ฉางผิงกงจู้เบิกตัวโจวซื่อเสี่ยนเข้าพบในเก๋งพักร้อนกลางอุทยานหลวง กล่าวว่า
“หุงเฉิงโฉวยอมสวามิภักดิ์ต่อแมนจู สถานการณ์ทางชายแดนเร่งร้อนคับขัน ท่านทราบเรื่องหรือไม่?”
“ข้าพระองค์ทราบ การศึกที่ชายแดนกลับกลายล้วนสืบเนื่องจากขันทีโหดเฉาฮั่วฉุน”
ฉางผิงกงจู้กล่าวเสียงเครียดว่า
วันใดที่ไม่กำจัดเฉาฮั่วฉุน บ้านเมืองยากที่จะมีความสงบสุข ในพี้นที่นครหลวงมันมีหูตาเกลื่อนกลาด หากคิดฆ่ามันนอกจากล่อลวงมันออกนอกเมือง”
“องค์หญิงชักนำจั่วหวินหลิงซึ่งเป็นยอดฝีมือในสังกัดมันไปแล้ว ขอเพียงพวกเราล่อลวงมันออกจากนครหลวง ข้าพระองค์ขออาสาลอบสังหารมันเอง”
“แต่เฉาฮั่วฉุนฝึกปรือวิชาลมปราณแกร่งกร้าวบริสุทธิ์ มีร่างคงกระพันชาตรี ดาบกระบี่ทั่วไปยากระคายเคืองได้”
“แต่ผู้ที่ฝึกวิชาพลังทารกบริสุทธิ์ บนร่างจะมีจุดมรณะแห่งหนึ่ง”
ฉางผิงกงจู้ทอดถอนใจ กล่าวว่า
“น่าเสียดายที่พวกเรากระทั่งจุดมรณะของมันอยู่ที่ใดยังไม่ทราบ”
“เช่นนี้เป็นว่า พวกเราไม่มีปัญญาจัดการมันได้”
ฉางผิงกงจู้ดวงตาเป็นประกายวูบแสดงออกถึงปัญญาอันสูงล้ำ กล่าวอย่างครุ่นคิด
“เรานึกได้วิธีหนึ่ง แต่ต้องได้รับความช่วยเหลือจากผู้คนสองคน หนึ่งหว่านล้อมให้เฉาฮั่วฉุนออกจากนครหลวง คนที่สองรับหน้าที่ระเบิดสังหารมัน แต่ผู้ที่จุดสายชนวนดินระเบิดต้องตกตายพร้อมกับมัน”
โจวซื่อเสี่ยนอาสาทันที
“องค์หญิง ข้าพระองค์ขอรับหน้าที่นี้ ประกันว่าจะไม่เป็นที่ผิดหวังของท่าน”
ฉางผิงกงจู้จับจ้องมองอีกฝ่ายอย่างลึกซึ้งกล่าวว่า
“ท่านโจวจงรักภักดีต่อชาติบ้านเมืองจริงๆ”
“องค์หญิง พวกเรามีวิธีล่อลวงเฉาฮั่วฉุนออกจากนครหลวงหรือไม่”
“เราวางแผนไว้แล้ว ตอนนี้เพียงขาดคนหว่านล้อมที่สามารถไว้วางใจผู้ผนึ่ง”
“ข้าพระองค์รู้จักนักดนตรีคนหนึ่ง เรียกว่า เอี๋ยนอู๋ซวง นางมีรูปโฉมงดงาม ลิ้นคารมเป็นเยี่ยม ทั้งสูงด้วยคุณธรรมอันเลิศล้ำ”
“อย่างนั้นท่านตามตัวนางมาพบเรา”
โจวซื่อเสี่ยนรับคำคราหนึ่ง
............................................................. .เอี๋ยนอู๋ซวงเป็นนักดนตรีเลื่องชื่อ นอกจากมีความสามารถในเชิงขับกล่อมแล้ว ยังมีความสวยงามเย้ายวนสามารถเรียกความสนใจของผู้มาดื่มกินให้เหลาสุราอาหารคับคั่งได้ตลอดเวลา
............................................................. .วิกาลกราย ภายในเก๋งพักร้อนเขตอุทยานหลวง
ฉางผิงกงจู้เดินไปมาอยู่ภายในเก๋ง คล้ายรอคอยอันใด
ในที่สุดบุคคลที่นางรอคอยปรากฏกายขึ้น ดังนั้นฉางผิงกงจู้โบกมือต่อราชองรักษ์ที่รักษาความปลอดภัยอยู่หน้าเก๋งสองคน ราชองครักษ์ทั้งสองน้อมคำนับแล้วล่าถอยไป
อีกด้านหนึ่ง โจวซื่อเสี่ยนนำพาเอี๋ยนอู๋ซวงมาถึงน้อมกายคารวะ กล่าวว่า
“น้อมพบองค์หญิง ข้าพระองค์นำตัวแม่นางเอี๋ยนมาแล้ว”
ฉางผิงกงจู้ทักทายว่า
“แม่นางเอี๋ยน”
เอี๋ยนอู๋ซวงเหลียวหน้าไปยังโจวซื่อเสี่ยน กล่าวว่า
“โจวเฮีย ขอถาทท่านนี้เป็นองค์หญิงใหญ่หรือองค์หญิงรอง”
โจวซื่อเสี่ยนกล่าวว่า
“ท่านคือองค์หญิงใหญ่”
เอี๋ยนอู๋ซวงย่อกายคำนับอย่างชดช้อย กล่าวว่า
“องค์หญิง โปรดรับการกราบกรานจากหม่อมฉันสักครา”
“แม่นางเอี๋ยน เราหากมิใช่ฉางผิง หากแต่เป็นน้องเจาเหยิน ท่าจะทำอย่างไร”
เอี๋ยนอู๋ซวงกล่าวอย่างจริงจัง
“องค์หญิง ที่หม่อมฉันยอมก้มหัวให้มิใช่อำนาจ หากแต่เป็นเมตตาธรรม เมื่อสองปีก่อน ครอบครัวของเราถูกประหารชีวิต บิดาถูกสับเป็นท่อนๆ มีมีผู้ใดกล้าเก็บศพ เป็นองค์หญิงส่งคนไปเก็บเศษสังหาร มิหนำซ้ำช่วยบรรจุฝัง หม่อมฉันพอดีไปเยี่ยมญาติจึงรอดชีวิตได้ พระคุณยิ่งใหญ่ขององค์หญิงนี้หม่อมฉันเฝ้าหาโอกาสทดแทนตลอดมา”
ฉางผิงกงจู้ฉุกคิดด้วยปัญญาไว กล่าวว่า
“ที่แท้บิดาของแม่นางเอี๋ยน เป็นคนของท่านแม่ทัพเหวียนฉุงห้วน”
..เหวียนฉุงห้วนเป็นบิดาของกระบี่ดอกท้อเหวียนยั่วเฟย
เอี๋ยนอู๋ซวงรับคำว่า
“ถูกแล้ว แต่เรื่องนี้หม่อมฉันไม่ปรารถนาเอ่ยถึงอีก”
“แม่นางเอี๋ยนมีคุณธรรมเลิศล้ำ เรานับว่าไม่ได้หาคนผิด แม่นางเอี๋ยน ของสิ่งนี้เราขอมอบแก่ท่าน”
พลางยื่นส่งกล่องแพรใบหนึ่งให้กับเอี๋ยนอู๋ซวง พร้อมกับถ่ายทอดแผนการให้ทราบ
ครั้นแล้ว แผนลอบสังหารเฉาฮั่วฉุนก็เริ่มต้นขึ้น
............................................................. .เช้าวันรุ่งขึ้น เอี๋ยนอู๋ซวงถือกล่องแพรใบนั้น เตร็ดเตร่มาถึงหน้าคฤหาสน์ตระกูลเฉา
หน้าประตูรักษาการณ์ด้วยองครักษ์พิทักษ์ตึก มือถือทวนยาวสี่คน อย่าว่าแต่คิดผ่านเข้าไปกระทีงเฉียดกรายเข้าใกล้คฤหาสน์ยังทำไม่ได้
องครักษ์ที่เฝ้าประตูร้องว่า
“นี่ แม่นางหลีกไป หาไม่จะไม่เกรงใจต่อท่านแล้ว”
เอี๋ยนอู๋ซวงส่งยิ้มอันงามสะคราญชวนลุ่มหลง องครักษ์ถึงกับอ้าปากค้าง
“พี่ท่านนี้ ข้าพเจ้าต้องการพบเฉากงกงสักครา ใช่สามารถรายงานให้หรือไม่”
เสียงเจื้อยแจ้วสดใส ชักนำขันทีคนหนึ่งออกมาชมดู ขันทีไม่ค่อยชอบสาวงามอยู่แล้ว พอเห็นก็ถลึงตาใส่ กล่าวว่า
“เฉากงกงไหนเลยเป็นบุคคลให้พบโดยง่ายดาย”
เอี๋ยนอู๋ซวงส่งกล่องแพรในมือให้ ปากกล่าวว่า
“ของขวัญชิ้นนี้ขอมอบให้เฉากงกง ท่านผู้เฒ่าพอเห็นของนี้ต้องอนุญาตเราเข้าพบแน่นอน”
เห็นขันทีนั้นยังอิดเอื้อน ดังนั้นยัดง่วนป้อเงินอันหนึ่งให้กับขันทีนั้น ขันทีพอได้รับสินบน ค่อยนำส่งกล่องแพรให้กับเฉาฮั่วฉุน
เฉาฮั่วฉุนเปิดกล่องแพรออกมา พบว่าภายในบรรจุหยกชิ้นหนึ่ง กึ่งกลางหยกมีร่องรอยเส้นหนึ่ง บนหยกสลักข้อความว่า “สิบแปดบุตรสุดสิ้นลมโชยสลาย ต่ำใต้ล้วนรวมอยู่ในรอยร่องนี้” บังเกิดความสงสัย จึงเรียกหาเอี๋ยนอู๋ซวงเข้ามา
เอี๋ยนอู๋ซวงสาวเท้าเข้าห้อง ย่อกายคำนับอย่างนอบน้อม กล่าวว่า
“นักดนตรีในแดนดิน เอี๋ยนอู๋ซวง ขอกราบพบเฉากงกง”
“หยกที่มีร่องรอยเช่นนี้ เจ้าได้จากที่ใด”
“ระหว่างนี้ผู้ต่ำต้อยไม่สบาย ดังนั้นพักรักษาตัวที่วัดอู่เวี้ย มีอยู่คืนหนึ่ง เห็นบนท้องฟ้ามีประกายสีขาววูบ พอออกไปชมดูเห็นหยกชิ้นนี้ตกอยู่ในพงหญ้า บนหยกจารึกข้อความสองประโยคคล้ายมีส่วนเกี่ยวข้องกับกงกงท่าน”
“เพราะเหตุใด”
“เนื่องจากข้อความประโยคแรก ..สิบแปดบุตรสิ้นลมโชยสลาย.. เมื่อต่อตัวอักษรเข้ากัน จะเป็นแซ่หลี่ หมายความว่าจอมโจรหลี่จื้อเฉิงต้องถึงกาลอวสาน ทหารแมนจูนอกกำแพงใหญ่ตั้งราชวงศ์เป็นไต้เช็ง คำ เช็งฮวง หมายถึงฝ่ายแมนจูต้องสลายตัวอย่างแน่นอน ส่วนประโยคที่สอง ..ต่ำใต้ล้วนรวมอยู่ในร่องรอยนี้.. คำ เฉาตัง ออกเสียงเดียวกับแซ่เฉา ย่อมหมายถึงกงกงท่านแล้ว”
เฉาฮั่วฉุนรับฟังจนหวั่นไหวคล้อยตาม หากเป็นเช่นดังว่า ตนเองใยมิใช่เป็นใหญ่แล้ว
ในใจครุ่นคิด แต่แสร้งตวาดว่า
“เหลวไหล ผู้ใดให้เจ้ามากล่าวเช่นนี้”
“ยังมี ข้าพเจ้าอยู่ใสวัดอู่เวี้ย ยังพบเห็นศิลาจารึกก้อนหนึ่ง สลักบทกลอนของหลิวป๋ออุนต้นราชวงศ์เหม็ง และค้นพบพระราชลัญจกรหยกในราชวงศ์งุ่ย”
เฉาฮั่วฉุนรับฟังจนคันในหัวใจยากจะเกา แหงนหน้าหัวร่อ กล่าวว่า
“ตกลง เราจะไปชมดูที่วัดอู่เวี้ยด้วยตนเอง พร้อมกับกราบไหว้สักครา เอี๋ยนอู๋ซวง เจ้าทำหน้าที่นำทาง”
เอี๋ยนอู๋ซวงลอบปิติยินดี ปากกล่าวว่า
“ผู้ต่ำต้อยยินดีรับใช้”
จากนั้นขอตัวอำลาไปก่อน ขันทีคนสนิทอดกล่าวกับเฉาฮั่วฉุนมิได้
“กงกง นี่อาจเป็นหลุมพรางประการหนึ่ง”
เฉาฮั่วฉุนกล่าวอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง
“ในกลียุคเช่นนี้ สามารถเกิดปรากฏการณ์ประหลาดได้ทุกเมื่อ เราต้องรุดไปชมดูด้วยตนเองสักครา”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น