ขายของ

วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2557

เล่ห์สวาทเพลิงราคะ ตอน 8



อร ชาพลิกตัวกระสับกระส่ายบนที่นอนในโรงแรมหรูที่เธอพักนั้น รู้สึกใจหายแปลกๆ อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เฝ้าพยายามข่มตาให้หลับแต่ก็ทำไม่ได้ หญิงสาวเอื้อมมือไปพลิกนาฬิกาปลุกเรือนเล็กที่หัวเตียงที่บ่งบอกเวลาเกือบ ห้าทุ่มแล้ว


อากาศในห้องที่ปรับอุณหภูมิเอาไว้สบายๆ นั้น ในตอนนี้กลับไม่สามารถช่วยระงับบรรเทาความรุ่มร้อนที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจของ หญิงสาวแสนสวยให้ลดลงได้เลย


อรชาพลิกตัวไปมาอย่างหงุดหงิดใจ ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จนในที่สุดเมื่อเข็มนาฬิกาชี้ไปจนเกือบเลขสิบสอง เธอก็ยอมแพ้ลุกขึ้นนั่ง


หญิงสาวเดินไปที่หน้าต่าง มองลงไป แสงไฟในยามราตรีที่ส่องสว่างที่เธอเคยมองได้เพลินๆ ในค่ำคืนนี้ไฟที่เคยมีสีสรรสดใสกับแลดูเศร้าประหนึ่งว่ากำลังกระพริบเป็น สัญญาณแสดงความอาลัยต่อการสูญเสียของอันเป็นที่รัก


อรชายกมือลูบไปที่ใบหน้าตัวเอง ครุ่นคิดอย่างอ่อนล้าในใจ


นี่เราเป็นอะไรไป? ลองอาบน้ำเย็นๆ แล้วกัน...น่าจะดีขึ้น


แต่เปล่าเลย เมื่อจากออกมาจากห้องน้ำหลังจากแช่ตัวอยู่ในสายน้ำเย็นฉ่ำที่ราดรดมาจากฝัก บัวอยู่นาน ความรู้สึกว้าวุ่นใจนั้นยังคงจับในความรู้สึก จนทำให้วงหน้างามนั้นค่อนข้างหมองคล้ำ ดวงตากลมสวยที่เคยมีแต่ประกายหวานสดใสเต็มไปด้วยแววตาแห่งความกังวลอย่าง เร้นลับ จนหญิงสาวถึงกับตกใจเมื่อมองเห็นใบหน้าของตัวเองสะท้อนออกมาจากกระจกเงาใน ห้องพัก


อรชาแน่ใจว่าความกังวลเร้นลับนี้ ไม่น่าจะเกิดขึ้นจากงาน...ใช่...การปรากฏตัวของคุณลุงมนูนั้นมีอิทธิพลคุก คามต่อจิตใจของเธอไม่น้อย...ต่อแผนการดำเนินงานเข้าควบซื้อกิจการของเครือปา ร์มบีช


แต่งานที่มีปัญหาต้องสะสาง เธอมั่นใจแม้ว่าจะยุ่งยาก ต้องใช้ความระมัดระวังในการดำเนินการ แต่สิ่งเหล่านั้นเธอก็เคยผ่านมาแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่จะมีน้ำหนักเพียงพอจนทำให้เธอรู้สึกกลัดกลุ้มประหนึ่งว่าจะ สูญเสียของรักไปอย่างเช่นเธอรู้สึกเหมือนตอนนี้


ของรักของเธอ?


ความคิดที่วาบขึ้นมาในมโนสำนึกนั้นมาพร้อมๆ กับใบหน้าของน้องสาวสุดที่รักทั้งสองของเธอ อรชาใจหายวูบ


หรือจะเกิดเรื่องอะไร...ยายนุชกับยายษา?


ความเสียวสะท้านที่วาบขึ้นจับหัวใจ ร่างบางงามของหญิงสาวถึงกับสั่นไหวออกมาอย่างหวาดหวั่น มือเรียวงามที่เอื้อมไปคว้าโทรศัพท์นั้นสั่นระริก


อรชาแทบร้องไห้ออกมาด้วยความโล่งใจเมื่อได้ยินแจ๋วๆ ของน้องสาวคนรองดังขึ้นมา


พี่อร...มีอะไรหรือคะ...ทำไมโทรมาตอนนี้ล่ะ”


ริมฝีปากงามราวกับกลีบกุหลาบนั้นยังสั่นระริก เมื่อกรอกเสียงถามลงไปว่า


นุช..ที่บ้านเรียบร้อยดีใช่ไหม...ษาล่ะ...ไม่ได้เป็นอะไรไปใช่ไหม”


เสียงหัวเราะใสดังมาจากเมืองไทย


ค่ะ...ทุกคนสบายดี...นุชอยู่ที่มหาลัย...ษาตอนนี้คงสนุกกับเพื่อนอยู่... เห็นว่านัดไปทานข้าวดูหนังกัน..และพี่อรไม่ต้องห่วงนะคะ...นุชเช็คดูแล้ว... ษาไปกับลุงมากค่ะ...”


อรชาผ่อนลมหายใจยาวๆ ประนบมือไหว้ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับบุคคลสองคนที่ เธอรักยิ่ง...รักยิ่งกว่าสิ่งใด...รักยิ่งกว่า...เธอรักตัวเอง


คงไม่มีอะไร...เธอคงเหนื่อยมากไปกับทริปมาซานฟรานนี้ จิตใจที่เคยมั่นคงเลยอ่อนไหวไปบ้าง


คิดดังนั้นหญิงสาวก็พยายามปลอบใจตัวเอง กล่าวเสียงที่มั่นคงขึ้น


นุช..พี่เป็นห่วง...ดูแลตัวเองดีๆ นะ...ฝากน้องด้วย...”


อรนุชรับรู้ถึงน้ำเสียงแปลกๆ ของพี่สาวคนโต ก็พยายามทำเสียงให้เข้มแข็ง


พี่อรคะ...นุชสบายดีค่ะ...ทางนี้ไม่มีปัญหาอะไรเลย...ษาเองก็อยู่ในสายตานุชแทบทุกวัน...พี่อรไม่ต้องกังวลใจนะคะ”


หยุดไปเล็กน้อย เด็กสาวก็ทำเสียงร่าเริงเพื่อเป็นการปลอบใจพี่สาว


อ้อ..ตอนนี้นุช..ถูกพี่แต๋วต้อนจนมุม จนต้องยอมประกวด..มิสยูนิเวอร์ซิตี้ให้กับมหาลัยนะคะ”


ข่าวคราวของน้องสองคนกลาง ทำให้อรชายิ้มออกมาได้ นึกถึงตอนนี้น้องสาวต้องไปเดินประกวดแล้วขำในใจขึ้นมา...กระโดกกระเดก อย่างอย่างยายนุช...นี่นะ...


อ้าว...ไหนทีแรกนุชยืนกระต่ายขาเดียวไม่ยอมไงจ๊ะ...ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้”


เรื่องมันยาวค่ะ...พี่อรกลับมาแล้วนุชจะเล่าให้ฟังอีกที...ตอนนี้นุชก็เลยหัวหมุนติ้วๆๆๆ..ไปกับการติวเข้มของพี่แต๋วจนมึนไปหมด”


เสียงหัวเราะอย่างสดใสร่าเริงตบท้ายมานั้นประดุจเสียงทิพย์ที่ปลอบประโลมใจ ของอรชาให้เย็นลงได้ หญิงสาวแสนสวยจึงค่อยสบายใจขึ้นอย่างมาก


ถ้าอย่างนั้น...ก็แค่นี้นะ...แล้วพี่จะรีบทำธุระทางนี้ให้เสร็จ..จะพยายามกลับไปให้เร็วที่สุด”


ค่ะ...พี่อร”


อรชายิ้มให้กับเสียงใสๆ นั้นก่อนจะปิดสัญญาณโทรศัพท์ในมือ ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ


หญิงสาวทรุดตัวลงพนมมือไหว้กับหมอนหัวเตียง


ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลจงดลบันดาลให้ น้องสาวทั้งสองของข้าพเจ้าให้แคล้วคลาดจากสิ่งอันเป็นอันตรายทั้งปวงด้วย เทอญ…


จากนั้นอรชาพยายามข่มตาให้หลับ และในไม่ช้าหญิงสาวแสนสวยก็เข้าสู่ภวังค์แห่งนิทรารมย์


........................


อรนุชวางสายจากพี่สาวแล้ว ใบหน้างามใสนั้นก็มีร่องรอยของความวิตก


เอ..เสียงพี่อรดูไม่ค่อยดีเลย...


เด็กสาวร่างเล็กบางยืนครุ่นคิดอยู่นึกอะไรได้รีบโทรศัพท์ไปหาน้องสาวคนเล็ก


พี่นุชหรือคะ..”


เสียงหวานๆ ของอรอุษาดังมา อรนุชได้ยินเสียงประกอบแว่วๆ แสดงว่าอีกฝ่ายนั้นคงอยู่ในบริเวณห้างสรรพสินค้า


อ๋อ...ไม่มีอะไรหรอก...แค่โทรมาถามว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหม...แล้วษาเจอกับเพื่อนหรือยังล่ะ”


เจอกันเรียบร้อยตั้งนานแล้วค่ะ...นี่ก็อิ่มกันแล้วด้วย...กำลังเดินเล่นย่อยอาหาร...รอรอบหนังอยู่ค่ะ”


น้องสาวว่ามาพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ อรนุชยิ้มออกมาได้ รู้สึกค่อยโล่งใจหน่อย


พี่อรคงคิดมากไปเองมั้ง


จากนั้นเด็กสาวก็กำชับเรื่องเวลาที่ต้องกลับบ้านอีกครั้ง อรอุษาเลยลากเสียงล้อๆ ยานคางกับพี่สาว


ค่า....แหม...หนังเลิกก็คงประมาณสามโมง...แล้วษาจะให้ลุงมากตระเวณขับรถพา เพื่อนๆ ส่งบ้าน...อย่างมากก็คงกลับถึงบ้านไม่เกินห้าโมงเย็น....เลทนิดหน่อยเอง ค่ะ...”


ฮื่อ...โอเค...เที่ยวให้สนุกนะ...”


อรนุชพูดจบก็วางสายไป ถอนหายใจเบาๆ


ทันใดนั้นก็มีเสียงดังทักขึ้นด้านหลัง


นุชจ๊ะ...”


อรนุชหันไปก็เห็นฐิติพรรณเดินยิ้มเข้ามา เด็กสาวหน้าใสก็เลยยิ้มตอบกว้างขวาง


หวัดดีจ้ะ..ไอซ์”


พริตตี้สาวเดินเข้าจับมือถือแขนอรนุชอย่างสนิทสนม


ในเวลานั้นเด็กสาวทั้งสองยืนอยู่บริเวณซุ้มที่นั่งหน้าคณะ คนหนึ่งนั้นสูงโปร่งสวยจัดบาดตา ส่วนอีกคนแม้จะเตี้ยกว่าแต่ก็สดใสกระจ่าง ประกอบเป็นภาพที่ความจริงคนใดคนหนึ่งก็เป็นจุดเด่นพอตัวอยู่แล้ว แต่พอมายืนประกบคุยกันอย่างร่าเริงก็กลายเป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดสายตาของคน ที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างต้องหันมามองเด็กสาวที่สวยจัดทั้งสองนั้นแทบจะทุก ตัวคน


นุชจ๋า...วันนี้รถไอซ์เสียเข้าอู่...เผอิญโชคไม่ดี...ไอซ์ต้องไปธุระไกล ด้วย...ไม่รู้จะรบกวนเกินไปไหมถ้าจะขอให้นุชช่วยไปส่งหน่อย...”


ฐิติพรรณกระซิบกับอรนุช โดยอาศัยจังหวะที่เด็กสาวร่างบางเดินแยกออกมาจากกลุ่มเพื่อน ซึ่งอรนุชยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน พยักหน้าอย่างร่าเริง


ได้สิ...แค่นี้เอง...ไม่เห็นเป็นการรบกวน...นุชน่ะต้องขอบคุณไอซ์ต่างหากที่พักนี้ต้องรบกวนให้ไอซ์ไปส่งยายษาแทบทุกวัน”


พริตตี้สาวยิ้มหวานอย่างยินดี กล่าวขอบคุณ


ถ้าอย่างนั้น เย็นนี้...ไอซ์จะไปรอแถวๆ ลานจอดนะจ๊ะ...”


ฮื่อ...นุชจะขอพี่แต๋วเลิกเร็วหน่อยก็แล้วกัน...บอกว่ามีธุระจำเป็น...แค่วันเดียวคงไม่เป็นไรหรอก”


เด็กสาวร่างบางพูดจบ ก็ทำตาโตอย่างน่ารักกระซิบว่า


จริงๆ นุชก็ว่าดีออก...ซ้อมจนเบื่อจะแย่แล้ว...จะได้หาข้ออ้างโดดสักวันหนึ่ง”


สองสาวหัวเราะคิกๆ ให้แก่กันอย่างร่าเริง ก่อนที่พริตตี้สาวจะกล่าวเบาๆ


แต่..นุช..อย่าไปบอกเพื่อนๆ หรือพี่แต๋วว่ามากับไอซ์เชียวนะ...ไอซ์กลัวว่า...พวกเขาจะเข้าใจผิด...คิด ว่าไอซ์มารบกวนเวลานุชที่จะต้องซ้อมเพื่อการประกวดน่ะจ้ะ...”


เด็กสาวร่างเล็กบางผู้อ่อนเยาว์ไร้เล่ห์มารยา ยิ้มกว้างกล่าวสดใส


ได้จ้ะ...ไอซ์ไม่ต้องห่วง...นุชจะไม่บอกใคร”


ฐิติพรรณยิ้มหวานให้อรนุช ก่อนที่โบกมือให้และผละไปด้วยกิริยาอาการร่าเริง...ที่เป็นการแสดงออกด้วย ความสบายใจ...จากก้นบึ้งแห่งจิตใจที่แท้จริง


...................................


ศักดาสาดส่องสายตาไปรอบๆ ตัว ขณะที่ชายหนุ่มเดินเล่นอยู่ในห้างสรรพสินค้าใจกลางกรุง


จิ้งจอกสวาทหลังจากเมาแอ๋ไม่เป็นผู้คนอยู่หลายวัน ในที่สุดก็ตัดใจ


ช่างแม่งโว้ย...ไอ้ห่า...เสียรู้ไอ้เซี้ยงไปถือเป็นบทเรียน...อย่างกูหาใหม่ก็ได้วะ


ดังนั้นชายหนุ่มเจ้าเล่ห์ก็จัดการกับสภาพที่ดูไม่ได้ของตัวเอง ตัดผมใหม่ โกนหนวดเครา และออกตระเวณเพื่อหาเหยื่อเหมาะๆ สำหรับการปอกลอก ซึ่งความจริงศักดาก็ยังไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจนัก เพราะเงินที่เขามีอยู่จากการหลอกลวงมาจากคันธรสนั้นก็นับว่าสูงมากอยู่สบายๆ เกินพอที่จะให้เขาฉุยฉายไปมาได้อีกนาน


คราวนี้เพราะยังมีเงินในกระเป๋าอยู่มาก เป้าหมายที่อยู่ในข่ายที่จิ้งจอกสวาทจะออกตระเวณล่าเหยื่อจึงขยายระดับได้ มากขึ้น จากเดิมที่จะเล็งเฉพาะพวกไฮโซสาวเต็มวัยผู้ที่มีอันจะกิน แต่ในเวลานี้นั้นนักศึกษาสาวๆ ที่ดูดีนั้นก็ตกอยู่ในสายตาอันซ่อนประกายหื่นไว้ในหน้ากากของชายหนุ่มผู้ หล่อเหลาและร่าเริงเป็นสุภาพบุรุษทุกกระเบียดนิ้ว


แว่บหนึ่งนั้น ภาพใบหน้าอันสวยบาดตาของฐิติพรรณก็แว่บเข้ามาในใจ


แม่งเสียดายชิบหาย...ถ้ารู้อย่างนี้...กูไม่ปล่อยให้อีไอซ์หลุดมือไปให้ไอ้เหี้ยชิด..เด็กเปรตพวกนั้น...แน่ๆ


ตอนนี้เขาไม่ต้องมีความกังวลกับเรื่องของคันธรสแล้ว ความคิดแว่บหนึ่ง


เอ...หรือจะลองติดต่อไปหานังไอซ์คนสวยดี? จะได้จับกระเด้าให้สมกับที่มายั่วกู


แต่คิดๆ ไปจิ้งจอกสวาทก็ยักไหล่


ช่างแม่งเหอะ โดนไอ้ชิดจนพรุนไปแล้วมั้ง...อีกอย่างไม่รู้นังรสไปปูดเรื่องอะไรของเราให้นังไอซ์หรือยัง


ความคิดของจิ้งจอกสวาทแสนเจ้าเล่ห์นั้นถูกต้องทุกประการ เพราะจากที่พบกับคันธรสโดยบังเอิญวันนั้น พริตตี้สาวก็รับรู้ถึงเนื้อแท้ของชายหนุ่มจนเห็นถึงไส้ในอันกลวงโบ๋เน่า เหม็นไปด้วยตัณหาราคะ


แต่ถึงแม้เป้าหมายที่จิ้งจอกสวาทออกล่าเหยื่อจะขยายวงกว้าง แต่กระนั้นก็ยังจำกัดวงอยู่แค่ระดับกลุ่มนักศึกษาสาวที่ต้องดูดีและแสดงว่า มีฐานะพอสมควร ดังนั้นกลุ่มของเด็กสาวที่แต่งตัวธรรมดากลุ่มหนึ่งที่เดินสวนไปจึงลอดสายตา อันคมวาวของชายหนุ่มไปได้ทั้งๆ ที่หนึ่งในกลุ่มนั้นเป็นเด็กสาวที่มีใบหน้าหวานสวยราวกับตุ๊กตาที่ถูกปั้น โดยช่างฝีมือเทพ


แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเด็กสาวแสนสวยเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบทำตัวเป็นจุดเด่น เวลาเดินกับเพื่อนๆ ก็มักจะเลือกเดิมริมๆ เกลื่อนๆ ตัวเองหลบอยู่ในแถวเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจ พอเดินกันเป็นกลุ่มใหญ่หกเจ็ดคน ถ้าไม่ได้พิจารณาดูดีๆ แล้วโดยส่วนใหญ่...ใบหน้าหวานผ่องนั้นก็ไม่ค่อยสะกิดใจของคนที่เดินสวนไปสัก เท่าไหร่


อรอุษาแค่รับรู้โดยไม่ได้ใส่ใจอะไร เมื่อเพื่อนๆ สะกิด


ษา...ผู้ชายที่เดินสวนไปเมื่อกี้น่ะ...ล๊อหล่อ...”


เด็กสาวผู้ไม่เคยสนใจเรื่องเกี่ยวกับเพศตรงข้าม หรือแฟชั่นระบาดของการที่ต้องหาแฟนไว้ควงเพื่ออวดเพื่อนในกลุ่ม ยิ้มน้อยๆ ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร พอเพื่อนร่วมกลุ่มหยุดเดิน ตัวเองก็ยืนนิ่งๆ หันไปดูสินค้าที่จัดวางโชว์อยู่ในตู้กระจกข้างๆ ต่างกันกับเพื่อนๆ ในกลุ่มที่หันไปด้านหลังและหัวเราะกิ๊กกั๊ก เสียงใส


ศักดาได้ยินเสียงหัวเราะจากกลุ่มเด็กสาวก็หันไป และทำหน้ายิ้มๆ ให้กับเด็กกลุ่มนั้นด้วยมาดของพี่ชายที่ใจดี สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากเด็กสาวทั้งกลุ่มได้มากยิ่งขึ้น


อาการตอบสนองของเด็กสาวกลุ่มนั้น ทำให้จิ้งจอกสวาทยิ้มอย่างพอใจในการบริหารเสน่ห์ของตัวเองอย่างมาก


แว่บนั้นภาพด้านหลังของเด็กสาวหนึ่งเดียวในกลุ่มที่ไม่ได้หันมามองเขามันยวน ใจอย่างประหลาด ถึงแม้จะอยู่ในชุดที่แสนธรรมดาด้วยเสื้อทีเชิ๊ตแขนสั้นสีขาว กางเกงขายาวสีดำและรองเท้าหุ้มส้น แต่รูปร่างที่โปร่งงามได้ส่วนสัด ช่วงแขนบอบบางสวยแสดงให้เห็นผิวกายที่ขาวสะอาดราวกับน้ำนมสด และผมดำยาวที่มันระยับเป็นคลื่นแผ่ไปถึงกลางหลังนั้นมันช่างสวยเหลือประมาณ จนศักดาอยากจะเห็นใบหน้าของเจ้าของครามครัน


แม้ว่าอยากจะเห็นสักเพียงไร แต่ถ้าจะให้ยืนตื้อมองไปก็คงเสียภาพพจน์ที่พยายามสร้างอย่างระวังไปหมด จิ้งจอกสวาทจึงยักไหล่นิดๆ


ช่างเหอะว่ะ ผู้หญิงผมสวยๆ รูปร่างดีๆ แต่หน้าตาหมาไม่แดก มีเยอะแยะไป


คิดได้ดั่งนั้น ศักดาก็ยิ้มให้กับเด็กสาวที่เหลือในกลุ่มนั้นอีกครั้ง ก่อนจะหันตัวเดินตรงต่อไป และในไม่ช้าสายตาที่เพียรกวาดหาเหยื่อเหมาะๆ ก็เพริดไปกับการออกตระเวณนั้นจนลืมเรื่องเด็กสาวผมยาวคนนั้นไปในที่สุด


...............................


เนื่องจากชายหนุ่มรู้ไส้ของเสี่ยเซี้ยงเป็นอย่างดี ข้อมูลที่มีเกี่ยวกับเสี่ยโฉดทำให้คมศรกลั่นกรองไวๆ ก็ได้รายชื่อคนที่เหมาะสมออกมาสองสามราย เมื่อบวกกับขอข้อมูลจากสำนักงานของสมศักดิ์ที่เขาใช้บริการบ่อยๆ สองสามรายนั้นก็ถูกตัดออกกเหลือรายเดียว และสมองอันฉับไวของชายหนุ่มก็พาตัวมาเตร็ดเตร่แถวๆ สำนักงานขายของพ่อค้าเพชรชื่อดังคนหนึ่ง หลังจากทักทายประสาคนรู้จักกันตามธรรมเนียม ว่าเผอิญแวะมาทำธุระก็เลยเข้ามาเยี่ยม คมศรก็กล่าวเรื่อยๆ เหมือนไม่ได้ตั้งใจว่า


คุณนิฐิ...ผมได้ยินว่าเสี่ยเซี้ยงเขาจะแต่งงานกับลูกสาวคุณเดช...ชื่ออะไรน้า...คันธรสมั้ง”


พร้อมๆ กันนั้นแววตาของชายหนุ่มเป็นประกายพราวอย่างสนุก เมื่อมานพลูกชายของพ่อค้าเพชรชื่อดังที่นั่งคุยอยู่ด้วยใบหน้าจำเดิมขาวๆ ซีดๆ แดงคล้ำขึ้นทันที


นิฐิพ่อค้าเพชรเป็นอีกคนหนึ่งที่พอจะรู้ลึกตื้นหนาบางของเสี่ยโฉดดี และเป็นเป้าหมายที่คมศรเลือก เพราะอีกฝ่ายมีความสัมพันธ์อันดีกับนายเดช นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังผู้เป็นบิดาของคันธรส


ผมไม่เห็นได้ข่าว...เอ...แย่จริง...แล้วคุณเดชเขารู้กำพืดของไอ้เสี่ยนั่นหรือเปล่านะ”


คมศรยักไหล่ กล่าวเรื่อยๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม


ไม่รู้สิ แต่ผมว่าเรื่องความรักนี่มันไม่เข้าใครออกใครหรอกครับ ขอให้รักกันอะไรๆ ก็มองข้ามได้”


นั่นสิ...ผมว่าเราดูอยู่ห่างๆ ดีกว่า...บอกตรงๆ ไม่ค่อยอยากจะยุ่งอะไรกับไอ้เซี้ยงนั่นเลย”


นิฐิเห็นด้วย มานพลูกชายคนเดียวของพ่อค้าเพชรตอนนั้นที่ใบหน้าขาวมีริ้วรอยเลือดซ่านอยู่เต็มหน้า ถามเสียงสั่นๆ ว่า


คุณพ่อ...นายเซี้ยงคนนั้นเขาเป็นใครหรือครับ..”


ก็เป็นพ่อค้าเพชรเหมือนกันนี่แหล่ะ...แต่ก็ไม่ค่อยมีใครรู้นักหรอกว่าไอ้นี่มันขี้โกง...ปลอมเพชรหลอกตุ๋นชาวบ้านเข้าซะมาก”


พ่อค้าใหญ่ผู้รู้ไส้ของเสี่ยโฉดดีกล่าวเสียงเยาะๆ ผู้เป็นลูกชายร้องเสียงตื่น


ถ้า..ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องเตือนคุณรสสิครับ...คุณพ่อ”


นิฐิหันมามองใบหน้ายิ้มๆ ของคมศรแล้วว่า


อย่างที่คุณสิงห์บอก...พ่อว่าเราไม่ต้องไปยุ่งดีกว่า...เรื่องของคนอื่น”


มานพสั่นศีรษะระรัว ใบหน้าเต็มไปด้วยร่องรอยตื่นเต้น


มะ..ไม่ได้..ไม่ได้ครับ...เอ่อ...ผม...ผมรู้จักคุณรส...ผมไม่อยากให้เธอแต่งงานกับคนอย่างนั้น”


นิฐิลังเลใจ เพราะตนเองก็คุ้นเคยกับนายเดชบิดาของฝ่ายหญิงไม่น้อย คมศรหัวเราะเอื่อยๆ แค่เสริมนิดหน่อย


อือม์...แต่ถ้าเห็นแก่ความเป็นเพื่อน...ก็ให้ข้อมูลไปกับคุณเดช...แล้วก็ให้เขาไปตัดสินใจเองก็ไม่น่าเสียหายนะครับ คุณนิฐิ….”


ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งพ่อค้าเพชรคนดังก็ผงกศีรษะ ขณะที่คมศรซ่อนยิ้มเอาไว้ในหน้า หัวเราะระรื่นในใจ ก่อนจะทำทีเป็นลากลับเดินตัวปลิวออกมาจากสำนักงานค้าเพชรแห่งนั้น


อยากเห็นหน้าไอ้เซี้ยง....ฮะฮะ....สงสัยคงฝันหวานว่ากำลังตกถังข้าวสารอยู่ละมัง...ฝันสลายว่ะ..ไอ้เซี้ยง...หึหึ


คมศรคิดอย่างครื้นเครง ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นกดโทร พอได้ยินเสียงอีกด้านรับ ใบหน้ายิ้มๆ ก็ขรึมลงเล็กน้อยเมื่อถามว่า


เหตการณ์เป็นยังไงบ้าง...ปกติดีอยู่หรือเปล่า”


ชายหนุ่มรับฟังคำตอบครู่หนึ่ง สีหน้าค่อยคลายความเครียดลง กล่าวตบท้าย


ฉันจะขึ้นไปที่ปางพรุ่งนี้...แล้วค่อยว่ากันอีกที”


ทีนี้ก็เหลือเรื่องสุดท้ายที่เขาจะทำก่อนขึ้นลำปาง...ใบหน้าคร้ามคมยิ้มออกมา ก่อนจะโทรศัพท์ออกไปอีกครั้ง


พ่อเลี้ยงครับ...”


เสียงปลายสายดังขึ้นรับอย่างนอบน้อม คมศรยิ้มพลางถามสั้นๆ


เป็นไง...”


ก็เหมือนทุกวันครับ คุณหนูคงจะออกมาสักทุ่มหนึ่งหรือกว่านั้นนิดหน่อย...”


ชายหนุ่มหน้าคร้ามคม ผงกศีรษะกล่าวว่า


ไอ้ปิ๊ก..แกกลับขึ้นลำปางไปเลย...ไม่ต้องเฝ้าแล้ว...พรุ่งนี้ฉันจะตามไป”


อีกฝ่ายรับคำอย่างนอบน้อม ส่วนคมศรนั้น...นัยน์ตาประกายเหล็กพราวรื่นรมย์


............................


นุช...นุช..วันนี้ไม่มีซ้อมเหรอ...”


เสียงเรียกทัก อรนุชหันไปมองก็เห็นรุจิราเดินแกมวิ่งเข้ามาหา ตอนนี้อาการเจ็บเท้าของเด็กสาวหายดีเกือบเป็นปกติแล้ว เด็กสาวร่างบางเห็นอย่างนั้น พลางคิดอย่างละเหี่ยใจอย่างสุดเสียดาย


แหม...ถ้ารุหายเร็วกว่านี้สักอาทิตย์....นุชก็ไม่ต้องประกวดแทนแล้ว


แต่ต่อหน้านั้นได้แต่ยิ้มสดใส กล่าวว่า


ฮื่อ...เย็นนี้มีธุระน่ะจ้ะ...เลยขอลาพี่แต๋ววันนึ่ง”


ใบหน้าขาวผ่องของรุจิราเบ้ปาก ร้องว่า


แหม..รุอุตส่าห์จะมาดูนุชซ้อมหน่อย ...ความจริงจะมาตั้งหลายวันแล้วล่ะแต่ช่วงนี้รุยุ่งๆ”


ในความเป็นจริงเด็กสาวไม่รู้สึกยินดีเลยที่จะเห็นอรนุชมายืนอยู่ตรงตำแหน่ง ที่ที่เธอได้สิทธิ์ ถึงแม้จะเชียร์อรนุชให้เป็นตัวแทน จริงๆ ก็เป็นเพราะไม่ชอบหน้าฐิติพรรณมากกว่า แต่พอเธอเพิ่งได้ยินข่าวว่าคู่แข่งของเธอแสดงน้ำใจนักกีฬามาเชียร์อรนุช รุจิราเลยคิดว่าเธอควรจะต้องแสดงออกบ้างเพื่อไม่ให้น้อยหน้า


อรนุชไม่รู้ตื้นลึกหนาบางในใจของอีกฝ่าย ก็ยิ้มรับอ่อนหวาน กล่าวเสียงใส


ไม่เป็นไรจ้ะ...แค่นี้นุชก็ขอบใจมากแล้ว”


ไว้วันหลัง...รุจะมาใหม่ก็แล้วกันนะ...ไม่รบกวนเวลานุชล่ะ”


รุจิราผงกศีรษะว่ายิ้มๆ ให้ ก่อนจะโบกมือให้เดินผละไป


อรนุชยิ้มส่งให้ ก่อนจะเดินฮัมเพลงสบายใจที่วันนี้ไม่ต้องซ้อมไปยังบริเวณลานจอดรถ ก็พบกับฐิติพรรณยืนรออยู่แล้ว ก็โบกมือให้อย่างร่าเริง ซึ่งพริตตี้สาวก็โบกตอบ ยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน


คอยนุชนานไหม...โทษที...กว่าจะเจรจากับพี่แต๋วหลบมาได้”


อรนุชพูดขณะที่ก้าวเข้าไปในรถ โดยที่ฐิติพรรณนั่งอยู่เคียงข้างสั่นศีรษะ กล่าวด้วยน้ำเสียงหวานแฝงแต่เอาไว้ด้วยนัยยยะที่เด็กสาวเจ้าของรถซื่อ บริสุทธิ์เกินกว่าจะจับได้


ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ...ไอซ์รอแค่นี้...คุ้มค่ากับการรอจะตายไป”


เด็กสาวร่างบางติดเครื่องยนต์รถฮอนด้าสีขาวคันงามของเธอ และเคลื่อนออกไปจากบริเวณลานจอดรถอย่างช้าๆ แล่นไปตามถนนที่มุ่งตรงไปยังประตูทางออกของมหาวิทยาลัย


นุชจ๋า...ขอยืมโทรศัพท์หน่อยสิ”


ฐิติพรรณกล่าวเสียงหวานต่อเนื่อง


ไอซ์จะโทรไปบอกเพื่อนว่าจะไปหา...เราจะได้ไม่ไปเก้อไง...พอดีมือถือของไอซ์แบตหมดน่ะจ้ะ”


อรนุชพาซื่อหยิบโทรศัพท์มือถือสีแดงสดใสให้แต่โดยดี ซึ่งพริตตี้สาวรับมาแล้วก็หยิบโทรออกไปด้วยเสียงหวานใส


ไอซ์กำลังเดินทางไปนะ...เดี๋ยวเจอกันจ้ะ”


หากแต่เมื่อโทรเสร็จ มือถือเครื่องนั้นก็ตกอยู่ในมือของพริตตี้สาวโดยตลอด และถูกปิดเสียงเอาไว้....










ขณะที่อรนุชเลี้ยวรถออกไปจากประตูมหาวิทยาลัย ในจังหวะนั้นที่คลาดกันไม่ถึงครึ่งนาที ชายหนุ่มใบหน้าคร้ามคมก็เลี้ยวรถผ่านเข้าไปในประตูเดียวกัน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครานั้นยิ้มแย้ม


รถสองคัน ณ ประตูทางออกที่จังหวะนั้นอยู่ห่างกันไม่ถึงยี่สิบเมตร ต่างฝ่ายต่างวิ่งห่างระยะกันออกไปคนละด้าน รถฮอนด้าสีขาวกลืนหายไปหมู่รถที่ขวักไขว่ในท้องถนนยามเย็น ขณะที่รถอีกคันหนึ่งวิ่งตรงไปยังคณะที่เด็กสาวเพิ่งขับรถออกมา


........................


กว่าที่รถยุโรปแบบซีดานคันสีดำภูมิฐาตจะแล่นเข้ามาตามเส้นทางสู่ตัวบ้านที่ โอ่อ่าตระการตาในเนื้อที่กว่าสองไร่นั้น ก็เป็นเวลาเกือบห้าโมงครึ่งแล้ว


อรอุษาแลบลิ้นออกมา ก่อนจะชะโงกหน้ามาจากที่นั่งตอนหลัง กล่าวเสียงหวานกับคนขับรถวัยกลางคนที่รับใช้มาตั้งแต่สมัยคุณพ่อของเธอยังมี ชีวิตอยู่


รถติดจังนะคะ ลุงมาก...โอ้โห...กว่าจะหลุดมาถึงบ้านเกือบหกโมงแล้ว”


ลุงมากหัวเราะเอื่อยๆ ความที่อยู่กับครอบครัวนี้มาเนิ่นนาน สำหรับเขาแล้วเด็กสาวที่พูดอยู่ตอนหลังไม่ต่างอะไรกับลูกหลาน รึจะรักยิ่งกว่าลูกหลานแท้ๆ เสียอีก เพราะความกตัญญูต่อพระคุณของบิดาอีกฝ่าย ที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เขายังรุ่นๆ


อย่าว่าแต่...พวกคุณๆ ทั้งสามน่ะช่างน่ารัก...เป็นเด็กดี...เป็นเจ้านายที่ประเสริฐ....และที่ สำคัญที่สุด...ไม่เคยถือเนื้อถือตัวกับพวกบ่าวไพร่เลย


รถคันงามที่แล่นช้าๆ เลียบกำแพงยาวเหยียดไปตามแนวของบ้านหลังใหญ่ ก่อนที่จะเลี้ยวเข้าไปในบริเวณบ้าน เด็กสาวแสนสวยที่นั่งอยู่ด้านหลัง สังเกตุเห็นรถเก่ากลางใหม่แบบขับเคลื่อนสี่ล้อจอดเยื้องๆ อยู่หน้าบ้านคันหนึ่ง แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรนัก


พอรถจอดที่หน้าลานเทอเรซหน้าบ้านที่ปูด้วยหินอ่อนสีขาวงามตา อรอุษาก็กล่าวเสียงใสกับคนขับรถ


ขอบคุณมากค่ะ..ลุงมาก”


ก่อนที่เด็กสาวจะเปิดประตูลงไป และพบกับแม่บ้านหญิงวัยกลางคนเดินที่เดินออกมารับ


เด็กสาวหน้าหวานผ่องเดินเข้าไปหาอย่างร่าเริง ใบหน้าที่มีริ้วรอยแห่งวัยของผู้ที่เดินออกมารับนั้น ยิ้มให้อย่างเอ็นดู เมื่อร่างบางนั้นเดินเข้ามากอดเธอเอาไว้ ไม่ต่างอะไรกับสมัยที่เธอยังเป็นเด็กเล็กๆ


เป็นไงคะ..คุณษา...เที่ยวสนุกไหม”


ละเอียดแม่บ้านผู้ที่เลี้ยงดูสามพี่น้องมากับมือถามอย่างอ่อนหวาน อรอุษายิ้มสดใส


สนุกค่ะ....อิ่มจนอืดท้องไปเลยด้วย...ษากินข้าวไปตั้งจานใหญ่ พอตอนเข้าไปในโรงหนังพวกเพื่อนๆ ษา...เขายังซื้อข้าวโพดเข้าไปกินอีกตั้งกล่องเบ้อเร่อ...โอยยย...ษากินจนอืด เลย...ป้าเอียดขา...สงสัยต้องงดข้าวเย็นเล้วล่ะค่ะ”


เด็กสาวแสนสวยพูดไปก็ยกมือลูบท้องตัวเองไป กล่าวเสียงเคล้าหัวเราะ ขณะที่ป้าเอียดของสามพี่น้อง สั่นศีรษะกล่าวเอ็ดเบาๆ อย่างเอ็นดู


ดู๊ดู...คุณษา...ทำอย่างกับเด็กๆ...จะเอาขนมมาแทนข้าวได้ยังไงคะ...อาหารก็ต้องกินให้ครบมื้อ...คุณษาต้องทานยาหลังอาหารเย็นด้วย”


อรอุษาย่นจมูก บ่นพึมพำ


ยาอีกแล้ว...เบื่อจะแย่...ษาหายดีแล้วค่ะ...”


ป้าเอียดตีมือไปเบาๆ ตรงแขนบางสวยนั้น กล่าวยิ้มๆ


อย่าดื้อกับป้าเอียดนะคะ...ไปค่ะ...ไปอาบน้ำอาบท่า...แล้วค่อยลงมาทานข้าวเย็น…นี่จะหกโมงแล้ว”


อรอุษาหัวเราะคิกๆ ก่อนจะผละไปอย่างร่าเริง แต่ทันใดนั้นเองเสียงกริ่งโทรศัพท์ที่บ้านก็ดังขึ้น เด็กสาวอยู่ใกล้โต๊ะที่วางโทรศัพท์มากกว่าแม่บ้าน จึงปราดเข้าไปหยิบรับและกรอกเสียงหวานใสลงไป


สวัสดีค่ะ...”


เสียงปลายเสียงนิ่งไปอึดใจหนึ่ง ก่อนที่จะมีเสียงทุ้มๆ ดังขึ้น


ผมขอสายคุณอรนุชครับ”


พี่นุชยังไม่กลับค่ะ....คงจะกลับสักประมาณสองทุ่ม...จะฝากข้อความไว้ไหมคะ”


เสียงปลายนั้นนิ่งไปนาน จนอรอุษาต้องถามย้ำ จึงมีเสียงตอบเบาๆ


ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก”


จากนั้นอีกฝ่ายก็วางสายไป เด็กสาวแสนสวยก็ไม่ได้คิดอะไรมาก นึกไปว่าคงเป็นคนรู้จักของพี่สาวคนรอง จึงวางหูโทรศัพท์ลง และเดินแกมวิ่งขึ้นไปตามบันไดที่เวียนขึ้นไปบนชั้นสอง ท่ามกลางเสียงเอ็ดของแม่บ้าน


คุณษา...อย่าวิ่งขึ้นบันไดสิคะ...เดี๋ยวก็สะดุดหกล้ม…คุณนุชก็อีกราย...ไม่รู้จะรีบวิ่งไปไหนกัน...ปรู๊ดปร๊าด”


อรอุษาหัวเราะคิกๆ หันหน้ามาย่นจมูกล้อแม่บ้านที่เลี้ยงตนเองมาแต่เล็ก


ยกเว้นอรชาเสียคนที่ตอนนี้ป้าเอียดทั้งรักทั้งเกรงใจทั้งเทิดทูน ส่วนอรนุชกับอรอุษานั้นละเอียดยังคิดอยู่เสมอว่าสองพี่น้องยังเป็นเด็กๆ ในการดูแลของตัวเธออยู่


พอเข้าไปในห้องนอน เด็กสาวเดินผ่านหน้าต่างที่มองทอดไปยังประตูบ้าน ก็จับจ้องไปยังรถคันนั้นที่ยังคงจอดอยู่เยื้องๆ ประตูใหญ่ถอยไปสักสามสิบเมตร มีเงาตะคุ่มๆ แสดงว่าคนขับรถนั่งอยู่ภายใน


แต่ในเวลานั้นอรอุษาก็ยังไม่ได้สนใจอะไรมากนัก อย่างไรก็ตามพอเด็กสาวอาบน้ำเสร็จและเดินผ่านหน้าต่างอีกครั้งรถคันนั้นก็ ยังจอดอยู่ตรงที่เดิม ในเงาตะคุ่มๆ นั้นมีแสงวาบๆ ของคนที่กำลังสูบบุหรี่อยู่ ทำให้เธออดรู้สึกสงสัยไม่ได้


เพราะอาณาเขตบ้านของเธอนั้นกว้างขวางกว่าสองไร่ แนวผนังกำแพงที่เลยประตูไปยาวนั้น ไม่ได้แสดงให้เห็นว่ารถคันนั้นจะขยับเคลื่อนไปยังบ้านที่อยู่ถัดไปแต่อย่าง ใด


เด็กสาวแน่ใจว่าไม่เคยผ่านตารถคันนี้มาก่อนเลย ไม่น่าใช่รถของคนที่อยู่ในบริเวณนี้


เอ...ใครกันมาจอดรถหน้าบ้าน


อรอุษาอดถามอยู่ภายในใจไม่ได้


............................


คมศรดูดบุหรี่ตัวที่ห้าแล้ว...ความจริงเขาไม่ติดบุหรี่ และนานๆ ถึงจะสูบสักมวน


แต่ตอนนี้ความรุ่มร้อนในใจมันเผาผลาญจนชายหนุ่มต้องหยิบซองบุหรี่ออกมาจาก ที่เก็บข้องหน้ารถ และจุดสูบเป็นระยะต่อเนื่องกันเป็นตัวที่ห้าแล้ว


หวนนึกถึงเมื่อเขาขับรถเข้าไปถึงบริเวณที่จอดรถของคณะ และไม่ได้เห็นรถฮอนด้าสีขาวคันนั้นที่เจนตา...คมศรก็แปลกใจ...และโทรไปถาม ลูกน้องที่เขาให้เฝ้าติดตามเด็กสาวทุกวันมาระยะหนึ่งแล้ว


เอ...ตอนที่พ่อเลี้ยงโทรมา...และผมขับรถออกไป...รถของคุณหนูก็ยังจอดอยู่เลยนะครับ”


คมศรดูเวลา มันก็คลาดกันไม่นานนี้เองน่ะสิ ชายหนุ่มคิดอย่างหงุดหงิด


ไม่เป็นการยากเย็นอะไรสำหรับเขาเลย ที่จะควานหาจนรู้เบอร์โทรศัพท์มือถือของพี่แต๋ว ดังนั้นเขาลองทำทีเป็นโทรศัพท์ไปหาอรนุชว่ามีธุระจะคุยด้วย อีกฝ่ายก็ตอบแบบพาซื่อ


อ๋อ..น้องนุช..บอกว่ามีธุระด่วนที่บ้านค่ะ...เลยขอลาซ้อมวันหนึ่ง”


คมศรได้ฟังก็รีบบึ่งรถไปยังบ้านพักของเด็กสาวหัวดื้อนั้น และบัดนั้นถึงบัดนี้ กระทั่งเขาโทรเข้าไปตรวจสอบ ผู้ที่เป็นน้องสาวก็ดูเหมือนไม่ได้รู้เลยว่าพี่สาวนั้นไม่ได้อยู่ที่มหาลัย


ธุระด่วนที่บ้าน...บ้าบอ...อะไรกัน?


เขาแน่ใจเด็กสาวตัวเล็กหัวดื้อนั้นไม่ใช่พวกเด็กสาวใจแตกจะหลบๆ ซ่อนๆ ผู้ใหญ่ไปเที่ยว


ที่สำคัญเขาโทรเข้ามือถือของอีกฝ่ายแทบจะทุกนาทีแต่ไม่มีการรับสาย.....มันต้องมีอะไรผิดปกติสักอย่าง


ความร้อนรุ่มที่นัยน์ตาสีเหล็กสาดประกายออกมานั้น ยิ่งเข้มข้นเมื่อเวลายิ่งผ่านไป


ทันใดนั้นประตูเล็กหน้าบ้านหลังนั้นก็เปิดออก...


............................


รถฮอนด้าสีขาวที่คมศรเฝ้ารออย่างกระวนกระวายขอให้ได้เห็นนั้น ขณะนี้กำลังแล่นไปตามถนนสายเล็กที่แยกตัวออกมาจากถนนใหญ่ อากาศเริ่มขมุกขมัวจนต้องเปิดไฟใหญ่หน้ารถ


เพื่อนของไอซ์ทำไมมาอยู่ซะไกลเลยล่ะเนี่ย…อย่างนี้เวลาไปหาหมอ หรือไปเรียนไม่ลำบากแย่เหรอ”


คนขับรถร่างเล็กบางถาม สายตากวาดมองไปตรงทางเบื้องหน้าอย่างระมัดระวังเพราะค่อนข้างเป็นหลุมเป็นบ่อ ใช้ความเร็วได้ไม่มากนัก


ฐิติพรรณในตอนนี้ นัยน์ตาที่วาวโรจน์ของเด็กสาวเปล่งประกายแห่งความสาสมใจที่เริ่มปิดไม่มิด แต่น่าเสียดายอรนุชที่กำลังระมัดระวังในการขับรถอยู่ไม่มีโอกาสได้แลเห็นแวว ตานั้น


ถ้าเห็นเด็กสาวอาจจจะเอะใจ....ฐิติพรรณบอกว่ากำลังเป็นห่วงอาการป่วยของ เพื่อนที่กำลังพักฟื้นอยู่ที่บ้านในหมู่บ้านชานเมืองกรุงเทพแห่งนี้...เหตุ ไฉนจึงมีสีหน้าแววตาที่เปี่ยมไปด้วยสัญญาณแห่งความสมอารมณ์หมายนั้นด้วย....


ไอซ์ก็เคยชวนเพื่อนไปอยู่ด้วยเหมือนกันแหล่ะ แต่เขาต้องอยู่กับแม่...แม่ของเพื่อนไอซ์เขาแก่แล้วจ้ะ”


เพื่อนของไอซ์น่ารักจัง”


อรนุชกล่าวชมยิ้มๆ โดยไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่ากำลังเดินทางเข้าไปพบพานกับอะไร ส่วนฐิติพรรณนั้นหัวเราะเบาๆ เสียงใส หยิบมือถือของเด็กสาวร่างเล็กบางที่ยึดเอาไว้โดยตลอดขึ้นมาพลางพูดว่า


เพื่อนไอซ์รู้ว่านุชชมคงดีใจ....ไอซ์จะโทรไปบอกนะ...ว่าใกล้จะถึงบ้านเขาแล้วล่ะ”


จากนั้นพริตตี้สาวก็กดปุ่มโทร สักครู่หนึ่งก็ส่งเสียงหวานใสลงไป


ฮื่อ...จะถึงแล้วนะ…เดี๋ยวเจอกันจ้ะ”


รถฮอนด้าสีขาวนั้นแล่นลึกเข้าไปเรื่อยๆ และตะวันเริ่มลับหายไปกับทิวไม้ พื้นที่บริเวณนั้นโดยรอบๆ ยังเป็นทุ่งโล่งกว้างซะเป็นส่วนใหญ่ เพราะหมู่บ้านชายเมืองแห่งนี้แสดงให้เห็นว่าเป็นโครงการที่ไม่ประสบความ สำเร็จ จึงมีบ้านที่สร้างไม่เสร็จร้างคาอยู่หลายหลัง จะมีบ้านที่มีคนอาศัยอยู่บ้างก็ห่างกันประปราย


อรนุชขับรถมาถึงแยกหนึ่ง แม้เด็กสาวจะขับรถอย่างระมัดระวังและใช้ความเร็วไม่สูงนัก แต่แสงไฟที่จ้ามาจากด้านซ้ายมือของเธอนั้นวาบเข้ามาอย่างเร็ว พร้อมๆ หางตาของเด็กสาวแลเห็นรถกระบะคันหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยความเร็วพอสมควร


เด็กสาวคนขับใจหายวาบ รีบหักพวงมาลัยหลบไปทางขวา แต่ทว่าความเร็วของรถกระบะคันนั้นก็เร็วเกินกว่าที่เธอจะหลบพ้น กันชนหนาด้านหน้าของรถกระบนจึงเสยเข้าเบียดจนครูดไปกับบังโกลนหน้าด้านซ้าย ของรถฮอนด้าสีขาวคันงามนั้นจนสะเทือนไปทั้งคัน


โครม.....เอี๊ยดดดดดด


ว๊าย....”


เสียงฐิติพรรณร้องลั่นรถ ขณะที่อรนุชพยายามบังคับรถของเธอที่กระดอนเสียหลัก วิ่งลื่นไถลออกไปนอกเส้นทาง ดีที่ความเร็วที่เด็กสาวขับไม่มาก รถฮอนด้าคันงามที่พุ่งวาบหาต้นไม้ใหญ่ข้างทาง จึงถูกเด็กสาวที่เหยียบเบรคสุดตัว บังคับหักมุมจนรถพุ่งเข้ากระแทกไปตรงบริเวณด้านหน้ารถยุบเข้ามา แต่ไม่ถึงกระเทือนมากจนถึงกับทำให้ถุงลมนิรภัยดีดออกมา


เมื่อรถที่สะเทือนไปทั้งคันนั้นหยุดนิ่งลง อรนุชค่อยผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก และพยายามระงับความตื่นเต้นตกใจเอาไว้ หันมาถามฐิติพรรณที่นั่งด้านข้างอย่างเป็นห่วง


ไอซ์...ไอซ์เป็นอะไรหรือเปล่า”


พริตตี้สาวสั่นศีรษะ กล่าวเสียงระรัวเหมือนกับยังไม่หายตกใจ


มะ..ไม่เป็นไรจ้ะ”


จากนั้นฐิติพรรณเบือนใบหน้าอันบึ้งตึง หันไปยังร่างตะคุ่มๆ ที่เดินออกมาจากรถกระบะ แล้วกล่าวว่า


ไอ้พวกนี้มันขับรถยังไง...”


เด็กสาวเปิดประตูออกไป ตวาดเสียงแหลม


นี่พวกคุณขับรถเป็นหรือเปล่า...”


พอเห็นฐิติพรรณเดินออกไปต่อว่าเสียงดัง อรนุชเกรงจะเกิดเรื่องกับเพื่อน จึงรีบเปิดประตูฝั่งตัวเองตามออกไป ร้องเรียกว่า


ไอซ์...ใจเย็นๆ”


ในเวลานั้นอรนุชแลเห็นกลุ่มสี่ห้าคนที่เดินออกมา ล้วนแล้วแต่เป็นเด็กวัยรุ่นท่าทางน่ากลัว จึงรีบไปยุดข้อมือบางของฐิติพรรณเอาไว้ พยายามกระซิบบอกว่า


อย่ามีเรื่องเลย...ไอซ์...พูดกันดีๆ ดีกว่า...เชื่อนุชเหอะ”


ดวงตาของเด็กวัยรุ่นทั้งกลุ่มที่จับจ้องมายังอรนุชอย่างเปิดเผยนั้น กวาดมองไปทั่วเรือนร่างของเด็กสาวอย่างไม่เกรงใจ ตาเหลือกโปนนั้นเบิ่งถลนจ้องไปที่ใบหน้างามใสของอรนุชแบบไม่วางตา ทำให้เด็กสาวร่างเล็กบางรู้สึกขนลุกเกรียวจนอดที่จะยกมือขึ้นมากอดอกตัวเอง เอาไว้ไม่ได้


ขณะที่ฐิติพรรณชี้มือไปยังรถฮอนด้าคันงามของอรนุชซึ่งตอนนั้นชนคาอยู่ที่ ต้นไม้ใหญ่ บังโกลนหน้าด้านซ้ายยุบไปทั้งแถบ และไฟหน้าซ้ายนั้นแตกละเอียด


นี่พวกคุณจะชดใช้ยังไง เห็นไหมรถเพื่อนฉันพังหมดแล้ว”


ชิดหัวเราะกระหยิ่ม บุ้ยใบ้เป็นสัญญาณไปที่รถกระบะเก่าๆ คันนั้นที่เทียบค่าไม่ได้เลยกับรถคันงามของอรนุช


รถของผมก็เสียหายเหมือนกันนะครับ”


ไม่รู้...ทางของฉันเป็นทางหลัก...พวกคุณต้องชดใช้ค่าเสียหาย”


เสียงแหลมๆ ของฐิติพรรณแลกมาซึ่งเสียงหัวเราะกราวใหญ่ของแกงค์เด็กนรก ที่ตอนนั้นเดินสืบเท้าเข้ามาหาเด็กสาวทั้งสองอย่างกระหายหื่น


จะให้พวกผมชดใช้ด้วยอะไรดีครับ...พี่สาวคนสวยทั้งสองคน”


เสียงหยาบโลนหื่นกระหายแบบไม่มีปิดบัง นัยต์ตาเหลือโปนน่ากลัวที่กวาดมองมาอย่างแดงก่ำ ทำให้อรนุชใจหาย สัญชาตญาณบ่งบอกกับตัวเองว่าคนพวกนี้ไม่ใช่คนดี...


อรนุชดึงมือพริตตี้สาวถอยไปด้านหลัง ถอยไปเรื่อยๆ จนไปสุดตรงด้านข้างรถของเธอ ด้วยนิสัยที่ชอบออกรับหน้าแทนเพื่อน เด็กสาวก็ยืนบังอยู่หน้าฐิติพรรณ แล้วพูดเบาๆ แต่พยายามเน้นเสียงให้ดูว่าเธอนั้นคุมสติได้


เอาเถอะค่ะ....พวกคุณไปรอที่รถของคุณ...ทางเราจะโทรเรียกประกันมาจัดการ”


เสียงหัวเราะครืนใหญ่ อ๋องที่ควยอวบตุงเป้าอยู่นานแล้ว มองไปยังใบหน้าสวยใสตรงหน้าอย่างกระหายอยาก แลบลิ้นหัวเราะ ฮิฮิ


เรื่องแค่นี้เอง...ไม่ต้องถึงกับโทรเรียกประกันก็ได้...ให้พวกผมกับพี่สาว คนสวยทั้งสองคน นั่งจับเข่าคุยกันใจเย็นๆ แล้วตกลงกันดีๆ จะไม่ดีกว่าหรือจ๊ะ...”


เสียงพรรคพวกโห่ร้องอย่างชอบใจ ฮ่าฮ่าฮ่า ท่ามกลางเสียงหัวเราะนั้นแกงค์เด็กนรกทั้งห้าสืบเท้าเข้ามาอีก


อรนุชหันกลับไปในรถ แล้วรีบหยิบมือถือที่ฐิติพรรณวางอยู่บนเบาะที่นั่งออกมาจากชูขึ้นกล่าวเสียงแข็ง


พวกคุณอย่าเข้ามาอีกนะ...ไม่อย่างนั้นฉันจะเรียกตำรวจ”


เด็กสาวไม่พูดเปล่า ทำท่ากดปุ่มไปจริงๆ แกงค์เด็กนรกทั้งห้าตาลุกวาวขึ้นทันที


แจ็กพรวดพราดเข้ามาอย่างกระทัน คว้ามือจู่โจมไปที่มือของอรนุชที่ถือโทรศัพท์อยู่ ใบหน้าแสยะยิ้มอย่างกระหาย คิดว่าเด็กสาวเบื้องหน้าคงไม่ต่างอะไรกับเนื้ออ่อนๆ ที่เสนอคอยอยู่บนจานให้ฉีกกินอย่างสบายใจ


อรนุชผลักตัวของฐิติพรรณที่ยืนอยู่ด้านหลังให้เซออกไปข้างๆ แล้วร้องเสียงดัง


ไอซ์รีบหนีไปก่อน ไปตามคนมาช่วย...”


ส่วนร่างเล็กบางนั้นพลิกอย่างคล่องตัว ร่างของแจ็กเลยพรวดถลำอย่างเสียหลัก เด็กสาวจึงใช้เข่ากระทุ้งไปที่สีข้างของสมาชิกแกงค์เด็กนรกอย่างถนัดถี่ เสียงครางของแจ็กดังโอ้กใหญ่ ตัวงองุ้มทรุดไปทันที


น่าเสียดายที่อรนุชอยู่ในชุดนักศึกษา กระโปรงที่เธอสวมทำให้เด็กสาวขยับไม่ถนัด ไม่อย่างนั้นเข่าที่อัดเข้าไปตรงสีข้างคงทำให้แจ๊กเจ็บมากไปกว่านี้อีกเยอะ


แต่ขนาดนั้นก็ทำให้เด็กหนุ่มร่างเกร็งนั้นใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บ คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว


โว๊ย....อีห่านี่เข่าใส่กู....”


ร่างอ้วนใหญ่ของเด็กช่างกลถลาเข้ามา อ้าแขนหมายจะรัดร่างเล็กบางเอาไว้ให้อยู่มือ แต่อรนุชนั้นก้มตัวลงหลบ ถอยหลังไปเล็กน้อย ก็ใช้ไหล่งามของเธอยกบวกแรงของร่างอ้วนใหญ่ที่ถลาเข้ามา ถึงกับเหวี่ยงทุ่มเด็กร่างอ้วนพลิกหงายท้องลงไปกับพื้นดังโครมสนั่น


อ้วนแหกปากร้องอย่างเจ็บปวด เมื่อเท้าเล็กๆ ในรองเท้าหุ้มส้นนั้นกระทืบซ้ำลงไปที่ลิ้นปี่ตัวเอง จนร่างอ้วนฉุนั้นบิดพร่านๆ


อรนุชฉวยโอกาสที่แกงค์นรกตกตะลึง นึกไม่ถึงว่าเนื้อสมันจะกลายเป็นแม่เสือสาวไปได้ รีบวิ่งเข้าไปฉุดข้อมือบางของฐิติพรรณที่ยืนเบิกตากว้างอยู่


หนีเร็ว..ไอซ์”


เด็กสาวพูดพลางฉุดเพื่อนออกวิ่งไปอย่างเต็มฝีเท้า


ทันใดนั้นเองชิดเพิ่งเรียกสติได้ หัวโจกเด็กแกงค์นรกมีใบหน้าถมึงทึง


ไอ้เหี้ยเอ๊ย ตัวนิดเดียวเอาไม่อยู่ ไอ้มืด ไอ้อ๋อง...จับอีห่านี่ให้ได้”


ทั้งสามจึงวิ่งตามไปติดๆ ขณะที่แจ็กกับอ้วนที่จุกแอ้ดๆ ต้องรวบรวมกำลังอีกพักใหญ่ กว่าที่จะคำรามอย่างโกรธแค้นพากันวิ่งตามหลังไป


พริตตี้สาวที่ถูกฉุดวิ่งให้ตามหลังอยู่ กัดฟันแน่น ตัดใจทิ้งตัวเหมือนกับสะดุดหิน ร่างของเธอเลยฉุดร่างเล็กบางที่กำลังกำข้อมือเธออยู่นั้นให้กลิ้งล้มลงกับ พื้นอย่างเสียหลักไปด้วยกัน


ว๊ายยยย...”


ฐิติพรรณทำเป็นร้องด้วยมารยา ขณะที่ดวงตาโชนประกายเมื่อเห็นชิดกับพวกทั้งสามคนวิ่งมาทัน อ๋องปราดเข้ามาล้มทับร่างเล็กบางที่นอนหงายเสียหลักอยู่กับพื้น แต่เข่ากลมมนสวยของอรนุชที่ยกตั้งขึ้นมารับ พุ่งกระแทกเข้าไปที่ท้องน้อยของเด็กโค่งจนร่างงอ ร้อง โอ้ก ใบหน้าเบี้ยว ร่างพลิกหงายไปด้านข้าง ตัวงออย่างเจ็บปวด


อูยยยยยย...อีห่านี่....อูยยยยยย”


มืดที่วิ่งตามมาจังหวะนั้น พออรนุชยกเข่ากระแทกท้องน้อยเพื่อนร่วมแกงค์ของเขา กระโปรงนักศึกษาสีดำก็เลยร่นเลิกขึ้นมา ทำให้เด็กหนุ่มแลลอดขึ้นไปตามช่วงขาขาวของเด็กสาวจนมองเห็นกางเกงในสีขาวบาง ที่อรนุชสวมใส่ ภาพที่กระจ่างตานั้นกระตุ้นให้ความกระหายหื่นของเด็กช่างกลแกงค์นรกนั้น พลุ่งพล่านขึ้นจนใบหน้าที่เต็มไปด้วยสิวบิดเบี้ยวกระเส่า หอบหายใจอย่างหนัก กล่าวเสียงหื่น


โคกหีอูมจริงๆ พี่สาวคนเก่ง....”


อรนุชได้ยินคำพูดที่หยาบช้าลามกนั้น ทำให้เด็กสาวตัวสั่นด้วยความขยะแขยง รีบทิ้งขาลง และพยายามพลิกตัวกลับหมายจะยันตัวให้ลุกขึ้น ทำให้มืดร้องในใจอย่างเสียดาย ที่เนินนูนสวยนั้นหายกลับเข้าไปในกระโปรงนักศึกษา ปากแผดเสียงร้องลั่นอย่างหื่นกระหาย พุ่งถลาเข้าไปคราวนี้ร่างผอมเกร็งของเขาล้มทับทาบไปกับร่างเล็กบางที่มีข้อ จำกัดเนื่องจากชุดนักศึกษาที่สวมใส่ทำให้ขยับตัวไม่ถนัดจนได้สมใจอยาก


แขนของเด็กหนุ่มรัดไปบนร่างเล็กบาง ใบหน้าที่ปรุไปด้วยสิวพยายามซอกไซร้ไปตามต้นคอขาวผ่องด้านหลังอย่างกระหาย สูดกลิ่นหอมจรุงรวยรินจากเรือนกายที่ตนเองรัดอยู่


หอมเหลือเกิน พี่สาว....อุ๊บบบบบบบ”


พลันหน้าที่เต็มไปด้วยสิวก็บิดเบี้ยว ปากแหกลั่น เมื่อร่างเล็กบางเบี่ยงไปข้างๆ แล้วใช้ศอกกระทุ้งกลับเข้าไปที่ลิ้นปี่ของเขาเต็มๆ แขนที่รัดอยู่ต้องคลายวงไปทันที


อรนุชมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์ ดิ้นรนจนหลุดจากปลอกแขนของมืด พลิกตัวกลับมา และสะบัดเท้าเตะสวนผ่าหมากเด็กหนุ่มหน้าปรุที่ยืนตัวงออยู่อย่างถนัดถี่ดัง ปึ้กกกก


อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก.......”


มืดแหกปากดังก้องยาวเหยียด ร่างทรุดงอก่องอขิงไปกับพื้นทันที ใบหน้าปรุนั้นเขียวคล้ำเหงื่อกาฬแตกพล่าน ดวงตาลานเหลือก น้ำลายไหลยืดออกมาจากปาก เพราะความเจ็บปวดนั้นเหลือประมาณนัก


อรนุชอาศัยจังหวะนั้น รีบกดปุ่มมือถือที่เธอยังกำเอาไว้แน่น...191


ช่วยด้วยค่ะ…”


ยังไม่ทันสิ้นเสียงที่เธอกรอกลงไปอย่างร้อนรน เสียงหวีดร้องของฐิติพรรณก็ดังขึ้น อรนุชหันกลับไปก็พบชิดกำลังยืนประกบอยู่ด้านหลัง ใช้แขนล๊อคคอของพริตตี้สาวเอาไว้


อรนุชใจหายวาบ รีบวิ่งเข้ามา ร้องว่า


ปล่อยเพื่อนฉันนะ...”


ชิดคำราม


หยุดนะ...ไม่งั้นฉันจะหักคออีห่านี่...”


ฐิติพรรณรับรู้ถึงแรงที่กดเข้ามาที่ลำคออย่างแรง เธอเจ็บจริงๆ จนใบหน้าเบี้ยว ร้องไอ แค๊ก แค๊ก


นุช...แค๊กก...แค๊กก...ช่วย...ไอซ์...ด้วย...แค๊กกก”


เด็กสาวร่างบางยืนตะลึงลานทำอะไรไม่ถูก อ้วนกับแจ็กที่วิ่งทุลักทุเลตามมา ต่างคนต่างมีสีหน้าบูดเบี้ยวด้วยโทสะ อ้วนพุ่งตัวอันอ้วนใหญ่เข้าไป ประเคนหมัดลุ่นๆ เข้าไปที่ท้องน้อยของอรนุชเต็มๆ พล๊อก


อรนุชตาลอย ปากงามอ้ากว้างแต่ไร้เสียงลอดออกมาแม้แต่นิดเดียว ร่างเล็กบางทรุดฮวบลงไปคุกเข่าตัวงอกับพื้นทันที


แจ็กตามมาติดๆ กับอ๋องที่ยันตัวออกมาจากพื้นได้ ต่างปราดเข้ามาจับไปที่หัวไหล่บางของอรนุช กดร่างงามนั้นให้นอนหงายไปกับพื้น ใบหน้าของคนทั้งสองถมึงทึง คำรามกระเส่า


เก่งนักนะ..อีห่านี่...เดี๋ยวกูจะสอนให้รู้สึก...”


อ้วนยืนแสยะยิ้ม มองดูร่างเล็กบางที่นอนปวกเปียกระทวยอยู่บนพื้น กระโปรงสีดำที่ความจริงยาวคลุมประมาณเข่าตอนนั้นเลิกร่นขึ้นมาจนแลเห็นช่วง ขาอ่อนที่ขาวงามเป็นประกายยั่วยวนจนควยอ้วนอวบของตนเองนั้นกระดกตึงเป้า


มืดที่ถูกเตะผ่าหมาก ยังคลานขึ้นไม่ได้ ตัวงออยู่กับพื้น ร้องเสียงโหยหวน


อีห่า..มันเตะควยกู....อีห่า...มันเตะควยกู....ไอ้เหี้ยอ้วน...มาช่วยพยุงกูหน่อย”


อ้วนหัวเราะออกมาอย่างครื้นเครงในอาการของเพื่อนร่วมแกงค์ ส่งเสียงกระเส่า


เออ...เดี๋ยวมึงได้เอาคืน...อีห่านี่เต็มคราบแน่...ไอ้มืด”


ร่างอ้วนนั้นเดินเข้าไปฉุดประคองร่างของเด็กหน้าปรุให้เดินกระย่องกระแย่ง กลับมา ร่างผอมเกร็งทรุดตัวงอ คุกเข่าอยู่ข้างๆ ร่างของอรนุชที่นอนจุกอยู่บนพื้น แววตาของมืดเต็มไปด้วยคลั่ง ดวงตาเหลือกลานราวกับคนบ้า


อีเหี้ย....นี่แน่ะ...เก่งนัก”


มืดกำหมัดยกขึ้นสุดมือ และทุบไปตรงท้องน้อยของอรนุชที่นอนอยู่บนพื้นดัง พลั่ก


อรนุชร้อง อ๊อออก....ครางออกมาอย่างเจ็บปวด ร่างเล็กบางนั้นงอสะดุ้ง ความเจ็บนั้นแปล๊บไปทั่วร่างกายจนทำให้น้ำตาไหลซึมออกมาจากหางตาสวยนั้นเป็น ทาง เด็กหน้าปรุมองไปอย่างสาแก่ใจ


สม...อีห่า..เก่งนัก...เดี๋ยวคืนนี้มึงได้ร้องไห้อีกนานแน่”


ช่างกลหน้าปรุกำหมัดจะกระแทกเข้าไปอีก อ้วนที่ด้านหลังยุดมือเอาไว้ ร้องกระเส่า


พอ...พอ...เดี๋ยวเนื้อขาวๆ ของอีห่านี้ช้ำหมด...บวมตุ้ยๆ...เสียของเปล่าๆ...เดี๋ยวเย็ดแล้วไม่สะเด่าเว้ย...”


ชิดหัวหน้าแกงค์แสยะยิ้ม ผลักร่างของพริตตี้สาวกระเด็นไปข้างทาง ก่อนที่จะผวาเข้าไปยังร่างเล็กบางที่ถูกกดอยู่บนพื้น ใบหน้าเสี้ยมนั้นบิดเบี้ยวราวกับสัตว์ป่า


อรนุชที่นอนจุกเสียดอยู่บนพื้นหมดแรงขยับหนี มือหยาบของชิดขยุ้มไปที่ปกเสื้อนักศึกษาของเด็กสาว กระชากทีเดียว ปึ้ด ปึ้ด ปึ้ด.... กระดุมเสื้อปลิวว่อน


เสียงแผดหัวเราะร้องอย่างกระสันดังประสานครืนใหญ่ เมื่อผิวกายขาวผ่องของเด็กสาวเปิดเผยออกมาจากสาบเสื้อนักศึกษาที่แบะออกไป สองข้าง ทรวงอกที่ตูมตั้งสะท้อนขึ้นลงอยู่บนยกทรงเนื้อเรียบสีขาวนั้นลอยเด่นออกมา ให้เห็นเต็มๆ ตา


อูยยยยยย...ขาวชิบหาย...นมแม่งตูมดีจริงๆ...”


มือของชิดสั่นระริก พุ่งหมายจะเข้าไปบีบเค้น ก้อนทรงที่เต่งเต้านั้นให้สาแก่ใจ


อรนุชเห็นมือหยาบที่เคลื่อนเข้ามา...เด็กสาวอยากจะดิ้นรนให้สุดกำลัง แต่ก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะทำได้ดั่งใจนึก...


ในเวลานั้นดวงตากลมโตของอรนุช ส่อประกายหวาดหวั่น เจ็บช้ำรันทด..น้ำตาไหลรินออกมาเป็นทาง...


ทันใดนั้นเอง แสงไฟที่สาดส่องจ้า วาบเข้ามาพร้อมๆ กับเสียงเครื่องยนต์กระหึ่ม รถคันหนึ่งพุ่งเข้ามาจอดตรงหน้าคนทั้งหมด เสียงดัง เอี๊ยดดดดดดดดด


แกงค์เด็กนรกที่รุมล้อมอรนุชอยู่แตกฮือออกมาทันที


เฮ้ย มีคนมา....”


พอสมาชิกทั้งห้าแลเห็นมีแค่คนเดียวเดินออกมาจากรถ ถึงแม้จะเป็นคนตัวใหญ่ แต่พวกตนเองมีถึงห้าคน แกงค์เด็กนรกที่ชินกับการรุมแบบหมาหมู่ไล่ทำร้ายคู่อริที่กำลังน้อยกว่าก็ แสยะยิ้มออกมา ชิดคำราม


เฮ้ย เอ็งอย่าเสือก...อยากตายเรอะ”


ใบหน้าที่มีหนวดเครารุงรัง สาดประกายเหี้ยมเกรียม เมื่อดวงตาเหลือบไปเห็นร่างเล็กบางที่นอนจุกอยู่บนพื้น เสื้อนักศึกษาขาดกระจุย


ร่างใหญ่ที่สืบเท้าเข้ามา เด็กนรกทั้งห้าถอยกรูด ต่างคนยังแสดงอาการขัดยอก จุดเสียดจากฤทธิ์ของอรนุชที่นอนอยู่บนพื้น โดยเฉพาะมืดที่ยังยืนค้อมตัวอยู่ขยับขาแบบเก้งก้างเพราะแรงเตะของเด็กสาว ร่างบาง ซึ่งอาการเหล่านั้นไม่รอดพ้นสายตาของคมศรไปได้ ชายหนุ่มแสยะยิ้มจนเห็นฟันขาว


ทุเรสว่ะ...ห้าคนรุมผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียว แล้วยังโดนถึงขนาดนี้”


อ้วนแผดร้องอย่างโกรธเกรี้ยว ร่างพุ่งเข้ามาด้วยโทสะ แต่แล้วร่างอ้วนใหญ่ก็กระเด็นหวือออกไป เมื่อถูกเท้าหนักๆ เตะสวนเข้าไปตรงพุงอ้วนนั้นเต็มๆ ร่างอ้วนนั้นดิ้นพราดๆ ใบหน้าอูมบิดเบี้ยว น้ำลายฟูมปาก


ชิดหัวโจก พยักหน้าให้สัญญาณ แล้ววัยรุ่นทั้งสี่ก็ฮือเข้าไปพร้อมๆ กัน


คมศรมองวัยรุ่นทั้งสี่คนอย่างเวทนา ไม่เห็นพวกนี้อยู่ในสายตาแม้แต่นิดเดียว กำปั้นแข็งใหญ่ประเคนซ้ายขวาไม่ยั้ง รองเท้าเบอร์ 44 ตวัดเตะด้วยชั้นเชิงที่แกงค์เด็กนรกเทียบไม่ได้แม้แต่ขี้เล็บ ประเดี๋ยวเดียวร่างของวัยรุ่นทั้งสี่ก็นอนดิ้นอยู่กับพื้น แหกปากครางครวญอย่างเจ็บปวด


ชายหนุ่มเดินเข้าไปใช้บาทาขนาดใหญ่เหยียบไปที่ยอดอกของชิด ที่ตนเองดูออกว่าเป็นหัวโจก บดเท้าลงไปอย่างหนัก จนชิดแหกปากคราง


อ๊ากกกก...หยุด....เจ็บ....จะตาย...แล้วโว้ย.....”


คมศรเหยียดยิ้ม


น้องชาย...ริอ่านจะเป็น...นักเลงก็ทำตัวให้เหมือนกับนักเลงจริงๆ เถอะว่ะ...เห็นแล้วทุเรสลูกตา”


ชายหนุ่มผู้เปี่ยมไปด้วยชั้นเชิงแห่งเล่ห์กล ครุ่นคิดในใจ


มันคงไม่บังเอิญขนาดนั้น.... อรนุชออกจากเส้นทางประจำที่เขาให้คนตามประกบทุกวันเป็นครั้งแรก ก็เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น


แว่บหนึ่งนัยต์ตาแวววาวของคมศรตวัดไปยังฐิติพรรณที่นั่งพับเพียบกับพื้นใบหน้าซีดเผือด เด็กสาวนั่งตัวสั่นหลบตาเขาอย่างไม่กล้าสู้หน้า


หึหึ เด็กที่สวยบาดตาอย่างนั้น ทำไมไอ้เปรตพวกนี้ถึงไม่สนใจ รุมมาที่อรนุชคนเดียว?


คมศรปะติดปะต่อเรื่องในหัวสมองอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เหยียดยิ้มอย่างสนุก ควักล้วงไปที่กระเป๋ากางเกงของชิดที่ถูกเหยียบกับพื้น และค้นหาบัตรประชาชนและบัตรนักเรียนของหัวโจกแกงค์นรกออกมาจากกระเป๋าเงิน


ชื่อและนามสกุลที่ปรากฏในบัตร ทำให้หัวคิ้วของคมศรขมวด ก่อนนิ่งไปครู่หนึ่ง และว่า


นี่น้องชาย...ถือว่าลื้อโชคดี...ที่อั๊ววันนี้ไม่อยากทำอะไรรุนแรงมากไปกว่านี้...แต่ว่า...”


คมศรก้มลงไปคว้าคอเสื้อของชิดและชูบัตรต่างๆ ในมือที่ค้นได้จากการกระเป๋าเงินของอีกฝ่ายให้ดูเต็มตา


ลื้อต้องหมั่นเข้าวัด ภวนาให้ผู้หญิงที่ลื้อทำร้ายให้มีสุขภาพแข็งแรงๆ นะ...เพราะถ้าเธอเป็นอะไรไป อั๊วไม่สนใจว่าจะเป็นสาเหตุอะไร และใครทำ....อั๊วจะหาตัวลื้อมากระทืบให้รากแตก...เชื่อป่ะ...”


พูดจบคมศรก็ลุกขึ้นเหยียดตัวตรง ใช้เท้าหนักๆ บดไปที่ยอดอกของชิดอย่างแรง จนเห็นหัวโจกแกงค์นรกตาเหลือก อ้าปากพะงาบๆ ใกล้จะขาดใจเต็มที จึงชะงักเท้าออกมา ก่อนจะหันไปยังอีกสี่คนที่ยังหมอบจ๋องอยู่กับพื้น


เอาตัวลูกพี่ลื้อไปได้ แล้วไสหัวไปให้ไกลๆ..ส้นตีนอั๊ว”


อ้วนกับพวกที่เหลือต่างคนต่างช่วยกันหิ้วปีกหัวโจกของตัวเองวิ่งกระเซอะกระเซิงหนีหัวซุกหัวซุนกันไปอย่างรวดเร็ว


คมศรถอนหายใจอย่างโล่งอก ขณะเดินไปยังร่างเล็กบางที่ตอนนั้นแม้จะยังงอตัวขดกับพื้น แต่ก็มีเรี่ยวแรงพอจะรวบสาบเสื้อที่ขาดรุ่ยเข้ามาหาตัวเอง ใบหน้าที่ยังคงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดนั้นปกปิดร่องรอยของความตื้นตันยินดี ไม่มิด ดวงตากลมโตที่เคยเขม้นมองเขาอย่างหาเรื่องเป็นประกายสุกใสราวกับดวงดาว


ชายหนุ่มหวนนึกเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมด...ช่างน่าหวาดเสียว...ถ้าเขามาช้ากว่านี้นิดเดียว...


ขณะที่เขานั่งอยู่ในรถรอคอยอรนุชอย่างไร้จุดหมาย ทันใดนั้นที่ประตูบ้านเปิดขึ้น ก็ปรากฏมีคนสูงอายุเดินเข้ามา ด้านหลังเป็นเด็กสาวร่างบางที่เดินตามมาห่างๆ พร้อมๆ กับผู้หญิงวัยกลางคนที่กอดตัวของเด็กสาวเอาไว้แน่น


ชายคนนั้นถามเขาอย่างสุภาพ


คุณมีธุระอะไรกับคนในบ้านหลังนี้หรือเปล่าครับ”


คมศรนิ่งไปอึดใจหนึ่ง ก็บอกตรงๆ ว่า


ผมมารอคุณอรนุช...”


ทันใดนั้นเอง เด็กสาวร่างบางที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ขยับเข้ามา ดวงตากลมๆ นั้นเบิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อถามเขาว่า


คุณใช่ไหมคะ...ที่โทรศัพท์มาเมื่อครู่นี้”


ชายหนุ่มผงกศีรษะ พอมองเห็นดวงตากลมสวยนั้นจ้องมาด้วยคำถามต่อเนื่อง โดยที่เขาไม่ต้องรอให้ปากบางงามนั้นเอ่ยถาม ก็บอกเรื่องที่อรนุชขอตัวกลับบ้านก่อนและป่านนี้ยังไม่กลับมาถึงบ้าน ที่สำคัญมือถือนั้นไม่มีการตอบรับ...


ใบหน้าหวานสวยที่เขาเห็นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นกังวล ก่อนที่เธอจะพูดเสียงสั่นๆ


พี่นุช....พี่นุช...”


จากนั้นเขาก็เห็นร่างบางงามนั้นวิ่งเต็มฝีเท้ากลับเข้าไปในบ้าน โดยมีผู้หญิงกลางคนวิ่งตามไปร้อง


คุณษา..คุณษา...จะไปไหนคะ”


คมศรเปิดประตูออกมา ขยับเท้าจะตามเข้าไปด้วย แต่ผู้ชายสูงอายุนั้นขวางเอาไว้ และในเวลานั้นเองก็ยังมีหญิงชายอีกหลายคนเดินออกมาออหน้าประตูเป็นเชิงบอก กับเขาว่าอย่าทำอะไรที่วู่วาม


ชายหนุ่มจึงได้แต่ชะงักตัว กล่าวเรื่อยๆ ยกมือขึ้นเหนือศีรษะ


ผมไม่มีเจตนาร้าย...หรือคุณลุงจะไม่เชื่อใจผม...จะค้นตัวผมก็ได้...ผมไม่มีอาวุธ”


ความจริงอีกฝ่ายก็พอจะคำนวนได้ เพราะข่าวที่คมศรบอกนั้น...ถ้ามันเป็นจริง...ก็หมายความว่าอีกฝ่ายกำลังร้อน ใจในการหายตัวไปของคุณนุชเช่นกัน...คิดได้ดังนั้น ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความกังวล ก็ผงกศีรษะเป็นเชิงบอกว่าอนุญาตให้เขาตามเข้าไปในบ้านได้


คมศรรีบเดินเข้าไปในบ้าน ตอนนั้นแลเห็นเด็กสาวร่างบางกำลังยืนโทรศัพท์อยู่ พูดเสียงระรัวเร็ว


ค่ะ...ค่ะ...ช่วยตามให้ทีว่าเบอร์ที่ดิฉันบอกตอนนี้อยู่ที่ไหน”


ชายหนุ่มเบิกตาลุกโพลง สว่างวาบ....มือถือ...ใช่...


ทำไมเขาคิดไม่ถึงเลย...ปล่อยให้เวลาผ่านไปตั้งขนาดนี้....ดีที่เด็กสาว เบื้องหน้ายังมีสติพอจะโทรไปให้ศูนย์ตรวจสอบตำแหน่งจากสัญญาณดาวเทียมได้


หลังจากนั้น....หลังจากที่พอจะทราบตำแหน่ง คมศรก็แทบจะวิ่งกลับไปขึ้นรถ ทีแรกเด็กสาวร่างบางนั้นจะตามมาด้วย แต่หญิงสูงอายุนั้นยื้อตัวของเธอเอาไว้แน่น มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยเคราดกนั้นด้วยสายตาไม่ไว้ใจ


คุณษา...ไปไม่ได้ค่ะ...ป้าไม่ให้ไป”


แต่..แต่..ษาห่วงพี่นุช..”


เด็กสาวกล่าวเสียงเครือ ตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้ คมศรที่ตอนนั้นใจแห้งเหี่ยว แต่ก็ฝืนใจปลอบ


ผมจะพาคุณนุชกลับมาอย่างปลอดภัย”


จากนั้นคมศรก็ทะยานรถของเขาออกไปอย่างรวดเร็ว และรีบติดต่อไปยังตำรวจที่เขาพอจะคุ้นเคยให้ประสานงานกับตำรวจท้องที่


รถของคมศรพุ่งฉิวราวกับรถแข่ง วิ่งแซงซ้ายป่ายขวา ดีที่เส้นทางที่เขามุ่งไปออกนอกเมืองในบริเวณที่การจราจรไม่พลุกพล่านมาก


จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงสายตรวจแจ้งว่า


มีการติดต่อเข้ามาที่ 191 จากเบอร์เป้าหมาย....ตำแหน่งน่าจะอยู่บริเวณโครงการก่อสร้างที่ค้างอยู่บริเวณกิโลเมตรที่สิบห้า...”


คมศรเหยียบคันเร่งขับรถของเขามุ่งตรงไปยังหมู่บ้านแห่งนั้น และเมื่อแลเห็นรถฮอนด้าสีขาวที่จอดทิ้งไว้ข้างทาง ใจของเขาก็รุ่มร้อนจนสุดประมาณ เมื่อหวนนึกว่าเขาอาจจะ...มาสายไป


แต่ในที่สุด เขาก็มาถึงได้ทันเวลา...และในตอนนี้ต้องยืนตะลึงมองดวงตากลมโตคู่งามที่กำลังเปล่งประกายเจิดจรัสอยู่ตรงหน้า


.............................


อรนุชสวมเสื้อแจ็กเก็ตสีดำของคมศรที่ส่งให้ เด็กสาวรับมาใส่โดยไม่พูดอะไรกับเขาสักคำ จนกระทั่งเธอค่อยๆ คลายอาการจุกเสียด ก็ไปนั่งรวมกับฐิติพรรณข้างทาง โอบร่างของพริตตี้สาวที่ยังสั่นๆ เอาไว้อย่างปลอบใจ


ไม่เป็นอะไรแล้วนะ...ไอซ์ไม่ต้องกลัว”


เด็กสาวร่างบางปลอบเสียงนุ่มนวล ขณะที่คมศรแลเห็นอาการสั่นเทิ้มของเด็กสาวอีกคนอย่างหยามเยาะ นัยต์ตาที่พรั่นพรึงเพราะความกลัวนั้น เขาก็อ่านออกว่าเด็กสาวนั้นกลัวจริงๆ


หึหึ...แต่กลัวจะถูกเปิดโปงมากกว่ามั้ง


เมื่อหันไปดูใบหน้าบางใสของเด็กสาวตัวเล็กที่เมื่อครู่แทบจะตกเป็นเหยื่อให้ กับเดนนรกกลุ่มนั้น แต่ตอนนี้ทำเป็นเก่ง ทำเป็นเข้มแข็งปลอบใจเพื่อน ชายหนุ่มต้องส่ายหัวอย่างเวทนา


ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเล๊ย...ยัยเด็กหัวดื้อ


ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือของอรนุชขึ้นมา และเหยียดยิ้มนิดๆ เมื่อเห็นว่าอยู่ใน Silent mode แต่ก็ไม่ได้กล่าวว่าอะไร เปลี่ยนให้กลับไปสู่โหมดปกติ ก่อนจะส่งให้ พูดสั้นๆ


โทรไปที่บ้าน...พวกเขาเป็นห่วง...โดยเฉพาะน้องสาวคุณ ต้องขอบคุณเขาให้มาก...ถ้าไม่ได้เขา...ผมก็คงตามมาหาคุณไม่ทัน....”


อรนุชใบหน้าตื่นขึ้นเล็กน้อย รีบรับไปแล้วโทรไปที่บ้าน


พี่นุช..พี่นุช..”


เสียงน้องสาวระรัวรับ เด็กสาวร่างบางพยายามกรอกเสียงให้เป็นปกติ


ษา..ไม่ต้อห่วง...ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ แค่รถพี่ประสบอุบัติเหตุนิดหน่อย ตอนนี้เรียบร้อยดีแล้วจ้ะ”


อุบัติเหตุ....แล้วพี่นุชเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”


เสียงอรอุษาดังร้อนรน อรนุชทำเสียงหัวเราะให้สดใส


ไม่เป็นไร...พี่สบายดีทุกอย่าง...ษาบอกทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงนะจ๊ะ...”


พี่นุชอยู่ไหนคะ...ษาจะได้ให้ลุงมากไปรับ”


ไม่เป็นไร...ไม่รบกวนลุงมากหรอก...เดี๋ยวพี่จะกลับไปเอง”


แต่..แต่..พี่นุช...”


เอาเถอะจ้ะ...แค่นี้ก่อนนะ...เดี๋ยวพี่ก็กลับบ้านแล้วล่ะ...”


อรนุชพูดตัดบทและปิดโทรศัพท์ จากนั้นก็นั่งจุ่มอยู่ข้างๆ เพื่อนสาวอย่างเงียบๆ ไม่พูดอะไรอีก


ขณะที่เด็กสาวร่างบางโทรไปที่บ้าน คมศรก็โทรศัพท์ไปแจ้งตำแหน่งให้ตำรวจ พักหนึ่งรถสายตรวจ และรถพยาบาลก็วิ่งมาถึงที่เกิดเหตุ


หลังจากสอบปากคำ และพยาบาลดูอาการของอรนุชแล้วก็อนุญาตให้กลับบ้านได้


ดิฉันไม่ต้องการแจ้งความ…”


คมศรมองดูเด็กสาวร่างบางอย่างหมั่นไส้ ระคนหงุดหงิด เพราะตอนนั้นอรนุชกล่าวยืนยันเสียงแข็งว่าจะไม่แจ้งความ และขอให้ทุกอย่างเป็นความลับ


เมื่อเจ้าทุกข์ไม่ยอมแจ้งความ ตำรวจก็เลยได้แต่ต้องพากันกลับไป โดยที่คมศรขอให้รถตำรวจคันหนึ่งช่วยพาฐิติพรรณไปส่งบ้าน ซึ่งก่อนที่จะจากกันไป อรนุชยังเข้าไปกอดเพื่อนสาวเอาไว้ ปลอบใจว่า


ทำใจให้สบายนะ..ไอซ์...แล้วเจอกันจ้ะ..”


พริตตี้สาวผงกศีรษะ ก้มหน้างุดๆ ตลอดเวลาไม่กล้าสบตาอันมีประกายกล้าของคมศรเลย เดินดุ่มๆ ตามตำรวจกลับขึ้นไปที่รถ


จนในที่สุดเหลือเพียงคมศรกับอรนุช ซึ่งชายหนุ่มผายมือเป็นทีเชิญชวนให้เด็กสาวขึ้นไปในรถของเขา ซึ่งอรนุชอิดออดอยู่นิดหนึ่ง ก็ไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่าก้าวเข้าไปนั่งเคียงข้างคมศรที่ออกรถขับกลับออก ไปทางเดิม


เมื่อผ่านมาถึงรถของอรนุชที่ยังจอดอยู่ข้างทาง ตอนนั้นรถยกกำลังเตรียมพ่วงฉุดรถของเธอออกไป คมศรก็กล่าวเรื่อยๆ


จะเอาอะไรในรถไหม”


อรนุชผงกศีรษะนิดเดียว ไม่ตอบอะไร ชายหนุ่มก็ยิ้มขันๆ จอดรถลง และอรนุชก็เดินเข้าไปหยิบกระเป๋าถือและหนังสือเรียนของเธอกลับออกมา


คมศรขับรถไปเรื่อยๆ ก็ปรายตาไปยังเด็กสาวร่างบางที่นั่งจุ้มปุ้กกอดอกเอาไว้แน่น ใบหน้าก้มงุดๆ ไม่มองหน้าเขานิ่งเงียบเป็นหุ่นอย่างหมั่นไส้ ก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยเรื่อยๆ ทำลายความเงียบ


เก่งเหมือนกันนี่คุณ...เล่นงานไอ้พวกนั้นได้ไม่เลว...”


น้ำเสียงเหมือนกับจะล้อๆ ยียวนพิกลในใจของเด็กสาว ที่ตอนนั้นกำลังรู้สึกสับสนอลหม่านในใจ จะขอบคุณก็ไม่กล้าพูด จะไม่พูดก็น่าเกลียด เลยได้แต่นั่งหน้างุดอยู่กับที่ พอได้ยินเสียงเรื่อยๆ นั้น ก็เป็นช่องให้เธอขมุบขมิบปากพึมพำเบาหวิว


ขอบคุณค่ะ...”


คมศรหัวเราะออกมา พึมพำว่า


นึกว่าจะไม่ยอมพูดอะไรกับผมซะแล้วสิ”


ดวงตากลมนั้นปรายมองมา อยากจะขุ่นใจให้ แต่ความหวานที่มันล้นอก ก็ทำให้ดวงตากลมโตนั้นมีประกายแววหวานจนปิดไม่มิด


คมศรแลเห็นความหวานที่พร่าพรายออกมาจากดวงตาคู่นั้นแล้วอารมณ์ระรื่นจนไม่อยากแหย่ให้เสียบรรยากาศ จึงยิ้มน้อยๆ แล้วว่า


คุณจะกลับบ้านทั้งๆ อย่างนี้น่ะหรือ”


คราวนี้อรนุชหันมามองคนพูดได้ตรงๆ พอนึกอะไรได้ ก้มลงดูตัวเอง แม้ว่าจะสวมเสื้อแจ็กเกตสีดำทับอยู่ แต่ข้างในนั้น...ใบหน้าบางใสแดงก่ำขึ้นทันที ถามอุบอิบเบาๆ


ทำ..ทำไงดีคะ...”


คมศรมองใบหน้าเล็กๆ ที่ก้มงุด อย่างเอ็นดู นัยน์ตาระรื่นพราว


อือม์...อย่างนี้ก็ดีอย่าง...ไม่แว้ดๆ...แต่แม่แมวเหมียวตัวน้อย...ฉันพอใจให้เธอขู่ฟ่อๆ ใส่ฉันมากกว่านะ


ชายหนุ่มเปลี่ยนเส้นทางรถ และขับไปสักครู่หนึ่งก็เลี้ยวรถเข้าไปในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เมื่อเข้าไปจอดเรียบร้อย คมศรก็ทำสัญญาณให้เด็กสาวลงจากรถ แต่อรนุชยังคงนั่งจุ้มปุ้กอยู่ไม่ขยับตัว ใบหน้างามนั้นแดงระเรื่อไม่หาย


จะไปไหนคะ”


เสียงถามนั้นยังคงแผ่วเบาเหลือเกิน คมศรหัวเราะพลางว่า


ผมจะพาคุณไปร้านที่เขาขายชุดนักศึกษา ไปหาซื้อเสื้อใหม่ หรือจะไปซื้อกระดุมมาซ่อมก็เรื่องของคุณ...กลับไปอย่างนี้...ต่อให้มีสิบปาก เหมือนทศกัณฑ์...ก็ไม่มีใครเชื่อว่าคุณหรอกว่าแค่รถเสีย”


อรนุชนึกขัดใจตัวเองครามครัน ที่ความมั่นใจ ความเก่งกล้าสามารถที่ตัวเองเคยคิดว่ามีอยู่ ตอนนี้พร้อมหน้าพร้อมตาโบยบินหายไปไหนหมด รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นเด็กเล็กๆ ไม่ประสีประสาต้องให้ชายหนุ่มบอกบทตลอด


คิดดังนั้นก็รวบรวมจิตใจ ฮึด เชิดหน้าเล็กๆ ขึ้น ก้าวออกไปจากรถ ท่ามกลางสายตาแวววาวขอคมศรที่มองมา


ฮือม์...อย่างนี้ค่อยเหมือนแมวเหมียวตัวน้อยของฉันหน่อย


อรนุชเดินกอดอกตัวเองแน่น เดินตามชายหนุ่มร่างสูงต้อยๆ ซึ่งเดินไปเดินมาตั้งนานก็ยังไม่ไปไหน วนไปเวียนมาจนกระทั่งเด็กสาวร่างบางสงสัย หยุดเดินเงยหน้าขึ้นถามเบาๆ


คุณ...คุณทำไมเดินไปเดินมาอยู่กับที่คะ”


คมศรซ่อนยิ้มไว้ในหน้า กล่าวเสียงรื่นรมย์


ผมน่ะคนบ้านนอก เคยมาห้างดังๆ อย่างนี้เมื่อไหร่ล่ะ แค่เห็นก็ตาลายไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ที่เดินๆ ก็นึกว่าเจ้าถิ่นอย่างคุณจะรู้ทางดีน่ะสิ ผมก็เดินไปเรื่อยๆ ตามที่คุณเดินนั่นแหล่ะ”


อรนุชอ้าปากค้าง ใบหน้าใสนั้นแดงเป็นริ้วๆ ด้วยความโมโห


ตาบ้า...ตาบ้า...ตาบ้า....ฮึ...วันนี้..วันนี้...ออกจะทำดีเหลือเกิน.... ทำไมนะ...ไม่ทำดีให้ตลอดไป.....ดูซี..ยังมาทำยิ้มยั่วอีก...กวนประสาทจริงๆ ...ตาสิงห์บ้า..


เด็กสาวร่างบางขมุบขมิบปากเจริญพรยาวเหยียด ก่อนจะเชิดหน้าและเดินนำไปทันที โดยมีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ยิ้มกว้างขวางเดินตามไปอย่างรื่นเริงใจ


………………..


คมศรเคลื่อนรถมาจอดหน้าประตูบ้านของอรนุช ตอนนั้นเด็กสาวร่างเล็กบางเปลี่ยนชุดนักศึกษาที่เพิ่งซื้อมาใหม่แล้ว ส่วนตัวเดิมที่กระดุมขาดหมดแล้วนั้นชายหนุ่มเก็บเอาไว้ บอกว่าจะเอาไปทิ้งเอง อรนุชไม่ต้องการให้ใครสงสัยอะไรก็เห็นดีด้วย


เอาล่ะ ผมส่งคุณลงตรงนี้นะ”


ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ อรนุชไม่พูดอะไรทั้งนั้น เปิดประตูก้าวออกไป


พอเด็กสาวปิดประตูกลับ คมศรก็ขยับจะขับรถออกไปทันที อรนุชก็รีบเคาะกระจกเรียกไว้ก่อน


คมศรยิ้มกว้างขวาง เมื่อลดกระจกลง และเห็นใบหน้าเล็กๆ นั้นยื่นเข้ามา พูดเบาๆ ใบหน้าแดงระเรื่อสวยจับตาคนมอง จนแทบจะเอื้อมมือไปหยิกที่แก้มใสนั้น


แล้ว..แล้ว...ที่ฉันแพ้พนันยิงปืน...คุณจะให้ฉันทำอะไรคะ”


ชายหนุ่มยิ้มระรื่น กล่าวเรื่อยๆ


ผมยังคิดไม่ออกนะ...เอาไว้ก่อนแล้วกัน...พรุ่งนี้ผมจะกลับบ้านที่ต่าง จังหวัดแล้วล่ะ...เอาไว้คุณตามผมไปที่บ้าน...แล้วผมจะบอกให้คุณฟังอีกทีแล้ว กัน”


อรนุชทำหน้างงๆ เหมือนกับคิดว่าตัวเองหูฝาดไป กล่าวทวน


คุณ...คุณ...ว่า...ฉัน..ฉัน..จะตามคุณไปบ้านที่ต่างจังหวัดหรือคะ”


คมศรหัวเราะเอื่อยๆ ผงกศีรษะรับคำ


ใช่ อีกสองสามวันมั้ง เราคงได้เจอกัน...”


ใบหน้าบางใสนั้นแดงก่ำ ด้วยความโมโห


นี่เขานึกว่าฉันเป็นใคร...ฉันนี่นะ...จะตามผู้ชายไปถึงบ้าน...อีตาบ้า...บ้าที่สุด...บ้า...บ้า...บ้า


ดวงตากลมโตนั้นพองขึ้น ไม่ต่างอะไรกับแมวเหมียวตัวเดิมที่ขู่ฟ่อๆ ใส่เขา คมศรหัวเราะเสียงดัง โบกมือให้


ลาก่อนนะ...แล้วเจอกัน”


ปากงามอ้าค้าง อรนุชชี้นิ้วไปจะพูดอะไร แต่อีกฝ่ายก็ออกรถไปก่อน ทิ้งไว้เพียงแต่เสียงหัวเราะที่แว่วมา


เด็กสาวร่างบางโมโหสุดๆ กระทืบเท้ากับพื้นอย่างขัดใจ ทันใดนั้นเองแรงกระเทือนก็ทำให้ความบอบช้ำที่ถูกทำร้ายที่ท้องน้อย ก็แปล็บขึ้นมาจนต้องนิ่วหน้า ร้องลั่นในใจ


ตาสิงห์บ้า…ตาบ้า...บ้าที่สุด”


จากนั้นอาการที่เขม็งบิดเกลียวที่ท้องน้อยค่อยๆ ผ่อนคลายอาการลง อรนุชลูบคลำท้องน้อยตัวเองอย่างช้าๆ นุ่มนวล หวนนึกถึงวินาทีนั้นที่เธอเห็นชายหนุ่มเข้ามาช่วยเหลือตัวเธอให้รอดพ้นจาก ชะตากรรมที่เลวร้ายที่สุดของชีวิตลูกผู้หญิงจะเผชิญ....ความหวานอบอุ่นสาย หนึ่งที่ตลอดชีวิตเธอไม่เคยรู้จักนั้นมันท่วมท้นจนจับใจ....อบอุ่น...สวยงาม เหลือเกิน...ความรู้สึกนั้นตื้นตันจับใจจนเธอน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไว้ไม่ ได้


ความหวานที่พลุ่งขึ้นจนจับจิตในบัดดลนั้น ทำให้สายตาของอรนุชที่ค้อนให้กับรถที่ค่อยๆ หายลับไปกับเส้นทางนั้นมันช่างอ่อนหวานเหลือประมาณ


ริมฝีปากงามที่ราวกับกลีบกุหลาบต้องน้ำค้างยามเช้าพึมพำเบาหวิว


อีตาสิงห์บ้า...”


แต่ทว่าเสียงที่ลอดผ่านออกมา....มันช่างหวานกระไรปานนั้น

ไม่มีความคิดเห็น: