ขายของ

วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2557

รักไม่นับตัวเลข ตอนที่ 1

รักไม่นับตัวเลข ตอนที่ 1 "จากรักตราบเท่าที่ยังมีชีวิตส่งมอบไปยังรักอันไร้พรมแดนกั้นขวางแห่งเลขอายุ!?" 3 ตุลาคม 2548 …“เคน” ชื่อเล่นสุดโหลที่กลุ่มเพื่อนฝูงใช้เรียกผมตั้งแต่สมัยประถมกระทั่งเป็นนัก ศึกษาคณะการจัดการชั้นปี 1 …ตัวผมโปรดปรานกับการนั่งอ่านหนังสือตามลำพังในเพิงของคณะวิทย์- เทคโนโลยีซึ่งส่วนใหญ่เป็นเวลาหลังเลิกเรียน...ยิ่งช่วงนี้เป็นการสอบปลาย ภาคก็เยี่ยมมากๆเพราะมีบึงน้ำกว้างใหญ่ใสสะอาด…ทิวต้นกาสะลองขึ้นเรียงราย สูงใหญ่แผ่ร่มเงาไปถึงด้านหลังอันเป็นทุ่งนาเขียวขจีและสวนผลไม้นานาชนิด ...ผู้คนไม่พลุกพล่านนัก...อากาศแสนร่มรื่นเย็นสบายและหลายครั้งโชคดีได้พบ “นางฟ้าเดินดิน” …ไม่เกินเลยหรือโอเวอร์ไปแน่นอนครับ…เดาไม่ยาก...ผมจะหมายความถึงใครอีกได้ นอกจาก… “สุรีย์พรรณ” และ “หยาดฝน” …2 พี่น้องสุดสวยที่เพิ่งเข้าเรียนในปีการศึกษาใหม่นั่นเอง...แม้วันนี้คือการ สอบปลายภาควันสุดท้ายแต่ผมก็ยังไม่กล้าเป็นฝ่ายทักทายคนใดก่อนซักที...พี่ สุรีย์พรรณสงบนิ่งไม่ค่อยพูดค่อยจาไม่รู้จะชวนคุยยังไง?...หยาดฝนร่าเริงชวน คุยง่ายกว่าแต่ออกจะหนักไปทางยียวนกวนประสาทนี่ก็รับมือไม่ไหว!!...สรุปผม เป็นคนค่อนข้างขี้อายพูดไม่เก่งจึงไม่เป็นที่สะดุดตาต่อเพศตรงข้าม...ความ รักแบบหนุ่มสาวลืมไปได้เลยครับ...18 ปีไม่เคยพบเคยเจอ(มั้ง)... “…ชอบนั่งที่นี่รึ?” “...???...” “...ฉันพูดกับเธอนั่นแหละ” “เอ่อ...คะ…ครับ…” …หญิงสาวรุ่นพี่ปี 3 ซึ่งเป็นเป้าหมายของใครหลายๆคนเอ่ยทักผมก่อนอย่างมิคาดฝัน...แทบไม่อยากจะ เชื่อหูตัวเองทีแรกนึกว่าไม่ใช่เพราะเราเห็นหน้าหลายต่อหลายครั้งแต่ไม่เคย คุยกันเลย…เพียงแค่ประโยคเดียวแต่ก็ดีใจมากที่ได้สนทนากับหญิงที่ตัวเอง “แอบปลื้มนิดๆ” เป็นครั้งแรก...ความกล้าอยากจะชวนสาวรุ่นพี่สนทนาบ้างก็ทำให้ผมโพล่งออกไป… “พี่...อ่านอะไรครับ?…” …พี่สุรีย์พรรณเพิ่งขับรถเข้าจอดใกล้ๆม้านั่งไม่ห่างจากผมเท่าไหร่…เธออยู่ ในชุดนักศึกษากระโปรงสั้นเหนือเข่าเหมือนรุ่นพี่ผู้หญิงแทบทุกคณะซึ่งขยันจะ อวดโฉมประชันความสวยเซ็กส์ซี่กันเหลือเกิน…คงไม่แตกต่างถ้าพี่เขาไม่สวม เสื้อกาวส์เหมือนพวกหมอหรือนักทดลองตามห้องแล็ป…ความยาวของเสื้อเกินระดับ กระโปรงรัดรูปสวมรองเท้าคัทชูก็ยิ่งแปลกตาโดดเด่นล้ำหน้าใครต่อใครมากมาย เหลือเกิน…เธอยืนพิงประตูรถในมือมีซองสีขาวคล้ายจดหมายแต่ไม่ตอบกลับมา ...งานนี้กร่อยซะแล้วมั้งผม... “...จดหมายรัก…จากชายหนุ่มคณะเดียวกับเธอ…” …สักครู่จึงตอบด้วยเสียงเบามาก...ใครหนอ?…รุ่นพี่หรือรุ่นเดียวกัน?...แล้ว รู้ได้ยังไงว่าผม?...ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเนื่องจากพี่สุรีย์พรรณมักได้รับ จดหมายขอคบหาถ้าลงทุนมากกว่านั้นจะมีแนบดอกไม้ช่อเล็กช่อใหญ่อยู่เนืองๆและ ผมยังรู้อีกว่าไม่มีสักครั้งที่เธอจะตอบรับความคาดหวังเหล่านั้น…ใครคงจะคิด ถือว่าสวยแล้วทำหยิ่งยโสแต่ผมคิดว่ามันต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างแน่… “ฮึ!!…สำนวนน่าหัวเราะ…ผูกเป็นกลอนคล้องจองซะดิบดีด้วย…อ่านมั้ย?” …เมื่อพยักหน้าพี่สุรีย์พรรณจึงพับกระดาษและใช้เรียวนิ้วคีบส่งให้…ผมยื่น รับมาอ่าน(มือสั่นเล็กน้อย)…ลายมือเรียบร้อยอ่านง่ายดีถ้อยคำที่ใช้ก็ดูโอเค แต่ไม่ยักลงชื่อ(ลงท้ายเพียงว่า...จากคนที่เฝ้าดูคุณตั้งแต่วันแรก ...)ผู้หญิงหลายคนถ้าได้อ่านคงมีเขินบ้างไม่มากก็น้อย…ทำไมถึงบอกน่าหัวเราะ ?...กะจะถามพอดีสาวเจ้าเสน่ห์แรงกำลังส่องกระจกรถหวีผม…เธอผู้นี้ไว้ผมยาว มากๆ…คะเนด้วยตาคงไม่ต่ำกว่า 70 ...ไม่สิ!...เกิน 80 ซม. มองมุมไหนก็งามบาดจิตบาดใจ…สาวสวยก็คือสาวสวยอยู่วันยังค่ำครับ…มีนักศึกษา อีก 2 คนวิ่งเข้ามาในบริเวณ?…ผู้นำหน้าคือหยาดฝนสาวคนน้องที่ใครต่อใครต่างรู้ กิตติศัพท์กันดีมากว่าเต็มเปี่ยมด้วยเล่ห์กล…แก่นแก้วสุดหาใครเทียม…จอมแสบ ไม่มีใครเกิน… “เลิกๆๆ…เหนื่อยชิบเป๋ง...” …คนตามหลังเป็นผู้ชายหน้าตาดี…แบบ…ผมเทียบไม่ได้เลย…เขาชื่อเอกคเชนทร์หรือ บอล...เราเคยพบปะกัน 2 -3 ครั้งเพราะเขาคือคนที่พี่รหัสของผมให้ความสำคัญและยังมีข่าวลือจากวงในหมู่ สาวๆคณะของผมว่าเขาเป็น “เสือผู้หญิง” พี่ “บุศยา” ย้ำหนักแน่นหลายครั้งว่าผู้ชายคนนี้เป็นของเธอ?... “ไร้ซึ่งน้ำอดน้ำทน…แค่นี้ก็บ่นเหนื่อยซะแระ~~…อ่อนมากๆ” “วิ่งแค่...นี้...งั้นหรือ?…มันตรง...ไหนมิทราบ?…จากศูนย์คอม...มาถึงคณะ…มันเกือบ...ครึ่งกิโล...” “ก็ฝนกลัวพี่ไม่รอนิ...” “ไม่รออะไร?…พี่จะไปที่นั่นอยู่แล้ว…ไม่เห็นต้องวิ่งมา...” “ผมจะไม่ตามเด็ดขาดถ้าฝนไม่ฉกกุญแจรถเผ่นหนี…คืนมา!!…นี่ยังต้องเดินกลับอีก…ไร้สาระจริงๆ” “ฉันหวังดีอยากให้นายวิ่งออกกำลังเป็นเพื่อนแต่ก็นั่งรถพี่แคทกลับสิ…จะเดินทำไมให้เหนื่อยเล่า?...” “ไม่!!…ไม่อยากนั่งรถกับเด็กไม่เต็มบาท...อ๊ะ!!...สงสัยมันรอแย่แล้วมั้งนี่...” “ว่าไรน๊ะ!!...เค้าได้ยินนะเฟ้ย~~~...” “ช่างเถอะฝน…บางทีอาจมีเพื่อนคอยอยู่…เป็นคนรักเพื่อนมากก็อย่างนี้แหละ...” ...ประโยคนี้เหมือนประชดประชัน...คิดเหมือนกันมั้ยครับ?...ผมอยู่ใกล้ๆจึงพลอยได้ยินแบบไม่ต้องแอบฟังให้น่าเกลียด... “ใช่…ผมรักเพื่อนมากครับ…คือมันให้ความรู้สึกคุ้นเคยมากกว่าญาติพี่น้องบางคนที่ไม่อยากจะอยู่ใกล้เพราะอึดอัดลำบากใจ...” “นายหมายถึง…พี่แคท?” “ก็แล้วแต่จะคิดซี่~~…อาจรวมเธออีกคนด้วยก็ได้ถ้าร้อนตัว...” ...เป็นญาติพี่น้องหรือว่าพวกเขาทั้ง 3 อยู่บ้านเดียวกัน?…คงใช่แน่ๆแต่มีเรื่องทะเลาะอะไรกันหว่า?… “อือ~~ฮึ!!…อือ~~ฮึ!!…เดี๋ยวนี้กล้าต่อปากต่อคำกับพี่แคทหรอ?...กล้าไม่เบานินาย...” “ฉันแค่พูดความจริง...ไม่เรียกต่อปากต่อคำ...เพื่อนน่ะยังให้คำปรึกษาดีกว่า พี่รหัสบางคนที่แค่การพูดการจาก็ยังไม่เป็นมิตร...ฟังไม่ระรื่นหูเลยสักนิด เดียว...เอะอะก็ใช้กำลังอย่างเมื่อวันสอบวันแรกนั่นไง...” “บอล…เมื่อก่อนเธอไม่กล้าแม้แต่จะคัดค้านอะไรพี่แต่ครั้งนี้ถึงกับพูดกระทบกระเทียบแดกดันเชียว หรือ?...” “แล้วไงครับ?” “...พวกเพื่อนแต่ล่ะคนของเธอนี่นิสัยดีกันมากเลยนะ...คบคนพวกนี้ได้ยังไง ?...ถ้าเป็นพี่จะไม่มีวันคบค้าสมาคมกับคนพรรค์นี้...ส่วนวันนั้นก็เพราะฝ่าย โน้นหาเรื่องก่อน” “นั่นมันก็แล้วแต่ความคิดของพี่…ไม่ใช่ปัญหาของผมเพราะได้อธิบายอะไรไปจนหมด สิ้นแล้ว…ป่วยการจะพูดจาซ้ำๆซากๆ…มันน่าเบื่อนะครับพูดให้คนหัวแข็งแถมบ้า พลังอย่างพี่แคทเข้าใจ...” “...คนหัวแข็ง...บ้าพลัง...งั้นรึ?...ดีมาก…พี่ดูเธอผิดไปจริงๆ...นี่หมายความว่าจะไม่ใส่ใจคำตักเตือนกันใช่มั้ย?” “...พี่อย่าเอาความเข้าใจส่วนตัวมาใช้ตัดสินคนอื่นสิครับ...เรื่องนี้ควรจบนานแล้วและมันไม่ได้เป็นอย่างที่พี่คิด...” ...บรรยากาศมาคุขึ้นทุกทีๆ...ทีแรกนึกว่าคุยกันธรรมดาๆแต่ไปๆมาๆกลับโต้ เถียงกันขนาดนี้...พี่เอกคเชนทร์กับพี่สุรีย์พรรณต่างยืนประจันหน้าชนิดไม่ มีฝ่ายไหนกระพริบตา...ถ้าให้เปรียบคงเหมือนนักชก 2 คนจ้องมองกันในงานแถลงข่าวนั่นแหละแต่ไม่ได้อยู่ใกล้ขนาดหายใจรดกันหรอก... “อ๋อ!!...หมายความว่า...เข้าใจผิดงั้นสิ...การที่พี่ตักเตือนเธอด้วยความ หวังดีและเป็นไปตามความตั้งใจของพี่กุน...คือการเข้าใจผิดและแส่เกินเหตุ !!...” “...ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น...หยุดกันแค่นี้ดีกว่าเราคงพูดกันไม่รู้ เรื่องแล้ว...ผมไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน...เป็นพี่แคทต่างหาก…พี่จะพูดหรือ ทำอะไรไม่เกี่ยวกับผม…เรา 2 ฝ่ายแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเหมือนแสงสว่างกับความมืด…ผมอาจจะทำตัวเหลวไหลใน บางเรื่องแต่ก็ไม่มีนิสัยป่าเถื่อนทำให้ใครต้องหวาดกลัวเดือดร้อน…ไม่เคยทำ ร้ายใครให้เจ็บตัวถึงขั้นเลือดตกยางออก...รู้ไว้ซะนะครับ...” “...ที่พี่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อปกป้องทุกๆคน...บอกว่าป่าเถื่อนพี่ก็ยินดีรับ ไว้ด้วยความเต็มใจโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆทั้งสิ้น...ส่วนคำตักเตือนเมื่อกี้ ...ถ้าไม่ยอมเชื่อฟังพี่ก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแต่สักวันหนึ่งเธอจะต้อง เสียใจ...” ...โอว!!!…ผู้ชายคนนี้ยอดเยี่ยมมาก…กล้าต่อปากต่อคำรุ่นพี่สาวตาดุอย่างไม่ หวั่นเกรง…กล้าสบตาสู้แม้เพียงแค่เดี๋ยวเดียว...พี่บอลเดินผ่านหน้าพี่แค ทแต่ทั้งคู่ไม่แสดงอาการอะไรนอกจากนิ่งเฉยปิดปากเงียบและแยกจากไปกันคนละทาง …ฝนซะอีกกลับดูจะตื่นเต้นแทนพี่สาวมาก…เอ๊ะ?…ผมเปลี่ยนจากเรียกพี่สุรีย์ พรรณเป็นพี่แคทซะแล้วแฮะ… “หนอย!!…หลอกด่าฝนไม่พอนี่ยังลามปามถึงพี่แคทด้วย…กลับมาพูดกันให้รู้เรื่องนะบอล!!…พี่แคทน่ะไม่ใช่...” “ไม่ต้อง!!…สักวันเขาได้รู้ซึ้งแน่ว่าผลจากการไม่ยอมเชื่อฟังพี่มันจะเกิด อะไร?…อีกอย่าง…เรื่องภายในของเราไม่ควรให้คนนอกรู้มากไปกว่านี้...” “อื๋อ?…” ...หยาดฝนลากเสียงยาวหันขวับทันที…ซวยแล้ว!!...ผมเป็นคนนอกเต็มๆแต่ก็ดันมา โต้เถียงกันต่อหน้าเองนี่ครับ...อู๊ย~~~...แววตาหาเรื่อง...ไม่พอใจคนหนึ่ง แต่กลับจะมาระบายลงที่อีกคนหนึ่ง... “เห็นอยู่ตรงนี้นานแล้ว…จดหมายในมือนั่นเขียนถึงพี่สาวฉันใช่มั้ย?…เอามา!!...” ...สาวฝนถือวิสาสะดึงจดหมายจากมือผม…กำลังฉุน?…ผู้ชายคนนั้นว่าพี่แคทและเธอ ด้วยก็สมควรจะหงุดหงิดแต่พี่สาวเธอไม่เห็นมีอาการอะไรเลย...น่าชื่นชมว่ามี ความเยือกเย็นไม่หุนหันพลันแล่น… “โฮะๆๆ…นี่นายกล้าส่งจดหมายรักให้พี่แคท…เบื่อชีวิตแล้วสิท่า?…” “…ไม่ใช่ของผมนะครับ!!...” “ฝนอย่าไปสนใจว่าเป็นของใคร...เฮ้อ~~...ไม่เข้าใจจริงๆว่าบอลเขามีดีอะไรตรง ไหน?…พี่กุนกับสาถึงได้หลงนักรักหนา...เราอุตส่าห์ตักเตือนแทนพี่กุนด้วย ความปรารถนาดียังมาขึ้นเสียงเถียงข้างๆคูๆ...” ...พี่แคทพูดพลางฉีกขยำจดหมายทิ้งลงพื้น...ฝนกระทืบซ้ำทำอากัปกริยาเหมือนเด็กๆ... “ตาย~~...พี่บ้าเอ้ย!!...แค้นๆๆๆ...กลับบ้านก็ดีปิดเทอมจะได้ไม่ต้องพบหน้า เจ้าคนบ้า...ตาถั่วซะไม่มีเห็นพวกนิสัยเสียหน้าตาแปลกประหลาดดีกว่าลูกพี่ ลูกน้องโฉมงามสวยสะคราญตั้ง 2 คนเชียวหรือนี่?...” ...ฟังแล้วขนลุกทันทีเชียวแฮะ...โฉมงามสวยสะคราญ?....ก็ไม่เถียงหรอกนะครับ แต่ในฐานะลูกผู้ชายด้วยกันผมนับถือพี่บอลที่หาญกล้าเผชิญหน้ากับพี่แคท…ถ้า เป็นผมคงโดนข่มจนหงอโงหัวไม่ขึ้นแหง... “…หนูรู้สึกว่าบอลเปลี่ยนไปนะคะ...เมื่อก่อนออกเรียบร้อยว่าง่าย” “เปลี่ยนยังไงก็ช่าง…เขาไม่มีทางต่อต้านพี่ได้…ต่อให้พี่กุนกับสาอยู่ฝ่าย เขาก็ตามเพราะคบพวกเพื่อนนิสัยไม่ดีจึงเป็นแบบนี้...ตัวอย่างก็มีให้เห็นถม เถแต่ไม่ยอมสนใจ...” ...กระแสลมพัดผ่านเมื่อรถเก๋งสีขาวพุ่งทะยาน...เศษกระดาษจดหมายสื่อรักปลิว ว่อนกระจัดกระจาย...บัดนี้มันไม่มีค่าอะไรหลงเหลืออีก...นึกสลดใจแทนคนเขียน จดหมายฉบับนี้ที่อุตส่าห์รวบรวมความกล้าถ่ายทอดความในใจของตัวเองให้หญิงสาว รับรู้และเฝ้ารออย่างมีความหวัง...แต่สุดท้าย...มันเป็นเพียงความพยายามที่ สูญเปล่าเมื่ออีกฝ่ายไม่ยินดีตอบรับ... “เคน...” “พี่บุศยังมีธุระหรือครับ?” “เปล่า...คือไม่รู้จะรีบกลับทำไม...เมื่อกี้เธอคุยกับ...” “พี่สุรีย์พรรณกับหยาดฝน...” “สาวสวย 2 พี่น้อง...ญาติของบอลน่ะรึ?...ฮึ!!...แค่นึกหน้าแล้วพาลหงุดหงิด...เสียดายมาไม่ทันจะได้ปะทะคารมกันสักตั้ง...” “นี่พี่...ก็มีเรื่องผิดใจกับพวกเธอเหมือนกัน?...” “ไม่เชิง...แต่พี่เคยคุยกับ 2 คนนั้นตามลำพัง...” ...พี่บุศยาก้มเก็บเศษเสี้ยวหนึ่งของจดหมาย...เธออ่านไปก็แสยะยิ้มไปและเฉลยเจ้าของจดหมายให้ผมทราบ... “อือ...ลายมือนี่ของพี่อู๊ดนะ...หลงรักสาวจอมหยิ่งกับเขาเหมือนกัน...แต่แล้วก็แห้วสนิท...เฮ้อ~~...” “...พี่บอกพี่บอลเป็นแฟน...” “ยัง...แต่พี่น้องคู่นี้ไม่เบาเลย...พอพี่บอกเป็นเพื่อนกับบอล...ยัยคนน้อง ทำตาลุกรีบถามใหญ่ว่าเป็นแค่เพื่อนจริงๆน่ะแถมพูดเองเออเองบอกตัวเป็นน้อง สาวจะคอยเป็นหูเป็นตาให้พี่สะใภ้...ป้องกันไม่ให้สาวอื่นมายุ่มย่ามกับบอล ...ใครไม่เชื่อมีหวังเจ็บมิใช่น้อย...ยังสำทับอีกนะ...ดูๆแล้วพี่เป็นคนฉลาด ดังนั้นคงอยู่นอกเกณฑ์ไม่รักคนที่มีเจ้าของแล้วอย่างพี่ชายเธอแน่นอน...ฮึ่ย !!...ยิ่งนึกชักยิ่งเจ็บใจยัยเด็กบ้าตาโตนั่น...เหน็บแนมได้เจ็บแสบนัก...จะ ทําไม!!...ฉันรักพี่ชายหล่อนมีปัญหาอะไร?...รักมานานแล้ว...รักมากซะ ด้วย...” “เบาๆสิครับพี่...ใจเย็นๆก่อน...แต่ก็...สมกับเป็นหยาดฝนจริงๆ...” “...ส่วนคนพี่ไม่พูดแต่ยิ้มมองแบบเหยียดๆ...ไม่ชอบไม่ถูกชะตาสักนิดแต่ลงมือ อะไรผลีผลามไม่ได้เพราะพี่คิดว่าเห็นเงียบๆหงิมๆอย่างนี้...ร้ายกว่าคนน้อง ที่พูดจ๊ะจ๋าแจ๋นๆแน่...ถ้าเป็นไปตามข่าวลือ...บุศยาเอ้ยบุศยา~~~...มารขัด ขวางความรักของเธอทำไมมีมาไม่ขาดสายเว้ย!!...” ...ข่าวลือเกี่ยวกับพี่แคทที่ผมได้ยินมาคือ...เธอพกดาบจริง?...นอกจากนี้ยัง เก่งกาจในศิลปะคาราเต้เช่นเดียวกับฝน...เชื่อว่าเป็นจริงเพราะมีเพื่อนที่ คณะนี้และเล่าให้ผมฟังเองแหละครับ... “...พี่บุศคงคิดมากไปมั้งครับ...บรรดาผู้ชายต่างชอบพวกเธอมากๆ...ผู้หญิงหลายคนจะไม่ชอบมันก็เป็นเรื่องธรรมดา...” “หึ!!...อย่าให้รวมตานั่นเข้าไปอีกคนเล้ย...ไม่รู้อะไรกันนักกันหนา...ที่มี อยู่ก็หนักใจจะแย่...นี่เย็นมากแล้วเคนรีบกลับบ้านซะเถอะ...ช่วงปิดเทอมนี่ พี่หาวันเวลาไปเดินเที่ยวละลายเงินเล่นแก้เซ็งที่ฮ่องกงท่าจะดีล่ะมั้ง...” ...พี่บุศก้าวขาฉับๆจากไปขณะยังขมวดคิ้วตวัดริบบิ้นสีหน้ามีความยุ่งยากใจ อย่างล้นเหลือ...บ่นอะไรของเธอนะไม่ค่อยเข้าใจ...ตานั่นหมายถึงใครผมก็ไม่ รู้แต่ที่แน่ๆคือพี่บุศไม่ถูกโฉลกพี่แคทกับฝน...ตามประสาของคนสวยที่ต้องไม่ ชอบใจที่มีคู่แข่งมาแย่งความเด่นดังถึงจะไม่อยู่คณะเดียวกันก็ตาม...มนุษย์ หนอมนุษย์...ตัวผมน่ะไม่อยากจะยุ่งหรือรับฟังแต่เพราะพี่บุศเป็นพี่รหัสและ รู้จักกับผมมาก่อนนานแล้วเนื่องจากบ้านอยู่ในละแวกใกล้ๆกันเราจึงเป็นคนคุ้น เคยไปโดยปริยาย... ………………………………………………………………………………………………………… ...ผมได้กล่าวไปเมื่อข้างต้นว่า 18 ปีไม่เคยพบเจอความรักสักครั้งเดียวแต่เมื่อ 1 เดือนก่อน...ผมได้พบกับสิ่งนี้...กับเธอผู้นี้... “คุณเคนคะ!!...ฉันทำอาหารมาให้...ไม่รู้ว่าจะอร่อยถูกปากคุณหรือเปล่า?...” “ว้าว!!...ขอบคุณมากๆครับ...ถ้าเป็นอาหารที่คุณบรีนทำเองไม่ว่าเป็นอะไรมัน ก็ต้องอร่อยแน่...ผมนี่มีวาสนาจริงๆ...มาทานด้วยกันเถอะนะครับ...” “พูดอะไรก็ไม่รู้...ปากหวานขึ้นทุกวันๆเชียวนะคะ...ชมผู้หญิงอย่างนี้มากี่คนแล้วเนี่ย...อ๊ะ!!...” ...จังหวะที่รับถ้วยเราได้สัมผัสมือกันอย่างไม่ตั้งใจ...มือของคุณบรีนช่าง เนียนนุ่มและก็มีกลิ่นหอมละมุน...ผมลองแกล้งกุมมือค้างไม่ปล่อยแต่หญิงสาวก็ ไม่พูดแย้งอะไรเลยสักคำ... “นี่ๆๆ...จะจับมือกันไปถึงไหน...มิวก็หิวข้าวเหมือนกันนะยะ...” “จะ...จ๊ะๆ...งั้นน้องมิวมาทานด้วยกันนะคะ...” “เชอะ!!...เจ้าพี่ลามก...ทีกับเราไม่เห็นก่อร้อก่อติกแบบนี้บ้าง...” ...ยัยเด็กนี่...บรรยากาศกำลังเป็นใจดันมาขัดจังหวะซะได้...แอบสังเกตว่าคุณ บรีนหน้าแดงขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อผมรุกคืบแตะมือเธอ...ความหวังเปิดกว้าง เรืองรองมากกว่าเดิมเมื่อสาวเจ้าไม่มีท่าทางรังเกียจหรือชักมือหนี...คุณบรี นหรือชื่อจริง “สายหยุด สุมินทร์กาญจน์” หญิงสาววัย 26 ...ทุกวันๆผ่านไปผมก็ยิ่งหลงรักเธอมากขึ้นๆอย่างมิอาจถอนตัวถอนใจนับตั้งแต่ พบกันครั้งแรก... “ก็อร่อยใช้ได้นะ...แต่ยังไม่เท่าแม่มิวสักนิด...” “มิวเสียมารยาทนะ!!...ทําไมพูดแบบนั้น...” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...จริงอย่างที่น้องมิวว่า...คุณจี๊ดทำอาหารเก่งมากค่ะ” “ฮึ!!...อิ่มแล้ว...นี่ถ้าแม่อยู่บ้านมิวก็ไม่คิดจะมากินข้าวฝีมือคนอื่นหรอก...แต่ขอขอบใจที่เลี้ยง” ...เด็กหญิงวัย 11 กินข้าวเสร็จเดินกระแทกเท้าปึงปังออกไป...ผมเห็นการกระทำที่ไม่น่าดูของมิวแล้วอายคุณบรีนแทน... “ขอโทษครับ...มิวก็เอาแต่ใจตัวแบบนี้เสมอ...ความจริงเป็นเด็กดีมากๆเลยครับ...” “ไม่เป็นไรค่ะ...เธอคงจะไม่ชอบฉันเท่าไหร่...ฉันมาอยู่นี่วันแรกหนูมิวก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว” ...เหตุผลพอจะทราบว่ามิวน่ะหึงเพราะเธอชอบผมมานานแล้ว...พอรู้สึกว่าผมเปลี่ยนไปเอาใจใส่คุณบรีนมากกว่าก็เลยไม่พอใจ... “อร่อยจังเลยครับ...แหม~~...ผมล่ะอยากมีแฟนทำอาหารเก่งๆอย่างคุณบรีนเหลือเกิน...” “ฮิๆ...อย่าชมฉันมากนักเลย...ก็เพิ่งหัดทำเมื่อไม่กี่ปีนี่เองแหละค่ะ...” ...ไม่ค่อยแน่ใจว่าคุณบรีนคิดยังไงกับผมแต่น่าจะเริ่มรู้ตัวนานแล้วว่าถูก จีบ...อยากรู้นักว่าต่อไปเธอจะแสดงออกยังไงบ้าง?...ตัวผมไม่เคยจีบใครมาก่อน มันจึงใจเต้นถี่รัวแถมกลัวไปสารพัดทีเดียว...เรา 2 คนอายุต่างกันถึง 8 ปี...คุณบรีนจะยินดีคบกับผู้ชายอายุน้อยกว่าหรือไม่?...มีคนที่ชอบอยู่หรือ เปล่า?...ผมยังไม่ค่อยจะทราบประวัติมากอะไรมากซะด้วย...โอ้ย!!...มันกังวล จริงๆโว้ย~~~... “ถ้าคุณเคนชอบ...ฉันจะทำมาให้ทานอีกนะคะ...” “อะ...ผมยินดีอย่างยิ่งครับ” ...แค่นี้ก็ดีล้นเหลือ...ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปอย่ารีบร้อน...งานนี้พอมี สิทธิ์ลุ้น...เสียดายอยู่อย่างที่ไม่ได้เก็บความหนุ่มไว้รอคุณบรีนเพราะ เมื่อเดือนก่อนผมไปมีความสัมพันธ์ทางเพศครั้งแรกในชีวิตกับพี่ “กรรณ” สาวผัวเผลอผู้ลึกลับ...หลังจากนั้นก็โชคดีได้ลิ้มรสอีกหลายครั้ง...ดังจะขอ เล่าย้อนอดีตไปเมื่อ 1 เดือนก่อนเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์เสียวของตัวเองให้ทุกท่านทราบนับแต่บัดนี้ ครับ... ....................................................................................................................................................... 9 กันยายน 2548 …11 กันยาวันมะรืนจะมีคนย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ทั้งนี้คือที่บ้านเปิดหอพักให้เช่า และผมอยู่ในฐานะผู้ดูแลแทนแม่…พ่อเสียไปเมื่อ 2 ปีก่อนจากโรคร้าย…แม่ทำงานที่ลำปางนานๆจะกลับสักครั้ง…ถามว่าเหงามั้ย?…ก็ขอ ตอบว่าไม่เลยแถมมันออกจะหนวกหูเกินไปด้วยซ้ำ?…ที่จริงเราเปิดรับทั้งชายและ หญิงแต่ปัจจุบันมีเพียงผู้หญิงมาเช่าอยู่นานพอสมควรแล้ว…ใครๆหลายคนจึงพาล คิดไปว่านี่คือห้องเช่าสำหรับผู้หญิงอย่างเดียว…ข้อดีที่สำคัญคืออยู่ใกล้ ถนนใหญ่และทางไปมหาวิทยาลัยสะดวกในการเดินทาง…ถึงแม้จะอยู่ไกลตัวเมืองแต่ก็ มีความปลอดภัยเพราะมีหน่วยสภต. ตั้งอยู่หน้าหอพักพอดี…มีตำรวจเฝ้าประจำการตลอด 24 ชม.… “กลับมาช้าจัง…คุณผู้ดูแล...” “มิว!!…พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำแบบนี้...” “โอ๊ะๆๆ...อย่าเลยว๊า~~...ชอบก็บอกมาตรงๆเถ้อ...ลูกผู้ชายไม่ใช่เหรอจ๊ะ?...” ...มิวเป็นนักเรียนชั้นประถมปีที่ 6 เตรียมสอบเข้ามัธยมปีหน้าอาศัยที่หอพักมานานกว่า 7 ปี...เธออยู่กับคุณแม่เพียง 2 คนเท่านั้นส่วนคุณพ่อ…ไม่ขอพูดถึงเพราะคุณ “จี๊ด” แม่ของมิวจะไม่พอใจทุกครั้งถ้าเอ่ยถึงคนๆนี้...นักเรียนหญิงผู้มีร่างกาย เติบโตเกินวัยอย่างกับเด็กโข่ง...เล่นแผลงๆจนขนลุก...เอาหน้าอกมาถูไถแขน ผม... “ชอบเข้ามากระแซะใกล้อยู่เรื่อย…โตเป็นสาวแล้วนะเรา…สำรวมกิริยามั้งซิ...” “แหม~~…เคนจะบอกไม่ชอบหรือไงจ๊ะ?…ตอนนี้นมมิวอาจจะไม่ใหญ่เท่าของแม่แต่อีก ไม่นานร้อก~~…รอให้มิวโตมากกว่านี้อีกหน่อย…ถึงเวลานั้นเคน…เรา 2 คนจะได้มีอะไรกันซะที...” “จะบ้าเร๊อะ!!…ฉันไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด…นี่เธอกล้าพูดแบบนี้ได้ยังไง?…ขืนพูดจาไม่สำรวมอีกฉันจะฟ้องน้าจี๊ดจริงๆนะ...” “ฟ้องอะไรน้าหรือจ๊ะ?…อ้าว!!…มิว…นี่ทำการบ้านเสร็จแล้วรึถึงมาลอยชายที่นี่น่ะ?...” “เสร็จนานแล้วค่า~~” “เคน…ฝากดูแลมิวนะ…น้าจะออกไปข้างนอก” “…แม่มีนัดกับใครเหรอคะ?…เย็นป่านนี้แล้ว” “ลูกค้าสิจ๊ะหนู…จะเป็นใครไปได้หรือ?…แม่ต้องขยันทำงานเพื่อหาเงินส่งหนูให้เรียนสูงๆไง...” “ค่าแม่~~…งั้นระวังตัวหน่อยล่ะกัน…ถ้าเลิกดึกนักก็ไม่ต้องกลับหรอกค่ะ…ดึกๆดื่นๆมันอันตราย” ...2 คนนี้แม้นิสัยจะคล้ายๆกันและดูภายนอกอาจจะอายุไม่ต่างกันมากแต่ความจริงเป็น แม่ลูกกันครับ...น้าจี๊ดทำงานเกี่ยวกับตัวแทนขายผลิตภัณฑ์ต้องออกพบลูกค้า บ่อยๆหรือบางทีเย็นๆค่ำๆก็ไปทานอาหารตามแต่ที่ฝ่ายนั้นจะขอนัดหมายจึงมักฝาก ลูกสาวไว้ให้ผมดูแลเสมอ...ภาพลักษณ์ทั่วๆไปเป็นผู้หญิงปราดเปรียวทันสมัย เจรจาเก่งหน้าตาดีจึงมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มาติดพัน...แต่งตัวแต่งหน้าก็สุด เฉียบ...อายุ 36 แล้วแต่ยังเนี้ยบ...???... “หมั่นไส้!!...มองตาเป็นมันเชียะ~~...นี่คงไม่ได้หลงเสน่ห์คุณป้าสาวใหญ่วัยใกล้ 40 หรอกนะยะ!!...” “พูดอะไรน่ะ?...นั่นแม่เธอนะ...นี่ยังอยู่อีก?...” “แม่ฝากให้พี่เคนดูแลแล้วจะให้มิวไปที่ไหนเล่า?...” “...เออๆๆ...คืนนี้ฉันมีธุระกับเพื่อน...ถ้าไม่อยากนอนห้องก็มานอนที่ห้องพี่ได้...” “มิวไปด้วย...” “ไม่ได้...อยู่เฝ้าบ้านน่ะแหละ” “ฮึๆๆ!!...ธุระของผู้ชายคงไม่พ้นเรื่องทะลึ่งๆ...ออกไปหาสาวๆใช่มั้ยล่า~~...” “ไม่ใช่...เธออย่ายุ่งมากนักเลยน่า...แค่พบปะเฮฮาธรรมดาๆ...” “เฮอะ!!...ยังไงๆพี่ก็ต้องเป็นแฟนมิว...อีกไม่นานมิวก็จะโตเป็นสาวเต็มที่ ...อดใจรอหน่อยเถอะน่า...หน้าตาธรรมดาๆไม่ค่อยหล่อเหลาอย่างพี่เคนจะมีสาว ไหนชอบหึ?...ดังนั้นต้องดีใจร้องให้โฮๆสิที่มีอนาคตสาวสวยอย่างมิวมาหลงรัก ...ไม่แน่น้า~~...นี่อาจจะเป็นโอกาสครั้งแรกและเพียงครั้งเดียวในชีวิตนะจ๊ะ พี่...” ...ดูพูดเข้า...นอกจากร่างกายแล้วนิสัยยังห่ามเกินตัว...หมู่นี้มิวยิ่งหนัก ข้อขึ้นเรื่อยๆ...สงสัยไอ้ที่พูดไปทั้งหมดเธอคงจะเอาจริงแน่ๆ...น้าจี๊ดก็ดู จะเห็นดีเห็นงามซะด้วย... “ก็ได้ๆ...จะยอมเฝ้าบ้านเฝ้าหอก็ได้แต่อย่ากลับดึกเชียว...ไม่งั้นจะฟ้องแม่ที่พี่เคนแอบหนีไปเที่ยวไม่อยู่ดูแลมิว...” ...ให้ตาย...ผมไม่คิดจะชอบมิวที่มีอายุน้อยกว่าแต่แก่แดดเกินวัยแบบนี้...เหมือนใครสักคนหนึ่งแต่นึกไม่ออก?... ............................................................................................................................................................. “ไอ้เคน...นัดคืนนี้น่ะ...ยังไงก็ตกลงไว้ก่อนเพราะมันเป็นกำไรชีวิต” “กูชักไม่อยากไปแล้วว่ะ...” “นัดทางโน้นไว้เรียบร้อยเสร็จสรรพ...มึงจะกลับคำไม่ได้นะ...อีกอย่างก็เกือบถึงที่หมายแล้ว...” ...ชีวิตนี้จะขาดผู้หญิงสักวันไม่ได้ใช่มั้ยเนี่ยไอ้เอ๊าะ?...ผมบ่นอุบอิบ กับความบ้าผู้หญิงของเพื่อนเก่าสมัยม.ปลาย...เจ้าเอ๊าะมันเป็นคนติดต่อ จัดการ...ทั้งนัดสาว...จัดหาร้านเพื่อพบปะนัดหมาย... “มึงควรขอบใจเพื่อนที่แสนดีคนนี้และดีใจที่จะได้สละความหนุ่มซะที...คู่ของมึงนี่แบบแอบผัวมาคลายเหงาไง...” “เออ!!...เวลากูตายคงได้ปีนต้นงิ้วตกนรกไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด...” “อูวะ!!...อย่าพูดเรื่องชวนหมดอารมณ์เซ่~~...ตายไปรับรองกูจะขึ้นเป็นเพื่อน มึงแน่น่า...ของกูก็แม่บ้านผัวเผลอวัย 34 ...โฮ่ย!!...อารมณ์และลีลาร้อนแรงจัดจ้านยิ่งกว่าพริกขี้หนูสวน...อยากเจอ เร็วๆโว้ย!!...มึงขี่รถให้เร็วกว่านี้หน่อยเด้~~...” ...พูดซะคะนองปากอย่างนี้แสดงว่าเคยได้กันมาแล้วชัวร์...ผมน่ะไม่ค่อยเดือด ร้อนกับเรื่องหาแฟนหาเฟินอะไรมากนักหรอกแต่เพื่อนมันคะยั้นคะยอบอกรับรอง ปลอดภัยชัวร์ๆเนื่องจากใช้ของป้องกันแถมยังเก็บเป็นความลับสุดยอด...นัด ครั้งนี้ก็มาทำความรู้จักกันก่อนส่วนไอ้อย่างอื่นคงแล้วแต่โชคชะตา… “เอ๊าะจ๋า~~...ไหงมาช้ากว่าเคยล่ะหึ?...สายไปตั้ง 10 นาที...เดี๋ยวเรียกค่าปรับซะดีมั้งนี่” ...ร้านอาหารเล็กๆลึกเข้าไปในซอย...ถ้ามองจากถนนใหญ่แทบจะไม่เห็น ...บรรยากาศดูเปลี่ยวยังไงไม่รู้...โต๊ะในสุดมีผู้หญิงสวมชุดไปรเวทนั่งดื่ม เบียร์อยู่คนเดียว...ไอ้เอ๊าะยิ้มร่ารี่เข้าไปหาทันที... “เพื่อนผมมันมัวอายครับพี่...มาๆ...นั่งเลยเพื่อน...ขอแนะนำให้รู้จัก...นี่พี่แตงแม่บ้านคนเก่ง...” “เคนครับ...” “หวัดดีจ้า~~...อ้าว!!...หน้าตาไม่เลวนี่...เอ๊าะ...คนนี้พี่ขอได้มั้ย?...” ...กึ๋ย!!...นี่คงจะพูดล้อเล่นกันล่ะมั้ง... “ไหงงั้นล่ะพี่?...นอกใจผมเหรอครับ?” “ก็สนใจนี่นา...พี่น่ะชอบนักเชี้ยว~~...เปิดซิงหนุ่มน้อยไร้ประสบกามเนี่ย...ทานอะไรยัง?...สั่งได้เลยนะจ๊ะ...มื้อนี้พี่เลี้ยง” ...ประโยคสุดท้ายเธอเอียงศรีษะเข้ามากระซิบใกล้ๆ...ใจกล้าจัง...นี่รึแม่ บ้านวัย 34 คู่ขาลับๆของเจ้าเอ๊าะเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของผม...นมใหญ่จริงๆและไอ้ตรงหน้า ขาก็อูมเป่งยิ่งนุ่งกางเกงรัดๆก็ยิ่งเห็นชัด... “พี่แตง...อีกคนที่ว่า?...” “อ๋อ!!...โทรเรียกแล้วล่ะ...แกมบังคับนิดนึงแต่รับปากว่าจะมา...นั่นไง!!...มาพอดี...” ...ผมทอง?...ฝรั่ง!!...ไม่ใช่ๆ...เป็นสาวไทยแต่ย้อมผมซะทองสวมแว่นตาดำปิด บังด้วย...เข้าใจว่าคงกลัวคนรู้จักมาเจอ...ขนาดในร้านมืดๆไม่ค่อยมีคนแท้ๆ พี่แตงยังใส่หมวกแก๊ปเลย... “คนนี้ชื่อ...” “กรรณ...ค่ะ...” “โอ้โห!!...ใช้ได้ๆ...อย่าให้พลาดเด็ดขาดเลยนะพวก...เช็คบิล!!” ………………………………………………………………………………………………………

ไม่มีความคิดเห็น: