ขายของ

วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2557

Tarantulaแม่ม่ายดำ

ทารันทูรา เป็นแมงมุมโบราณ กลุ่มที่มีขนปกคลุมลำตัว อาศัยทำรังในรูและมีลำตัวขนาดใหญ่ มันเป็นจอมพิฆาตที่รู้จักกันมาช้านาน เพราะว่าบางชนิดมีพิษกัดแล้วอาจเป็นอันตรายถึงตายได้ สามารถโจมตีเหยื่อที่มีขนาดใหญ่ได้ เช่น งู หนู นก และแมลง ทารันทูรา มีตา 8 ตา ที่รับรู้เกี่ยวกับแสง ชักใยเพื่อเคลือบรูไว้ทำให้สามารถปีนป่ายขึ้นลงในรูได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ใยของมันไม่ได้ใช้ดักจับเหยื่อ และกัดกินเอาเขี้ยวแท่งเข้าไปในเหยื่อ ทำให้เหยื่อเกิดอาการชา หรือเป็นอัมพาต แล้วค่อยปล่อยน้ำย่อยออกมาย่อยเหยื่อ แล้วค่อยๆจับกินในขณะที่เหยื่อยังหายใจอยู่ อวัยวะที่ทำหน้าที่สำคัญในการ ล่าเหยื่อ คือ ขนเส้นละเอียดเรียงเหมือนพรม ที่อยู่บริเวณปลายเท้าสุดของเขา โดยเฉพาะขาคู่หน้า ซึ่งจะรับสัมผัส ของเหยื่อ จากการสั่นสะเทือน ผู้คนมักเรียกแมงมุมพันธ์นี้ว่า...แม่ม่ายดำ...ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ยามเมื่อแมงมุมตัวผู้ซึ่งมีขนาดเล็กเข้ามาผสมพันธ์ กับมันนั้น เจ้าแมงมุมทารันทูร่าตัวเมีย จะกัดกินผัวของมันเป็นอาหารเสียทุกครา.................... ...................................................................................................................................................................................................... ผมชื่อยิ่งยอด อายุอานามปีนี้ปาเข้าไป48แล้วครับ อาชีพการงานของผมนั้น ผมทำงานอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านรัชดา ก็โรงแรมเดียวกับพี่ภู ที่แต่งเรื่องปฎิหาริย์แห่งรักลงในบอร์ดนี้ นั่นแหละครับ แต่บัดนี้ พี่ภูไม่ได้ทำงานที่นี่แล้ว ฉนั้นตำแหน่งที่พี่ภูแกทำงานอยู่ จึงตกเป็นของผมแทน แต่ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ20ปีที่แล้ว ผมเป็นลูกน้องคนหนึ่งของพี่ภู นั่นแหละครับ ผมมีหน้าที่รับผิดชอบด้านการเทรน การทดสอบความสามารถของพนักงานที่เข้ามาสมัครงาน ว่ามีความรู้ ความสามารถในหน้าที่ ที่มาสมัครหรือไม่ ผมมีห้องทำงานส่วนตัว ที่ออกแบบจำลองสถานที่ต่าง ๆ ในโรงแรมไว้ครบครัน ไม่ว่าพนักงานผู้นั้นจะมาสมัครงานในตำแหน่งใด ผมก็สามารถทดสอบ ได้ภายในห้องทำงานของผมได้ทันที ผมมีครัวจำ ลองสำหรับทดสอบพนักงานที่สมัครเข้ามาในตำแหน่ง cook มีโต๊ะอาหารจำลอง สำหรับทดสอบพนักงาน waiter และ waitress มีเครื่องใช้สำนักงานครบชุด สำหรับทดสอบความรู้ความสมารถของ พนักงานที่จะมาสมัครในตำแหน่งเลขา นุการหรือพนักงานฝ่ายธุรการ เสียดายเพียงว่า ในออฟฟิสของผม ไม่ได้จำลองเตียงนอนและห้องน้ำเอาไว้สำหรับทดสอบ พนักงานในแผนกแม่บ้าน ฉนั้นเวลามีพนักงานมาสมัครงานในตำแหน่งดังกล่าว ผมจึงต้องหาห้องพักของแขกที่ว่างมาทำ การทดสอบทุกครั้งไป ผมยกเท้าทั้งสองขึ้นมาวางบนโต๊ะทำงาน เอนหลังพิงพนักเก้าอี้หนานุ่มอย่างสุขสงบ ผมนั่งรอการมาของใครคนหนึ่งอย่าง สบายใจ เพราะวันนี้ผมนัดให้เด็กสาวคนหนึ่งมาสมัครงานในตำแหน่ง instucter ครูสอนการเต้นแอรโรบิค ในฟิตเนสคลับ ของโรงแรม เด็กสาวอายุไม่น่าจะถึง20 คนนี้ ผมพบเธอสอนเต้นแอร์โรบิค อยู่หน้าห้างสรรพสินค้าในตอนเย็น ๆ ท่าทาง การเต้น การสอน รวมทั้งรูปร่างหน้าตาของเธอ ถูกใจยิ่งนัก พอทางโรงแรมมีตำแหน่งนี้ว่าง ผมเลยรีบเสนอให้เธอมาสมัคร ไม่น่ามีปัญหา ผมในฐานะผู้จัดการฝ่ายบุคคล และผู้จัดการฝ่ายเทรนนิ่ง กับพนักงานในตำแหน่งเล็ก ๆ เช่นนี้ ไม่น่าจะมีใคร ขัดขวางมิให้ผมรับเธอเข้ามาทำงานแน่ ๆ นึกย้อนไปถึงครั้งแรกที่ผมเห็นเด็กสาวคนนี้ ยืนเต้นส่งเสียงโย้ว ๆ อัพ แอนด ดาวน์ อยู่บนสะเตรทเวทีหน้าห้างสรรพสินค้า ใกล้บ้านผม ในวันนั้น ผมพาแม่บ้านไปหาซื้อข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือน ผมเห็นเธอครั้งแรกก็ตะลึงมองจนดุจดาว ภรรยา ผมต้องแอบหยิก พร้อมดึงแขนผมกลับเข้าไปในห้างทันที ผู้ชายคนไหนถ้าได้เห็นรูปร่างหน้าตาของครูสาวคนนี้ ถ้าไม่จ้อง มองตะลึงเฉกเช่นผม สงสัยต้องไปเช็คระบบประสาทเรื่องเพศเป็นแน่ ว่ายังเป็นชายแท้ ๆ หรือเป็นกลุ่มชายสีม่วงกันแน่ ผมแอบเฝ้ามองลีลาการสอนการเต้นของเด็กสาวผมยาวรูปร่างสมส่วนคนนี้อีกหลายครั้ง แต่เป็นเพียงการเฝ้ามองอย่างเงียบ ๆ เมื่อยังไม่มีจังหวะจู่โจมเหยื่อ พยัคฆ์อย่างผมก็รู้จักที่จะอดทนรออย่างใจเย็นได้เช่นเดียวกัน แต่คราวนี้ จังหวะมันเปิดขึ้นแล้ว อีกไม่นานเธอก็จะเดินเข้ามาให้ผมขย้ำกินถึงปาก ผมนึกกระหยิ่มในโชควาสนาของตัวเอง ที่ต่อสู้อดทนรอจนจังหวะชีวิตมาถึง จึงขึ้นมายืนอยู่ในตำแหน่งงานดังกล่าว ผมนึกไปถึงลูกพี่เก่าของผม พี่ภู แกทนได้ไงในเมื่อในตำแหน่งที่แกเคยเป็นนั้น มัน สามารถบันดาลให้แกอยากฟันเด็กสาวคนไหน ไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่แกกลับไม่ทำ ไม่เหมือนกับผม หลังจากที่ผมก้าวขึ้นมา นั่งในตำแหน่งนี้แล้ว เด็กสาว ๆ ที่อยากได้งานทำ ต้องสังเวยสวาทให้กับผมคนแล้วคนเล่า จนผมไม่อยากจำเสียแล้วว่า ผมผ่าน ผู้หญิงมา กี่ร้อยคนกันแน่ "พี่ยอดคะ...น้องที่นัดไว้มาแล้วค่ะ.." เสียงใส ๆ ของเลขาคนใหม่ของผมยื่นหน้าเข้ามารายงาน พร้อมหดหัวกลับไปเมื่อผมพยัก หน้ารับทราบ ยัยอุ้ม เลขาหุ่นสบึมของผมคนนี้ ก็เสร็จผมมาแล้วเช่นกัน เธอไม่มีปากเสียงดีนัก ไม่เรื่องมาก ผมนึกอยากพิศวาท เธอเมื่อใด ก็สามารถลากเธอขึ้นเตียงได้เมื่อนั้น ยัยอุ้มหดหัวกลับออกไปได้เพียงครู่ เด็กสาวผมยาวสลวยที่มาในชุดวอร์มสีขาว มีสัญญลักษณ์แบรนด์ดัง ติดอยุ่ที่หน้าอกอวบใหญ่ ด้านซ้าย ก็ก้าวเข้ามา ยัยไหมเด็กสาวคนที่ผมรอคอยนั่นเอง "สวัสดีค่ะท่าน......" เสียงกังวาลใส ๆ ดังขึ้นพร้อมยกมือไหว้ด้วยท่าทางนอบน้อม ผมยกมือรับไหว้ "นั่งสินู๋...ไม่ต้องเกร็งนะ ทำตัวสบาย ๆ" ผมร้องบอกเมื่อเห็นท่านั่งของแพรไหมดูเขม็งเกร็ง อาจด้วยเพราะนี่เป็นครั้งแรก ที่เธอ เห็นผมในชุดสูทเต็มยศเช่นนี้ "ขอบคุณค่ะท่าน...." ผมหยิบใบสมัครงานที่เตรียมไว้แล้วออกมาจากลิ้นชัก ยื่นส่งให้แพรไหมกรอก ช่วงเวลาที่เด็กสาวนั่งกรอกรายละเอียดในใบสมัคร งานอยู่นั้นผมจึงได้มีเวลาได้สำรวจรูปร่างหน้าตาของเด็กสาวคนนี้อย่างใกล้ชิดมากขึ้นอีกครั้ง รูปร่างของเธอสมส่วน สูงน่าจะ160 กว่า ๆ ช่วงขา แขน ยาวได้รูปไม่หนาเทอะทะ เฉกเช่นครูสอนแอร์โรบิคที่เราได้เคยเห็นกันจนชินตา ว่าถ้าไม่อวบหนาแขนขาใหญ่ สะโพกบะเริ่มเทิ่ม ก็จะผอมเกร็งผิวดำ ๆ คล้าย ๆ ทอม แต่เด็กสาวคนนี้กลับมีรูปร่างสูงสวยสมส่วน อีกทั้งรูปหน้าเรียว ๆ ของเธอ ก็สวยมีสเน่ห์ชวนมองยิ่งนัก ผิวเธอขาวละเอียดดูเนียนตา และน่าจะนุ่มนวนเนียนมือด้วยแน่ถ้าได้สัมผัสลูบไล้ ดวงตากลมยาวหางตาเฉียงขึ้นไปเล็กน้อยฉายแววขี้เล่น ขี้อ้อน ยามเธอเหลือบ ช้อนตาขึ้นมามองหน้าผม แววตาเธอส่งสายตาเชื่อมสัมพันธ์อย่างโจ่งแจ้ง ลักยิ้มสวยเก๋ที่แก้มทั้งสองข้าง บวกกับฟันกระต่าย ขาว สะอาดเรียงเป็นระเบียบทำให้ใจผมเต้นระส่ำ นึกภาพว่าปากกระจับรูปสวยของเธอยามอมควยท่อนโตของผมเข้าไปเต็มปากนั้น เธอ จะเก็บฟันได้ดีแค่ไหน ชุดวอร์มสีขาวสะอาดตาของแพรไหมนั้น ซิปถูกรูดขึ้นมาค้างไว้ที่กึ่งกลางหน้าอก ซึ่งภายในถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อยืดตัวเล็ก ๆ สีดำเป็น เสื้อเกาะอก ที่รัดแน่นจนอกอวบคู่ใหญ่ของเธอนูนเด่นท้าทายสายตา ยามแพรไหมก้มหน้าก้มตากรอกประวัติในใบสมัครงาน ผม สามารถแลเห็นถึงเนินอกอวบใหญ่ที่มันล้นขึ้นมาจนบราเธอไม่สามารถห่อหุ้มมิด ท่าทางนมคู่อวบคู่นี้ คงครัดเคร่งเป็นแน่ เพราะแม้ มันจะอวบใหญ่ แต่ก็ไม่เคลื่อนคล้อยย้อยลง เฉกเช่นสาวนมโต ๆ ทั้งหลายที่ผมเคยประสพพบมา "เสร็จแล้วค่ะท่าน...." แพรไหมยื่นใบสมัครเข้ามาตรงหน้าผม จนทำให้ผมตกใจเล็กน้อย เพราะมัวแต่เพ่งมองนมอวบใหญ่ของเธอ จนเผลอตัว ผมหัวเราะเบา ๆ กลบเกลือนพิรุท พร้อมไล่สายตาอ่านประวัติ ของเธอคร่าว ๆ แพรไหมเรียนจบเพียงแค่ ม.6 แต่กำลัง ศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยเปิดแห่งหนึ่ง พ่อแม่เสียชีวิตไปหมดสิ้น มีบ้านพักอยู่ที่ กม.11 บางเขน ในย่านของคนงานรถไฟ ผมรู้สึก สะดุดเล็กน้อย เหมือนว่ามีสาว ๆ ที่ผมผ่านมา คนใดคนหนึ่งพักอยู่ในย่านนี้เช่นเดียวกัน เพียงแต่นึกไม่ออกเท่านั้น "พ่อแม่เสียหมดแล้ว นู๋แพรพักอยู่กับญาติหรือครับ.." ผมสอบถามพูดคุยด้วยเสียงนุ่ม ๆ ทุ้ม ๆ เพื่อให้เด็กสาวหายประหม่า "แพร..อยู่คนเดียวค่ะ....หลังจากพ่อแม่ตาย..." เสียงแพรไหมตอบกลับมาอ่อน ๆ เบา ๆ "อ๊าว...แล้วย่งญาติไม่มีเลยรึ.." "ไม่มีค่ะ...พ่อแม่เสียตอนแพรอายุ7ขวบ..ก็อยู่คนเดียวมาตลอด" คำตอบของสาวน้อยทำให้ผมชะงัก พร้อมนึกนิยมยกย่องว่า เด็ก สาวเบื้องหน้าคนนี้ช่างเก่งนัก สามารถเอาตัวรอดได้ตั้งแต่ในวัยเด็กเล็กเช่นนั้น "จริงรึ...อยู่อย่างไรคนเดียว..." ผมพยายามซักถามต่อไป "ตอนแพรเล็ก ๆ มีเพื่อนคุณแม่อยู่ข้างบ้าน ช่วยดูแลนะคะ แต่ตอนนี้เสียไปแล้วเช่นกัน..." เธอก้มหน้าตอบกลับมาเบา ๆ เรื่องนี้ คงจะยังคงสะเทือนใจของเธออยู่แน่ เพราะเสียงที่เล่ามาสั่นเครือจนผมสังเกตได้ ผมจึงเปลี่ยนเรื่องซักถามเสียใหม่ "นู๋แพร..ไปเรียนเต้นแอร์โรบิค มาจากไหนครับ ถึงเต้นได้พลิ้วเก่งนัก" "แพรก็เรียนมาจากหน้าห้าง ที่ท่านเจอแพรนั่นแหละค่ะ...พี่สาวเค้า่สอนแพรเต้น พอเก่งก็เลยให้แพรเป็นครูสอนจะได้มีรายได้.." คำตอบของสาวน้อยทำให้ผมสะอึก "อืมมมม.......เก่งนิ" ผมกล่าวชมด้วยใจจริง พร้อมรอยยิ้มอย่างเอ็นดู เด็กสาวคนนี้ถูกชะตากับผมนัก ทั้งน่ารัก ทั้งเก่งกาจ แต่ดำกฤษณาในใจผม กลับหาได้ทำให้ผมชื่นชมเธออย่างผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก ก็หาไม่ ผมกลับอยากชื่นชม อยากเอาเอ็นหัวโตให้เธอชมต่างหาก ผมพูดคุยซักถามประวัติแพรไหมจนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ๆ จึงคิดว่าถึงเวลาแล้ว ที่ผมจะเชือดเหยื่อวัยขบเผาะผู้นี้กลืนกิน เป็นอาหารว่าง เด็กกำพร้า ไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน แม้จะผจญชีวิตยากลำบากมาด้วยตัวตนคนเดียว จึงดูเหมือนแข็งแกร่ง แต่เล่ห์ เหลี่ยมที่แพรพราวของผม คิดว่าคงไม่ใช่เรื่องยากเย็นนักที่จะจับสาวน้อยคนนี้ขึ้นเตียง สังเวยสวาท "นู๋แพรพร้อมละยัง........" "ค๊ะ......พร้อมอะไรคะ..ท่าน" แพรไหมทำหน้างง ๆ เมื่อผมร้องบอกสั้น ๆ "อ่อ...ก็พร้อมที่จะเต้นแอร์โรบิค ให้ผมทดสอบไงครับ" ผมหัวเราะหึ ๆ อย่างเอ็นดู ภายในใจคิดเพียงว่า เดี๋ยวเหอะได้ดูเอ็นผมแน่ "ค่ะ...พร้อมค่ะ"..แพรไหมตอบรับคำสั้น ๆ แล้วลุกขึ้นยืนเดินตามผมออกมาจากห้อง ผมพาเธอมายังห้องเทรนนิ่ง ชี้มือไปยังเครื่องเล่นซีดีมุมห้อง แพรไหมเดินเข้าไปหา เธอล้วงลงไปในกระเป๋าเป้สะพายหลัง หยิบ แผ่นซีดีออกมา มันคงเป็นเพลงเต้นแอร์โรบิค เธอใส่มันเข้าไปในเครื่องเล่น ก่อนที่เสียงเพลงจะกระหึ่มขึ้นในจังหวะการเต้นที่คึก คักสนุกสนาน ระหว่างที่รออยู่นั้น แพรไหมค่อย ๆ เปรื้องชุดวอร์มสีขาวของเธอออกมา ภายในชุดวอร์มนั้น มีเสื้อเกาะอกสีดำ อย่างที่ผมมองเห็นแต่แรก แต่คราวนี้เมื่อได้มองเห็นเด่นชัดอีกครั้ง ผมจึงเห็นว่า ตัวเสื้อด้านบนมันคลุมอยู่เหนือทรวงอกครัดแข็ง ขนาดใหญ่ของเธอ ส่วนชายเสื้อเบื้องล่าง ยาวลงมาแค่ระดับเหนือเนินหน้าท้อง ที่ขาวผ่อง มีกล้ามเนื้อซีทแพ็ค ขึ้นมาเป็นลอน ๆ งดงามอย่างที่สุด ผมมองตะลึงตาค้างกับสาวหุ่นนักกีฬาที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ท่าทางจะดุเดือดแน่เมื่อผมนึกไปถึงบทรักกับสาวหุ่นฟิต ๆ แบบนี้ เบื้อง ล่างของแพรไหม มีกางเกงผ้ายืดสีดำขลิบชมพูตัวเล็ก ๆ ใส่อยู่ เป็นกางเกงเอวต่ำ ขอบกางเกงต่ำกว่าสะดือบุ๋ม ๆ ของเธอลงมาฝ่า มือกว่า ๆ ผมคาดคะเนด้วยสายตาว่า ขอบกางเกงตัวนี้ น่าจะอยู่เหนือแนวเนินโหนกของเธอไม่เกินสองนิ้ว ส่วนความยาวของกางเกง ผ้ายืดตัวนี้ มันยาวลงมาเพียงแค่เลยหว่างขาของเธอมาไม่ถึงนิ้ว แม้ขอบขากางเกงจะรัดสนิทกับโคนขาขาว ๆ ของเธอ แต่ผมก็เชื่อ ว่าถ้าแพรไหมแยกขากางออกผมต้องแลลึกเข้าไปถึงกลีบแคมของเธอเป็นแน่ ผมละสายตาขึ้นไปมองที่เนินหน้าท้องครัดแข็งขาวผ่องของแพรไหมอีกครั้ง ก็เห็นลอยสักเล็ก ๆ สีดำโผล่พ้นขึ้นมาจากขอบเอว กางเกงพอดี รอยสักเล็ก ๆ นั้นเป็นเส้น ๆ อยู่เยื้องไปทางด้านซ้าย ดูไม่ออกว่าเป็นรูปอะไร แพรไหมยืนบิดเอว ก้ม ๆ เงย ๆ เพื่อ วอร์มร่างกาย รอจังหวะเสียงเพลง พอเสียงเพลงเริ่มกระหึ่มขึ้น เธอเริ่มวอร์มร่างกายเข้ากันกับจังหวะดนตรี ผมยืนมองเธอแอ่นหน้าแอ่นหลัง บิดซ้ายบิดขวา ด้วยใจ เต้นระทึกยามเธอก้มตัวลง ผมมองเห็นเนินอกอวบ ๆ ของเธอรำไร ๆ ยามเธอแอ่นตัวเงยหน้าขึ้นอกอวบคู่นั้นก็ตั้งตระหง่านเป็นก้อน กลม ๆ น่าเข้าไปซบหน้าดอมดมเสียเหลือเกิน แพรไหมค่อย ๆ กางขาออกแล้วแอ่นตัวไปด้านหลังแบบท่าสะพานโค้งของยิมนาสติค เสื้อยืดเกาะอกของเธอก็ถูกดึงรั้งขึ้น จนผม ที่ยืนอยู่ด้านปลายเท้าของเธอ แลลึกเข้าไปเห็นฐานนมอวบใหญ่คู่นั้นอย่างถนัดชัดตา ผมมองปราดไล่มาตามเนินหน้าท้องที่เกร็ง ขึ้นจนเป็นลูก ๆ ขอบเอวกางเกงของแพรไหมเลื่อนต่ำลงมาจนเห็นว่าลายสักที่แลเป็นเป็นเส้นเล็ก ๆ เมื่อสักครู่ ที่แท้คือส่วนหนึ่ง ของขาสัตว์อะไรสักอย่าง ที่ยังซ่อนตัวอยู่ในกางเกงของเธอ แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของผมให้ไปรวมยังจุดนั้น กลับเป็นเนินโหนก ขนาดใหญ่อวบอูมที่ซ่อนอยู่ในกางเกงผ้ายืดสีดำตัวนั้นต่างหาก สาวน้อยคนนี้ช่างมีรูปสมบัติที่บรรดาชายทั้งหลายใฝ่หาเสียเหลือ เกิน ผมกลืนน้ำลายถี่ ๆ เมื่อได้เห็นความโอฬารของเนินนูนที่อวบอูมขึ้นมาเป็นรูปร่าง ความใหญ่ของมันฝ่ามือผมน่าจะปิดแทบไม่มิด ทีเดียว่ รูปสามเหลี่ยมของเนินนูน ที่มีรอยฝ่าเป็นเส้นแบ่งกลีบแคมชัดเด่นขึ้นมาเป็นพู ท่อนเอ็นในกางเกงผมกระดกตัวแข็งขึ้นมา เป็นลำเพราะความอยากจริง ๆ แล้วผมอยากเดินเข้าไปสัมผัสลูบไล้เสียบัดนั้น แต่ยังก่อน เดี๋ยวเหยื่อสาววัยขบเผาะคนนี้จะเสียขวัญ ผมจึงต้องระงับใจ รอจังหวะให้เหยื่อตายใจ ก่อนที่จะเดินเข้ามาให้ผมขย้ำกลืนกิน ด้วยความเต็มใจของเจ้าหล่อน แพรไหมยกตัวขึ้นมาจากท่าสะพานโค้งช้า ๆ หน้าของเธอแดงกล่ำด้วยเลือดฝาด ที่มันไหลตกลงไปยังใบหน้าของเธอ ทำให้ใบหน้า สวยหวานนั้นดูเย้ายวนกวนอารมณ์อย่างยิ่ง เธอส่งยิ้มให้ผมอย่างอาย ๆ แน่ละ เธอรู้ว่าผมกำลังมองส่วนเว้าส่วนโค้งของตัวเธออยู่ "แพรจะเริ่มเต้นแล้วนะคะ...ท่านถอยออกไปยืนตรงโน้นได้มั๊ยคะ...แพรต้องการพื้นที่" เธอร้องบอกเบา ๆ ทำให้ผมต้องเดินไปยืน มุมห้องตามที่เธอต้องการ แล้วท่าเต้นแอร์โรบิคของแพรไหม ก็ออกมาตามเสต็บ ตามจังหวะที่เธอได้ร่ำเรียนมา ทั้งเหวี่ยงแขน เหวี่ยงขา ยืดอกยกเอว ไปที ละขั้น ทีละตอน ผมมองดูอย่างเพลิดเพลิน แม้จะนานร่วมชัวโมง แต่ในความรู้สึกของผมแค่พริบตาก็ตาม เมื่อเสียงเพลงจบลง ร่าง แพรไหมพราวไปด้วยเม็ดเหงื่อ เธอบริหารร่างกายอีกครั้ง เป็นการ cool down ท่าทางก็คล้าย ๆ กับท่าวอร์มอัพ ที่เธอทำครั้งแรก แต่ สิ่งที่ต่างกันคราวนี้คือ เม็ดเหงื่อที่เกาะพราวร่างน้อย ๆ ของเธอนั้น ทำให้พื้นที่บางส่วนมันเปียกชื้น เสื้อเกาะอกของเธอมันชื้นไป ด้วยเหงื่อ จนผมมองเห็นเม็ดหัวนมของเธอขึ้นมาเป็นเม้ดเล็ก ๆ อย่างชัดเจน แพรไหมทำการ cool down ของเธอไปเรื่อย ๆ แม้นจะรู้ว่าเสือเฒ่าอย่างผมกำลังจ้องมองสมันเนื้อทรายวัยละอ่อนอย่างพร้อมที่จะ กระโจนเข้าขย้ำ แต่แพรไหมก็ยังนิ่งเฉย ท่าสะพานโค้งถูกนำมาใช้อีกครั้ง คราวนี้เส้นแยกแบ่งกลีบแคมหีของเธอมันผุดขึ้นมาจน แทบจะดันทะลุเนื้อผ้า ควยในกางเกงของผมกระดกตัวขมิบน้ำเงี่ยนออกมาปริ๊ด ๆ อย่างระงับไม่อยู่ ผมยืนอยู่ทางปลายขาของแพรไหม ขอบขากางเกงของเธอมันม้วนเข้าไปอีกเล็กน้อย แม้ผมไม่ต้องก้มตัวลงมอง ก็แลเห็นอย่างชัดเจนว่า ปลาย ๆ แคมหีของเธอมัน แลบออกมาแล้ว แม้มันจะถูกซ่อนอยู่ในแพนตรี้สีขาวตัวบาง ๆ ก็ตามที "เสร็จแล้วค่ะท่าน...แพรเต้นใช้ได้มั๊ยคะ" เมื่อแพรไหมยกตัวขึ้นมาหลังจากทำท่าสะพานโค้งจบลง เธอก็ร้องถามผมทันที ทำให้ผม ปรับสภาพตัวเองไม่ทัน รูู้่สึกว่าใบหน้าตัวเองร้อนวูบวาบ ๆ หน้าคงแดงกล่ำไม่แพ้ใบหน้าของแพรไหมเป็นแน่ "เก่ง ๆ ..." ผมปรบมือให้เธอพร้อมร้องชมออกมาจากใจจริง "งั้นแพรก็ได้งานใช่มั๊ยคะ...." แพรไหมยื่นมือมาจับแขนผมเขย่าอย่างลืมตัว เธอคงดีใจที่จะได้งานอันมั่นคงเป็นหลักประกันของ อนาคต "อืม ๆ..นู๋แพรเต้นสวย ใช้ได้..แต่..เอ่อ...." ผมขยักคำพูดไว้ ทำให้ใบหน้าสวย ๆ ของแพรไหมจ๋อยลงอย่างเห็นได้ชัด "แต่อะไรคะท่าน...." แพรไหมเงยหน้าขึ้นสบตาผมเต็ม ๆ แววตานั้น ทั้งออดอ้อนฉอเลาะ ผมไม่เชื่อเลยว่า ใครจะสามารถปฎิเสธ สิ่งที่ผู้เป็นเจ้าของแววตาเช่นนี้ร้องขอได้ "คืดว่า...มันมีบางสิ่งในตัวนู๋แพรที่ผิดกฎระเบียบของพนักงานนะครับ..ผมเกรงว่า..." ผมทิ้งคำพูดให้มันเป็นปริศนาอย่างนั้น "แพรมีอะไรคะ...ท่านช่วยแพรนะคะ แพรอยากทำงานที่นี่" แพรไหมเกาะแขนผมกระโดดเต้นน้อย ๆ แต่ทว่าทรวงอกอวบใหญ่ของ เธอก็ไหวสะท้านขึ้น ๆ ลง ๆ อยุ่ต่อหน้าในระยะประชิดเช่นนี้ ทำให้ผมต้องกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอถี่ ๆ "นู๋แพร...มีรอยสักใช่มั๊ยลูก...มันผิดกฎระเบียบของพนักงานนะ" ผมพยายามพูดนิ่ม ๆ เหมือนผู้ใหญ่ปราณีเด็ก "อุ๊ย...ท่านเห็น..." แพรไหมร้องอุบอิบเบา ๆ ก้มหน้างุดลงจนคางจรดยอดอก "แต่ถ้า...เวลานู๋แพรสอนเต้น นู๋ใส่กางเกงเอวสูงกว่านี้...ก็ไม่น่าจะมีคนรู้..จริงมั๊ย.." ผมหาทางออกให้ "จริงค่ะ...มีท่านกะแพรรู้แค่สองคน..อิอิ" เมื่อผมหาทางออกให้เช่นนี้ ก็เสมือนหนึ่งผมรู้เห็นเป็นใจให้กับเด็กสาว ใบหน้าสวยหวาน ของแพรไหมจึงมีรอยยิ้มกว้างอย่างลิงโลด เธอดีใจถึงขนาดกอดผมอย่างเผลอตัว ทรวงอกอวบใหญ่ทั้งคู่แนบอยู่กับท่อนแขนของผม ความรู้สึกผมต้องหวั่นไหว จนทำให้ควยในกางเกงแข็งขึ้นมาเป็นลำ ท่ากอดพร้อมเขย่าตัวไปมาของแพรไหม ทำให้ต้นขาของเธอ สัมผัสแผ่ว ๆ กับท่อนลำที่แข็งโปนอย่างช่วยไม่ได้ "เออ..ว่าแต่ นู๋แพรสักรูปอะไรนะลูก" "แมงมุม ค่ะท่าน....แมงมุมทารันทูร่า......." พูดจบ แพรไหมก็ขยับตัวถอยห่างจากผมเล็กน้อย พร้อมก้มลงมองที่ลายสัก ผมเชื่อ ว่า สายตาที่เธอก้มลงมองเช่นนี้ นอกจากเห็นลอยสักของตัวเองแล้ว เธอจะต้องเห็นท่อนลำที่แข็งโปนในกางเกงของผมด้วยเป็นแน่ เพราะผมได้ยินเสียงเธอร้องอุ๊ย เบา ๆ พร้อมกับใบหน้าที่ก้มลงมองแดงซ่านขึ้น "แล้วตัวแมงมุมมันอยู่ตรงไหนละครับ...ที่ผมเห็นน่ะขามันใช่ป่าว" แพรไหมหัวเราะคิก ๆ พร้อมกับจิ้มนิ้วต่ำลงไปจากขอบกางเกง เล็กน้อย ตำแหน่งนั้น มันก็อยู่เหนือเนินโหนกของเธอพอดิบพอดี "ตัวแมงมุม อยู่ตรงนี้ค่ะท่าน...." "ตัวใหญ่มั๊ยลูก..." เสียงผมเริ่มสั่น ๆ แม้จะผ่านสังเวียนสวาทมาอย่างโชกโชน แต่มันก็อดตื่นเต้นระทึกใจยังไงไม่รู้ "เท่าเหรียญสิบค่ะ....อยากดูมั๊ยค่ะ..." นึกว่าจะยาก แต่กลับง่าย ๆ ขึ้นมาซะงั้น เมื่อเหยื่อสาวเสนอขึ้นมาเองเช่นนี้ มีหรือที่ผมจะ ปฎิเสธ ผมเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ โดยมีแพรไหมเดินตามมากระชั้นชิด เมื่อผมนั่งลง แพรไหมก็หยุดยืนอยู่เบื้องหน้าห่างออกไปแค่เอื้อม มือถึง เธอค่อย ๆ เลิกขอบกางเกงลงช้า ๆ รอยสักรูปแมงมุมทารันโทร่า สีดำก็ค่อย ๆ เผยโฉมออกมา ผมลุ้นมองด้วยใจระส่ำ ตัว แมงมุมท้องโต ๆ อยู่ในแนวเฉียง ๆ ยกก้นขึ้น ปักหัวลงเบื้องล่าง มีขาระโยงระยาง รอยสักฝีมือละเอียดอ่อนจนทำให้แลเห็นเหมือน กับมันเป็นแมงมุมมีชีวิตจริง ๆ "อืมมมม...ช่างสักคนนี้มีฝีมือนะเนี่ยะ ผมดูแล้วเหมือนกับมันมีชีวิตจริง ๆ ...." "ค่ะ.....พี่เอก คนสักอ่ะค่ะเก่งมาก มีฝรั่งญี่ปุ่นมาให้แกสักมากมาย" แพรไหมพูดด้วยน้ำเสียงชื่นชม ซึ่งผมรู้สึกไม่ชอบใจนัก ผมตัดสินใจเอื้อมมือไปลูบไล้เบา ๆ ที่ตัวแมงมุม ลองเสียงดู ถ้าเธอไม่เล่นด้วย เดี๋ยวก็รู้ แต่ไม่ผิดจากความคาดหวังครับ เมื่อ ปลายนิ้วผมสัมผัสแผ่ว ๆ ที่รอยสัก แพรไหมแขม่วท้อง ไรขนอ่อน ๆ แถวเนินหน้าท้องขนลุกตั้งชัน เธอไม่ถอยหนี เมื่อผมเริ่ม ลูบไล้หนักมือขึ้น แต่ผมยังไม่ใจร้อน คงรูปไล้ไปมาตรงเฉพาะตัวแมงมุมที่แพรไหมโชร์ให้เห็น ปลายนิ้วผมเกือบ ๆ จะสัมผัสกับ เนินเนื้ออวบอิ่มของเธออยู่แล้ว แต่ก็ยังคงวางฟอร์มไว้ "แมงมุมตัวนี้มันไม่ชักใยรึลูก....." ผมลูบไล้ไปมาสักครู่ก็ลองแกล้งถาม ๆ ดู เสมือนชวนคุย ให้แพรไหมไม่ซีเรียส "มีสิคะท่าน.... ใยแมงมุมจะอยู่ต่ำลงไปอีก...." คำตอบของแพรไหมทำให้ทั้งมือทั้งใจผมสั่นระทึก ปลายนิ้วที่ลูบไล้ชื้นเหงื่อจน สั่นน้อย ๆ "ผมขอดูนะ..." ผมร้องบอกไปและไม่รอคำตอบ มาถึงวินาทีนี้แล้ว สาวน้อยเป็นใจให้อยู่เห็น ๆ มีหรือที่เสือเฒ่าอย่างผมจะดูไม่ออก ผมดึงขอบกางเกงผ้ายืดสีดำลงมาจนมันค้างคาอยุ่ที่โค้งสะโพก เนินอวบอิ่มซ่อนอยู่ในจีสตริงสีขาวบาง ๆ มันบางจนผมเห็นลายสัก เป็นเส้นใยแมงมุมได้ชัดเจน สายใยแมงมุมถูกพ่นออกมาจากปากแมงมุมตัวโต เป็นเส้นสายละเอียดอ่อน ก่อนจะแผ่ถักเป็นสายใย คลุมไปที่เนินหีขาวสะอาดตาของแพรไหม เนินเนื้อของเธอไร้เส้นขนผมมองดูก็รู้ว่ามิใช่เกิดจากการโกน เนินหีเธอไร้ขนตามธรรม ชาติ มีเพียงสายใยที่ถูกสักขึ้นมาปกคลุมแทน ผมกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอถี่ ๆ มือที่ลูบไล้เส้นใยแมงมุมสั่นระรัว แพรไหมยืนแอ่นเนินเนื้อให้ผมลูบไล้อย่างถนัด ผมเอื้อมมือคว้า สะโพกอวบกลมกลึงของแพรไหมกำบีบ พร้อมลูบไล้เนินเนื้อของเธออย่างหลงไหล จนแพรไหมค่อย ๆ ถ่างขาอ้ากว้างขึ้น "อูยยยยย...ท่าขา...ตรงนั้นไม่มีใยแมงมุมแล้วนะคะ...." เธอร้องครางออกมาเบา ๆ เมื่อผมลูบล้วงลึกเข้าไปใต้หว่างขา จนสัมผัส กับกลีบแคมที่เริ่มฉ่ำเยิ้มขึ้นมา แพรไหมยื่นแอ่นเนินโหนกเข้ามาให้ผมบดขยี้ พร้อมครางอูย ๆ "ไม่มีใยแมงมุง แล้วมันมีอะไรล่ะนู๋แพร...." ผมลูบล้วงหนักมือขึ้น จนปลายนิ้วแทรกเข้าไปที่กลีบแคม ที่แน่นกระชับ "ซี๊ดดดดด...ตรงนั้นปากถ้ำแมงมุมค่ะท่าน.......อย่า.....อย่าล้วงเข้าไปนะคะ" เสียงแพรไหมขาดเป็นห้วง ๆ สะโพกสั่นระริก ร่างที่ ยืนเกร็งเริ่มอ่อนระทวย ถ้าไม่มีมือข้างซ้ายของผมที่โอบประคองสะโพกอวบกลมอยู่ แพรไหมคงซวดเซลงมานั่งทับตักผมแน่ ๆ

ไม่มีความคิดเห็น: