ขายของ

วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2554

With No Remorse Chapter 9

With No Remorse Chapter 9 นายร้อยเอกหนุ่มจบการบรรยายสรุปเหตุการณ์ ภายในห้องเล็ก ๆ นั้นเงียบงันจวบจนการุณย์ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะเอ่ยปาก “ผู้กองวิวัฒน์ ตอนนี้ยังโคม่าอยู่ ตชด.อีกสองคนพ้นขีดอันตรายแล้ว โดยสรุปคราวนี้เราเสีย ตชด.สาม เจ็บสาม คุณเห็นว่าไง วรวุฒิ” การุณย์หันไปทางร้อยเอกหัวหน้าชุดรบพิเศษ “น่าจะเป็นการจัดฉากล่อพวกเราครับ ของน่าจะผ่านมาทางเส้นอื่น” “งั้นก็มีสองอย่าง หนึ่งคือปล่อยข่าว ถ้าจริงก็ต้องดึงสายเรากลับ สองเกลือเป็นหนอนหรือข่าวรั่ว เป็นได้ทั้งสองทาง ดาบว่าไง” การุณย์หันไปถามนายดาบตำรวจที่นั่งอย่างสำรวม เขาไม่เคยได้เข้าประชุมมาก่อน แต่คราวนี้พันเอกการุณย์ ผู้ควบคุมปฏิบัติการเป็นผู้ที่เรียกให้เข้าด้วย “ผมคิดว่าเป็นอย่างที่สองครับ เพราะสายบอกมาสองทาง ผู้กองเลือกทางนี้เพราะคาดว่าอีกทางหนึ่งคงจะขนของน้อยกว่า ครับกระผม” นายดาบตำรวจสูดลมหายใจลึก ๆ ด้วยความประหม่าเล็กน้อยยามที่ต้องพูดกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ “อีกอย่าง ผมมั่นใจว่าคนของผมคัดมาอย่างดีแล้วครับ” “ถ้าอย่างนั้น อย่างที่สามคือมันรั่วจากข้างบน” การุณย์พูดขรึม ๆ “ถ้าจริงก็อันตรายขึ้นอีก เราทุกคนก็จะต้องเสี่ยงมากขึ้น ลองมันจัดฉากได้แม่นยำขนาดนี้ ต่อไปมันอาจเข้าถึงตัวพวกเราได้อีก” การุณย์นั่งนิ่งใช้ความคิดครู่หนึ่ง “ตอนนี้ให้ทำต่อไปก่อน รวบรวมข่าว พักผ่อน เตรียมให้พร้อมไว้ และระวังตัวไว้ด้วย ใครมีอะไรเพิ่มเติม” “ผลการลาดตระเวนคราวที่แล้วครับ น่าจะมีโรงงานอยู่บริเวณนี้ครับ” นายร้อยเอกชี้ลงไปที่จุดหนึ่งในแผนที่ที่วางแผ่กาง อยู่บนโต๊ะ “มีความเคลื่อนไหวอยู่พอสมควร แต่เข้าไปไม่ได้ครับ มีคนวางตัวอยู่เป็นระยะ เท่าที่ตรวจพบก็เข้มงวดเอาเรื่อง ผมเลยไม่ได้เข้าไปดู” “เข้าไปได้เท่าไร” “ไม่ทราบครับ ผมลองดูรอบ ๆ น่าจะอยู่บริเวณนี้ แนวการวางตัวอยู่ประมาณนี้” ชายหนุ่มลากนิ้วไปตามแผนที่ “จะทลายมันไหวไหมล่ะ” “ผมจะลองเสี่ยงเข้าไปดูก่อนแล้วออกมาวางแผนอีกทีครับ” ใบหน้าคมสันฉายแววเครียด “ถ้าจะเข้าไปเสี่ยงแค่ไหน” การุณย์ถามย้ำ “ก็ คาดว่ายิงกันแน่นอนครับ ยังไงคงต้องลาดตระเวนรบเลย เจอก็ยิง แต่อาจไม่ถึงตัวโรงงานหรือเจอแต่โรงเรือน มันคง จะย้ายหนีก่อนเข้าถึงที่หมายครับ” จบคำทั้งห้องนิ่งอึ้ง “เดี๋ยวผมให้ศรัณย์เข้าไปดูเองครับ” ชาติชายที่นั่งเงียบพูดขึ้นมา “ไปกันแค่สองคนไม่เสี่ยงไปหน่อยเรอะ” การุณย์ถาม คนอื่น ๆ ในห้องหันมามองชาติชายเป็นตาเดียว “ศรัณย์ไปคนเดียวครับ” ชาติชายพูดเรียบ ๆ ศรัณย์นั่งเงียบกวาดสายตามองแผนที่ “เฮ้ย ไหวเหรอ” การุณย์ถามเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจพอ ๆ กับคนอื่น ๆ “ได้ครับ ไปกลับก็คงจะประมาณเจ็ดวัน” คราวนี้ศรัณย์พูดพร้อมกับลุกขึ้นท้าวมือลงกับพื้นโต๊ะมองลงไปในแผนที่ แล้ว ชี้ลงที่จุดหนึ่ง “ปล่อยผมลงที่ถนนตรงนี้” ศรัณย์ชี้ลงตรงข้าง ๆ เส้นสีแดงในแผนที่ “แล้วเจ็ดวันมารับ” “เอาลูกน้องไปสักสองสามคนไหมศรัณย์” นายร้อยเอกแห่งหน่วยรบพิเศษเสนอ “ไปคนเดียวดีกว่าครับพี่ คล่องตัวกว่า” ศรัณย์พูดเรียบ ๆ “งั้นเดี๋ยวจะบอกเด็ก ๆ กับประสานหน่วยในพื้นที่ให้ เดี๋ยวได้ยิงกันเองโหง” “ไม่ต้องหรอก อ้อ ถ้าพวกนายเห็นไอ้ศรัณย์มันตรงไหน ก็จับตัวส่งมาให้เราแล้วกัน จะได้ส่งมันกลับไปฝึกใหม่” ชาติชาย พูดเรียบ ๆ ขณะที่มองแผนที่เขม็ง “งั้นตกลงตามนี้ จะไปเมื่อไร” การุณย์สรุป “ผมขอเวลาเตรียมตัวสองชั่วโมงครับ แล้วออกเดินทางเลย คงถึงจุดปล่อยตัวประมาณสักห้าทุ่ม” ศรัณย์บอกเบา ๆ แต่ชัดเจนหนักแน่น “งั้นเดี๋ยว อ้อ ให้เตรียมรถคันน้ำเงินแล้วให้ใครขับไปส่งศรัณย์ที มีใครไปกับรถบ้าง” “ขอมือขับดี ๆ คนเดียวก็พอครับ ผมไปด้วยผมอยากให้อ้อกับลูกน้องพักมากกว่าครับ นาน ๆ จะได้พักกันสักที” ชาติชาย เงยหน้ามองนายร้อยเอกหนุ่มที่พยักหน้ารับ “งั้นเดี๋ยวเราจัดรถให้ พร้อมในสองชั่วโมง” นายร้อยเอกรับคำ “ตกลงตามนี้ ที่เหลือพักกันก่อน ได้ข่าวแล้วผมจะตามมาอีกที ขอบคุณทุกคน” ต่างคนต่างลุกขึ้นทำความเคารพการุณย์ ก่อนจะแยกย้ายกันออกจากห้องไปเงียบ ๆ “เป็นคนที่ไม่รู้จักมึงคงทะเลาะกันตายโหงไปแล้ว เมื่อกี้น่ะ” วรวุฒิ ร้อยเอกหัวหน้าชุดรบพิเศษออกมายืนคุยกับชาติชาย หน้าห้อง นายทหารทั้งสองนายสนิทกันตั้งแต่เรียนอยู่ที่โรงเรียนเตรียมทหาร จวบจนสำเร็จการศึกษาก็เคยฝึกร่วมกัน หลายครั้งจนต่างเคารพฝีมือซึ่งกันและกัน “มันคงคิดว่าพวกมึงอวดเก่ง” “เฮ่ย พวกเราฝึกกันมาคนละอย่างนี่หว่า” ชาติชายตอบ “ไปเยอะคนก็เสี่ยงมาก แล้วพวกมึงก็ฝึกกันมาเป็นชุด” “เออว่ะ แต่ไอ้ศรัณย์ไปคนเดียวไหวเหรอวะ” วรวุฒิยังคงห่วงนายทหารรุ่นน้อง “ไหวแน่นอน เรื่องแบบนี้กูยังแค่สูสี วางใจได้” “กูกลัวแต่จะจ๊ะเอ๋กับหน่วยอื่นแล้วยิงกันเอง” “ถ้าไอ้ศรัณย์มันจะไม่ให้เจอ เราก็หามันไม่เจอหรอก” ชาติชายตบต้นแขนเพื่อนเบา ๆ “เดี๋ยวกูไปเตรียมตัวก่อนนะ ไปศรัณย์” คำสุดท้ายเขาหันไปบอกรุ่นน้องที่ยืนรอเขาอยู่ พอเขาบอกก็รับคำยกมือไหว้วรวุฒิแล้วเดินตามชาติชายออกไป ในระหว่างที่การุณย์และพวกทั้งหลายกำลังเตรียมจะประชุมกันนั้นเอง เสี่ยเล้งเสี่ยใหญ่ก็นั่งเอ้เตอยู่ในห้องทำงานเย็นฉ่ำ มือยกโทรศัพท์มือถือแนบหู “สวัสดีครับท่าน อ่านหนังสือพิมพ์หรือเปล่าครับ วันนี้” น้ำเสียงเสี่ยใหญ่ออกแววเบิกบาน “ตำรวจนั่นฝีมือคนของเสี่ยละซี” เสียงจากปลายสายอีกด้านตอบกลับ “ครับ คราวนี้มันจะได้โดนกันมั่ง นี่สายบอกว่าไอ้ผู้กองตำรวจนั่นยังโคม่าอยู่ คงสบายกันสักพักครับ” “ระวังหน่อย ผมแว่วมาว่า นายกให้จัดชุดพิเศษกวาดล้างด้วย น่าจะอยู่ที่เชียงใหม่นั่นแหละ” “ไม่ต้องห่วงครับท่าน ผมพอระแคะระคายมาบ้างแล้ว สายผมมีตำรวจด้วยเหมือนกันครับ” เสี่ยใหญ่ยกมือขึ้นดู “ไม่ใช่แค่ตำรวจนะ ทหารด้วยคราวนี้ ท่าจะเอาแรงเลย จะสร้างผลงาน” เสียงตอบแฝงแววเย้ยหยัน เสี่ยใหญ่เลิกคิ้ว “งั้นก็ตรงกับที่สายผมรายงานครับ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะจัดคนคอยตามเอง” “แล้วของงวดต่อไปล่ะ อย่าให้ช้าอีก คราวที่แล้วหายไปเจอหรือยัง” “คงโดนซิวไปแล้วครับ แต่ท่านไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมให้ย้ายโรงงานเข้ามาในนี้แล้ว ตอนนี้เริ่มปั๊มกันแล้วแหละครับ” “ดี ทางใต้กำลังจะสั่งเพิ่มอีก” เสียงพูดหยุดไปนิดหนึ่ง “เดี๋ยวอีกสักสองอาทิตย์ผมจะขึ้นมาเที่ยว อาจจะแวะคุยกันมั่ง” “ได้ครับท่านผมจะรอรับให้เต็มที่เลย ท่านอยากได้อะไรครับ สาว ๆ สักสองสามคนไว้คอยปรนนิบัติเป็นไงครับ” “ไม่ต้องหรอก ผมไม่ชอบเด็ก ๆ ชอบงอแง ไม่ต้องรับรองหรอกเสี่ย” “แหมท่านจะมาทั้งที คราวที่แล้วผมก็ไม่ได้รับรองทีนึงแล้ว” “อย่าคิดมากน่า หาคนพาผมเที่ยวก็พอแล้ว มีอายุหน่อยก็ดี มะพร้าวห้าวไงเสี่ย แค่นี้ก่อนนะเสี่ย ทำงานหน่อย” “ครับท่าน แล้วผมจะรอรับท่านครับ รับรองไม่ผิดหวัง” เสี่ยใหญ่ปิดสายโทรศัพท์ เบะปากอย่างดูแคลน “ชะ นึกว่าจะไม่เอา ที่แท้ก็หน้าหีแหละวะ” เสี่ยเล้งพูดออกมาดัง ๆ แล้วกดหมายเลขใหม่ “ชัย อั๊วเอง เรื่องที่ว่าไอ้นายกมันจัดชุดพิเศษกวาดล้างเราน่ะ คอนเฟิร์มว่ะ ท่านเพิ่งบอกมา” “ครับเสี่ย” ไอ้ชัยตอบมาตามสาย “เสี่ยจะให้ทำอะไรต่อครับ” “ไอ้ที่บอกไว้น่ะ แกให้คนคอยตามไว้ก่อน” เสี่ยเล้ง “ได้จังหวะก็เก็บแม่งเลย แค่นี้แหละ” เสี่ยเล้งกดตัดการติดต่อ นั่งนึกรวบรวมข้อมูลในหัวไปพลาง ๆ เจ้าชัยกดปิดโทรศัพท์แล้วกดหมายเลขใหม่แล้วยกมันขึ้นแนบหู ก้มลงมองหน้าขาตัวเองที่เปลือยเปล่า ตรงนั้นร่างอวบ ๆ ของเมียเสี่ยใหญ่นอนพังพาบจนเห็นแต่แผ่นหลังเปลือยขาวหนั่นไปด้วยเนื้อลาดไปจนถึงเนื้อก้นสองก้อนที่อวบนูนขึ้นมา สองมือของสาวใหญ่ยามนี้กอบเอาท่อนเอ็นผอมยาวของมันตั้งขึ้น ใบหน้าอวบพลิกไปมายามที่ใช้ลิ้นนุ่มแลบออกมาไล้ ไปรอบ ๆ หัวบาน ๆ ของเอ็นเนื้อจนมันเสียววาบ ๆ สองมือนั้นต่อมาก็ประคองท่อนเอ็นยกขึ้นลงพร้อมกับผงกหัวที่ใช้ ปากคาบคาท่อนเอ็นไว้ไปพร้อม ๆ กัน ปากอิ่มออกแรงดูดปลายหัวเอ็นจนดัง น้ำลายไส ๆ ไหลอาบท่อนเนื้อจนมันปลาบ “ไอ้ทศ กูเอง ชัย” ไอ้ชัยกรอกเสียงเมื่อได้ยินเสียงรับสายจากอีกด้านหนึ่ง “ครับพี่ชัย มีอะไรพี่” “เดี๋ยวมึงเอาคนไปสักสองสามคนไปเฝ้าหน้าค่าย ถ้าพวกมันออกมาแล้วมึงตามไปเก็บมันได้” เจ้าชัยพยายามข่มความเสียว “ได้พี่ พี่ไปด้วยป่าว” “ไม่ มึงจัดการไปเลย กูมีธุระ อื้มมมม” เจ้าชัยกระตุกวาบเมื่อสาวใหญ่ดูดหัวควยมันจัง ๆ “ท่าทางธุระพี่นี่คงอวบนะพี่ชัย” เสียงอีกด้านหัวเราะครื้นเครง “ไม่ต้องเสือก ไปทำงานไป เสร็จแล้วมาเอาเงิน” เจ้าชัยกดปิดโทรศัพท์แล้ววางลงข้างหัวเตียง ขยับตัวลุกจนสาวใหญ่ ต้องปล่อยท่อนเอ็นด้วยความเสียดาย “คุณนายนอนเถอะครับ เดี๋ยวชัยดูดให้ลืมโลกเลย” สาวใหญ่พลิกตัวนอนหงายอ้าขาเปิดกลีบหอยอ้าออกจากกันให้เจ้าชัยแทรกร่างเข้าตรงกลาง มันช้อนสองขาเข้าไว้ใน วงแขนทั้งสองข้าง มือข้างหนึ่งเอื้อมขึ้นไปกุมเต้าอวบบีบเคล้นคลึงเม็ดหัวนม อีกข้างรัดท่อนขาอวบอ้อมลงมาใช้ปลายนิ้ว หัวแม่มือกดลงตรงติ่งเม็ดเสียว ปากก้มลงประกบลงตรงปากถ้ำที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยเมือกใสเหนียว มันแลบลิ้นออกมาแยงแหย่ ลงไปที่ปากถ้ำพร้อมกับสั่นมือให้นิ้วหัวแม่มือบดขยี้เม็ดเสียวของเมียเจ้านายพลิ้ว “อูยยยย ชัยเอ๋ยยยยยยย เสียววววว” สองมืออูม ๆ ตะปบลงบนหัวเจ้าชัยจิกผมไว้หลวม ๆ กดมันลงกับเนื้อเนินที่มันกำลัง ละเลงลิ้น สะโพกอวบผายยกกระดกขึ้นลงไสกลีบเนินไปมารับปลายลิ้น แล้วเจ้าหล่อนก็ถึงกับดิ้นพราด ๆ เมื่อเจ้าชัยอ้าอม ดูดเม็ดเสียวหนัก ๆ สะโพกผายยามนี้ทั้งกระดกทั้งส่ายควงจนก้นไม่ติดที่นอนนุ่ม “โอ๊ย โอ๊ย ม มะ มะ หวาย แล้วววว” ยามนี้สาวใหญ่กระดกสะโพกจนหน้าเจ้าชัยแทบกระดอน มันละมือที่กุมบีบเต้าอวบ สอดลงมาเบื้องล่าง รวบมือกำปล่อยนิ้วชี้และนิ้วกลางแนบกันเป็นท่อนแล้วจรดปลายนิ้วลงกับปากถ้ำแล้วกดมันผลุบ ลื่นไหลเข้าไปข้างในด้วยความลื่นของหยาดเมือก แล้วมันก็ชักนิ้วคู่เข้าออกถี่ยิบ สาวใหญ่โดนเข้าไปถึงเกร็งกระตุก ไม่เป็นส่ำปากได้แต่เปล่งเสียงฮา ฮา ด้วยความเสียว ถ้ำสวาทขมิบนิ้วเจ้าชัยวาบ ๆ จนมันยิ้มกริ่ม มันดึงนิ้วออกจากรูถ้ำก้มลงแยงปลายลิ้นกวาดเข้าไปข้างในจนเจ้าของกระดกสะโพกใส่มันหน้าหงายไปมา แล้วมันก็ ยันกายลุกขึ้น จับขาอวบขาวยกขึ้นตรงข้อพับดันไปจนหัวเข่าติดกับเต้าอวบ เบื้องล่างนั้นโคกแคมลอยขึ้นเด่นเห็นปากถ้ำ ฉ่ำชุ่ม ขนที่ประดับอยู่รอบ ๆ เปียกไปด้วยเมือกและน้ำลายที่มันละเลง มันกระเถิบตัวเข้าประชิดขยับเอวให้ท่อนเอ็นยาว ๆ ปักหัวเข้าสู่ปากถ้ำแล้วออกแรงกระเด้าฮวบ ๆ ส่งเอ็นท่อนยาว ๆ ของมันผลุบเข้าไป “เร็ว ชัย กระเด้าแรง ๆ เลย ฉันเสียว” “ครับคุณนาย ผมก็อดมาหลายวันแล้ว เตรียมรับนะครับ” เจ้าชัยขยับเข่านิดหนึ่งแล้วเริ่มกระเด้าดันท่อนเอ็นผลุบเข้า ผลุบออก ลากเอากลีบแคมเนื้อปลิ้นบานไปตามจังหวะ เอ็นยาวถอนถอยจนปลายหัวหลุดออกมาคาปากถ้ำแล้วก็มุดพรวด เข้าไปเมื่อเจ้าชัยกดสะโพกดันมันลื่นไหลเข้าไปจนสุด ถ้ำสวาทขมิบรัดท่อนเอ็นที่รุกล้ำเข้ามาทุกจังหวะ เจ้าของถ้ำ ร้องครางเหมือนโดนทารุณด้วยความเสียว กระดกสะโพกยกโคกแคมขึ้นรับท่อนเอ็นจนเนื้อตัวกระทบกันดังสนั่น ยามนี้เจ้าชัยไม่อดออมกำลังไว้แต่อย่างใด เกร็งตัวกดท่อนเอ็นอย่างเมามัน จนเมียเจ้านายร้องลั่น ๆ ผวาขึ้นกอดร่าง มันแน่น เนื้อตัวสั่นระริก อกอวบบี้แบนไปกับอกแห้ง ๆ ของเจ้าชัย มันกัดฟันกรอดกระเด้าพั่บ ๆ ก่อนจะพ่นน้ำกามเข้าสู่ โคกถ้ำของนายสาวใหญ่เต็มแรง รถกระบะกลางเก่ากลางใหม่ที่ดัดแปลงติดหลังคาและเจาะด้านในจนทะลุแค็บแล่นฝ่าความมืดไปตามถนนลาดยาง คนขับ เป็นนายสิบหน่วยรบพิเศษที่ชำนาญเส้นทาง แต่งตัวรัดกุมด้วยเสื้อแจ๊คเก๊ตสีดำทับเสื้อยืดสีเขียวขี้ม้า กางเกงแบบทหาร ลายพรางมัดข้อเท้าเรียบร้อย ใต้ไหล่มีซองปืนพกออกโตเมติกที่ด้ามปืนโผล่ออกมาจากสาบเสื้อแจ็กเก็ต ข้างคนขับ คือชาติชายยู่ในชุดสีดำสนิทเพ่งมองไปตามแนวถนนตรงหน้า นาน ๆ ครั้งก็ยกเครื่องจีพีเอสขนาดกะทัดรัดในมือขึ้นมอง ด้านหลังในส่วนที่เจาะทะลุไปนั้น ศรัณย์ในชุดสนามรัดกุมสีดำสนิทนอนหลับเอาเป้สนามใบกะทัดรัดสีดำเช่นกันหนุนหัว ข้างตัวอาวุธปืนเอ็ชเค เอ็มพี 7 สองกระบอกวางสงบนิ่ง ศรัณย์นอนมาด้านหลังตั้งแต่ออกจากต้นทาง เหตุผลประการหนึ่ง คือนอนพักเอาแรงก่อนออกทำงาน อีกเหตุผลหนึ่งก็คือการลวงผู้ที่อาจจะสะกดรอยตามมาตามที่ชาติชายสั่ง ยามนี้ท้องฟ้า มืดสนิท รถกระบะผ่านเขตจังหวัดเชียงใหม่เลาะแนวรอยต่อกับจังหวัดเชียงรายมุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณที่หมายที่กำหนด ไว้ล่วงหน้า “ผู้กอง สงสัยโดนตามครับ” คนขับบอกเสียงเรียบ ๆ “นานหรือยัง” ชาติชายถามแล้วล้วงกระเป๋าหยิบกระจกสำหรับส่งสัญญาณขึ้นมาค่อย ๆ ยกขึ้นส่องจนเห็นด้านหลัง แสงไฟ จากรถคันที่แล่นตามมาส่องสว่างอยู่ห่างออกไป “เห็นตั้งแต่พ้นเมืองมาแล้วครับ” คนขับตอบเหลือบมองกระจกหลัง “ข้างหน้ามีปั๊มครับ” “เข้าเลยจ่า จอดแถวหน้าห้องน้ำ” คนขับกดไฟเลี้ยวแล้วเลี้ยวเข้าสถานีน้ำมันเล็ก ๆ นั้นขับตรงไปจอดด้านหลัง ใต้ตันไม้ใหญ่หน้าเรือนเล็ก ๆ แยกตัวจาก ตัวสถานีและหัวจ่ายน้ำมัน อาศัยต้นไม้กรองแสงไฟที่สาดอยู่หน้าเรือนนั้น “ศรัณย์ มีคนตาม” ชาติชายบอกศรัณย์ที่ลืมตาขึ้นมา พอได้ยินดังนั้นศรัณย์ก็หมุนตัวทั้งที่นอนอยู่จนหันไปทางท้ายรถ มือเปิดเป้ใบย่อมดึงกล้องส่องกลางคืนออกมาแล้วค่อย ๆ โงหัวขึ้นตรงมุมกระจกท้ายรถยกกล้องขึ้นแนบดวงตา นิ้วกด ปรับปุ่มด้านบนสองสามที คนขับรวบชายเสื้อปิดด้ามปืนเล็กน้อยแล้วลงจากรถเดินเข้าห้องน้ำไป ชาติชายเองก็เปิดประตูรถ ไปยืนข้าง ๆ ทำทีเป็นบิดตัวยืดเส้นยืดสายแล้วหมุนตัวไปมาพร้อมกับสังเกตไปพลาง รถคันที่เลี้ยวตามมาเป็นกระบะสองตอนสีดำ กระจกรอบคันติดฟีล์มทึบ มันแล่นเลยหัวจ่ายน้ำมันไปจอดหน้าเพิงขายอาหาร เล็ก ๆ ด้านข้าง ชาติชายบิดตัวอีกสองสามทีแล้วหมุนตัวเข้าหารถเอามือยันรถไว้ทำทีเป็นยกขาสะบัดขาไปมาแต่หางตา จับจ้องเป้าหมายแน่วแน่ เจ้ารถคันนั้นจอดนิ่งไม่มีความเคลื่อนไหว ไม่ถึงอึดใจคนขับก็ออกมาจากห้องน้ำขึ้นรถพร้อมกับ ชาติชาย “ชัวร์ไหมครับผู้กอง” คนขับถามติดเครื่องแล้วค่อย ๆ นำรถออกเดินทางไปเรื่อย ๆ “ค่อนข้างนะ มันเข้ามาจอดแต่ไม่มีคนลง” ชาติชายบอกคนขับ “มีอะไรมั่ง ศรัณย์” “ตามมาแล้วครับ ในรถน่าจะมีสักสี่หรือห้าคน มองเห็นแค่ลาง ๆ ครับตรงนั้นไฟสว่างไปหน่อย” ศรัณย์บอกขณะที่ยังนอน มองผ่านกล้องไป “ระยะสี่ร้อย” “ใกล้ถึงแล้วนี่” ชาติชายก้มลงมองเครื่องจีพีเอส “เตรียมตัวเลยศรัณย์ เดี๋ยวถึงแล้ว พอเลี้ยวเข้าไปยี่สิบแล้วจอด ของจ่า มีที่ติดเครื่องเก็บเสียงหรือเปล่า” “ผมมีเอ็มพี 5 เอ็นอยู่ใต้เบาะครับ ติดเครื่องเก็บเสียงเรียบร้อยแล้วครับ ” คนขับตอบเสียงเรียบ เสียงกุกกักดังมาจาก ด้านหลังแล้วศรัณย์ยื่นปืน เอ็มพี 7 ผ่านช่องเบาะมาข้างหน้า ชาติชายรับมาวางวาดตัก “เดี๋ยวจอดแล้ว จ่าลงขวา ไปข้างหน้าสิบเมตร เก็บคนขับ กับคนที่ลงซ้าย ศรัณย์ ลงซ้าย ไปหลังยิ่สิบเมตร เก็บทุกคน ที่ลงขวาหลังกับที่ยังอยู่ในแค็บ ผมลงขวาไปขวา สิบเมตร เก็บคนข้างคนขับ และคุ้มกัน ตกลงตามนี้” “ครับทราบ” คนขับตอบพร้อมกับที่ศรัณย์เอื้อมมือมาทำสัญญาณให้ชาติชายเห็น อึดใจเดียวก็หักพวงมาลัยเลี้ยวซ้าย เข้าไปในทางลูกรังแคบ ๆ ปากทางมีพุ่มไม้รกเรื้อ “เลี้ยวไปแล้วพี่” คนขับหันไปบอกคนข้าง ๆ “ตามไปเลย เตรียมโว้ย เดี๋ยวมีที่เหมาะ ๆ ยิงแม่งให้เกลี้ยง” จบเสียงมันก็ขยับปืนเอเค 47 ที่ตั้งอยู่ตรงหว่างขาขึ้นมาดึง ลูกเลื่อน เสียงพวกมันที่อยู่ด้านหลังขยับตัวแล้วเสียงลูกเลื่อนก็ดังแกรกกรากชั่วขณะ “ไม่ต้องเลี้ยง” รถสองตอนเลี้ยวตามเข้าไปในถนน แสงไฟหน้ารถสาดส่องไปเห็นท้ายรถคันที่พวกมันขับตามมาจอดอยู่ข้างหน้า ไอ้คนขับ เปิดไฟสูงแล้วเหยียบคันเร่งพุ่งเข้าไปเบรกพรืดห่างท้ายรถคันหน้าไม่ถึงห้าเมตร มือของมันดันประตูพร้อมกับที่พรรคพวก มันดันประตูเปิดแล้วพุ่งออกไปนอกรถ ปืนในมือพวกมันมีทั้งเอเค 47 เอ็ม 16 จ้องตรงไปที่รถคันที่จอดสงบนิ่งอยู่เบื้องหน้า มันลงไปยืนข้างประตูแล้วตอนที่รู้สึกถึงกระแสลมกระชากพุ่งผ่านหัวมันไป เสียงเผี๊ยะเบา ๆ ดังขึ้นด้านหลัง มันหันไปดู เห็นหน้าเพื่อนที่ลงมายืนด้านหลังมันนั้นกระจุยเลือดสาด ตัวมันเองหนาววาบขึ้นก่อนจะดับมืดเมื่อเสียงผลุของหัวกระสุน ขนาด 9 มิลลิเมตรที่พุ่งทะลวงท้ายทอยมันดังขึ้น มันไม่ได้เห็นชะตากรรมของพวกที่เหลือของมันอีกต่อไป พอเหยียบเบรกจนรถหยุดนิ่ง จ่าคนขับก็ปลดเกียร์ว่างแล้วดึงเบรกมือ มือขวาดึงประตูเปิดแล้วใช้เท้าดันมันเปิดค้าง ล้วงมือ ซ้ายลงไปจับปืน เอ็ชเค เอ็มพี 5 ที่ทอดตัวอยู่ให้ที่นั่งดึงออกมาพร้อมกับร่างเปรียวก้าวออกไปจากรถ ส่งปืนเข้ามือขวา มือซ้ายผลักประตูปิดพร้อมกับเสียงประตูรถอีกด้านปิดลงเมื่อศรัณย์ออกไปพ้นรถ จ่าโชนสนามหันมองเห็นหลังชาติชาย ที่เคลื่อนตัวเข้าข้างทางหายไปในพุ่มไม้และหลังของศรัณย์ที่พุงไปด้านท้ายรถไว ๆ ไม่ต้องรอให้สมองสั่ง ร่างเปรียว ๆ นั้น พุ่งไปข้างหน้าแล้วโจนเบา ๆ บิดตัวหมุนขวาจนหันกลับไปทางที่รถจอด ร่างของเขานั้นตกลงบนกอหญ้าเตี้ย ๆ ข้างทาง มือดึงปืนเข้าประทับเล็งแล้วดึงลูกเลื่อนส่งกระสุนนัดแรกเข้ารังเพลิง รถวายร้ายที่ขับตามมาสาดแสงไฟสว่างมาที่รถของพวกเขาที่จอดนิ่ง พวกมันเบรกกึกลงแล้วประตูรถด้านขวาก็เปิดออก พวกมันออกจากรถอย่างรวดเร็วเข้าสู่มือสามมัจจุราชที่รอคอยอยู่ “ผลุ....” จ่าลั่นกระสุนนัดแรกอย่างใจเย็น มองเห็นเจ้าคนนั่งหลังคนขับที่พรวดออกมายืนเด่นรับกระสุนเข้าไปเต็มหน้า ไอ้เจ้าคนขับ สะดุ้งหันไปมองเพื่อน “ผลุ....” กระสุนนัดที่สองรีดผ่านลำกล้องและท่อลดเสียงออกไปพุ่งเข้าเจาะท้ายทอยมันจนยุบเข้าไป เศษเลือดปลิวว่อน จ่าปืนโหด เล็งประทับรอจังหวะ นิ้วมือกระชับพร้อมส่งกระสุนพิฆาตหากมีใครออกมาด้านนี้อีก ศรัณย์ลงจากรถตามหลังชาติชายมาติด ๆ ตบหลังนายทหารรุ่นพี่เป็นสัญญาณแล้วดันประตูรถปิดก่อนหมุนตัววิ่งกระโจน ไปด้านท้ายรถ มือซ้ายประคองปืนขณะที่มือขวากดไปที่ด้ามดึงเอาพานท้ายปืนยืดออกมาจนลั่นกริ๊กเมื่อมันเข้าที่ สลับมือ ขวาไปจับด้ามปืนแล้วใช้มือซ้ายปลดมือจับด้านหน้าที่พับตัวกางออกจนสุด พอวิ่งไปพ้นท้ายรถเขาก็โจนเข้าราวป่าวิ่งไป อีกสี่ห้าก้าวก็หยุดนั่งชันเข่าประทับปืนรอ พอแสงไฟหน้ารถวายร้ายสว่างวาบมาเขาก็รอจังหวะนิดหนึ่งก่อนยกปืนขึ้น ประทับไหล่นาบแก้มลงข้างกระบอกปืนส่องสายตาผ่านกล้องเล็งกลางคืนไปยังเป้าหมาย ในจอปัจจุบันเป็นสีเขียวเรือง ขีดกากบาทสีดำในกล้องพาดลงจับที่ประตูรถขณะที่ทันวิ่งเลยไปแล้วหยุด ประตูรถดีดเปิดพร้อมกับเจ้าคนข้างในโยนตัว ออกมางัดปืนเอ็ม 16 ในมือขึ้นเล็งพุ่งไปด้านหน้า เจ้าคนที่นั่งอยู่ข้างในขยับตัวก้มหัวโผล่ขึ้นมาที่ประตู “ผลุ.ผลุ...” ศรัณย์ปล่อยกระสุน ขนาด สี่จุดหก มิลลิเมตรออกไปหนึ่งคู่นัดแรกเจาะเข้าตรงต้นคอ กระสุนอานุภาพสูงพุ่งทะลุออกไป โดนตัวรถเป็นรูพร้อมกับกระสุนนัดที่สองที่พุ่งตามมาติด ๆ เข้าเป้าต่ำลงมาสักสององคุลี มันเซไปพาดบานประตูรถ ไอ้คน ที่กำลังจะออกจากรถสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงหัวกระสุนกระทบตัวรถ มันเงยหน้าขึ้นทันได้เห็นกระสุนนัดที่สองที่ทะลวงต้นคอ เพื่อนมันไปจนเลือดกระจายเป็นฝอย ถึงมันจะรู้ว่ามือมัจจุราชกำลังแผ่เข้ากำชีวิตมันมันก็ยังพยายามดึงปืนเอเคในมือยื่น ออกไปนอกรถ ส่ายสายตาหาที่มาของกระสุนสังหาร “ผลุ.ผลุ...” สำนึกสุดท้ายของมันคือเสียงเบาแผ่วที่ได้ยิน คลื่นความร้อนที่แผ่เข้ามาสู่ใบหน้า ความเจ็บปวดที่พุ่งปรี๊ดขึ้นมาเมื่อกระสุน สังหารพุ่งเข้ากระทบแก้มซ้าย แต่มันเองไม่ได้รู้สึกอะไรอีกแล้วขณะที่กระสุนนัดที่สองทะลวงเข้าในเบ้าตามัน อานุภาพ ของมวลอากาศท้ายกระสุนที่พุ่งเข้าไปในหัวที่มีแต่โพรงอากาศและเนื้อมันสมองชุ่มน้ำและเลือดนั้นรุนแรงจนกระทั่ง หัวมันระเบิดกระจายออกจนเหลือแค่ครึ่งล่างที่ตกลงคว่ำคาประตู ศรัณย์กวาดศูนย์ปืนไปด้านซ้ายเห็นเจ้าหัวหน้าโจรที่ นั่งมาข้างคนขับตัวงอด้วยกระสุนจากปืนในมือชาติชายที่พุ่งเข้าเต็มอกสองนัดซ้อน ๆ จากนั้นความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ก็หยุดลง เหลือเพียงเสียงเครื่องยนต์ของรถทั้งสองคันที่ดังเบา ๆ อยู่ในยามราตรี ชั่วโมงถัดมา เมื่อรถทั้งสองคันแล่นจากไปนั้น นอกจากใบหญ้าที่หักลู่แล้ว หากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญแล้วคนที่ผ่านมาบริเวณนี้ ก็ไม่อาจจะบอกได้เลยว่า สถานที่นี้เกิดการสังหารผลาญชีวิตกันไปในกลางดึกที่ผ่านมา

ไม่มีความคิดเห็น: