ขายของ

วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2557

พิศวาสมังกรหยก (ฉบับเต็ม) ตอน ระบำอสรู

ฟ้าร้องครืนครั่น ตอนนี้ทั่วเกาะดอกท้อเกิดฝนตกใหญ่ เสียงดัง ซ่า ซ่า ฟ้าแลบแปล็บปล๊าบ เป็นระยะ ที่หน้าถ้ำตอนนี้ ปรากฏร่างของคนสี่คน ชายสาม หญิงหนึ่ง เป็นเงาแปล็บปลาบตามแสงฟ้าแลบ ก๊วยเจ๋งอึ้งย้งกับสองพี่น้องตระกูลบู๊ตอนนี้ติดตามมาจนถึงหน้าถ้ำแล้วปรากฏ ฝนตกหนัก เห็นแสงไฟปรากฏในถ้ำ นึกในใจว่าคงติดตามมาถูกทาง ตามที่อึ้งย้งคาดคะเนแล้ว ทางหน้าถ้ำค่อยผ่านได้ทีละคน ได้กลิ่นกำยานหอมประหลาด ชวนให้สะอิดสะเอียน แต่แฝงกลิ่นที่ทำให้รู้สึกเกิดตัณหาในเรื่องเพศยิ่งนัก สักพัก ทั้งหมด ได้ยินเสียงร้องครางกระเส่า โอดโอย แว่วกระทบโสต เสียงเช่นนี้ทั้งหมดได้ยินก็รู้ได้ทันทีว่าไม่ใช่เสียงร้องเพราะบาดเจ็บ แต่เป็นเสียงร้องเมื่อเกิดสุขสันต์ในเวลาที่...............กันเท่านั้น ทั้งหมดรับฟังถึงกับหน้าตึง ร้อนวูบวาบแดงซ่าน จำได้ว่าเสียงหนึ่งเป็นเสียงก๊วยฮู้ ต่างจินตนาการได้ทันที ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างก๊วยฮู้กับบุรุษลึกลับตามที่พวกตนเข้าใจ ต่างคนต่างคิดเกิดความรู้สึกหลายอารมณ์ "ท่านพี่ เราเข้าไปในถ้ำกันเถอะ พวกเจ้ารอที่นี้ เผื่อสกัดศัตรูที่หนีออกมาทางนี้" อึ้งย้งกับก๊วยเจ๋งรีบปราดเข้าไปในถ้ำทันที สองพี่น้องตระกูลบู๊ต่างมองหน้ากัน แล้วรีบตามเข้าไป ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ( ของอย่างนี้พลาดได้ไง ) .................................................... เมื่อก๊วยเจ๋ง กับอึ้งย้ง เข้ามาถึง พบเห็น ก๊วยฮู้กำลังตีฉิ่งกับสตรีสาวสวยคนหนึ่ง ขณะนั้นทั้งคู่คงถึงวิมานฉิมพลีพอดี ต่างเกร็งร่างกระตุกยึกๆ ใส่กัน ร้องครวญครางดังลั่นถ้ำ "หยุดนะ เจ้าเป็นใคร ทำอะไรลูกเรา" ก๊วยเจ๋งตวาดลั่น จนนางรัศมีที่เพิ่งถึงจุดสุดยอด สดุ้งหันมามอง พบชายหนุ่มวัยกลางคนกับหญิงสาวรูปสคราญโฉม จึงลุกขึ้นมาอวดโฉมแบบไม่อายสายตา "พวกท่านเป็นใครกัน" ก๊วยเจ๋งมองเห็นร่างเปลือยของหญิงสาวที่ไม่ใช่ภรรยาเป็นครั้งแรกถึงกับตลึงชั่วขณะ "ข้าพเจ้าก๊วยเจ๋ง กับภรรยาข้า อึ้งย้ง" ก๊วยเจ๋งเป็นจอมยุทธสุภาพบุรุษและสัตย์ซื่อกล่าวตอบ "คิกๆ ที่แท้ จอมยุทธก๊วยที่ลือชื่อกับ ฮูหยินก๊วย ช่างหน้าตาสะสวย สะคราญโฉมกว่าบุตรสาวเสียอีก หากท่านพี่เราได้พบคงชมชอบเจ้าเป็นแน่" อึ้งย้งรับฟังนึกถึงชายแปลกหน้าที่เจอ ถึงกับหน้าแดงเรื่อขึ้น นึกถึงถ้อยคำที่ชายผู้นั้นพูดไว้ว่าต้องการเชยชมนางเป็นภรรยา "ท่านเป็นใคร ไฉนมาทำร้ายลูกสาวเรา" อึ้งย้งกล่าว "คิก ๆเราคือ รัศมีเทวี เรามิได้ทำร้าย เราให้ความสุขกับนางต่างหาก ไม่เชื่อเจ้าลองไปดู" อึ้งย้งถลันเข้าไปหาก๊วยฮู้ที่นอนระทวยอยู่ สีหน้าคล้ายสุขสม นางรัศมีเทวีทำท่าชมดชม้อย ยั่วยวนกวนกิเลสก๊วยเจ๋ง ตลอดเวลา ก๊วยเจ๋งกลับยืนเฉยก้มหน้าไม่มองร่างเปลือยนาง นางรัศมีเห็นยิ่งจะยั่วสวาทมากขึ้น "ก๊วยฮู้ ๆ ตื่นเถอะ " อึ้งย้งตบแก้มเรียกก๊วยฮู้แผ่วๆ "โอ...เจ้เจ๊ ท่านดียิ่ง อูวส์ " ก๊วยฮู้ส่งเสียงร้อง มือไขว่คว้ากอดอึ้งย้ง "ไม่ ..เจ้าตื่นลืมตาขึ้น นี่มารดาเจ้าเอง" ก๊วยฮู้ตื่นลืมตาพบอึ้งย้งเลยร้องบอก "มารดา ท่านแม่ ข้า ๆ " ก๊วยฮู้โผกอดอึ้งย้งทำตาแดงๆ ส่งเสียงสะอื้นเบาๆ "งั้นข้าขอไปก่อน วันหน้าจะมาพบท่านใหม่" นางรัศมีพูดขึ้น "ยังไปไม่ได้ พี่ก๊วยเจ๋งสกัดนางไว้" เสียงอึ้งย้งร้องบอก "แม่นางข้าต้องขออภัย" ก๊วยเจ๋งบอกพร้อมกับยื่นมือจับคว้าจับข้อมือ นางรัศมีเคลื่นย้ายท่วงท่าเท้า กรีดกรายมือไปมาหลบหลีกก๊วยเจ๋งได้ ก๊วยเจ๋งยกมือหมายคว้าจับไหล่นางไว้ แต่นางรัศมีกลับยื่นหนั่นเนื้ออกอวบอูมให้ก๊วยเจ๋งแทน ก๊วยเจ๋งสมเป็นสุภาพบุรุษรั้งมือไม่กล้าจับนมนาง "คิก ๆ ท่านอยากจะจับนมข้าก็ไม่บอก เชิญตามสบายเลย" ก๊วยเจ๋งหน้าแดง เปลี่ยนเป็นดัชนี หมายจี้สกัดจุดแทน แม้ในถ้ำจะไม่กว้างนักไม่เพียงพอให้นางรัศมีใช้วิชาตัวเบาอันล้ำเลิศได้เต็ม ที่แต่นางก็หลบหลีกก๊วยเจ๋งได้แคล่วคล่อง แต่ก็ไม่สามารถฝ่าก๊วยเจ๋งผ่านไปได้ นางรัศมีเปลี่ยนท่วงท่า แอ่นก้น แอ่นหี เข้าหาก๊วยเจ๋ง ทุกครั้งที่ก๊วยเจ๋งเอานิ้วยื่นเข้าหา ก๊วยเจ๋งกลับไม่กล้ายื่นนิ้วเข้าใส่เพราะเกรงจะไปจิ้มถูกหีนางเข้า จึงจำต้องรั้งมือทุกครั้ง นางรัศมีใช้กระบวนท่า คล้ายร่ายรำ เริงระบำยั่วยวนก๊วยเจ๋งตลอด "ท่านอยากดูของข้าใช่ไหมถึงให้ข้าอยู่ก่อน เสื้อผ้าก็ไม่ให้ใส่ เอาดูซะ" นางรัศมีพูดก็วยเจ๋งค่อยนึกได้ ร้องบอกให้นางรัศมีใส่เสื้อผ้าก่อนค่อยต่อสู้กัน อึ้งย้งตอนนี้ช่วยใส่เอี๊ยมกับเสื้อผ้าที่นำมาจากน้ำตกให้ก๊วยฮู้ เฝ้าดูการต่อสู้อย่างร้อนใจ "ท่านพี่อย่าหลงกลนาง จับตัวนางไว้ก่อน" นางรัศมีหัวเราะเริงร่า ส่ายเริงระบำไปมา บางครั้งบีบนมครางกระเส่า บางครั้งแหกหีให้ก๊วยเจ๋งดู แถมเข้าคลอเคลียกับก๊วยเจ๋งยั่วเย้าตลอด จนก๊วยเจ๋งก็เกิดกำหนัดขึ้นมาบ้าง เพราะนางรัศมีหน้าตาสะสวยรูปโฉมสะคราญตาทีเดียว "ท่านพี่ ระวังตัว นางใช้ ท่าอสูรเริงระบำ ในคัมภีร์เก้าอิมจินเก็ง (มารนพเก้า)" ก๊วยเจ๋งได้สติ พยายามเดินลมปราณข่มกลั้นกิเลสต่อต้านท่าอสูรของนาง จึงรอดพ้นได้ นางรัศมีพยายามเร่งกระบวนท่าอสูรเริงระบำสูงสุด อึ้งย้งเห็นไม่ได้การเพราะก๊วยเจ๋งไม่ยอมทำอะไรนางรัศมี ตอนนี้อึ้งย้งแต่งตัวให้ก๊วยฮู้เสร็จแล้วอย่างลวกๆ หมายเข้าไปช่วยก๊วยเจ๋งอีกแรง ด้วยความเป็นห่วงแกมหึงหวง พอดีหันไปเจอพี่น้องตระกูลบู๊เข้ามาในถ้ำเมื่อไรไม่รู้ นางจึงให้ทั้งคู่ดูแลก๊วยฮู้ไว้ ตอนนี้ก๊วยฮู้ได้แต่งตัวเรียบร้อยได้สติ เห็นสองพี่น้องเดินเข้ามา ทั้งหมดต่างยังเขินๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ในน้ำตก เลยไม่ได้พูดกัน ทำเป็นมองดูการต่อสู้ระหว่างอึ้งย้งก๊วยเจ๋งกับนางรัศมีแทน อึ้งย้งปราดเข้าไปใช้ออกด้วยท่าฝ่ามือเทพกระบี่โปรยบุปผา อันเป็นท่าฝ่ามือที่อึ้งเอี้ยะซือคิดขึ้น ด้วยในถ้ำไม่สะดวก กับการใช้ไม้เท้าตีสุนัข นางรัศมีรับมือก๊วยเจ๋งก็ก่ำกึ่งอยู่แล้ว เพิ่มอึ้งย้งขึ้นมายิ่งตึงมือขึ้น ร่ายรำแสดงออกท่าอสูรสูงสุด ส่ายเนินโคกไปมายั่วตาแต่ถูกอึ้งย้งสกัดตรงตำแหน่งไม้ตายทุกครั้ง นางรัศมีหันกายพลิกกลับไปในถ้ำที่มืด อึ้งย้งตามเข้าไป พอกลับออกมากลายเป็นอึ้งย้งเปลือยกายอวดร่างขาวโล่งโจ่งออกมาให้ชม แต่ฉับพลันปรากฏอึ้งย้งอีกคนตามออกมาติดๆ เร่งจี้ดัชนีออกจี้จุดทางด้านหลัง อึ้งย้งที่เปลือยกำลังวิ่งผ่านพ้นไปได้ก๊วยเจ๋งต้องชะงักหันกายกลับมาต่อสู้ กับอึ้งย้งอีกคน อึ้งย้งชะงักเมื่อเห็นว่ากำลังต่อสู้กับตัวนางที่เปลือยเปล่าล่อนจ้อน "ท่านพี่อย่าหลงกล นางคนที่เปลือยเป็นนางอสูรที่ปลอมตัวเป็นข้า" นางรัศมีเทวีที่ปลอมเป็นอึ้งย้งหัวเราะยั่วยวน ทำท่าสะดุ้งสะดิ้งล่อเลียนอึ้งย้ง บิดกายสยิว ทำท่ายั่วยวนราคะในกระบวนท่าอสูรเริงระบำ อึ้งย้งรู้สึกอับอายแม้เป็นตัวนางที่ปลอมขึ้น แต่ก็ปลอมได้เหมือนแถมเปลือยกายขาวโจ่ง ยั่วยวน แหวกแคมหี ตกเบ็ดโชว์อีกต่างหาก ลำพังอวดต่อก๊วยเจ๋งยังไม่เท่าไร แต่ยังมีลูกศิษย์นางอีกสองคนและลูกสาวนางที่จ้องมองดูตาไม่กระพริบ "พี่ก๊วยเจ๋งมาช่วยข้าสยบนางโดยเร็ว ข้าอายจะแย่แล้ว" "พี่ก๊วยเจ๋งข้าอยู่นี่ อูยส์ ..เสียวจัง ท่านพี่มาช่วยข้าเร็วๆ" นางรัศมีร้องเลียนแบบอึ้งย้งแต่ท่าทางกวนราคะยิ่งนัก ก๊วยเจ๋งตอนนี้ก็รู้สึกโกรธที่นางมารบังอาจมาปลอมเป็นอึ้งย้งเปลือยกายต่อ หน้าธารกำนัล เร่งฝีมือจู่โจมแบบไม่เกรงใจอีกแล้ว นางรัศมีเริงร่ายรำระบำอสูรขั้นสูงสุด แต่ก๊วยเจ๋งอึ้งย้งกลับข่มกลั้นได้หนักแน่น ทำให้นางใช้วิชาอสูรเริงระบำไม่สัมฤทธิ์ผล รับมือก๋วยเจ๋งอึ้งย้งพัลวันตกเป็นรองขึ้นเรื่อยๆ เห็นท่าไม่นานนางรัศมีต้องถูกคร่ากุมตัวเป็นแน่ ในขณะที่นางรัศมีเทวีจวนเจียนจะเสียท่าถูกก๊วยเจ๋งกับอึ้งย้งจับกุมได้อยู่ แล้ว บังเอิญอึ้งย้งเหลียวมาพบสองพี่น้องตระกูลบู๊กำลังนัวเนียคลอเคลียกับก๊วย ฮู้กันอุตลุต เนื่องจากทั้งสามต่างดูการต่อสู้ จนถูกวิชาอสูรเริงระบำ เข้าครอบงำโดยไม่รู้ตัว นางรัศมีเทวีร่ายรำอสูรเริงระบำจนขีดสุดแต่ก๊วยเจ๋งตบะหนักแน่นจึงทำอะไรไม่ ได้ แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะได้ผลกับก๊วยฮู้และสองพี่น้องตระกูลบู๊ที่เฝ้าชมจน เกิดกำหนัดขึ้นมาอย่าแรงกล้า จนหันมาระบายความใคร่กันอีกครั้ง ยิ่งทั้งสามต่างมีจิตฝักใฝ่ในเรื่องนี้จึงถูกวิชาอสูรเข้าครอบงำได้ง่าย เวลานี้ทั้งสามแก้ผ้าเปลือยเปล่า สองพี่น้องดูเหมือนจะแบ่งสรรปันส่วนกันได้ บู๊ตงยู้ยึดครองด้านบนดูดดุนเต้านมก๊วยฮู้ไม่หยุด ส่วนบู๊ซิ่วบุ้นยึดครองด้านล่าง ก้มลงเลียหีแผล็บๆ ก๊วยฮู้โดนรุมบิดตัวครางกระเส่าอย่างกระสันซ่าน อึ้งย้งตกใจแต่ไม่กล้าบอกให้ก๊วยเจ๋งเสียสมาธิ พยายามเร่งมือเพื่อพิชิตศึกให้ได้ เหลียวมาดูอีกที ก๊วยฮู้กลับคว้าควยบู๊ตงยู้มากระทอกเล่น จนบู๊ตงยู้ทนไม่ไหว จับใบหน้าสวยก๊วยฮู้ขึ้นมาเตรียมป้อนกระดอเข้าปากจิ้มลิ้ม ส่วนบู๊ซิ่วบุ้นก็ลุกขึ้นนั่งยงโย่ยงหยก จับลำควยเตรียมเย็ดหีก๊วยฮู้อยู่รอมร่อเช่นกัน อึ้งย้งเห็นไม่ได้การช้าไปมีหวังลูกสาวได้มีผัวทีเดียวสองคนตอนนี้แน่เลยผละ ออกจากวงต่อสู้ อึ้งย้งไปถึงยกเท้าถีบร่างซิ่วบุ้นที่เอาควยจดจ่อรูหีก๊วยฮู้เตรียมที่จะดัน เข้าไป กระเด็นไปอีกทางทันที ส่วนก๊วยฮู้ดูดเลียหัวควยตงยู้เตรียมอ้าออกอม ก็หุบปากงับอากาศเมื่อควยตรงหน้าหายไป เพราะอึ้งย้งดึงร่างตงยู้ออกมา พอบู๊ตงยู้หันกายกลับมาอึ้งย้งเห็นควยลูกศิษย์หนุ่ม ผงาดขึ้นคล้ายชี้หน้าด่านาง ยาวใหญ่เขื่องกว่าก๊วยเจ๋งเสียอีก ขนาดว่าอายุมันแค่ 15 - 16 เท่านั้น ลำหักลำโค่นไม่เบาทีเดียว นางรัศมีเห็นอึ้งย้งจู่ๆ ผละไปมองตามก็เข้าใจในทันที เห็นเป็นโอกาสแม้จะเสียเปรียบก๊วยเจ๋งอยู่ก็ตาม อึ้งย้งเสียสมาธิดูควยลูกศิษย์อยู่เพลินๆ ได้ยินเสียงนางรัศมีผิวปาก นางชะงักจะหันไปตามเสียง ไม่ทันระวังตัว บู๊ตงยู้ก็โผกายเข้าสวมกอดอึ้งย้งทันทีพร้อมระดมจูบแก้มนวลทั้งสองข้างอึ้ง ย้งดังจ๊วบจ๊าบอย่างรวดเร็ว "นี่ ..เจ้า ตงยู้ นี่อาจารย์ ของเจ้านะ" "อาจารย์ ข้าอยากเย็ดท่าน ขอข้าเย็ดท่านสักทีเถอะ" อึ้งย้งคาดไม่ถึงว่าจะถูกลูกศิษย์จู่โจมเข้ามาเช่นนี้ ยกมือจะปัดป้อง แต่ไม่ทันท่วงที "อุ๊ย ว๊ายส์ " อึ้งย้งกำลังตลึงพรึงเพริศกับบู๊คนโต บู๊คนเล็ก ที่ถูกถีบลุกขึ้นได้ คลานเข้าไปข้างหลัง ดึงกระโปรงอึ้งย้งพรึดลง เห็นก้นขาว ซิ่วบุ้นเอานิ้วจิ้มตรงโคกหีอึ้งย้งที่โผล่ออกมา อึ้งย้งสดุ้งก้าวถอยหลังสดุดหัวบู๊ซิ่วบุ้น ล้มหงายหลังลงกับพื้นโดยขาข้างหนึ่งยังพาดบนหัวมันเลย บู๊ตงยู้กำลังโถมกอดเข้ามาเลยล้มตามกอดกับอึ้งย้งบนพื้น อึ้งย้งโดนโถมทับอยู่ทำอะไรไม่ได้ บู๊ตงยู้เลยกดแขนทั้งสองข้างอึ้งย้งกับพื้น จูบหอมแก้มอึ้งย้งเสียหลายฟอดจนแก้มขาวแดงไปหมด แถมโก่งตูดกระเด้าควยผลุบผลับ ๆ ทิ่มแทงโดนตามหน้าขาอึ้งย้ง บางทีก็แทงถูกตรงรอยแยกโยนี พลาดไถลครูดกับติ่งแตดอึ้งย้งอย่างจัง จนเกิดเสียวซ่านขึ้นมา อึ้งย้งจะขยับลุกขึ้นไม่ถนัด เพราะตอนนี้ก็ถูกบู๊ซิ่วบุ้นคนน้องจับขาอึ้งย้งบนหัวยกชูขึ้นพาดบ่าจ้องดูหี อึ้งย้งกับควยกอกอมันทิ่มแทงผิดแทงถูก บ๊ซิ่วบุ้นเลยทำตัวเป็นตี้ตี๋ที่แสนดีเอื้อมมือไปแบะหีอาจารย์เพื่อช่วยให้ ตงยู้แทงควยได้ง่ายเข้า ก๊วยเจ๋งหันมาเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นเข้า ใจหายวูบ รีบผละมาช่วยอึ้งย้งทันที ช้าไปมีหวังเมียโดนเย็ดแน่ เหตุการณ์ไม่คาดคิดนี้เกิดขึ้นติดต่อกันอย่างรวดเร็ว นางรัศมีได้โอกาสเลยฉวยเสื้อผ้านางหลบหนีออกจากถ้ำไปจนได้ ฉาด ฉาด เสียงฝ่ามือก๊วยเจ๋งกระทบแก้มสองพี่น้อง ดัง ฉาด ๆ ต่อเนื่องกัน สองพี่น้องตระกูลบู๊ค่อยคืนสติได้ อึ้งย้งรีบลุกขึ้นใส่กระโปรงอย่างรวดเร็ว เข้าแก้ไขก๊วยฮู้ จนได้สติ ทั้งหมดจึงรีบใส่เสื้อผ้าแล้วออกมาพบกันอีกครั้ง “อาจารย์ ข้า เมื่อกี้ข้าคล้ายล่วงเกินท่าน” ตงยู้กล่าวล่ำลัก “ไม่มีสิ่งใด เมื่อกี้พวกเจ้าถูกมายาภาพหลอกลวง ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น” อึ้งย้งกล่าวโกหกปกปิด ยังระทึกกับเหตุการณ์เมื่อครู่ นางไม่เคยเสียท่าขนาดนี้มาก่อน จึงวางมาดเคร่งขรึมปรายตาบอกใบ้ให้ก๊วยเจ๋งรู้ “แต่เมื่อกี้ ข้างุนงง คล้ายจริงมากเลย” “นั่นเป็นเพราะวิชาอสูรเริงระบำ ทำให้พวกเจ้าเห็นมายาภาพเช่นนั้น เอาละตอนนี้ก๊วยฮู้ปลอดภัยก็ดีแล้ว “ อึ้งย้งกล่าว“ "เสียดาย นางอสูรนั่นหนีไปได้" ก๊วยเจ๋งพูด " ครั้งนี้เราพบศัตรู กล้าแข็งมาก แถมมีวิชาแปลกประหลาดมากมาย ไว้เรากลับที่พักค่อยหารือวิธีรับมือศัตรูกันเถอะ" ตอนนี้ฝนหยุดตก เข้าช่วงเวลาเย็น ทั้งหมดเดินทางออกจากถ้ำ เดินกลับที่พักอย่างกระอักกระอ่วน ได้แต่นึกถึงเหตุการณ์ในถ้ำที่ผ่านมาอย่างหวาดเสียว และเสียวซ่านยิ่งนัก หลังจากที่ก๊วยเจ๋ง และอึ้งย้ง พาก๊วยฮู และพี่น้องตระกูลบู๊ที่ยังคงงงงวยกับสิ่งที่ตัวเองประสบ และไม่แน่ใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนจริงอย่างยิ่ง พี่น้องทั้งคู่เดินรั้งท้าย และยังคงถกเถียงกันเบา ๆ ถึงเรื่องที่ทั้งสองได้รุมกันเย็ดอึ้งย้ง อาจารย์หญิงของตน แล้วทิ้งท้ายกันว่า ถึงเรื่องเมื่อสักครู่ไม่ใช่ความจริง แต่ทั้งสองเกิดรู้สึกว่า ถ้าเป็นไปได้ ต้องหาทางเย็ดหีของอึ้งยังจริง ๆ เสียแล้ว เมื่อถึงที่พัก ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อน ก๊วยเจ๋งจึงถามอึ้งย้งถึงเรื่องของนางรัศมีเทวี เพราะเห็นว่าอึ้งย้งรู้เรื่องราวเป็นอย่างดี นางจึงเล่าให้ก๊วยเจ๋งฟังถึงความเป็นมาของนางดังต่อไปนี้ ตอน กำเนิดยอดยุทธพิศวาส คัมภีร์มารนพเก้า ณ กรุงพาราณาสี แคว้นชมพูทวีป มีเรื่องเล่ากันว่ามีมหาราชาองค์หนึ่งนาม บาบาตูตู้ มีความคิดที่จะมีพระชนม์ชีพเป็นนิรันดร์ จึงออกเดินทางไปหาตัวยาอายุวัฒนะ หรือวิธีที่จะทำให้มีชีวิตนิรันดร์ และได้หายสาบสูญไปในเทือกเขาหิมาลัย อีก 300 ปีต่อมา มหาราชาบูตู ผู้เป็นหลานเหลน ก็มีความคิดเช่นเดียวกัน(ผู้ปกครองผู้มีอำนาจ ทุกยุคทุกสมัยต่างก็มีความเช่นเดียวกันหมดที่อยากจะมีชีวิตนิรันดร์จะได้ ครองอำนาจได้นานที่สุดเท่าที่ทำได้ มหาราชาบูตู จึงเรียกพระโอรส ที่เกิดจากชายาและสนมกำนัลทั้งปวงมาเข้าเฝ้า และประกาศว่าหากผู้ใดสามารถทำให้พระองค์มีชีวิตเป็นนิรันดร์ จะแบ่งสมบัติให้ครองราชย์ครึ่งหนึ่ง มีพระโอรสและธิดาอยู่คู่หนึ่งนามว่า เจอรูดัลและรัศมีเทวีซึ่งเป็นคู่หมั้นกัน ได้ออกเดินทางไปยังเทือกเขาหิมาลัย "เดี๋ยวก่อนย้งยี้ เจ้าว่า องค์ชายเจอรูดัล (เจอ- รู- ดัน) (เขียนเป็นคำอ่านภาษาไทยอาจดูพิกล พยายามออกสำเนียงแขกแล้วกัน) และองค์หญิงรัศมีเทวี เป็นพี่น้องกันและเป็นคู่หมั้นกันด้วยหรือ" "ไม่ผิดหรอกท่านพี่" อึ้งย้งบอก "เพราะประเพณีของทีนั่นต่างมีความเชื่อไม่เหมือนเรา ที่นั่นมีความคิดเรื่องวรรณะ ชาติตระกูลที่รุนแรง ว่า จะต้องสมรสในเผ่าพันธุ์ วรรณะที่เหมือนกัน หากไปสมรสกับต่างวรรณะกัน บุตรที่เกิดมาจะถือว่าเป็นจัณฑาล ถูกดูถูกเหยียดหยาม ดังนั้นจึงนิยมให้บุตรหลานแต่งงานกันเอง" *** (เป็นเรื่องที่ผู้แต่งสมมุติขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับประเพณีหรือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสมัยใดๆ หากชื่อตัวละคร สถานที่ ฯลฯ ไปสอดคล้องหรือเกี่ยวพันกับบุคคล สถานที่ ประเพณีที่มีอยู่จริงต้องขออภัยมา ณ ที่นี้)***** ***(ของไทยเราเอง ในสมัยหนึ่งก็เคยนิยมให้ญาติพี่น้องแต่งงานกันเอง จะเห็นว่ามีนิยายไทยเก่าๆ หลายเรื่องที่มีความนิยมแบบนี้ เข้าตำราเรือล่มในหนองเงินทองไม่ไปไหน เช่น เรื่องพลนิกรกิมหงวน พลยังแต่งงานกับนันทาซึ่งเป็นญาติมีศักดิ์เป็นพี่สาวด้วยซ้ำไป)** ก๋วยเจ๋งเป็นผู้เคร่งครัดในขนบธรรมเนียมประเพณี ฟังแล้วครุ่นคิดว่าเป็นเรื่องประหลาด อึ้งย้งพูดต่อ ว่า "ด้วยประเพณีที่แตกต่างกันนี้เอง จึงเป็นเหตุให้เกิดข้อขัดแย้งในภายหลัง" อึ้งย้งหยุดกล่าวสักพักจึงเล่าต่อไปว่า เมื่อทั้งคู่ได้เดินทางมาเทือกเขาหิมาลัย ได้บังเอิญพบกับโยคีผู้หนึ่ง ซึ่งมีนามว่า บาบาตูตู้ มหาโยคี ซึ่งเป็นอัยกาของทั้งสองที่หายสาบสูญไปเมื่อ 300 ปีก่อน" "ฮ่า ...นี่เจ้ากำลังจะบอกว่า บาบาตูตู้มหาโยคีผู้นี้ มีอายุยืนถึง 300 กว่าปีนะหรือ" "อืม ตามตำนานที่ท่านพ่อบันทึกไว้ว่าอย่างนั้น " " มหาโยคีบาบาตูตู้ เล่าให้ฟังว่าเมื่อตอนที่พระองค์เป็นกษัตริย์ได้มาแสวงหายาอายุวัฒนะจนมาถึง ที่เทือกเขาหิมาลัย ได้เกิดหิมะถล่ม ทำให้ ขุนนางผู้ติดตามพลัดพรากล้มตายไปจนหมด เหลือพระองค์เพียงลำพัง อาจเป็นลิขิตแห่งฟ้า จึงทำให้พระองค์ได้พบกับเหล่าโยคีที่ซ่อนตัวให้เทือกเขาหิมาลัย พระองค์ได้สนทนากับเหล่าโยคี ที่ฝึกฝนตนที่เทือกเขานี้เห็นแต่ละคนมีอายุมากกว่าสองร้อยปีขึ้นไป เกือบทุกคน และหลักลัทธิของโยคีสอดคล้องกับเจตนาของพระองค์ จึงตัดสินใจนับถือบำเพ็ญตนเช่นโยคีทั้งหลายจนมีอายุจนถึงปัจจุบัน" "ยังงั้นเท่ากับพระองค์ได้ค้นพบ วิธีทำให้เป็นอมตะนิรันดร์แล้วซิ" ก๊วยเจ๋งพูดขึ้น "ยังไม่ใช่เช่นนั้น เพียงแต่ค้นพบวิธีบำเพ็ญตนภาวนา ทำให้ร่างกายสงบนิ่งจนสามารถมีอายุยืนกว่าปกติ แต่ในที่สุดมหาโยคีบาบาตูตู้ก็ต้องถึงแก่กรรม ตายจากโลกนี้ จนเป็นเหตุให้เกิดเรื่องต่อมาในภายหลังที่ข้าจะเล่าให้ฟังต่อไป" "อืม..." ก๊วยเจ๋งผงกศรีษะรับทราบ ฟังอึ้งย้งเล่าต่อ ****(หมายเหตุ ในชมพูทวีปสมัยก่อน มีศาสนาเกิดขึ้นมากมาย รวมทั้งลัทธิต่างๆ โยคีไม่ใช่ศาสนาแต่จัดเป็นลัทธิหนึ่ง หลักของศาสนาอื่นๆ ล้วนแต่เชื่อในชาติภพ หรือการถือศีลทำบุญ เพื่อที่จะได้ตายไปแล้วขึ้นสวรรค์ หรือเกิดในชาติภูมิที่ดีขึ้น เช่น ศาสนาพราห์มเชื่อว่าคนเราเกิดมาจากพระพรหม ให้ทำบุญเพื่อที่ตายแล้วจะได้กลับไปอยู่กับพระพรหมอย่างเก่า ฯลฯ แต่ลัทธิโยคี มีหลักความเชื่อที่ว่า ทำอย่างไรจึงจะสามารถมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้อย่างมีความสุขและนานที่สุด โดยไม่เป็นอะไร ไม่เจ็บไม่ป่วย เพราะไม่รู้ว่าโลกหน้าจะมีจริงหรือไม่ ดังนั้นควรจะหาทางทำอย่างไรให้อยู่ในโลกนี้ได้นานที่สุด โดยไม่มีทุกข์ ลัทธิโยคีเชื่อว่าลัทธิตนเป็นลัทธิที่ดีที่สุด เพราะสามารถหลุดพ้นทุกข์ในชาติภพนี้ได้ หากต้องเกิดมาใหม่ ก็มาดำเนินชีวิตแบบโยคีก็ไม่มีทุกข์ เรื่องโยคีหากผู้ใดสนใจศึกษาเพิ่มเติมได้จาก หนังสือลัทธิโยคี ของหลวงวิจิตรวาทการ) "ทั้งสองต่างดีใจที่ได้พบมหาโยคี ที่เป็นอัยกาของตนและต่างก็คิดว่ามหาโยคีค้นพบวิธีเป็นอมตะแล้วเช่นกันจึง คิดจะเชิญมหาโยคีไปที่วังเพื่อไปพบมหาราชาบูตู และถ่ายทอดวิธีเป็นอมตะ แต่มหาโยคีปฏิเสธและบอกว่าที่จริงท่านก็ไม่สามารถเป็นอมตะนิรันดร์เพียงแต่ สามารถรักษาสังขารให้ยืนยาวได้ แต่ถึงยังไงก็ตามสังขารร่างกายของท่านก็ยังคงล่วงโรยไปตามวัฏจักรสงสารอยู่ ดี และจนบัดนี้ที่แม้ท่านยังรู้สึกว่ายังไม่ได้ค้นพบหนทางที่หลุดพ้นอย่างแท้ จริงจึงยังไม่ทิ้งสังขารไป" "แต่เนื่องจากมหาโยคีบาบาตูตู้ ได้จะบำเพ็ญเพียรมาหลายปีมีวิชามากมายจนถึงขั้นมีฤทธิ์ ตามความเชื่อของชาวชมพูทวีป เช่น สามารถเหาะเดินอากาศได้ ฯลฯ (ส่วนของชาวตง้วนในสมัยนั้น คิดว่าสามารถบรรลุวิชาตัวเบาขั้นสูงสุด) ทั้งสองจึงขอฝากตัวเป็นศิษย์ร่ำเรียนวิชาจากมหาโยคีตั้งแต่บัดนั้นจนทั้งสอง ก็สามารถบรรลุวิชาตัวเบาขั้นสูงจนได้ ดังที่พวกเราได้ประสบมา" "อืม..เท่าที่เจ้าเล่ามา มหาโยคีคนนี้ นับว่าบรรลุขั้นสุดยอดของวิชาทีเดียว" "เดี๋ยวท่านพี่ฟังข้าเล่าต่อไปจะยิ่งตระหนกมากกว่านี้" "อะ.." ก๊วยเจ๋งร้องออกมาอย่างสนใจ "มหาโยคีท่านนี้ เนื่องจากบำเพ็ญเพียรมานาน จึงมีพลังลมปราณที่ล้ำลึก และยังได้บันทึกตำราขึ้นมาสองเล่มด้วยกัน หนึ่งคือคัมภีร์กามาสูตร เกี่ยวกับการร่วมรักของชายหญิง" "เอ๊ะ ทำไมท่านโยคีถึงแต่งตำราเช่นนี้ออกมา" "ตามที่ข้าได้บอกแล้วว่า หลักของลัทธิโยคี คือการที่จะทำให้ตนสามารถมีชีวิตที่อยู่บนโลกนี้ยังไงได้นานและเป็นสุขที่ สุด ก่อนที่ท่านจะเข้าภาวะธรรมก็คิดว่า คนเราก็ต้องมีการกิน นอน และมีเพศสัมพันธ์กัน จึงคิดว่า การทำอย่างไรจึงจะมีเรื่องเพศที่เปี่ยมสุขจึงเขียนตำรา ท่าร่วมเพศขึ้น" "ของทุกอย่างในโลกย่อมมีทั้งคุณและโทษขึ้นอยู่กับผู้นำไปใช้ แม้ตำราเล่มนี้จะดูเป็นเรื่องลามกอนาจารแต่นำไปใช้ในทางที่ถูกก็เกิดคุณได้ เช่นกัน" ก๊วยเจ๋งฟังแล้วก็พยักหน้าคล้อยตาม อึ้งย้งจึงกล่าวต่อ "ส่วนคัมภีร์อีกเล่มที่มหาโยคีเขียนดูว่าน่าจะเป็นคุณ แต่คนไปใช้ผิดก็ทำให้เกิดโทษขึ้นมาได้เหมือนกัน" "แล้วคัมภีร์อีกเล่มนั้นคือคัมภีร์อะไรหรือ" "คัมภีร์นั้นคือ คัมภีร์วิชาพิสดารเก้าประการ" "คัมภีร์วิชาพิสดารเก้าประการ" "ใช่แล้ว หรือตอนหลังที่เรารู้จักกันว่า คัมภีร์เก้าอิมจินเก็ง (มารนพเก้า) "ไฮ้..คัมภีร์เก้าอิมจินเก็งเป็นท่านมหาโยคีเป็นผู้เขียนหรือ" "เดี๋ยวฟังข้าเล่าไปเรื่อยๆ ท่านก็จะกระจ่างเอง" อึ้งย้งกล่าว "ภายหลังที่ทั้งสองฝึกวิชาลอยตัวจนสำเร็จแล้ว ก็ไปพบคัมภีร์สองเล่มนี้ในขณะที่ท่านโยคีกำลังเข้าฌาณอยู่ ทั้งคู่เห็นเป็นวิชาประหลาดจึงนำมาทดลองฝึก องค์ชายเจอรูดันมีนิสัยเจ้าชู้และชื่นชอบในเรื่องเพศอยู่แล้ว จึงชักชวน นางรัศมีเทวีที่เป็นน้องสาวให้ทดลองในตำรากามาสูตรดู ทีแรกนางก็เอียงอายแต่ถูกรบเร้าหนักเข้าจึงไม่ขัดพี่ชายซึ่งเป็นคู่หมั้น ด้วยไกลจากบ้านเมืองและอยู่ลำพังกัน จึงมีอะไรกันตั้งแต่นั้นมา" (เรื่องของกามารมณ์ใครยังไม่ได้ลองยังไม่เท่าไร แต่พอได้ลองแล้วยิ่งติดใจ ลองได้เสพสังวาสแล้วก็อยากจะได้ลองอีก) "เมื่อทั้งคู่ได้เสพกาม ก็ยิ่งมัวเมาในกามารมณ์โดยไม่รู้ตัว และได้ฝึกวิชาในคัมภีร์พิสดารเก้าประการซึ่งมีทั้งด้านดีและด้านไม่ดีอยู่ หลายหลาก ทั้งคู่ได้ฝึกเอาวิชาแปลกๆในคัมภีร์ เช่น การเคลื่อนย้ายดวงจิต(สะกดจิต) ,ระบำอสูร , การเปลี่ยนกระดูก(เปลี่ยนโฉม) ฯลฯ ที่สอดคล้องกับเรื่องกามารมณ์จนมัวเมาไปผิดทาง ส่วนวิชาเดินลมปราณเปลี่ยนเส้นเอ็น ทั้งสองกลับฝึกไม่สำเร็จเพราะตอนนั้นทั้งคู่กำลังหมกมุ่นกับกามารมณ์จนไม่ สามารถเข้าสภาวะธรรมได้" "แล้วตอนหลังเป็นอย่างไรเล่า" "ภายหลังท่านมหาโยคีออกจากฌาณทราบเรื่องเข้าก็ตกใจ คิดไม่ถึงว่าตำราของตนจะทำให้ทั้งคู่เกิดมัวเมาในกามารมณ์ จึงสอนวิชาลมปราณและสมุนไพร เพื่อหวังจะให้ทั้งคู่ลดทอนด้านกามาลงบ้าง" "จริงๆวิชาในคัมภีร์ค่อนข้างยากต้องอาศัยการตีความ ยิ่งวิชาลมปราณเปลี่ยนเส้นเอ็นในคัมภีร์ต้องอาศัยเวลาในการฝึกฝน ขนาดท่านพี่กับข้าแม้สามารถจดจำข้อความในคัมภีร์จนขึ้นใจยังไม่สามารถบรรลุ ได้" "จริงของเจ้า..เรื่องนี้ข้าก็แปลกใจอยู่ แต่อาจเป็นเพราะมันมีข้อความในคัมภีร์ที่เราแปลความหมายของภาษาบาลีนั่นไม่ออกด้วยกระมัง" "นั่นเป็นส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนก็คือจำเป็นต้องตัดกิเลสเข้าสู่สภาวะธรรมอันสูง และที่สำคัญข้อความในคัมภีร์ได้ถูกตัดทอนดัดแปลงไปด้วยจึงไม่สมบูรณ์" "อืม..น่าจะจริง เพราะข้าก็รู้สึกเช่นนั้น และที่สำคัญที่ข้าอยากรู้ก็คือ หากคัมภีร์เก้าอิมจินเก็ง เป็นของมหาโยคีจากชมพูทวีปเป็นผู้เขียน เหตุไฉนจึงได้ตกทอดมาถึงแดนตงง้วนเราได้และใครเป็นผู้แปลคัมภีร์นี้" "เรื่องนี้ข้ากำลังจะเล่าต่อไปพอดี" "บังเอิญต่อมา มีหลวงจีนพร้อมด้วยลูกศิษย์สองคนเดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎกที่ชมพูทวีป ผ่านมายังเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้ ชื่อ หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋ง กับเฮ้งซุนหงอและโป๋ยก๋า (คล้ายๆ พระถังซำจัง ในเรื่องไซอิ๋ว) หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งและลูกศิษย์จึงได้ขออาศัยพักค้างแรมกับมหาโยคี โป๋ยก๋าเป็นคนเจ้าชู้กลับชื่นชอบในตัวนางรัศมีเทวี แต่ไม่รู้ความในว่าพี่น้องสองคนนี้เป็นสามีภรรยากัน เพราะมหาโยคีแนะนำแต่เพียงว่า เป็นพี่น้อง ในระหว่างพักหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งและมหาโยคี ต่างแลกเปลี่ยนสนทนาธรรมกัน หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งได้อธิบายถึงวิธีที่ทำให้เป็นอมตะในทางพุทธ ซึ่งต่างจากหลักของทางโลกหรือหลักธรรมอันสูงสุดของทางลัทธิโยคีโดยสิ้นเชิง คือทางพุทธสามารถเข้าสู่นิพพาน หลุดพ้นจากวัฏฏะสังสารทั้งปวง ไม่มีการเกิดแก่เจ็บตายอีกต่อไปมหาโยคีฟังแล้วรู้สึกประหลาดใจ เพราะแค่หลักของโยคีว่าสามารถเกิดมาแล้วทำให้มีชีวิตยืนยาวนานอย่างไม่มี ทุกข์ก็น่าจะสูงสุดแล้ว แต่หลักพุทธว่าสามารถหลุดจากความเกิด แก่ เจ็บ ตาย จึงคิดว่าไม่น่าจะมีผู้ใดทำได้ หลวงจีนเล่า ซ่า เจ๋ง จึงแสดงธรรม เรื่องวิธีทำให้พ้นทุกข์ตามหลักพุทธที่ศึกษามา (อริยะสัจ 4 คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ) มหาโยคีบาบาตูตู้ ได้ฟังเพียงครั้งเดียวก็เข้าใจบรรลุทันที (เหมือนกับพระโกณฑัณญะ) ในระหว่างที่มหาโยคีและหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋ง สนทนาธรรมกัน พี่น้องสองคนได้ออกไปหาสมุนไพรข้างนอก ในเวลานั้นได้เกิดพายุหิมะขึ้น มหาโยคีได้ฟังธรรมที่หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งแสดงเกิดเลื่อมใสเห็นแจ้งในปัญญา ตัดสินใจละสังขาร เข้าสู่นิพาน แต่ก่อนที่มหาโยคีจะละสังขารได้มอบคัมภีร์ของตนไว้กับหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋ง เป็นการตอบแทน ทีแรกมหาโยคีคิดว่าจะทำลายทิ้งอยู่เหมือนกัน แต่หลังจากได้สนทนาธรรมกับหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งจึงได้คิดว่า แท้จริงคัมภีร์ต่างๆ เป็นสิ่งตายคนใช้เป็นสิ่งเป็น ขึ้นกับผู้ใช้จะเป็นผู้ทำให้เกิดประโยชน์หรือโทษ ตัวอย่างเช่น พระ เทวทัต ซึ่งเป็นประยูรญาติของพระพุทธเจ้า ได้ศึกษาธรรมกับพระพุทธเจ้าจนมีฤทธิ์ แต่ยังหลงผิดคิดตั้งตัวเป็นใหญ่ในหมู่สงฆ์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าหลายครั้ง สุดท้ายโดนธรณีสูบ ตกอยู่ในนรกอเวจี มหาโยคีบาบาตูตู้ อายุ 300 กว่าปี รู้ตัวว่าสังขารเสื่อมโทรมใกล้ดับสูญ แสงหาชีวิตนิรันดร์มาตลอดได้ฟังธรรมที่หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งแสดงเห็นแจ้งใน ปัญญา ว่าคือผลบุญที่ตนบำเพ็ญเพียรแสวงหามาช้านานจึงได้พบกับสิ่งที่ตนปรารถนาใน ยามสุดท้ายของชีวิต นั่งสมาธิเข้าสู่สภาวะธรรม ละซึ่งกิเลสทั้งปวง ทิ้งสังขาร เข้าสู่นิพพานไป หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งกับลูกศิษย์รอสองพี่น้องอยู่สิบห้าวันก็ยังไม่กลับ ขณะนั้นบริเวณนั้นกำลังจะเกิดพายุหิมะ หลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งเห็นท่าไม่ดีและคอยเป็นเวลานานแล้ว จึงเดินทางกลับแผ่นดินใหญ่และเขียนหนังสือบอกเรื่องทิ้งไว้ ต่อมาภายหลังสองพี่น้องกลับมาเห็นหิมะปกคลุมไปทั่วจึงขุดค้นจนพบถ้ำที่อาศัย เข้าไปเห็นมหาโยคี นั่งหลับตาสิ้นลมอยู่บนแท่นหิน น่ามหัศจรรย์ที่ร่างกายมหาโยคีไม่เน่าเปื่อย อาจเป็นเพราะความเย็นของหิมะ ก็ได้ และค้นพบว่าคัมภีร์ของมหาโยคีหายไป จึงเข้าใจว่าหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งพร้อมลูกศิษย์ได้ฆ่ามหาโยคีและขโมยตำราไป โดยแต่งหนังสือโกหกพวกตนจึงเดินทางติดตามพวกหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งเข้ามาในตง ง้วนก่อให้เกิดเรื่องขึ้น "เดี๋ยวก่อน ย้งยี้ เรื่องที่เจ้าเล่าให้ฟังมานับว่าประหลาด เกินจะเชื่อหลายประการ" "ยังไงหรือท่านพี่" "เช่น คนเราสามารถหลุดพ้น การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ได้" "เรื่องนี้ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เป็นเรื่องที่ท่านพ่อบันทึกไว้ บังเอิญข้าไปพบในห้องสมุดตอนข้าเป็นเด็ก เวลานี้ไม่ทราบว่าบันทึกนั้นหายไปไหน ตั้งแต่คราวที่อาวเอี้ยงฮงได้มาบุกเกาะดอกท้อเรา " "อืม..." "ทีแรกข้าก็ไม่คิดว่าเรื่องนี้จะมีอยู่จริง จนเราได้เจอกับยอดยุทธพิสศวาสในวันนี้แหละ ข้าถึงนึกเรื่องนี้ได้จึงเล่าให้ท่านพี่ฟัง" "เพราะเรื่องนี้ยากเกินเชื่อ และในบันทึกที่ท่านพ่อเขียนก็รวบรวมมาจากคำพูดของหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งเสีย ส่วนใหญ่ ซึ่งก็ไม่มีประจักษ์พยานอะไร อาจจะเป็นพวกท่านกับลูกศิษย์ร่วมมือกันฆ่ามหาโยคีแล้วชิงตำราหนีมาตามที่สอง พี่น้องนั้นว่าก็ได้" "อะ...เจ้าก็คิดเช่นนี้หรือ" "ข้า..ก็ไม่รู้แน่ แต่ตามหลักแล้ว เราก็ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ เพราะหลวงจีนเล่าซ่าเจ๋งก็เป็นผู้ที่เคร่งครัดในธรรมะ แม้ลูกศิษย์จะไม่ได้สำรวมเท่าไร แต่ตามประวัติแล้วท่านเป็นสมณะที่ดีมากคำพูดน่าจะเชื่อได้ และเรื่องเล่าในทางพุทธก็ว่าหลักทางนิพพานมีอยู่จริง และมีพระสงฆ์ตั้งหลายร้อยรูปสามารถเข้าสู่นิพพานเป็นอรหันต์ได้ในชมพูทวีป จนกลัวว่าคนจะบวชในศาสนานี้ทั้งหมดไม่มีฆราวาสอยู่เลยในสมัยหนึ่ง จนถูกกีดกั้นในสมัยต่อมา" "อืม.." "ก็ไม่แน่เหมือนกัน บางสิ่งที่ไม่น่าเชื่อในโลกก็สามารถเกิดจริงได้ ประวัติของพุทธเองก็แปลก เพราะผู้ที่สำเร็จนำมาเผยแพร่ เดิมที ก็เป็นเจ้าชายองค์หนึ่ง มีชีวิตสุขสบายในพระราชวัง แต่ต้องการให้ผู้คนพ้นทุกข์จึงสละราชบัลลังค์ออกบวชแล้วสามารถตรัสรู้ได้ ด้วยตนเอง ออกสั่งสอนผู้คนก่อให้เกิดศาสนาอันยิ่งใหญ่" (อันนี้เป็นความคิดส่วนตัวของอึ้งย้งกับก๊วยเจ๋ง เนื่องจากทั้งคู่ไม่ได้นับถือพุทธ) "และดูจากวิทยายุทธ ที่ยอดยุทธพิศวาสนั้นใช้ เราก็ไม่คิดว่าจะมีผู้สามารถฝึกจากตำรานั้นจนสำเร็จได้ แต่พวกเขาก็ฝึกออกมาจนได้" "จริงของเจ้า แล้วเรื่องต่อมาเป็นอย่างไรต่อไป" ก๊วยเจ๋งถาม อึ้งย้งจึงเล่าต่อ

ไม่มีความคิดเห็น: