ขายของ

วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556

MASK FANCY ตอนที่ 6

ทางฝ่ายด้าน มาลิน ยิ่งเวลาผ่านไปยิ่งดึก งานก็ยิ่งคึกคักมากขึ้นตามลำดับ มีชายหนุ่มน้อยใหญ่ควักเจ้าโลกออกมาอวดโฉมต่อหน้าสาว ๆ ทั้งสามคนไม่ขาดระยะ เพื่อหวังจะชวนออกไปเต้นรำสร้างสัมพันธ์อันจะเป็นบันไดไปสู่การมี sex กันต่อมา หลาย ๆ คนเริ่มจับคู่ ซุกไซ้กัน และบางคนก็ร่วมเพศกันบนโต๊ะอย่างโจ๋งครึ่ม รวมทั้งโต๊ะข้าง ๆ สามสาว ก็เริ่มส่งเสียงครางกันอื้ออึง อัญญาเหลือบไปเห็นกลุ่มผู้หญิงข้างโต๊ะ กำลังพากันเอามือกำท่อนเอ็นของชายหนุ่มคู่ขารูดขึ้นรูดลง สลับกับใช้ปากดูดอย่างเมามัน แม้จะมีกระถางต้นไม้บังอยู่ แต่ก็ไม่ยากที่จะมองผ่าน “หูย… ทำไมโจ่งแจ้งกันอย่างนี้นะ” เก้าอี้ ในงานถูกจัดเป็นแบบชุดโซฟา ซึ่งเรียงโค้งต่อกันเป็นมุม ทำให้ง่ายและเอื้ออำนวยแก่การมีเพศสัมพันธ์ พออัญญาหันกลับมา ก็พบราตรีกำลังซุกไซ้ล้วงควักกับหนุ่มหน้ากากเสือดาวเช่นกัน เธอตลึงเล็กน้อย จึงหันไปมองหน้ามาลินเหมือนจะถามความเห็น แต่ทว่ามาลินกลับทำเป็นมองไม่เห็น ไม่รู้ไม่ชี้กับการกระทำนั้นของราตรี ……………….. โอ้ และศิวะเดินเตร็ดเตร่ จนมาพบกับหญิงสาววัยดึกคนหนึ่ง ใส่หน้ากากหนังสีดำ นมเริ่มคล้อย กางเกงใน G-String สีดำ “สองหนุ่มจะไปไหนจ๊ะ” หญิงสาวถาม “เอ่อ..เดิน ทักทายเพื่อน ๆ ไปเรื่อย ๆ น่ะครับ” โอ้ตอบ “ถ้าไม่รังเกียจมานั่งดื่ม กับพี่ก็ได้นะ” หญิงสาวพูดพลางฉุดแขนและพยายามเอาเนื้อตัวไปถูสัมผัสกับ หนุ่มทั้งสอง เพื่อหวังจะปลุกเร้าสร้างความสนใจ “เอ่อ..คือ เผอิญ ผมนัดกับเพื่อนไว้ทางฟากโน้นน่ะครับ” ศิวะรีบปฏิเสธในกริยานั้นของหญิง สาว และพยายามสลัดให้หลุดจากอ้อมแขน แต่ไม่ทันที่จะหลุดเพื่อนของหญิงสาวอีกคนก็มาช่วยฉุดกระชากอีกแรง “จะ รีบไปไหนล่ะจ๊ะ มาสนุกกันตรงนี้แป๊บนึงก่อนสิ” หญิงรูปร่างอวบวัยดึกอีกคนพูด ศิวะและโอ้มองหน้ากันเหมือนจะรู้ใจกัน ทั้งสองรีบแกะมือผู้หญิงทั้งสองออกแล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว “เฮ้อ..เกือบ ไม่รอดว่ะ” ศิวะถอนหายใจ “นั่นดิ แก่ขนาดนั้น ไม่ไหวว่ะ” โอ้เองก็กระหืดกระหอบ “เราหาที่นั่ง แล้วหาอะไรดื่มหน่อยเถอะว่ะ เริ่มคอแห้งแล้วเนี่ย” ศิวะชวนเมื่อแก้วเหล้าที่เขาถือมาด้วยหมดแล้ว “เออ…ดี เหมือนกัน แต่จะหาที่นั่งดี ๆ สักที่นี่มันยากว่ะ ถึงแม้คนจะเยอะ แต่ส่วนใหญ่เขาก็จับจองผู้หญิงดี ๆ ไปกันหมดแล้ว” โอ้ตอบ ศิวะเองก็ พยายามเล็งหาไปรอบ ๆ ตัว “โอย เห็นแต่หอยว่ะ ลานตาไปหมดแล้ว” “เฮ้ย...นั่น ไง ผู้หญิงสามคนนั้นน่ะ ยังเหลือว่างอีกตั้งสองคนแน่ะ” โอ้พูดพลางเอามาชี้มาทางกลุ่มของราตรี “โอ้โหศิวะ มึงดูผู้หญิงหน้ากากสีชมพูนั่นสิ สเป็คกูเลยว่ะ อวบมีน้ำมีนวลน่าสัมผัสที่สุด นมก็เต่งตึง อู้หู..รอดได้ไงวะ” “เอ่อสวย จริงด้วย แต่กูว่าที่ยังรอดน่ะ เป็นเพราะสาวเจ้าไม่เล่นด้วยหรอกมั้ง กูว่า” ศิวะเห็นด้วย สองหนุ่มไม่รอช้าตรงดิ่งเข้ามาหาที่นั่งของราตรี อัญญา และมาลิน โดยโอ้หารู้ไม่ว่านั่นน่ะคือแม่ของตัวเอง เพราะคาดไม่ถึงว่าจะเป็นไปได้ “สวัสดีครับ ขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ” โอ้กล่าวทักทายอย่างสุภาพ อัญญาหันไปตามเสียงนั้น เธอรู้สึกระอาเพราะคิดว่าคงจะเหมือน ๆ กับชายอื่น ๆ ที่แวะเวียนมาหาพวกเธอเท่านั้น แต่ทว่า เหมือนจะถูกชะตา มาลินกลับชอบในท่าทางอันสุภาพของโอ้ซึ่งดูเป็นผู้ดีเหมือนดังที่เธอเคยสอน ลูกไว้ เธอจึงพูดว่า “เชิญนั่งสิคะ” อัญญาถึงกับแปลกใจ เพราะปกติมาลินไม่เคยชวนใครนั่งมาก่อน จึงหันกลับมามองสองหนุ่มด้วยสายตาพยายามค้นหาว่ามีอะไรดี ส่วนมาลินเองก็แปลกใจ และไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมไปชวนเขานั่งได้ สองหนุ่มเริ่มพูดคุยอย่างสนุกสนานซึ่งดูสนิทสนมกันเร็วกับพวกสาว ๆ “เอ่อ..พวก เธอนี่คุยสนุกเหมือนกันนะ” ราตรีชมสองหนุ่ม ยิ่งดึก ๆ เข้าจากเรื่องตลกธรรมดาที่เล่ากัน ก็กลายมาเป็นโจ๊กลามกใกล้สะดือเข้าไปทุกที แต่ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์และบรรยากาศรอบข้างพาไป ทำให้ทุกคนยิ่งรู้สึกสนุกสนานยิ่งเล่าก็ยิ่งกระสัน ราตรีและหนุ่ม หน้ากากเสือดาวขอตัวไปห้องน้ำ อัญญาจึงขอไปบ้าง ศิวะจึงอาสาไปส่ง ซึ่งเหมือนกับเป็นการเปิดโอกาสให้อยู่กันเป็นคู่ ๆ “เอาให้สำเร็จนะโว๊ย กูรู้.. คนนี้สเป็คมึง” ศิวะกระซิบข้างหูของโอ้ก่อนจะเดินจากไป โอ้กระ แซะเข้ามานั่งใกล้ ๆ มาลิน พร้อมกับสายตาที่มองลงไปยังกางเกงในสีชมพูลูกไม้นั้นประดุจจะมองให้ทะลุ เขาพิจารณาถึงความนูนที่ดันเนื้อผ้าออกมา “อู้หู คงอูมน่าดู” เมื่อ อยู่กันสองต่อสอง ทั้งคู่กลับเงียบไม่รู้จะพูดกันดี อาจเป็นเพราะรู้สึกเขินกัน ๆ บ้าง สถานการณ์นิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง พลันสายตาของโอ้ก็เหลือบไปเห็นเหรียญตกอยู่ที่พื้นเหรียญหนึ่ง จึงเกิดไอเดียขึ้นมา “เรามาพนันกันดีกว่าครับ” โอ้เริ่มแผนการณ์ “พนัน อะไรคะ?” “หัวก้อยไง ให้คุณเลือกก่อน” โอ้พูดพลางหยิบเหรียญขึ้นมา “เดี๋ยว ก่อน แล้วเราจะเอาอะไรเป็นเดิมพัน” “ก็..ถ้าใครแพ้ก็ถอดชั้นในออกไง ครับ” มาลินได้ฟังก็ยิ้มส่ายหัวเหมือนไม่อยากจะเล่นด้วย ทันใดเธอก็นึกสนุกอยากจะเห็นของเด็กวัยรุ่นหนุ่ม ๆ ดูบ้างว่าจะเป็นยังไง อีกทั้งก็ยังดีกว่านั่งนิ่งอยู่เปล่า ๆ เธอจึงพูดว่า “ฉันเอาหัว!!…” เสียงมาลินเน้นคำว่า “หัว” เสียจนโอ้เริ่มฉงน “งั้นผมเอาก้อย” ขาดคำ โอ้ก็ดีดเหรียญขึ้นไปแล้วตะปบมันลงที่ท่อนแขน มาลินชะเง้อมองตามที่ท่อนแขนใกล้ ๆ ด้วยใจลุ้นระทึกแล้วเขาก็ค่อย ๆ เปิดมันออกมา “อ๊า…เห็นมั๊ย!!! หัวจริง ๆ ด้วย” มาลินร้องด้วยความดีใจ พร้อมกับตบมือแปะ ๆ โอ้เห็นดังนั้นก็รู้สึกเสียววาบด้วยความอาย แต่ด้วยความมึนจากพิษสุราจึงทำให้เขามีความกล้าพอที่จะ.. “โอเค โอเค ได้เลย ผมรักษาคำพูดเสมอ” โอ้กล่าวพร้อมกับขยับตัวจับขอบกางเกงใน แล้วรูดมันออกอย่างช้า ๆ ท่ามกลางสายตาที่จ้องมองด้วยความอยากรู้อยากเห็นของมาลิน “โอ้โห…” มา ลินถึงกับอุทานเบา ๆ เมื่อเห็นท่อนเนื้อซึ่งแข็งชี้โด่ สีขาวดูสะอาดสะอ้าน หัวแดงบานใหญ่ ยาวราว ๆ สัก 6 นิ้วครึ่ง แต่มีขนาดใหญ่ได้รูป โดยหารู้ไม่ว่าเมื่อก่อนเธอเองก็เคยอาบน้ำและฟอกสบู่ให้เจ้าเนื้อท่อนนี้มา แล้ว “นี่ขนาดยังเป็นเด็กอยู่แท้ ๆ นะเนี่ย” มาลินคิดในใจพลางตะลึงเพ่งมองด้วยความสนเท่ห์ เธอรู้สึกคุ้นตาและคุ้นเคยกับท่อนเนื้อท่อนนั้นอย่างบอกไม่ถูก แต่นั่นก็แน่นอนอยู่แล้วเพราะท่อนเนื้อนั้นมันเหมือนกับสามีชราของเธอสมัย ที่ยังหนุ่มพอมีแรงแข็งตัวเหมือนถอดแบบมาเปรี๊ยะ จะว่าไปตอนแต่งงานสามีเธอก็ปาเข้าไป 50 แล้ว ท่อนเนื้อจึงดูคล้ำและย่นไปหน่อย แต่ท่อนนี้เพิ่ง 17 เท่านั้นเอง “ดูพอ หรือยังครับ” โอ้ถาม มาลินจึงได้สติว่าลืมตัวและเสียกริยาไปชั่วขณะ เธอจึงขยับตัวทำเป็นวางมาดผู้ดีใหม่ “ทำไมอยู่ดี ๆ มันแข็งตัวได้ล่ะคะ” มาลินยังสงสัย “มันก็เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เห็นคุณแล้วครับ” โอ้ตอบ พลางสบสายตาที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากนั้น โดยที่มาลินหารู้ไม่ว่านี่เป็นลูกชายแท้ ๆ ของตัวเอง และโอ้เองก็หารู้ไม่ว่าผู้หญิงที่ตัวเองหลีจ้องจะฟันอยู่นั้นเป็นแม่แท้ ๆ ของตนเช่นกัน โอ้พยายามเก็บนกเขาที่ไม่เต็มใจอยากจะอยู่ในกางเกงในนัก จนมาลินหัวเราะเบา ๆ ด้วยความขำในท่าทางของเขา “เอ่อ… สงสัยมันอยากจะรับลมน่ะ” เขาพูดแก้เขิน “อ่ะ ขออีกตานึง ให้ผมได้แก้ตัวบ้าง” เขาชวนอีกครั้ง มาลินทำท่าเหมือนยึกยัก “ก็ได้ อีกตาเดียวนะ ตาสุดท้าย จะได้ไม่หาว่าฉันเอาเปรียบคุณ ฉันเอาหัวเหมือนเดิม” “ได้ งั้นผมเอาก้อย” พูดเสร็จโอ้ก็ดีดเหรียญขึ้นไปอีกครั้ง แล้วคราวนี้มันก็ออกก้อย “เย๊!! ออกก้อย ตาคุณบ้างแล้ว” โอ้พูดด้วยตาที่เป็นประกายสดใส มาลินอ้ำอึ้ง ส่วนโอ้ก็รอด้วยใจกระหยิ่ม ทันใดมาลินก็เหลือบไปเห็นเพื่อนสาวทั้งสองคนกลับมาพอดี “นั่นไง พวกเขามาแล้ว ฉันขอตัวไปห้องน้ำบ้างนะ” พูดเสร็จมาลินก็คว้ากระเป๋าเดินตรงไปห้องน้ำ “อ้าว อย่างนี้ขี้โกงกันนี่นา” หนุ่มโอ้ก็ได้แต่มองตาม ………………..

ไม่มีความคิดเห็น: