ขายของ

วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2554

With No Remorse Chapter 14

With No Remorse Chapter 14 “ยังเจ็บมากอยู่ไหมคะ” กานดาถามการุณย์ขณะที่ค่อย ๆ ใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดไปตามเนื้อตัว “ไม่ค่อยเจ็บแล้วครับ ขยับตัวได้มากขึ้นแล้ว” การุณย์ขยับตัว “แผลยุบหมดแล้วด้วยค่ะ เดี๋ยวตัดไหมแล้วคงจะกลับไปพักที่บ้านได้” กานดาก้มหน้าเช็ดอย่างตั้งใจ “นั่นซีครับ นอนโรงพยาบาลยังไงก็ไม่เหมือนบ้าน อยากกลับบ้านเร็ว ๆ เหมือนกันครับ” การุณย์บอก นัยน์ตาจับจ้อง ใบหน้างามของกานดาที่บ่งบอกความตั้งอกตั้งใจยามที่เช็ดตัวเขาไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดสำคัญ มือเรียวล้วงลึกเข้าไปใน ผ้าเช็ดตัวที่คลุมท่อนกลางลำตัวการุณย์ไว้ “แน่ะ เริ่มมีฤทธิ์หรือคะนี่” กานดาทักกลั้วหัวเราะเมื่อรู้สึกว่าอวัยวะสำคัญที่เธอกำลังเช็ดทำความสะอาดอยู่นั้นเริ่มจะ เบ่งบานขึ้นคามือ แก้มนวลสาดสีชมพูระเรื่อขึ้นมา “ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ มันเป็นเอง” การุณย์เองแย้มยิ้มนิด ๆ “แน้ ยังจะมาแก้ตัว เดี๋ยวเหอะ” กานดาหันมาแกล้งทำตาดุใส่ แล้วหัวเราะเบา ๆ “ทำเก่งนะคะ” “แหม กำลังสบายเลยครับ” การุณย์บอกยามที่มือนุ่ม ๆ เลื่อนไปเช็ดขา “เซี้ยว..” ปากนุ่ม ๆ พูดแล้วเม้มสนิท การุณย์หัวเราะหน้าระรื่น “ดาไม่หายไปไหนหรอกค่ะ” “พูดถึงหายแล้วนี่ นายชาติชายหายไปหลายวันแล้วนะครับ ตั้งแต่ที่เผายายรจไปนั่น” ใบหน้าของทั้งสองคนสลดลง เมื่อพูดถึงรจนา “ดาไปที่บ้านก็ไม่เจอค่ะ ทั้งสองคน ถามวรวุฒิก็ไม่ทราบเหมือนกัน” “นั่นซีครับ สงสัยออกไปหาข่าวเพิ่มซะกระมัง” ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับที่วรวุฒิเดินเข้ามาตามมาติด ๆ ด้วยชาติชาย “มาพอดี สองคนนี่ตายยาก กำลังพูดถึงอยู่ทีเดียว” การุณย์พูดขึ้นอย่างดีใจพร้อมกับพยักหน้ารับไหว้เมื่อเห็นชายหนุ่ม ทั้งสอง กานดายิ้มยกมือขึ้นจับมือของลูกชายที่พนมเข้ามากราบตรงไหล่พร้อมกับกอดร่างบึกบึนของชาติชายแน่น “หายไปไหนกันมานี่ แม่กับคุณต้นเป็นห่วงแล้วนะ ทั้งสองคนเลย” “ก็ไอ้ชายซีครับแม่ ลากผมไปดูทางน่ะครับ” วรวุฒิยกมือไหว้แล้วบอกกานดา “ไงจ๊ะชาย แน่ะทำเพื่อน” กานดาหันไปตำหนิบุตรชายที่กดท่อนแขนเข้ากลางหลังวรวุฒิ “ว่าไง” ชาติชายมองหน้าการุณย์สลับกับแม่ตัวเองอย่างลังเล “ชาย แม่อายุปูนนี้แล้ว ถ้าคิดว่าแม่จะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แม่ก็จะได้กลับกรุงเทพ” “ขอโทษครับแม่” ชาติชายบอกพร้อมกับพนมมือกราบลงที่ไหล่ของกานดาอีกหนึ่งครั้ง แล้วลากเก้าอี้มาตั้งข้างเตียง จูงมือกานดามานั่งลง วรวุฒิเดินไปเปิดประตูห้องโผล่ไปดูรอบ ๆ ก่อนจะปิดประตูกดล๊อกแล้วเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ยาว ชาติชายเมื่อกานดานั่งลงเรียบร้อยก็เดินกลับไปนั่งข้างวรวุฒิหยุดครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มพูด “คนแรก ไอ้ชัยมือขวาเสี่ยเล้ง บ้านอยู่ดอยเต่า กลับไปบ้านทุกสองอาทิตย์ ไอ้นี่เป็นตัวหลัก เราคลาดเด็ดหัวมันไป สองสามครั้งแล้วตอนที่กวาดล้าง ไอ้ชัยมีลูกน้องใกล้ชิดอยู่ราว ๆ 10 คน ตายไปสองตอนที่ไปดักยิงคุณอา ตอนนี้ พวกมันไปเก็บตัวอยู่ที่บ้านแถว ๆ แม่สา ที่บ้านมันมีอยู่ระหว่าง 5 ถึง 7 คน อาวุธคงจะครบมือ” ชาติชายหยุดนิดหนึ่ง “คนที่สองคือลูกชายเสี่ยเล้ง พิชิต หรือก้อง เพิ่งจะเริ่มเข้ามาไม่นาน ดูท่าทางเหมือนจะมาเป็นตัวแทนเสี่ยเล้ง มีคอนโด อยู่แถว ๆ ช้างคลาน กับ สวนดอก ไป ๆ มา ๆ หลายที่ พักหลังนี่มักจะไป ๆ มา ๆ กับไอ้ชัยเป็นประจำ รวมทั้งที่เซฟเฮ้าส์ ที่แม่สาด้วย ทั้งสองคนนี่เป็นตัวเล่นสำคัญของเสี่ยเล้ง และคาดว่าเป็นคนที่รับคำสั่งเสี่ยเล้งมา ทั้งเรื่องดักยิงคุณอา และเรื่องคุณรจนาด้วย ครับ” ชาติชายหยุดพูด “เซฟเฮ้าส์เป็นไง” การุณย์ถามเรียบ ๆ “เป็นบ้านสองชั้น มีโรงรถด้านข้าง ปกติเห็นรถสองตอนจอดประจำหนึ่งคัน ประตูด้านหน้าหนึ่ง ด้านหลังออกจากห้องครัว หนึ่ง หน้าต่างบานเลื่อนกระจก ชั้นบนไม่มีระเบียง ก่อกำแพงทึบสามด้านสูงประมาณสองเมตรถึงสองเมตรครึ่ง ด้านหน้า เป็นแนวรั้วเหล็กโปร่งครึ่งหนึ่ง รอบรั้วราบเรียบกว้างประมาณสิบเมตร ประตูใหญ่เป็นบานเลื่อนอัลลอย ยีเอ็มซีเข้าได้ สะดวก ทางเข้าเป็นถนนลูกรังอัดแน่น ยีเอ็มซีวิ่งได้เต็มทาง บ้านเรือนที่อยู่ใกล้สุดห่างไปประมาณเจ็ดร้อยเมตร เท่าที่ ไปซุ่มดูอยู่เห็นมีพวกมันอยู่ราว ๆ ห้าถึงหกคน ครับ” คราวนี้วรวุฒิเป็นคนตอบ “มีข่าวอะไรเพิ่มเติมไหม” “ไอ้ชัยเพิ่งออกเดินทางไปดอยเต่าเมื่อสาย ๆ วันนี้ ไอ้ก้องหมกตัวอยู่ที่คอนโดที่สวนดอก คนของเราตามประกบอยู่ครับ” “แล้ว วางแผนยังไง” คราวนี้ การุณย์หันไปถามชาติชาย “ถ้าเล่นไอ้ก้องก่อน มันจะตื่นแล้วเราคงตามไอ้ชัยลำบากมากขึ้น ผมจะ..” ชาติชายหันไปมองแม่ของตน “แม่ต้องการรู้ด้วย ถ้ามันทำกับลูกสาวแม่อย่างนั้น แม่ก็อยากรู้ว่ามันจะเป็นอย่างไร” กานดาบอกอย่างเด็ดเดี่ยว มือของ การุณย์เอื้อมมาบีบไหล่มนเบา ๆ กานดายกมือขึ้นบีบมือการุณย์ตอบพร้อมกับหันไปยิ้มฝืน ๆ ด้วยดวงตาฉ่ำชื้นรื้นไป ด้วยหยาดน้ำใส “ขอบคุณครับ” การุณย์พูดเบา ๆ ชาติชายสูดหายใจลึก ๆ แล้วค่อย ๆ ระบายออกยาวเหยียด “ผมจะไปจัดการกับไอ้ชัยเสียก่อน คราวนี้ถึงเสี่ยเล้งกับลูกชายจะแตกตื่นยังไงก็ไม่เหมือนมีไอ้ชัยอยู่ ผมกะจะรอให้ มันกลับเข้าเซฟเฮ้าส์แล้วกวาดทีเดียว ส่วนเสี่ยเล้งเอาไว้หลังสุดครับ” “เอาใครบ้าง” “มี ผม วุฒิ นายรัณย์ ลูกน้องวุฒิอีกสองคน คุ้มกันหนึ่ง ขับรถหนึ่ง ครับ” “เอาเมื่อไร” “ไอ้ชัยกลับมาเข้าเซฟเฮ้าส์เมื่อไหร่ เราจะเริ่มเลยครับ” “แล้วจะจัดการอะไรบ้าง” การุณย์ถามต่อหลังจากนิ่งคิด กานดาพยักหน้าน้อย ๆ เหมือนกับอยากรู้อยู่เช่นกัน “แม่กับคุณอา อย่ารู้เลยครับ” ชาติชายตอบเรียบ ๆ “อ้าว ไม่บอกกันเลยหรือ” การุณย์ถามขึ้นอย่างประหลาดใจ กานดาบีบมือการุณย์เบา ๆ “ดีแล้วล่ะค่ะ ดารู้จักนายชายดี” กานดาพูดกับการุณย์แต่สายตาจับจ้องกับดวงตาของลูกชายแน่วแน่ “ใครก็ตามที่ทำกับ หนูรจปานนั้น ชายต้อง...จัดการมันอย่างสาสม แน่ค่ะ” จบคำเธอก็หันไปฝืนยิ้มกับการุณย์แต่ไม่อาจกลั้นมิให้หยาดน้ำตา ไหลร่วงลงมาได้ “รับรองได้ครับ” ชาติชายบอกเบา ๆ แต่หนักแน่น ชัดถ้อยชัดคำ “งั้น ตกลงตามนี้” การุณย์พูดแล้วหยุดคิดนิดหนึ่ง “เอางี้ อาไฟเขียวตลอดจนจบเรื่อง ไม่ต้องเข้ามารายงาน โทรเข้ามา บอกสั้น ๆ พอ” ชาติชายและวรวุฒิเลิกคิ้วนิดหนึ่ง “จบเรื่องหมายถึงเสี่ยเล้งเลยหรือครับ” วรวุฒิถาม “ตามนั้น ถึงเสี่ยเล้ง ถ้ามันคิดจะให้คนมาฆ่าอาได้ มันก็ต้องรับผลของมันด้วย” การุณย์พูดเบา ๆ “ขอบใจนะ ทั้งสองคน” ............................... แสงไฟจากโคมหน้ารถเก๋งสีทึมกลางเก่ากลางใหม่สาดส่องทางลูกรังอัดก่อนเลี้ยวเข้าประตูบ้านหลังใหญ่กลางทุ่งชายป่า ชายฉกรรจ์ที่ยืนรอรีบลากบานประตูเลื่อนปิดแล้วเดินกลับไปที่ตัวบ้านที่เปิดไฟสว่างไปทั้งหลัง คนขับก้าวลงจากรถมา ยืนบิดตัวแก้เมื่อยขบ “หวัดดีพี่ เป็นไงบ้าง” ไอ้คนปิดประตูใหญ่ร้องถาม “เมื่อยซีวะ เฮ้ย พวกมึงเป็นไงมั่ง ออกไปทำเชี้ยอะไรกันหรือเปล่า” “ไม่ได้ไปไหนกันหรอกพี่ ตามที่พี่ชัยสั่งนั่นแหละ” ชายฉกรรจ์อีกสามคนโผล่ออกมาประตูบ้าน พอเห็นหน้าเจ้าชัยก็ พากันเดินออกมายกมือไหว้กันสลอน “พี่ชัย เป็นไง” “เป็นพ่อมึงล่ะซี ไอ้ศักดิ์ไปไหน” ไอ้ชัยเหลียวมองก่อนสาวเท้าเดินเข้าบ้าน “เรียกมันมาที มีงาน เดี๋ยวพวกมึงด้วย” “พี่ศักดิ์ออกไปซื้อของน่ะพี่ สักพักใหญ่แล้ว เดี๋ยวก็มา” หนึ่งในกลุ่มบอก “มึงโทรเรียกมันมาเดี๋ยวนี้เลย ไอ้นี่ เผลอเป็นเข้าซ่อง เดี๋ยวพ่อมึงซิวไปก็เสียเรื่องอีก มึงไปเปิดเบียร์มาหน่อย หิวน้ำฉิบ” หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ล้วงเอาโทรศัพท์เคลื่อนที่ขึ้นมากดเบอร์แล้วยกขึ้นแนบหู “พี่ศักดิ์เหรอ พี่ชัยมาแล้ว เรียกหาพี่อยู่............... เออ เร็ว ๆ นะพี่” มันยัดโทรศัพท์ใส่กางเกงแล้วเดินเข้าบ้านไป ถ้ามันหันไปมองด้านนอกมันก็จะเห็นว่า ตรงมุมกำแพงบ้านนั้น เงาร่างสามเงาปรากฏขึ้นจากด้านกำแพงปราดมาที่ มุมรั้วเหล็กโปร่งด้านหน้า หนึ่งในนั้นปราดเข้าประชิดกำแพงสูงแค่อกยันตัวเข้ากับกำแพง สอดอาวุธปืนผ่านช่องเหล็ก ส่องไปยังปากประตูขณะที่อีกสองร่างปีนข้ามกำแพงรั้วเข้าไปยืนข้างในอย่างคล่องแคล่วแต่เงียบกริบ พอเห็นทั้งสอง ทิ้งตัวถึงพื้นแล้วยกอาวุธขึ้นกระชับเข้าที่ ออกเดินกึ่งวิ่งเข้าไปยังตัวบ้านนั่นแล้ว เขาจึงผละออกจากที่วิ่งโหย่ง ๆ ตรงไปยังประตูรั้ว เงยหน้ามองสองเงาร่างที่ปราดเข้าเกือบถึงตัวบ้าน สองร่างนั้นคือชาติชายกับศรัณย์ในชุดดำรัดกุม ทั้งสองคนทาสีพรางดำสนิทไปทั้งใบหน้า ลำคอ และส่วนที่พ้นการปิดบัง ของเสื้อผ้า ปืนเอ็ช เค เอ็มพี 7 ที่ติดกล้องเล็งพร้อมเครื่องช่วยมองกลางคืนและปลอกลดเสียงประทับเข้าไหล่ ปากกระบอกเล็งตรงไปยังประตูบ้าน มือกำด้ามกระชับ นิ้วอยู่ที่ไกปืนพร้อมที่จะส่งกระสุนขนาด 4.6 มม. ออกไปทุกขณะ พอทั้งสองเข้าประชิดถึงตัวบ้าน ชาติชายปราดเข้าด้างข้างหนึ่งของประตู ประทับปืนเล็งตรงไปที่บ้านประตูแน่แน่ว ศรัณย์ปราดเข้าประชิดอีกด้านหนึ่ง ลดปืนลงก่อนดึงระเบิดรูปทรงกระบอกออกมาปลดสลักนิรภัยแล้วถือกำไว้ด้วยมือซ้าย มือขวาคว้ามือจับด้ามปืนกระชับ หันพยักหน้ากับชาติชาย “พร้อม” ชาติชายกรอกเสียงเบา ๆ ลงไปในไมโครโฟนอันเล็กที่แนบแก้มแล้วกระชับปืนในมือ เพี๊ยะ... เสียงโลหะกระทบของแข็งตรงมุมด้านหนึ่งของบ้าน แสงสว่างในบ้านดับวูบลงเมื่อกระสุนนัดหนึ่งจากมือลูกน้องวรวุฒิที่ ซุ่มอยู่ห่างบ้านไปไม่ไกลบดขยี้เต้ารับที่ให้สายไฟฟ้าเกาะเกี่ยวกันกระจุยไปพร้อมกับสายไฟ “เฮ้ย ไอ้แม่งเอ๊ย ไฟดับ ใครออกไปดูหน่อย” เสียงไอ้ชัยร้องสั่งดังขึ้นจากในบ้าน พร้อม ๆ กับที่ศรัณย์ยืดตัวขึ้นทอย ระเบิดในมือเข้าไปทางบานหน้าต่างที่เปิดอ้าอยู่ เสร็จแล้วหันตัวกลับประทับปืนในมือตรงไปที่ประตูบ้าน เงยหน้าพยักหน้ากับชาติชายอีกครั้ง ไม่ถึงอึดใจเสียงระเบิดดังขึ้นทึบ ๆ ก้องทั้งตัวบ้านพร้อมกับแสงวาบสว่างจ้าขึ้นสาดแปลบออกมานอก ตัวบ้าน “เฮ้ย.. เหี้ยอะไรวะอีกวะ” เสียงคนในบ้านดังลั่นขึ้นอย่างตกใจ ชาติชายกับศรัณย์ดึงปืนเข้าร่องไหล่ประทับเล็งผ่านกล้องที่เครื่องช่วยมองกลางคืนส่งภาพสีเขียวเรืองให้เห็นอย่างชัดเจน ตึง... ประตูบ้านดีดผางออกตามแรงเท้าของศรัณย์ ชาติชายปราดเข้าประชิดปากประตู เอ็มพี 7 กวาดหาเป้าในความมืด ฟุ่บ.ฟุ่บ... กระสุนสังหารลั่นออกไปสองนัดส่งวิญญาณทุรชนหนึ่งคนปลิดปลิว ชาติชายขยับตัวสืบเท้าเข้าด้านในแล้ววาดปืนไป ด้านหลังบานประตู ลูกน้องไอ้ชัยคนหนึ่งยืนคว้ามือหาผนังห้องอยู่ในความมืด ฟุ่บ.ฟุ่บ.. ภาพในกล้องเล็งคือหัวของมันที่สะบัดไปตามแรงพร้อมกับแตกกระจายออกโดยที่มันไม่มีโอกาสจะรู้เลยว่าโดนอะไร เข้าไป ศรัณย์มุดลอดแขนชาติชายที่ประทับปืนเข้าตัวบ้าน ปืนในมือเล็งตรงไปที่ประตูอีกบานหนึ่ง “เฮ้ย ใครออกไปดูยังวะ..” ฟุ่บ.ฟุ่บ... ไม่ทันขาดเสียงลูกปืนสองนัดก็ยัดเข้าไปเต็มหน้า มันหน้าหงายล้มตึงลงไปทั้งตัว ศรัณย์ปราดตรงเข้าไปที่ประตูปืนในมือ เล็งตรงเข้าไปในห้องที่ไอ้วายร้ายนั้นหงายหลังเข้าไป ชาติชายเดินก้าวตัดทางผ่านไปยังทางที่เขาเพิ่งยิงไปแล้วหมุนกลับ วาดปืนเข้าไปทางประตูที่ศรัณย์ปราดเข้าหา กล้องเล็งแสดงภาพ โต๊ะตัวย่อมวางอยู่กลางห้อง เก้าอี้สามสี่ตัววางล้อมอยู่ ไอ้ชัยที่นั่งถือแก้วเบียร์อยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง เหวี่ยงแก้วเบียร์ออกจากมือแล้วผลุดลุกขึ้นเมื่อเห็นเงาลูกน้องหงายผลึ่งเข้ามา มันขยับล้วงปืนพกขึ้นมาในมือส่ายกวาด ไปมาในความมืด ฟุ่บ.. กระสุนนัดหนึ่งพุ่งเข้าปะทะปืนพก 11 มม.ในมือมันจนกระเด็นหลุดจากมือไปตกโคล้งเคล้ง ฟุ่บ.ฟุ่บ.. ศรัณย์ลั่นกระสุนไปอีกสองนัดส่งร่างลูกน้องไอ้ชัยหน้าตู้เย็นที่ตั้งอยู่อีกด้านหนึ่งเซไปปะทะกับตู้เย็นก่อนจะรูดลงกับพื้น ไอ้ชัยถลันตัวเข้าไปทางปืนตัวเองที่กระเด็นหาย สายตาที่เริ่มจะชินกับความมืดเห็นเงาร่างดำ ๆ ผวาวูบเข้ามาจนใกล้ อั๊ก... ท้องใส้มันขย้อนเจ็บเสียดไปทั้งท้องเมื่อชาติชายพุ่งเข้าประชิด รองเท้าหน้ายัดเข้าเต็มสีข้าง มันปลิวตามแรงเท้าหมุน ไปกองอยู่กับพื้น อั๊ก... เงาร่างนั้นถลันเข้าประชิดตัวมัน เท้าข้างเดิมประเดนเข้าเต็มขมับ ส่งสติมันดับวูบ .................... ไอ้ชัยคืนสติพร้อมกับสำลักน้ำที่ราดลงมาบนใบหน้า ทั้งหัวทั้งท้องเจ็บแปลบปลาบด้วยฤทธิ์เท้าหุ้มด้วยรองเท้า มือขวา เจ็บแสบจากฤทธิ์ลูกปืนที่ปลิดปืนคู่ใจมันกระเด็นไป มันลืมตาขึ้นสู่ความมืด ครู่ถัดมามันจึงรู้ว่ามันนอนหงายอยู่กลางป่า รอบข้างมีต้นไม้สูงใหญ่เป็นเงาดำทะมึน มันขยับตัวจะลุกขึ้น อั๊ก... น้ำหนักกระแทกเข้าเต็มอกกดลมหายใจออกจากปอดจนมันแทบสำลัก ตัวมันงอยกแขนขึ้นกอดอก ขย้อนอากาศออกจาก คอจนหอบ พอค่อยยังชั่วมันลืมตาขึ้นพบว่า นอกจากตัวมันที่นอนอยู่กับพื้น ด้านข้างนั้นเงาร่างสูงทมึนดำมืดยืนค้ำร่างมัน ในมือเจ้าของร่างถือปืนกระบอกกะทัดรัดรูปร่างแปลกตา เยื้องห่างไปด้านหลัง มีเงาดำ ๆ นั่ง ๆ ยืน ๆ อยู่อีกสามเงา มันพยายามเขม้นมองแต่ใบหน้าทั้งหมดดำมะเมื่อมด้วยสีพรางจนมันมองไม่ออกว่าเจ้าของร่างนั้นคือใคร “ไอ้สัตว์ พวกมึงไม่รู้เรอะว่ากู...” พลั่ก... เจ้าของเงาที่ยืนค้ำตวัดตีนฟาดเข้าเต็มแก้มจนคางมันระบม ลิ้นของมันลิ้มรสเลือดที่ไหลซึมออกมาในปาก มันขยับจะ หมุนตัวหลบอีกครั้ง ตุ๊บ... ตีนข้างเดิมตวัดเข้าเต็มชายโครงส่งก้อนเสียดพุ่งขึ้นจนเต็มท้อง “อ๊อก.. แค่ก แค่ก..” ไอ้ชัยแทบจะหยุดหายใจไปชั่วครู่ด้วยความจุกเสียดก่อนจะไอออกมาสองสามครั้ง “อย่าให้กูรอดไปได้นะมึง กูจะล่ามึงให้หัวหด ไอ้สัตว์” ไอ้ชัยยังไม่ละลดสันดานหยาบ เจ้าของเงาหัวเราะเบา ๆ “มองโลกในแง่ดีเหลือเกินนะ” เงานั้นขยับเดินเข้าใกล้ ไอ้ชัยกวาดตามองเห็นอีกสามคนที่ห่างออกไป ขยับตัวเข้ามาใกล้ เหมือนตามดู “เออ แล้วมึงจะรู้จักกู ไอ้สัตว์ กูไปทำอะไรให้พวกมึงวะ แน่จริงมึงมาเดี่ยวกับกูดีกว่า” “มึงน่ะเคยเดี่ยวกับใครด้วยหรือ ดีแต่ทำคนไม่มีทางสู้นั่นแหละ” หัวสมองไอ้ชัยหมุนติ้ว ๆ ด้วยความพยายามคิดว่าไอ้สี่คนนี่เป็นโจทก์ที่ไหน สายตาที่เริ่มชินกับความมืดกวาดไปที่มือ ของสองในสามร่างที่ยืนห่างออกไป ปืน เอ็ชเค เอ็มพี สาม แน่นอนที่สุด “มึงพวกไอ้เสธการุณย์ซีเนี่ย ฮ่า ฮ่า อุ๊บ” เสียงหัวเราะขาดหายไปเมื่อเท้าข้างหนึ่งเหยียบลงมาบนหน้าอก “มึงอย่ามายุ่ง กับกูดีกว่า ไม่งั้นมึงจะหัวขาดเหมือนลูกสาวมันนั่น อ๊อก..” เสียงมันขาดหายเมื่อเท้าข้างนั้นเลื่อนมากดที่คอ “ก็ดีที่มึงพูดออกมาเอง กูจะได้ไม่ต้องเสียเวลาถาม” เสียงตอบเรียบ ๆ “เออซีวะ เสียดายยังไม่ทันจะได้เย็ดมันเลย อีห่านั่นน่ะ ท่าทางคงจะเย็ดมันฉิบ.. อ๊อก..” มันยังพูดไม่ทันจบตีนข้างนั้นก็ ยกขึ้นตวัดใส่ซอกคอมันอีกครั้ง ไอ้ชัยหน้ามืดไปก่อนจะสำลักน้ำฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้ง “ไอ้สัตว์ แค่ก.. แค่ก.. มึง..” ไอ้ชัยส่ายหน้าเปียก ๆ ของมันไปมาหลบสายน้ำที่รินใส่ “มึงไม่กล้าฆ่ากูล่ะซี ไอ้ไก่อ่อน” ไอ้ชัยรวบรวมแรงหมุนตัวรวบมือเข้าหมายจะจับข้อเท้าดึงร่างนั้นลงมานอน แต่เจ้าของร่างนั่นเหมือนจะคาดว่ามันจะทำ เช่นนั้นจึงดึงขาถอยพ้นมือมันแล้วยกขึ้นกระทืบลงกับท่อนแขนที่พลาดเป้า กร๊อบบ... “โอ๊ย.... แขนกู..อ๊ากซซ์” แขนที่เหยียดออกนั้นบัดนี้หักงอจนเห็นได้ชัด ไอ้ชัยใช้อีกมือหนึ่งประคองแขนด้วยความ เจ็บปวด มันยังพยายามใช้ตัวยันยกขาขึ้นหมายจะถีบใส่ อีกครั้งที่ร่างนั้นเบี่ยงหลบแล้วใช้เท้าข้างหนึ่งยันเอวมันจนคว่ำ พังพาบ ก่อนที่จะยกขึ้นกระทืบลงกับข้อพับหลังเข่า กร๊อบ... “อ๊ากซซ..” ไอ้ชัยแผดเสียงโหยหวนเมื่อข้อข้าวของมันหลุดออกจากกัน มันนอนครวญครางขาสั่นระริก แล้วพลิกตัว หงายขึ้นมองไปยังเจ้าของร่างที่โยนปืนในมือออกไปให้อีกคนที่รับเอาไว้อย่างสบาย ๆ ก่อนจะลงนั่งยอง ๆ ข้างตัวมัน มันพยายามเขม้นมองหน้านั้นในความมืด “อย่าให้กูรอดไปได้นะมึง” “ไอ้ชัย นี่มึงยังคิดว่ามึงจะรอดไปได้อีกเรอะ” ร่างนั้นตอบเบา ๆ ไอ้ชัยยังไม่ละความพยายามมันข่มความเจ็บยันตัวด้วยแขนพยายามพุ่งเข้าหาร่างนั้น ร่างนั้นไม่ได้หลบแต่ยกมือข้างหนึ่ง ขึ้นยันมันจบหงายผลึ่งกลับไปนอน อีกมือหนึ่งตบเข้าที่ง่ามขามัน “เอ๊อะ .. อ๊อก.. อั๊ก..” ไอ้ชัยร้องครางไม่เป็นภาษา โก่งคอขย้อนด้วยความเจ็บปวดพวงสวรรค์ที่โดนมือตบเข้าเต็มพวง ความเจ็บแน่นแล่นย้อนขึ้นมาทั้งท้องทั้งตัวจนมันเจ็บชายโครง พยายามอ้าปากพะงาบ ๆ หาอากาศอีกครู่ใหญ่ มันหอบ จนตัวโยนเหงื่อแตกไปทั่วทั่งตัวทั้งใบหน้าจนเปียกชื้น “มึงฆ่ากูซีวะ หรือมึงไม่กล้า” ไอ้ชัยสำราก “ไอ้หน้าตัวเมีย สัตว์เชี้ยเอ๊ย” “ไม่หรอกชัย” ร่างนั้นตอบเรียบ ๆ ยกมือขึ้นกำกุมด้ามมีดที่อยู่บนสายรัดโยงไหล่แล้วดึงออกมา ไอ้ชัยมองตาเหลือก เมื่อเห็นใบมีดขนาดแปดนิ้วดำสนิทที่ร่างนั้นดึงออกมาถือ มันไม่ใช่ใบมีดที่เหมือนมีดพิเศษ เพราะมันราบเรียบปราศจาก รอยหยัก คมมีดโค้งจากกั้นหยั่นแผ่ขยายกว้างออกไปจนถึงแนวสันที่ยกยอดขึ้น แล้วเรียวโค้งขึ้นจรดปลายแหลม ใบมีด รมดำสนิทเห็นแต่แนวคมมีดที่เป็นสีขาวยาวตลอดแนว ไอ้ชัยกลืนน้ำลาย “มึงคงไม่เคยเห็นหรอกนะ นี่มีดโบวีขนาดแปดนิ้ว ทำด้วยโลหะผสม ฟันกะโหลกมึงขาดสบาย ๆ แต่กูไม่ฆ่ามึงหรอก” “ใจเสาะล่ะซีไอ้สัตว์ เย็ดแม่เอ๊ย” “กูแค่จะให้โอกาสมึงสักหน่อย ถนนอยู่ด้านโน้น” ไอ้ชัยมองปลายมีดที่ยกชี้ทิศทาง “ ห่างสักเจ็ดร้อยเมตรได้ ถ้ามึงโชคดี กระเสือกกระสนไปถึงถนนนั่นได้ และมีใครผ่านมาพบเข้า มึงก็อาจจะรอด” ไอ้ชัยตาลุกวาวเมื่อเห็นทางรอดตัว “แต่..” ใจมันหายวาบเมื่อได้ยินคำนั้น “มึงต้องโชคดีมากจริง ๆ เพราะกูยังใจดีไม่มาก” มือที่จับรวบข้อมือมันนั้นแข็งแรงจนมันสะบัดไม่หลุด ร่างนั้นจับข้อมือข้างที่ดีของมันด้วยมือทั้งคู่ มันพยายามดึงรั้งอย่าง สุดชีวิตกลัวจนขนลุกไปทั้งหัวเมื่อร่างนั้นลุกขึ้นกระชับมือแล้วกระชาก กรึบ..... “โอ๊ย... อ๊ากซซซ ไอ้ แม่เย็ดเอ๊ย แขนกู” ไอ้ชัยแหกปากลั่นเมื่อแรงดึงรั้งเขาข้อไหล่และข้อศอกของมันหลุดออกจากเบ้า ความเจ็บปวดแล่นพล่านไปทั้งแขน มันแหกปากร้องซ้ำอีกครั้งเมื่อร่างนั้นปล่อยแขนมันตกลงกับพื้น แล้วทรุดลงนั่งชันเข่า จ้องหน้ามันอีกครั้ง “คราวนี้มึงคงต้องอาศัยตัวมึงเองกับโชคอีกเยอะ ๆ” ร่างนั้นบอกกับมันด้วยเสียงราบเรียบ “ถ้ากูเสร็จเรื่องแล้ว มึงยังรอด ไปได้ กูก็จะปล่อยให้มึงมีชีวิตอยู่” “ไอ้เหี้ย ถ้ากูรอดไปได้ กูจะตามกุดหัวมึง” ไอ้ชัยยังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เจ้าของร่างนั้นล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงด้านข้างขา ของที่ติดมือออกมาคือเทปผ้าใบสีดำ ยกขึ้นขยับแกว่งให้ไอ้ชัย มองเห็น แล้วดึงปลายข้างหนึ่งออกมาดึงสายเทปออกแล้วกดลงปิดลงกับปากมัน จิกผมมันยกหัวขึ้นพันรอบ ๆ หัวมัน สองสามรอบแล้วเด็ดเทปจนขาดออก “มึงต้องกระเสือกกระสนไปที่ถนนเอาเอง ถ้ามึงรอดไปถึงถนนได้มึงก็ต้องรอให้ใครผ่านมาเห็น ถ้าได้สองอย่างมึงนับว่า โชคดี” ร่างนั้นยัดม้วนเทปกลับเข้ากระเป๋า หยิบมีดในมือขึ้นมาถือ “แต่ กูไม่ได้ใจดีขนาดนั้น กูแค่บอกว่าจะไม่ฆ่ามึง แต่ไม่ได้บอกว่ามึงจะรอด” ไอ้ชัยยกขาข้างที่ยังดีดีดหมายโจมตีใส่เจ้าของร่างนั้น แต่.. พอขามันวาดไปกลางอากาศ มีดในมือของร่างนั้นก็ยกขึ้น รออยู่แล้วท่อนขามันจึงรับปลายมีดนั้นจมเข้าไปครึ่งเล่ม เทปที่ปิดปากมันไว้กั้นเสียงแผดร้องของมันจนหมดสิ้น ท่อนขา สั่นระริกด้วยความเจ็บปวด เจ้าของมีดโยกใบมีดไปมาก่อนจะดึงพรวดออกจากขา ไอ้ชัยดิ้นพล่านเลือดจากขามันไหล หยดลงกับพื้นดินเห็นเป็นจุดดำ ๆ ร่างนั้นขยับเข้ามาเช็ดใบมีดลงกับอกเสื้อมัน “ไม่ได้โดนเส้นเลือดใหญ่อะไรหรอก” เขาบอกเสียงราบเรียบไร้ความรู้สึก “เลือดมึงไหลอย่างนี้ปกติเดี๋ยวก็หยุดเอง แต่พอดีเมื่อกี้ตอนถอนมีดกูโยกหนักมือไปหน่อย ปากแผลมันเลยกว้าง เลือดมึงคงไม่หยุดหรอก” ไอ้ชัยตัวเย็นเฉียบ เมื่อสัมผัสถึงน้ำเสียงราบเรียบที่พูดกับมัน ประหนึ่งพูดเรื่องลมฟ้าอากาศทั่ว ๆ ไปกระนั้น มันจ้องใบหน้าพรางสีดำสนิทนั้น “มึงคงมีแรงกระเสือกกระสนได้สัก สามถึงสี่ชั่วโมง ก่อนที่มึงจะหมดแรงเพราะเลือดออก” ใบหน้านั้นเอียงคอมองดูมัน “หรือถ้ามึงแกร่งพอ ทนเจ็บได้ไหว ก็หมุนตัวทับแขนมึงเองกลิ้งไปก็ได้.. พอมีทางรอด” ร่างนั้นยืดตัวขึ้นยืน เสียบมีดกลับเข้าที่แล้วยกมือขึ้นรับปืนที่เพื่อนส่งมาเข้ามือ “แต่กูว่ามึงไม่รอดหรอก มดเริ่มมาแล้ว” เสียงนั้นบอกเบา ๆ สายตามองกวาดไปมาที่พื้นมองมดป่าที่เริ่มเดินเข้าหากลิ่นเลือดที่ไหลรินจากขาไอ้ชัย ร่างนั้น หันไปพยักหน้ากับอีกสามคนที่ยืนรอแล้วทั้งสี่คนก็ออกเดินจากหายไปในความมืด

ไม่มีความคิดเห็น: