อู๋ซันกุ้ยยามไร้เรื่องราว ต้องออกจากห้องพักเดินเข้าสู่อุทยานหลวง พลันได้ยินสุ้มเสียงสดใสไพเราะเสียงหนึ่งดังว่า
“จินเอ๋อ น้ำวันนี้เย็นชุ่มฉ่ำยิ่ง เจ้าลงมาเล่นกับเราเถอะ”
อู๋ซันกุ้ยรับฟังจนฉุกใจคิด สืบเสาะไปยังต้นเสียงพอแหวกกิ่งใบของไม้ดอกออก หัวใจอดเต้นระทึกมิได้
เห็นที่ห่างไปเป็นภูเขาจำลองลูกหนึ่ง สร้างธารน้ำตกกระแทกลงมา สายน้ำตกไหลผ่านโขดหินลักษณะต่างๆ สาดเทยังเบื้องล่าง ขังรวมเป็นแอ่งน้ำแห่งหนึ่ง
ในแอ่งน้ำ เจาเหยินกงจู้เปลือยกายแหวกว่ายอยู่ในน้ำด้วยความสำราญใจ
น้ำใสสะอาดจนเห็นก้น สามารถเห็นส่วนสัดเรือนร่างในน้ำของเจาเหยินกงจู้โดยรำไร ดูไปคล้ายนางเงือกในเทพนิยายก็ปาน
ที่ริมแอ่งน้ำ นั่งยองๆด้วยเฟยจินเอ๋อ คอยติดตามปรนนิบัตินาง
ยามเมื่อเจาเหยินกงจู้หยุดยืนเกาะที่ขอบแอ่ง พอดีหันหน้ามาทางอู๋ซันกุ้ย นางเผยอยิ้มน้อยๆ หอบหายใจเบาๆ
อู๋ซันกุ้ยชมดูจนตะลึงลาน รู้สึกกระจ่างจ้าที่เบื้องหน้าสายตา อดปากอ้าตาค้างมิได้
แม้จะอยู่ห่างไกล แต่ก็สามารถเห็นรูปโฉมโนมพรรณเจาเหยินกงจู้โดยชัดตา ภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่องสะท้อนหยดน้ำที่เกาะพราว วงหน้าเจาเหยินกงจู้ยิ่งเปล่งปลั่งงดงาม จนผู้คนต้องตาละลานพร่าพราย
“อา ยังจะมีสตรีที่งดงามถึงเพียงนี้ด้วยหรือ? หรือนี่คือเทพธิดาจุติมาบนพี้นโลก”
อู๋ซันกุ้ยรำพึง น้ำพอดีปริ่มอยู่ที่กลางปทุมถันของนาง พอดีเห็นปลายยอดสีชมพูระเรื่อตั้งอยู่บนก้อนเนื้ออวบอิ่ม น้ำกระเพื่อมขึ้นลง ขณะที่ปทุมถันสั่นกระเพื่อมขึ้นลงสะท้อนตามลมหายใจของนาง ยิ่งสร้างความเย้ายวนจนอู๋ซันกุ้ยอดมิได้ต้องเอามือเลื่อนล
งไปกุมที่เป้ากางเกงของตัวเองอย่างลืมตัว
ครั้นแล้วเจาเหยินกงจู้ก็โผแหวกว่ายในลำธารอีกครั้ง พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะสดใสด้วยความสำราญ แลเห็นแผ่นหลังที่ขาวนวนเนียน เอวที่คอดกิ่ว สะโพกผาย แก้มก้นทั้งสองข้างขาวสะอาดอวบงอน ขาเรียวยาวทั้งสองข้างที่กระเพื่อมสลับอยู่ในน้ำทำให้อู๋ซันกุ้ยแทบคลั่ง
“อูย ช่างงดงามอะไรเช่นนี้ แม่เทพธิดาจ๋า ได้โปรดหันหน้าให้ข้าได้ชมความงามของโคกหีนางด้วยเถอะ”
อู๋ซันกุ้ยครวญครางเสียงกระเส่า สายตาจับจ้องร่างเปลือยของเจาเหยินไม่ละสายตา ยามเจาเหยินกงจู้แหวกว่ายพลิกกายไปมาทำให้ปทุมถันไหวระรัว อู๋ซันกุ้ยรู้สึกน้ำเงี่ยนของตัวเองไหลซึมออกมา อุ้งมือหยาบบดขยี้รูดท่อนลำกลางเป้าของตัวเองอย่างเมามัน
ขณะที่อู๋ซันกุ้ยกำลังเพลินอยู่กับการปลดเปลื้องความสุขของตัวเองอยู่นั้น พลันปรากฏดอกไม้เหลืองช่อหนึ่ง ยื่นเข้ามาบดบังสายตา ริมโสตแว่วเสียงหนึ่งดังว่า
“ท่านบังอาจนัก ที่ซึ่งองค์หญิงสรงสนาน ท่านกลับกล้าบุกรุกเข้ามา”
อู๋ซันกุ้ยสะดุ้งเฮือก ผลุดลุกขึ้นเหลียวขวับไปตามเสียง เห็นเป็นแนเสี่ยวเชี่ยน ต้องรีบกล่าวว่า
“ขออภัย เราหาตั้งใจไม่”
พลันแนเสี่ยวเชี่ยนก็หน้าแดงวาบด้วยความอุทัจ ที่แท้อู๋ซันกุ้ยกำลังเกิดอารมณ์ใคร่ ท่อนควยของเขาถูกปลุกเร้าจนแข็งแกร่งเต็มที่จนดันเป้ากางเกงออกมาเป็นท่อนลำใหญ่จนเห็นได้ชัดเจน แนเสี่ยวเชี่ยนเคยเห็นแต่ของไทจือซึ่งยังมีขนาดเล็กเพราะอายุเยาว์ พอเห็นเป้ากางเกงของอู๋ซันกุ้ยที่ใหญ่มหึมาต้องอ้าปากค้าง
...อา ทำ ทำไม จึงใหญ่ขนาดนี้... หากสตรีโดนเข้าไป หีคงฉีกตายแน่แท้...
อู๋ซันกุ้ยเห็นนางจับจ้องมองท่อนลำของตัวเอง ก็ตกใจหน้าแดงด้วยความอาย รีบยกมือประสานร่ำร้องว่า
“ขออภัย แม่นางแน ข้า...”
แนเสี่ยวเชี่ยนระงับใจได้ ถลึงตาใส่ทั้งๆที่หน้ายังแดงซ่านว่า
“อย่างนั้นยังมิรีบไปอีก หากยังไม่ไป ข้าพเจ้าจะฟ้องร้องต่อองค์หญิงแล้ว”
อู๋ซันกุ้ยใจหายวูบ รีบล่าถอยจากมา แต่ภาพเรือนร่างอันงามรัดรึง ปทุมถันที่อวบอูมขาวผ่องสั่นระริกทั้งสองข้าง กลับตราตรึงในห้วงสมองสุดที่จะลืมเลือนได้...
แนเสี่ยวเชี่ยนเองก็ใจเต้นระทึก ภาพท่อนลำอันมหึมาสร้างความหวาดหวั่นและเสียวซ่านขึ้นมาในเวลาเดียวกัน นางปรารถนาจะไปหาไทจือให้ช่วยปลดเปลื้องความต้องการในเดี๋ยวนั้น แต่ต้องระงับใจ เดินเข้าไปสมทบกับเฟยจินเอ๋อช่วยปรนนิบัติเจาเหยินกงจู้....
............................................................. .
วิกาลคล้อยดึก เฟยจินเอ๋อหิ้วตะกร้าใบหนึ่งเข้าสู่ห้องของฉางผิงกงจู้ กล่าวว่า
“องค์หญิงใหญ่ องค์หญิงรองใช้ข้าพเจ้าส่งเม็ดบัวชามนี้ให้กับท่าน นางบอกว่าเม็ดบัวมีสรรพคุณในการบำรุงรักษารูปโฉม”
พลางยกชามเม็ดบัวจากในตะกร้า วางลงโต๊ะตรงหน้าฉางผิงกงจู้
ยามนั้น พลันบังเกิดเสียงฝีเท้าเร่งร้อน โจวซื่อเสี่ยนเร่งรุดมาถึง กล่าวอย่างร้อนรน
“องค์หญิง ข้าพระองค์มีข่าวดีเรียนบอก”
ฉางผิงกงจู้ฉุกใจคิด สั่งให้นางกำนัลภายในห้องล่าถอยออกไป จากนั้นกล่าวกับเฟยจินเอ๋อว่า
“จินเอ๋อ เจ้าไปขอบใจน้องเราแทนเราด้วย”
เฟยจินเอ๋อรับคำ กล่าวลา
“องค์หญิงใหญ่ บ่าวขออำลา”
ถือตะกร้าเปล่าล่าถอยออกจากห้อง
โจวซื่อเสี่ยนรอจนเฟยจินเอ๋อออกจาห้อง ก็กล่าวกับฉางผิงกงจู้ว่า
“องค์หญิง แม่นางเอี๋ยนดำเนินการเป็นผลสำเร็จ เฉาฮั่วฉุนกำหนดไปไหว้พระที่วัดอู่เวี้ยในวันพรุ่งนี้”
ยามนั้นเฟยจินเอ๋อเพิ่งล่าถอยถึงหน้าประตู ดังนั้นได้ยินคำพูดเหล่านี้ชัดเจน ต้องฉุกใจคิด เร่งฝีเท้าจากไป
ฉางผิงกงจู้ก็รับฟังจนพลุ่งพล่านใจ กล่าวว่า
“เป็นความจริง? ท่านโจวไม่นำพาต่อความเป็นตายจริงๆ?”
“องค์หญิง มีผู้ใดไม่กลัวตาย แต่โจวซื่อเสี่ยนตกลงใจพลีชีพเพื่อชาติ ก็ไม่นำพาเรื่องอื่นใดอีก องค์หญิงหากยังเคลือบแคลงสงสัย ข้าพเจ้ายินดีสาบานต่อฟ้าดิน”
ฉางผิงกงจู้ไม่ตอบคำ หากแต่เบือนหน้าไปอีกทางหนึ่ง สีหน้าเคลือบคลุมด้วยแววละห้อยหดหู่ รู้สึกสูญเสียสิ่งสำคัญในชีวิต
โจวซื่อเสี่ยนกล่าวต่อ
“องค์หญิง ข้าพเจ้าจัดเตรียมดินระเบิดไว้ ห้าสิบชั่ง วันพรุ่งนี้จะฝังอยู่ในแท่นบูชา ขอเพียงเราจุดสายชนวน จะระเบิดขันทีโฉดเฉาฮั่วฉุนเป็นผุยผง”
ฉางผิงกงจู้กล่าวอย่างเศร้าหมอง
“เฉาฮั่วฉุนมีความผิดสมควรตาย แต่ต้องพลอยเสียสละท่านโจวด้วย ขอท่านโจวรับการกราบกรานจากฉางผิงสักครา”
กล่าวจบย่อตัวหมายกราบกรานจริงๆ
โจวซื่อเสี่ยนใจหายวูบ รีบยื่นมือประคองนางไว้ พริบตาที่กระทบกระทั่งถูกร่างกันและกัน ฉางผิงกงจู้อดหวั่นไหวใจมิได้ ได้ยินโจวซื่อเสี่ยนกล่าวว่า
“องค์หญิง ข้าพเจ้าสมควรแบ่งเบาความกังวลของท่าน”
ฉางผิงกงจู้หน้าแดงระเรื่อ ชักมือกลับมาช้าๆ กล่าวว่า
“น่าเสียดายที่เราร่างกายอ่อนแอ ไม่สามารถปลิดชีวิตขันทีโฉดนั้นกับมือ”
โจวซื่อเสี่ยนล้วงเทียบใบหนึ่งจากอกเสื้อ กล่าวว่า
“องค์หญิง ข้าพเจ้าเสาะพบแพทย์ผู้หนึ่งที่นอกเมือง มันมอบเทียบยาแก่ข้าพเจ้าใบหนึ่ง เชื่อว่ามีส่วนช่วยต่อโรคของท่าน”
ฉางผิงกงจู้รับเทียบยาใบนั้น แนบกับทรวงอกอวบอูมของตนเอง
โจวซื่อเสี่ยนเหม่อหมองฉางผิงกงจู้ ตัดใจกล่าวว่า
“องค์หญิง ท่านถนอมตัว”
พลางหันกายหมายจากไป ฉางผิงกงจู้ร้องโพล่งอย่างลืมตัว
“ท่านโจว ระวังให้มากไว้”
เอ่ยแล้วจึงฉุกใจได้คิด การจากลาครั้งนี้ โจวซื่อเสี่ยนคงไม่อาจกลับมาได้อีก อดมิได้ต้องหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความอาดูร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น