อร
ชาพลิกตัวกระสับกระส่ายบนที่นอนในโรงแรมหรูที่เธอพักนั้น
รู้สึกใจหายแปลกๆ
อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
เฝ้าพยายามข่มตาให้หลับแต่ก็ทำไม่ได้
หญิงสาวเอื้อมมือไปพลิกนาฬิกาปลุกเรือนเล็กที่หัวเตียงที่บ่งบอกเวลาเกือบ
ห้าทุ่มแล้ว
อากาศในห้องที่ปรับอุณหภูมิเอาไว้สบายๆ
นั้น
ในตอนนี้กลับไม่สามารถช่วยระงับบรรเทาความรุ่มร้อนที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจของ
หญิงสาวแสนสวยให้ลดลงได้เลย
อรชาพลิกตัวไปมาอย่างหงุดหงิดใจ
ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
จนในที่สุดเมื่อเข็มนาฬิกาชี้ไปจนเกือบเลขสิบสอง
เธอก็ยอมแพ้ลุกขึ้นนั่ง
หญิงสาวเดินไปที่หน้าต่าง
มองลงไป
แสงไฟในยามราตรีที่ส่องสว่างที่เธอเคยมองได้เพลินๆ
ในค่ำคืนนี้ไฟที่เคยมีสีสรรสดใสกับแลดูเศร้าประหนึ่งว่ากำลังกระพริบเป็น
สัญญาณแสดงความอาลัยต่อการสูญเสียของอันเป็นที่รัก
อรชายกมือลูบไปที่ใบหน้าตัวเอง
ครุ่นคิดอย่างอ่อนล้าในใจ
นี่เราเป็นอะไรไป?
ลองอาบน้ำเย็นๆ
แล้วกัน...น่าจะดีขึ้น
แต่เปล่าเลย
เมื่อจากออกมาจากห้องน้ำหลังจากแช่ตัวอยู่ในสายน้ำเย็นฉ่ำที่ราดรดมาจากฝัก
บัวอยู่นาน
ความรู้สึกว้าวุ่นใจนั้นยังคงจับในความรู้สึก
จนทำให้วงหน้างามนั้นค่อนข้างหมองคล้ำ
ดวงตากลมสวยที่เคยมีแต่ประกายหวานสดใสเต็มไปด้วยแววตาแห่งความกังวลอย่าง
เร้นลับ
จนหญิงสาวถึงกับตกใจเมื่อมองเห็นใบหน้าของตัวเองสะท้อนออกมาจากกระจกเงาใน
ห้องพัก
อรชาแน่ใจว่าความกังวลเร้นลับนี้
ไม่น่าจะเกิดขึ้นจากงาน...ใช่...การปรากฏตัวของคุณลุงมนูนั้นมีอิทธิพลคุก
คามต่อจิตใจของเธอไม่น้อย...ต่อแผนการดำเนินงานเข้าควบซื้อกิจการของเครือปา
ร์มบีช
แต่งานที่มีปัญหาต้องสะสาง
เธอมั่นใจแม้ว่าจะยุ่งยาก
ต้องใช้ความระมัดระวังในการดำเนินการ
แต่สิ่งเหล่านั้นเธอก็เคยผ่านมาแล้ว
ไม่ใช่เรื่องที่จะมีน้ำหนักเพียงพอจนทำให้เธอรู้สึกกลัดกลุ้มประหนึ่งว่าจะ
สูญเสียของรักไปอย่างเช่นเธอรู้สึกเหมือนตอนนี้
ของรักของเธอ?
ความคิดที่วาบขึ้นมาในมโนสำนึกนั้นมาพร้อมๆ
กับใบหน้าของน้องสาวสุดที่รักทั้งสองของเธอ
อรชาใจหายวูบ
หรือจะเกิดเรื่องอะไร...ยายนุชกับยายษา?
ความเสียวสะท้านที่วาบขึ้นจับหัวใจ
ร่างบางงามของหญิงสาวถึงกับสั่นไหวออกมาอย่างหวาดหวั่น
มือเรียวงามที่เอื้อมไปคว้าโทรศัพท์นั้นสั่นระริก
อรชาแทบร้องไห้ออกมาด้วยความโล่งใจเมื่อได้ยินแจ๋วๆ
ของน้องสาวคนรองดังขึ้นมา
“พี่อร...มีอะไรหรือคะ...ทำไมโทรมาตอนนี้ล่ะ”
ริมฝีปากงามราวกับกลีบกุหลาบนั้นยังสั่นระริก
เมื่อกรอกเสียงถามลงไปว่า
“นุช..ที่บ้านเรียบร้อยดีใช่ไหม...ษาล่ะ...ไม่ได้เป็นอะไรไปใช่ไหม”
เสียงหัวเราะใสดังมาจากเมืองไทย
“ค่ะ...ทุกคนสบายดี...นุชอยู่ที่มหาลัย...ษาตอนนี้คงสนุกกับเพื่อนอยู่...
เห็นว่านัดไปทานข้าวดูหนังกัน..และพี่อรไม่ต้องห่วงนะคะ...นุชเช็คดูแล้ว...
ษาไปกับลุงมากค่ะ...”
อรชาผ่อนลมหายใจยาวๆ
ประนบมือไหว้ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับบุคคลสองคนที่
เธอรักยิ่ง...รักยิ่งกว่าสิ่งใด...รักยิ่งกว่า...เธอรักตัวเอง
คงไม่มีอะไร...เธอคงเหนื่อยมากไปกับทริปมาซานฟรานนี้
จิตใจที่เคยมั่นคงเลยอ่อนไหวไปบ้าง
คิดดังนั้นหญิงสาวก็พยายามปลอบใจตัวเอง
กล่าวเสียงที่มั่นคงขึ้น
“นุช..พี่เป็นห่วง...ดูแลตัวเองดีๆ
นะ...ฝากน้องด้วย...”
อรนุชรับรู้ถึงน้ำเสียงแปลกๆ
ของพี่สาวคนโต ก็พยายามทำเสียงให้เข้มแข็ง
“พี่อรคะ...นุชสบายดีค่ะ...ทางนี้ไม่มีปัญหาอะไรเลย...ษาเองก็อยู่ในสายตานุชแทบทุกวัน...พี่อรไม่ต้องกังวลใจนะคะ”
หยุดไปเล็กน้อย
เด็กสาวก็ทำเสียงร่าเริงเพื่อเป็นการปลอบใจพี่สาว
“อ้อ..ตอนนี้นุช..ถูกพี่แต๋วต้อนจนมุม
จนต้องยอมประกวด..มิสยูนิเวอร์ซิตี้ให้กับมหาลัยนะคะ”
ข่าวคราวของน้องสองคนกลาง
ทำให้อรชายิ้มออกมาได้
นึกถึงตอนนี้น้องสาวต้องไปเดินประกวดแล้วขำในใจขึ้นมา...กระโดกกระเดก
อย่างอย่างยายนุช...นี่นะ...
“อ้าว...ไหนทีแรกนุชยืนกระต่ายขาเดียวไม่ยอมไงจ๊ะ...ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้”
“เรื่องมันยาวค่ะ...พี่อรกลับมาแล้วนุชจะเล่าให้ฟังอีกที...ตอนนี้นุชก็เลยหัวหมุนติ้วๆๆๆ..ไปกับการติวเข้มของพี่แต๋วจนมึนไปหมด”
เสียงหัวเราะอย่างสดใสร่าเริงตบท้ายมานั้นประดุจเสียงทิพย์ที่ปลอบประโลมใจ
ของอรชาให้เย็นลงได้
หญิงสาวแสนสวยจึงค่อยสบายใจขึ้นอย่างมาก
“ถ้าอย่างนั้น...ก็แค่นี้นะ...แล้วพี่จะรีบทำธุระทางนี้ให้เสร็จ..จะพยายามกลับไปให้เร็วที่สุด”
“ค่ะ...พี่อร”
อรชายิ้มให้กับเสียงใสๆ
นั้นก่อนจะปิดสัญญาณโทรศัพท์ในมือ
ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ
หญิงสาวทรุดตัวลงพนมมือไหว้กับหมอนหัวเตียง
ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลจงดลบันดาลให้
น้องสาวทั้งสองของข้าพเจ้าให้แคล้วคลาดจากสิ่งอันเป็นอันตรายทั้งปวงด้วย
เทอญ…
จากนั้นอรชาพยายามข่มตาให้หลับ
และในไม่ช้าหญิงสาวแสนสวยก็เข้าสู่ภวังค์แห่งนิทรารมย์
........................
อรนุชวางสายจากพี่สาวแล้ว
ใบหน้างามใสนั้นก็มีร่องรอยของความวิตก
เอ..เสียงพี่อรดูไม่ค่อยดีเลย...
เด็กสาวร่างเล็กบางยืนครุ่นคิดอยู่นึกอะไรได้รีบโทรศัพท์ไปหาน้องสาวคนเล็ก
“พี่นุชหรือคะ..”
เสียงหวานๆ
ของอรอุษาดังมา
อรนุชได้ยินเสียงประกอบแว่วๆ
แสดงว่าอีกฝ่ายนั้นคงอยู่ในบริเวณห้างสรรพสินค้า
“อ๋อ...ไม่มีอะไรหรอก...แค่โทรมาถามว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม...แล้วษาเจอกับเพื่อนหรือยังล่ะ”
“เจอกันเรียบร้อยตั้งนานแล้วค่ะ...นี่ก็อิ่มกันแล้วด้วย...กำลังเดินเล่นย่อยอาหาร...รอรอบหนังอยู่ค่ะ”
น้องสาวว่ามาพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ
อรนุชยิ้มออกมาได้
รู้สึกค่อยโล่งใจหน่อย
พี่อรคงคิดมากไปเองมั้ง
จากนั้นเด็กสาวก็กำชับเรื่องเวลาที่ต้องกลับบ้านอีกครั้ง
อรอุษาเลยลากเสียงล้อๆ
ยานคางกับพี่สาว
“ค่า....แหม...หนังเลิกก็คงประมาณสามโมง...แล้วษาจะให้ลุงมากตระเวณขับรถพา
เพื่อนๆ
ส่งบ้าน...อย่างมากก็คงกลับถึงบ้านไม่เกินห้าโมงเย็น....เลทนิดหน่อยเอง
ค่ะ...”
“ฮื่อ...โอเค...เที่ยวให้สนุกนะ...”
อรนุชพูดจบก็วางสายไป
ถอนหายใจเบาๆ
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังทักขึ้นด้านหลัง
“นุชจ๊ะ...”
อรนุชหันไปก็เห็นฐิติพรรณเดินยิ้มเข้ามา
เด็กสาวหน้าใสก็เลยยิ้มตอบกว้างขวาง
“หวัดดีจ้ะ..ไอซ์”
พริตตี้สาวเดินเข้าจับมือถือแขนอรนุชอย่างสนิทสนม
ในเวลานั้นเด็กสาวทั้งสองยืนอยู่บริเวณซุ้มที่นั่งหน้าคณะ
คนหนึ่งนั้นสูงโปร่งสวยจัดบาดตา
ส่วนอีกคนแม้จะเตี้ยกว่าแต่ก็สดใสกระจ่าง
ประกอบเป็นภาพที่ความจริงคนใดคนหนึ่งก็เป็นจุดเด่นพอตัวอยู่แล้ว
แต่พอมายืนประกบคุยกันอย่างร่าเริงก็กลายเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดสายตาของคน
ที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างต้องหันมามองเด็กสาวที่สวยจัดทั้งสองนั้นแทบจะทุก
ตัวคน
“นุชจ๋า...วันนี้รถไอซ์เสียเข้าอู่...เผอิญโชคไม่ดี...ไอซ์ต้องไปธุระไกล
ด้วย...ไม่รู้จะรบกวนเกินไปไหมถ้าจะขอให้นุชช่วยไปส่งหน่อย...”
ฐิติพรรณกระซิบกับอรนุช
โดยอาศัยจังหวะที่เด็กสาวร่างบางเดินแยกออกมาจากกลุ่มเพื่อน
ซึ่งอรนุชยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน
พยักหน้าอย่างร่าเริง
“ได้สิ...แค่นี้เอง...ไม่เห็นเป็นการรบกวน...นุชน่ะต้องขอบคุณไอซ์ต่างหากที่พักนี้ต้องรบกวนให้ไอซ์ไปส่งยายษาแทบทุกวัน”
พริตตี้สาวยิ้มหวานอย่างยินดี
กล่าวขอบคุณ
“ถ้าอย่างนั้น
เย็นนี้...ไอซ์จะไปรอแถวๆ
ลานจอดนะจ๊ะ...”
“ฮื่อ...นุชจะขอพี่แต๋วเลิกเร็วหน่อยก็แล้วกัน...บอกว่ามีธุระจำเป็น...แค่วันเดียวคงไม่เป็นไรหรอก”
เด็กสาวร่างบางพูดจบ
ก็ทำตาโตอย่างน่ารักกระซิบว่า
“จริงๆ
นุชก็ว่าดีออก...ซ้อมจนเบื่อจะแย่แล้ว...จะได้หาข้ออ้างโดดสักวันหนึ่ง”
สองสาวหัวเราะคิกๆ
ให้แก่กันอย่างร่าเริง
ก่อนที่พริตตี้สาวจะกล่าวเบาๆ
“แต่..นุช..อย่าไปบอกเพื่อนๆ
หรือพี่แต๋วว่ามากับไอซ์เชียวนะ...ไอซ์กลัวว่า...พวกเขาจะเข้าใจผิด...คิด
ว่าไอซ์มารบกวนเวลานุชที่จะต้องซ้อมเพื่อการประกวดน่ะจ้ะ...”
เด็กสาวร่างเล็กบางผู้อ่อนเยาว์ไร้เล่ห์มารยา
ยิ้มกว้างกล่าวสดใส
“ได้จ้ะ...ไอซ์ไม่ต้องห่วง...นุชจะไม่บอกใคร”
ฐิติพรรณยิ้มหวานให้อรนุช
ก่อนที่โบกมือให้และผละไปด้วยกิริยาอาการร่าเริง...ที่เป็นการแสดงออกด้วย
ความสบายใจ...จากก้นบึ้งแห่งจิตใจที่แท้จริง
...................................
ศักดาสาดส่องสายตาไปรอบๆ
ตัว ขณะที่ชายหนุ่มเดินเล่นอยู่ในห้างสรรพสินค้าใจกลางกรุง
จิ้งจอกสวาทหลังจากเมาแอ๋ไม่เป็นผู้คนอยู่หลายวัน
ในที่สุดก็ตัดใจ
ช่างแม่งโว้ย...ไอ้ห่า...เสียรู้ไอ้เซี้ยงไปถือเป็นบทเรียน...อย่างกูหาใหม่ก็ได้วะ
ดังนั้นชายหนุ่มเจ้าเล่ห์ก็จัดการกับสภาพที่ดูไม่ได้ของตัวเอง
ตัดผมใหม่ โกนหนวดเครา
และออกตระเวณเพื่อหาเหยื่อเหมาะๆ
สำหรับการปอกลอก
ซึ่งความจริงศักดาก็ยังไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจนัก
เพราะเงินที่เขามีอยู่จากการหลอกลวงมาจากคันธรสนั้นก็นับว่าสูงมากอยู่สบายๆ
เกินพอที่จะให้เขาฉุยฉายไปมาได้อีกนาน
คราวนี้เพราะยังมีเงินในกระเป๋าอยู่มาก
เป้าหมายที่อยู่ในข่ายที่จิ้งจอกสวาทจะออกตระเวณล่าเหยื่อจึงขยายระดับได้
มากขึ้น
จากเดิมที่จะเล็งเฉพาะพวกไฮโซสาวเต็มวัยผู้ที่มีอันจะกิน
แต่ในเวลานี้นั้นนักศึกษาสาวๆ
ที่ดูดีนั้นก็ตกอยู่ในสายตาอันซ่อนประกายหื่นไว้ในหน้ากากของชายหนุ่มผู้
หล่อเหลาและร่าเริงเป็นสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้ว
แว่บหนึ่งนั้น
ภาพใบหน้าอันสวยบาดตาของฐิติพรรณก็แว่บเข้ามาในใจ
แม่งเสียดายชิบหาย...ถ้ารู้อย่างนี้...กูไม่ปล่อยให้อีไอซ์หลุดมือไปให้ไอ้เหี้ยชิด..เด็กเปรตพวกนั้น...แน่ๆ
ตอนนี้เขาไม่ต้องมีความกังวลกับเรื่องของคันธรสแล้ว
ความคิดแว่บหนึ่ง
เอ...หรือจะลองติดต่อไปหานังไอซ์คนสวยดี?
จะได้จับกระเด้าให้สมกับที่มายั่วกู
แต่คิดๆ
ไปจิ้งจอกสวาทก็ยักไหล่
ช่างแม่งเหอะ
โดนไอ้ชิดจนพรุนไปแล้วมั้ง...อีกอย่างไม่รู้นังรสไปปูดเรื่องอะไรของเราให้นังไอซ์หรือยัง
ความคิดของจิ้งจอกสวาทแสนเจ้าเล่ห์นั้นถูกต้องทุกประการ
เพราะจากที่พบกับคันธรสโดยบังเอิญวันนั้น
พริตตี้สาวก็รับรู้ถึงเนื้อแท้ของชายหนุ่มจนเห็นถึงไส้ในอันกลวงโบ๋เน่า
เหม็นไปด้วยตัณหาราคะ
แต่ถึงแม้เป้าหมายที่จิ้งจอกสวาทออกล่าเหยื่อจะขยายวงกว้าง
แต่กระนั้นก็ยังจำกัดวงอยู่แค่ระดับกลุ่มนักศึกษาสาวที่ต้องดูดีและแสดงว่า
มีฐานะพอสมควร
ดังนั้นกลุ่มของเด็กสาวที่แต่งตัวธรรมดากลุ่มหนึ่งที่เดินสวนไปจึงลอดสายตา
อันคมวาวของชายหนุ่มไปได้ทั้งๆ
ที่หนึ่งในกลุ่มนั้นเป็นเด็กสาวที่มีใบหน้าหวานสวยราวกับตุ๊กตาที่ถูกปั้น
โดยช่างฝีมือเทพ
แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเด็กสาวแสนสวยเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบทำตัวเป็นจุดเด่น
เวลาเดินกับเพื่อนๆ
ก็มักจะเลือกเดิมริมๆ เกลื่อนๆ
ตัวเองหลบอยู่ในแถวเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจ
พอเดินกันเป็นกลุ่มใหญ่หกเจ็ดคน
ถ้าไม่ได้พิจารณาดูดีๆ
แล้วโดยส่วนใหญ่...ใบหน้าหวานผ่องนั้นก็ไม่ค่อยสะกิดใจของคนที่เดินสวนไปสัก
เท่าไหร่
อรอุษาแค่รับรู้โดยไม่ได้ใส่ใจอะไร
เมื่อเพื่อนๆ สะกิด
“ษา...ผู้ชายที่เดินสวนไปเมื่อกี้น่ะ...ล๊อหล่อ...”
เด็กสาวผู้ไม่เคยสนใจเรื่องเกี่ยวกับเพศตรงข้าม
หรือแฟชั่นระบาดของการที่ต้องหาแฟนไว้ควงเพื่ออวดเพื่อนในกลุ่ม
ยิ้มน้อยๆ ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร
พอเพื่อนร่วมกลุ่มหยุดเดิน
ตัวเองก็ยืนนิ่งๆ
หันไปดูสินค้าที่จัดวางโชว์อยู่ในตู้กระจกข้างๆ
ต่างกันกับเพื่อนๆ
ในกลุ่มที่หันไปด้านหลังและหัวเราะกิ๊กกั๊ก
เสียงใส
ศักดาได้ยินเสียงหัวเราะจากกลุ่มเด็กสาวก็หันไป
และทำหน้ายิ้มๆ
ให้กับเด็กกลุ่มนั้นด้วยมาดของพี่ชายที่ใจดี
สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากเด็กสาวทั้งกลุ่มได้มากยิ่งขึ้น
อาการตอบสนองของเด็กสาวกลุ่มนั้น
ทำให้จิ้งจอกสวาทยิ้มอย่างพอใจในการบริหารเสน่ห์ของตัวเองอย่างมาก
แว่บนั้นภาพด้านหลังของเด็กสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มที่ไม่ได้หันมามองเขามันยวน
ใจอย่างประหลาด
ถึงแม้จะอยู่ในชุดที่แสนธรรมดาด้วยเสื้อทีเชิ๊ตแขนสั้นสีขาว
กางเกงขายาวสีดำและรองเท้าหุ้มส้น
แต่รูปร่างที่โปร่งงามได้ส่วนสัด
ช่วงแขนบอบบางสวยแสดงให้เห็นผิวกายที่ขาวสะอาดราวกับน้ำนมสด
และผมดำยาวที่มันระยับเป็นคลื่นแผ่ไปถึงกลางหลังนั้นมันช่างสวยเหลือประมาณ
จนศักดาอยากจะเห็นใบหน้าของเจ้าของครามครัน
แม้ว่าอยากจะเห็นสักเพียงไร
แต่ถ้าจะให้ยืนตื้อมองไปก็คงเสียภาพพจน์ที่พยายามสร้างอย่างระวังไปหมด
จิ้งจอกสวาทจึงยักไหล่นิดๆ
ช่างเหอะว่ะ
ผู้หญิงผมสวยๆ รูปร่างดีๆ
แต่หน้าตาหมาไม่แดก มีเยอะแยะไป
คิดได้ดั่งนั้น
ศักดาก็ยิ้มให้กับเด็กสาวที่เหลือในกลุ่มนั้นอีกครั้ง
ก่อนจะหันตัวเดินตรงต่อไป
และในไม่ช้าสายตาที่เพียรกวาดหาเหยื่อเหมาะๆ
ก็เพริดไปกับการออกตระเวณนั้นจนลืมเรื่องเด็กสาวผมยาวคนนั้นไปในที่สุด
...............................
เนื่องจากชายหนุ่มรู้ไส้ของเสี่ยเซี้ยงเป็นอย่างดี
ข้อมูลที่มีเกี่ยวกับเสี่ยโฉดทำให้คมศรกลั่นกรองไวๆ
ก็ได้รายชื่อคนที่เหมาะสมออกมาสองสามราย
เมื่อบวกกับขอข้อมูลจากสำนักงานของสมศักดิ์ที่เขาใช้บริการบ่อยๆ
สองสามรายนั้นก็ถูกตัดออกกเหลือรายเดียว
และสมองอันฉับไวของชายหนุ่มก็พาตัวมาเตร็ดเตร่แถวๆ
สำนักงานขายของพ่อค้าเพชรชื่อดังคนหนึ่ง
หลังจากทักทายประสาคนรู้จักกันตามธรรมเนียม
ว่าเผอิญแวะมาทำธุระก็เลยเข้ามาเยี่ยม
คมศรก็กล่าวเรื่อยๆ
เหมือนไม่ได้ตั้งใจว่า
“คุณนิฐิ...ผมได้ยินว่าเสี่ยเซี้ยงเขาจะแต่งงานกับลูกสาวคุณเดช...ชื่ออะไรน้า...คันธรสมั้ง”
พร้อมๆ
กันนั้นแววตาของชายหนุ่มเป็นประกายพราวอย่างสนุก
เมื่อมานพลูกชายของพ่อค้าเพชรชื่อดังที่นั่งคุยอยู่ด้วยใบหน้าจำเดิมขาวๆ
ซีดๆ แดงคล้ำขึ้นทันที
นิฐิพ่อค้าเพชรเป็นอีกคนหนึ่งที่พอจะรู้ลึกตื้นหนาบางของเสี่ยโฉดดี
และเป็นเป้าหมายที่คมศรเลือก
เพราะอีกฝ่ายมีความสัมพันธ์อันดีกับนายเดช
นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังผู้เป็นบิดาของคันธรส
“ผมไม่เห็นได้ข่าว...เอ...แย่จริง...แล้วคุณเดชเขารู้กำพืดของไอ้เสี่ยนั่นหรือเปล่านะ”
คมศรยักไหล่
กล่าวเรื่อยๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ไม่รู้สิ
แต่ผมว่าเรื่องความรักนี่มันไม่เข้าใครออกใครหรอกครับ
ขอให้รักกันอะไรๆ ก็มองข้ามได้”
“นั่นสิ...ผมว่าเราดูอยู่ห่างๆ
ดีกว่า...บอกตรงๆ
ไม่ค่อยอยากจะยุ่งอะไรกับไอ้เซี้ยงนั่นเลย”
นิฐิเห็นด้วย
มานพลูกชายคนเดียวของพ่อค้าเพชรตอนนั้นที่ใบหน้าขาวมีริ้วรอยเลือดซ่านอยู่เต็มหน้า
ถามเสียงสั่นๆ ว่า
“คุณพ่อ...นายเซี้ยงคนนั้นเขาเป็นใครหรือครับ..”
“ก็เป็นพ่อค้าเพชรเหมือนกันนี่แหล่ะ...แต่ก็ไม่ค่อยมีใครรู้นักหรอกว่าไอ้นี่มันขี้โกง...ปลอมเพชรหลอกตุ๋นชาวบ้านเข้าซะมาก”
พ่อค้าใหญ่ผู้รู้ไส้ของเสี่ยโฉดดีกล่าวเสียงเยาะๆ
ผู้เป็นลูกชายร้องเสียงตื่น
“ถ้า..ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องเตือนคุณรสสิครับ...คุณพ่อ”
นิฐิหันมามองใบหน้ายิ้มๆ
ของคมศรแล้วว่า
“อย่างที่คุณสิงห์บอก...พ่อว่าเราไม่ต้องไปยุ่งดีกว่า...เรื่องของคนอื่น”
มานพสั่นศีรษะระรัว
ใบหน้าเต็มไปด้วยร่องรอยตื่นเต้น
“มะ..ไม่ได้..ไม่ได้ครับ...เอ่อ...ผม...ผมรู้จักคุณรส...ผมไม่อยากให้เธอแต่งงานกับคนอย่างนั้น”
นิฐิลังเลใจ
เพราะตนเองก็คุ้นเคยกับนายเดชบิดาของฝ่ายหญิงไม่น้อย
คมศรหัวเราะเอื่อยๆ
แค่เสริมนิดหน่อย
“อือม์...แต่ถ้าเห็นแก่ความเป็นเพื่อน...ก็ให้ข้อมูลไปกับคุณเดช...แล้วก็ให้เขาไปตัดสินใจเองก็ไม่น่าเสียหายนะครับ
คุณนิฐิ….”
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งพ่อค้าเพชรคนดังก็ผงกศีรษะ
ขณะที่คมศรซ่อนยิ้มเอาไว้ในหน้า
หัวเราะระรื่นในใจ
ก่อนจะทำทีเป็นลากลับเดินตัวปลิวออกมาจากสำนักงานค้าเพชรแห่งนั้น
อยากเห็นหน้าไอ้เซี้ยง....ฮะฮะ....สงสัยคงฝันหวานว่ากำลังตกถังข้าวสารอยู่ละมัง...ฝันสลายว่ะ..ไอ้เซี้ยง...หึหึ
คมศรคิดอย่างครื้นเครง
ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นกดโทร
พอได้ยินเสียงอีกด้านรับ
ใบหน้ายิ้มๆ ก็ขรึมลงเล็กน้อยเมื่อถามว่า
“เหตการณ์เป็นยังไงบ้าง...ปกติดีอยู่หรือเปล่า”
ชายหนุ่มรับฟังคำตอบครู่หนึ่ง
สีหน้าค่อยคลายความเครียดลง
กล่าวตบท้าย
“ฉันจะขึ้นไปที่ปางพรุ่งนี้...แล้วค่อยว่ากันอีกที”
ทีนี้ก็เหลือเรื่องสุดท้ายที่เขาจะทำก่อนขึ้นลำปาง...ใบหน้าคร้ามคมยิ้มออกมา
ก่อนจะโทรศัพท์ออกไปอีกครั้ง
“พ่อเลี้ยงครับ...”
เสียงปลายสายดังขึ้นรับอย่างนอบน้อม
คมศรยิ้มพลางถามสั้นๆ
“เป็นไง...”
“ก็เหมือนทุกวันครับ
คุณหนูคงจะออกมาสักทุ่มหนึ่งหรือกว่านั้นนิดหน่อย...”
ชายหนุ่มหน้าคร้ามคม
ผงกศีรษะกล่าวว่า
“ไอ้ปิ๊ก..แกกลับขึ้นลำปางไปเลย...ไม่ต้องเฝ้าแล้ว...พรุ่งนี้ฉันจะตามไป”
อีกฝ่ายรับคำอย่างนอบน้อม
ส่วนคมศรนั้น...นัยน์ตาประกายเหล็กพราวรื่นรมย์
............................
“นุช...นุช..วันนี้ไม่มีซ้อมเหรอ...”
เสียงเรียกทัก
อรนุชหันไปมองก็เห็นรุจิราเดินแกมวิ่งเข้ามาหา
ตอนนี้อาการเจ็บเท้าของเด็กสาวหายดีเกือบเป็นปกติแล้ว
เด็กสาวร่างบางเห็นอย่างนั้น
พลางคิดอย่างละเหี่ยใจอย่างสุดเสียดาย
แหม...ถ้ารุหายเร็วกว่านี้สักอาทิตย์....นุชก็ไม่ต้องประกวดแทนแล้ว
แต่ต่อหน้านั้นได้แต่ยิ้มสดใส
กล่าวว่า
“ฮื่อ...เย็นนี้มีธุระน่ะจ้ะ...เลยขอลาพี่แต๋ววันนึ่ง”
ใบหน้าขาวผ่องของรุจิราเบ้ปาก
ร้องว่า
“แหม..รุอุตส่าห์จะมาดูนุชซ้อมหน่อย
...ความจริงจะมาตั้งหลายวันแล้วล่ะแต่ช่วงนี้รุยุ่งๆ”
ในความเป็นจริงเด็กสาวไม่รู้สึกยินดีเลยที่จะเห็นอรนุชมายืนอยู่ตรงตำแหน่ง
ที่ที่เธอได้สิทธิ์
ถึงแม้จะเชียร์อรนุชให้เป็นตัวแทน
จริงๆ ก็เป็นเพราะไม่ชอบหน้าฐิติพรรณมากกว่า
แต่พอเธอเพิ่งได้ยินข่าวว่าคู่แข่งของเธอแสดงน้ำใจนักกีฬามาเชียร์อรนุช
รุจิราเลยคิดว่าเธอควรจะต้องแสดงออกบ้างเพื่อไม่ให้น้อยหน้า
อรนุชไม่รู้ตื้นลึกหนาบางในใจของอีกฝ่าย
ก็ยิ้มรับอ่อนหวาน กล่าวเสียงใส
“ไม่เป็นไรจ้ะ...แค่นี้นุชก็ขอบใจมากแล้ว”
“ไว้วันหลัง...รุจะมาใหม่ก็แล้วกันนะ...ไม่รบกวนเวลานุชล่ะ”
รุจิราผงกศีรษะว่ายิ้มๆ
ให้ ก่อนจะโบกมือให้เดินผละไป
อรนุชยิ้มส่งให้
ก่อนจะเดินฮัมเพลงสบายใจที่วันนี้ไม่ต้องซ้อมไปยังบริเวณลานจอดรถ
ก็พบกับฐิติพรรณยืนรออยู่แล้ว
ก็โบกมือให้อย่างร่าเริง
ซึ่งพริตตี้สาวก็โบกตอบ
ยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน
“คอยนุชนานไหม...โทษที...กว่าจะเจรจากับพี่แต๋วหลบมาได้”
อรนุชพูดขณะที่ก้าวเข้าไปในรถ
โดยที่ฐิติพรรณนั่งอยู่เคียงข้างสั่นศีรษะ
กล่าวด้วยน้ำเสียงหวานแฝงแต่เอาไว้ด้วยนัยยยะที่เด็กสาวเจ้าของรถซื่อ
บริสุทธิ์เกินกว่าจะจับได้
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ...ไอซ์รอแค่นี้...คุ้มค่ากับการรอจะตายไป”
เด็กสาวร่างบางติดเครื่องยนต์รถฮอนด้าสีขาวคันงามของเธอ
และเคลื่อนออกไปจากบริเวณลานจอดรถอย่างช้าๆ
แล่นไปตามถนนที่มุ่งตรงไปยังประตูทางออกของมหาวิทยาลัย
“นุชจ๋า...ขอยืมโทรศัพท์หน่อยสิ”
ฐิติพรรณกล่าวเสียงหวานต่อเนื่อง
“ไอซ์จะโทรไปบอกเพื่อนว่าจะไปหา...เราจะได้ไม่ไปเก้อไง...พอดีมือถือของไอซ์แบตหมดน่ะจ้ะ”
อรนุชพาซื่อหยิบโทรศัพท์มือถือสีแดงสดใสให้แต่โดยดี
ซึ่งพริตตี้สาวรับมาแล้วก็หยิบโทรออกไปด้วยเสียงหวานใส
“ไอซ์กำลังเดินทางไปนะ...เดี๋ยวเจอกันจ้ะ”
หากแต่เมื่อโทรเสร็จ
มือถือเครื่องนั้นก็ตกอยู่ในมือของพริตตี้สาวโดยตลอด
และถูกปิดเสียงเอาไว้....
ขณะที่อรนุชเลี้ยวรถออกไปจากประตูมหาวิทยาลัย
ในจังหวะนั้นที่คลาดกันไม่ถึงครึ่งนาที
ชายหนุ่มใบหน้าคร้ามคมก็เลี้ยวรถผ่านเข้าไปในประตูเดียวกัน
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครานั้นยิ้มแย้ม
รถสองคัน
ณ ประตูทางออกที่จังหวะนั้นอยู่ห่างกันไม่ถึงยี่สิบเมตร
ต่างฝ่ายต่างวิ่งห่างระยะกันออกไปคนละด้าน
รถฮอนด้าสีขาวกลืนหายไปหมู่รถที่ขวักไขว่ในท้องถนนยามเย็น
ขณะที่รถอีกคันหนึ่งวิ่งตรงไปยังคณะที่เด็กสาวเพิ่งขับรถออกมา
........................
กว่าที่รถยุโรปแบบซีดานคันสีดำภูมิฐาตจะแล่นเข้ามาตามเส้นทางสู่ตัวบ้านที่
โอ่อ่าตระการตาในเนื้อที่กว่าสองไร่นั้น
ก็เป็นเวลาเกือบห้าโมงครึ่งแล้ว
อรอุษาแลบลิ้นออกมา
ก่อนจะชะโงกหน้ามาจากที่นั่งตอนหลัง
กล่าวเสียงหวานกับคนขับรถวัยกลางคนที่รับใช้มาตั้งแต่สมัยคุณพ่อของเธอยังมี
ชีวิตอยู่
“รถติดจังนะคะ
ลุงมาก...โอ้โห...กว่าจะหลุดมาถึงบ้านเกือบหกโมงแล้ว”
ลุงมากหัวเราะเอื่อยๆ
ความที่อยู่กับครอบครัวนี้มาเนิ่นนาน
สำหรับเขาแล้วเด็กสาวที่พูดอยู่ตอนหลังไม่ต่างอะไรกับลูกหลาน
รึจะรักยิ่งกว่าลูกหลานแท้ๆ
เสียอีก เพราะความกตัญญูต่อพระคุณของบิดาอีกฝ่าย
ที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เขายังรุ่นๆ
อย่าว่าแต่...พวกคุณๆ
ทั้งสามน่ะช่างน่ารัก...เป็นเด็กดี...เป็นเจ้านายที่ประเสริฐ....และที่
สำคัญที่สุด...ไม่เคยถือเนื้อถือตัวกับพวกบ่าวไพร่เลย
รถคันงามที่แล่นช้าๆ
เลียบกำแพงยาวเหยียดไปตามแนวของบ้านหลังใหญ่
ก่อนที่จะเลี้ยวเข้าไปในบริเวณบ้าน
เด็กสาวแสนสวยที่นั่งอยู่ด้านหลัง
สังเกตุเห็นรถเก่ากลางใหม่แบบขับเคลื่อนสี่ล้อจอดเยื้องๆ
อยู่หน้าบ้านคันหนึ่ง
แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรนัก
พอรถจอดที่หน้าลานเทอเรซหน้าบ้านที่ปูด้วยหินอ่อนสีขาวงามตา
อรอุษาก็กล่าวเสียงใสกับคนขับรถ
“ขอบคุณมากค่ะ..ลุงมาก”
ก่อนที่เด็กสาวจะเปิดประตูลงไป
และพบกับแม่บ้านหญิงวัยกลางคนเดินที่เดินออกมารับ
เด็กสาวหน้าหวานผ่องเดินเข้าไปหาอย่างร่าเริง
ใบหน้าที่มีริ้วรอยแห่งวัยของผู้ที่เดินออกมารับนั้น
ยิ้มให้อย่างเอ็นดู
เมื่อร่างบางนั้นเดินเข้ามากอดเธอเอาไว้
ไม่ต่างอะไรกับสมัยที่เธอยังเป็นเด็กเล็กๆ
“เป็นไงคะ..คุณษา...เที่ยวสนุกไหม”
ละเอียดแม่บ้านผู้ที่เลี้ยงดูสามพี่น้องมากับมือถามอย่างอ่อนหวาน
อรอุษายิ้มสดใส
“สนุกค่ะ....อิ่มจนอืดท้องไปเลยด้วย...ษากินข้าวไปตั้งจานใหญ่
พอตอนเข้าไปในโรงหนังพวกเพื่อนๆ
ษา...เขายังซื้อข้าวโพดเข้าไปกินอีกตั้งกล่องเบ้อเร่อ...โอยยย...ษากินจนอืด
เลย...ป้าเอียดขา...สงสัยต้องงดข้าวเย็นเล้วล่ะค่ะ”
เด็กสาวแสนสวยพูดไปก็ยกมือลูบท้องตัวเองไป
กล่าวเสียงเคล้าหัวเราะ
ขณะที่ป้าเอียดของสามพี่น้อง
สั่นศีรษะกล่าวเอ็ดเบาๆ
อย่างเอ็นดู
“ดู๊ดู...คุณษา...ทำอย่างกับเด็กๆ...จะเอาขนมมาแทนข้าวได้ยังไงคะ...อาหารก็ต้องกินให้ครบมื้อ...คุณษาต้องทานยาหลังอาหารเย็นด้วย”
อรอุษาย่นจมูก
บ่นพึมพำ
“ยาอีกแล้ว...เบื่อจะแย่...ษาหายดีแล้วค่ะ...”
ป้าเอียดตีมือไปเบาๆ
ตรงแขนบางสวยนั้น กล่าวยิ้มๆ
“อย่าดื้อกับป้าเอียดนะคะ...ไปค่ะ...ไปอาบน้ำอาบท่า...แล้วค่อยลงมาทานข้าวเย็น…นี่จะหกโมงแล้ว”
อรอุษาหัวเราะคิกๆ
ก่อนจะผละไปอย่างร่าเริง
แต่ทันใดนั้นเองเสียงกริ่งโทรศัพท์ที่บ้านก็ดังขึ้น
เด็กสาวอยู่ใกล้โต๊ะที่วางโทรศัพท์มากกว่าแม่บ้าน
จึงปราดเข้าไปหยิบรับและกรอกเสียงหวานใสลงไป
“สวัสดีค่ะ...”
เสียงปลายเสียงนิ่งไปอึดใจหนึ่ง
ก่อนที่จะมีเสียงทุ้มๆ
ดังขึ้น
“ผมขอสายคุณอรนุชครับ”
“พี่นุชยังไม่กลับค่ะ....คงจะกลับสักประมาณสองทุ่ม...จะฝากข้อความไว้ไหมคะ”
เสียงปลายนั้นนิ่งไปนาน
จนอรอุษาต้องถามย้ำ
จึงมีเสียงตอบเบาๆ
“ไม่เป็นไรครับ
ขอบคุณมาก”
จากนั้นอีกฝ่ายก็วางสายไป
เด็กสาวแสนสวยก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
นึกไปว่าคงเป็นคนรู้จักของพี่สาวคนรอง
จึงวางหูโทรศัพท์ลง
และเดินแกมวิ่งขึ้นไปตามบันไดที่เวียนขึ้นไปบนชั้นสอง
ท่ามกลางเสียงเอ็ดของแม่บ้าน
“คุณษา...อย่าวิ่งขึ้นบันไดสิคะ...เดี๋ยวก็สะดุดหกล้ม…คุณนุชก็อีกราย...ไม่รู้จะรีบวิ่งไปไหนกัน...ปรู๊ดปร๊าด”
อรอุษาหัวเราะคิกๆ
หันหน้ามาย่นจมูกล้อแม่บ้านที่เลี้ยงตนเองมาแต่เล็ก
ยกเว้นอรชาเสียคนที่ตอนนี้ป้าเอียดทั้งรักทั้งเกรงใจทั้งเทิดทูน
ส่วนอรนุชกับอรอุษานั้นละเอียดยังคิดอยู่เสมอว่าสองพี่น้องยังเป็นเด็กๆ
ในการดูแลของตัวเธออยู่
พอเข้าไปในห้องนอน
เด็กสาวเดินผ่านหน้าต่างที่มองทอดไปยังประตูบ้าน
ก็จับจ้องไปยังรถคันนั้นที่ยังคงจอดอยู่เยื้องๆ
ประตูใหญ่ถอยไปสักสามสิบเมตร
มีเงาตะคุ่มๆ แสดงว่าคนขับรถนั่งอยู่ภายใน
แต่ในเวลานั้นอรอุษาก็ยังไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
อย่างไรก็ตามพอเด็กสาวอาบน้ำเสร็จและเดินผ่านหน้าต่างอีกครั้งรถคันนั้นก็
ยังจอดอยู่ตรงที่เดิม
ในเงาตะคุ่มๆ นั้นมีแสงวาบๆ
ของคนที่กำลังสูบบุหรี่อยู่
ทำให้เธออดรู้สึกสงสัยไม่ได้
เพราะอาณาเขตบ้านของเธอนั้นกว้างขวางกว่าสองไร่
แนวผนังกำแพงที่เลยประตูไปยาวนั้น
ไม่ได้แสดงให้เห็นว่ารถคันนั้นจะขยับเคลื่อนไปยังบ้านที่อยู่ถัดไปแต่อย่าง
ใด
เด็กสาวแน่ใจว่าไม่เคยผ่านตารถคันนี้มาก่อนเลย
ไม่น่าใช่รถของคนที่อยู่ในบริเวณนี้
เอ...ใครกันมาจอดรถหน้าบ้าน
อรอุษาอดถามอยู่ภายในใจไม่ได้
............................
คมศรดูดบุหรี่ตัวที่ห้าแล้ว...ความจริงเขาไม่ติดบุหรี่
และนานๆ ถึงจะสูบสักมวน
แต่ตอนนี้ความรุ่มร้อนในใจมันเผาผลาญจนชายหนุ่มต้องหยิบซองบุหรี่ออกมาจาก
ที่เก็บข้องหน้ารถ
และจุดสูบเป็นระยะต่อเนื่องกันเป็นตัวที่ห้าแล้ว
หวนนึกถึงเมื่อเขาขับรถเข้าไปถึงบริเวณที่จอดรถของคณะ
และไม่ได้เห็นรถฮอนด้าสีขาวคันนั้นที่เจนตา...คมศรก็แปลกใจ...และโทรไปถาม
ลูกน้องที่เขาให้เฝ้าติดตามเด็กสาวทุกวันมาระยะหนึ่งแล้ว
“เอ...ตอนที่พ่อเลี้ยงโทรมา...และผมขับรถออกไป...รถของคุณหนูก็ยังจอดอยู่เลยนะครับ”
คมศรดูเวลา
มันก็คลาดกันไม่นานนี้เองน่ะสิ
ชายหนุ่มคิดอย่างหงุดหงิด
ไม่เป็นการยากเย็นอะไรสำหรับเขาเลย
ที่จะควานหาจนรู้เบอร์โทรศัพท์มือถือของพี่แต๋ว
ดังนั้นเขาลองทำทีเป็นโทรศัพท์ไปหาอรนุชว่ามีธุระจะคุยด้วย
อีกฝ่ายก็ตอบแบบพาซื่อ
“อ๋อ..น้องนุช..บอกว่ามีธุระด่วนที่บ้านค่ะ...เลยขอลาซ้อมวันหนึ่ง”
คมศรได้ฟังก็รีบบึ่งรถไปยังบ้านพักของเด็กสาวหัวดื้อนั้น
และบัดนั้นถึงบัดนี้
กระทั่งเขาโทรเข้าไปตรวจสอบ
ผู้ที่เป็นน้องสาวก็ดูเหมือนไม่ได้รู้เลยว่าพี่สาวนั้นไม่ได้อยู่ที่มหาลัย
ธุระด่วนที่บ้าน...บ้าบอ...อะไรกัน?
เขาแน่ใจเด็กสาวตัวเล็กหัวดื้อนั้นไม่ใช่พวกเด็กสาวใจแตกจะหลบๆ
ซ่อนๆ ผู้ใหญ่ไปเที่ยว
ที่สำคัญเขาโทรเข้ามือถือของอีกฝ่ายแทบจะทุกนาทีแต่ไม่มีการรับสาย.....มันต้องมีอะไรผิดปกติสักอย่าง
ความร้อนรุ่มที่นัยน์ตาสีเหล็กสาดประกายออกมานั้น
ยิ่งเข้มข้นเมื่อเวลายิ่งผ่านไป
ทันใดนั้นประตูเล็กหน้าบ้านหลังนั้นก็เปิดออก...
............................
รถฮอนด้าสีขาวที่คมศรเฝ้ารออย่างกระวนกระวายขอให้ได้เห็นนั้น
ขณะนี้กำลังแล่นไปตามถนนสายเล็กที่แยกตัวออกมาจากถนนใหญ่
อากาศเริ่มขมุกขมัวจนต้องเปิดไฟใหญ่หน้ารถ
“เพื่อนของไอซ์ทำไมมาอยู่ซะไกลเลยล่ะเนี่ย…อย่างนี้เวลาไปหาหมอ
หรือไปเรียนไม่ลำบากแย่เหรอ”
คนขับรถร่างเล็กบางถาม
สายตากวาดมองไปตรงทางเบื้องหน้าอย่างระมัดระวังเพราะค่อนข้างเป็นหลุมเป็นบ่อ
ใช้ความเร็วได้ไม่มากนัก
ฐิติพรรณในตอนนี้
นัยน์ตาที่วาวโรจน์ของเด็กสาวเปล่งประกายแห่งความสาสมใจที่เริ่มปิดไม่มิด
แต่น่าเสียดายอรนุชที่กำลังระมัดระวังในการขับรถอยู่ไม่มีโอกาสได้แลเห็นแวว
ตานั้น
ถ้าเห็นเด็กสาวอาจจจะเอะใจ....ฐิติพรรณบอกว่ากำลังเป็นห่วงอาการป่วยของ
เพื่อนที่กำลังพักฟื้นอยู่ที่บ้านในหมู่บ้านชานเมืองกรุงเทพแห่งนี้...เหตุ
ไฉนจึงมีสีหน้าแววตาที่เปี่ยมไปด้วยสัญญาณแห่งความสมอารมณ์หมายนั้นด้วย....
“ไอซ์ก็เคยชวนเพื่อนไปอยู่ด้วยเหมือนกันแหล่ะ
แต่เขาต้องอยู่กับแม่...แม่ของเพื่อนไอซ์เขาแก่แล้วจ้ะ”
“เพื่อนของไอซ์น่ารักจัง”
อรนุชกล่าวชมยิ้มๆ
โดยไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่ากำลังเดินทางเข้าไปพบพานกับอะไร
ส่วนฐิติพรรณนั้นหัวเราะเบาๆ
เสียงใส
หยิบมือถือของเด็กสาวร่างเล็กบางที่ยึดเอาไว้โดยตลอดขึ้นมาพลางพูดว่า
“เพื่อนไอซ์รู้ว่านุชชมคงดีใจ....ไอซ์จะโทรไปบอกนะ...ว่าใกล้จะถึงบ้านเขาแล้วล่ะ”
จากนั้นพริตตี้สาวก็กดปุ่มโทร
สักครู่หนึ่งก็ส่งเสียงหวานใสลงไป
“ฮื่อ...จะถึงแล้วนะ…เดี๋ยวเจอกันจ้ะ”
รถฮอนด้าสีขาวนั้นแล่นลึกเข้าไปเรื่อยๆ
และตะวันเริ่มลับหายไปกับทิวไม้
พื้นที่บริเวณนั้นโดยรอบๆ
ยังเป็นทุ่งโล่งกว้างซะเป็นส่วนใหญ่
เพราะหมู่บ้านชายเมืองแห่งนี้แสดงให้เห็นว่าเป็นโครงการที่ไม่ประสบความ
สำเร็จ จึงมีบ้านที่สร้างไม่เสร็จร้างคาอยู่หลายหลัง
จะมีบ้านที่มีคนอาศัยอยู่บ้างก็ห่างกันประปราย
อรนุชขับรถมาถึงแยกหนึ่ง
แม้เด็กสาวจะขับรถอย่างระมัดระวังและใช้ความเร็วไม่สูงนัก
แต่แสงไฟที่จ้ามาจากด้านซ้ายมือของเธอนั้นวาบเข้ามาอย่างเร็ว
พร้อมๆ
หางตาของเด็กสาวแลเห็นรถกระบะคันหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยความเร็วพอสมควร
เด็กสาวคนขับใจหายวาบ
รีบหักพวงมาลัยหลบไปทางขวา
แต่ทว่าความเร็วของรถกระบะคันนั้นก็เร็วเกินกว่าที่เธอจะหลบพ้น
กันชนหนาด้านหน้าของรถกระบนจึงเสยเข้าเบียดจนครูดไปกับบังโกลนหน้าด้านซ้าย
ของรถฮอนด้าสีขาวคันงามนั้นจนสะเทือนไปทั้งคัน
โครม.....เอี๊ยดดดดดด
“ว๊าย....”
เสียงฐิติพรรณร้องลั่นรถ
ขณะที่อรนุชพยายามบังคับรถของเธอที่กระดอนเสียหลัก
วิ่งลื่นไถลออกไปนอกเส้นทาง
ดีที่ความเร็วที่เด็กสาวขับไม่มาก
รถฮอนด้าคันงามที่พุ่งวาบหาต้นไม้ใหญ่ข้างทาง
จึงถูกเด็กสาวที่เหยียบเบรคสุดตัว
บังคับหักมุมจนรถพุ่งเข้ากระแทกไปตรงบริเวณด้านหน้ารถยุบเข้ามา
แต่ไม่ถึงกระเทือนมากจนถึงกับทำให้ถุงลมนิรภัยดีดออกมา
เมื่อรถที่สะเทือนไปทั้งคันนั้นหยุดนิ่งลง
อรนุชค่อยผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
และพยายามระงับความตื่นเต้นตกใจเอาไว้
หันมาถามฐิติพรรณที่นั่งด้านข้างอย่างเป็นห่วง
“ไอซ์...ไอซ์เป็นอะไรหรือเปล่า”
พริตตี้สาวสั่นศีรษะ
กล่าวเสียงระรัวเหมือนกับยังไม่หายตกใจ
“มะ..ไม่เป็นไรจ้ะ”
จากนั้นฐิติพรรณเบือนใบหน้าอันบึ้งตึง
หันไปยังร่างตะคุ่มๆ
ที่เดินออกมาจากรถกระบะ
แล้วกล่าวว่า
“ไอ้พวกนี้มันขับรถยังไง...”
เด็กสาวเปิดประตูออกไป
ตวาดเสียงแหลม
“นี่พวกคุณขับรถเป็นหรือเปล่า...”
พอเห็นฐิติพรรณเดินออกไปต่อว่าเสียงดัง
อรนุชเกรงจะเกิดเรื่องกับเพื่อน
จึงรีบเปิดประตูฝั่งตัวเองตามออกไป
ร้องเรียกว่า
“ไอซ์...ใจเย็นๆ”
ในเวลานั้นอรนุชแลเห็นกลุ่มสี่ห้าคนที่เดินออกมา
ล้วนแล้วแต่เป็นเด็กวัยรุ่นท่าทางน่ากลัว
จึงรีบไปยุดข้อมือบางของฐิติพรรณเอาไว้
พยายามกระซิบบอกว่า
“อย่ามีเรื่องเลย...ไอซ์...พูดกันดีๆ
ดีกว่า...เชื่อนุชเหอะ”
ดวงตาของเด็กวัยรุ่นทั้งกลุ่มที่จับจ้องมายังอรนุชอย่างเปิดเผยนั้น
กวาดมองไปทั่วเรือนร่างของเด็กสาวอย่างไม่เกรงใจ
ตาเหลือกโปนนั้นเบิ่งถลนจ้องไปที่ใบหน้างามใสของอรนุชแบบไม่วางตา
ทำให้เด็กสาวร่างเล็กบางรู้สึกขนลุกเกรียวจนอดที่จะยกมือขึ้นมากอดอกตัวเอง
เอาไว้ไม่ได้
ขณะที่ฐิติพรรณชี้มือไปยังรถฮอนด้าคันงามของอรนุชซึ่งตอนนั้นชนคาอยู่ที่
ต้นไม้ใหญ่ บังโกลนหน้าด้านซ้ายยุบไปทั้งแถบ
และไฟหน้าซ้ายนั้นแตกละเอียด
“นี่พวกคุณจะชดใช้ยังไง
เห็นไหมรถเพื่อนฉันพังหมดแล้ว”
ชิดหัวเราะกระหยิ่ม
บุ้ยใบ้เป็นสัญญาณไปที่รถกระบะเก่าๆ
คันนั้นที่เทียบค่าไม่ได้เลยกับรถคันงามของอรนุช
“รถของผมก็เสียหายเหมือนกันนะครับ”
“ไม่รู้...ทางของฉันเป็นทางหลัก...พวกคุณต้องชดใช้ค่าเสียหาย”
เสียงแหลมๆ
ของฐิติพรรณแลกมาซึ่งเสียงหัวเราะกราวใหญ่ของแกงค์เด็กนรก
ที่ตอนนั้นเดินสืบเท้าเข้ามาหาเด็กสาวทั้งสองอย่างกระหายหื่น
“จะให้พวกผมชดใช้ด้วยอะไรดีครับ...พี่สาวคนสวยทั้งสองคน”
เสียงหยาบโลนหื่นกระหายแบบไม่มีปิดบัง
นัยต์ตาเหลือโปนน่ากลัวที่กวาดมองมาอย่างแดงก่ำ
ทำให้อรนุชใจหาย
สัญชาตญาณบ่งบอกกับตัวเองว่าคนพวกนี้ไม่ใช่คนดี...
อรนุชดึงมือพริตตี้สาวถอยไปด้านหลัง
ถอยไปเรื่อยๆ จนไปสุดตรงด้านข้างรถของเธอ
ด้วยนิสัยที่ชอบออกรับหน้าแทนเพื่อน
เด็กสาวก็ยืนบังอยู่หน้าฐิติพรรณ
แล้วพูดเบาๆ
แต่พยายามเน้นเสียงให้ดูว่าเธอนั้นคุมสติได้
“เอาเถอะค่ะ....พวกคุณไปรอที่รถของคุณ...ทางเราจะโทรเรียกประกันมาจัดการ”
เสียงหัวเราะครืนใหญ่
อ๋องที่ควยอวบตุงเป้าอยู่นานแล้ว
มองไปยังใบหน้าสวยใสตรงหน้าอย่างกระหายอยาก
แลบลิ้นหัวเราะ ฮิฮิ
“เรื่องแค่นี้เอง...ไม่ต้องถึงกับโทรเรียกประกันก็ได้...ให้พวกผมกับพี่สาว
คนสวยทั้งสองคน นั่งจับเข่าคุยกันใจเย็นๆ
แล้วตกลงกันดีๆ จะไม่ดีกว่าหรือจ๊ะ...”
เสียงพรรคพวกโห่ร้องอย่างชอบใจ
ฮ่าฮ่าฮ่า
ท่ามกลางเสียงหัวเราะนั้นแกงค์เด็กนรกทั้งห้าสืบเท้าเข้ามาอีก
อรนุชหันกลับไปในรถ
แล้วรีบหยิบมือถือที่ฐิติพรรณวางอยู่บนเบาะที่นั่งออกมาจากชูขึ้นกล่าวเสียงแข็ง
“พวกคุณอย่าเข้ามาอีกนะ...ไม่อย่างนั้นฉันจะเรียกตำรวจ”
เด็กสาวไม่พูดเปล่า
ทำท่ากดปุ่มไปจริงๆ
แกงค์เด็กนรกทั้งห้าตาลุกวาวขึ้นทันที
แจ็กพรวดพราดเข้ามาอย่างกระทัน
คว้ามือจู่โจมไปที่มือของอรนุชที่ถือโทรศัพท์อยู่
ใบหน้าแสยะยิ้มอย่างกระหาย
คิดว่าเด็กสาวเบื้องหน้าคงไม่ต่างอะไรกับเนื้ออ่อนๆ
ที่เสนอคอยอยู่บนจานให้ฉีกกินอย่างสบายใจ
อรนุชผลักตัวของฐิติพรรณที่ยืนอยู่ด้านหลังให้เซออกไปข้างๆ
แล้วร้องเสียงดัง
“ไอซ์รีบหนีไปก่อน
ไปตามคนมาช่วย...”
ส่วนร่างเล็กบางนั้นพลิกอย่างคล่องตัว
ร่างของแจ็กเลยพรวดถลำอย่างเสียหลัก
เด็กสาวจึงใช้เข่ากระทุ้งไปที่สีข้างของสมาชิกแกงค์เด็กนรกอย่างถนัดถี่
เสียงครางของแจ็กดังโอ้กใหญ่
ตัวงองุ้มทรุดไปทันที
น่าเสียดายที่อรนุชอยู่ในชุดนักศึกษา
กระโปรงที่เธอสวมทำให้เด็กสาวขยับไม่ถนัด
ไม่อย่างนั้นเข่าที่อัดเข้าไปตรงสีข้างคงทำให้แจ๊กเจ็บมากไปกว่านี้อีกเยอะ
แต่ขนาดนั้นก็ทำให้เด็กหนุ่มร่างเกร็งนั้นใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บ
คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว
“โว๊ย....อีห่านี่เข่าใส่กู....”
ร่างอ้วนใหญ่ของเด็กช่างกลถลาเข้ามา
อ้าแขนหมายจะรัดร่างเล็กบางเอาไว้ให้อยู่มือ
แต่อรนุชนั้นก้มตัวลงหลบ
ถอยหลังไปเล็กน้อย
ก็ใช้ไหล่งามของเธอยกบวกแรงของร่างอ้วนใหญ่ที่ถลาเข้ามา
ถึงกับเหวี่ยงทุ่มเด็กร่างอ้วนพลิกหงายท้องลงไปกับพื้นดังโครมสนั่น
อ้วนแหกปากร้องอย่างเจ็บปวด
เมื่อเท้าเล็กๆ
ในรองเท้าหุ้มส้นนั้นกระทืบซ้ำลงไปที่ลิ้นปี่ตัวเอง
จนร่างอ้วนฉุนั้นบิดพร่านๆ
อรนุชฉวยโอกาสที่แกงค์นรกตกตะลึง
นึกไม่ถึงว่าเนื้อสมันจะกลายเป็นแม่เสือสาวไปได้
รีบวิ่งเข้าไปฉุดข้อมือบางของฐิติพรรณที่ยืนเบิกตากว้างอยู่
“หนีเร็ว..ไอซ์”
เด็กสาวพูดพลางฉุดเพื่อนออกวิ่งไปอย่างเต็มฝีเท้า
ทันใดนั้นเองชิดเพิ่งเรียกสติได้
หัวโจกเด็กแกงค์นรกมีใบหน้าถมึงทึง
“ไอ้เหี้ยเอ๊ย
ตัวนิดเดียวเอาไม่อยู่
ไอ้มืด ไอ้อ๋อง...จับอีห่านี่ให้ได้”
ทั้งสามจึงวิ่งตามไปติดๆ
ขณะที่แจ็กกับอ้วนที่จุกแอ้ดๆ
ต้องรวบรวมกำลังอีกพักใหญ่
กว่าที่จะคำรามอย่างโกรธแค้นพากันวิ่งตามหลังไป
พริตตี้สาวที่ถูกฉุดวิ่งให้ตามหลังอยู่
กัดฟันแน่น ตัดใจทิ้งตัวเหมือนกับสะดุดหิน
ร่างของเธอเลยฉุดร่างเล็กบางที่กำลังกำข้อมือเธออยู่นั้นให้กลิ้งล้มลงกับ
พื้นอย่างเสียหลักไปด้วยกัน
“ว๊ายยยย...”
ฐิติพรรณทำเป็นร้องด้วยมารยา
ขณะที่ดวงตาโชนประกายเมื่อเห็นชิดกับพวกทั้งสามคนวิ่งมาทัน
อ๋องปราดเข้ามาล้มทับร่างเล็กบางที่นอนหงายเสียหลักอยู่กับพื้น
แต่เข่ากลมมนสวยของอรนุชที่ยกตั้งขึ้นมารับ
พุ่งกระแทกเข้าไปที่ท้องน้อยของเด็กโค่งจนร่างงอ
ร้อง โอ้ก ใบหน้าเบี้ยว
ร่างพลิกหงายไปด้านข้าง
ตัวงออย่างเจ็บปวด
“อูยยยยยย...อีห่านี่....อูยยยยยย”
มืดที่วิ่งตามมาจังหวะนั้น
พออรนุชยกเข่ากระแทกท้องน้อยเพื่อนร่วมแกงค์ของเขา
กระโปรงนักศึกษาสีดำก็เลยร่นเลิกขึ้นมา
ทำให้เด็กหนุ่มแลลอดขึ้นไปตามช่วงขาขาวของเด็กสาวจนมองเห็นกางเกงในสีขาวบาง
ที่อรนุชสวมใส่
ภาพที่กระจ่างตานั้นกระตุ้นให้ความกระหายหื่นของเด็กช่างกลแกงค์นรกนั้น
พลุ่งพล่านขึ้นจนใบหน้าที่เต็มไปด้วยสิวบิดเบี้ยวกระเส่า
หอบหายใจอย่างหนัก กล่าวเสียงหื่น
“โคกหีอูมจริงๆ
พี่สาวคนเก่ง....”
อรนุชได้ยินคำพูดที่หยาบช้าลามกนั้น
ทำให้เด็กสาวตัวสั่นด้วยความขยะแขยง
รีบทิ้งขาลง
และพยายามพลิกตัวกลับหมายจะยันตัวให้ลุกขึ้น
ทำให้มืดร้องในใจอย่างเสียดาย
ที่เนินนูนสวยนั้นหายกลับเข้าไปในกระโปรงนักศึกษา
ปากแผดเสียงร้องลั่นอย่างหื่นกระหาย
พุ่งถลาเข้าไปคราวนี้ร่างผอมเกร็งของเขาล้มทับทาบไปกับร่างเล็กบางที่มีข้อ
จำกัดเนื่องจากชุดนักศึกษาที่สวมใส่ทำให้ขยับตัวไม่ถนัดจนได้สมใจอยาก
แขนของเด็กหนุ่มรัดไปบนร่างเล็กบาง
ใบหน้าที่ปรุไปด้วยสิวพยายามซอกไซร้ไปตามต้นคอขาวผ่องด้านหลังอย่างกระหาย
สูดกลิ่นหอมจรุงรวยรินจากเรือนกายที่ตนเองรัดอยู่
“หอมเหลือเกิน
พี่สาว....อุ๊บบบบบบบ”
พลันหน้าที่เต็มไปด้วยสิวก็บิดเบี้ยว
ปากแหกลั่น เมื่อร่างเล็กบางเบี่ยงไปข้างๆ
แล้วใช้ศอกกระทุ้งกลับเข้าไปที่ลิ้นปี่ของเขาเต็มๆ
แขนที่รัดอยู่ต้องคลายวงไปทันที
อรนุชมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์
ดิ้นรนจนหลุดจากปลอกแขนของมืด
พลิกตัวกลับมา
และสะบัดเท้าเตะสวนผ่าหมากเด็กหนุ่มหน้าปรุที่ยืนตัวงออยู่อย่างถนัดถี่ดัง
ปึ้กกกก
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก.......”
มืดแหกปากดังก้องยาวเหยียด
ร่างทรุดงอก่องอขิงไปกับพื้นทันที
ใบหน้าปรุนั้นเขียวคล้ำเหงื่อกาฬแตกพล่าน
ดวงตาลานเหลือก น้ำลายไหลยืดออกมาจากปาก
เพราะความเจ็บปวดนั้นเหลือประมาณนัก
อรนุชอาศัยจังหวะนั้น
รีบกดปุ่มมือถือที่เธอยังกำเอาไว้แน่น...191
“ช่วยด้วยค่ะ…”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงที่เธอกรอกลงไปอย่างร้อนรน
เสียงหวีดร้องของฐิติพรรณก็ดังขึ้น
อรนุชหันกลับไปก็พบชิดกำลังยืนประกบอยู่ด้านหลัง
ใช้แขนล๊อคคอของพริตตี้สาวเอาไว้
อรนุชใจหายวาบ
รีบวิ่งเข้ามา ร้องว่า
“ปล่อยเพื่อนฉันนะ...”
ชิดคำราม
“หยุดนะ...ไม่งั้นฉันจะหักคออีห่านี่...”
ฐิติพรรณรับรู้ถึงแรงที่กดเข้ามาที่ลำคออย่างแรง
เธอเจ็บจริงๆ จนใบหน้าเบี้ยว
ร้องไอ แค๊ก แค๊ก
“นุช...แค๊กก...แค๊กก...ช่วย...ไอซ์...ด้วย...แค๊กกก”
เด็กสาวร่างบางยืนตะลึงลานทำอะไรไม่ถูก
อ้วนกับแจ็กที่วิ่งทุลักทุเลตามมา
ต่างคนต่างมีสีหน้าบูดเบี้ยวด้วยโทสะ
อ้วนพุ่งตัวอันอ้วนใหญ่เข้าไป
ประเคนหมัดลุ่นๆ
เข้าไปที่ท้องน้อยของอรนุชเต็มๆ
พล๊อก
อรนุชตาลอย
ปากงามอ้ากว้างแต่ไร้เสียงลอดออกมาแม้แต่นิดเดียว
ร่างเล็กบางทรุดฮวบลงไปคุกเข่าตัวงอกับพื้นทันที
แจ็กตามมาติดๆ
กับอ๋องที่ยันตัวออกมาจากพื้นได้
ต่างปราดเข้ามาจับไปที่หัวไหล่บางของอรนุช
กดร่างงามนั้นให้นอนหงายไปกับพื้น
ใบหน้าของคนทั้งสองถมึงทึง
คำรามกระเส่า
“เก่งนักนะ..อีห่านี่...เดี๋ยวกูจะสอนให้รู้สึก...”
อ้วนยืนแสยะยิ้ม
มองดูร่างเล็กบางที่นอนปวกเปียกระทวยอยู่บนพื้น
กระโปรงสีดำที่ความจริงยาวคลุมประมาณเข่าตอนนั้นเลิกร่นขึ้นมาจนแลเห็นช่วง
ขาอ่อนที่ขาวงามเป็นประกายยั่วยวนจนควยอ้วนอวบของตนเองนั้นกระดกตึงเป้า
มืดที่ถูกเตะผ่าหมาก
ยังคลานขึ้นไม่ได้ ตัวงออยู่กับพื้น
ร้องเสียงโหยหวน
“อีห่า..มันเตะควยกู....อีห่า...มันเตะควยกู....ไอ้เหี้ยอ้วน...มาช่วยพยุงกูหน่อย”
อ้วนหัวเราะออกมาอย่างครื้นเครงในอาการของเพื่อนร่วมแกงค์
ส่งเสียงกระเส่า
“เออ...เดี๋ยวมึงได้เอาคืน...อีห่านี่เต็มคราบแน่...ไอ้มืด”
ร่างอ้วนนั้นเดินเข้าไปฉุดประคองร่างของเด็กหน้าปรุให้เดินกระย่องกระแย่ง
กลับมา ร่างผอมเกร็งทรุดตัวงอ
คุกเข่าอยู่ข้างๆ
ร่างของอรนุชที่นอนจุกอยู่บนพื้น
แววตาของมืดเต็มไปด้วยคลั่ง
ดวงตาเหลือกลานราวกับคนบ้า
“อีเหี้ย....นี่แน่ะ...เก่งนัก”
มืดกำหมัดยกขึ้นสุดมือ
และทุบไปตรงท้องน้อยของอรนุชที่นอนอยู่บนพื้นดัง
พลั่ก
อรนุชร้อง
อ๊อออก....ครางออกมาอย่างเจ็บปวด
ร่างเล็กบางนั้นงอสะดุ้ง
ความเจ็บนั้นแปล๊บไปทั่วร่างกายจนทำให้น้ำตาไหลซึมออกมาจากหางตาสวยนั้นเป็น
ทาง เด็กหน้าปรุมองไปอย่างสาแก่ใจ
“สม...อีห่า..เก่งนัก...เดี๋ยวคืนนี้มึงได้ร้องไห้อีกนานแน่”
ช่างกลหน้าปรุกำหมัดจะกระแทกเข้าไปอีก
อ้วนที่ด้านหลังยุดมือเอาไว้
ร้องกระเส่า
“พอ...พอ...เดี๋ยวเนื้อขาวๆ
ของอีห่านี้ช้ำหมด...บวมตุ้ยๆ...เสียของเปล่าๆ...เดี๋ยวเย็ดแล้วไม่สะเด่าเว้ย...”
ชิดหัวหน้าแกงค์แสยะยิ้ม
ผลักร่างของพริตตี้สาวกระเด็นไปข้างทาง
ก่อนที่จะผวาเข้าไปยังร่างเล็กบางที่ถูกกดอยู่บนพื้น
ใบหน้าเสี้ยมนั้นบิดเบี้ยวราวกับสัตว์ป่า
อรนุชที่นอนจุกเสียดอยู่บนพื้นหมดแรงขยับหนี
มือหยาบของชิดขยุ้มไปที่ปกเสื้อนักศึกษาของเด็กสาว
กระชากทีเดียว ปึ้ด ปึ้ด
ปึ้ด....
กระดุมเสื้อปลิวว่อน
เสียงแผดหัวเราะร้องอย่างกระสันดังประสานครืนใหญ่
เมื่อผิวกายขาวผ่องของเด็กสาวเปิดเผยออกมาจากสาบเสื้อนักศึกษาที่แบะออกไป
สองข้าง
ทรวงอกที่ตูมตั้งสะท้อนขึ้นลงอยู่บนยกทรงเนื้อเรียบสีขาวนั้นลอยเด่นออกมา
ให้เห็นเต็มๆ ตา
“อูยยยยยย...ขาวชิบหาย...นมแม่งตูมดีจริงๆ...”
มือของชิดสั่นระริก
พุ่งหมายจะเข้าไปบีบเค้น
ก้อนทรงที่เต่งเต้านั้นให้สาแก่ใจ
อรนุชเห็นมือหยาบที่เคลื่อนเข้ามา...เด็กสาวอยากจะดิ้นรนให้สุดกำลัง
แต่ก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะทำได้ดั่งใจนึก...
ในเวลานั้นดวงตากลมโตของอรนุช
ส่อประกายหวาดหวั่น
เจ็บช้ำรันทด..น้ำตาไหลรินออกมาเป็นทาง...
ทันใดนั้นเอง
แสงไฟที่สาดส่องจ้า
วาบเข้ามาพร้อมๆ
กับเสียงเครื่องยนต์กระหึ่ม
รถคันหนึ่งพุ่งเข้ามาจอดตรงหน้าคนทั้งหมด
เสียงดัง เอี๊ยดดดดดดดดด
แกงค์เด็กนรกที่รุมล้อมอรนุชอยู่แตกฮือออกมาทันที
“เฮ้ย
มีคนมา....”
พอสมาชิกทั้งห้าแลเห็นมีแค่คนเดียวเดินออกมาจากรถ
ถึงแม้จะเป็นคนตัวใหญ่
แต่พวกตนเองมีถึงห้าคน
แกงค์เด็กนรกที่ชินกับการรุมแบบหมาหมู่ไล่ทำร้ายคู่อริที่กำลังน้อยกว่าก็
แสยะยิ้มออกมา ชิดคำราม
“เฮ้ย
เอ็งอย่าเสือก...อยากตายเรอะ”
ใบหน้าที่มีหนวดเครารุงรัง
สาดประกายเหี้ยมเกรียม
เมื่อดวงตาเหลือบไปเห็นร่างเล็กบางที่นอนจุกอยู่บนพื้น
เสื้อนักศึกษาขาดกระจุย
ร่างใหญ่ที่สืบเท้าเข้ามา
เด็กนรกทั้งห้าถอยกรูด
ต่างคนยังแสดงอาการขัดยอก
จุดเสียดจากฤทธิ์ของอรนุชที่นอนอยู่บนพื้น
โดยเฉพาะมืดที่ยังยืนค้อมตัวอยู่ขยับขาแบบเก้งก้างเพราะแรงเตะของเด็กสาว
ร่างบาง ซึ่งอาการเหล่านั้นไม่รอดพ้นสายตาของคมศรไปได้
ชายหนุ่มแสยะยิ้มจนเห็นฟันขาว
“ทุเรสว่ะ...ห้าคนรุมผู้หญิงตัวเล็กๆ
คนเดียว แล้วยังโดนถึงขนาดนี้”
อ้วนแผดร้องอย่างโกรธเกรี้ยว
ร่างพุ่งเข้ามาด้วยโทสะ
แต่แล้วร่างอ้วนใหญ่ก็กระเด็นหวือออกไป
เมื่อถูกเท้าหนักๆ
เตะสวนเข้าไปตรงพุงอ้วนนั้นเต็มๆ
ร่างอ้วนนั้นดิ้นพราดๆ
ใบหน้าอูมบิดเบี้ยว น้ำลายฟูมปาก
ชิดหัวโจก
พยักหน้าให้สัญญาณ
แล้ววัยรุ่นทั้งสี่ก็ฮือเข้าไปพร้อมๆ
กัน
คมศรมองวัยรุ่นทั้งสี่คนอย่างเวทนา
ไม่เห็นพวกนี้อยู่ในสายตาแม้แต่นิดเดียว
กำปั้นแข็งใหญ่ประเคนซ้ายขวาไม่ยั้ง
รองเท้าเบอร์ 44
ตวัดเตะด้วยชั้นเชิงที่แกงค์เด็กนรกเทียบไม่ได้แม้แต่ขี้เล็บ
ประเดี๋ยวเดียวร่างของวัยรุ่นทั้งสี่ก็นอนดิ้นอยู่กับพื้น
แหกปากครางครวญอย่างเจ็บปวด
ชายหนุ่มเดินเข้าไปใช้บาทาขนาดใหญ่เหยียบไปที่ยอดอกของชิด
ที่ตนเองดูออกว่าเป็นหัวโจก
บดเท้าลงไปอย่างหนัก
จนชิดแหกปากคราง
“อ๊ากกกก...หยุด....เจ็บ....จะตาย...แล้วโว้ย.....”
คมศรเหยียดยิ้ม
“น้องชาย...ริอ่านจะเป็น...นักเลงก็ทำตัวให้เหมือนกับนักเลงจริงๆ
เถอะว่ะ...เห็นแล้วทุเรสลูกตา”
ชายหนุ่มผู้เปี่ยมไปด้วยชั้นเชิงแห่งเล่ห์กล
ครุ่นคิดในใจ
มันคงไม่บังเอิญขนาดนั้น....
อรนุชออกจากเส้นทางประจำที่เขาให้คนตามประกบทุกวันเป็นครั้งแรก
ก็เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น
แว่บหนึ่งนัยต์ตาแวววาวของคมศรตวัดไปยังฐิติพรรณที่นั่งพับเพียบกับพื้นใบหน้าซีดเผือด
เด็กสาวนั่งตัวสั่นหลบตาเขาอย่างไม่กล้าสู้หน้า
หึหึ
เด็กที่สวยบาดตาอย่างนั้น
ทำไมไอ้เปรตพวกนี้ถึงไม่สนใจ
รุมมาที่อรนุชคนเดียว?
คมศรปะติดปะต่อเรื่องในหัวสมองอย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็เหยียดยิ้มอย่างสนุก
ควักล้วงไปที่กระเป๋ากางเกงของชิดที่ถูกเหยียบกับพื้น
และค้นหาบัตรประชาชนและบัตรนักเรียนของหัวโจกแกงค์นรกออกมาจากกระเป๋าเงิน
ชื่อและนามสกุลที่ปรากฏในบัตร
ทำให้หัวคิ้วของคมศรขมวด
ก่อนนิ่งไปครู่หนึ่ง และว่า
“นี่น้องชาย...ถือว่าลื้อโชคดี...ที่อั๊ววันนี้ไม่อยากทำอะไรรุนแรงมากไปกว่านี้...แต่ว่า...”
คมศรก้มลงไปคว้าคอเสื้อของชิดและชูบัตรต่างๆ
ในมือที่ค้นได้จากการกระเป๋าเงินของอีกฝ่ายให้ดูเต็มตา
“ลื้อต้องหมั่นเข้าวัด
ภวนาให้ผู้หญิงที่ลื้อทำร้ายให้มีสุขภาพแข็งแรงๆ
นะ...เพราะถ้าเธอเป็นอะไรไป
อั๊วไม่สนใจว่าจะเป็นสาเหตุอะไร
และใครทำ....อั๊วจะหาตัวลื้อมากระทืบให้รากแตก...เชื่อป่ะ...”
พูดจบคมศรก็ลุกขึ้นเหยียดตัวตรง
ใช้เท้าหนักๆ บดไปที่ยอดอกของชิดอย่างแรง
จนเห็นหัวโจกแกงค์นรกตาเหลือก
อ้าปากพะงาบๆ ใกล้จะขาดใจเต็มที
จึงชะงักเท้าออกมา
ก่อนจะหันไปยังอีกสี่คนที่ยังหมอบจ๋องอยู่กับพื้น
“เอาตัวลูกพี่ลื้อไปได้
แล้วไสหัวไปให้ไกลๆ..ส้นตีนอั๊ว”
อ้วนกับพวกที่เหลือต่างคนต่างช่วยกันหิ้วปีกหัวโจกของตัวเองวิ่งกระเซอะกระเซิงหนีหัวซุกหัวซุนกันไปอย่างรวดเร็ว
คมศรถอนหายใจอย่างโล่งอก
ขณะเดินไปยังร่างเล็กบางที่ตอนนั้นแม้จะยังงอตัวขดกับพื้น
แต่ก็มีเรี่ยวแรงพอจะรวบสาบเสื้อที่ขาดรุ่ยเข้ามาหาตัวเอง
ใบหน้าที่ยังคงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดนั้นปกปิดร่องรอยของความตื้นตันยินดี
ไม่มิด
ดวงตากลมโตที่เคยเขม้นมองเขาอย่างหาเรื่องเป็นประกายสุกใสราวกับดวงดาว
ชายหนุ่มหวนนึกเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมด...ช่างน่าหวาดเสียว...ถ้าเขามาช้ากว่านี้นิดเดียว...
ขณะที่เขานั่งอยู่ในรถรอคอยอรนุชอย่างไร้จุดหมาย
ทันใดนั้นที่ประตูบ้านเปิดขึ้น
ก็ปรากฏมีคนสูงอายุเดินเข้ามา
ด้านหลังเป็นเด็กสาวร่างบางที่เดินตามมาห่างๆ
พร้อมๆ กับผู้หญิงวัยกลางคนที่กอดตัวของเด็กสาวเอาไว้แน่น
ชายคนนั้นถามเขาอย่างสุภาพ
“คุณมีธุระอะไรกับคนในบ้านหลังนี้หรือเปล่าครับ”
คมศรนิ่งไปอึดใจหนึ่ง
ก็บอกตรงๆ ว่า
“ผมมารอคุณอรนุช...”
ทันใดนั้นเอง
เด็กสาวร่างบางที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ขยับเข้ามา
ดวงตากลมๆ นั้นเบิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อถามเขาว่า
“คุณใช่ไหมคะ...ที่โทรศัพท์มาเมื่อครู่นี้”
ชายหนุ่มผงกศีรษะ
พอมองเห็นดวงตากลมสวยนั้นจ้องมาด้วยคำถามต่อเนื่อง
โดยที่เขาไม่ต้องรอให้ปากบางงามนั้นเอ่ยถาม
ก็บอกเรื่องที่อรนุชขอตัวกลับบ้านก่อนและป่านนี้ยังไม่กลับมาถึงบ้าน
ที่สำคัญมือถือนั้นไม่มีการตอบรับ...
ใบหน้าหวานสวยที่เขาเห็นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นกังวล
ก่อนที่เธอจะพูดเสียงสั่นๆ
“พี่นุช....พี่นุช...”
จากนั้นเขาก็เห็นร่างบางงามนั้นวิ่งเต็มฝีเท้ากลับเข้าไปในบ้าน
โดยมีผู้หญิงกลางคนวิ่งตามไปร้อง
“คุณษา..คุณษา...จะไปไหนคะ”
คมศรเปิดประตูออกมา
ขยับเท้าจะตามเข้าไปด้วย
แต่ผู้ชายสูงอายุนั้นขวางเอาไว้
และในเวลานั้นเองก็ยังมีหญิงชายอีกหลายคนเดินออกมาออหน้าประตูเป็นเชิงบอก
กับเขาว่าอย่าทำอะไรที่วู่วาม
ชายหนุ่มจึงได้แต่ชะงักตัว
กล่าวเรื่อยๆ ยกมือขึ้นเหนือศีรษะ
“ผมไม่มีเจตนาร้าย...หรือคุณลุงจะไม่เชื่อใจผม...จะค้นตัวผมก็ได้...ผมไม่มีอาวุธ”
ความจริงอีกฝ่ายก็พอจะคำนวนได้
เพราะข่าวที่คมศรบอกนั้น...ถ้ามันเป็นจริง...ก็หมายความว่าอีกฝ่ายกำลังร้อน
ใจในการหายตัวไปของคุณนุชเช่นกัน...คิดได้ดังนั้น
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความกังวล
ก็ผงกศีรษะเป็นเชิงบอกว่าอนุญาตให้เขาตามเข้าไปในบ้านได้
คมศรรีบเดินเข้าไปในบ้าน
ตอนนั้นแลเห็นเด็กสาวร่างบางกำลังยืนโทรศัพท์อยู่
พูดเสียงระรัวเร็ว
“ค่ะ...ค่ะ...ช่วยตามให้ทีว่าเบอร์ที่ดิฉันบอกตอนนี้อยู่ที่ไหน”
ชายหนุ่มเบิกตาลุกโพลง
สว่างวาบ....มือถือ...ใช่...
ทำไมเขาคิดไม่ถึงเลย...ปล่อยให้เวลาผ่านไปตั้งขนาดนี้....ดีที่เด็กสาว
เบื้องหน้ายังมีสติพอจะโทรไปให้ศูนย์ตรวจสอบตำแหน่งจากสัญญาณดาวเทียมได้
หลังจากนั้น....หลังจากที่พอจะทราบตำแหน่ง
คมศรก็แทบจะวิ่งกลับไปขึ้นรถ
ทีแรกเด็กสาวร่างบางนั้นจะตามมาด้วย
แต่หญิงสูงอายุนั้นยื้อตัวของเธอเอาไว้แน่น
มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยเคราดกนั้นด้วยสายตาไม่ไว้ใจ
“คุณษา...ไปไม่ได้ค่ะ...ป้าไม่ให้ไป”
“แต่..แต่..ษาห่วงพี่นุช..”
เด็กสาวกล่าวเสียงเครือ
ตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้
คมศรที่ตอนนั้นใจแห้งเหี่ยว
แต่ก็ฝืนใจปลอบ
“ผมจะพาคุณนุชกลับมาอย่างปลอดภัย”
จากนั้นคมศรก็ทะยานรถของเขาออกไปอย่างรวดเร็ว
และรีบติดต่อไปยังตำรวจที่เขาพอจะคุ้นเคยให้ประสานงานกับตำรวจท้องที่
รถของคมศรพุ่งฉิวราวกับรถแข่ง
วิ่งแซงซ้ายป่ายขวา
ดีที่เส้นทางที่เขามุ่งไปออกนอกเมืองในบริเวณที่การจราจรไม่พลุกพล่านมาก
จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงสายตรวจแจ้งว่า
“มีการติดต่อเข้ามาที่
191
จากเบอร์เป้าหมาย....ตำแหน่งน่าจะอยู่บริเวณโครงการก่อสร้างที่ค้างอยู่บริเวณกิโลเมตรที่สิบห้า...”
คมศรเหยียบคันเร่งขับรถของเขามุ่งตรงไปยังหมู่บ้านแห่งนั้น
และเมื่อแลเห็นรถฮอนด้าสีขาวที่จอดทิ้งไว้ข้างทาง
ใจของเขาก็รุ่มร้อนจนสุดประมาณ
เมื่อหวนนึกว่าเขาอาจจะ...มาสายไป
แต่ในที่สุด
เขาก็มาถึงได้ทันเวลา...และในตอนนี้ต้องยืนตะลึงมองดวงตากลมโตคู่งามที่กำลังเปล่งประกายเจิดจรัสอยู่ตรงหน้า
.............................
อรนุชสวมเสื้อแจ็กเก็ตสีดำของคมศรที่ส่งให้
เด็กสาวรับมาใส่โดยไม่พูดอะไรกับเขาสักคำ
จนกระทั่งเธอค่อยๆ คลายอาการจุกเสียด
ก็ไปนั่งรวมกับฐิติพรรณข้างทาง
โอบร่างของพริตตี้สาวที่ยังสั่นๆ
เอาไว้อย่างปลอบใจ
“ไม่เป็นอะไรแล้วนะ...ไอซ์ไม่ต้องกลัว”
เด็กสาวร่างบางปลอบเสียงนุ่มนวล
ขณะที่คมศรแลเห็นอาการสั่นเทิ้มของเด็กสาวอีกคนอย่างหยามเยาะ
นัยต์ตาที่พรั่นพรึงเพราะความกลัวนั้น
เขาก็อ่านออกว่าเด็กสาวนั้นกลัวจริงๆ
หึหึ...แต่กลัวจะถูกเปิดโปงมากกว่ามั้ง
เมื่อหันไปดูใบหน้าบางใสของเด็กสาวตัวเล็กที่เมื่อครู่แทบจะตกเป็นเหยื่อให้
กับเดนนรกกลุ่มนั้น
แต่ตอนนี้ทำเป็นเก่ง
ทำเป็นเข้มแข็งปลอบใจเพื่อน
ชายหนุ่มต้องส่ายหัวอย่างเวทนา
ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเล๊ย...ยัยเด็กหัวดื้อ
ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือของอรนุชขึ้นมา
และเหยียดยิ้มนิดๆ
เมื่อเห็นว่าอยู่ใน Silent
mode แต่ก็ไม่ได้กล่าวว่าอะไร
เปลี่ยนให้กลับไปสู่โหมดปกติ
ก่อนจะส่งให้ พูดสั้นๆ
“โทรไปที่บ้าน...พวกเขาเป็นห่วง...โดยเฉพาะน้องสาวคุณ
ต้องขอบคุณเขาให้มาก...ถ้าไม่ได้เขา...ผมก็คงตามมาหาคุณไม่ทัน....”
อรนุชใบหน้าตื่นขึ้นเล็กน้อย
รีบรับไปแล้วโทรไปที่บ้าน
“พี่นุช..พี่นุช..”
เสียงน้องสาวระรัวรับ
เด็กสาวร่างบางพยายามกรอกเสียงให้เป็นปกติ
“ษา..ไม่ต้อห่วง...ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ
แค่รถพี่ประสบอุบัติเหตุนิดหน่อย
ตอนนี้เรียบร้อยดีแล้วจ้ะ”
“อุบัติเหตุ....แล้วพี่นุชเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
เสียงอรอุษาดังร้อนรน
อรนุชทำเสียงหัวเราะให้สดใส
“ไม่เป็นไร...พี่สบายดีทุกอย่าง...ษาบอกทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงนะจ๊ะ...”
“พี่นุชอยู่ไหนคะ...ษาจะได้ให้ลุงมากไปรับ”
“ไม่เป็นไร...ไม่รบกวนลุงมากหรอก...เดี๋ยวพี่จะกลับไปเอง”
“แต่..แต่..พี่นุช...”
“เอาเถอะจ้ะ...แค่นี้ก่อนนะ...เดี๋ยวพี่ก็กลับบ้านแล้วล่ะ...”
อรนุชพูดตัดบทและปิดโทรศัพท์
จากนั้นก็นั่งจุ่มอยู่ข้างๆ
เพื่อนสาวอย่างเงียบๆ
ไม่พูดอะไรอีก
ขณะที่เด็กสาวร่างบางโทรไปที่บ้าน
คมศรก็โทรศัพท์ไปแจ้งตำแหน่งให้ตำรวจ
พักหนึ่งรถสายตรวจ
และรถพยาบาลก็วิ่งมาถึงที่เกิดเหตุ
หลังจากสอบปากคำ
และพยาบาลดูอาการของอรนุชแล้วก็อนุญาตให้กลับบ้านได้
“ดิฉันไม่ต้องการแจ้งความ…”
คมศรมองดูเด็กสาวร่างบางอย่างหมั่นไส้
ระคนหงุดหงิด
เพราะตอนนั้นอรนุชกล่าวยืนยันเสียงแข็งว่าจะไม่แจ้งความ
และขอให้ทุกอย่างเป็นความลับ
เมื่อเจ้าทุกข์ไม่ยอมแจ้งความ
ตำรวจก็เลยได้แต่ต้องพากันกลับไป
โดยที่คมศรขอให้รถตำรวจคันหนึ่งช่วยพาฐิติพรรณไปส่งบ้าน
ซึ่งก่อนที่จะจากกันไป
อรนุชยังเข้าไปกอดเพื่อนสาวเอาไว้
ปลอบใจว่า
“ทำใจให้สบายนะ..ไอซ์...แล้วเจอกันจ้ะ..”
พริตตี้สาวผงกศีรษะ
ก้มหน้างุดๆ
ตลอดเวลาไม่กล้าสบตาอันมีประกายกล้าของคมศรเลย
เดินดุ่มๆ ตามตำรวจกลับขึ้นไปที่รถ
จนในที่สุดเหลือเพียงคมศรกับอรนุช
ซึ่งชายหนุ่มผายมือเป็นทีเชิญชวนให้เด็กสาวขึ้นไปในรถของเขา
ซึ่งอรนุชอิดออดอยู่นิดหนึ่ง
ก็ไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่าก้าวเข้าไปนั่งเคียงข้างคมศรที่ออกรถขับกลับออก
ไปทางเดิม
เมื่อผ่านมาถึงรถของอรนุชที่ยังจอดอยู่ข้างทาง
ตอนนั้นรถยกกำลังเตรียมพ่วงฉุดรถของเธอออกไป
คมศรก็กล่าวเรื่อยๆ
“จะเอาอะไรในรถไหม”
อรนุชผงกศีรษะนิดเดียว
ไม่ตอบอะไร ชายหนุ่มก็ยิ้มขันๆ
จอดรถลง
และอรนุชก็เดินเข้าไปหยิบกระเป๋าถือและหนังสือเรียนของเธอกลับออกมา
คมศรขับรถไปเรื่อยๆ
ก็ปรายตาไปยังเด็กสาวร่างบางที่นั่งจุ้มปุ้กกอดอกเอาไว้แน่น
ใบหน้าก้มงุดๆ
ไม่มองหน้าเขานิ่งเงียบเป็นหุ่นอย่างหมั่นไส้
ก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยเรื่อยๆ
ทำลายความเงียบ
“เก่งเหมือนกันนี่คุณ...เล่นงานไอ้พวกนั้นได้ไม่เลว...”
น้ำเสียงเหมือนกับจะล้อๆ
ยียวนพิกลในใจของเด็กสาว
ที่ตอนนั้นกำลังรู้สึกสับสนอลหม่านในใจ
จะขอบคุณก็ไม่กล้าพูด
จะไม่พูดก็น่าเกลียด
เลยได้แต่นั่งหน้างุดอยู่กับที่
พอได้ยินเสียงเรื่อยๆ นั้น
ก็เป็นช่องให้เธอขมุบขมิบปากพึมพำเบาหวิว
“ขอบคุณค่ะ...”
คมศรหัวเราะออกมา
พึมพำว่า
“นึกว่าจะไม่ยอมพูดอะไรกับผมซะแล้วสิ”
ดวงตากลมนั้นปรายมองมา
อยากจะขุ่นใจให้ แต่ความหวานที่มันล้นอก
ก็ทำให้ดวงตากลมโตนั้นมีประกายแววหวานจนปิดไม่มิด
คมศรแลเห็นความหวานที่พร่าพรายออกมาจากดวงตาคู่นั้นแล้วอารมณ์ระรื่นจนไม่อยากแหย่ให้เสียบรรยากาศ
จึงยิ้มน้อยๆ แล้วว่า
“คุณจะกลับบ้านทั้งๆ
อย่างนี้น่ะหรือ”
คราวนี้อรนุชหันมามองคนพูดได้ตรงๆ
พอนึกอะไรได้ ก้มลงดูตัวเอง
แม้ว่าจะสวมเสื้อแจ็กเกตสีดำทับอยู่
แต่ข้างในนั้น...ใบหน้าบางใสแดงก่ำขึ้นทันที
ถามอุบอิบเบาๆ
“ทำ..ทำไงดีคะ...”
คมศรมองใบหน้าเล็กๆ
ที่ก้มงุด อย่างเอ็นดู
นัยน์ตาระรื่นพราว
อือม์...อย่างนี้ก็ดีอย่าง...ไม่แว้ดๆ...แต่แม่แมวเหมียวตัวน้อย...ฉันพอใจให้เธอขู่ฟ่อๆ
ใส่ฉันมากกว่านะ
ชายหนุ่มเปลี่ยนเส้นทางรถ
และขับไปสักครู่หนึ่งก็เลี้ยวรถเข้าไปในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
เมื่อเข้าไปจอดเรียบร้อย
คมศรก็ทำสัญญาณให้เด็กสาวลงจากรถ
แต่อรนุชยังคงนั่งจุ้มปุ้กอยู่ไม่ขยับตัว
ใบหน้างามนั้นแดงระเรื่อไม่หาย
“จะไปไหนคะ”
เสียงถามนั้นยังคงแผ่วเบาเหลือเกิน
คมศรหัวเราะพลางว่า
“ผมจะพาคุณไปร้านที่เขาขายชุดนักศึกษา
ไปหาซื้อเสื้อใหม่
หรือจะไปซื้อกระดุมมาซ่อมก็เรื่องของคุณ...กลับไปอย่างนี้...ต่อให้มีสิบปาก
เหมือนทศกัณฑ์...ก็ไม่มีใครเชื่อว่าคุณหรอกว่าแค่รถเสีย”
อรนุชนึกขัดใจตัวเองครามครัน
ที่ความมั่นใจ
ความเก่งกล้าสามารถที่ตัวเองเคยคิดว่ามีอยู่
ตอนนี้พร้อมหน้าพร้อมตาโบยบินหายไปไหนหมด
รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นเด็กเล็กๆ
ไม่ประสีประสาต้องให้ชายหนุ่มบอกบทตลอด
คิดดังนั้นก็รวบรวมจิตใจ
ฮึด เชิดหน้าเล็กๆ ขึ้น
ก้าวออกไปจากรถ
ท่ามกลางสายตาแวววาวขอคมศรที่มองมา
ฮือม์...อย่างนี้ค่อยเหมือนแมวเหมียวตัวน้อยของฉันหน่อย
อรนุชเดินกอดอกตัวเองแน่น
เดินตามชายหนุ่มร่างสูงต้อยๆ
ซึ่งเดินไปเดินมาตั้งนานก็ยังไม่ไปไหน
วนไปเวียนมาจนกระทั่งเด็กสาวร่างบางสงสัย
หยุดเดินเงยหน้าขึ้นถามเบาๆ
“คุณ...คุณทำไมเดินไปเดินมาอยู่กับที่คะ”
คมศรซ่อนยิ้มไว้ในหน้า
กล่าวเสียงรื่นรมย์
“ผมน่ะคนบ้านนอก
เคยมาห้างดังๆ อย่างนี้เมื่อไหร่ล่ะ
แค่เห็นก็ตาลายไปหมดแล้ว
ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
ที่เดินๆ ก็นึกว่าเจ้าถิ่นอย่างคุณจะรู้ทางดีน่ะสิ
ผมก็เดินไปเรื่อยๆ
ตามที่คุณเดินนั่นแหล่ะ”
อรนุชอ้าปากค้าง
ใบหน้าใสนั้นแดงเป็นริ้วๆ
ด้วยความโมโห
ตาบ้า...ตาบ้า...ตาบ้า....ฮึ...วันนี้..วันนี้...ออกจะทำดีเหลือเกิน....
ทำไมนะ...ไม่ทำดีให้ตลอดไป.....ดูซี..ยังมาทำยิ้มยั่วอีก...กวนประสาทจริงๆ
...ตาสิงห์บ้า..
เด็กสาวร่างบางขมุบขมิบปากเจริญพรยาวเหยียด
ก่อนจะเชิดหน้าและเดินนำไปทันที
โดยมีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ยิ้มกว้างขวางเดินตามไปอย่างรื่นเริงใจ
………………..
คมศรเคลื่อนรถมาจอดหน้าประตูบ้านของอรนุช
ตอนนั้นเด็กสาวร่างเล็กบางเปลี่ยนชุดนักศึกษาที่เพิ่งซื้อมาใหม่แล้ว
ส่วนตัวเดิมที่กระดุมขาดหมดแล้วนั้นชายหนุ่มเก็บเอาไว้
บอกว่าจะเอาไปทิ้งเอง
อรนุชไม่ต้องการให้ใครสงสัยอะไรก็เห็นดีด้วย
“เอาล่ะ
ผมส่งคุณลงตรงนี้นะ”
ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ
อรนุชไม่พูดอะไรทั้งนั้น
เปิดประตูก้าวออกไป
พอเด็กสาวปิดประตูกลับ
คมศรก็ขยับจะขับรถออกไปทันที
อรนุชก็รีบเคาะกระจกเรียกไว้ก่อน
คมศรยิ้มกว้างขวาง
เมื่อลดกระจกลง และเห็นใบหน้าเล็กๆ
นั้นยื่นเข้ามา พูดเบาๆ
ใบหน้าแดงระเรื่อสวยจับตาคนมอง
จนแทบจะเอื้อมมือไปหยิกที่แก้มใสนั้น
“แล้ว..แล้ว...ที่ฉันแพ้พนันยิงปืน...คุณจะให้ฉันทำอะไรคะ”
ชายหนุ่มยิ้มระรื่น
กล่าวเรื่อยๆ
“ผมยังคิดไม่ออกนะ...เอาไว้ก่อนแล้วกัน...พรุ่งนี้ผมจะกลับบ้านที่ต่าง
จังหวัดแล้วล่ะ...เอาไว้คุณตามผมไปที่บ้าน...แล้วผมจะบอกให้คุณฟังอีกทีแล้ว
กัน”
อรนุชทำหน้างงๆ
เหมือนกับคิดว่าตัวเองหูฝาดไป
กล่าวทวน
“คุณ...คุณ...ว่า...ฉัน..ฉัน..จะตามคุณไปบ้านที่ต่างจังหวัดหรือคะ”
คมศรหัวเราะเอื่อยๆ
ผงกศีรษะรับคำ
“ใช่
อีกสองสามวันมั้ง เราคงได้เจอกัน...”
ใบหน้าบางใสนั้นแดงก่ำ
ด้วยความโมโห
นี่เขานึกว่าฉันเป็นใคร...ฉันนี่นะ...จะตามผู้ชายไปถึงบ้าน...อีตาบ้า...บ้าที่สุด...บ้า...บ้า...บ้า
ดวงตากลมโตนั้นพองขึ้น
ไม่ต่างอะไรกับแมวเหมียวตัวเดิมที่ขู่ฟ่อๆ
ใส่เขา คมศรหัวเราะเสียงดัง
โบกมือให้
“ลาก่อนนะ...แล้วเจอกัน”
ปากงามอ้าค้าง
อรนุชชี้นิ้วไปจะพูดอะไร
แต่อีกฝ่ายก็ออกรถไปก่อน
ทิ้งไว้เพียงแต่เสียงหัวเราะที่แว่วมา
เด็กสาวร่างบางโมโหสุดๆ
กระทืบเท้ากับพื้นอย่างขัดใจ
ทันใดนั้นเองแรงกระเทือนก็ทำให้ความบอบช้ำที่ถูกทำร้ายที่ท้องน้อย
ก็แปล็บขึ้นมาจนต้องนิ่วหน้า
ร้องลั่นในใจ
“ตาสิงห์บ้า…ตาบ้า...บ้าที่สุด”
จากนั้นอาการที่เขม็งบิดเกลียวที่ท้องน้อยค่อยๆ
ผ่อนคลายอาการลง
อรนุชลูบคลำท้องน้อยตัวเองอย่างช้าๆ
นุ่มนวล
หวนนึกถึงวินาทีนั้นที่เธอเห็นชายหนุ่มเข้ามาช่วยเหลือตัวเธอให้รอดพ้นจาก
ชะตากรรมที่เลวร้ายที่สุดของชีวิตลูกผู้หญิงจะเผชิญ....ความหวานอบอุ่นสาย
หนึ่งที่ตลอดชีวิตเธอไม่เคยรู้จักนั้นมันท่วมท้นจนจับใจ....อบอุ่น...สวยงาม
เหลือเกิน...ความรู้สึกนั้นตื้นตันจับใจจนเธอน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไว้ไม่
ได้
ความหวานที่พลุ่งขึ้นจนจับจิตในบัดดลนั้น
ทำให้สายตาของอรนุชที่ค้อนให้กับรถที่ค่อยๆ
หายลับไปกับเส้นทางนั้นมันช่างอ่อนหวานเหลือประมาณ
ริมฝีปากงามที่ราวกับกลีบกุหลาบต้องน้ำค้างยามเช้าพึมพำเบาหวิว
“อีตาสิงห์บ้า...”
แต่ทว่าเสียงที่ลอดผ่านออกมา....มันช่างหวานกระไรปานนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น