ขายของ

วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2554

With No Remorse Chapter 16

With No Remorse Chapter 16 ชาติชายในชุดยีนส์กับศรัณย์ที่แต่งตัวเป็นคนส่งพิซซ่าผ่านประตูเข้ามาเจอวรวุฒิที่นั่งหน้าเครียดอยู่ที่ชุดรับแขกใน ห้องนั่งเล่น ยกกระป๋องเบียร์ในมือขึ้นดื่มอั๊ก ๆ ก่อนวางลงบนโต๊ะ “เป็นไงมั่งวุฒิ” ชาติชายเอ่ยถามพร้อมกับถอดเสื้อแจ๊กเก็ตออกพาดเก้าอี้แล้วดึงถุงมือหนังออก ฝ่ายศรัณย์เดินเข้าห้อง ด้านหลังก่อนกลับมาพร้อมกับถุงขยะสีดำใบใหญ่ มือกำลังยัดเสื้อฟอร์มของร้านพิซว่าใส่ถุง “อยู่ข้างบน กูให้อาบน้ำนอนพัก” วรวุฒิตอบตาแดงก่ำ “กูไม่น่าให้ยายก้อยมายุ่งด้วยเลย” “แล้วไปแล้วน่า มึงก็ถามความสมัครใจยายก้อยแล้วนี่” ชาติชายหยิบแจ๊กเก็ตยัดใส่ถุงขยะที่ศรัณย์ยื่นให้พร้อมกับถุงมือ “ไม่รู้ฤทธิ์ยาจะหมดเมื่อไหร่ เมื่อกี้ยายก้อยอาละวาดน่าดู” วรวุฒิส่ายหัว “มึงจัดการเสื้อผ้าก่อนดีกว่า เสร็จจะได้ให้นายรัณย์เอาไปจัดการ” ชาติชายพูดระหว่างถอดเสื้อและกางเกงยัดใส่ถุง แล้วเดินไปหยิบเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ที่เตรียมไว้มาสวมแทน วรวุฒิจึงลุกขึ้นจัดการเสื้อผ้าตัวเอง “แล้วจะเอาไปไหนล่ะ ศรัณย์” วรวุฒิถามนายทหารรุ่นน้องขณะที่ยัดเสื้อผ้าลงถุงก่อนจัดการกับรองเท้าผ้าใบของตน แล้วโยนตามหลังรองเท้าของชาติชายลงถุงไปด้วย “เดี๋ยวเอาไปเตาเผาของพันบริการครับพี่ ติดต่อไว้แล้ว จ่าสมหมายรออยู่แล้ว” ศรัณย์หมายถึงจ่าทหารบกที่การุณย์ มอบหมายให้มาขับรถให้ ศรัณย์บอกพร้อมกับรวบปากถุงมัดเป็นปม แล้วหันไปบอกชาติชาย “พี่ผมกลับไปที่บ้านเลย นะครับ” “ฮื่อ ได้เลยรัณย์” ชาติชายบอกศรัณย์ มองตามหลังศรัณย์ที่หิ้วถุงดำเดินออกจากบ้านไป แล้วหันมาทางเพื่อนที่ลงนั่ง ซดเบียร์ต่อ “มึงรายงานผู้การหรือยัง” ชาติชายเอ่ยถามเพื่อนต่อ “ยัง สี่ทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยรายงาน” วรวุฒิวางกระป๋องเบียร์ลงบนโต๊ะ “เอาไงดีวะ เรื่องยายก้อย” “เดี๋ยวนอนแล้วตื่นมาก็คงไม่เป็นไรแล้วล่ะน่า” “พี่แก้ว ก้อยร้อน” เสียงใส ๆ ดังขึ้นทำเอาสองหนุ่มเหลียวกลับไปมอง สาวน้อยลงมายืนอยู่ที่บันไดหน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์ยา สวมเสื้อยืดคอกว้างจนเห็นอกอวบดันตูมขึ้นมาเป็นก้อน ๆ ปลายจะงอยถันดันเสื้อปูดขึ้นมาบ่งบอกว่าเธอสวมเสื้อยืด เพียงตัวเดียว เบื้องล่างนุ่งกางเกงขาสั้นผ้าบางตัวเล็กสั้นกุดเสมอโคนขา เนินเนื้อดันผ้าขึ้นเป็นเนินนูน “เฮ้ย.ว้า...” สองหนุ่มร้องออกมาพร้อม ๆ กัน “ลงมาทำไม ร้อนก้อยก็ไปอาบน้ำซิแล้วพยายามนอน เดี๋ยวก็หาย” วรวุฒิลุกเดินไปหาน้องสาว จับไหล่กลมไว้มั่น จ้องลงไปในดวงตาใส ๆ ขณะที่บอกกล่าว ก่อนพยายามจับร่างหันกลับดันหลังน้องสาวขึ้นข้างบน “อาบแล้วพี่แก้ว มันไม่หายน่ะ มันร้อนแบบข้างในน่ะ” สาวน้อยหันมาบอกพี่ชาย “พี่แก้วช่วยก้อยด้วยซิ” “ก้อย ฟังนะ ไอ้นั่นมันวางยาก้อยนะ เดี๋ยวฤทธิ์ยาหมดแล้วก้อยก็หายแล้ว” “ไม่รู้อ่ะพี่แก้ว ก้อยนอนไม่หลับด้วย ก้อยพยายามแล้วนะ” สาวน้อยพูดรัวเร็ว วรวุฒิยืนเกาหัวตัวเองยิก ๆ “พี่ก็ไม่รู้จะทำไง” วรวุฒิบอกอย่างจนใจหันไปหาเพื่อน “ทำไงดีวะ” “ยานอนหลับดีไหมวะวุฒิ” ชาติชายพูดขึ้น “ไม่รู้ว่ะ ยาที่มันใส่ให้ยายก้อยมันยาอะไรก็ไม่รู้ว่ะ” วรวุฒิตอบพร้อมกับโอบกอดน้องสาวที่ซุกหน้าร้องไห้กระซิก ๆ “ให้ กินสุ่มสี่สุ่มห้า เดี๋ยวเป็นอะไรไปมากกว่านี้ละ ยุ่งตายชัก” วรวุฒิยืนละล้าละลัง “เดี๋ยวกูพายายก้อยขึ้นนอนก่อน ถ้ามึงจะกลับก็ปิดบ้านให้กูด้วย” “เออ ไปเหอะ” ชาติชายบอกเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำออกมารินใส่แก้วก่อนยกขึ้นดื่ม วรวุฒิเดินพาน้องสาวหายลับขึ้นไปชั้นบนครู่ใหญ่ก่อนจะกลับลงมาทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มจนหมดกระป๋อง “ไม่น่าเลยกู.” วรวุฒิบ่นกับตัวเอง “เอาน่า เดี๋ยวคงค่อยยังชั่วหรอกน่า กูนั่งคุยเป็นเพื่อนแล้วกัน” ชาติชายบอกเพื่อนเบา ๆ “ขอบใจชาย” วรวุฒิเดินไปหยิบเบียร์กระป๋องใหม่มาเปิด หยิบอีกกระป๋องมาส่งให้เพื่อน แล้วนั่งลงต่างคนต่างนั่งคิดเงียบ ๆ ครู่ใหญ่วรวุฒิก็ลุกเดินไปเปิดโทรทัศน์กดหาช่องจนเจอช่องข่าวแล้วกลับมานั่งที่เดิม “เงียบชิบหาย ดูข่าวกันดีกว่า” โครม.. เสียงดังจากชั้นบนทำให้สองหนุ่มแหงนหน้าขึ้นมองก่อนจะลุกเดินพรวด ๆ ตามกันไป วรวุฒิปราดไปที่หน้าห้องนอน ห้องหนึ่งเคาะประตูสองสามทีแล้วเปิดออก “เป็นไงก้อย” วรวุฒิโผล่หัวเข้าไปถามก่อนจะหลบวูบออกมา โครม... “ไอ้พี่แก้วบ้า.. ไม่ยอมช่วยก้อย ฮือ ฮือ” เสียงใส ๆ ร้องออกมาจากข้างในตามด้วยเสียงเหมือนร้องไห้ “แล้วจะให้พี่ทำยังไงล่ะก้อย ก็บอกแล้ว...” “ไม่รู้แล้ว พี่เฮงซวย ฮือ ฮือ..” “ก็เดี๋ยวยามันหมดฤทธิ์มันก็หายแล้ว..” วรวุฒิร้องบอกผ่านช่องประตูแล้วหันมามองหน้าเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างหลัง “ไอ้บ้า ไม่รู้ ไม่ฟัง บ้า บ้าทั้งหมดเลย ร้อนจะตายอยู่แล้ว ฮือ ฮือ” “เอาไงดีวะ แม่อาละวาดใหญ่แล้ว” วรวุฒิหันมาถามชาติชาย “ไม่รู้โว้ย กูไม่เคยวางยาใคร” ชาติชายตอบ “ก็ช่วยกันคิดหน่อยซีวะ เป็นเพื่อนภาษาอะไร” วรวุฒิหันมาตอบ ก่อนจะหันกลับไปมองประตู “ไอ้บ้า ไอ้บ้า ไอ้พี่บ้า ฮือ อือ” “เวรแท้ ๆ กู” วรวุฒิบ่นพลางเกาหัวยืนก้มหน้ามือยันบานประตูห้องน้องสาวให้เปิดแง้ม ๆ “มึงแหละไอ้ชาย” “อ้าว เฮ้ย มาโทษกูได้ไงวะ” “ก็มึงแหละต้นคิดแผนนกต่อเนี่ย” วรวุฒิหันมาจ้องหน้าเพื่อน “กูจะรู้หรือว่ามันจะวางยาปลุกเซ็กส์ ถ้ากูรู้กูก็ไม่เอาแผนนี้หรอก” “ไม่รู้แหละ มึงต้องรับผิดชอบ” “อ้าว เฮ้ย นี่มึงจะโยนขี้กันง่าย ๆ เงี๊ยะ” “น้องสาวกู ไม่ใช่ขี้โว้ย แต่มึงต้องช่วยกูแก้ปัญหา” วรวุฒิหันมาหาเพื่อน “ก็กูจะทำอะไรละวะ ก็นั่งเป็นเพื่อนมึงอยู่นี่” “มึง..” วรวุฒิหันตัวมายืนประจันหน้าเพื่อน หยุดพูดชั่วอึดใจอย่างรวบรวมสติ “มึงเข้าไป ช่วยน้องกูหน่อย” “เข้าไปจะทำอะไรได้วะ มึงยังโดนขว้าง” “เข้าไปแล้วทำอย่างที่ผู้ชายเขาทำ” วรวุฒิบอกหนักแน่น ชาติชายอ้าปากค้าง “ไอ้บ้า” ชาติชายพูดเบา ๆ “บ้าแดกแล้วไง น้องสาวมึงแท้ ๆ นะ” “เชี้ยเอ๊ย แล้วมึงจะให้กูทำไง ยามันฤทธิ์เป็นไงก็ไม่รู้ เมื่อกี้ตอนที่พามันขึ้นมานอนกูลองจับชีพจรมันดู รัวถี่ฉิบหาย” วรวุฒิจ้องหน้าเพื่อน “กูกลัวว่าเดี๋ยวมันจะสูงมากจนเส้นเลือดแตกหรืออะไร” “ไม่มั๊ง มันคงไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า” “ก็แล้วถ้ามันถึงขนาดนั้นล่ะ” วรวุฒิจ้องหน้าเพื่อน ถึงทีชาติชายเกาหัวบ้าง “ดังนั้น มึงแหละเข้าไปจัดการ” “มึงอ่านกำลังภายในมากไปหรือเปล่าวะ ประเภทฤทธิ์ยาผงมอมเซียน กินแล้วแก้ไขไม่ได้ต้องร่วมเพศไม่งั้นไฟธาตุ แตกตาย อะไรประมาณนั้น” “กูไม่รู้ กูไม่ใช่หมอ” วรวุฒิบอกห้วน ๆ “แต่กูรู้ว่า น้องสาวกูกำลังทรมาน แล้วไม่รู้ว่ามันจะมีอะไรอีก ถ้ามึงไม่ช่วยมึงก็ กลับไปเลย” “ก็หาวิธีอื่นซีวะ” “มึงก็พูดมาซิ วิธีไหน กูไม่รู้แล้ว คิดไม่ออก” สองคนนิ่งอึ้งอับจนคำพูด “ตกลงมึงจะช่วยน้องกูหรือไม่ช่วย” “ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ นะโว้ยวุฒิ น้องมึงยังเรียนไม่จบเลย แล้วจะยังไงต่อไป” ชาติชายยืนมึน “เหลืออีกปีเดียวก็จบแล้ว แล้วต่อไปก็......เรื่องของมึงกะยายก้อยแล้วกัน” วรวุฒิพูดอย่างเด็ดเดี่ยว “แต่ว่ากู..” “เอางี้ไอ้ชาย ตอนนี้น้องกูกำลังจะแย่ กูคิดออกทางเดียว ถ้ามึงคิดอะไรออกมึงก็บอกมา มึงจะช่วยกูหรือเปล่าก็บอกมา ตอนนี้ ถ้ามันจะเป็นมึงกูยินดี เพราะกูรู้จักมึงมาตั้งแต่รุ่น ๆ ยังไง ๆ มึงก็ไม่ทิ้งน้องกู แต่กูจะไม่บังคับมึง หลังจากวันนี้ ถ้ามึงกับยายก้อยจะแยกย้ายกันไปก็ตามแต่มึงกับยายก้อยจะตกลงกัน กูไม่สนใจห่าอะไรทั้งนั้น กูไม่อยากทนดูน้องกู เป็นอย่างนี้เท่านั้นแหละ” วรวุฒิบอกเร็วปรื๋อ “.......” ชาติชายยืนมองหน้านิ่ง พูดไม่ออก หัวสมองหมุนติ้ว โครม... เสียงของแข็ง ๆ กระทบประตูห้องแล้วตกลงกับพื้น “ไอ้พี่บ้า ไอ้พี่เฮงซวย ทั้งสองคนเลย ฮือ ฮือ” “เอาก็เอาวะ ไอ้วุฒิ หลังจากวันนี้ถ้ายายก้อยจะเกลียดกูไปทั้งชาติ มึงก็ไม่ต้องคิดอะไรมากนะวุฒิ อย่างไรกูก็ตัดสินใจเอง แต่ด้วยเกียรติของกู ถ้ากูไม่ตายไปก่อน กูจะไม่ทอดทิ้งน้องมึงแน่นอน” ชาติชายบอกเพื่อนด้วยเสียงหนักแน่น “กูขอโทษมึงด้วย” “ขอโทษกูเรื่องอะไร” “เรื่องน้องมึงนั่นแหละ แต่ว่า วุฒิ กูตบน้องมึงให้สลบไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ” ชาติชายหันมาถาม “เอาซิ ถ้ามึงตบยายก้อยกูเป่าหัวมึงจริง ๆ เวรเอ๊ย” วรวุฒิบอกเพื่อน “เดี๋ยวกูจะลงไปนอนข้างล่าง มึงจำคำของมึงไว้ แล้วกัน” “วุฒิ มึงก็รู้ว่ากูเป็นคนยังไง” ชาติชายบอกเพื่อนสายตาสองคู่จับจ้องประสานกันนิ่ง ตระหนักแน่แก่ใจว่าคำที่เปล่งออก จากปากแห่งตนไปนั้น ประดุจดังพันธะสัญญาอันลูกผู้ชายให้ไว้แก่กันอันจะสร้างพันธนาการแก่ทั้งสองไว้อย่างแน่นหนา และทั้งสองคนจะหายอมตระบัดสัตย์แห่งตนไม่ วรวุฒิพยักหน้าให้เพื่อน ยกกำมือขึ้นกดลงกับไหล่เพื่อนเบา ๆ ก่อนจะคลายออกประสานมือกับชาติชายที่ยกขึ้นรับ “กูรู้ เหมือนตอนที่เราเรียนอยู่เตรียททหารนั่น เข้าเรียกเราว่า นตท. นักเรียนเตรียมทหาร เราก็เอามาร้องกัน น. น้ำหนึ่ง ใจเดียวเกลียวกล้ำ ต. ตั้งใจ แน่แน่วแล้วทำ ท. นั้น ทำ ทำไม่ได้ไม่มี กูรู้เพื่อน”วรวุฒิบอกเพื่อนแล้วหันกลับเดินเข้า ห้องนอนของตนไปชั่วครู่ก่อนจะหอบหมอนและผ้าห่มออกมา “กูจะบอกอะไรมึงอีกอย่างที่มึงไม่เคยรู้” วรวุฒิเดินมาพูดเบา ๆ “ยายก้อยสนิทกับคุณรจนาเหมือนกัน ที่ยายก้อยรับปาก เข้ามาร่วมมือกับเรา อย่างหนึ่งก็เพราะคุณรจนา ...” “แล้ว...” ชาติชายถามเมื่อเห็นเพื่อนหยุดพูด “ยายก้อยมันคงจะชอบ ๆ มึงอยู่แหละ” “เฮ่ย เจอกันแค่ไม่กี่ทีเอง” “นั่นแหละ กูเป็นพี่ กูรู้” วรวุฒิตอบ “กูไปนอนแล้ว” ร่างสูงใหญ่หันกลับเดินลงบันไดไปย่างเงียบงัน ชาติชายหันร่างไปยืนประจันกับประตูห้อง เสียงร้องไห้กระซิก ๆ ดังลอดช่องประตูออกมา ขณะที่มือจับบานประตูเตรียม จะผลักเปิดออกนั้น ภาพใบหน้าของหลายคนผุดขึ้นมาสู่ห้วงคำนึง รจนา สตรีอันเป็นสุดหัวใจในชุดพยาบาลขาวสะอาด เมื่อวันที่เขาวอนขอให้เธอมาเป็นคู่ชีวิต ยืนอยู่อย่างสดใสหน้าประตูเรือน ภาพของเธอที่นั่งพูดคุยกับมารดาเขาอย่าง สนิทสนม พันเอกการุณย์เพื่อนสนิทของบิดาที่นำพาเขามาสู่สถานการณ์ขณะนี้ ภาพของวรวุฒิยามที่กอดคอสนุกสนาน กันมาตั้งแต่โรงเรียนเตรียมทหาร ภาพของบิดามารดาของวรวุฒิยามที่เขาเคยไปเยี่ยมเยียนถึงบ้าน และสุดท้ายภาพ ของสาวน้อย และ ใจเขาหล่นวูบเมื่อนึกถึงสาวน้อยคนที่อยู่ในห้องยามที่เธอยังเป็นเด็กเล็ก ๆ เมื่อเขาไปเที่ยวเล่นที่ บ้านวรวุฒิ เด็กหญิงตัวน้อยไว้ผมเปียที่คอยมาพูดคุยกับพี่ชาย เฉกเช่นที่รจนาก็เคยกระทำมาเช่นกัน ชาติชายผลักบานประตูเปิดอ้าออก สายตาก็พบกับสิ่งของที่ลอยละลิ่วเข้าใส่ ความฉับไวที่เคยฝึกฝนมาทำให้เขายกมือ ขึ้นจับของที่ลอยมาอย่างอัตโนมัติแล้วก้มลงมอง นาฬิกาปลุกเรือนกะทัดรัดเรือนนั้น ดูสภาพแล้วคงมีอายุหลายปี แต่ที่ มันวาบขึ้นมาในห้วงคำนึงคือ เด็กน้อยไว้ผมเปียที่ดึงแขนเสื้อเพื่อนของพี่ชายให้ซื้อให้คราวที่พากันไปเที่ยวงานวัด ใกล้บ้าน สีชมพูที่เคยสดใสหม่นหมองลงไปตามกาลเวลา แต่มันยังคงทำงานเป็นปกติอยู่ “พี่ชาย ก้อยขอโทษ” ถึงจะขอโทษแต่หางเสียงยังตวัด “พี่แก้วล่ะ” “มันไปนอนแล้ว” ชาติชายตอบเรียบ ๆ “ก้อยเป็นไงบ้าง” “มันร้อน” สาวน้อยทรุดนั่งลงกับที่นอนยกมือกอดอก ใบหน้าแดงก่ำ “แล้วทำไมพี่แก้วถึงไปนอน” “มัน..เมาเบียร์มั๊ง” ชาติชายเดินเข้าไปใกล้ มองหน้าง้ำ ๆ นั้นแน่วแน่ “ก้อยไม่ไปอาบน้ำดูล่ะ” “เฮ่อะ พี่แก้วเหรอเมาเบียร์ นั่งกินวันละสามสี่กระป๋องทุกวัน จะตับแข็งตายเข้าสักวัน” สาวน้อยบ่นงึมงำ “อาบแล้วมัน ไม่หายอ่ะพี่ชาย มันแบบร้อนข้างในน่ะ นอนก็ไม่หลับ” พูดจบหยาดน้ำตาก็ไหลร่วง “งั้นมานอนดีกว่า มาพี่จะกล่อม” ชาติชายเดินเข้าถึงเตียงทรุดลงนั่ง สาวน้อยเถิบร่างออก “กล่อมไง” สายตายังระแวงระไว “ก็เหมือนตะก่อน ที่เรางอแงให้พี่กล่อมที่บ้านชายคลองของพ่อเราไง” ชาติชายเอนหลังนั่งพิงพนักเตียง “หลับแล้ว จะได้หายร้อน ตื่นพรุ่งนี้ก็ไม่เป็นไรแล้ว” ชาติชายอ้าแขนออกให้สาวน้อยขยับตัวเข้าซบไหล่หนาแน่น “กล่อมก้อยนอนจริงนะ” “จริงซิ พี่ชายเคยโกหกก้อยเหรอ” ชาติชายพูดเบา ๆ กลิ่นกายสาวหอมกรุ่นกระทบฆานประสาทยามที่เธอเอนตัวลงแนบข้างกาย เต้าอวบใหญ่หยุ่นนุ่ม กดลงกับสีข้างจนอุ่นซ่าน ร่างอวบอัดกระแซะเข้าประชิด แล้วศีรษะได้รูปก็วางลงบนไหล่เขา “พี่ชาย ไอ้บ้านั่นมันวางยาก้อยเหรอ ยาอะไร เห็นพี่แก้วบอกว่ายาปลุกเซ็กส์” “ใช่” ชาติชายรับคำ “แต่ไม่เป็นไรหรอกนะ อาการนี่คงเป็นเพราะฤทธิ์ยา ก้อยหลับเสีย ตื่นมาก็หาย” “ถ้าก้อยนอนไม่หลับจะทำไงดี ก้อยนอนตั้งนอนแล้วมันไม่หลับ” “อืมม ยังไม่หลับงั้นพี่ชายเล่านิทานให้ฟังไหม” “เอาซิ พี่ชายเล่าเลย” เมื่อชาติชายก้มลงมองนั้นใบหน้างามของสาวน้อยก็เงยขึ้นสบตาแป๋ว ชาติชายเริ่มเล่าเรื่องของ เขากับวรวุฒิสมัยเป็นนักเรียนให้สาวน้อยฟัง ยามเมื่อถึงเรื่องความเปิ่นเทิ่นของเขาเอง สาวน้อยก็หัวเราะไปกับเขา เป็นครั้งคราว เวลาคืนคลานผ่านไปสาวน้อยก็ยังเอื้อนเอ่ยถามเขาเป็นจังหวะ แต่ดวงตาเริ่มจะปรือหรี่ “ง่วงแล้วซิ สาวน้อย” “ไม่ง่วงค่ะ” เธอรีบลืมตาขึ้น “อ้าวแล้วตาปรือ ง่วงก็นอนซิ ฤทธิ์ยามันคงคลายแล้วแหละ เดี๋ยวสาวน้อยหลับพี่จะได้กลับไปนอนบ้าง” ริมฝีปากคู่นั้น เม้มจนบางเฉียบ “ไม่เอา เดี๋ยวพี่ชายหนีกลับ” เรียวแขนยกกอดร่างเขาจนเรือนร่างอวบอัดเบียดเข้าหา “ไม่หนีก็ได้ สาวน้อยนอนเสียนะ” “ตื่นเช้า ก้อยจะเจอพี่ชายไหมคะ” “เดี๋ยวพอก้อยหลับพี่จะค่อย ๆ ไป นะ พี่ค้างนี่ใครเขารู้จะดูไม่ดี” “งั้นก้อยไม่หลับ” สาวน้อยกอดร่างบึกบึนนั้นกระชับ เต้าอวบเบียดแขนกำยำ ซุกหน้าลงกับอก “ใครจะว่าอะไรก็ช่าง” “อ้าว โกงอีกล่ะ งั้นจะเอาไง” “พี่ชายต้องสัญญาว่า ก้อยตื่นมาพรุ่งนี้จะต้องเห็นพี่ชาย นะคะ” ใบหน้าหวานคมเงยขึ้นออดอ้อน “ตกลง พี่สัญญา งั้นสาวน้อยหลับตานะ” ชาติชายบอกเบา ๆ ก้มลงกดปลายจมูกลงกับหน้าผากนูน สาวน้อยค่อย ๆ พริ้มตาปิดลง ........................ “คุณชาย.....” เสียงแผ่วหวิวแต่ดังก้องอยู่ในสมององเขา เสียงนั้นสถิตอยู่ในใจเขาตลอดเวลา ชาติชายพยายามลืมตาขึ้น แต่มัน หนักเหลือเกิน ร่างกายของเขาส่งความรู้สึกเหมือนเมื่อคราวแรก ๆ ที่เริ่มฝึกฝนร่างกายเพื่อเข้าทำงาน มันแน่นตึง จนแทบขยับตัวไม่ได้ ดูจดังโดนพันธนาการด้วยเชือกเส้นใหญ่ หรือว่าเขากำลังฝึกการเอาตัวรอดในหลักสูตร ชาติชายพยายามขยับตัวดิ้นให้หลุดออกจากความอึดอัด “คุณชาย...ไม่เป็นไรนะคะ” เสียงนั้นแฝงแววเอื้ออาทรอย่างสุดซึ้ง ชาติชายพยายามขยับตัว แต่รจนาตายไปแล้ว เสียงที่เขาได้ยินนั้นมาจากแหล่งใด ชาติชายพยายามยกเปลือกตาที่หนักอึ้งให้เปิดออก “คุณรจ...” .......................... “พี่ชาย.. พี่ชายคะ” สติหวนกลับพร้อมกับเปลือกตาเปิดขึ้น ห้องนั้นแปลกตาอย่างยิ่ง พลันเขาก็รู้สึกถึงมือเล็ก ๆ ที่เขย่าร่างเขาเบา ๆ ชาติชายหันไปมอง สาวน้อยน้องสาวเพื่อนนั่นเองที่นั่งอยู่บนเตียงเคียงเขา ยามนี้เธอกำลังใช้สองมือเขย่าแขนเขาเบา ๆ “หือ.. มีอะไรก้อย” “พี่ชายเป็นอะไรคะ นอนดิ้นฮึดฮัด ก้อยตื่นมาตกใจเลย” “เหรอ ขอโทษนะก้อย” ชาติชายยกข้อมือขึ้นมองนาฬิกา “อืมม เที่ยงกว่าแล้ว พี่ทำก้อยตื่นเหรอ ขอโทษนะ” “เปล่าหรอกค่ะ ก้อยตื่นเอง ก้อยฝันเห็นพี่รจนา” พูดจบสาวน้อยก็นั่งหน้าแดง “เหรอ” “พี่รจนามาหา ฝากให้ก้อย..” สาวน้อยยิ่งหน้าแดงมากขึ้นก้มหน้านิ่ง “ทำไมหรือ” “ให้ก้อยดูแลพี่ชายแทนด้วย...” ชาติชายนั่งนิ่งครู่ใหญ่ “ไม่มีอะไรหรอกนะ ก้อยนอนเถอะ” ชาติชายบอกเบา ๆ แล้วยกแขนดึงร่างสาวน้อยมานอนซบตามเดิม “พี่ชายคะ” “หือ...” “พี่ชายรักพี่รจมากไหมคะ” “รักซิ” “พี่ชายคิดถึงพี่รจไหมคะ” “คิดถึงซิ” ชาติชายหันไปสบตาแป๋วแหววนั้นนิ่ง “ก้อยก็สนิทกับคุณรจด้วย ก้อยล่ะคิดถึงไหม” “คิดถึงค่ะ” พูดจบหยาดน้ำตาก็ไหลรินร่วงหล่น “ก้อยสงสารพี่รจจัง” “อืมม คุณรจคงหมดห่วงอะไรแล้วล่ะนะ” “ค่ะ” สาวน้อยซุกหน้าลงกับอกกว้าง “พี่ชายคะ” “หือ” เขาหันหน้าไปสบตาที่จ้องมองมา “พรุ่งนี้ก้อยตื่นมาจะได้เห็นหน้าพี่ชายไหมคะ” “พี่สัญญาแล้วไง” เขาบอกพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ อย่างเอ็นดู “พี่ไม่ลืมสัญญาหรอกน่า สาวน้อย” “งั้น ก้อยขอสัญญาอะไรอีกอย่างได้ไหมคะ” สายตาที่มองมาเจือแววหวาด ๆ แต่ก็เต้นระริกด้วยความคาดหมาย “ได้ซิ” ชาติชายก้มหน้าลงมอง “อยากได้นาฬิกาปลุกอีกเรือนหรือไง” ชาติชายถามอย่างล้อเลียน “แหม..นี่” มือเล็ก ๆ หยิกใส่ท่อนแขนเขาอย่างแง่งอน “ไม่ใช่สักหน่อย” “งั้นจะขออะไรล่ะเอ้า พี่สัญญา” “พี่ชาย ...” พูดแล้วปากก็เม้มแน่นชั่วขณะ “พี่ชายรักก้อยอีกคนได้ไหมคะ ก้อยจะได้ดูแลพี่ชายตามที่พี่รจมาบอก” ชาติชายหันไปสบตาวาววับคู่นั้นนิ่ง .................... วรวุฒิขยับตัวบิดไปมาไล่ความเมื่อยขบที่นอนอยู่บนเก้าอี้รับแขกมาทั้งคืน สายตากวาดไล่ไปมองกระป๋องเบียร์ว่างเปล่า ที่วางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะ พอสติคืนเต็มที่เขาก็รีบลุกขึ้น ปราดไปที่บันไดก่อนจรดปลายเท้าขึ้นไปสู่ชั้นบน สายตา ประสบภาพบานประตูห้องน้องสาวเปิดอ้าอยู่จึงเดินไปยื่นหน้ามองข้างประตู วรวุฒิเดินตรงเข้าห้องของตนอย่างสบายใจ ภาพที่เห็นนั้น เพื่อนรักของเขานอนเอนอยู่บนเตียง ร่างอวบ ๆ ของน้องสาว นอนซบอยู่กับอกกว้างของชาติชาย ทั้งสองหลับสนิทอยู่ในชุดที่สวมใส่ตั้งแต่เมื่อคืน สายตาของเขายังกวาดไปทั่วจน เห็นได้ว่า ทั้งผ้าปูที่นอนและผ้าห่มยังอยู่เป็นระเบียบเรียบร้อย “ไอ้ชาย กูดูมึงไม่ผิดจริง ๆ เพื่อนรัก” วรวุฒิพูดเบา ๆ กับตัวเองขณะที่เปิดประตูห้อง

ไม่มีความคิดเห็น: