ขายของ

วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2554

With No Remorse Chapter 21

With No Remorse Chapter 21 “ตามที่สายข่าวแจ้งมา งูใหญ่ เริ่มกว้านมือปืนขึ้นมาจากภาคกลางเพื่อเข้ามาทดแทนคนเก่าที่โดนกวาดล้างไปเมื่อ คราวก่อน มีอดีตจ่าตำรวจเป็นหัวหน้า ขณะนี้รวบรวมได้ประมาณหกถึงสิบคน รวมกลุ่มอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ รอยต่อเชียงใหม่เชียงราย ตัวงูใหญ่มีจ่าตำรวจคนนี้อยู่ใกล้ชิดตัวตลอดเวลา มังกรตอนนี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหว แต่คาดว่าหลังจากที่เราทลายแหล่งเก็บของมันไปเมื่อวานซืนนี้แล้ว จะต้องมีการรวบรวมของลงไปเพิ่มเติมแน่นอน เส้นทางคาดว่าจะมาทางเดิมค่ะท่าน ความต้องการของหน่วยเหนือคืออยากให้ทางนี้ขัดขวางเส้นทางลำเลียงต่อไป ส่วนการจัดการงูใหญ่นั้นแล้วแต่ท่าน สำหรับมังกรเรากำลังรวบรวมหลักฐาน แต่เท่าที่ผ่านมาการหาหลักฐาน เชื่อมโยงกับมังกรยากมาก แม้กระทั่งที่เราเข้าทลายแหล่งเก็บของมันไปนั่น ก็ไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงกับมังกรค่ะ ดิฉันขอสรุปเพิ่มเติมแค่นี้ค่ะ ขอบพระคุณค่ะท่าน” เจ้าหน้าที่ ปปส.สาวกล่าวจบแล้วนั่งลงจับตามองการุณย์ที่นั่ง ครุ่นคิดอยู่ที่หัวโต๊ะ “ขอบคุณ คุณ อ่า..” “วันเพ็ญค่ะ” “คุณวันเพ็ญ ขออภัยที่ยังจำชื่อไม่ได้นะครับ” การุณย์พูดพร้อมกับยิ้มให้อย่างจริงใจ “วุฒิ ว่าไง” “ช่วงนี้เงียบอยู่ครับ ตั้งแต่ที่เราทลายโรงผลิตกับเซฟเฮ้าส์ไปแล้วนั่น แต่ตามที่เด็กผมออกไปดูมานั่น มีสิ่งบอกเหตุ ว่ามีการสะสมยาเสพติดอีกจำนวนมากตามแนวชายแดน ที่น่าสนใจคือ คราวนี้มันแบ่งย่อยออกเป็นสองส่วนครับ ส่วนแรกอยู่ตอนเหนือตามเส้นทางเดิม” วรวุฒิลุกขึ้นยกไม้ชี้ไล่ไปตามแนวสันเขาบนแผนที่ที่ติดไว้บนผนังบ้าน ”ส่วนที่สองลงมาอยู่บริเวณนี้ ซึ่งอาจจะถ่ายเทเข้ามาทางแม่สอด หรืออาจจะเป็นปาย ก็เป็นได้ ตอนนี้คนของผม ฝังตัวจับตาดูอยู่แล้วครับ ถ้ามีความเคลื่อนไหวก็จะทราบได้ทันที” “สรุปว่าตอนนี้มันนิ่งอยู่ เราก็พอจะหายใจหายคอกันได้บ้าง” การุณย์สรุป “เอาว่าตอนนี้ส่งคนออกไปดูเส้นทาง ไว้ก่อน ถ้ามีความเคลื่อนไหวแล้วรายงานด่วนเลย ทุกคนเตรียมพร้อมตลอดเวลา ผมตกลงกับ ปปส. ไว้แล้วว่า ช่วงนี้จะไม่ยอมให้ยาผ่านเราไปได้ สำหรับเสี่ยกิมเล้งนั่นตอนนี้คงจัดการยากหน่อย หรือไงชาติชาย” “ถ้าไฟเขียวก็จัดการได้เลยครับ” ชาติชายตอบเรียบ ๆ ทำเอาวันเพ็ญหันมามอง “เท่าที่คุยกันนี่ เสี่ยกิมเล้งมีจ่าชดนั่น ติดตามอยู่คนเดียว พวกลูกน้องยังไม่ขึ้นมาให้เอิกเกริก ยากหน่อยก็ตรงที่ตอนนี้มันเก็บตัวเงียบ แต่ไม่เป็นปัญหา ครับ จัดการได้” “ทาง ปปส. อยากได้หลักฐานเชื่อมโยงไปที่มังกรนั่นด้วย ไม่งั้นก็สวย” การุณย์พูดเหมือนรำพึง “ถ้าจะจัดการทั้งสองก็ได้ครับ” ชาติชายบอก “ผมกับนายรัณย์สองคนได้เลยครับ” “คือทาง ผอ ออ ปปส. ต้องการจับมังกรให้ได้เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายค่ะ” “ฮึ” เสียงล่มดังออกมาจากจมูกของศรัณย์ “มีอะไรหรือคะ” ใบหน้ากลม ๆ ของวันเพ็ญหันขวับ ศรัณย์ยักไหล่ “มีอะไรก็พูดมาได้ค่ะ” “เอาน่า ไม่มีอะไร เอาเป็นว่า ตอนนี้เอาอย่างที่ว่า ผมต้องการข่าวเพิ่มเติม เพื่อวางแผนต่อ ใครได้อะไรมาก็ส่งให้วุฒิ รวบรวมส่งมาให้ผม” การุณย์มองสองหนุ่มสาวที่ทำท่าจะไม่กินเส้นกัน “คุณวันเพ็ญพักที่ไหนครับ” “หนูบุ๊คโรงแรมไว้แล้วค่ะ ขอแค่รถไปส่งเท่านั้นก็พอ ค่ะท่าน” “งั้นตกลง เดี๋ยววุฒิจัดการหน่อยแล้วกัน จันทร์หน้าประชุมกันอีกครั้ง” การุณย์ลุกขึ้นรับความเคารพจากคนที่รวมตัว อยู่ในห้องก่อนเดินออกจากห้องไป วันเพ็ญลุกขึ้นรวบเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ แต่สายตาจับอยู่ที่ศรัณย์ที่นั่งเงียบ ๆ ฟังชาติชายที่เอนตัวมากระซิบ สั่งความแล้วลุกขึ้น “คุณวันเพ็ญ ผมให้ลูกน้องเตรียมรถไว้แล้วนะครับ จอดรอหน้าบ้านนี่แหละ จะไปไหนก็บอกจ่าเอกชัยคนขับได้เลย ไม่ต้องเกรงใจนะครับ” วรวุฒิบอกเรียบ ๆ แล้วเดินออกไปพร้อมกับชาติชาย ศรุณย์ลุกขึ้นยืนแล้วหันตัวเตรียมจะ ตามชาติชายไป “เมื่อกี้มีอะไรหรือคะ” เสียงใส ๆ ที่ดังขึ้นลอย ๆ ทำศรัณย์หยุด “ไม่มีอะไรหรอกครับ เรื่องส่วนตัวนิด ๆ หน่อย ๆ” “ดิฉันไปทำอะไรคุณหรือคะ” “เปล่าหรอกครับ” ศรัณย์ย่นจมูก “ไม่มีอะไรหรอกครับ บ้านเมืองมีกฎหมาย สบายใจเถอะครับ” ศรัณย์พูดจบแล้วเดินยิ้มออกไปจากห้องปล่อยให้วันเพ็ญยืนมอง ................. วันเพ็ญยืนมองผ่านหน้าต่างของโรงแรมออกไปยังทัศนียภาพข้างนอก การที่ห้องพักของเธออยู่ถึงชั้นสิบสองนี่ก็ ทำให้เธอสามารถมองเมืองเชียงใหม่ได้เกือบทั้งเมือง เบื้องล่างลิบ ๆ นั่น บนถนนสายที่ไขว้ไปมา รถสี่ล้อสีแดง สัญลักษณ์ประจำเมืองวิ่งขวักไขว่ บนรถมีชาวบ้านทั้งชายหญิง ทั้งผู้ใหญ่และเด็กนักเรียน เธอมองพลางถอนหายใจ คนเรานี่ไม่ได้รู้เลยว่าเงาอุบาทว์ของยาเสพติดนั้นมันแผ่ครอบคลุมเมืองไปมากมายเพียงใด เมื่อสองวันก่อนที่เธอ กับเพื่อน ๆ เข้าทลายแหล่งซุกซ่อนยาเสพติดนั้น จำนวนยานับเป็นแสนเม็ดที่จับค้นมาได้นั่น ถ้าเล็ดรอดออกไป จะมอมเมาประชานชนและวัยรุ่นไทยไปอีกเท่าใด มือยกโทรศัพท์แนบหูฟังเสียงจากอีกฝั่งหนึ่ง “ไม่มีอะไรมั๊งยายเพ็ญ แกก็หาเรื่องเขาไปหรือเปล่า” “เปล่านี่ นุช ชั้นก็พูดไปตามปกติแหละ ความจริงก็หมั่นไส้แต่แรกแล้วนะ หมอนั่นน่ะ ทำนั่งกอดอกเงียบ ๆ” “แล้วจะให้เขาทำอะไรวะ” ก็นั่งเงียบ ๆ ไปซี ท่าทางคงจะเป้นพวกลิ่วล้อแหละ ไม่รู้จะให้เข้ามาประชุมทำไม” “ไม่หรอกมั๊ง พ่อบอกว่าพวกที่จะเข้าประชุม โดยเฉพาะทีมผู้การการุณย์นี่ มือท๊อป ๆ ทั้งนั้นแหละ” “ไม่รู้ว่ะ ชั้นว่าหน้าอ่อน ๆ แหละ ไม่น่าเท่าไหร่” “หล่อละซี” เสียงเพื่อนทำเสียงล้อเลียน “ก้อ โอเคว่ะ หน้าตาน่ากินดี ฮ่า ฮ่า” “แกเหรอจะกล้า อย่ามาพูดเลย นี่เดี๋ยวแกจะทำอะไรวะ ฝากซื้อขนมมาด้วยนะ” “เดี๋ยวอาบน้ำแล้วจะไปซื้อให้โว้ย แค่นี้นะนุช” พอปลายสายกดวางหู วันเพ็ญก็วางโทรศัพท์ลง สองมือปลดปล่อย ร่างกายออกจากความรัดรึงของเสื้อผ้า เสื้อเชิ้ตแขนสั้นปลิวลงไปตกบนที่นอนตามเสื้อชั้นนอก ก่อนที่กางเกงขายาว จะปลิวลงไปทับ ชิ้นต่อมาคือเสื้อในสีนวลกับกางเกงในตัวจิ๋ว วันพ็ญยืนมองกระจกเงาที่ส่องภาพสาวผมสั้นยืน ร่างเปล่าเปลือยจ้องตอบออกมา เรือนร่างอวบอัดไปด้วยกล้ามเนื้อ เต้าอวบตั้งเป็นกระเปาะประดับป้านเนื้อสีดำ จุกนมตั้งชันเป็นก้อนด้วยลมเย็น ๆ จากเครื่องปรับอากาศ เอวคอดกิ่วลงไปยังสะโพกผาย หน้าขาเกลี้ยงเกลาไร้ เส้นขนปกปิดกลีบเนินที่นูนขึ้นแผ่กว้าง เธอลูบไล้เนื้อตัวที่ปราศจากเสื้อผ้า “น่าอิจฉายายนุชจังเนอะวันเพ็ญ ตัวเธอยังไม่มีใครมาเจาะมาไชซะที เอ้อ อาบน้ำ ไปกินข้าวดีกว่านะ ชักจะฟุ้งซ่าน” เธอพูดกับตัวเองก่อนเดินเข้าห้องน้ำ ก้าวลงอ่างอาบน้ำแล้วเปิดก๊อกให้น้ำสาดสายลงมารดร่างกาย ท้องก็อิ่มเรียบร้อยด้วยอาหารพื้นเมืองในละแวกโรงแรมนั่น ของฝากก็เรียบร้อยหิ้วมาสำหรับทุก ๆ คน มันจะได้ไม่ ต้องมากระแนะกระแหนว่าเราไปเที่ยวมา วันเพ็ญหิ้วถุงใส่ของสองถุงใหญ่ ๆ เดินกลับโรงแรม ตอนที่ผ่านห้องโถง ของโรงแรมนั่น เธอกวาดสายตาไปมามองเห็นเหมือนมีคนหน้าคุ้น ๆ แต่พอมองกวาดไปอีกครั้งก็กลับไม่เจอใคร ที่พอจะเรียกได้ว่าคุ้น วันเพ็ญยักไหล่กับสายตาตัวเองแล้วกดลิฟท์ ตอนที่บานประตูกำลังจะปิดนั่นเองที่มีมือแทรก เข้ามาจับไว้จนมันเปิดออกอีกครั้ง วันเพ็ญเงยหน้าขึ้นมอง “อ้าว ไชยา มาไง” วันเพ็ญร้องทักเพื่อนชายที่ผลุบตัวเข้ามาในลิฟท์ ชายหนุ่มอีกสองคนตามเข้ามาติด ๆ “นั่งเครื่องมา” คนที่วันเพ็ญทักตอบสั้น ๆ “มีอะไรละ” วันเพ็ญยังยิ้มเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มนั่นคือเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในสำนักงาน ปปส. เธอเคยพบเขามาก็ หลายครั้ง แต่ไชยานี่ทำงานเอกสารไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ปราบปรามเหมือนเธอ “มาธุระ วันเพ็ญล่ะ” “มีงานน่ะ ผอ ออ ให้มา แล้วนี่เธอจะกลับเมื่อไรล่ะ เรากลับพรุ่งนี้” ประตูลิฟท์เปิดออก วันเพ็ญขยับตัวก้าวออก “พักห้องไหนล่ะไชยา” “ชั้นนี้แหละ” คำตอบยังคงสั้น ๆ พร้อมกับก้าวเดินตามออกมา ผู้ชายสองคนนั่นตามมาด้วย “ตกลงเธอกลับเมื่อไรล่ะ เผื่อกลับพร้อมกันจะได้คุยกันไง” วันเพ็ญวางถุงลงหน้าประตูห้อง ล้วงมือลงไปหยิบ กุญแจห้องขึ้นมาถือ “นั่นเพื่อนเธอเหรอ” “เราก็มาคุยกับเธอนี่แหละ” วันเพ็ญหันมามองหน้าเพื่อน มือที่จับลูกบิดประตูห้องหยุดชะงักเมื่อสายตามองเห็น ปากลำกล้องปืนกลวง ๆ ชี้ตรงมาที่ใบหน้า หนึ่งในผู้ชายสองคนเอื้อมมือมาเปิดประตูพร้อมกับที่ไชยาผลักเธอเซหลุน ๆ เข้าห้อง มือที่แข็งแรงจับต้นแขนเธอ แน่น วันเพ็ญหยุดค้างเซไปตามแรงดันเพราะปากกระบอกปืน “อะไรเนี่ย” เธอร้องถามเมื่อบานประตูปิดลง “เธอขึ้นมาประชุมกับพวกผู้การการุณย์ล่ะซี” มือที่กำท่อนแขนลากเธอไปที่เก้าอี้แล้วผลักให้ลงนั่ง ลูกสมุนของมัน ปราดไปมองซ้ายขวาที่หน้าต่างก่อนจะรูดม่านปิดแล้วยืนอยู่ตรงนั้น อีกคนเปิดประตูห้องน้ำยื่นหน้าเข้าไปมอง แล้วออกมายืนคุมประตูห้อง “ไม่ใช่เรื่องแผนกเธอนี่ไชยา” สองตาของวันเพ็ญกวาดไปมา ปืนพกอยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้าแต่มันก็อยู่ในตู้ไกลจน เกินกว่าจะทำอะไร ในห้องก็ไม่มีอะไรพอที่จะใช้งานได้ อย่าว่าแต่พวกมันมีกันถึงสามคน “ก็ไม่ใช่เรื่องของแผนก แต่มันเป็นเรื่องของชั้นเอง” ไชยาถอยออกไปแต่ยังคุมให้ปลายกระบอกปืนชี้มายังเธออยู่ “หมายความว่าไง” “หมายความว่า พวกมันเตรียมทำอะไรต่อ แล้วพวกมันมีใครบ้าง” “เธอจะรู้ไปทำไม” ไชยาเดินเข้ามาหาเธอช้า ๆ ยิ้มยียวนพร้อมกับกระดกปลายลำกล้องปืน พอมันมายืนประจันหน้าเธอมันก็หันไปมอง ไอ้คนที่ยืนอยู่ที่หน้าต่าง “เฮ้ย มันถามว่ากูจะรู้ไปทำไม” มันจบคำพูดกับหมอนั่นด้วยเสียงหัวเราะ หันหน้ามามองเธอ “เธอคายมาดีกว่านะ วันเพ็ญ อย่าให้เสียเวลาชั้น” “เธออยู่ฝ่ายธุรการ ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้นี่” ไชยาทำปากยื่น ทำคอตกทิ้งปืนห้อยลงข้างตัว เผี๊ยะ.. มืออีกข้างตวัดวูบขึ้นมาหลังมือกระทบแก้มวันเพ็ญจนดังลั่น “อุ๊บ..” วันเพ็ญอุทานก่อนจะหน้าสะบัดไปตามแรงมือ ร่างหมุนตกลงจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ แก้มข้างนั้นร้อนฉ่าด้วย ความเจ็บปวด เธอหันหน้าขึ้นมองไชยาที่เอาปืนกวัก ๆ แล้วชี้ให้เธอลุกขึ้นนั่งเก้าอี้ตัวเดิม “ทีนี้ เกี่ยวได้ยัง วันเพ็ญ” “ผอ ออ รู้ละ เธอติดคุกแน่” วันเพ็ญเข่นเขี้ยว ไชยาหัวเราะลั่นห้อง ยืดตัวหงายหน้าขึ้นหัวเราะกับเพดานก่อนจะก้มลงมาสบสายตา “ผอ ออ รู้เหรอ วันเพ็ญ ทำไมเธอโง่วะ ไอ้ ผอ ออ โง่ ๆ นั่นจะมารู้อะไร” ไชยาลดไกปืนแล้วโยนให้ไอ้คนที่คุม หน้าประตู วันเพ็ญมองตามอย่างเสียดายโอกาส นี่ถ้าเธอไวกว่านี้นะ เธอคงตะปบปืนกระบอกนั้นมาได้ เผี๊ยะ.. แก้มข้างเดิมโดนฝ่ามือมันอีกครั้ง วันเพ็ญหล่นลงมากองที่พื้น หัวเริ่มจะหมุนด้วยความมึนงง ปากเธอลิ้มรสเค็ม ๆ เฝื่อน ๆ ของเลือดสด ๆ แล้วศีรษะเธอก็เจ็บตึงเมื่อไชยาขยุ้มผมเธอเต็มกำยกขึ้นจนหน้าเธอแหงนหงาย “มันเตรียมการอะไรบ้าง ไอ้การุณย์นั่น ถ้ามึงบอกกูดี ๆ กูจะให้มึงตายสบาย ๆ” ไชยายื่นหน้าเข้ามาจนแทบชิด วันเพ็ญพยายามเบือนหนีแต่ก็ติดที่มันขยุ้มผมเธอดึงอยู่ ถึงเธอจะพยายามแกะออกก็ตาม เผี๊ยะ.. “ว่าไง นังวันเพ็ญ ไอ้การุณย์มันเตรียมอะไรบ้าง แล้วมันมีกันกี่คน” มันจิกผมเธอยกขึ้นจนเจ็บตึงไปทั้งหัว “ทำไมฉันต้องบอกแก ยังไงก็ตายอยู่ดี” วันเพ็ญข่มกรามตอบ “ไม่อยากตายสบาย ๆ เหรอวะอีนี่” ไชยายกมือข้างที่ขยุ้มผมวันเพ็ญยกขึ้นจนเธอต้องขยับตัวลุกตามมือด้วยความเจ็บ พอเธอยืดตัวขึ้นมันก็ยัดกำปั้นเข้าเต็มท้อง ตุ๊บ.. “อุ๊บ..” ร่างบางอวบนั่นงอเข้าไปตามแรงกำปั้น มันปล่อยมือให้เธอทรุดลงคู้เข้ากับพื้นห้องก่อนจะก้มลงจิกผมเธอ ยกขึ้นมาจนหน้าหงาย “ฤทธิ์เยอะเหรอ อีนี่” มันตุ๊ยท้องเธอตัวกำปั้นอีกครั้งแล้วผลักร่างเธอหงายลงไปกองกับพื้น “อ๊อก..” วันเพ็ญจนจนรู้สึกว่าอาหารที่กินไปมันเอ่อล้นขึ้นมาถึงคอหอย อ้าปากหอบกลืนอากาศ เหงื่อผุดขึ้นพราว ใบหน้า ท้องไส้ปั่นป่วนไปด้วยความจุกเสียด แล้วผมเธอก็โดนจิกยกขึ้นเธอตะเกียกตะกายลุกด้วยความเจ็บหนังหัว มันเหวี่ยงเธอไม่ปรานีปราศรัยจนร่างบางนั่นหมุนไปปะทะขอบเตียงจนล้มลงไปนอน วันเพ็ญรีบลุกขึ้นนั่งทั้งที่ ยังเจ็บร้าวไปทั้งท้องทั้งชายโครง เธอพยายามหอบหายใจแรง ๆ สะกดความเจ็บปวดมองไปทั่วห้องพร้อมกับคิด หาทางออกทั้ง ๆ ที่เธอก็รู้ดีว่าสิ้นหวังที่จะแหวกลงล้อมของผู้ชายทั้งสามคน “ทีนี้มึงจะคายออกมาได้หรือยังวันเพ็ญ” เสียงไชยาดึงสายตาเธอกลับมาจ้องมันอย่างแข็งกร้าว “กู ไม่ บอก” วันเพ็ญเค้นเสียงทีละคำ ไชยาปราดเข้ามาพร้อมกับมือที่เงื้อง่า แต่ร่างบาง ๆ นั้นพร้อมกว่าที่มันจะคิดเพราะร่างนั้นดีดผึงขึ้นมาจากที่นอน พุ่งเข้าใส่มัน รองเท้าผ้าใบเบอร์หกพุ่งเขาเต็มหน้าอกมันจนเสียดยอกขึ้นมาพร้อมกับที่มันผงะหงายไม่เป็นท่า วันเพ็ญโจนตามพร้อมกับยกเข่าอัดเข้าเต็มอกไชยาจนมันกระแทกหลังเข้ากับฝาห้อง จุกเสียดจนรูดตัวลงกองกับพื้น ชายสองคนที่ยืนคุมเชิงขยับตัวพุ่งเข้ามาพร้อมกับที่วันเพ็ญโจนเข้าใส่คนที่พุ่งตัวมาจากประตู เธอโถมเข้าไปทั้งตัว มือขวายกขึ้นทัดหูตั้งศอกเป็นดั้งอัดเข้ากลางยอดอก ถึงมันจะตัวใหญ่กว่าวันเพ็ญขนาดบังกันมิด แต่ปลายศอก แหลม ๆ ก็ทำเอามันสะอึกด้วยความเจ็บปวด เท้าเล็ก เตะกวาดขามันจนเสียหลักเซไปติดผนังห้องแคบ ๆ จุดหมาย ต่อไปของเธอคือประตูห้อง วันเพ็ญพุ่งตัวไปจนมือเธอจับลูกบิดประตูได้แล้วตอนที่ผมเธอโดนดึงกระชากกลับไป ร่างเธอหงายหลังผลึ่งกลับ เข้าไปในห้อง มือที่กำผมเธอไม่ได้ปล่อยเมื่อกำปั้นยัดตูมเข้ามาเต็มซอกคอ สติแทบจะปลิวเมื่อโดนกำปั้นเข้าไป เกือบเต็มคาง วันเพ็ญพยายามแกะมือที่ขยุ้มผมจนหนังหัวแทบหลุดนั่นออก ตุ๊บ.. “โอ๊ะ..” กำปั้นลุ่น ๆ ที่ต่อยเข้ามาตรงบั้นเอวทำเอาความเสียดพุ่งจนหายใจไม่ออก ร่างอวบบางทรุดลงไปกองกับพื้น ในทันที เธอบิดตัวด้วยความจุกเสียดขณะที่หนังหัวถูกดึงยกเหวี่ยงเต็มแรงจนเธอกระเด็นไปบนเตียงแล้วกลิ้ง อย่างหมดท่าไปตกลงอีกด้านหนึ่ง วันเพ็ญนอนแบบอยู่ตรงซอกเตียงตอนที่เท้าข้างหนึ่งวางลงตรงหน้าเธอ วันเพ็ญ แข็งใจรวบเท้าข้างนั้น ตุ๊บ.. “อุ๊บ..” ท้องจุกแน่นเมื่อเท้าอีกข้างจิกปลายเข้ามาเต็มท้อง มือเธอปล่อยอย่างหมดแรง เส้นผมถูกจิกดึงอย่างแรงยก เธอขึ้นพาดหลังกับที่นอน กริ๊ก เสียงขึ้นนกปืนก่อนที่ปากลำกล้องกลวงโบ๋จะจิ้มเข้ามาตรงสันจมูกจนเจ็บแปลบ เนื้อเหล็กเย็น ๆ แนบอยู่กับสันจมูก เธอแน่น ไชยานั่งลงจ้องตาเธอเม้มปาก มือข้างหนึ่งจิกผมเธอดึงกดลงกับที่นอนจนหน้าหงาย อีกมือกำปืนยกขึ้นจ่อ ตรงหน้าเธอ “เก่งนักนะมึง อีเพ็ญ” ไชยาเข่นเขี้ยว หันไปมองลูกน้อง “ขึงพืด” ไอ้สองคนโดดเข้ามาจับแขนเธอยกขึ้นพาดเตียงดึงรั้งจนเธอดิ้นไม่ออก ความจุกเสียดยังแล่นพล่านไปทั้งตัว “เดี๋ยวพอกูเย็ดมึงแล้ว อย่าลืมดิ้นด้วยนะมึง กูชอบ” ไชยาสำรากคำพูดออกมา ลดนกปืนแล้ววางปืนลงบนโต๊ะด้านหลัง ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบมีดพับขึ้นมาง้างเอา ใบมีดกางออก มันขยุ้มเสื้อเธอดึงจนชายเสื้อลุ่ยออกมาจากขอบกางเกงแล้วใช้มีดปาดตัดชายเสื้อจนแบะออกจากกัน จากนั้นมันตัดเสื้อยกทรงเธอจนขาดหลุดปล่อยเต้าอวบออกมาดีดดิ้น มันกดมือขยำขยี้อย่างเมามัน “นมแน่นฉิบหาย นี่แฟนมึงไม่เย็ดบ่อย ๆ ซีท่า” มันจับปลายหัวนมบีบเต็มแรง “โอ๊ย..เจ็บ” วัญเพ็ญร้องพยายามบิดตัวหลบ ไชยาล้วงมือลงกำขอบกางเกงเธอจนมีช่องให้มันสอดใบมีดลงไปแล้วยกคมขึ้นตัดผ้ากางเกงจนขาดหลุดออกจากกัน มันตะลุยตัดกางเกงจนหลุดลุ่ยเปิดแหวกออก จากนั้นมันก็ดึงกางเกงในตัวจิ๋วขึ้น ไม่ถึงอึดใจร่างเธอก็เปลือยอวดโคก เนินเนื้ออยู่ในสายหาของชายหื่นทั้งสาม “แหม โคกหีมึงนี่เกลี้ยงดีจังอีเพ็ญ” “โอ๊ย..” วันเพ็ญร้องเมื่อมันตะโบมมือลงบนเนื้ออ่อน นิ้วมือเหยียดลากลงกลางกลีบเนื้อแล้วบดขยี้เม็ดแตดเธอ อย่างเมามัน “อื๊ยย โอ๊ย...” เธอดิ้นรนหาทางรอดที่เธอเองก็รู้ว่า ยามนี้เธอสิ้นทางรอดเสียแล้ว เธอก้มมองไชยาที่มือหนึ่งขยำ เต้านมและอีกมือก็ขยำโคกเธอด้วยความขยะแขยง “โอ๊ย..” ไชยาอุทานเมื่อเท้าเรียวงอขึ้นยันเต็มท้องน้อย ร่างมันหงายผึ่งลงอีกคำรบ ไอ้คนหนึ่งที่จับแขนเธออยู่กำมือ ทุบลงกับหน้าขาเธอเต็มแรง ตุ๊บ..ตุ๊บ.. “โอ๊ย..” ขาเธอเจ็บจนสั่นระริก วันเพ็ญกัดฟันกรอด ๆ เมื่อเห็นไอ้ไชยาผุดลุกขึ้นมือกุมท้องน้อย จนครู่ใหญ่มันก็ เริ่มปลดเข็มขัด “เดี๋ยวมึงเจอควยกูก่อน แล้วก็ควยไอ้สองคนนั่นก่อนตายเถอะมึง” ไชยาปลดเข็มขัดดึงออกแล้วปลดกระดุมกางเกง ยีนส์ปากพร่ำเหมือนคนเป็นโรคจิต “ยังไงก่อนตายมึงจะได้รู้ว่าโดนเย็ดมันเป็นยังไง” ก๊อก ก๊อก ก๊อก สามคนโฉดหยุดชะงักเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น มันเงยหน้าขึ้นมองกันอย่างแปลกใจ ก๊อก ก๊อก ก๊อก อึดใจถัดมาเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกคำรบหนึ่ง ไชยาที่กำลังก้มหน้าปลดกระดุมกางเกงหยุดมือ หันมาพยักหน้าให้ ลูกน้องที่คนหนึ่งยกมือขึ้นปิดปากวันเพ็ญขณะที่มันขยับตัวไปยังประตูห้อง คว้าปืนออโตเมติกติดมือไปแล้วขึ้นนก ไชยาแนบสายตาไปกับช่องตาแมว บริกรคนหนึ่งยืนอยู่หน้าห้องสองมือมือขวาประคองถือถาดที่คลุมด้วยผ้าผืนหนา ขาวสะอาด ขวดไวน์สีเขียวเข้มเย็นเฉียบจนน้ำเกาะวางอยู่ในถังสีเงินวาว ข้างถังแก้วไวน์สะอาดวางอยู่ ผ้าปูถาด ผืนใหญ่คลุมลงมาถึงข้อมือไอ้เจ้าบริกรนั่น มันยกมือข้างหนึ่งยกแผ่นกระดาษบาง ๆ ในมือขึ้นมองก่อนเงยหน้าขึ้น จ้องเข้ามาที่ประตูห้อง “มีอะไรไอ้หนุ่ม” ไชยาร้องถาม “ไวน์มาส่งแล้วครับท่าน” เสียงตอบนอบน้อม ไชยามองลอดช่องตาแมวอีกครั้ง บริกรหน้าอ่อน ๆ ยืนนิ่ง “อั๊วไม่ได้สั่งนี่ ส่งผิดห้องแล้วมั๊ง” “ห้อง 1215 ถูกแล้วนี่ครับ” เจ้าบริกรนั่นยกกระดาษในมือขึ้นดูอีกครั้ง เงยหน้าขึ้นมองประตูห้องก่อนจะตอบ “สั่งไว้ ให้มาส่งสองทุ่มครับ คุณผู้หญิงเจ้าของห้องเป็นคนสั่งไว้น่ะครับ ถูกต้องแล้วครับ” ไชยาขยับปืน หันไปมองลูกน้องสองคนที่ยึดวันเพ็ญที่ร่างเปล่าเปลือยอยู่บนเตียง มันกวาดตาคะเนความกว้างของ ห้องพัก ถ้ามันเปิดแง้ม ๆ ไอ้เจ้าหน้าอ่อนนี่คงไม่เห็น ประเด็นเดียวคือมันจะเก็บเงินหรือต้องลงชื่อในบิล “เท่าไรไอ้น้อง” “คุณผู้หญิงสั่งให้รวมบิลแล้วครับ” ไอ้หนุ่มนั่นก้มลงมองบิลในมือก่อนตอบ ไชยาขยับยกมือไว้หลังประตู รวมบิลแล้ว เหมาะมาก ท่าทางคงต้องเปิดแล้วรับถาดนั่นมาเอง ไอ้เจ้านั่นจะได้มอง เข้ามาไม่เห็นในห้อง อีเพ็ญนี่รสนิยมสุดเลิศนะมึง มานอนเชียงใหม่ยังสั่งไวน์มาแดก เดี๋ยวกูจะแดกไวน์แกล้มหีมึง อีเพ็ญเอ๊ย กูจะเย็ดให้ลืมโลกก่อนส่งมึงลงนรก มันขึ้นห้ามไกปืนก่อนจะยัดปืนเข้าด้านหลังกางเกง แล้วปลดล๊อก หมุนลูกบิด ดึงประตูเปิดแง้ม ไอ้หน้าอ่อนนั่นลดมือปล่อยถาดไวน์ตกลงพื้นดังโครมคราม ไชยามองตามทั้งถังน้ำแข็งทั้งขวดไวน์ที่หล่นจากถาด แปลกที่แก้วใบนั้นไม่ยักแตก ขวดไวน์กระทบพื้นพรมพร้อมกับถังน้ำแข็งแล้วกระดอนออกมากลิ้งโค่โล่ ไชยาเงย หน้ากะจะด่าไอ้หน้าอ่อนที่เซ่อซ่าทำถาดหล่น แต่ที่มันเห็นคือปืนในมือของไอ้หน้าอ่อนนั่นที่ยื่นเข้ามาที่หน้าอกของ มันเอง เสียงปืนไม่ดังเท่าไรตอนที่ไชยาเห็นว่าควันบาง ๆ กระจายออกจากตัวปืนพร้อมกับความเจ็บร้อนในอก ครอบลูกเลื่อนขยับเลื่อนถอยหลัง ปลอกกระสุนสีเหลืองทองกระเด็นหมุนติ้วออกจากช่องคายปลอกกระสุน แล้ว เสียงปืนก็ดังขึ้นอีกครั้ง สายตาของมันดับวูบ ปัง. ปัง.. หัวกระสุนเคลือบแข็งพุ่งวาบเข้าหน้าอกไอ้คนที่มาเปิดประตู สีหน้ามันดูงุนงงขณะที่แรงปะทะส่งตัวมันแทบจะลอย หงายหลังไปตกในห้อง สายตาบริกรหนุ่มพุ่งเลยเข้าไปในห้อง ไอ้สองคนนั่นนั่งยงโย่ยงหยกอยู่บนเตียง มือของ พวกมันกดร่างขาว ๆ ให้นอนอยู่บนเตียง สีหน้าตื่นตะลึงพึงเพริศกับเหตุการณ์ คนหนึ่งละมือออกจากเหยื่อตวัด อ้อมไปด้านหลัง ปัง.. ปัง.. ปืนในมือบริกรหน้าอ่อนยกขึ้นลั่นกระสุนคู่หนึ่งพุ่งเข้าปะทะร่างไอ้คนที่กำลังจะล้วงปืน ร่างของมันรับกระสุนทั้ง สองนัดแล้วหงายไปปะทะผนังห้องรูดลงกับเตียงนอน ร่างขาว ๆ นั้นเหมือนจะผงกหัวขึ้นมอง ปัง ปัง.. ไอ้คนสุดท้ายที่ทำท่าเหมือนจะโจนหลบโดนนัดแรกเข้าเต็มสีข้างร่างมันสะดุ้งเฮือกตอนที่นัดที่สองยัดตามเข้าลำตัว ร่างที่กำลังพุ่งลงจากเตียงหัวทิ่มลงปักพื้นนิ่ง “มีกี่คน..” เสียงบริกรที่ร้องถามเข้ามาบอกวันเพ็ญว่า ชายที่เข้ามาแก้ไขสถานการณ์นั่นคือ หนุ่มที่เกือบจะได้ปะทะ คารมกันเมื่อตอนบ่าย สติที่มั่นคงยังทำให้เธอยกมือขึ้นชูสามนิ้วเป็นคำตอบ เธอลุกขึ้นนั่งส่ายไปมาด้วยความมึนงง และเจ็บปวดตามร่างกาย สายตาบอกว่าหนุ่มคนนั้นวาดปืนส่องเข้าในห้องน้ำที่อยู่ติดประตูห้องแล้วก้มลงหยิบ ปลอกกระสุนปืนรวบยัดลงกระเป๋ากางเกง เขาพุ่งเข้ามาในห้องสายตากวาดมองร่างวายร้ายที่นอนนิ่งก่อนจะหันมา มองเธอ วันเพ็ญรู้สึกหน้าร้อนผ่าวเมื่อรู้ว่าตนเองกำลังเปลือยกาย แต่ความเจ็บปวดทำให้เธอแทบขยับตัวไม่ได้ “ไหวไหมครับ” เสียงถามห้วนสั้น วันเพ็ญสั่นหัวตอบ ศรัณย์พุ่งเข้าประชิดสองมือดึงผ้าปูที่นอนขึ้นพันร่างเธออย่างรวดเร็วแล้วช้อนร่างเธอขึ้นในวงแขน “ปืน ในกระเป๋า ตู้เสื้อผ้า” วันเพ็ญพูดขึ้นเมื่อเดาได้ว่าเขากำลังจะพาเธอออกไปจากห้อง “ช่างมันเถอะ เดี๋ยวหาใหม่” ร่างนั้นอุ้มเธอมาจนถึงประตูห้อง “ไม่ ปืนพ่อ” วันเพ็ญเค้นเสียงผ่านปากที่บวมเจ่อ เขาชะงักนิดหนึ่ง หันหน้ามามองตาเธอ วางเธอลงกับพื้นให้พิง ผนังห้องน้ำก่อนหันไปเลื่อนบานประตูตู้เสื้อผ้า ก้มลงไปเปิดกระเป๋าควานค้นก่อนจะหยิบปืนพกออกโตเมติกสีเทา ขึ้นมาชู พอเห็นเธอพยักหน้าเขาก็ดึงโครงปืนเลื่อนส่งกระสุนเข้ารังเพลิง ขึ้นห้ามไกก่อนจะส่งปืนให้เธอมารับไว้ วันเพ็ญเจ็บไปเกือบทั่วตัวยามที่เขาอุ้มเธอเดินเกือบจะเป็นวิ่งลงบันได ถ้าเป็นเธอนี่คงจะเหนื่อยเสียตั้งแต่ชั้นแรก ๆ อย่าว่าแต่ต้องอุ้มคนมาอีกคนก็เถอะ ใบหน้าของเขาดูอ่อนเยาว์แต่สายตามุ่งมั่นจนแทบจะเป็นแข็งกร้าว เม็ดเหงื่อ ผุดขึ้นมาตามหน้าผากเขาเป็นเม็ด ๆ แรงกระแทกยามที่เขาเคลื่อนตัวลงบันไดมานั่นทำเอาเธอเจ็บทั้งใบหน้าและ ชายโครงแต่อ้อมกอดนั่นช่างแข็งแรงจนเธอมั่นใจว่าเขาจะไม่ปล่อยให้เธอหล่นแน่นอน เขาอุ้มพาเธอผ่านชั้นต่าง ๆ ภาพผนังปูน ประตูห้อง ขั้นบันได และเลขบอกชั้นที่เขียนติดผนังช่องบันไดทำเอาเธอเวียนหัว แต่เธอไม่อยากหลับ เธออยากลืมตาจ้องมองใบหน้าอ่อนเยาว์คมสันของคนที่ช่วยเธอออกจากความตายเมื่อสักครู่ คนที่ร่างกายเขาแผ่ ความอบอุ่นแก่ร่างกายเธอที่เริ่มสั่นสะท้านปานเหน็บหนาวอย่างยิ่ง เธอรู้สึกดีว่าร่างเธอสั่นระริกจนสะท้านทั้งที่ ไม่ได้รู้สึกถึงความเย็นแต่อย่างใด มือที่กำด้ามปืนซิกซาวเออร์ของพ่อนั้นก็สั่นจนเธอต้องรวบรวมกำลังกำมันไว้ให้ แน่นขึ้น “หนาว..” เธอครางเบา ๆ “ไม่เป็นไรหรอกครับ แค่ตกใจ เดี๋ยวก็หาย” เสียงตอบนุ่มนวลพร้อมกับอ้อมแขนกระชับเธอแน่นเข้า ลมเย็น ๆ โชย เข้ามาปะทะหน้าเธอยามที่บานประตูเปิดอ้า ท้องฟ้ามืดสนิท ฟ้าสว่างนวลด้วยแสงจันทร์ วันเพ็ญหลับตาลงเมื่อ ไม่อาจฝืนความมึนงงต่อไปได้ ................. “เป็นไง รัณย์” “เรียบร้อยครับ สาม ครับพี่” ศรัณย์ตอบตอนขณะที่ก้มลงมุดเข้าไปด้านหลังรถแล้วค่อย ๆ อุ้มร่างในผ้าปูที่นอน ออกมา ชาติชายจับบานประตูเปิดอ้าไว้ ผลักประตูรถปิดเมื่อเห็นว่าศรัณย์อุ้มเธอพ้นบานประตูแล้วก่อนก้าวยาว ๆ แซงไปเปิดประตูบ้านให้ศรัณย์อุ้มร่างหญิงสาวผ่านเข้าไป “ห้องนายเลยรัณย์” ชาติชายบอก ปิดประตูแล้วเร่งแซงขึ้นไปชั้นบน “ฮ้า พี่ ดีเหรอ” “แกจะปล้ำเขาเหรอ” “เปล่าพี่ แต่” “งั้นก็ดีแล้ว ห้องแก..” ชาติชายเปิดประตูหลบทางให้ศรัณย์อุ้มวันเพ็ญผ่านเข้าไปวางบนที่นอน “เดี๋ยวพี่ไปบ้านผู้การ ไม่ต้องรอนะ” “ครับพี่” ศรัณย์มองตามหลังนายทหารรุ่นพี่ที่เดินดุ่ม ๆ ออกไป ก่อนจะหันกลับมาที่วันเพ็ญที่นอนนิ่งอยู่บนที่นอน ของเขา ใบหน้ากลม ๆ ที่เห็นเมื่อตอนกลางวันขณะนี้บวมขึ้นมาด้วยฤทธิ์มือของทรชน ศรัณย์ถอนหายใจด้วย ความสงสาร ก้มลงค่อย ๆ ปลดปืนออกจากมือเรียวนุ่ม ปลดซองกระสุน ดึงโครงปืนเลื่อนถอยส่งกระสุนในรังเพลิง หลุดมาสู่มือ เขาปล่อยโครงปืนดันกลับเข้าที่ ยัดกระสุนนัดนั้นกลับเข้าซองกระสุน สอดมันกลับเข้าช่องที่ปืนจน ได้เสียงกริ๊ก แล้ววางปืนลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง หันมามองร่างที่นอนนิ่งนั้นอีกครั้งก่อนจะออกไปจากห้อง ศรัณย์เดินกลับเข้ามาพร้อมกับอ่างน้ำ เขาวางอ่างลงบนโต๊ะข้างเตียง ก่อนหันกลับมาหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลี่ออกคลุม ทับร่างที่ห่อหุ้มด้วยผ้าปูที่นอนที่เขาดึงมาจากโรงแรม จากนั้นจึงค่อย ๆ ดึงชายผ้าปูที่นอนที่ห่อหุ้มร่างวันเพ็ญ ออกมาอย่างระมัดระวัง จนผ้าสีขาวสะอาดลงมากองที่พื้น เขาหันกลับไปหยิบผ้าขนหนูผืนย่อมที่แช่น้ำอยู่ขึ้นมา บิดจนหมาดแล้วค่อย ๆ บรรจงเช็ดหน้าผากหญิงสาวอย่างเบามือ แล้วดึงแขนเรียวออกมาเช็ดอย่างระมัดระวัง พอเสร็จข้างหนึ่งเขาก็ซักผ้าแล้วอ้อมไปทำอย่างเดียวกันกับแขนอีกข้าง เรียบร้อยก็เดินกลับมาซักผ้าก่อนจะเช็ด ใบหน้าเนียน ๆ อีกครั้ง พอเสร็จเรียบร้อยก็ยืดตัวขึ้นพอดีกับที่ดวงตาสุกใสลืมขึ้นมาจ้องหน้าเขา “อ้าว รู้สึกตัวแล้วหรือครับ ขออภัยที่ล่วงเกินนะครับ” ศรัณย์หน้าเป็นสีชมพูเมื่อสบสายตากับหญิงสาว “ขอบคุณนะคะ” ปากอวบอิ่มแย้มเอ่ยอย่างอ่อนระโหย “ไม่เป็นไรครับ เรื่องเล็กน้อย เดี๋ยวผมออกไปแล้วคุณเช็ดตัวเสียหน่อย ก็หลับสบายแล้ว” “ขอบคุณที่ไปช่วยชีวิตดิฉันน่ะค่ะ” มือเธอกำผ้าห่มดึงขึ้นชิดคอ อย่างไรเบื้องใต้ผ้าห่มนั่นร่างเธอก็เปลือยเปล่าจน เธอเขินอาย “อ้อ ไม่เป็นไรครับ ยินดีที่ไปทันเวลา เกือบสายไปด้วยซ้ำ มัวแต่หาเสื้อผ้าอยู่” “รู้ได้ไงคะ ว่า.. จะเกิดเรื่อง.. เอ่อ” “คนของเราแจ้งมาครับ พี่ชายกับพี่วุฒิเห็นว่าผิดปกติ พี่ชายเลยให้ผมไปคุ้มกัน” ศรัณย์พูดเหมือนเป็นเรื่องปกติ สายตาสองคู่จ้องมองกัน วันเพ็ญหลบตาด้วยความอาย “เอ่อ .. คือ คุณ นอนพักนะครับ” เขาชี้ไปที่โต๊ะ “ปืนอยู่ตรงนั้น รังเพลิงว่างนะครับ ผมจะอยู่ข้างล่าง มีอะไรก็เรียก ไม่ต้องเกรงใจนะครับ” “ขอบคุณค่ะ คุณ ..” “ศรัณย์ ครับ ไม่ต้องคิดมากนะครับ นอนพักก่อนพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน” “ค่ะ วันเพ็ญ ค่ะ” เธอตอบแล้วค่อย ๆ หลับตาลง ศรัณย์ยืนมองจนเห็นว่าลมหายของหญิงสาวสม่ำเสมอ จึงเดิน ออกไปจากห้อง วันเพ็ญหรี่ตามองตามแผ่นหลังศรัณย์ ยิ้มน้อย ๆ “แหม เราคงมีเรื่องไปคุยกับยายนุชเยอะแยะ แต่มันง่วงเหลือเกินนะ ทั้งง่วงทั้งเจ็บไปทั่วตัว เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคิดต่อ อืมม เตียงผู้ชายคนนั้นก็หอมดีนะ กลิ่นผู้ชายเป็นอย่างนี้นี่เองหนอ หอม อบอุ่น เฮ้อ......” ความง่วงและอ่อนเพลียคืบคลานเข้ามาโอบร่างเธอไว้จนเธอหลับลงไปพร้อมกับเงาร่างและกลิ่นกายของชายหนุ่ม ผู้ที่เข้าไปแก้ไขเธอออกมาจากมือพญายมนั่น

ไม่มีความคิดเห็น: