ขายของ

วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557

เล่ห์สวาทเพลิงราคะ ตอน 10


-
ฐิติ พรรณไม่ใช่คนโง่ ถึงแม้ว่าเธอกำลังอยู่ในช่วงแห่งความรู้สึกอิ่มเอมกับการแผนการยิงกระสุนนัด เดียวได้นกสองตัว คือทั้งช่วยไม่ให้ตัวเองต้องตกเป็นเหยื่ออารมณ์ของเด็กวัยรุ่นชั้นสวะเหล่า นั้น และยังเป็นการแก้แค้นต่อรุจิราที่คอยเยาะเย้ยถากถางเธอด้วยคำพูดและสีหน้า แววตามาโดยตลอดอย่างสะใจ


แต่ภายใต้อารมณ์แห่งความสาแก่ใจกับความสำเร็จตามแผนการล่อหลอกคู่อริของเธอ ไปโดนรุมโทรมนั้น พริตตี้สาวรู้สึกมีอะไรบางอย่างรบกวนจิตใจ...เสียงนั้นพยายามบอกให้เธอตั้ง สติใคร่ครวญ


...มีบางอย่างไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรือ...อย่างน้อยเธอเคยคิด


เหตุการณ์ที่เธอผ่านมากับตัวเองในค่ำคืนนั้นที่กลับออกมาจากผับกับศักดา


...และอีกฝ่ายรถเสียกระทันหัน...รถป้ายแดงอย่างนั้น...ไปจบลงตรงรถเมล์คันนั้นที่ตรงเข้ามารับเธอเหมือนกับไม่มีอะไรผิดปกติ


...มันไม่ใช่...มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน...มันต้องเป็นแผนที่ถูกเตรียมการเอาไว้...


ยิ่งคิดดวงตาของพริตตี้สาวก็แทบลุกเป็นไฟ เมื่อประกอบกับคำบอกเล่าของคันธรสว่าแท้ที่จริง...ศักดานั้นเป็นแค่แมงดาลวง โลก...ล่อหลอกผู้หญิงตีกินไปวันๆ


ฐิติพรรณโทรศัพท์ไปหาชิดโดยทันที...


และจากนั้นฐิติพรรณก็แทบคลั่ง เมื่อความฉุกคิดนั้นได้รับการตอกย้ำอย่างชัดเจน จาการหว่านล้อมตะล่อมถามจนอีกฝ่ายหลุดปากออกมาว่าร่วมมือกับศักดา ซึ่งความจริงหัวโจกเด็กนรกก็ไม่ได้ยี่หระอะไรนักที่จะบอกความจริงอยู่แล้ว น้ำเสียงที่เล่าให้ฐิติพรรณฟังจึงไม่มีวี่แววแห่งความรู้สึกผิดแต่อย่างใด ซ้ำยังหัวเราะร่วนให้พริตตี้สาวจนเธอแทบจะกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียงด้วย ความคั่งแค้น


ไอ้ศักดา...ไอ้ชาติชั่ว...มันทำลายอนาคตของเธอจนป่นปี้ด้วยเงินตอบแทนแค่ไม่กี่หมื่นบาท....


ดวงตาคู่งามของพริตตี้นั้นหลั่งไหลน้ำตาแห่งความแค้นออกมา ใบหน้าที่สวยจัดนั้นเปล่งประกายอันเหี้ยมเกรียม


มันต้องได้รับการตอบแทนจากเธออย่างสาสม...ไอ้แมงดาชาติชั่ว...


.......................


เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังขึ้นสับสนอยู่บริเวณหน้าอาคารใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นจุด รวมตัวของบรรดานักศึกษาที่เข้าประกวดเวทีมีสยูนิเวอร์ซิตี้ที่กำลังจะออก เดินทางไปร่วมทำกิจกรรมเก็บตัวกับกองประกวด ข้างๆ รถบัสคันใหญ่ถึงสองคันรถที่จอคอยอยู่นั้น บัดนี้มีกลุ่มคนวุ่นวายสับสนเดินขวักไขว่ไปมา กระเป๋าโดยสารกองเป็นภูเขาย่อมๆ กำลังถูกลำเลียงขึ้นไปในรถบัส ในเวลานั้นที่มุมต่างๆ รอบบริเวณลานกว้างจะแลเห็นบรรดานักศึกษาหน้าตาดีจับกลุ่มยิ้มหัวเราะและถ่าย รูปกันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะกิ๊วก๊าวดังขึ้นโดยทั่วไปเป็นระยะๆ


ท่ามบรรยากาศแห่งความรื่นเริงบันเทิงใจ บรรดาพ่อแม่พี่น้องที่มาส่งบุตรหลานไปร่วมกิจกรรมของกองประกวดต่างยิ้มแย้ม แจ่มใส หน้าตาเบิกบาน มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะนั้น จะมีก็แต่เพียงเด็กสาวหน้าหวานคนเดียวเท่านั้นที่ทำตาแดงๆ ยืนกอดร่างเล็กบางของพี่สาวเอาไว้แน่น




พี่แต๋วที่ยืนอยู่ข้าง ตบอกตัวเองอย่างแข็งขัน


น้องษาไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ...พี่แต๋วคนนี้รับรองจ้ะว่าจะดูแลพี่นุชของน้องษาแบบไม่ยอมให้ริ้นไต่ไรตอมเลย...”


อรนุชเองก็พยายามเสริมคำพูดของสตรีผู้สูงวัยกว่า และกล่าวปลอบใจน้องสาวตัวเองด้วยน้ำเสียงรื่นเริง ทั้งๆ ที่ในใจชักแป้วไปเหมือนกันที่เห็นน้องสาวคนเล็กเป็นถึงขนาดนี้ เธออดสงสัยในใจไม่ได้


...ทำไมยายษาคราวนี้ถึงได้งอแงถึงขนาดนี้นะ...


วูบหนึ่งนั้น เด็กสาวหวนนึกน้ำเสียงแปลกๆ ของพี่สาวคนโตที่โทรมาหาเธอในวันนั้น...ก่อนที่เธอเกือบจะประสบกับชะตากรรม ที่สุดเลวร้าย...ถ้าไม่ได้...น้องสาวที่มีสติดี...และ...เขา..คนนั้นที่เข้า มาช่วยเอาไว้ได้ทันท่วงที


นุช..พี่เป็นห่วง...ดูแลตัวเองดีๆ นะ...ฝากน้องด้วย...”


เสียงของพี่สาวคนโตนั้นประหนึ่งว่ายังคงดังอยู่ใกล้ๆ ทำให้ความรู้สึกอย่างหนึ่งมันตื้อขึ้นมากระทันหันจนจับไปที่ขั้วหัวใจ ร่างเล็กบางสั่นระริก ขนลุกซู่...ดวงตากลมโตของอรนุชพลอยชื้นๆ ไปด้วยน้ำตาขึ้นมาเหมือนกัน ยืนกอดน้องสาวเอาไว้แน่น...และในที่สุดต่างคนต่างน้ำตาไหลออกมา


พี่แต๋วเห็นดังนั้นแล้วทำท่าเหมือนกับจะเป็นลม รีบควักไปที่กระเป๋าหยิบซองกระดาษทิชชู่ออกมาวุ่นวาย ฉีกดึงออกมายื่นกระดาษให้กับอรนุช ส่งเสียงโอดโอย


ตายๆๆๆ...อะไรกันเนี่ย...โอยยย...พี่แต๋วจะเป็นลม...น้องนุช....น้องษา... ไม่เอาค่ะ..ไม่เอา...โถ....ไปแค่ไม่กี่วันเองนะคะ...พี่แต๋วก็บอกแล้วไงว่า จะไม่ยอมให้น้องนุชเป็นอะไรเด็ดขาด...เอ้า...เช็ดหน้าเช็ดตาซะนะจ๊ะ”


อรนุชพยายามหักห้ามใจที่กำลังปั่นป่วน ยกหลังมือปาดน้ำตาตัวเองทิ้ง ปรับสีหน้าใหม่ให้สดใสร่าเริงขึ้น ยิ้มให้กับอรอุษา พลางใช้กระดาษนุ่มที่พี่แต๋วส่งให้บรรจงป้ายซับน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นทางบน แก้มของน้องสาวอย่างอ่อนโยน


ษา...ษาต้องเข้มแข็งนะจ๊ะ...พี่รับรองว่าจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด...นะจ๊ะ..อย่าร้องไห้...คนเก่งของพี่”


อรอุษาพยักหน้ารับคำพร้อมกับพยายามกลั้นน้ำตาตนเองเอาไว้ เวลานั้นจมูกโด่งงามของเธอแดงก่ำ จนเสียงขึ้นจมูกกระท่อนกระแท่น


ค่ะ...พี่นุช...ษาจะเข้มแข็ง...พี่นุชจะได้ไม่ต้อง...เป็นห่วงษาเหมือนกัน...”


แต่ถึงแม้อรอุษาจะพยายามหักห้ามใจสักเพียงไร แต่ในที่สุดดวงตากลมโตนั้นก็หลั่งหยาดน้ำใสๆ ออกมาอีก เมื่อเธอยืนมองรถบัสคันนั้นพาพี่สาวของเธอแล่นออกไปจากบริเวณลานจอดจนลับตา


.........................


ปานเทพเพิ่งวางหูโทรศัพท์ลงหลังจากจบการสนทนาปรึกษาหารือกับฝ่ายกฏหมาย เรื่องเกี่ยวกับนำเรื่องของโรงแรมเครือปาร์มบีชขึ้นศาล เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ธนาน้องชายโผล่หน้าเข้ามา


คุณพ่อให้มาตามพี่เทพครับ”


คนเป็นพี่เลิกคิ้วถาม


เรื่องอะไร...แกรู้ไหม”


คงจะเรื่องการขอประนอมหนี้ของโครงการหมู่บ้านที่คุยกันค้างอยู่คราวประชุม คณะกรรมการบริหารที่แล้วมังครับ...ได้ยินว่ามีนักการเมืองช่วยวิ่งให้... สงสัยว่าคุณพ่อคงอยากฟังความเห็นพี่เทพ”


ปานเทพผงกศีรษะ ลุกขึ้นยืนก่อนจะส่งแฟ้มเอกสารตรงหน้าให้น้องชาย


นี่คือประวัติของโครงการโรงแรมปาร์มบีชที่ทำเรื่องการปรับโครงสร้างกับเรา ทั้งหมด พี่มีสรุปข้อพิจารณาของฝ่ายกฏหมายด้วย แกเอาไปอ่านดูรายละเอียดนะ...คืนนี้เสี่ยทองเขานัดเราไปเจอที่โรงแรม”


ธนาทำหน้าเบื่อ


ผมเซ็งกับเรื่องนี้เต็มทีแล้ว...เราเองก็ทำไปตามกฏเกณฑ์ที่มีอยู่ไม่ได้หรือครับ”


เออน่า...ไปรับฟังข้อเสนอของทางเขาดูอีกทีจะเป็นไรไป...นี่พี่ก็เพิ่ง ปรึกษาเรื่องกับฝ่ายกฏหมายเสร็จหยกๆ เกี่ยวกับการเอาเรื่องขึ้นศาล...เราก็เตรียมงานของทางเราไป...ทางเขาก็คง ต้องดิ้นหนักหน่อยมันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว...ถ้าไม่มีข้อเสนอที่ดีกว่าเราก็คง ทำไปตามแผน”


น้องชายผงกศีรษะรับแฟ้มมาถือไว้ ก่อนที่ปานเทพจะตบบ่าธนาและขยับจะเดินออกไปจากห้องเพื่อไปพบกับบิดาของเขา ...นายธวัชชัย...ผู้เป็นประธานกรรมการบริหารของบริษัทบริหารหลักทรัพย์ชื่อ ดังของเมืองไทยแห่งนี้


ก่อนจะพี่ชายจะเดินออกไปนั้น ธนากระตุกแขนเสื้อของพี่ชายเอาไว้ กล่าวด้วยใบหน้าขัดเขินนิดๆ


เอ่อ ถ้าช่วงนี้ไม่มีมีตติ้งอะไรสำคัญนัก เสร็จจากคืนนี้แล้ว ผมขอตัวได้ไหมครับ...”


ปานเทพยิ้มกว้าง กล่าวเคล้าเสียงหัวเราะ


จะไปหายายนุชล่ะสิ...”


น้องชายเกาศีรษะเขินๆ ก่อนจะพยักหน้า


ครับ...หมู่นี้งานยุ่งมากจนไม่มีเวลาไปเจอน้องนุชเลย...เมื่อวันก่อนที่เธอ ประสบอุบัติเหตุเรื่องรถ...ผมก็ยังติดประชุมเสนอรายงานอยู่...ร้อนใจจะตาย แต่จะออกไปหาก็ไม่ได้...”


ปานเทพหัวเราะเสียงดัง ผงกศีรษะ


เอาเถอะน่า...ยัยนุชโทรมาว่าไม่เป็นอะไรมากก็โอเคแล้ว....อือม์...เอาเถอะ ...พี่เห็นใจแก...เอาอย่างนี้แล้วกัน...หลังจากคุยกับเสี่ยทอง...เราก็มา สรุปแนวทางกันอีกครั้ง...จากนั้นแกก็ฟรี...”


ธนายิ้มกว้างอย่างสดชื่น ดวงตาเป็นประกาย นึกใคร่อยากจะโบยบินไปหาเด็กสาวร่างเล็กบางคนนั้นตั้งแต่เดี๋ยวนี้


......................


เกมกามที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อคืนยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เสียงเนื้อกระทบเนื้อ เสียงครางกระเส่าของรุจิราดังประสานกันอย่างเร่าร้อน


อ๊ะๆๆๆๆๆๆๆ....ปั่บๆๆๆๆๆๆๆๆ....”


เด็กสาวหงนหน้าเพริด อ้าปากส่งเสียงร้องออกมาอย่างสุดเสียว เมื่อร่างมีแต่คราบน้ำกามกำลังนั่งขย่มควยของมืดที่นอนแผ่อยู่บนเตียงนั้น กำลังสั่นระริกไปทั้งตัว เพราะความเสียวกระสันนั้นกำลังไต่ระดับจนใกล้จะถึงจุดกระสันซ่านน้ำแตกเต็ม ที


สองเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงแต่ทว่าแตกต่างในรายละเอียดเกิดขึ้นในรังสวาทแห่ง นี้ ครั้งก่อนเป็นฐิติพรรณที่ตกอยู่ในอาการที่แกงค์เด็กนรกมอมยาเธอจนคุมสติไม่ อยู่ แต่ครั้งนี้รุจิราที่เพลิดไปกับเพลิงกระสันที่ถูกป้อนให้เสพสมอย่างต่อ เนื่องนั้น ชิดกับพวกไม่ได้ใช้ยากับเด็กสาวแต่อย่างใด...


ตลอดค่ำคืนอันยาวนาน กับความหื่นกระหายของสมาชิกแกงค์เด็กนรกที่ตักตวงเอาจากเรือนกายของสาวสด รุจิรานั้นสลบเหมือดไปหลายต่อหลายครั้ง และเมื่อเธอฟื้นความรู้สึกขึ้นมา ทุกครั้งจะมีร่างของวัยรุ่นสมาชิกแกงค์นรกกำลังทาบทับกระเด้าเธออยู่อย่าง เมามันราวกับไม่มีที่สิ้นสุด...


เมื่อร่างกายที่กะปลกกะเปลี้ยเริ่มมีอาการตอบสนองต่อความเสียวกระสัน และปากงามของเด็กสาวอ้าออกครางครวญ ท่อนเอ็นอวบของเด็กช่างกลที่เธอไม่เคยรู้จักก็แอ่นกระเด้ายื่นเข้ามาต่อหน้า


หลังจากที่ถูกสอนให้รู้จักรสชาติของท่อนเอ็นที่ฉุนกลบปากเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ในรถเมล์นรกเมื่อคืนก่อน รุจิราก็รู้ดีว่าต้องทำอะไรกับท่อนเนื้อที่ถูกยื่นเข้ามานั้น


ทุกประการวนเวียนไปเหมือนกับหนังฉายซ้ำ....เพลิงสวาทระลอกแล้วระลอกเล่าที่ ถาโถมเข้าใส่ประสาทสัมผัสอันอ่อนไหวของเด็กสาว...ความเสียวกระสันจนถึงจุด สุดขีด ร่างกายที่สั่นเทิมร่านระริกเสียวซ่านจนแทบจะปริออกจากทุกรูขุมขน....ก่อน ที่ความเหนื่อยล้าจะคืบคลานเข้ามา...ความเจ็บระบม...และอย่างช้าๆ ความเสียวระลอกใหม่ก่อเกิด...วนซ้ำจนร่างกายของเธออ่อนล้าเกินกว่าจะรับรู้ อะไรได้อีก....และทุกอย่างค่อยๆ ดับมืดสนิทไปจากความรับรู้....จนกระทั่งเธอฟื้นขึ้นมาใหม่อีกรอบ....


เวลาเลยเที่ยงมาแล้วตอนที่รุจิราที่ตื่นขึ้นมาพบกับอ้วนที่กำลังทะลวงควยอวบ กระซวกโพรงหลืบของเธออย่างเมามัน เสียงหัวเราะทักทายจากเด็กช่างกลร่างอ้วนที่ใบหน้ามันอูมนั้นมีรอยยิ้ม อย่างกระหาย รุจิราครางออกมาอย่างเจ็บปวดร้าวระบมไปทั่วตัว แต่ทว่าอย่างช้าๆ ร่างที่กระปลกกระเปลี้ยก็ค่อยๆ สั่นสะท้านไปด้วยความเสียวซ่านรัญจวน และเด็กสาวที่นอนหงายอยู่บนฟูกก็แอ่นโคกอูมของเธอเสนอสนองตอบการกระเด้าของ เด็กร่างอ้วนอย่างร้อนร่าน จนกระทั่งอ้วนกระฉูดน้ำเมือกใส่โพรงสวาทของรุจิราอย่างสุขสม


และจากนั้นก็เป็นคิวของมืด ที่จับเธอนั่งคร่อมควยของตนเองที่เด้งคอยอยู่ จนกระทั่งถึงตอนนี้ที่เด็กสาวกำลังเกร็งหน้าท้องโยกสะโพกผายของเธอควบลำเอ็น ที่อัดแน่นในโพรงสวาท และรับรู้ถึงความรู้สึกเสียวกระสันที่กำลังไต่ระดับไปเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว ใบหน้างามของเธอแหงนเพริดปากครางกระเส่า อืออๆๆๆๆๆๆ


ขณะนั้นเองชิดเดินยิ้มกริ่มเข้ามาส่งมือถือให้รุจิรา กล่าวเสียงเกล้าหัวเราะ


พี่หมวยคนสวย..มีคนโทรมาหา”


ใบหน้าที่กำลังเหยเกเพราะแรงกระแทกจากควยที่เธอคร่อมคาอยู่นั้น เบิกตาโพลงออกมา ยื่นมือสั่นสะท้านหยิบมารับสาย เด็กสาวพยายามกัดฟันทำเสียงให้เป็นปกติ ขณะที่ร่างของเธอสั่นกระตุกไปตามแรงกระแทกของมืด


รุเหรอจ๊ะ..”


ไอซ์.....”


ได้ข่าวว่ารุ..ลาป่วยวันนี้...เมื่อวานมีอะไรจ๊ะ...อยู่ดีๆ...รุก็หายไป เฉยๆ...ที่สตูเขาตามให้วุ่น...ไอซ์พยายามโทรติดต่อรุไปก็ไม่รับสาย”


เสียงของฐิติพรรณดังขึ้นมาอย่างห่วงใย รุจิราที่กัดฟันแน่น เพราะแรงกระแทกที่โพรงหลืบทำให้เธอรู้สึกเสียวซ่านจนตัวสั่นสะท้าน พยายามใช้มือป้องไปที่โทรศัพท์พยายามปิดบังไม่ให้เสียงหนั่นเนื้อกระทบกัน ปั่บๆๆๆ นั้นดังลอดออกไปอีกด้าน


.พอดี...รุเปลี่ยนใจ...เลยไม่ได้ไปที่สตู...จ้ะ…คือ...รุ...รุ...ปวดหัว...เลยเปลี่ยนใจ...”


เด็กสาวส่งเสียงกระท่อนกระแท่นเต็มทีตอบไป...ยกมือปิดไปที่โทรศัพท์แน่น ขณะที่หลับตาปี๋ ขบริมฝีปาก พยายามกลบความเสียวซ่านให้ดังอยู่ในลำคอ อือ อือ อือ....ปั่บ ปั่บ ปั่บ


เสียงอีกด้านดังมาอย่างเป็นห่วง


เหรอจ๊ะ...แหมเสียดายจัง...มิน่า..วันนี้เห็นเพื่อนรุบอกว่ารุลาป่วย....แล้วรุรู้สึกดีขึ้นหรือยัง”


มะ..ไม่เป็นไร..แล้ว...เอ่อ...รุต้องไปล่ะ...มีธุระ...”


รุจิราเริ่มพูดเสียงระรัวเร็ว เพราะความเสียวซ่านนั้นมันกระเพื่อมแรงขึ้นๆ ทุกที จนตอนั้นขนลุกซ่านไปทั้งตัว


จ้ะ...อย่าลืมนะจ๊ะ...ถ้ารุมีอะไรให้ไอซ์ช่วยบอกมาได้เลย...ไอซ์ยินดีช่วยทุกอย่าง...จะให้รุช่วยนัดทางสตูให้ใหม่เอาไหมจ๊ะ...”


เสียงใสๆ นั้นดังมา รุจิรารีบตัดบท


เอา...เอา...ไว้ก่อนแล้วกัน...รุ..รุต้อง..วางหูแล้วนะ...แค่นี้นะ”


จากนั้นเด็กสาวก็รีบปิดมือถือลง แล้วแหงนหน้าเพริดร้อง อ๊ะๆๆๆๆๆๆ อารมณ์พล่านไปตามแรงกระแทก ปั่บๆๆๆๆๆๆๆ....


มืดลากมือไปตามลอนสะโพกผายของรุจิราที่คร่อมตอของตัวเอง แสยะยิ้มกระเส่าร้อง


พี่หมวย...เสียวซ่านไปถึงทรวงใช่ไหมล่ะ...คนสวยของมืด...”


ชะ..ใช่....อ๊ะๆๆๆ...พี่..พี่จะ...ถึงแล้ว...อ๊ะๆๆๆๆ....เร็วๆๆๆ...อ๊ะๆๆๆๆ....”


เด็กวัยรุ่นหน้าปรุ หัวร่อร่า


ได้สิครับ...ถ้าพี่หมวยคนสวยร้องขอ...มีหรือมืดจะให้ไม่ได้..กั๊กๆๆๆๆๆ”


สะโพกของรุจิราที่กระเด้าลงมาประสานกับแรงกระทอกของมืดที่ใบหน้าเบี้ยวด้วย ความหฤหรรษ์บังเกิดเสียงดัง ปั่บๆๆๆๆๆๆๆๆ.....รุนแรงถี่ยิบต่อเนื่อง เนื้อตัวบนร่างขาวๆ ที่กำลังนั่งคร่อมตัวเต้นระริกๆ ไปจนทั่ว และในที่สุดเมื่อความเสียวกระสันนั้นพล่านไปจนถึงสุดทาง ใบหน้างามก็แหงนเพริด


อ๊ะๆๆๆๆ....อ๊ายยๆๆๆๆ....อ๊ายยยยยยยซซ”


รุจิราร้องลั่นสุดเสียงถึงจุดทะลักแตกไปคาควยของมืด ก่อนที่ร่างปวกเปียกของเธอนั้นจะทรุดฮวบลงไปทาบกับตัวของช่างกลหน้าปรุอย่าง อ่อนแรง หน้าอกอูมของเธอที่ปลายงอนนั้นเต็มไปด้วยรอยขบกัดจนแดงเถือกบดเบียดลงไปบน หน้าอกแห้งกรังของเด็กหนุ่ม


มืดหัวเราะกระเส่าโอบรัดร่างขาวของรุจิราเอาไว้แน่น กระดกควยกระทอกใส่โพรงสวาทนั้นอย่างเมามันไม่มีหยุด เสียง ปั่บ ปั่บ ปั่บ ดังถี่ยิบ ขณะที่หน้าเปื้อนสิวนั้นระดมเบียดไซร้ไปตามหน้าขาวผ่องที่ทาบลงมาอย่างอ่อน แรง แลบลิ้นเลียไปตามวงหน้าของรุจิราอย่างอร่อยลิ้น ซ๊วบ ซ๊วบ ซ๊วบ


เนื้อขาวๆ บนร่างปวกเปียกของรุจิราที่ทาบไปบนตัวของเด็กช่างกลหน้าปรุยังเต้นระริกๆ ไปตามจังหวะกระทอกของมืด ซึ่งเร่งเร้าความแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามความเสียวกระสันของผู้เป็นเจ้าของอย่างต่อเนื่องยาวนาน จนใบหน้าบิดเบี้ยวนั้นเหยเกสุด แหกปากร้อง อู๊ซซซๆๆๆๆๆ...สุดยอด...โอววว...อูยยยยย...จะออก..แล้วโว้ย....อูซซซ...อู ซซซ...โอ้ววว...อ๊าซซซซ...อ๊าซซซซซ


ร่างของมืดกระตุกพราดๆ ควยกระทอกปั่ปๆๆ กระแทกสวนโพรงหลืบที่ฉ่ำเยิ้มนั้น กระฉูดน้ำกามระลอกใหม่เข้าไปอย่างสุดๆ ใบหน้าปรุนั้นอ้าปากหอบครางอย่างสุขสม....อูววววว..อูววววว...สุดยอดดดด... พี่หมวย....


รุจิราที่ป้อแป้เต็มที่ ถูกถึงตัวพรวดออกมา โพรงหลืบนั้นหลุดจากควยของมืดดังบ๊วบใหญ่ เด็กสาวอ้าปากคราง ซี๊ดดดดดด...อย่างเสียวซ่านเมื่อลำเอ็นนั้นครูดไปตามโพรงหลืบบี้เบียดไปตรง ติ่งแตดเธอเต็มๆ


อ๋องเป็นคนดึงร่างขาวบางของเด็กสาวขึ้นมา เด็กโค่งมองไปยังโพรงหลืบที่ตอนนั้นเฉอะแฉะ น้ำเมือกขาวขุ่นๆ เกรอะไปตามกลีบอูม น้ำกามของมืดเพื่อนร่วมแกงค์ที่เพิ่งพรวดเข้าไปเมื่อครู่นี้เยิ้มย้อยออกมา เป็นทางยาวไปตามลำขาเนียนของรุจิรา


อ๋องหัวเราะหื่น ดันให้รุจิราไปยืนโก้งโค้งเอามือเกาะพนักเก้าอี้โซฟาตัวเก่าๆ ที่ตั้งอยู่ในห้อง ก่อนที่จะเกร็งหน้าท้องสูดปาก อูซซซซซซซซ..อัดทะลวงควยเข้าไปในโพรงหลืบที่ฉ่ำแฉะนั้น


รุจิราแหงนหน้าเพริด อ้าปากคราง อื้อออออออ......


เสียงปั่บๆๆๆๆ ที่เกิดขึ้น และความเสียวกระสันที่พล่านขึ้น สะโพกของเด็กสาวก็เริ่มกระเด้าตอบควยของอ๋องอย่างช้าๆ จนเนื้อขาวๆ ตรงหนั่นสะโพกเต้นระริกๆๆๆ เป็นตามจังหวะกระแทกนั้น เสียงอ๋องคราง อูซๆๆๆๆๆ อย่างมันส์สะเด่า ใบหน้าบิดเบี้ยวตาเหลือกโพลงมองแก้มก้นขาวๆ ที่แบะอยู่ตรงหน้า และกลีบคูมที่โอบขยอกท่อนเอ็นของตัวเองตาไม่กระพริบ ปั่บๆๆๆๆๆ อูซซซซๆๆๆๆๆ....สุดยอดดด...สุดยอดดด...


แจ๊กยิ้มกริ่มเดินมาข้างๆ ตรงบริเวณใบหน้าของเด็กสาวที่แหงนสะบัดไปมาอย่างเสียวซ่าน และแอ่นสะโพกที่ควยแข็งกำลังเด้งถอกหงึกหงักเข้าไป


รุจิราใบหน้าแดงซ่าน โอบท่อนเนื้อนั้นดูดอมไปจนแก้มตอบ เสียง อึ้มๆๆๆๆๆ พร้อมๆ กับเกร็งสะโพกรับการกระเด้าควยของอ๋องที่กระแทกตอบขึ้นมาอย่างเร่าร้อนเป็น จังหวะ ปั่บๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นมสองเต้าอวบตูมนั้นกระเด้งดึ๋งๆๆๆๆๆ


เสียง แช๊ะๆๆๆๆ เมื่อชิดเก็บภาพการกระเด้าสวาทนั้นเอาไว้อย่างชัดเจน


ขณะที่เสียงพรรคพวกแกงค์นรกดังหัวเราะกระหึ่มต่อเนื่อง


........................


ทันทีที่เสียงทางปลายสายตัดไป ฐิติพรรณก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างสะใจ


คิกคิก....สมน้ำหน้า...อีลูกเจ๊ก...มีธุระเหรอ...คิกคิก...นึกว่าฉันไม่รู้กระมัง...ธุระของเธอคืออะไร...ฮึ”


ตอนนี้ถึงแม้จะสาแก่ใจในสภาพของรุจิรา แต่ความรู้สึกอย่างหนึ่งที่รุมๆ สุมอยู่ในอกของพริตตี้สาว คือความคั่งแค้นต่อสิ่งที่ศักดากระทำกับเธอ ความเร่าร้อนในอกนั้นประหนึ่งไฟเผาผลาญนับตั้งแต่วินาทีที่เธอได้รับฟังคำ จากปากของชิดว่าศักดานั้นขายเธอให้กับสวะพวกนั้น…ด้วยค่าตอบแทนแค่ไม่กี่ หมื่นบาท...


ท่ามกลางความพลุ่งพล่านดาลเดือดในใจ เมื่อเลิกเรียนในตอนเย็นพริตตี้สาวจึงขับรถตรงไปหาคันธรสที่บริษัทของหญิงสาวผู้สูงวัยกว่า


คันธรสเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของพริตตี้สาวก็ทักว่า


ไอซ์ไม่สบายไปหรือเปล่า...ดูหน้าตาเครียดๆ”


ถึงแม้จะรุ่มร้อนต้องการแก้แค้นอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่ฐิติพรรณไม่ยอมแน่ๆ ก็คือการแพร่งพรายเหตุการณ์ที่ตนเองถูกไอ้สวะพวกนั้นรุมโทรม ดังนั้นพริตตี้จึงตกลงใจจะลองสืบเรื่องราวเกี่ยวกับศักดาให้มากกว่านี้ เพื่อจะได้ใช้เป็นข้อมูลในการหาทางเอาคืนไอ้แมงดาชาติชั่วนั้นให้สาสม


ไอซ์รู้สึกเบื่อๆ...อยากชวนพี่รสไปกินข้าวเย็นแล้วไปฟังเพลงต่อที่ผับกันหน่อยค่ะ”


คันธรสมีความรู้สึกดีๆ ให้กับพริตตี้สาวไม่น้อย เห็นอีกฝ่ายมาชวนก็ไม่อยากขัด หวนนึกถึงผับหรูที่โรงแรมของเสี่ยทองได้ จึงชวนว่า


เอาสิ...เราไปที่โรงแรมที่เคยเจอกันวันก่อนไหม...พี่รู้จักเจ้าของด้วย...รับรองว่าบริการดีเยี่ยมเลย”


ก็ดีค่ะ...”


พริตตี้สาวรับคำง่ายๆ ที่ไหนก็ได้อยู่แล้ว เพียงแต่เธอแค่จะอาศัยจังหวะเหมาะๆ ตะล่อมอีกฝ่ายหาข้อมูลเกี่ยวกับศักดาเท่านั้นเอง


โอเคจ้ะ...ถ้างั้นรอพี่เดี๋ยวนะขอเคลียงานก่อน”


………………….


เสี่ยทองพยายามสะกดกลั้นอารมณ์เกรี้ยวกราดเอาไว้อย่างสุดกำลัง แต่ถึงกระนั้นใบหน้าอวบอูมก็ยังแดงคล้ำ ดวงตาสามเหลี่ยมกระตุกถี่ ขณะที่ริมฝีปากหนานั้นสั่นระริก


คุณปานเทพ...ผมยอมคุณถึงขนาดนี้แล้วคุณยังไม่เห็นใจผมอีกหรือ”


ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย กล่าวเรียบๆ


การที่ผมยอมมาพบเสี่ย...นี่แสดงว่าผมเปิดรับความเห็นของเสี่ยอยู่แล้ว... เพราะผมเองก็ไม่อยากให้เรื่องเดินไปจนถึงศาล...ฉะนั้น...ผมขอพูดตรงๆนะครับ ...ไม่ใช่ไม่เห็นใจ...เพียงแต่ธุรกิจก็คือธุรกิจ...ถ้าเสี่ยมีข้อเสนอที่ผม เห็นว่าควรรับพิจารณา...ผมก็ต้องรับแน่นอน”


เสี่ยร่างอ้วนแค่นหัวเราะ กล่าวอย่างเดือดดาล


นี่คือข้อเสนอที่ผมถอยมาสุดๆ แล้ว...ผมจะเสนออะไรให้ได้อีก...”


ปานเทพยักไหล่ กล่าวว่า


ถ้าเรื่องขึ้นศาลและเสี่ยก็คงรู้แนวโน้มของผลการตัดสิน...คงไม่ต้องบอก...สิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวของเสี่ย....”


ชายหนุ่มผายมือไปรอบๆ อันเป็นห้อง VIP แบบส่วนตัวอันเป็นส่วนหนึ่งของภัตตาคารหรูภายในโรงแรมระดับห้าดาวของเครือปาร์มบีช


มันก็จะสูญไปจนหมด...ดังนั้นสิ่งที่เสี่ยบอกว่าถอยสุดๆ มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นนะครับ”


ธนาที่นั่งเบื้องข้างพี่ชาย กล่าวเสียงห้วน


เสี่ย...พี่ของผมเขาอธิบายขนาดนี้ก็นับว่าใจเย็นมากแล้วนะ...บอกตรงๆ ถ้าเป็นผม...ผมไม่มาพูดกับเสี่ยในวันนี้ด้วยซ้ำ...เพราะฉะนั้นเราอย่ามาเสีย เวลากับการต่อรองแบบไม่จริงใจอย่างนี้ดีกว่า...”


เสี่ยทองสะกดอารมณ์อย่างลำบาก แค่นเสียง


แล้วทางคุณเทพต้องการอะไร...”


ปานเทพยิ้ม กล่าวเรียบๆ


ถ้าเครือปาร์มบีชยอมพิจารณาข้อเสนอในการควบกิจการของเครือคัทลียา...สิ่ง ที่เสี่ยจะได้ไปก็เห็นจะเป็นเงินที่เสี่ยจะใช้ได้สบายตลอดชีวิต”


เสี่ยทองตัวสั่นเทิ้ม ผุดลุกขึ้น ชี้หน้าปานเทพ


ถุย....ในที่สุดก็โผล่หาง...ที่แท้มึงทำทุกอย่างก็เพื่อนังเมียเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมของมึง...”


ใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มเครียดขึ้นฉับพลัน เขาเป็นนักธุรกิจที่เจนสังเวียนการเจรจา ถ้าพูดกันแต่ในเนื้อหาของงานปานเทพก็ยังคงรักษาท่าทีได้อย่างนุ่มนวลเสมอ แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังก้าวล่วงไปยังบุคคลที่เขารักสุดหัวใจ....


เสี่ยระวังคำพูดหน่อยครับ...อย่าลืมว่าตอนนี้ไม่ใช่ผมมาขอร้องเสี่ย...แต่เสี่ยต้องคอยดูว่าผมจะลงดาบเสี่ยหรือเปล่านะครับ”


ปานเทพกล่าวเสียงเย็นชา ใบหน้าอูมของเสี่ยทองถมึงทึง


ทำไม..ทำไมกูจะพูดไม่ได้...ก็พวกมึงสองผัวเมียรวมหัวกันคิดฮุบกิจการของกู...”


ธนาผุดลุกขึ้น ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยโทสะ กล่าวเสียงกร้าว


ผมบอกแล้วพี่เทพ...เสียเวลาเปล่าเจรจากับคนพรรค์นี้...บริหารกิจการเจ๊งไม่เป็นท่าเองแท้ๆ...”


คำพูดของชายหนุ่มจี้ใจดำเสี่ยทอง จนใบหน้าดำคล้ำ ขณะที่ปานเทพเองก็ผุดลุกขึ้นเช่นกัน หันตัวกลับไปพร้อมกับพูดทิ้งท้าย


ผมให้โอกาสเสี่ยถึงที่สุดแล้ว...ตอนนี้มีแค่คำแนะนำสุดท้าย...หาทนายที่คิดว่ามือแน่ที่สุดเตรียมไว้ก็แล้วกันครับ”


ชายหนุ่มพูดจบก็พยักหน้าชวนให้น้องชายเดินออกไป ขณะที่เสี่ยทองงุ่นง่านจัด หยิบแก้วน้ำขว้างไปยังผนังเสียงดังเปรี้ยง เศษแก้วแตกกระจาย


ปานเทพหันมามองดูเสี่ยอ้วนด้วยสายตาหมิ่นๆ ก่อนจะหันกลับไปเดินออกไปไม่เหลียวหลัง


..................


หญิงสาวต่างวัยที่เดินเคียงคู่กันเข้าไปในโรงแรมหรูนั้น กลายเป็นจุดสนใจของคนตั้งแต่พวกเธอเดินผ่านล๊อบบี้ของโรงแรม ทะลุออกบริเวณสวนหย่อม และโซนร้านค้า ไปจนถึงบริเวณส่วนที่จัดไว้สำหรับเป็นที่ตั้งของภัตตาคารหรูและผับที่ตกแต่ง อย่างตระการตา


คันธรสและฐิติพรรณที่เดินเคียงกันไปต่างคนต่างมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ชาวต่างประเทศร่างอ้วนคนหนึ่งเดินสวนมาถึงกับตาลุกเบิ่งมองตาค้างจนเหลียว หลัง สตรีชราผู้เป็นภรรยาเดินมาด้วยมีสีหน้าบึ้งเอื้อมมือกับบิดไปที่หูของสามี ซึ่งตัวสะดุ้งโหยง พร้อมส่ง เสียงดัง โอ้วโนๆๆๆๆๆ ซอรี่ๆๆๆๆๆ


ดวงตาของหญิงสาวต่างวัยแลมาสบตากันจากนั้นก็แย้มปากงาม หัวเราะคิกๆ เสียงใส


ทันใดนั้นเองบุรุษสองคนที่กำลังเดินสวนกลับออกไป ก็ทำให้ทั้งคันธรสและฐิติพรรณอุทานออกมาแทบจะพร้อมๆ กัน


คุณเทพ...”


พี่ธนา...”


สองชายหนุ่มพี่น้องผู้เด่นดังในวงสังคมที่กำลังเดินคุยกันมาชะงักเท้ากึก ต่างคนหันมายังต้นเสียงที่ร้องทัก พอเห็นหญิงสาวต่างวัยสองคนยืนอยู่ตรงหน้า ต่างก็ร้องทักออกแทบพร้อมๆ กันเหมือนกัน


คุณรส...”


น้องไอซ์...”


สิ้นเสียงของชายหนุ่มทั้งสองนั้น ขณะที่คันธรสยังยืนนิ่งอึ้ง มองดูปานเทพชายหนุ่มผู้ซึ่งอดีตเคยเป็นกุมหัวใจของเธอเอาไว้อย่างตะลึงลาน ตรงกันข้ามกับฐิติพรรณที่ใบหน้ายิ้มออกมาอย่างอ่อนหวานปราดเข้ามายืนใกล้ๆ ธนาเอียงคอทักทายเสียงใส


ไอซ์ดีใจจังเลย...แหม...ไม่นึกจริงๆ ว่าจะเจอพี่ธนาที่นี่”


ธนาหัวเราะแหะๆ รู้สึกว่าอีกฝ่ายจะเบียดตัวมาชิดไปหน่อย จึงถอยไปครึ่งก้าวพร้อมพูดว่า


เอ่อ...พี่ก็ดีใจ...ไอซ์มาได้ยังไงเนี่ย”


ไอซ์มากับพี่รสค่ะ...พอดีเซ็งๆ เลยชวนพี่รสมาหาข้าวเย็นทานกัน…แล้วพี่ธนาล่ะคะ”


ธนาหันมาสบตาพี่ชาย ซึ่งตัวของปานเทพเองคุ้นๆ หน้าของพริตตี้สาวอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ค่อยได้วิสาสะกันตรงๆ เท่าไหร่นัก ตอนนั้นเป็นคนตอบแทนว่า


พวกผมมาคุยเรื่องงานนิดหน่อยครับ กำลังจะกลับ....”


ฐิติพรรณเอียงนาฬิกาข้อมือดู แล้วยิ้มเย้าๆ กล่าวเสียงใส


แหม...นักธุรกิจนี่เวลาเป็นเงินเป็นทองไปหมดเลยนะคะ...นี่มันตั้งทุ่มแล้ว...ยังไม่เลิกงานกันอีก”


ปานเทพเพียงแค่ยิ้มๆ ไม่ตอบอะไร ตอนนั้นคันธรสเดินเข้ามาหาชายหนุ่ม กล่าวทักทายเสียงเรียบ


คุณเทพสบายดีนะคะ...เราไม่ได้เจอกันเสียนาน...ตั้งแต่วันแต่งงานของคุณ...”


ความจริงหญิงสาวเคยเห็นชายหนุ่มกับภรรยาในวันที่อรชาเดินทางไปต่างประเทศ แต่ในวันนั้นปานเทพไม่ได้สังเกตเห็นว่าคันธรสนั้นอยู่ที่โรงแรมด้วย


ในเวลานั้นพอคันธรสพูดไปถึงวันแต่งงาน ดวงตาของหญิงสาวนั้นอดเปล่งประกายวาบออกมาด้วยความรู้สึกยอกแสยงใจแว่บหนึ่งไม่ได้


คืนนั้น...มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ชีวิตของเธอได้พลิกไปในอีกด้านหนึ่งอย่างไม่มีทางหวนกลับมาเส้นทางเดิมได้อีกต่อไป...


แต่ประกายตานั้นปรากฏเพียงวูบเดียวก็สลายไป ขณะที่ปานเทพผงกศีรษะกล่าวเสียงนุ่มนวลเป็นปกติ


ผมสบายดี...แล้วคุณรสล่ะครับ...สบายดีหรือเปล่า”


คันธรสยักไหล่ ยิ้มอย่างเฉิดฉัน ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านในใจ ทำให้เธออดที่จะกล่าวอย่างเน้นเสียงไม่ได้


รสก็เป็นรสอย่างนี้แหล่ะค่ะ...เมื่อก่อนเป็นอย่างไร..เมื่อนี้ก็อย่างนั้น”


ปานเทพพอจะจับเค้าอารมณ์บางอย่างในน้ำเสียงนั้นได้...ซึ่งชายหนุ่มไม่ได้ รู้สึกโกรธอีกฝ่ายแม้แต่น้อย...ตรงกันข้ามเขาลอบถอนใจ...คันธรสมีสิทธิ์ที่ จะแค้นเขาเต็มที่...


ความจริงชายหนุ่มรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ เหมือนกัน...ถึงแม้ว่าตอนที่เขาคบหากับหญิงสาวตรงหน้าจะยังไม่ได้มีการสัญญา หรือข้อตกลงผูกมัดแต่อย่างใด แต่ทว่าการที่อรชาก้าวเข้ามาในแวดวงวิถีชีวิตของเขา และดึงความสนใจทั้งมวลของเขาให้พุ่งตรงไปยังเธอ โดยละทิ้งความสัมพันธ์ของเขากับคันธรสไปโดยไม่ไยดี...มันก็เป็นการตัดสินใจ ที่เห็นแก่ตัวเองอย่างมาก...


ตอนนั้นปานเทพจึงกล่าวด้วยเสียงที่เขาพยายามจะใส่ความจริงใจที่มีให้กับอีกฝ่ายลงไปอย่างสุดความสามารถ


ผมดีใจจริงๆ นะครับที่เจอคุณรส...งานวันแต่ง...เราก็ไม่ค่อยได้คุยกันมาก...ผมอยากจะ บอกว่าผมยังเป็นเพื่อนที่ดีของคุณ...ถ้ามีเรื่องอะไรที่ผมจะช่วยได้...ผม ยินดีและเต็มใจ”


คันธรสเชิดหน้า คำพูดของอีกฝ่ายนั้นทำให้ดวงตาคู่งามต้องพยายามกลบเกลื่อนร่องรอยแห่งความเสียใจที่บัดนี้กำลังพลุ่งพล่านอยู่ในอก...


ฐิติพรรณที่คบหามานานกับคันธรสเองก็รู้ตื้นลึกหนาบางของความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ดี ตอนนั้นเกิดความรู้สึกวาบขึ้นในใจ


อีนุชแย่งพี่ธนาไปจากฉัน...พี่สาวของมันก็แย่งพี่เทพไปจากพี่รส....


ดวงตาของหญิงสาวเป็นประกายวูบวาบด้วยความรู้สึกบางอย่างที่พลุ่งขึ้นมา จนประกายตานั้นเกรี้ยวกราดจนน่ากลัว แต่ในเวลานั้นที่ทั้งปานเทพและธนาไม่เห็นเพราะกำลังมองไปที่คันธรส ซึ่งหญิงสาวตอนนั้นเชิดหน้ากล่าวเสียงกระด้าง


ไอซ์...เราเข้าไปกันเถอะ...”


หญิงสาวไม่ต้องการให้อดีตคนรักเห็นความอ่อนแอ...อันหมายถึงสัญญลักษณ์ของ ความพ่ายแพ้...เดินเชิดหน้าตรงเข้าไปโดยทันที...โดยไม่รีรอเพื่อนรุ่นน้อง ที่หันไปยังธนากล่าวเสียงหวาน


พรุ่งนี้...พี่ธนา...ว่างไหมคะ…ไอซ์อยากชวนพี่ธนาไปกับหาพี่ภาคภูมิด้วยกัน”


ธนามีใบหน้าเก้อเขิน เมื่อกล่าวเสียงเคล้าหัวเราะ


พี่คงไม่ว่าง...พี่จะไปหานุชเขาน่ะ...ขอโทษทีนะน้องไอซ์...”


ฐิติพรรณต้องพยายามสะกดกลั้นอารมณ์อย่างมาก เพื่อไม่ให้ตัวเองแสดงสีหน้าและแววตาอันเกรี้ยวกราดออกไป เมื่อได้ยินคำตอบอันแสลงหูนั้น


นังนุช...นังนุชอีกแล้ว...อะไรๆ ก็นังนุช....ฮึ...พี่ธนานะ...ไอซ์มีอะไรที่สู้นังนั่นไม่ได้


ในเวลานั้ปานเทพพยักหน้ากับน้องชาย


เราไปกันเถอะ...แล้วเจอกันครับ”


ตอนท้ายชายหนุ่มหันมาก้มศีรษะให้กับพริตตี้สาวเล็กน้อยเป็นเชิงลา ก่อนที่จะเดินผละไป โดยที่ธนานั้นหันมายิ้มให้กับฐิติพรรณ แล้วสำทับคำพูดเดียวกับของพี่ชาย


พี่ไปก่อนนะ...แล้วเจอกัน”


ก่อนที่เขาจะเร่งก้าวเท้ายาวๆ ตามติดปานเทพไป ทิ้งให้ฐิติพรณมองตามด้วยแววตาที่เร่าร้อนราวกับมีเพลิงสุมอก


...................


ความจริงอารมณ์ของเสี่ยทองนั้นนับว่าปะทุจนใกล้จะคลั่งเต็มที แต่ภาพที่เสี่ยอ้วนแลเห็นแต่ไกลนั้นมันสะกิดใจให้เกิดความสงสัยและครุ่นคิด จนกระทั่งทำให้ความพลุ่งพล่านดาลเดือดในใจนั้นลดระดับความรุนแรงลงอย่างรวด เร็ว


ไอ้ปานเทพ...กับคุณรส…ดูแล้วมันน่าจะมีอะไรมากกว่าคนรู้จักธรรมดาว่ะ...”


มือไวเท่าความคิด เสี่ยเจ้าของสถานที่ยกมือถือขึ้นโทรไปหาเสี่ยเซี้ยง ใบหน้าอูมนั้นยิ้มแย้มว่า


เสี่ยเซี้ยง...ผมเสี่ยทองนะ...ที่โทรมาหาก็เพราะวันนี้คุณรสมาถึงที่นี่...เสี่ยรู้หรือเปล่า”


เสี่ยโฉดที่กำลังนั่งตรวจเช็ดสต๊อกของเพชรที่มีทั้งแท้และเทียมอยู่ที่บ้าน...เลิกคิ้วหนา...กล่าวเรื่อยๆ


เหรอ...ผมไม่รู้...ถ้ายังไงก็รบกวนเสี่ยช่วยเทคแคร์คุณรสหน่อยนะ...”


แต่ในเวลานั้นเสี่ยโฉดกำลังคิดในใจ รอคอยคำพูดต่อไปของอีกฝ่าย


...ถ้ามีเรื่องแค่นี้...ไอ้เสี่ยทองมีหรือจะโทรมา...ชะช้า...อย่านึกว่ากู ไม่รู้...ถ้าไม่มีอะไร...มึงก็นั่งคั่วเมียกูเพลินไปเท่านั้น...


และก็จริงดั่งที่คาด เสี่ยทองกล่าวเสียงเคล้าหัวเราะตามมา


ผมเพียงแต่สงสัยแทนเสี่ย...เพราะเผอิญผมเชิญนัดไอ้ปานเทพมาคุยธุระ...ดู เหมือนคุณรสกับมันจะรู้จักกันอย่างดีมากกว่าคนรู้จักธรรมดา...”


เสี่ยเซี้ยงสะอึก เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาเองไม่รู้มาก่อน ตอนนั้นความรู้สึกอย่างหนึ่งพรวดๆ ขึ้นมา ทำให้เสี่ยโฉดผุดลุกขึ้น กล่าวเสียงกร้าว


เดี๋ยวผมไปแจมด้วยคนสิ...งานสนุกๆ อย่างนี้...ผมจะพลาดได้ไง”


ฮ่ะๆ...ได้สิ...ผมจะรอ...”


เสี่ยทองพูดตอบเสียงกลั้วหัวเราะ...


............


ขณะที่อรอุษากำลังนั่งซ้อมเปียนโนอยู่อย่างเหงาๆ ใบหน้าไม่ค่อยสบายใจ เสียงเรียกสายโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้น ก็ทำให้เด็กสาวรีบหยิบขึ้นมา และเมื่อเห็นเบอร์สายเรียกเข้า เธอก็ยิ้มหวานรีบรับสายอย่างดีใจ


พี่นุช..เป็นไงบ้างคะ”


เสียงโอดครวญดังแว่วเข้ามาอย่างละห้อยละเหี่ย


โอ๊ย...เนื๊อย..เหนื่อย...นี่ษารู้ไหม...ทางกองประกวดพาพวกเราไปทัวร์วัด ...ไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า...ไปนั่งยิ้มรับฟังบรรยายเกี่ยวกับการรณรงค์ เรื่องปราบปรามยาเสพติด...โอ๊ย...จิปาถะ...กว่าจะมาถึงโรงแรม...ขาแทบขาด... ยังไม่ทันจะได้พักเลย...กองประกวดก็พาเข้ากิจกรรมแนะนำตัว...รู้จักเพื่อน ใหม่อีก...ตอนนี้เลยกำลังนอนพุงอืดอยู่นี่...เพราะตอนหัวค่ำหิวจัดกินข้าวไป สองจานแน่ะ...”


ถึงแม้กำลังอยู่ในช่วงที่ไม่ค่อยสบายใจแต่อรอุษาก็อดหัวเราะไปกับคำบ่นเป็น สายขบวนรถไฟยาวเหยียดของพี่สาวไม่ได้ ก่อนที่อรนุชจะถามมาว่า


แล้วษาล่ะ...วันนี้เป็นไงบ้าง”


หลังจากแยกกับพี่นุช...ษาก็ไปซัมเมอร์แคมป์ตามปกติค่ะ...ก็ไม่มีอะไรเป็น พิเศษ...พอเลิกตอนบ่ายแก่ๆ ก็กลับมาบ้านเลย…ตอนที่พี่นุชโทรมา..ษากำลังเล่นเปียนโนอยู่”


ดีจ้ะ...หาอะไรทำเพลิน...จะได้ไม่เหงา...พรุ่งนี้ตามโปรแกรมเขาจะให้พวกเรา ไปร่วมกิจกรรมปลูกป่า...โอ๊ย...มีหวังขาลากกลับมาอีกแหง๋ๆ...”


จากนั้นอรนุชก็ชวนคุยแจ้วๆ ด้วยความตั้งใจจะช่วยให้น้องสาวคลายเหงาไปบ้างอีกพักใหญ่ ก่อนจะตบท้าย


เอาไว้พรุ่งนี้พี่จะโทรมารายงานษาใหม่ก็แล้วกัน...ง่วงแล้ว...ตาจะปิดให้ได้...ขอนอนก่อนนะ”


ความจริงอรอุษาอยากฟังเสียงพี่สาวไปนานๆ กว่านี้ แต่ก็พูดเสียงอ่อนเบา


ค่ะ..หลับฝันดีนะคะ”


จ้า...ษาก็เหมือนกันนะ”


…………………


ในพื้นที่ที่กินแดนติดต่อกันอย่างกว้างใหญ่นับจากบริเวณสวนไม้สัก ตลอดมาจนถึงที่จัดทำเป็นรีสอร์ทเล็กๆ สามารถรองรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักผ่อนชมสวนป่าธรรมชาติ เลยไปจนจรดแนวเทือกเขาอันเขียวชอุ่ม ปางไม้ “ห้วยสัก” แห่งนี้นับเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดผู้เข้ามาพักได้สม่ำเสมอตลอดปี


ในบริเวณส่วนหน้าของอาคารที่ทำหน้าที่เป็นสำนักงานรับรองนั้น ตอนนี้มีไฟเปิดสว่างไสว มีเสียงคนดังจอแจ เพราะกำลังตระเตรียมความพร้อมรับงานพิธีในวันพรุ่งนี้


ในเวลานั้นชายฉกรรจ์ร่างเกร็งหน้าตอบ เดินเลี่ยงๆ กลุ่มคนออกไปยืนในบริเวณมืดสลัว สายตากวาดไปมาจนแน่ใจว่าไม่มีคนแล้วจึงค่อยเอ่ยเบาๆ


ครับ...พ่อเลี้ยง....”


เสียงปลายสายดังต่อเนื่องตามติดมา ชายฉกรรจ์รับฟังอย่างเงียบๆ จนกระทั่งกล่าวพึมพำ


ถ้าอย่างนั้น...ผมก็คงจะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว...”


ไม่เป็นไร..ไอ้คำ...กูรู้กว่าที่มึงแฝงตัวเข้าไปได้ไม่ง่าย...แต่กูตัดสินใจแล้ว...เอาตัวนังนั่นมาให้ได้...เข้าใจไหม”


เสียงกระด้างที่ดังขึ้นมา ทำให้ชายที่ถูกเรียกว่าคำรีบรับคำอย่างนอบน้อม


ครับ พ่อเลี้ยงผมเข้าใจ”


แค่นั้นแหล่ะ...”


ปลายสายเงียบไป พร้อมๆ กับเสียงผ่อนลมหายใจยาวของชายฉกรรจ์ ก่อนที่จะมีเสียงทักดังมาจากเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังหอบหิ้วลังไม้มาหลาย ลัง


อ้าว...พี่คำทำไมมาอยู่มืดๆ...”


ชายฉกรรจ์ทำทีเป็นหัวเราะ แล้วเดินกลับไป ช่วยเด็กหนุ่มคนนั้นแบ่งลังไม้มาถือ


ไม่มีอะไร...แค่มาพักดูดบุหรี่ตัวหนึ่ง”


จากนั้นคำก็เดินแทรกปะปนเข้าไปในกลุ่มคนที่กำลังวุ่นวายกับการเตรียมงานโดยปราศจากท่าท่ที่ผิดปกติแม้แต่น้อย


...................


เสี่ยทองกับเสี่ยคิ้มหัวเราะร่าขณะที่นั่งอยู่ร่วมโต๊ะกับหญิงสาวที่สวยบาด ตาบาดใจถึงสองคน สายตายิบหยีของเสี่ยมากราคะทั้งสองนั้นต่างจับจ้องไปยังพริตตี้สาวเป็นพิเศษ เนื่องเพราะรู้ว่าสาวสวยอีกคนหนึ่งถูกตีตราจองเอาไว้แล้ว ริมฝีปากปากหนานั้นต้องแลบลิ้นเลียปากอยู่บ่อยครั้ง เมื่อเห็นฐิติพรรณที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษาอันรัดรึงอวดส่วนสัดที่น่าตื่นตา ตื่นใจยิ้มแย้มหัวเราะคิกๆ ดวงตาพราวไปด้วยประกายตาแห่งความร้อนแรง


ปากงามจิ้มลิ้มของเด็กสาวที่เอิ่บซ่านไปด้วยพันซ์สีสดนั้นแย้มเยื้อน กรีดกรายยั่วเย้าบริหารเสน่ห์อันล้นเหลือของเธออย่างเจนจัด เสียงอ่อนหวานไพเราะที่เอ่ยถามเกี่ยวกับธุรกิจการค้าของสองเสี่ย พร้อมกับการฉลาดพูดในการเอาใจชมเชย ก็ทำให้สองเสี่ยใบหน้าอิ่มเอิบ อ้าปากหัวเราะไม่หยุด


เสี่ยอ้วนหัวเราะพุงกระเพื่อมเมื่อว่า


ผมน่ะเสียดายจริงๆ ที่รู้จักน้องไอซ์ช้าเกินไป...ไม่อย่างนั้นจะต้องขอแรงน้องไอซ์ไปช่วยเป็น พรีเซ็นต์เตอร์การประชาสัมพันธ์โรงแรมของผมแน่นอน”


ความจริงอายุของเสี่ยอ้วนเป็นพ่อของพริตตี้สาวได้อย่างสบาย แต่กลับเรียกเด็กสาวว่าน้องอย่างไม่กระดากปาก ซึ่งเด็กสาวก็ไม่ได้แสดงทีท่าที่ขัดเขินกับคำเรียกนั้นแต่อย่างใด ยกมือไหว้เสี่ยทองอย่างอ่อนหวาน ฉีกยิ้มกรีดกราย


โธ่...เสี่ยขา...ขอแค่ให้ไอซ์ได้มีโอกาสรับใช้เสี่ยในอนาคต...ไอซ์รู้สึกเป็นเกียรติอย่างที่สุดแล้วค่ะ...”


เสี่ยคิ้ม ใบหน้าที่ไว้เคราคางแพะ ยิ้มย่องว่า


ตอนกลางปีนี้...จะมีงานแสดงเครื่องประดับอัญมณีครั้งใหญ่...ผมขอจองน้อง ไอซ์มาเป็นแบบเดินให้ชุดเครื่องมรกตที่ผมกำลังสั่งทำเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ด้วยนะครับ...”


ฐิติพรรณยิ้มหวาน พนมมือไหว้เสี่ยคิ้ม และรินเหล้าและโซดาเติมให้อีกฝ่ายอย่างเอาใจ ใบหน้าของเสี่ยตัณหากลับนั้นเบิกบานจนแย้มยิ้มออกมากว้างขวาง ดวงตาร่านระริกมองดูอกอูมของฐิติพรรณแบบไม่กระพริบ


ซึ่งเด็กสาวผู้เปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์อันรัดรึงใจ ยิ้มหวานทำเป็นไม่สนใจกับดวงตากระหายราคะนั้น เธอซึ่งเมื่อก่อน...ก่อนที่จะสูญเสียทุกอย่างไปให้เดนนรกพวกนั้นยังไม่เคย กลัวสายตาอันแสดงความกระหายอยากของผู้ชายที่คิดจะครอบครองร่ายกายของเธอ... นับประสาอะไรกับตอนนี้...ดังนั้นดวงตาคู่งามของฐิติพรรณจึงยั่วเย้าเป็น ประกายพราวสนุก เย้าอารมณ์ของสองเสี่ยจนตัวสั่นสะท้านไปด้วยความรู้สึกเสน่หาในตัวของเด็ก สาว


ขณะที่พริตตี้สาวกำลังสนุกสนานอยู่กับวงสนทนาระหว่างเธอกับสองเสี่ย ในเวลานั้นหญิงสาวที่สูงวัยกว่ากลับนั่งดื่มเงียบๆ นานๆ ทีจะยิ้มรับหัวข้อที่แวะเข้ามายังเธอเป็นครั้งเป็นคราว ซึ่งตะกอนที่ตกค้างนิ่งอยู่ในก้นบึ้งแห่งความรู้สึกกำลังถูกคุ้ยออกมาจน ฟุ้งซ่านเพราะการประจันหน้ากับอดีตคนรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ


ซึ่งตลอดเวลานั้นอาการของคันธรสอยู่ในการสังเกตสนใจของเสี่ยทองโดยตลอด ซึ่งสมองของเสี่ยร่างอ้วนกำลังครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้นานาประการ นัยน์ตายิบหยีนั้นวูบวาบต่อเนื่อง


ในเวลานั้นเองที่ร่างกำยำใหญ่โตของเสี่ยเซี้ยงเดินเข้ามาภายในห้อง VIP อย่างยิ้มแย้ม เสี่ยหนุ่มชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อแลเห็นสมาชิกแปลกหน้าที่กำลังนั่งหัวเราะ เสียงใสอยู่ร่วมโต๊ะ


คันธรสเบิกตากว้างนิดหนึ่ง หญิงสาวไม่คิดว่าเสี่ยเซี้ยงจะมา จึงผุดลุกขึ้นรับด้วยรอยยิ้ม


เสี่ย..มาด้วยหรือคะ”


ร่างที่เดินเข้าแนบสนิท ใบหน้าของคันธรสที่เปลี่ยนไปราวกับคนละคนกับเมื่อครู่ ทำให้ฐิติพรรณจับตามองอย่างพิศวง ไม่อยากเชื่อว่าชายตรงหน้าจะเป็นคู่ควงคนปัจจุบันของหญิงสาวที่สวยและเฉิด ฉันอย่างพี่รส


ดวงตาของเสี่ยเซี้ยงหันมามองพริตตี้สาวด้วยคำถาม คันธรสก็แย้มยิ้มแนะนำว่า


นี่ไอซ์ค่ะ...เพื่อนรุ่นน้อง...เขาสนิทกับรสมาก...”


ฐิติพรรณเก็บกักอาการที่ประหลาดใจนั้นไว้ภายใต้สีหน้ายิ้มแย้มอย่างน่ารักโดยไร้ร่องรอย พนมมือไหว้เสี่ยโฉดอย่างอ่อนหวาน แนะนำตัว


ยินดีที่ได้รู้จักเสี่ยค่ะ...”


เสี่ยเซี้ยงหัวเราะรับไหว้ และจากนั้นก็เข้าร่วมวงสนทนากันอย่างครึกครื้น คราวนี้ด้วยจริตสาวพราวเสน่ห์คันธรสไม่ได้มีวี่แววหรืออาการผิดปกติเหมือน เมื่อครู่นี้แต่อย่างใด ร่วมกันกับพริตตี้สาวยิ้มหวานหัวเราะเสียงใสไปกับวงสนทนาอย่างกลมกลืน


เสี่ยเซี้ยงที่มองตาเสี่ยอ้วนเจ้าของสถานที่อย่างมีนัย ซึ่งเสี่ยทองก็ฉีกยิ้มกล่าวว่า


เสี่ยเซี้ยงเขาหวงคุณรสแค่ไหน...แค่ผมหลุดปากไปนิดเดียวเท่านั้นว่าคุณรสเผอิญเจอคุณปานเทพเพื่อนเก่า...เสี่ยเขาก็รีบมาหาทันที...”


ใบหน้างามของคันธรสมีร่องรอยผิดปกติปไปแว่บหนึ่ง ก็จะยักไหล่กล่าวเสียงอ่อนหวานกับเสี่ยเซี้ยง


ก็แค่คนรู้จักน่ะค่ะ...รสไม่ได้สนิทอะไรกับเขานัก”


แต่ดวงตาคู่งามที่กำลังเก็บอาการมันฟ้องอารมณ์ภายในให้กับเสี่ยโฉดอย่าง ชัดเจน สายตาของเสี่ยเซี้ยงจึงมีประกายวูบขึ้นมา หันไปมองใบหน้าของฐิติพรรณที่กำลังระเรื่อไปด้วยฤทธิ์ของพันซ์สีสด ก็นึกในใจ


นังเด็กคนสวยคงจะรู้อะไรดีๆ...สงสัยต้องตะล่อมถามจากนังไอซ์นี่


เมื่อคิดตกลงใจได้ดั่งนั้น เสี่ยเซี้ยงก็แค่อาศัยรอเวลา ในที่สุดเมื่อคันธรสขอตัวไปห้องน้ำ ความจริงฐิติพรรณจะเดินตามไปด้วย แต่เสี่ยโฉดทำเป็นพูดเสียงเคล้าหัวเราะ


แหม..ใจคอจะให้พวกผมนั่งเหงากันอยู่หรือครับ ...รอให้คุณรสกลับมาก่อนแล้วน้องไอซ์ค่อยไปดีกว่า”


พริตตี้สาวหัวเราะคิกๆ ส่งนัยน์ตาหวานฉ่ำให้กับเสี่ยเซี้ยง ยิ้มพลางว่า


ก็ได้ค่ะ...”


เสี่ยเซี้ยงพยักหน้าให้กับเสี่ยทอง ที่รับลูกอย่างเข้าใจกัน กล่าวถามเหมือนไม่ค่อยได้สนใจอะไรนักว่า


คุณรสกับคุณปานเทพเขารู้จักกันมานานแล้วหรือครับ...น้องไอซ์”


ฐิติพรรณคิดนิดหนึ่ง มองตาเสี่ยเซี้ยงแบบลังเล ถ้าอีกฝ่ายเป็นคู่ควงคนปัจจุบันของพี่รส เธอควรจะพูดหรือ...


เสี่ยโฉดหัวเราะ เพราะอ่านสายตาของเด็กสาวออก โบกมือกล่าว


ไม่ต้องห่วงครับ...ผมกลับรู้สึกดีเสียอีก...ถ้าจะได้ฟังทุกอย่างให้เคลียๆ ไป…จะได้ไม่ต้องติดค้างใจไงล่ะครับ”


ได้ยินดังนั้นฐิติพรรณจึงเล่าเรื่องความสันพันธ์ในอดีตระหว่างคันธรสกับปาน เทพให้สามเสี่ยที่นั่งอยู่ในโต๊ะฟัง และก็เลยเล่ารวมไปถึงเรื่องของศักดาด้วย โดยมีวัตถุประสงค์เร้นลับในใจ


พี่รส...เขาโชคดีค่ะ...ที่รู้ตัวไอ้แมงดาโฉดนั่น...ก็เลยถอนตัวมาทัน...แต่ ไอซ์คิดๆ ดูแล้วมันน่าแค้นไหมคะ...คนแบบนี้มันสมควรต้องได้รับโทษอย่างสาสม...”


คำพูดของพริตตี้สาวนั้นเป็นการเบิกช่องทางให้เธอสามารถหาแนวร่วมจัดการศักดา จิ้งจอกสวาทที่กลายเป็นเป้าหมายที่เธอต้องการทำลายอย่างที่สุด


ในเวลานั้นทั้งสามเสี่ยต่างมีสีหน้าแตกต่างกันออกไป เสี่ยทองกับเสี่ยเซี้ยงดวงตาครุ่นคิดวูบวาบ


ส่วนเสี่ยคิ้มนั้นมีใบหน้าตื่น ตาเบิกโพลง สอบถามฐิติพรรณด้วยน้ำเสียงละล่ำละลัก


น้องไอซ์พูดว่าไอ้นั่นมันชื่อศักดาหรือ...หน้าตามันเป็นยังไงครับ”


ฐิติพรรณหันไปมองใบหน้าเหลี่ยมที่ไว้เคราแพะนั้นแล้วยักไหล่ว่า


ก็อายุสักสามสิบปี หน้าตาดี ผิวขาวค่ะ...เพราะอย่างนั้น...ไอ้แมงดานั่นจึงอาศัยหน้าตาของมันหลอกลวงผู้หญิงไงคะ...เสี่ย”


เสี่ยคิ้มขบกรามกล่าวเสียงหนัก


คงเป็นไอ้ศักดานั่นแน่...มันทำผมแสบเหลือเกิน”


มันช่างเป็นความบังเอิญเสียเหลือเกิน เพราะเหยื่อรายล่าสุดของศักดาก่อนที่จิ้งจอกสวาทจะหลบหนีมากรุงเทพนั้นก็คือ บ้านเล็กของเสี่ยคิ้มนั่นเอง ในเวลานั้นเสี่ยคิ้มที่ควานหาตัวของศักดาไม่เจอที่ขอนแก่นจึงรู้สึกพลุ่ง พล่านขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราด


ในเวลานั้นแววตาของพริตตี้สาวลุกวาบ ความจริงเธอแค่หวังเล่นๆ ว่าจะโยนเรื่องศักดาเข้าไป เผื่อหาช่องทางในการจัดการอีกฝ่ายให้สมแค้น แต่ตอนนี้ใจของเด็กสาวเต้นแรง เพราะถ้าเสี่ยคิ้มมีความบาดหมางกับไอ้ชาติชั่วนั่นเป็นทุนเดิม....งานของเธอ ก็มีหวังได้สมปรารถนา


แต่ตอนนี้เด็กสาวก็ฉลาดพอที่จะไม่เซ้าซี้อะไรไปมากกว่านี้...เพราะมันดู เหมือนจงใจเกินไป...ตอนนี้แค่พอมีช่องทางก็ดีแล้วค่อยๆ...หาทางคืบไปอีกจะดี กว่า


คิดอย่างนั้นใบหน้างามตาของฐิติพรรณก็ยิ้มหวาน ผสมเหล้าและโซดาให้กับเสี่ยคิ้มอีกแก้ว


เสี่ยดื่มเหล้าให้ใจเย็นๆ สบายๆ นะคะ...เรื่องไม่สบายใจก็ไม่ต้องพูดถึงดีกว่า”


เมื่อคันธรสเดินกลับมา บรรยากาศในโต๊ะจึงเป็นแบบสบายๆ คุยกันสัพเพเหะระ แต่ถ้าต่างคนต่างอ่านความคิดกันออก ก็คงจะตกใจไม่น้อย เพราะเบื้องหน้าต่อทุกคนล้วนแล้วแต่ใส่หน้ากากที่หัวเราะยิ้ม แต่เบื้องลึกภายในใจคนทั้งห้าในโต๊ะต่างขบคิดใคร่ครวญเรื่องราวที่เกิดขึ้น ในวันนี้กันโดยตลอดทั้งสิ้นทุกตัวคน


............................


อรอุษามองเห็นตนเองเดินอยู่ท่ามกลางสวนกุหลาบที่สวยสะพรั่ง ทะเลดอกไม้ที่ห้อมล้อมเธออยู่มันช่างสวยงามและเปี่ยมไปด้วยสีสรรอันแพรวพราว ราวกับเป็นวิมานสวรรค์ชั้นฟ้า เด็กสาวยืนมองไปรอบๆ ตัวด้วยความรู้สึกตื่นตาตื่นใจต่อสีสรรที่สดใสจากดอกไม้ที่แย้มกลีบงดงาม เบ่งบานสยายกลิ่นหอมรวยรินจรุงไปรอบๆ ทำให้ตัวเธอเองนั้นอกที่จะยื่นหน้าไปดมกลีบอันบอบบางเหล่านั้นอย่างมีความ สุขไม่ได้ ดวงตากลมโตนั้นเปี่ยมไปด้วยแววตาแห่งความชื่นบานแจ่มใส


เด็กสาวเดินฮัมเพลงไปอย่างมีความสุข เดินไปตามทางที่สองฟากข้างมีดอกไม้เบ่งบานผลิใบออกมาประชันความงดงามรายล้อมเธออยู่




ทันใดนั้น ขณะที่อรอุษากำลังมองไปรอบๆ ตัวอย่างเพลิดเพลิน สายตาของเธอก็มองไปปะทะกับร่างเล็กบางของพี่สาวคนกลางที่เดินเห็นหลังอยู่ ไกลๆ


ด้วยความดีใจ เด็กสาวตะโกนร้องเรียก


พี่นุช...พี่นุชคะ”


แต่ร่างบางงามของพี่สาวคนกลางนั้นยังคงเดินต่อไปโดยที่ไม่หันหน้ากลับมามองเธอแม้แต่น้อย


อรอุษาพยายามเร่งฝีเท้าเดิน แต่ระยะทางระหว่างเธอกับพี่สาวนั้นไม่ได้ร่นใกล้ลงมาเลย เด็กสาวจึงตัดสินใจวิ่งเต็มกำลัง แต่ร่างบางที่เดินเป็นปกติข้างหน้ากลับค่อยๆ ห่างไปๆ ทิ้งระยะจากเธอไปเรื่อยๆ จนอรอุษาใจหายต้องตะโกนเสียงดังจนแสบคอ


พี่นุช...พี่นุช..รอ...ษาด้วยค่ะ…พี่นุช”


ทันใดนั้นพลันมีกลุ่มหมอกที่ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาในบริเวณนั้น จนบดบังร่างของพี่สาวคนกลางของเธอไป อรอุษาวิ่งฝ่ากลุ่มหมอกไปจนเหนื่อยแต่ตามทางที่คดเคี้ยวนั้นเด็กสาวไม่เห็น ตัวของอรนุชแล้ว


พี่นุช...พี่นุช”


เด็กสาวพยายามส่งเสียงตะโกนร้องเรียก เสียงของเธอเครือสะท้านราวกับเด็กที่กำลังหลงทาง


ตามเส้นทางที่คดเคี้ยวไปมาอย่างวกวนที่ซึ่งสองฟากข้างเต็มไปด้วยดอกไม้สีสรร สดใสที่เมื่อครู่ยังสร้างความสุขใจให้กับเธอ แต่ตอนนี้อรอุษารู้สึกว่าไม่ต่างอะไรกับผนังเขาวงกตที่เธอพยายามวิ่งวน พยายามหาทางออก แต่ไม่ว่าเด็กสาวจะวิ่งไปซ้าย ทะลุออกมาทางขวา วิ่งวนไปทุกที่ทุกแยกที่พบจนอรอุษารู้สึกเหนื่อยหอบจนแทบจะขาดใจ ทั่วร่างมีแต่เหงื่อที่ผุดพรายออกมาจนเปียกชุ่มไปหมด แต่รอบๆ ตัวเธอนั้นก็ยังคงเป็นผนังต้นไม้ผลิดอกสีสดใสที่ส่งกลิ่นหอมจรุง ที่บัดนี้กลิ่นนั้นมันเริ่มฉุนจนเธอรู้สึกเอียนเต็มที วิงเวียนศีรษะไปหมด


ทันใดนั้นเองต้นไม้ที่มีดอกอันงดงามก็สั่นพึ่บๆ ราวกับมีชีวิต เส้นยาวเหยียดของเถาวัลย์ไม้ที่มีหนามแหลมพุ่งออกมาจากข้างทางม้วนเข้ารัด ข้อมือและข้อเท้าของเธอเอาไว้จนอรอุษารู้สึเจ็บแสบไปจนจับจิตจับใจ


เด็กสาวพยายามดิ้นรนสุดกำลัง แต่ยิ่งดิ้นรอยบาดลึกของหนามเหล่านั้นก็ยิ่งชำแรกลึกเข้าไปในผิวเนื้ออัน อ่อนนุ่มของเธอจนเลือดไหลออกมาแดงฉานบาดตา ความเจ็บแสบนั้นพล่านไปทั่วอณูความรู้สึกจนอรอุษาต้องร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บ ปวด


ทันใดนั้นเองเธอได้ยินเสียงหนึ่งร้องเรียกอย่างอ่อนโยนปลอบประโลม


ษา...ไม่ต้องกลัวพี่มาแล้ว”


อรอุษาหันไปก็เห็นอรชาพี่สาวคนโตกำลังวิ่งเข้ามาหาเธอ เด็กสาวตะโกนเรียกอย่างดีใจ


พี่อร..พี่อร..ช่วยษาด้วย...”


จ้ะ..พี่มาแล้วน้องรักของพี่...ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ”


อรชาพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนหวาน วิ่งตรงเข้ามาหาเธอ ในเวลานั้นอรอุษารู้สึกโล่งใจและอุ่นใจขึ้นมาอย่างฉับพลัน...เธอปลอดภัยแล้ว ...พี่อรของเธอมาแล้ว…


ทันใดนั้นเอง โดยต่อหน้าต่อตา พื้นดินตรงหน้าที่พี่สาวคนโตกำลังวิ่งเข้ามาหาเธอพลันยุบตัวลงไปราวกับมีใคร วางกับดักเอาไว้ ใบหน้าอ่อนหวานของอรชาเปี่ยมไปด้วยความตื่นตระหนก เอื้อมมือเหยียดออกหมายจะยื่นเข้ามาคว้ามือของเธอเอาไว้


ษา.....”


พี่อร....”


อรอุษาร้องอย่างตกใจ พยายามยื่นมือไปถึงพี่สาว แต่ก็เจ็บแปลบไปหมด เพราะเถาวัลย์ที่ม้วนรัดอยู่ตรงข้อมือนั้นดึงรัดเธอเอาไว้อย่างแน่นหนา เด็กสาวเบิกตากว้าง มองพี่สาวที่เธอรักสุดหัวใจ กรีดร้องเสียงดัง และร่วงหล่นหายลงไปในหลุมลึกที่มองไม่เห็นก้น เสียงดังโหยหวนย้อนขึ้นมา....ษาาาาาาาาาาาาาา....


พี่อร....พี่อร....”


เด็กสาวน้ำตาไหลพราก ร้องตะโกนขึ้นมาสุดเสียง ฉับพลันนั้นเถาวัลย์ที่หนาแน่นแหลมคมก็ราวกับถูกมืออันไร้สภาพกระตุกดึง ร่างบางของอรอุษาที่ถูกพันธนาการอยู่ก็ลอยคว้างไปตามแรงดึง จนร่างของเธอถูกดูดกลืนเข้าไปในผนังต้นไม้ที่เปี่ยมไปด้วยสีสรรอันสดในบาดตา นั้น หนามแหลมคมนับหมื่นนับพันพร้อมใจกันบาดกรีดไปตามผิวกายอันอ่อนนุ่มของเธอ อย่างถี่ยิบ เด็กสาวร้องออกมาสุดเสียงด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส!!!!


พี่อรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร...........”


อรอุษากรีดร้องเสียงดังลั่น พร้อมๆ กับความรู้สึกที่ทุรุนทุรายจนแทบขาดใจ ร่างบางก็ทะลึ่งขึ้นมาจากนิทรารมย์อันสุดแสนจะทรมานนั้น


เด็กสาวที่ผุดลุกขึ้นมานั่งพับเพียบ หอบหายใจจนตัวสั่นสะท้าน ทั่วร่างมีเหงื่อผุดขึ้นจนชุ่มโชกไปทั้งตัว


ดวงหน้าสวยหวานนั้นซีดเผือด ดวงตาโตนั้นบวมช้ำเต็มไปด้วยรอยน้ำตาที่พรั่งพรูออกมา อรอุษาตัวสั่นสะท้านขดตัวไปนั่งคู้เข่าอยู่กับหัวเตียง ซบหน้าลงสะอื้นไห้ออกมาอย่างหวาดกลัว ทั้งๆ ที่เธอพยายามร้องกับตัวเอง


ไม่ต้องกลัว...ไม่ต้องกลัว..มันเป็นแค่ความฝัน


แค่ความฝัน......


.........................


ฐิติพรรณกรอกเสียงหวานลงไปกับมือถือ


ค่ะ..ใช่ค่ะ...รุเขาพักอยู่กับไอซ์เองไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”


ทางบ้านของรุจิราโทรมาสอบทวนเพื่อความสบายใจ เพราะบุตรีคนเล็กของครอบครัวโทรมาว่าจะขอค้างกับเพื่อนติดต่อกันเป็นคืนที่สอง


จ้ะ..รบกวนหนูไอซ์ด้วยนะ”


ค่ะ...ไม่เป็นไรค่ะ”


เด็กสาวกล่าวเสียงรื่นรมย์ ดวงตาพราวด้วยความสุขสมหวัง


ค่ำคืนนั้น


ในเวลาที่พริตตี้สาวหลับไปพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก


ช่วงเวลาเดียวกันนั้น ณ อีกมุมหนึ่งของเมืองหลวง อรอุษากำลังขดตัวนั่งสะอื้นตัวสั่นอยู่บนเตียง


และอีกเช่นเดียวกัน ณ เวลาเดียวกัน อีกมุมหนึ่งในบ้านหลังนั้น ที่ยังมีแสงไฟลอดออกมา


เสียงครางกระเส่ายังคงดำเนินต่อไป…..

ไม่มีความคิดเห็น: