอ่ยปาก เมื่อเห็นพรานหนุ่มซึ่งเดินมาส่งที่เต้นท์ขยับตัวจะเดินออกไป ทำให้วรินทร์ต้องกลับมานั่งต่อ "คุณชายสงสัยอะไรเหรอครับ" ชายหนุ่มถามง่ายๆ ธาราหัวเราะเบาๆ "สงสัยเต็มไปหมดเลยล่ะ ไม่รู้จะเริ่มต้นถามอะไรดีเหมือนกัน" " คำถามบางคำถามก็ไม่มีคำตอบ..." พรานหนุ่มพูดช้าๆ "...ผมอยากให้คุณชายปล่อยให้มันเป็นความลับของมันต่อไปอย่างนี้แหล่ะครับ อย่างน้อย คุณชายก็รู้แล้วว่าป่าคืออะไร..." ธาราพยักหน้าอย่างเข้าใจ หันไปมองร่างของน้องสาวที่นอนหันหลังให้กับการสนทนาคล้ายกับจะหลับไปแล้ว " คุณพอจะสรุปให้ฟังซักนิดได้หรือเปล่า อย่างน้อยผมจะได้นอนหลับได้บ้าง ไม่อย่างนั้นมันนอนไม่หลับหรอก" คำพูดของนายจ้างทำให้วรินทร์หัวเราะ " ผมจะตอบคุณชายตามความเชื่อของชาวบ้านก็แล้วกันนะครับ..." วรินทร์นิ่งคิด "...วิญญาณร้ายตนหนึ่ง หลอกล่อให้คุณชายไปหามันที่ริมบึง แล้วมันจ้องที่จะเอาชีวิตของคุณชาย บังเอิญว่าผายิงปืนไล่ภูตผีตัวอื่น ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าดินปืนเป็นสิ่งที่ใช้ขับไล่ภูตผีปีศาจได้ เพราะฉะนั้น วิญญาณร้ายที่กำลังจ้องทำร้ายคุณชายอยู่ จึงพลอยถูกขับไล่ไปด้วย คุณชายจึงรอดพ้นอันตรายคืนนี้มาได้ เป็นยังไงครับ พอฟังได้หรือเปล่า.." วรินทร์ถามยิ้มๆ ธาราจ้องหน้าพรานหนุ่ม แต่ไม่เห็นวี่แววโกหกแต่อย่างใด "ผมอยากจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมให้คุณฟัง.." เขาเอ่ยปาก แต่วรินทร์ส่ายหน้าช้าๆพลางยิ้ม " เก็บมันไว้เป็นประสบการณ์ของคุณชายดีกว่าครับ วันข้างหน้าเรายังจะต้องเจอเรื่องอย่างนี้อีก เส้นทางที่เราตามหาคุณชายไชยา ยังมีสิ่งที่แปลกประหลาดพิสดารอีกเยอะ ชนิดที่พอคุณชายกลับเข้าเมืองไปแล้ว ก็ไม่สามารถเอาไปเล่าให้คนอื่นๆฟังได้ เพราะมันฟังดูแล้วเหลือเชื่อเกินไป..." ชายหนุ่มหันไปมองหญิงสาวที่นอนหันหลังให้อยู่ "...ผมอยากให้คุณชายช่วยดูแลคุณหญิงด้วย เพราะกลัวว่าเธอจะทนไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น" ธาราพยักหน้ารับพลางยิ้มให้ "ไม่ต้องเป็นห่วง ผมดูแลเล็กเอง คุณไปพักเถอะ แล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยเจอกัน" วรินทร์ ลุกขึ้นยืน มองสำรวจความเรียบร้อยในเต้นท์ของนายจ้างอีกครั้งก่อนจะเดินออกไป ธาราหันมามองร่างของน้องสาวอีกครั้งด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก นิ่งคิดอะไรซักพักก่อนจะล้มตัวลงนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางต่อไป... หญิง สาวนอนหันหลังนิ่ง พี่ชายและวรินทร์คิดว่าเธอหลับไปแล้ว แต่ความจริงเธอนอนลืมตาฟังเรื่องทั้งหมดอยู่ สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอเมื่อครู่ยังคงค้างอยู่ในใจ...ทำไมเธอจึงเปลื้องผ้า ต่อหน้าเขาโดยที่เธอไม่รู้ตัว แต่ถ้าวรินทร์บอกว่าเขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย ก็แสดงว่าเขาโกหกอย่างแรงที่สุด เพราะเนินอกขาวผ่องของเธอถูกขยำขยี้อย่างหนักหน่วงจนแดงเถือกเห็นรอยนิ้วมือ ที่บีบเค ล้นอย่างชัดเจน ซึ่งบริเวณที่เกิดเหตุนั้นก็มีเพียงเธอและเขาอยู่กันแค่สองคน ที่เธอแปลกใจอีกอย่างหนึ่งคือร่องรักของเธอเปียกเยิ้มไปด้วยน้ำรักที่หลั่ง ออกมาจากภายในจนชุ่มโชกทั้งๆที่เธอไม่ได้มีอารมณ์แม้แต่นิดเดียว แต่ภายในนั้นก็มีเพียงหยาดน้ำจากร่างของเธอเท่านั้น ไม่มีคราบของเหลวแปลกปลอมอย่างอื่นในร่างของเธอแม้แต่นิดเดียวที่แสดงให้ เห็นว่าวรินทร์เป็นนักฉวยโอกาส... วรินทร์!!! เขาเป็นสุภาพบุรุษจริง หรือเป็นเพียงคนฉวยโอกาสรังแกเธอในขณะที่เธอไม่ได้สติ หญิงสาวนิ่งคิด...ซักวันหนึ่ง เธอคงรู้แน่ว่าเขาเป็นคนยังไงในเส้นทางที่ไม่รู้อนาคตนี้..กนิษฐานอนคิดด้วย ความฟุ้งซ่าน พลิกร่างไปมาอีกร่วมชั่วโมง กว่าจะนอนหลับไปภายใต้ความฝันอันยุ่งเหยิง...

ไม่มีความคิดเห็น: