-
ฐิติ
พรรณไม่ใช่คนโง่
ถึงแม้ว่าเธอกำลังอยู่ในช่วงแห่งความรู้สึกอิ่มเอมกับการแผนการยิงกระสุนนัด
เดียวได้นกสองตัว
คือทั้งช่วยไม่ให้ตัวเองต้องตกเป็นเหยื่ออารมณ์ของเด็กวัยรุ่นชั้นสวะเหล่า
นั้น
และยังเป็นการแก้แค้นต่อรุจิราที่คอยเยาะเย้ยถากถางเธอด้วยคำพูดและสีหน้า
แววตามาโดยตลอดอย่างสะใจ
แต่ภายใต้อารมณ์แห่งความสาแก่ใจกับความสำเร็จตามแผนการล่อหลอกคู่อริของเธอ
ไปโดนรุมโทรมนั้น
พริตตี้สาวรู้สึกมีอะไรบางอย่างรบกวนจิตใจ...เสียงนั้นพยายามบอกให้เธอตั้ง
สติใคร่ครวญ
...มีบางอย่างไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรือ...อย่างน้อยเธอเคยคิด
เหตุการณ์ที่เธอผ่านมากับตัวเองในค่ำคืนนั้นที่กลับออกมาจากผับกับศักดา
...และอีกฝ่ายรถเสียกระทันหัน...รถป้ายแดงอย่างนั้น...ไปจบลงตรงรถเมล์คันนั้นที่ตรงเข้ามารับเธอเหมือนกับไม่มีอะไรผิดปกติ
...มันไม่ใช่...มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน...มันต้องเป็นแผนที่ถูกเตรียมการเอาไว้...
ยิ่งคิดดวงตาของพริตตี้สาวก็แทบลุกเป็นไฟ
เมื่อประกอบกับคำบอกเล่าของคันธรสว่าแท้ที่จริง...ศักดานั้นเป็นแค่แมงดาลวง
โลก...ล่อหลอกผู้หญิงตีกินไปวันๆ
ฐิติพรรณโทรศัพท์ไปหาชิดโดยทันที...
และจากนั้นฐิติพรรณก็แทบคลั่ง
เมื่อความฉุกคิดนั้นได้รับการตอกย้ำอย่างชัดเจน
จาการหว่านล้อมตะล่อมถามจนอีกฝ่ายหลุดปากออกมาว่าร่วมมือกับศักดา
ซึ่งความจริงหัวโจกเด็กนรกก็ไม่ได้ยี่หระอะไรนักที่จะบอกความจริงอยู่แล้ว
น้ำเสียงที่เล่าให้ฐิติพรรณฟังจึงไม่มีวี่แววแห่งความรู้สึกผิดแต่อย่างใด
ซ้ำยังหัวเราะร่วนให้พริตตี้สาวจนเธอแทบจะกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียงด้วย
ความคั่งแค้น
ไอ้ศักดา...ไอ้ชาติชั่ว...มันทำลายอนาคตของเธอจนป่นปี้ด้วยเงินตอบแทนแค่ไม่กี่หมื่นบาท....
ดวงตาคู่งามของพริตตี้นั้นหลั่งไหลน้ำตาแห่งความแค้นออกมา
ใบหน้าที่สวยจัดนั้นเปล่งประกายอันเหี้ยมเกรียม
มันต้องได้รับการตอบแทนจากเธออย่างสาสม...ไอ้แมงดาชาติชั่ว...
.......................
เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังขึ้นสับสนอยู่บริเวณหน้าอาคารใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นจุด
รวมตัวของบรรดานักศึกษาที่เข้าประกวดเวทีมีสยูนิเวอร์ซิตี้ที่กำลังจะออก
เดินทางไปร่วมทำกิจกรรมเก็บตัวกับกองประกวด
ข้างๆ รถบัสคันใหญ่ถึงสองคันรถที่จอคอยอยู่นั้น
บัดนี้มีกลุ่มคนวุ่นวายสับสนเดินขวักไขว่ไปมา
กระเป๋าโดยสารกองเป็นภูเขาย่อมๆ
กำลังถูกลำเลียงขึ้นไปในรถบัส
ในเวลานั้นที่มุมต่างๆ
รอบบริเวณลานกว้างจะแลเห็นบรรดานักศึกษาหน้าตาดีจับกลุ่มยิ้มหัวเราะและถ่าย
รูปกันอย่างสนุกสนาน
เสียงหัวเราะกิ๊วก๊าวดังขึ้นโดยทั่วไปเป็นระยะๆ
ท่ามบรรยากาศแห่งความรื่นเริงบันเทิงใจ
บรรดาพ่อแม่พี่น้องที่มาส่งบุตรหลานไปร่วมกิจกรรมของกองประกวดต่างยิ้มแย้ม
แจ่มใส หน้าตาเบิกบาน
มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะนั้น
จะมีก็แต่เพียงเด็กสาวหน้าหวานคนเดียวเท่านั้นที่ทำตาแดงๆ
ยืนกอดร่างเล็กบางของพี่สาวเอาไว้แน่น
พี่แต๋วที่ยืนอยู่ข้าง
ตบอกตัวเองอย่างแข็งขัน
“น้องษาไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ...พี่แต๋วคนนี้รับรองจ้ะว่าจะดูแลพี่นุชของน้องษาแบบไม่ยอมให้ริ้นไต่ไรตอมเลย...”
อรนุชเองก็พยายามเสริมคำพูดของสตรีผู้สูงวัยกว่า
และกล่าวปลอบใจน้องสาวตัวเองด้วยน้ำเสียงรื่นเริง
ทั้งๆ
ที่ในใจชักแป้วไปเหมือนกันที่เห็นน้องสาวคนเล็กเป็นถึงขนาดนี้
เธออดสงสัยในใจไม่ได้
...ทำไมยายษาคราวนี้ถึงได้งอแงถึงขนาดนี้นะ...
วูบหนึ่งนั้น
เด็กสาวหวนนึกน้ำเสียงแปลกๆ
ของพี่สาวคนโตที่โทรมาหาเธอในวันนั้น...ก่อนที่เธอเกือบจะประสบกับชะตากรรม
ที่สุดเลวร้าย...ถ้าไม่ได้...น้องสาวที่มีสติดี...และ...เขา..คนนั้นที่เข้า
มาช่วยเอาไว้ได้ทันท่วงที
“นุช..พี่เป็นห่วง...ดูแลตัวเองดีๆ
นะ...ฝากน้องด้วย...”
เสียงของพี่สาวคนโตนั้นประหนึ่งว่ายังคงดังอยู่ใกล้ๆ
ทำให้ความรู้สึกอย่างหนึ่งมันตื้อขึ้นมากระทันหันจนจับไปที่ขั้วหัวใจ
ร่างเล็กบางสั่นระริก
ขนลุกซู่...ดวงตากลมโตของอรนุชพลอยชื้นๆ
ไปด้วยน้ำตาขึ้นมาเหมือนกัน
ยืนกอดน้องสาวเอาไว้แน่น...และในที่สุดต่างคนต่างน้ำตาไหลออกมา
พี่แต๋วเห็นดังนั้นแล้วทำท่าเหมือนกับจะเป็นลม
รีบควักไปที่กระเป๋าหยิบซองกระดาษทิชชู่ออกมาวุ่นวาย
ฉีกดึงออกมายื่นกระดาษให้กับอรนุช
ส่งเสียงโอดโอย
“ตายๆๆๆ...อะไรกันเนี่ย...โอยยย...พี่แต๋วจะเป็นลม...น้องนุช....น้องษา...
ไม่เอาค่ะ..ไม่เอา...โถ....ไปแค่ไม่กี่วันเองนะคะ...พี่แต๋วก็บอกแล้วไงว่า
จะไม่ยอมให้น้องนุชเป็นอะไรเด็ดขาด...เอ้า...เช็ดหน้าเช็ดตาซะนะจ๊ะ”
อรนุชพยายามหักห้ามใจที่กำลังปั่นป่วน
ยกหลังมือปาดน้ำตาตัวเองทิ้ง
ปรับสีหน้าใหม่ให้สดใสร่าเริงขึ้น
ยิ้มให้กับอรอุษา
พลางใช้กระดาษนุ่มที่พี่แต๋วส่งให้บรรจงป้ายซับน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นทางบน
แก้มของน้องสาวอย่างอ่อนโยน
“ษา...ษาต้องเข้มแข็งนะจ๊ะ...พี่รับรองว่าจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด...นะจ๊ะ..อย่าร้องไห้...คนเก่งของพี่”
อรอุษาพยักหน้ารับคำพร้อมกับพยายามกลั้นน้ำตาตนเองเอาไว้
เวลานั้นจมูกโด่งงามของเธอแดงก่ำ
จนเสียงขึ้นจมูกกระท่อนกระแท่น
“ค่ะ...พี่นุช...ษาจะเข้มแข็ง...พี่นุชจะได้ไม่ต้อง...เป็นห่วงษาเหมือนกัน...”
แต่ถึงแม้อรอุษาจะพยายามหักห้ามใจสักเพียงไร
แต่ในที่สุดดวงตากลมโตนั้นก็หลั่งหยาดน้ำใสๆ
ออกมาอีก
เมื่อเธอยืนมองรถบัสคันนั้นพาพี่สาวของเธอแล่นออกไปจากบริเวณลานจอดจนลับตา
.........................
ปานเทพเพิ่งวางหูโทรศัพท์ลงหลังจากจบการสนทนาปรึกษาหารือกับฝ่ายกฏหมาย
เรื่องเกี่ยวกับนำเรื่องของโรงแรมเครือปาร์มบีชขึ้นศาล
เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
ธนาน้องชายโผล่หน้าเข้ามา
“คุณพ่อให้มาตามพี่เทพครับ”
คนเป็นพี่เลิกคิ้วถาม
“เรื่องอะไร...แกรู้ไหม”
“คงจะเรื่องการขอประนอมหนี้ของโครงการหมู่บ้านที่คุยกันค้างอยู่คราวประชุม
คณะกรรมการบริหารที่แล้วมังครับ...ได้ยินว่ามีนักการเมืองช่วยวิ่งให้...
สงสัยว่าคุณพ่อคงอยากฟังความเห็นพี่เทพ”
ปานเทพผงกศีรษะ
ลุกขึ้นยืนก่อนจะส่งแฟ้มเอกสารตรงหน้าให้น้องชาย
“นี่คือประวัติของโครงการโรงแรมปาร์มบีชที่ทำเรื่องการปรับโครงสร้างกับเรา
ทั้งหมด พี่มีสรุปข้อพิจารณาของฝ่ายกฏหมายด้วย
แกเอาไปอ่านดูรายละเอียดนะ...คืนนี้เสี่ยทองเขานัดเราไปเจอที่โรงแรม”
ธนาทำหน้าเบื่อ
“ผมเซ็งกับเรื่องนี้เต็มทีแล้ว...เราเองก็ทำไปตามกฏเกณฑ์ที่มีอยู่ไม่ได้หรือครับ”
“เออน่า...ไปรับฟังข้อเสนอของทางเขาดูอีกทีจะเป็นไรไป...นี่พี่ก็เพิ่ง
ปรึกษาเรื่องกับฝ่ายกฏหมายเสร็จหยกๆ
เกี่ยวกับการเอาเรื่องขึ้นศาล...เราก็เตรียมงานของทางเราไป...ทางเขาก็คง
ต้องดิ้นหนักหน่อยมันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว...ถ้าไม่มีข้อเสนอที่ดีกว่าเราก็คง
ทำไปตามแผน”
น้องชายผงกศีรษะรับแฟ้มมาถือไว้
ก่อนที่ปานเทพจะตบบ่าธนาและขยับจะเดินออกไปจากห้องเพื่อไปพบกับบิดาของเขา
...นายธวัชชัย...ผู้เป็นประธานกรรมการบริหารของบริษัทบริหารหลักทรัพย์ชื่อ
ดังของเมืองไทยแห่งนี้
ก่อนจะพี่ชายจะเดินออกไปนั้น
ธนากระตุกแขนเสื้อของพี่ชายเอาไว้
กล่าวด้วยใบหน้าขัดเขินนิดๆ
“เอ่อ
ถ้าช่วงนี้ไม่มีมีตติ้งอะไรสำคัญนัก
เสร็จจากคืนนี้แล้ว
ผมขอตัวได้ไหมครับ...”
ปานเทพยิ้มกว้าง
กล่าวเคล้าเสียงหัวเราะ
“จะไปหายายนุชล่ะสิ...”
น้องชายเกาศีรษะเขินๆ
ก่อนจะพยักหน้า
“ครับ...หมู่นี้งานยุ่งมากจนไม่มีเวลาไปเจอน้องนุชเลย...เมื่อวันก่อนที่เธอ
ประสบอุบัติเหตุเรื่องรถ...ผมก็ยังติดประชุมเสนอรายงานอยู่...ร้อนใจจะตาย
แต่จะออกไปหาก็ไม่ได้...”
ปานเทพหัวเราะเสียงดัง
ผงกศีรษะ
“เอาเถอะน่า...ยัยนุชโทรมาว่าไม่เป็นอะไรมากก็โอเคแล้ว....อือม์...เอาเถอะ
...พี่เห็นใจแก...เอาอย่างนี้แล้วกัน...หลังจากคุยกับเสี่ยทอง...เราก็มา
สรุปแนวทางกันอีกครั้ง...จากนั้นแกก็ฟรี...”
ธนายิ้มกว้างอย่างสดชื่น
ดวงตาเป็นประกาย
นึกใคร่อยากจะโบยบินไปหาเด็กสาวร่างเล็กบางคนนั้นตั้งแต่เดี๋ยวนี้
......................
เกมกามที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อคืนยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
เสียงเนื้อกระทบเนื้อ
เสียงครางกระเส่าของรุจิราดังประสานกันอย่างเร่าร้อน
“อ๊ะๆๆๆๆๆๆๆ....ปั่บๆๆๆๆๆๆๆๆ....”
เด็กสาวหงนหน้าเพริด
อ้าปากส่งเสียงร้องออกมาอย่างสุดเสียว
เมื่อร่างมีแต่คราบน้ำกามกำลังนั่งขย่มควยของมืดที่นอนแผ่อยู่บนเตียงนั้น
กำลังสั่นระริกไปทั้งตัว
เพราะความเสียวกระสันนั้นกำลังไต่ระดับจนใกล้จะถึงจุดกระสันซ่านน้ำแตกเต็ม
ที
สองเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงแต่ทว่าแตกต่างในรายละเอียดเกิดขึ้นในรังสวาทแห่ง
นี้
ครั้งก่อนเป็นฐิติพรรณที่ตกอยู่ในอาการที่แกงค์เด็กนรกมอมยาเธอจนคุมสติไม่
อยู่
แต่ครั้งนี้รุจิราที่เพลิดไปกับเพลิงกระสันที่ถูกป้อนให้เสพสมอย่างต่อ
เนื่องนั้น
ชิดกับพวกไม่ได้ใช้ยากับเด็กสาวแต่อย่างใด...
ตลอดค่ำคืนอันยาวนาน
กับความหื่นกระหายของสมาชิกแกงค์เด็กนรกที่ตักตวงเอาจากเรือนกายของสาวสด
รุจิรานั้นสลบเหมือดไปหลายต่อหลายครั้ง
และเมื่อเธอฟื้นความรู้สึกขึ้นมา
ทุกครั้งจะมีร่างของวัยรุ่นสมาชิกแกงค์นรกกำลังทาบทับกระเด้าเธออยู่อย่าง
เมามันราวกับไม่มีที่สิ้นสุด...
เมื่อร่างกายที่กะปลกกะเปลี้ยเริ่มมีอาการตอบสนองต่อความเสียวกระสัน
และปากงามของเด็กสาวอ้าออกครางครวญ
ท่อนเอ็นอวบของเด็กช่างกลที่เธอไม่เคยรู้จักก็แอ่นกระเด้ายื่นเข้ามาต่อหน้า
หลังจากที่ถูกสอนให้รู้จักรสชาติของท่อนเอ็นที่ฉุนกลบปากเป็นครั้งแรก
ตั้งแต่ในรถเมล์นรกเมื่อคืนก่อน
รุจิราก็รู้ดีว่าต้องทำอะไรกับท่อนเนื้อที่ถูกยื่นเข้ามานั้น
ทุกประการวนเวียนไปเหมือนกับหนังฉายซ้ำ....เพลิงสวาทระลอกแล้วระลอกเล่าที่
ถาโถมเข้าใส่ประสาทสัมผัสอันอ่อนไหวของเด็กสาว...ความเสียวกระสันจนถึงจุด
สุดขีด
ร่างกายที่สั่นเทิมร่านระริกเสียวซ่านจนแทบจะปริออกจากทุกรูขุมขน....ก่อน
ที่ความเหนื่อยล้าจะคืบคลานเข้ามา...ความเจ็บระบม...และอย่างช้าๆ
ความเสียวระลอกใหม่ก่อเกิด...วนซ้ำจนร่างกายของเธออ่อนล้าเกินกว่าจะรับรู้
อะไรได้อีก....และทุกอย่างค่อยๆ
ดับมืดสนิทไปจากความรับรู้....จนกระทั่งเธอฟื้นขึ้นมาใหม่อีกรอบ....
เวลาเลยเที่ยงมาแล้วตอนที่รุจิราที่ตื่นขึ้นมาพบกับอ้วนที่กำลังทะลวงควยอวบ
กระซวกโพรงหลืบของเธออย่างเมามัน
เสียงหัวเราะทักทายจากเด็กช่างกลร่างอ้วนที่ใบหน้ามันอูมนั้นมีรอยยิ้ม
อย่างกระหาย
รุจิราครางออกมาอย่างเจ็บปวดร้าวระบมไปทั่วตัว
แต่ทว่าอย่างช้าๆ
ร่างที่กระปลกกระเปลี้ยก็ค่อยๆ
สั่นสะท้านไปด้วยความเสียวซ่านรัญจวน
และเด็กสาวที่นอนหงายอยู่บนฟูกก็แอ่นโคกอูมของเธอเสนอสนองตอบการกระเด้าของ
เด็กร่างอ้วนอย่างร้อนร่าน
จนกระทั่งอ้วนกระฉูดน้ำเมือกใส่โพรงสวาทของรุจิราอย่างสุขสม
และจากนั้นก็เป็นคิวของมืด
ที่จับเธอนั่งคร่อมควยของตนเองที่เด้งคอยอยู่
จนกระทั่งถึงตอนนี้ที่เด็กสาวกำลังเกร็งหน้าท้องโยกสะโพกผายของเธอควบลำเอ็น
ที่อัดแน่นในโพรงสวาท
และรับรู้ถึงความรู้สึกเสียวกระสันที่กำลังไต่ระดับไปเรื่อยๆ
อย่างรวดเร็ว
ใบหน้างามของเธอแหงนเพริดปากครางกระเส่า
อืออๆๆๆๆๆๆ
ขณะนั้นเองชิดเดินยิ้มกริ่มเข้ามาส่งมือถือให้รุจิรา
กล่าวเสียงเกล้าหัวเราะ
“พี่หมวยคนสวย..มีคนโทรมาหา”
ใบหน้าที่กำลังเหยเกเพราะแรงกระแทกจากควยที่เธอคร่อมคาอยู่นั้น
เบิกตาโพลงออกมา
ยื่นมือสั่นสะท้านหยิบมารับสาย
เด็กสาวพยายามกัดฟันทำเสียงให้เป็นปกติ
ขณะที่ร่างของเธอสั่นกระตุกไปตามแรงกระแทกของมืด
“รุเหรอจ๊ะ..”
“ไอซ์.....”
“ได้ข่าวว่ารุ..ลาป่วยวันนี้...เมื่อวานมีอะไรจ๊ะ...อยู่ดีๆ...รุก็หายไป
เฉยๆ...ที่สตูเขาตามให้วุ่น...ไอซ์พยายามโทรติดต่อรุไปก็ไม่รับสาย”
เสียงของฐิติพรรณดังขึ้นมาอย่างห่วงใย
รุจิราที่กัดฟันแน่น
เพราะแรงกระแทกที่โพรงหลืบทำให้เธอรู้สึกเสียวซ่านจนตัวสั่นสะท้าน
พยายามใช้มือป้องไปที่โทรศัพท์พยายามปิดบังไม่ให้เสียงหนั่นเนื้อกระทบกัน
ปั่บๆๆๆ นั้นดังลอดออกไปอีกด้าน
“.พอดี...รุเปลี่ยนใจ...เลยไม่ได้ไปที่สตู...จ้ะ…คือ...รุ...รุ...ปวดหัว...เลยเปลี่ยนใจ...”
เด็กสาวส่งเสียงกระท่อนกระแท่นเต็มทีตอบไป...ยกมือปิดไปที่โทรศัพท์แน่น
ขณะที่หลับตาปี๋ ขบริมฝีปาก
พยายามกลบความเสียวซ่านให้ดังอยู่ในลำคอ
อือ อือ อือ....ปั่บ
ปั่บ ปั่บ
เสียงอีกด้านดังมาอย่างเป็นห่วง
“เหรอจ๊ะ...แหมเสียดายจัง...มิน่า..วันนี้เห็นเพื่อนรุบอกว่ารุลาป่วย....แล้วรุรู้สึกดีขึ้นหรือยัง”
“มะ..ไม่เป็นไร..แล้ว...เอ่อ...รุต้องไปล่ะ...มีธุระ...”
รุจิราเริ่มพูดเสียงระรัวเร็ว
เพราะความเสียวซ่านนั้นมันกระเพื่อมแรงขึ้นๆ
ทุกที จนตอนั้นขนลุกซ่านไปทั้งตัว
“จ้ะ...อย่าลืมนะจ๊ะ...ถ้ารุมีอะไรให้ไอซ์ช่วยบอกมาได้เลย...ไอซ์ยินดีช่วยทุกอย่าง...จะให้รุช่วยนัดทางสตูให้ใหม่เอาไหมจ๊ะ...”
เสียงใสๆ
นั้นดังมา รุจิรารีบตัดบท
“เอา...เอา...ไว้ก่อนแล้วกัน...รุ..รุต้อง..วางหูแล้วนะ...แค่นี้นะ”
จากนั้นเด็กสาวก็รีบปิดมือถือลง
แล้วแหงนหน้าเพริดร้อง
อ๊ะๆๆๆๆๆๆ อารมณ์พล่านไปตามแรงกระแทก
ปั่บๆๆๆๆๆๆๆ....
มืดลากมือไปตามลอนสะโพกผายของรุจิราที่คร่อมตอของตัวเอง
แสยะยิ้มกระเส่าร้อง
“พี่หมวย...เสียวซ่านไปถึงทรวงใช่ไหมล่ะ...คนสวยของมืด...”
“ชะ..ใช่....อ๊ะๆๆๆ...พี่..พี่จะ...ถึงแล้ว...อ๊ะๆๆๆๆ....เร็วๆๆๆ...อ๊ะๆๆๆๆ....”
เด็กวัยรุ่นหน้าปรุ
หัวร่อร่า
“ได้สิครับ...ถ้าพี่หมวยคนสวยร้องขอ...มีหรือมืดจะให้ไม่ได้..กั๊กๆๆๆๆๆ”
สะโพกของรุจิราที่กระเด้าลงมาประสานกับแรงกระทอกของมืดที่ใบหน้าเบี้ยวด้วย
ความหฤหรรษ์บังเกิดเสียงดัง
ปั่บๆๆๆๆๆๆๆๆ.....รุนแรงถี่ยิบต่อเนื่อง
เนื้อตัวบนร่างขาวๆ
ที่กำลังนั่งคร่อมตัวเต้นระริกๆ
ไปจนทั่ว
และในที่สุดเมื่อความเสียวกระสันนั้นพล่านไปจนถึงสุดทาง
ใบหน้างามก็แหงนเพริด
“อ๊ะๆๆๆๆ....อ๊ายยๆๆๆๆ....อ๊ายยยยยยยซซ”
รุจิราร้องลั่นสุดเสียงถึงจุดทะลักแตกไปคาควยของมืด
ก่อนที่ร่างปวกเปียกของเธอนั้นจะทรุดฮวบลงไปทาบกับตัวของช่างกลหน้าปรุอย่าง
อ่อนแรง
หน้าอกอูมของเธอที่ปลายงอนนั้นเต็มไปด้วยรอยขบกัดจนแดงเถือกบดเบียดลงไปบน
หน้าอกแห้งกรังของเด็กหนุ่ม
มืดหัวเราะกระเส่าโอบรัดร่างขาวของรุจิราเอาไว้แน่น
กระดกควยกระทอกใส่โพรงสวาทนั้นอย่างเมามันไม่มีหยุด
เสียง ปั่บ ปั่บ ปั่บ ดังถี่ยิบ
ขณะที่หน้าเปื้อนสิวนั้นระดมเบียดไซร้ไปตามหน้าขาวผ่องที่ทาบลงมาอย่างอ่อน
แรง แลบลิ้นเลียไปตามวงหน้าของรุจิราอย่างอร่อยลิ้น
ซ๊วบ ซ๊วบ ซ๊วบ
เนื้อขาวๆ
บนร่างปวกเปียกของรุจิราที่ทาบไปบนตัวของเด็กช่างกลหน้าปรุยังเต้นระริกๆ
ไปตามจังหวะกระทอกของมืด
ซึ่งเร่งเร้าความแรงขึ้นเรื่อยๆ
ตามความเสียวกระสันของผู้เป็นเจ้าของอย่างต่อเนื่องยาวนาน
จนใบหน้าบิดเบี้ยวนั้นเหยเกสุด
แหกปากร้อง
อู๊ซซซๆๆๆๆๆ...สุดยอด...โอววว...อูยยยยย...จะออก..แล้วโว้ย....อูซซซ...อู
ซซซ...โอ้ววว...อ๊าซซซซ...อ๊าซซซซซ
ร่างของมืดกระตุกพราดๆ
ควยกระทอกปั่ปๆๆ
กระแทกสวนโพรงหลืบที่ฉ่ำเยิ้มนั้น
กระฉูดน้ำกามระลอกใหม่เข้าไปอย่างสุดๆ
ใบหน้าปรุนั้นอ้าปากหอบครางอย่างสุขสม....อูววววว..อูววววว...สุดยอดดดด...
พี่หมวย....
รุจิราที่ป้อแป้เต็มที่
ถูกถึงตัวพรวดออกมา
โพรงหลืบนั้นหลุดจากควยของมืดดังบ๊วบใหญ่
เด็กสาวอ้าปากคราง
ซี๊ดดดดดด...อย่างเสียวซ่านเมื่อลำเอ็นนั้นครูดไปตามโพรงหลืบบี้เบียดไปตรง
ติ่งแตดเธอเต็มๆ
อ๋องเป็นคนดึงร่างขาวบางของเด็กสาวขึ้นมา
เด็กโค่งมองไปยังโพรงหลืบที่ตอนนั้นเฉอะแฉะ
น้ำเมือกขาวขุ่นๆ เกรอะไปตามกลีบอูม
น้ำกามของมืดเพื่อนร่วมแกงค์ที่เพิ่งพรวดเข้าไปเมื่อครู่นี้เยิ้มย้อยออกมา
เป็นทางยาวไปตามลำขาเนียนของรุจิรา
อ๋องหัวเราะหื่น
ดันให้รุจิราไปยืนโก้งโค้งเอามือเกาะพนักเก้าอี้โซฟาตัวเก่าๆ
ที่ตั้งอยู่ในห้อง
ก่อนที่จะเกร็งหน้าท้องสูดปาก
อูซซซซซซซซ..อัดทะลวงควยเข้าไปในโพรงหลืบที่ฉ่ำแฉะนั้น
รุจิราแหงนหน้าเพริด
อ้าปากคราง อื้อออออออ......
เสียงปั่บๆๆๆๆ
ที่เกิดขึ้น และความเสียวกระสันที่พล่านขึ้น
สะโพกของเด็กสาวก็เริ่มกระเด้าตอบควยของอ๋องอย่างช้าๆ
จนเนื้อขาวๆ ตรงหนั่นสะโพกเต้นระริกๆๆๆ
เป็นตามจังหวะกระแทกนั้น
เสียงอ๋องคราง อูซๆๆๆๆๆ
อย่างมันส์สะเด่า
ใบหน้าบิดเบี้ยวตาเหลือกโพลงมองแก้มก้นขาวๆ
ที่แบะอยู่ตรงหน้า
และกลีบคูมที่โอบขยอกท่อนเอ็นของตัวเองตาไม่กระพริบ
ปั่บๆๆๆๆๆ อูซซซซๆๆๆๆๆ....สุดยอดดด...สุดยอดดด...
แจ๊กยิ้มกริ่มเดินมาข้างๆ
ตรงบริเวณใบหน้าของเด็กสาวที่แหงนสะบัดไปมาอย่างเสียวซ่าน
และแอ่นสะโพกที่ควยแข็งกำลังเด้งถอกหงึกหงักเข้าไป
รุจิราใบหน้าแดงซ่าน
โอบท่อนเนื้อนั้นดูดอมไปจนแก้มตอบ
เสียง อึ้มๆๆๆๆๆ พร้อมๆ
กับเกร็งสะโพกรับการกระเด้าควยของอ๋องที่กระแทกตอบขึ้นมาอย่างเร่าร้อนเป็น
จังหวะ ปั่บๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
นมสองเต้าอวบตูมนั้นกระเด้งดึ๋งๆๆๆๆๆ
เสียง
แช๊ะๆๆๆๆ
เมื่อชิดเก็บภาพการกระเด้าสวาทนั้นเอาไว้อย่างชัดเจน
ขณะที่เสียงพรรคพวกแกงค์นรกดังหัวเราะกระหึ่มต่อเนื่อง
........................
ทันทีที่เสียงทางปลายสายตัดไป
ฐิติพรรณก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างสะใจ
“คิกคิก....สมน้ำหน้า...อีลูกเจ๊ก...มีธุระเหรอ...คิกคิก...นึกว่าฉันไม่รู้กระมัง...ธุระของเธอคืออะไร...ฮึ”
ตอนนี้ถึงแม้จะสาแก่ใจในสภาพของรุจิรา
แต่ความรู้สึกอย่างหนึ่งที่รุมๆ
สุมอยู่ในอกของพริตตี้สาว
คือความคั่งแค้นต่อสิ่งที่ศักดากระทำกับเธอ
ความเร่าร้อนในอกนั้นประหนึ่งไฟเผาผลาญนับตั้งแต่วินาทีที่เธอได้รับฟังคำ
จากปากของชิดว่าศักดานั้นขายเธอให้กับสวะพวกนั้น…ด้วยค่าตอบแทนแค่ไม่กี่
หมื่นบาท...
ท่ามกลางความพลุ่งพล่านดาลเดือดในใจ
เมื่อเลิกเรียนในตอนเย็นพริตตี้สาวจึงขับรถตรงไปหาคันธรสที่บริษัทของหญิงสาวผู้สูงวัยกว่า
คันธรสเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของพริตตี้สาวก็ทักว่า
“ไอซ์ไม่สบายไปหรือเปล่า...ดูหน้าตาเครียดๆ”
ถึงแม้จะรุ่มร้อนต้องการแก้แค้นอย่างไร
แต่สิ่งหนึ่งที่ฐิติพรรณไม่ยอมแน่ๆ
ก็คือการแพร่งพรายเหตุการณ์ที่ตนเองถูกไอ้สวะพวกนั้นรุมโทรม
ดังนั้นพริตตี้จึงตกลงใจจะลองสืบเรื่องราวเกี่ยวกับศักดาให้มากกว่านี้
เพื่อจะได้ใช้เป็นข้อมูลในการหาทางเอาคืนไอ้แมงดาชาติชั่วนั้นให้สาสม
“ไอซ์รู้สึกเบื่อๆ...อยากชวนพี่รสไปกินข้าวเย็นแล้วไปฟังเพลงต่อที่ผับกันหน่อยค่ะ”
คันธรสมีความรู้สึกดีๆ
ให้กับพริตตี้สาวไม่น้อย
เห็นอีกฝ่ายมาชวนก็ไม่อยากขัด
หวนนึกถึงผับหรูที่โรงแรมของเสี่ยทองได้
จึงชวนว่า
“เอาสิ...เราไปที่โรงแรมที่เคยเจอกันวันก่อนไหม...พี่รู้จักเจ้าของด้วย...รับรองว่าบริการดีเยี่ยมเลย”
“ก็ดีค่ะ...”
พริตตี้สาวรับคำง่ายๆ
ที่ไหนก็ได้อยู่แล้ว
เพียงแต่เธอแค่จะอาศัยจังหวะเหมาะๆ
ตะล่อมอีกฝ่ายหาข้อมูลเกี่ยวกับศักดาเท่านั้นเอง
“โอเคจ้ะ...ถ้างั้นรอพี่เดี๋ยวนะขอเคลียงานก่อน”
………………….
เสี่ยทองพยายามสะกดกลั้นอารมณ์เกรี้ยวกราดเอาไว้อย่างสุดกำลัง
แต่ถึงกระนั้นใบหน้าอวบอูมก็ยังแดงคล้ำ
ดวงตาสามเหลี่ยมกระตุกถี่
ขณะที่ริมฝีปากหนานั้นสั่นระริก
“คุณปานเทพ...ผมยอมคุณถึงขนาดนี้แล้วคุณยังไม่เห็นใจผมอีกหรือ”
ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย
กล่าวเรียบๆ
“การที่ผมยอมมาพบเสี่ย...นี่แสดงว่าผมเปิดรับความเห็นของเสี่ยอยู่แล้ว...
เพราะผมเองก็ไม่อยากให้เรื่องเดินไปจนถึงศาล...ฉะนั้น...ผมขอพูดตรงๆนะครับ
...ไม่ใช่ไม่เห็นใจ...เพียงแต่ธุรกิจก็คือธุรกิจ...ถ้าเสี่ยมีข้อเสนอที่ผม
เห็นว่าควรรับพิจารณา...ผมก็ต้องรับแน่นอน”
เสี่ยร่างอ้วนแค่นหัวเราะ
กล่าวอย่างเดือดดาล
“นี่คือข้อเสนอที่ผมถอยมาสุดๆ
แล้ว...ผมจะเสนออะไรให้ได้อีก...”
ปานเทพยักไหล่
กล่าวว่า
“ถ้าเรื่องขึ้นศาลและเสี่ยก็คงรู้แนวโน้มของผลการตัดสิน...คงไม่ต้องบอก...สิ่งที่อยู่รอบๆ
ตัวของเสี่ย....”
ชายหนุ่มผายมือไปรอบๆ
อันเป็นห้อง VIP
แบบส่วนตัวอันเป็นส่วนหนึ่งของภัตตาคารหรูภายในโรงแรมระดับห้าดาวของเครือปาร์มบีช
“มันก็จะสูญไปจนหมด...ดังนั้นสิ่งที่เสี่ยบอกว่าถอยสุดๆ
มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นนะครับ”
ธนาที่นั่งเบื้องข้างพี่ชาย
กล่าวเสียงห้วน
“เสี่ย...พี่ของผมเขาอธิบายขนาดนี้ก็นับว่าใจเย็นมากแล้วนะ...บอกตรงๆ
ถ้าเป็นผม...ผมไม่มาพูดกับเสี่ยในวันนี้ด้วยซ้ำ...เพราะฉะนั้นเราอย่ามาเสีย
เวลากับการต่อรองแบบไม่จริงใจอย่างนี้ดีกว่า...”
เสี่ยทองสะกดอารมณ์อย่างลำบาก
แค่นเสียง
“แล้วทางคุณเทพต้องการอะไร...”
ปานเทพยิ้ม
กล่าวเรียบๆ
“ถ้าเครือปาร์มบีชยอมพิจารณาข้อเสนอในการควบกิจการของเครือคัทลียา...สิ่ง
ที่เสี่ยจะได้ไปก็เห็นจะเป็นเงินที่เสี่ยจะใช้ได้สบายตลอดชีวิต”
เสี่ยทองตัวสั่นเทิ้ม
ผุดลุกขึ้น ชี้หน้าปานเทพ
“ถุย....ในที่สุดก็โผล่หาง...ที่แท้มึงทำทุกอย่างก็เพื่อนังเมียเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมของมึง...”
ใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มเครียดขึ้นฉับพลัน
เขาเป็นนักธุรกิจที่เจนสังเวียนการเจรจา
ถ้าพูดกันแต่ในเนื้อหาของงานปานเทพก็ยังคงรักษาท่าทีได้อย่างนุ่มนวลเสมอ
แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังก้าวล่วงไปยังบุคคลที่เขารักสุดหัวใจ....
“เสี่ยระวังคำพูดหน่อยครับ...อย่าลืมว่าตอนนี้ไม่ใช่ผมมาขอร้องเสี่ย...แต่เสี่ยต้องคอยดูว่าผมจะลงดาบเสี่ยหรือเปล่านะครับ”
ปานเทพกล่าวเสียงเย็นชา
ใบหน้าอูมของเสี่ยทองถมึงทึง
“ทำไม..ทำไมกูจะพูดไม่ได้...ก็พวกมึงสองผัวเมียรวมหัวกันคิดฮุบกิจการของกู...”
ธนาผุดลุกขึ้น
ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยโทสะ
กล่าวเสียงกร้าว
“ผมบอกแล้วพี่เทพ...เสียเวลาเปล่าเจรจากับคนพรรค์นี้...บริหารกิจการเจ๊งไม่เป็นท่าเองแท้ๆ...”
คำพูดของชายหนุ่มจี้ใจดำเสี่ยทอง
จนใบหน้าดำคล้ำ
ขณะที่ปานเทพเองก็ผุดลุกขึ้นเช่นกัน
หันตัวกลับไปพร้อมกับพูดทิ้งท้าย
“ผมให้โอกาสเสี่ยถึงที่สุดแล้ว...ตอนนี้มีแค่คำแนะนำสุดท้าย...หาทนายที่คิดว่ามือแน่ที่สุดเตรียมไว้ก็แล้วกันครับ”
ชายหนุ่มพูดจบก็พยักหน้าชวนให้น้องชายเดินออกไป
ขณะที่เสี่ยทองงุ่นง่านจัด
หยิบแก้วน้ำขว้างไปยังผนังเสียงดังเปรี้ยง
เศษแก้วแตกกระจาย
ปานเทพหันมามองดูเสี่ยอ้วนด้วยสายตาหมิ่นๆ
ก่อนจะหันกลับไปเดินออกไปไม่เหลียวหลัง
..................
หญิงสาวต่างวัยที่เดินเคียงคู่กันเข้าไปในโรงแรมหรูนั้น
กลายเป็นจุดสนใจของคนตั้งแต่พวกเธอเดินผ่านล๊อบบี้ของโรงแรม
ทะลุออกบริเวณสวนหย่อม
และโซนร้านค้า
ไปจนถึงบริเวณส่วนที่จัดไว้สำหรับเป็นที่ตั้งของภัตตาคารหรูและผับที่ตกแต่ง
อย่างตระการตา
คันธรสและฐิติพรรณที่เดินเคียงกันไปต่างคนต่างมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
ชาวต่างประเทศร่างอ้วนคนหนึ่งเดินสวนมาถึงกับตาลุกเบิ่งมองตาค้างจนเหลียว
หลัง
สตรีชราผู้เป็นภรรยาเดินมาด้วยมีสีหน้าบึ้งเอื้อมมือกับบิดไปที่หูของสามี
ซึ่งตัวสะดุ้งโหยง พร้อมส่ง
เสียงดัง โอ้วโนๆๆๆๆๆ ซอรี่ๆๆๆๆๆ
ดวงตาของหญิงสาวต่างวัยแลมาสบตากันจากนั้นก็แย้มปากงาม
หัวเราะคิกๆ เสียงใส
ทันใดนั้นเองบุรุษสองคนที่กำลังเดินสวนกลับออกไป
ก็ทำให้ทั้งคันธรสและฐิติพรรณอุทานออกมาแทบจะพร้อมๆ
กัน
“คุณเทพ...”
“พี่ธนา...”
สองชายหนุ่มพี่น้องผู้เด่นดังในวงสังคมที่กำลังเดินคุยกันมาชะงักเท้ากึก
ต่างคนหันมายังต้นเสียงที่ร้องทัก
พอเห็นหญิงสาวต่างวัยสองคนยืนอยู่ตรงหน้า
ต่างก็ร้องทักออกแทบพร้อมๆ
กันเหมือนกัน
“คุณรส...”
“น้องไอซ์...”
สิ้นเสียงของชายหนุ่มทั้งสองนั้น
ขณะที่คันธรสยังยืนนิ่งอึ้ง
มองดูปานเทพชายหนุ่มผู้ซึ่งอดีตเคยเป็นกุมหัวใจของเธอเอาไว้อย่างตะลึงลาน
ตรงกันข้ามกับฐิติพรรณที่ใบหน้ายิ้มออกมาอย่างอ่อนหวานปราดเข้ามายืนใกล้ๆ
ธนาเอียงคอทักทายเสียงใส
“ไอซ์ดีใจจังเลย...แหม...ไม่นึกจริงๆ
ว่าจะเจอพี่ธนาที่นี่”
ธนาหัวเราะแหะๆ
รู้สึกว่าอีกฝ่ายจะเบียดตัวมาชิดไปหน่อย
จึงถอยไปครึ่งก้าวพร้อมพูดว่า
“เอ่อ...พี่ก็ดีใจ...ไอซ์มาได้ยังไงเนี่ย”
“ไอซ์มากับพี่รสค่ะ...พอดีเซ็งๆ
เลยชวนพี่รสมาหาข้าวเย็นทานกัน…แล้วพี่ธนาล่ะคะ”
ธนาหันมาสบตาพี่ชาย
ซึ่งตัวของปานเทพเองคุ้นๆ
หน้าของพริตตี้สาวอยู่เหมือนกัน
แต่ไม่ค่อยได้วิสาสะกันตรงๆ
เท่าไหร่นัก ตอนนั้นเป็นคนตอบแทนว่า
“พวกผมมาคุยเรื่องงานนิดหน่อยครับ
กำลังจะกลับ....”
ฐิติพรรณเอียงนาฬิกาข้อมือดู
แล้วยิ้มเย้าๆ กล่าวเสียงใส
“แหม...นักธุรกิจนี่เวลาเป็นเงินเป็นทองไปหมดเลยนะคะ...นี่มันตั้งทุ่มแล้ว...ยังไม่เลิกงานกันอีก”
ปานเทพเพียงแค่ยิ้มๆ
ไม่ตอบอะไร ตอนนั้นคันธรสเดินเข้ามาหาชายหนุ่ม
กล่าวทักทายเสียงเรียบ
“คุณเทพสบายดีนะคะ...เราไม่ได้เจอกันเสียนาน...ตั้งแต่วันแต่งงานของคุณ...”
ความจริงหญิงสาวเคยเห็นชายหนุ่มกับภรรยาในวันที่อรชาเดินทางไปต่างประเทศ
แต่ในวันนั้นปานเทพไม่ได้สังเกตเห็นว่าคันธรสนั้นอยู่ที่โรงแรมด้วย
ในเวลานั้นพอคันธรสพูดไปถึงวันแต่งงาน
ดวงตาของหญิงสาวนั้นอดเปล่งประกายวาบออกมาด้วยความรู้สึกยอกแสยงใจแว่บหนึ่งไม่ได้
คืนนั้น...มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ชีวิตของเธอได้พลิกไปในอีกด้านหนึ่งอย่างไม่มีทางหวนกลับมาเส้นทางเดิมได้อีกต่อไป...
แต่ประกายตานั้นปรากฏเพียงวูบเดียวก็สลายไป
ขณะที่ปานเทพผงกศีรษะกล่าวเสียงนุ่มนวลเป็นปกติ
“ผมสบายดี...แล้วคุณรสล่ะครับ...สบายดีหรือเปล่า”
คันธรสยักไหล่
ยิ้มอย่างเฉิดฉัน
ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านในใจ
ทำให้เธออดที่จะกล่าวอย่างเน้นเสียงไม่ได้
“รสก็เป็นรสอย่างนี้แหล่ะค่ะ...เมื่อก่อนเป็นอย่างไร..เมื่อนี้ก็อย่างนั้น”
ปานเทพพอจะจับเค้าอารมณ์บางอย่างในน้ำเสียงนั้นได้...ซึ่งชายหนุ่มไม่ได้
รู้สึกโกรธอีกฝ่ายแม้แต่น้อย...ตรงกันข้ามเขาลอบถอนใจ...คันธรสมีสิทธิ์ที่
จะแค้นเขาเต็มที่...
ความจริงชายหนุ่มรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ
เหมือนกัน...ถึงแม้ว่าตอนที่เขาคบหากับหญิงสาวตรงหน้าจะยังไม่ได้มีการสัญญา
หรือข้อตกลงผูกมัดแต่อย่างใด
แต่ทว่าการที่อรชาก้าวเข้ามาในแวดวงวิถีชีวิตของเขา
และดึงความสนใจทั้งมวลของเขาให้พุ่งตรงไปยังเธอ
โดยละทิ้งความสัมพันธ์ของเขากับคันธรสไปโดยไม่ไยดี...มันก็เป็นการตัดสินใจ
ที่เห็นแก่ตัวเองอย่างมาก...
ตอนนั้นปานเทพจึงกล่าวด้วยเสียงที่เขาพยายามจะใส่ความจริงใจที่มีให้กับอีกฝ่ายลงไปอย่างสุดความสามารถ
“ผมดีใจจริงๆ
นะครับที่เจอคุณรส...งานวันแต่ง...เราก็ไม่ค่อยได้คุยกันมาก...ผมอยากจะ
บอกว่าผมยังเป็นเพื่อนที่ดีของคุณ...ถ้ามีเรื่องอะไรที่ผมจะช่วยได้...ผม
ยินดีและเต็มใจ”
คันธรสเชิดหน้า
คำพูดของอีกฝ่ายนั้นทำให้ดวงตาคู่งามต้องพยายามกลบเกลื่อนร่องรอยแห่งความเสียใจที่บัดนี้กำลังพลุ่งพล่านอยู่ในอก...
ฐิติพรรณที่คบหามานานกับคันธรสเองก็รู้ตื้นลึกหนาบางของความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ดี
ตอนนั้นเกิดความรู้สึกวาบขึ้นในใจ
อีนุชแย่งพี่ธนาไปจากฉัน...พี่สาวของมันก็แย่งพี่เทพไปจากพี่รส....
ดวงตาของหญิงสาวเป็นประกายวูบวาบด้วยความรู้สึกบางอย่างที่พลุ่งขึ้นมา
จนประกายตานั้นเกรี้ยวกราดจนน่ากลัว
แต่ในเวลานั้นที่ทั้งปานเทพและธนาไม่เห็นเพราะกำลังมองไปที่คันธรส
ซึ่งหญิงสาวตอนนั้นเชิดหน้ากล่าวเสียงกระด้าง
“ไอซ์...เราเข้าไปกันเถอะ...”
หญิงสาวไม่ต้องการให้อดีตคนรักเห็นความอ่อนแอ...อันหมายถึงสัญญลักษณ์ของ
ความพ่ายแพ้...เดินเชิดหน้าตรงเข้าไปโดยทันที...โดยไม่รีรอเพื่อนรุ่นน้อง
ที่หันไปยังธนากล่าวเสียงหวาน
“พรุ่งนี้...พี่ธนา...ว่างไหมคะ…ไอซ์อยากชวนพี่ธนาไปกับหาพี่ภาคภูมิด้วยกัน”
ธนามีใบหน้าเก้อเขิน
เมื่อกล่าวเสียงเคล้าหัวเราะ
“พี่คงไม่ว่าง...พี่จะไปหานุชเขาน่ะ...ขอโทษทีนะน้องไอซ์...”
ฐิติพรรณต้องพยายามสะกดกลั้นอารมณ์อย่างมาก
เพื่อไม่ให้ตัวเองแสดงสีหน้าและแววตาอันเกรี้ยวกราดออกไป
เมื่อได้ยินคำตอบอันแสลงหูนั้น
…นังนุช...นังนุชอีกแล้ว...อะไรๆ
ก็นังนุช....ฮึ...พี่ธนานะ...ไอซ์มีอะไรที่สู้นังนั่นไม่ได้
ในเวลานั้ปานเทพพยักหน้ากับน้องชาย
“เราไปกันเถอะ...แล้วเจอกันครับ”
ตอนท้ายชายหนุ่มหันมาก้มศีรษะให้กับพริตตี้สาวเล็กน้อยเป็นเชิงลา
ก่อนที่จะเดินผละไป
โดยที่ธนานั้นหันมายิ้มให้กับฐิติพรรณ
แล้วสำทับคำพูดเดียวกับของพี่ชาย
“พี่ไปก่อนนะ...แล้วเจอกัน”
ก่อนที่เขาจะเร่งก้าวเท้ายาวๆ
ตามติดปานเทพไป
ทิ้งให้ฐิติพรณมองตามด้วยแววตาที่เร่าร้อนราวกับมีเพลิงสุมอก
...................
ความจริงอารมณ์ของเสี่ยทองนั้นนับว่าปะทุจนใกล้จะคลั่งเต็มที
แต่ภาพที่เสี่ยอ้วนแลเห็นแต่ไกลนั้นมันสะกิดใจให้เกิดความสงสัยและครุ่นคิด
จนกระทั่งทำให้ความพลุ่งพล่านดาลเดือดในใจนั้นลดระดับความรุนแรงลงอย่างรวด
เร็ว
“ไอ้ปานเทพ...กับคุณรส…ดูแล้วมันน่าจะมีอะไรมากกว่าคนรู้จักธรรมดาว่ะ...”
มือไวเท่าความคิด
เสี่ยเจ้าของสถานที่ยกมือถือขึ้นโทรไปหาเสี่ยเซี้ยง
ใบหน้าอูมนั้นยิ้มแย้มว่า
“เสี่ยเซี้ยง...ผมเสี่ยทองนะ...ที่โทรมาหาก็เพราะวันนี้คุณรสมาถึงที่นี่...เสี่ยรู้หรือเปล่า”
เสี่ยโฉดที่กำลังนั่งตรวจเช็ดสต๊อกของเพชรที่มีทั้งแท้และเทียมอยู่ที่บ้าน...เลิกคิ้วหนา...กล่าวเรื่อยๆ
“เหรอ...ผมไม่รู้...ถ้ายังไงก็รบกวนเสี่ยช่วยเทคแคร์คุณรสหน่อยนะ...”
แต่ในเวลานั้นเสี่ยโฉดกำลังคิดในใจ
รอคอยคำพูดต่อไปของอีกฝ่าย
...ถ้ามีเรื่องแค่นี้...ไอ้เสี่ยทองมีหรือจะโทรมา...ชะช้า...อย่านึกว่ากู
ไม่รู้...ถ้าไม่มีอะไร...มึงก็นั่งคั่วเมียกูเพลินไปเท่านั้น...
และก็จริงดั่งที่คาด
เสี่ยทองกล่าวเสียงเคล้าหัวเราะตามมา
“ผมเพียงแต่สงสัยแทนเสี่ย...เพราะเผอิญผมเชิญนัดไอ้ปานเทพมาคุยธุระ...ดู
เหมือนคุณรสกับมันจะรู้จักกันอย่างดีมากกว่าคนรู้จักธรรมดา...”
เสี่ยเซี้ยงสะอึก
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาเองไม่รู้มาก่อน
ตอนนั้นความรู้สึกอย่างหนึ่งพรวดๆ
ขึ้นมา ทำให้เสี่ยโฉดผุดลุกขึ้น
กล่าวเสียงกร้าว
“เดี๋ยวผมไปแจมด้วยคนสิ...งานสนุกๆ
อย่างนี้...ผมจะพลาดได้ไง”
“ฮ่ะๆ...ได้สิ...ผมจะรอ...”
เสี่ยทองพูดตอบเสียงกลั้วหัวเราะ...
............
ขณะที่อรอุษากำลังนั่งซ้อมเปียนโนอยู่อย่างเหงาๆ
ใบหน้าไม่ค่อยสบายใจ
เสียงเรียกสายโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้น
ก็ทำให้เด็กสาวรีบหยิบขึ้นมา
และเมื่อเห็นเบอร์สายเรียกเข้า
เธอก็ยิ้มหวานรีบรับสายอย่างดีใจ
“พี่นุช..เป็นไงบ้างคะ”
เสียงโอดครวญดังแว่วเข้ามาอย่างละห้อยละเหี่ย
“โอ๊ย...เนื๊อย..เหนื่อย...นี่ษารู้ไหม...ทางกองประกวดพาพวกเราไปทัวร์วัด
...ไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า...ไปนั่งยิ้มรับฟังบรรยายเกี่ยวกับการรณรงค์
เรื่องปราบปรามยาเสพติด...โอ๊ย...จิปาถะ...กว่าจะมาถึงโรงแรม...ขาแทบขาด...
ยังไม่ทันจะได้พักเลย...กองประกวดก็พาเข้ากิจกรรมแนะนำตัว...รู้จักเพื่อน
ใหม่อีก...ตอนนี้เลยกำลังนอนพุงอืดอยู่นี่...เพราะตอนหัวค่ำหิวจัดกินข้าวไป
สองจานแน่ะ...”
ถึงแม้กำลังอยู่ในช่วงที่ไม่ค่อยสบายใจแต่อรอุษาก็อดหัวเราะไปกับคำบ่นเป็น
สายขบวนรถไฟยาวเหยียดของพี่สาวไม่ได้
ก่อนที่อรนุชจะถามมาว่า
“แล้วษาล่ะ...วันนี้เป็นไงบ้าง”
“หลังจากแยกกับพี่นุช...ษาก็ไปซัมเมอร์แคมป์ตามปกติค่ะ...ก็ไม่มีอะไรเป็น
พิเศษ...พอเลิกตอนบ่ายแก่ๆ
ก็กลับมาบ้านเลย…ตอนที่พี่นุชโทรมา..ษากำลังเล่นเปียนโนอยู่”
“ดีจ้ะ...หาอะไรทำเพลิน...จะได้ไม่เหงา...พรุ่งนี้ตามโปรแกรมเขาจะให้พวกเรา
ไปร่วมกิจกรรมปลูกป่า...โอ๊ย...มีหวังขาลากกลับมาอีกแหง๋ๆ...”
จากนั้นอรนุชก็ชวนคุยแจ้วๆ
ด้วยความตั้งใจจะช่วยให้น้องสาวคลายเหงาไปบ้างอีกพักใหญ่
ก่อนจะตบท้าย
“เอาไว้พรุ่งนี้พี่จะโทรมารายงานษาใหม่ก็แล้วกัน...ง่วงแล้ว...ตาจะปิดให้ได้...ขอนอนก่อนนะ”
ความจริงอรอุษาอยากฟังเสียงพี่สาวไปนานๆ
กว่านี้ แต่ก็พูดเสียงอ่อนเบา
“ค่ะ..หลับฝันดีนะคะ”
“จ้า...ษาก็เหมือนกันนะ”
…………………
ในพื้นที่ที่กินแดนติดต่อกันอย่างกว้างใหญ่นับจากบริเวณสวนไม้สัก
ตลอดมาจนถึงที่จัดทำเป็นรีสอร์ทเล็กๆ
สามารถรองรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักผ่อนชมสวนป่าธรรมชาติ
เลยไปจนจรดแนวเทือกเขาอันเขียวชอุ่ม
ปางไม้ “ห้วยสัก”
แห่งนี้นับเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติ
และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดผู้เข้ามาพักได้สม่ำเสมอตลอดปี
ในบริเวณส่วนหน้าของอาคารที่ทำหน้าที่เป็นสำนักงานรับรองนั้น
ตอนนี้มีไฟเปิดสว่างไสว
มีเสียงคนดังจอแจ
เพราะกำลังตระเตรียมความพร้อมรับงานพิธีในวันพรุ่งนี้
ในเวลานั้นชายฉกรรจ์ร่างเกร็งหน้าตอบ
เดินเลี่ยงๆ กลุ่มคนออกไปยืนในบริเวณมืดสลัว
สายตากวาดไปมาจนแน่ใจว่าไม่มีคนแล้วจึงค่อยเอ่ยเบาๆ
“ครับ...พ่อเลี้ยง....”
เสียงปลายสายดังต่อเนื่องตามติดมา
ชายฉกรรจ์รับฟังอย่างเงียบๆ
จนกระทั่งกล่าวพึมพำ
“ถ้าอย่างนั้น...ผมก็คงจะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว...”
“ไม่เป็นไร..ไอ้คำ...กูรู้กว่าที่มึงแฝงตัวเข้าไปได้ไม่ง่าย...แต่กูตัดสินใจแล้ว...เอาตัวนังนั่นมาให้ได้...เข้าใจไหม”
เสียงกระด้างที่ดังขึ้นมา
ทำให้ชายที่ถูกเรียกว่าคำรีบรับคำอย่างนอบน้อม
“ครับ
พ่อเลี้ยงผมเข้าใจ”
“แค่นั้นแหล่ะ...”
ปลายสายเงียบไป
พร้อมๆ กับเสียงผ่อนลมหายใจยาวของชายฉกรรจ์
ก่อนที่จะมีเสียงทักดังมาจากเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังหอบหิ้วลังไม้มาหลาย
ลัง
“อ้าว...พี่คำทำไมมาอยู่มืดๆ...”
ชายฉกรรจ์ทำทีเป็นหัวเราะ
แล้วเดินกลับไป
ช่วยเด็กหนุ่มคนนั้นแบ่งลังไม้มาถือ
“ไม่มีอะไร...แค่มาพักดูดบุหรี่ตัวหนึ่ง”
จากนั้นคำก็เดินแทรกปะปนเข้าไปในกลุ่มคนที่กำลังวุ่นวายกับการเตรียมงานโดยปราศจากท่าท่ที่ผิดปกติแม้แต่น้อย
...................
เสี่ยทองกับเสี่ยคิ้มหัวเราะร่าขณะที่นั่งอยู่ร่วมโต๊ะกับหญิงสาวที่สวยบาด
ตาบาดใจถึงสองคน
สายตายิบหยีของเสี่ยมากราคะทั้งสองนั้นต่างจับจ้องไปยังพริตตี้สาวเป็นพิเศษ
เนื่องเพราะรู้ว่าสาวสวยอีกคนหนึ่งถูกตีตราจองเอาไว้แล้ว
ริมฝีปากปากหนานั้นต้องแลบลิ้นเลียปากอยู่บ่อยครั้ง
เมื่อเห็นฐิติพรรณที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษาอันรัดรึงอวดส่วนสัดที่น่าตื่นตา
ตื่นใจยิ้มแย้มหัวเราะคิกๆ
ดวงตาพราวไปด้วยประกายตาแห่งความร้อนแรง
ปากงามจิ้มลิ้มของเด็กสาวที่เอิ่บซ่านไปด้วยพันซ์สีสดนั้นแย้มเยื้อน
กรีดกรายยั่วเย้าบริหารเสน่ห์อันล้นเหลือของเธออย่างเจนจัด
เสียงอ่อนหวานไพเราะที่เอ่ยถามเกี่ยวกับธุรกิจการค้าของสองเสี่ย
พร้อมกับการฉลาดพูดในการเอาใจชมเชย
ก็ทำให้สองเสี่ยใบหน้าอิ่มเอิบ
อ้าปากหัวเราะไม่หยุด
เสี่ยอ้วนหัวเราะพุงกระเพื่อมเมื่อว่า
“ผมน่ะเสียดายจริงๆ
ที่รู้จักน้องไอซ์ช้าเกินไป...ไม่อย่างนั้นจะต้องขอแรงน้องไอซ์ไปช่วยเป็น
พรีเซ็นต์เตอร์การประชาสัมพันธ์โรงแรมของผมแน่นอน”
ความจริงอายุของเสี่ยอ้วนเป็นพ่อของพริตตี้สาวได้อย่างสบาย
แต่กลับเรียกเด็กสาวว่าน้องอย่างไม่กระดากปาก
ซึ่งเด็กสาวก็ไม่ได้แสดงทีท่าที่ขัดเขินกับคำเรียกนั้นแต่อย่างใด
ยกมือไหว้เสี่ยทองอย่างอ่อนหวาน
ฉีกยิ้มกรีดกราย
“โธ่...เสี่ยขา...ขอแค่ให้ไอซ์ได้มีโอกาสรับใช้เสี่ยในอนาคต...ไอซ์รู้สึกเป็นเกียรติอย่างที่สุดแล้วค่ะ...”
เสี่ยคิ้ม
ใบหน้าที่ไว้เคราคางแพะ
ยิ้มย่องว่า
“ตอนกลางปีนี้...จะมีงานแสดงเครื่องประดับอัญมณีครั้งใหญ่...ผมขอจองน้อง
ไอซ์มาเป็นแบบเดินให้ชุดเครื่องมรกตที่ผมกำลังสั่งทำเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
ด้วยนะครับ...”
ฐิติพรรณยิ้มหวาน
พนมมือไหว้เสี่ยคิ้ม
และรินเหล้าและโซดาเติมให้อีกฝ่ายอย่างเอาใจ
ใบหน้าของเสี่ยตัณหากลับนั้นเบิกบานจนแย้มยิ้มออกมากว้างขวาง
ดวงตาร่านระริกมองดูอกอูมของฐิติพรรณแบบไม่กระพริบ
ซึ่งเด็กสาวผู้เปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์อันรัดรึงใจ
ยิ้มหวานทำเป็นไม่สนใจกับดวงตากระหายราคะนั้น
เธอซึ่งเมื่อก่อน...ก่อนที่จะสูญเสียทุกอย่างไปให้เดนนรกพวกนั้นยังไม่เคย
กลัวสายตาอันแสดงความกระหายอยากของผู้ชายที่คิดจะครอบครองร่ายกายของเธอ...
นับประสาอะไรกับตอนนี้...ดังนั้นดวงตาคู่งามของฐิติพรรณจึงยั่วเย้าเป็น
ประกายพราวสนุก
เย้าอารมณ์ของสองเสี่ยจนตัวสั่นสะท้านไปด้วยความรู้สึกเสน่หาในตัวของเด็ก
สาว
ขณะที่พริตตี้สาวกำลังสนุกสนานอยู่กับวงสนทนาระหว่างเธอกับสองเสี่ย
ในเวลานั้นหญิงสาวที่สูงวัยกว่ากลับนั่งดื่มเงียบๆ
นานๆ ทีจะยิ้มรับหัวข้อที่แวะเข้ามายังเธอเป็นครั้งเป็นคราว
ซึ่งตะกอนที่ตกค้างนิ่งอยู่ในก้นบึ้งแห่งความรู้สึกกำลังถูกคุ้ยออกมาจน
ฟุ้งซ่านเพราะการประจันหน้ากับอดีตคนรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ซึ่งตลอดเวลานั้นอาการของคันธรสอยู่ในการสังเกตสนใจของเสี่ยทองโดยตลอด
ซึ่งสมองของเสี่ยร่างอ้วนกำลังครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้นานาประการ
นัยน์ตายิบหยีนั้นวูบวาบต่อเนื่อง
ในเวลานั้นเองที่ร่างกำยำใหญ่โตของเสี่ยเซี้ยงเดินเข้ามาภายในห้อง
VIP อย่างยิ้มแย้ม
เสี่ยหนุ่มชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อแลเห็นสมาชิกแปลกหน้าที่กำลังนั่งหัวเราะ
เสียงใสอยู่ร่วมโต๊ะ
คันธรสเบิกตากว้างนิดหนึ่ง
หญิงสาวไม่คิดว่าเสี่ยเซี้ยงจะมา
จึงผุดลุกขึ้นรับด้วยรอยยิ้ม
“เสี่ย..มาด้วยหรือคะ”
ร่างที่เดินเข้าแนบสนิท
ใบหน้าของคันธรสที่เปลี่ยนไปราวกับคนละคนกับเมื่อครู่
ทำให้ฐิติพรรณจับตามองอย่างพิศวง
ไม่อยากเชื่อว่าชายตรงหน้าจะเป็นคู่ควงคนปัจจุบันของหญิงสาวที่สวยและเฉิด
ฉันอย่างพี่รส
ดวงตาของเสี่ยเซี้ยงหันมามองพริตตี้สาวด้วยคำถาม
คันธรสก็แย้มยิ้มแนะนำว่า
“นี่ไอซ์ค่ะ...เพื่อนรุ่นน้อง...เขาสนิทกับรสมาก...”
ฐิติพรรณเก็บกักอาการที่ประหลาดใจนั้นไว้ภายใต้สีหน้ายิ้มแย้มอย่างน่ารักโดยไร้ร่องรอย
พนมมือไหว้เสี่ยโฉดอย่างอ่อนหวาน
แนะนำตัว
“ยินดีที่ได้รู้จักเสี่ยค่ะ...”
เสี่ยเซี้ยงหัวเราะรับไหว้
และจากนั้นก็เข้าร่วมวงสนทนากันอย่างครึกครื้น
คราวนี้ด้วยจริตสาวพราวเสน่ห์คันธรสไม่ได้มีวี่แววหรืออาการผิดปกติเหมือน
เมื่อครู่นี้แต่อย่างใด
ร่วมกันกับพริตตี้สาวยิ้มหวานหัวเราะเสียงใสไปกับวงสนทนาอย่างกลมกลืน
เสี่ยเซี้ยงที่มองตาเสี่ยอ้วนเจ้าของสถานที่อย่างมีนัย
ซึ่งเสี่ยทองก็ฉีกยิ้มกล่าวว่า
“เสี่ยเซี้ยงเขาหวงคุณรสแค่ไหน...แค่ผมหลุดปากไปนิดเดียวเท่านั้นว่าคุณรสเผอิญเจอคุณปานเทพเพื่อนเก่า...เสี่ยเขาก็รีบมาหาทันที...”
ใบหน้างามของคันธรสมีร่องรอยผิดปกติปไปแว่บหนึ่ง
ก็จะยักไหล่กล่าวเสียงอ่อนหวานกับเสี่ยเซี้ยง
“ก็แค่คนรู้จักน่ะค่ะ...รสไม่ได้สนิทอะไรกับเขานัก”
แต่ดวงตาคู่งามที่กำลังเก็บอาการมันฟ้องอารมณ์ภายในให้กับเสี่ยโฉดอย่าง
ชัดเจน สายตาของเสี่ยเซี้ยงจึงมีประกายวูบขึ้นมา
หันไปมองใบหน้าของฐิติพรรณที่กำลังระเรื่อไปด้วยฤทธิ์ของพันซ์สีสด
ก็นึกในใจ
นังเด็กคนสวยคงจะรู้อะไรดีๆ...สงสัยต้องตะล่อมถามจากนังไอซ์นี่
เมื่อคิดตกลงใจได้ดั่งนั้น
เสี่ยเซี้ยงก็แค่อาศัยรอเวลา
ในที่สุดเมื่อคันธรสขอตัวไปห้องน้ำ
ความจริงฐิติพรรณจะเดินตามไปด้วย
แต่เสี่ยโฉดทำเป็นพูดเสียงเคล้าหัวเราะ
“แหม..ใจคอจะให้พวกผมนั่งเหงากันอยู่หรือครับ
...รอให้คุณรสกลับมาก่อนแล้วน้องไอซ์ค่อยไปดีกว่า”
พริตตี้สาวหัวเราะคิกๆ
ส่งนัยน์ตาหวานฉ่ำให้กับเสี่ยเซี้ยง
ยิ้มพลางว่า
“ก็ได้ค่ะ...”
เสี่ยเซี้ยงพยักหน้าให้กับเสี่ยทอง
ที่รับลูกอย่างเข้าใจกัน
กล่าวถามเหมือนไม่ค่อยได้สนใจอะไรนักว่า
“คุณรสกับคุณปานเทพเขารู้จักกันมานานแล้วหรือครับ...น้องไอซ์”
ฐิติพรรณคิดนิดหนึ่ง
มองตาเสี่ยเซี้ยงแบบลังเล
ถ้าอีกฝ่ายเป็นคู่ควงคนปัจจุบันของพี่รส
เธอควรจะพูดหรือ...
เสี่ยโฉดหัวเราะ
เพราะอ่านสายตาของเด็กสาวออก
โบกมือกล่าว
“ไม่ต้องห่วงครับ...ผมกลับรู้สึกดีเสียอีก...ถ้าจะได้ฟังทุกอย่างให้เคลียๆ
ไป…จะได้ไม่ต้องติดค้างใจไงล่ะครับ”
ได้ยินดังนั้นฐิติพรรณจึงเล่าเรื่องความสันพันธ์ในอดีตระหว่างคันธรสกับปาน
เทพให้สามเสี่ยที่นั่งอยู่ในโต๊ะฟัง
และก็เลยเล่ารวมไปถึงเรื่องของศักดาด้วย
โดยมีวัตถุประสงค์เร้นลับในใจ
“พี่รส...เขาโชคดีค่ะ...ที่รู้ตัวไอ้แมงดาโฉดนั่น...ก็เลยถอนตัวมาทัน...แต่
ไอซ์คิดๆ
ดูแล้วมันน่าแค้นไหมคะ...คนแบบนี้มันสมควรต้องได้รับโทษอย่างสาสม...”
คำพูดของพริตตี้สาวนั้นเป็นการเบิกช่องทางให้เธอสามารถหาแนวร่วมจัดการศักดา
จิ้งจอกสวาทที่กลายเป็นเป้าหมายที่เธอต้องการทำลายอย่างที่สุด
ในเวลานั้นทั้งสามเสี่ยต่างมีสีหน้าแตกต่างกันออกไป
เสี่ยทองกับเสี่ยเซี้ยงดวงตาครุ่นคิดวูบวาบ
ส่วนเสี่ยคิ้มนั้นมีใบหน้าตื่น
ตาเบิกโพลง สอบถามฐิติพรรณด้วยน้ำเสียงละล่ำละลัก
“น้องไอซ์พูดว่าไอ้นั่นมันชื่อศักดาหรือ...หน้าตามันเป็นยังไงครับ”
ฐิติพรรณหันไปมองใบหน้าเหลี่ยมที่ไว้เคราแพะนั้นแล้วยักไหล่ว่า
“ก็อายุสักสามสิบปี
หน้าตาดี
ผิวขาวค่ะ...เพราะอย่างนั้น...ไอ้แมงดานั่นจึงอาศัยหน้าตาของมันหลอกลวงผู้หญิงไงคะ...เสี่ย”
เสี่ยคิ้มขบกรามกล่าวเสียงหนัก
“คงเป็นไอ้ศักดานั่นแน่...มันทำผมแสบเหลือเกิน”
มันช่างเป็นความบังเอิญเสียเหลือเกิน
เพราะเหยื่อรายล่าสุดของศักดาก่อนที่จิ้งจอกสวาทจะหลบหนีมากรุงเทพนั้นก็คือ
บ้านเล็กของเสี่ยคิ้มนั่นเอง
ในเวลานั้นเสี่ยคิ้มที่ควานหาตัวของศักดาไม่เจอที่ขอนแก่นจึงรู้สึกพลุ่ง
พล่านขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราด
ในเวลานั้นแววตาของพริตตี้สาวลุกวาบ
ความจริงเธอแค่หวังเล่นๆ
ว่าจะโยนเรื่องศักดาเข้าไป
เผื่อหาช่องทางในการจัดการอีกฝ่ายให้สมแค้น
แต่ตอนนี้ใจของเด็กสาวเต้นแรง
เพราะถ้าเสี่ยคิ้มมีความบาดหมางกับไอ้ชาติชั่วนั่นเป็นทุนเดิม....งานของเธอ
ก็มีหวังได้สมปรารถนา
แต่ตอนนี้เด็กสาวก็ฉลาดพอที่จะไม่เซ้าซี้อะไรไปมากกว่านี้...เพราะมันดู
เหมือนจงใจเกินไป...ตอนนี้แค่พอมีช่องทางก็ดีแล้วค่อยๆ...หาทางคืบไปอีกจะดี
กว่า
คิดอย่างนั้นใบหน้างามตาของฐิติพรรณก็ยิ้มหวาน
ผสมเหล้าและโซดาให้กับเสี่ยคิ้มอีกแก้ว
“เสี่ยดื่มเหล้าให้ใจเย็นๆ
สบายๆ นะคะ...เรื่องไม่สบายใจก็ไม่ต้องพูดถึงดีกว่า”
เมื่อคันธรสเดินกลับมา
บรรยากาศในโต๊ะจึงเป็นแบบสบายๆ
คุยกันสัพเพเหะระ
แต่ถ้าต่างคนต่างอ่านความคิดกันออก
ก็คงจะตกใจไม่น้อย
เพราะเบื้องหน้าต่อทุกคนล้วนแล้วแต่ใส่หน้ากากที่หัวเราะยิ้ม
แต่เบื้องลึกภายในใจคนทั้งห้าในโต๊ะต่างขบคิดใคร่ครวญเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ในวันนี้กันโดยตลอดทั้งสิ้นทุกตัวคน
............................
อรอุษามองเห็นตนเองเดินอยู่ท่ามกลางสวนกุหลาบที่สวยสะพรั่ง
ทะเลดอกไม้ที่ห้อมล้อมเธออยู่มันช่างสวยงามและเปี่ยมไปด้วยสีสรรอันแพรวพราว
ราวกับเป็นวิมานสวรรค์ชั้นฟ้า
เด็กสาวยืนมองไปรอบๆ
ตัวด้วยความรู้สึกตื่นตาตื่นใจต่อสีสรรที่สดใสจากดอกไม้ที่แย้มกลีบงดงาม
เบ่งบานสยายกลิ่นหอมรวยรินจรุงไปรอบๆ
ทำให้ตัวเธอเองนั้นอกที่จะยื่นหน้าไปดมกลีบอันบอบบางเหล่านั้นอย่างมีความ
สุขไม่ได้
ดวงตากลมโตนั้นเปี่ยมไปด้วยแววตาแห่งความชื่นบานแจ่มใส
เด็กสาวเดินฮัมเพลงไปอย่างมีความสุข
เดินไปตามทางที่สองฟากข้างมีดอกไม้เบ่งบานผลิใบออกมาประชันความงดงามรายล้อมเธออยู่
ทันใดนั้น
ขณะที่อรอุษากำลังมองไปรอบๆ
ตัวอย่างเพลิดเพลิน
สายตาของเธอก็มองไปปะทะกับร่างเล็กบางของพี่สาวคนกลางที่เดินเห็นหลังอยู่
ไกลๆ
ด้วยความดีใจ
เด็กสาวตะโกนร้องเรียก
“พี่นุช...พี่นุชคะ”
แต่ร่างบางงามของพี่สาวคนกลางนั้นยังคงเดินต่อไปโดยที่ไม่หันหน้ากลับมามองเธอแม้แต่น้อย
อรอุษาพยายามเร่งฝีเท้าเดิน
แต่ระยะทางระหว่างเธอกับพี่สาวนั้นไม่ได้ร่นใกล้ลงมาเลย
เด็กสาวจึงตัดสินใจวิ่งเต็มกำลัง
แต่ร่างบางที่เดินเป็นปกติข้างหน้ากลับค่อยๆ
ห่างไปๆ ทิ้งระยะจากเธอไปเรื่อยๆ
จนอรอุษาใจหายต้องตะโกนเสียงดังจนแสบคอ
“พี่นุช...พี่นุช..รอ...ษาด้วยค่ะ…พี่นุช”
ทันใดนั้นพลันมีกลุ่มหมอกที่ค่อยๆ
เคลื่อนเข้ามาในบริเวณนั้น
จนบดบังร่างของพี่สาวคนกลางของเธอไป
อรอุษาวิ่งฝ่ากลุ่มหมอกไปจนเหนื่อยแต่ตามทางที่คดเคี้ยวนั้นเด็กสาวไม่เห็น
ตัวของอรนุชแล้ว
“พี่นุช...พี่นุช”
เด็กสาวพยายามส่งเสียงตะโกนร้องเรียก
เสียงของเธอเครือสะท้านราวกับเด็กที่กำลังหลงทาง
ตามเส้นทางที่คดเคี้ยวไปมาอย่างวกวนที่ซึ่งสองฟากข้างเต็มไปด้วยดอกไม้สีสรร
สดใสที่เมื่อครู่ยังสร้างความสุขใจให้กับเธอ
แต่ตอนนี้อรอุษารู้สึกว่าไม่ต่างอะไรกับผนังเขาวงกตที่เธอพยายามวิ่งวน
พยายามหาทางออก
แต่ไม่ว่าเด็กสาวจะวิ่งไปซ้าย
ทะลุออกมาทางขวา
วิ่งวนไปทุกที่ทุกแยกที่พบจนอรอุษารู้สึกเหนื่อยหอบจนแทบจะขาดใจ
ทั่วร่างมีแต่เหงื่อที่ผุดพรายออกมาจนเปียกชุ่มไปหมด
แต่รอบๆ
ตัวเธอนั้นก็ยังคงเป็นผนังต้นไม้ผลิดอกสีสดใสที่ส่งกลิ่นหอมจรุง
ที่บัดนี้กลิ่นนั้นมันเริ่มฉุนจนเธอรู้สึกเอียนเต็มที
วิงเวียนศีรษะไปหมด
ทันใดนั้นเองต้นไม้ที่มีดอกอันงดงามก็สั่นพึ่บๆ
ราวกับมีชีวิต
เส้นยาวเหยียดของเถาวัลย์ไม้ที่มีหนามแหลมพุ่งออกมาจากข้างทางม้วนเข้ารัด
ข้อมือและข้อเท้าของเธอเอาไว้จนอรอุษารู้สึเจ็บแสบไปจนจับจิตจับใจ
เด็กสาวพยายามดิ้นรนสุดกำลัง
แต่ยิ่งดิ้นรอยบาดลึกของหนามเหล่านั้นก็ยิ่งชำแรกลึกเข้าไปในผิวเนื้ออัน
อ่อนนุ่มของเธอจนเลือดไหลออกมาแดงฉานบาดตา
ความเจ็บแสบนั้นพล่านไปทั่วอณูความรู้สึกจนอรอุษาต้องร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บ
ปวด
ทันใดนั้นเองเธอได้ยินเสียงหนึ่งร้องเรียกอย่างอ่อนโยนปลอบประโลม
“ษา...ไม่ต้องกลัวพี่มาแล้ว”
อรอุษาหันไปก็เห็นอรชาพี่สาวคนโตกำลังวิ่งเข้ามาหาเธอ
เด็กสาวตะโกนเรียกอย่างดีใจ
“พี่อร..พี่อร..ช่วยษาด้วย...”
“จ้ะ..พี่มาแล้วน้องรักของพี่...ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ”
อรชาพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนหวาน
วิ่งตรงเข้ามาหาเธอ
ในเวลานั้นอรอุษารู้สึกโล่งใจและอุ่นใจขึ้นมาอย่างฉับพลัน...เธอปลอดภัยแล้ว
...พี่อรของเธอมาแล้ว…
ทันใดนั้นเอง
โดยต่อหน้าต่อตา
พื้นดินตรงหน้าที่พี่สาวคนโตกำลังวิ่งเข้ามาหาเธอพลันยุบตัวลงไปราวกับมีใคร
วางกับดักเอาไว้
ใบหน้าอ่อนหวานของอรชาเปี่ยมไปด้วยความตื่นตระหนก
เอื้อมมือเหยียดออกหมายจะยื่นเข้ามาคว้ามือของเธอเอาไว้
“ษา.....”
“พี่อร....”
อรอุษาร้องอย่างตกใจ
พยายามยื่นมือไปถึงพี่สาว
แต่ก็เจ็บแปลบไปหมด
เพราะเถาวัลย์ที่ม้วนรัดอยู่ตรงข้อมือนั้นดึงรัดเธอเอาไว้อย่างแน่นหนา
เด็กสาวเบิกตากว้าง
มองพี่สาวที่เธอรักสุดหัวใจ
กรีดร้องเสียงดัง
และร่วงหล่นหายลงไปในหลุมลึกที่มองไม่เห็นก้น
เสียงดังโหยหวนย้อนขึ้นมา....ษาาาาาาาาาาาาาา....
“พี่อร....พี่อร....”
เด็กสาวน้ำตาไหลพราก
ร้องตะโกนขึ้นมาสุดเสียง
ฉับพลันนั้นเถาวัลย์ที่หนาแน่นแหลมคมก็ราวกับถูกมืออันไร้สภาพกระตุกดึง
ร่างบางของอรอุษาที่ถูกพันธนาการอยู่ก็ลอยคว้างไปตามแรงดึง
จนร่างของเธอถูกดูดกลืนเข้าไปในผนังต้นไม้ที่เปี่ยมไปด้วยสีสรรอันสดในบาดตา
นั้น
หนามแหลมคมนับหมื่นนับพันพร้อมใจกันบาดกรีดไปตามผิวกายอันอ่อนนุ่มของเธอ
อย่างถี่ยิบ
เด็กสาวร้องออกมาสุดเสียงด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส!!!!
“พี่อรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร...........”
อรอุษากรีดร้องเสียงดังลั่น
พร้อมๆ กับความรู้สึกที่ทุรุนทุรายจนแทบขาดใจ
ร่างบางก็ทะลึ่งขึ้นมาจากนิทรารมย์อันสุดแสนจะทรมานนั้น
เด็กสาวที่ผุดลุกขึ้นมานั่งพับเพียบ
หอบหายใจจนตัวสั่นสะท้าน
ทั่วร่างมีเหงื่อผุดขึ้นจนชุ่มโชกไปทั้งตัว
ดวงหน้าสวยหวานนั้นซีดเผือด
ดวงตาโตนั้นบวมช้ำเต็มไปด้วยรอยน้ำตาที่พรั่งพรูออกมา
อรอุษาตัวสั่นสะท้านขดตัวไปนั่งคู้เข่าอยู่กับหัวเตียง
ซบหน้าลงสะอื้นไห้ออกมาอย่างหวาดกลัว
ทั้งๆ ที่เธอพยายามร้องกับตัวเอง
ไม่ต้องกลัว...ไม่ต้องกลัว..มันเป็นแค่ความฝัน
แค่ความฝัน......
.........................
ฐิติพรรณกรอกเสียงหวานลงไปกับมือถือ
“ค่ะ..ใช่ค่ะ...รุเขาพักอยู่กับไอซ์เองไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
ทางบ้านของรุจิราโทรมาสอบทวนเพื่อความสบายใจ
เพราะบุตรีคนเล็กของครอบครัวโทรมาว่าจะขอค้างกับเพื่อนติดต่อกันเป็นคืนที่สอง
“จ้ะ..รบกวนหนูไอซ์ด้วยนะ”
“ค่ะ...ไม่เป็นไรค่ะ”
เด็กสาวกล่าวเสียงรื่นรมย์
ดวงตาพราวด้วยความสุขสมหวัง
ค่ำคืนนั้น
ในเวลาที่พริตตี้สาวหลับไปพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก
ช่วงเวลาเดียวกันนั้น
ณ อีกมุมหนึ่งของเมืองหลวง
อรอุษากำลังขดตัวนั่งสะอื้นตัวสั่นอยู่บนเตียง
และอีกเช่นเดียวกัน
ณ เวลาเดียวกัน อีกมุมหนึ่งในบ้านหลังนั้น
ที่ยังมีแสงไฟลอดออกมา
เสียงครางกระเส่ายังคงดำเนินต่อไป…..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น