ขายของ

วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2554

With No Remorse Chapter 15

With No Remorse Chapter 15 “...ผู้กำกับการเชียงใหม่ได้รับแจ้งเหตุยิงกันหลายศพในเขตอำเภอแม่สา จึงนำกำลังเข้าไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็น บ้านหลังใหญ่ปลูกอยู่ห่างไกลจากชุมชน...” การุณย์ที่นอนเอนอยู่บนเก้าอี้รับแขกหันไปมองหน้ากานดาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มือทั้งสองจับกันไว้อย่างให้กำลังใจกันและกัน นับแต่การุณย์กลับมาบ้านกานดาก็คอยดูแลอยู่ตลอดเวลา ยามนั้นกานดาหันมายิ้มให้นิดหนึ่งก่อนที่ทั้งสองจะหันกลับไป ดูข้าวในจอโทรทัศน์ต่อ “...ศพแรกถูกยิงเสียชีวิตอยู่ข้างรถจักรยานยนต์ห่างประตูไปประมาณร้อยเมตร ส่วนในตัวบ้านมีอีกสี่ศพ สภาพถูกยิงเข้า ที่สำคัญนอนตายอยู่ในตัวบ้าน ด้านหนึ่งมีรอยไหม้ที่ตำรวจพบกระเดื่องระเบิดมือตกอยู่ ในบริเวณบ้านเต็มไปด้วย ปลอกกระสุนไม่ทราบขนาด ซึ่งตำรวจได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน...” “ฝีมือพวกเขาละ...กวาดเรียบ” การุณย์พูดขึ้นเบา ๆ มือรับความรู้สึกมือนุ่ม ๆ ที่บีบกระชับเป็นเชิงรับรู้ “....คาดว่าเป็นฝีมือของขบวนการค้ายาเสพติดที่คงจะขัดแย้งผลประโยชน์กันเองหรือหักหลังกันจึงบุกสังหารคู่อริจนตาย ห้าศพในครั้งนี้ นอกจากวัตถุพยานแล้ว ตำรวจยังพบยาบ้าอีกจำนวนมาก ในชั้นแรกประมาณสองแสนเม็ด...” “เสร็จไปหนึ่งแล้ว” การุณย์หันมาบอกกานดาเบา ๆ “ค่ะ คุณต้นเพลียไหมคะ” กานดาขยับตัวประคองการุณย์ที่ขยับลุกขึ้นนั่งตัวตรง “จะขึ้นนอนเลยหรือเปล่าคะ” “ครับ ง่วง ๆ เหมือนกัน คงเป็นยาที่หมอให้มาเมื่อเช้าน่ะครับ” การุณย์ยิ้มให้กานดาด้วยสีหน้าโรย ๆ “งั้นดาปิดบ้านก่อน” กานดาบอกแล้วลุกกระฉับกระเฉงขึ้นไปจัดการปิดประตูหน้าต่างเรียบร้อยแล้วกลับมาพยุงการุณย์ ลุกขึ้นเดินขึ้นห้องนอนชั้นบน การุณย์ทอดตัวลงนอนช้า ๆ โดยกานดาช่วยประคอง พอการุณย์ลงนอนเรียบร้อยเธอก็ลุกไปเปิดเครื่องปรับอากาศ ปิดหน้าต่างแล้วเดินหายไปชั่วครู่ก่อนกลับมาพร้อมอ่างน้ำใบย่อม วางลงบนโต๊ะข้างหัวเตียงแล้วหยิบผ้าขนหนูขึ้นมา บิดน้ำจนหมาด ก่อนจะบรรจงเช็ดใบหน้าคมสันที่จับจ้องมองเธออย่างเต็มตื้น กานดาบรจงเช็ดใบหน้านั้นจนทั่วแล้วซักผ้า ก่อนจะมาเช็ดตัว ระวังไม่ให้โดนผ้าก๊อซที่ปิดแผลที่สีข้าง “สบายตัวขึ้นไหมคะ” “ขอบคุณมากครับ” การุณย์มองตามร่างของกานดาที่ถืออ่างน้ำออกไป ชั่วอึดใจเธอก็กลับเข้ามาลงกลอนประตูแล้ว เดินมาทอดตัวลงนอนเคียงเขา พลิกตัวตะแคงพาดเขาลงบนหน้าอกกว้างเบา ๆ “พวกเด็ก ๆ จะเป็นยังไงบ้างคะ” “ไม่เป็นไรหรอกครับ พวกนี้มือดี ๆ ของผมทั้งนั้น ชาติชายกับศรัณย์เองก็ระดับมือหนึ่งของมนุษย์กบเหมือนกัน พวกนี้ แทบไม่ต้องพูดกันก็รู้ว่าใครจะต้องทำอะไรแล้วล่ะครับ” การุณย์หันมาจ้องตากานดา ยื่นจมูกมาสูดไรผมที่หน้าผาก “อืมม เพิ่งเช็ดตัวเอง เหงื่อซึมอีกแล้ว แอร์เก่าเย็นไม่ทันใจเลยนะคะ” “ของหลวงก็ยังงี้แหละครับ” การุณย์พูดเบา ๆ “เช็ดตัวอีกทีไหมคะ จะได้หลับสบาย” กานดายันตัวขึ้นถาม “ก็ ดีครับ ขอบคุณมากเลย” พอจบคำกานดาก็ลุกขึ้นเดินไปเตรียมของพอกลับมาก็ค่อย ๆ ถอดเสื้อการุณย์ออก ค่อย ๆ เช็ดลำตัวไปเรื่อย ๆ จนถึงช่วงล่างพอเธอล้วงเข้าไปเช็ดก็ติดขอบกางเกงนอนที่รั้งมือจนเช็ดไม่ถนัด เธอเลยจัดแจง ถอดกางเกงท่ามกลางเสียงประท้วงของการุณย์ แต่ในที่สุดการุณย์ก็เหลือแต่ตัวเปล่าเปลือยนอนให้กานดาเช็ดตัว “นี่ถ้าผมไม่เจ็บอยู่ คุณดาไม่มีโอกาสทำกับผมอย่างนี้หรอกนะครับ” “ค่า พ่อคนเก่ง” กานดาหันมายิ้ม “เอาไว้ถ้าดาป่วยก็ตาคุณต้นบ้างล่ะ” “ผมจะเช็ดทั้งวันเลย” การุณย์บอกตอนที่เธอเช็ดไปถึงอวัยวะสำคัญ “แน่ะ ทำเก่งอีก” กานดาพูดปนยิ้มเมื่อมือปะกับท่อนเนื้อแข็ง “พักผ่อนก่อนเถิดนะคะ เดี๋ยวทรุดไปแล้วหมอจะมาต่อว่า” “คร๊าบบบโผมมมม” การุณย์ลากเสียงยาวเป็นเชิงล้อเลียน แล้วนอนจ้องใบหน้าหวานแฉล้มของกานดา ไม่นานนักด้วย ร่างกายที่ยังอ่อนเพลียกอรปกับฤทธิ์ยา นายพันเอกหนุ่มใหญ่ก็ม่อยหลับไปทั้ง ๆ ที่กานดายังเช็ดตัวไม่เสร็จด้วยซ้ำ ........................... เสียงโทรศัพท์ที่ตั้งเป็นเสียงดนตรีดังขึ้น เจ้าก้อง ลูกชายเสี่ยค้ายาเงยหน้าจากอกอวบของมารดาตัวเองขึ้นมามองแต่ เอวยังไม่หยุดซอยส่งท่อนเอ็นแข็งพุ่งทะลวงกลีบเนื้อแม่ตัวเอง “อูย ตาก้อง อย่าควง มันเสียว” สาวใหญ่ครางลั่น ๆ เมื่อเจ้าก้องกดหนอกเนื้อจมมิดแล้วส่ายเอวหมุนวน แท่งเอ็นยาว กวาดควานไปทั่วจนเสียวไปทั้งตัว “ก็ของม้าน่ะ มันดูดควยผมหมุบ ๆ ต้องกระเด้าแรง ๆ แหละม้า” ไอ้ก้องตอบคำพลางกระเด้าฮวบ ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ยังลั่น ๆ “เดี๋ยวนะม้า” ไอ้ก้องเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นดู “กดทิ้งไป ม้ากำลังจะถึงแล้ว” สาวใหญ่ยกสะโพกดันกลีบแคมใส่ท่อนเอ็นลูกชายไม่ละลด โพรงเนื้อขมิบวูบวาบหลั่ง น้ำเมือกออกมาชโลมท่อนเอ็นจนชุ่มโชก “เดี๋ยวม้าเงียบ ๆ ก่อน เตี่ยโทรมา” ไอ้ก้องกระซิบบอกแล้วกดก้นดันท่อนเอ็นมิดแนบสนิท ส่วนสาวใหญ่ก็ใจหายวาบ หยุดกระเด้งสะโพกผายใส่ท่อนเอ็นลูกชายเงี่ยหูฟัง “โหล เตี่ย มีอะไรครับ” ........... “ไม่เจอเลยเตี่ย เห็นว่าไปบ้านมันที่ดอยเต่าสักสี่ห้าวันแล้ว...” ........... “จริงอ่ะ... ไม่ได้ดูหรอก ไม่ว่าง ก็กระเด้าสาวอยู่” ไอ้ก้องพูดแล้วกระเด้าเบา ๆ พลางยิ้มกับแม่ที่นอนแผ่กอดรัดร่างเปลือย ลูกชายเอาไว้กระชับ ไม่มีโอกาสได้เห็นว่าเสี่ยใหญ่ที่อยู่อีกด้านหนึ่งนั้นหน้าตาเคร่งเครียดเพียงใด “ลูกน้องไอ้ชัยตายโหงหมดแล้ว ตอนนี้เซฟเฮ้าส์ที่สันทรายใช้ไม่ได้แล้ว ไอ้ชัยก็ไม่รู้อยู่ไหนหายหัวไปเลย” “มันคงไปอัดเด็กอยู่มั๊งเตี่ย” มันยังมีหน้าทำท่อนเอ็นพอง ๆ วูบ ๆ ในร่องเนื้อแม่มัน “ถ้างั้นมันก็ต้องโผล่หัวมาแล้ว ลูกน้องมันตายโหงไปเนี่ย สงสัยใครเด็ดหัวมันไปแล้ว” “ก็จริงเตี่ย แล้วจะเอาไง” “แกแหละระวังตัวหน่อย เตี่ยเรียกจ่าชดมาคุ้มกันแล้ว” เสียงเสี่ยหยุดเว้นจังหวะ “ถ้าแม่งกล้ามาทำกะเตี่ย เดี๋ยวจะให้จ่าชด จัดการแม่งให้เกลี้ยง” “จ่าชดไหนเตี่ย” “จ่าชด ตชด. เตี่ยเลี้ยงไว้ แกนึกว่าใครจะคาบข่าวมาบอกเตี่ยวะ” เสียงเสี่ยใหญ่หงุดหงิดเคร่งเครียด “อีกสามวันแกไปดู ของที่เล่าต๋าด้วย เตี่ยจะลงไปกรุงเทพพบท่านหน่อย แค่นี้ จะล่อสาวก็ล่อไป ระวังจะติดโรคนะแก” “คร๊าบคุณเตี่ย สาวคนนี้รับรอง ไม่มีโรคแน่นอน ผมจะปั๊มให้ลืมโลกไปเลย” ไอ้ก้องส่งเสียงปนหัวเราะแล้วกดปิดโทรศัพท์ วางลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง หันกลับมาจับข้อเท้าแม่ตนเองยกขึ้นดันจนหัวเข่าแบะขึ้นไปติดเต้าอวบ โคกเนื้อเบ่งพูอม ท่อนเอ็นมันตุ่ย ๆ นูนขึ้นสูงเด่น “หนูจ๋า ระวังนะ พี่จะปั๊มให้ลืมโลกไปเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า” มันหัวเราะก้องแล้วเกร็งเอวกระเด้า สะโพกส่งท่อนเอ็นยาวอวบพุ่งเสียงโพรงถ้ำชุ่มเมือกของแม่มันจนร่างอวบ ๆ สะเทือนเป็นจังหวะ “ว้าย.. ๆ ๆ ๆ โอยยยย ถึงแล้วววววว” เสียงสาวใหญ่ร้องลั่น ๆ เมื่อความเสียวซ่านพุ่งขึ้นสุด ๆ ............. เจ้าก้องประคองพวงมาลัยรถฟอร์จูนเนอร์ฝ่าความมืดของถนนสายย่อม แสงไฟหน้ารถสาดส่องไปยังพื้นถนนเบื้องหน้า มันหันกลับไปมองที่เบาะหลังพลางยิ้มให้กับตนเอง ห่อกระดาษที่พันด้วยเทปสีน้ำตาลแน่นหนาสองห่อวางสงบนิ่งอยู่นั่น ยาบ้าร่วม ๆ ห้าหมื่นเม็ดที่มันหยิบมาจากเล่าต๋าเมื่อตอนบ่ายก่อนออกเดินทางนั่น มันคิดไว้ว่าจะเอาไปขายเอาเงินมาใช้ อย่างไม่ให้พ่อมันรู้ อีกส่วนจะเก็บไว้ล่อสาว ๆ ใจแตกทั้งหลายมาให้มันทะลวงท่อนเอ็นใส่โพรงโยนีเสียให้ช่ำปอด มันมองกวาดไปที่แผงหน้ารถอย่างไม่สบอารมณ์คิดถึงรถสปอร์ทของมันขึ้นมาจับใจ แต่อย่างว่าจะเดินทางไปหมู่บ้าน ของเล่าต๋านี่ รถสปอร์ทคันหรูคงไม่ไหวมันจึงต้องเอารถคันนี้มา ทั้งแข็งกระด้างทั้งไม่ทันใจแม้ว่าจะกดคันเร่งขึ้นไปเกือบ ๆ ร้อยสี่สิบบนทางแค่สองช่องนี้ เอาเถอะ มันบอกตนเอง เดี๋ยวจะต้องไปถอย เบ๊นซ์ เอ็มคลาส มาขับสักคันจะได้ไม่ต้อง อาศัยไอ้ฟอร์จูนเนอร์นี่อีก ใกล้จะถึงเชียงใหม่รอมร่อ เดี๋ยวจะต้องไปอาบน้ำให้สดชื่น ตอกเบียร์เย็น ๆ สักสองกระป๋อง ถ้าดวงดีอาจจะมีโคกขาว ๆ เนียน ๆ นูน ๆ กับเต้าแน่น ๆ มาสังเวยเอ็นควยของมันสักหน่อยก็จะแจ๋ว มันหันมองเส้นทาง เล็ก ๆ ที่ทอดเข้าเซฟเฮ้าส์ของมัน เสียดายตงิด ๆ ที่ใช้ไม่ได้เสียแล้ว ลูกน้องเจ้าชัยโดนเป่าไปห้าตัว ไอ้ชัยก็หายหัวไปไม่รู้ ว่าเผ่าหนีตายหรือใครลากไปเชือด ก็ดี เพราะมันจะได้เป็นคนไปจัดการเรื่องอย่างวันนี้แทน จะได้มีของติดมือมาบ้าง ไม่ต้องคอยขอเตี่ยมันทุกเรื่อง ไอ้ก้องเขม้นมองไปตามแสงไฟจากโคมหน้ารถ ถอนเท้าออกจากคันเร่งแล้วเหยียบเบรกบังคับให้เจ้าฟอร์จูนเนอร์ชะลอ ก่อนจะหยุดลงข้างขาง มันมองไปเบื้องหน้า แสงไฟจากเมืองเชียงใหม่ส่องท้องฟ้าสว่างอยู่ไม่ไกลออกไปเท่าไร แต่ที่ มันสนใจกลับเป็นร่างของสาวที่ยืนอยู่ข้างรถเก๋งที่จอดเปิดไฟกระพริบอยู่ข้างทาง มันมองปราดไปที่ร่างอวบอัดของ สาวน้อยที่ยืนพูดโทรศัพท์อยู่ข้างรถ อกอวบตันล้นหลามขึ้นมาจากเสื้อยืดคอกว้างจนเห็นเป็นร่องเนื้อนูนอยู่กลางแสงไฟ เอวคอดกิ่วเรียวแล้วผายออกตรงสะโพกกลม กางเกงยีนส์รัดรึงร่างยามที่สาวน้อยหันตัวหลบแสงไฟรถของมัน แสงไฟ ก็สาดส่องด้านข้างจนเห็นเนื้อนูนโหนกโป่งเป็นพูนอยู่ตรงหน้าขา มันแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างรวดเร็ว ฟ้าประทานสาวน้อย มาให้สังเวยกามของมันซะแล้ว มันลงจากรถแล้วเดินเข้าไปหา “เป็นอะไรครับ” ส่งเสียงเข้าไปก่อน สาวน้อยหันร่างมามองหน้ามัน ใบหน้าเรียว คิ้วโก่ง ตาโต แก้มยุ้ย ปากจิ้มลิ้ม เข้าสมัย จนมันดูแล้วอยากจะเอาท่อนเอ็นเสียบปากน้อย ๆ นั่น “ไม่รู้อ่ะค่ะ ขับ ๆ มามันดับไปเฉยเลย” สาวน้อยเก็บมือถือเสียบกระเป๋าหลัง ตอนที่ยกมือเสียบลงกระเป๋า ร่างท่อนบนก็ เอนก้มลงมาจนเนินเต้าถันอวบ ๆ หันมาให้มันชื่นชม ไอ้ก้องคันไม้คันมืออยากขยำเสียให้ช่ำปอด “เดี๋ยวผมดูให้” มันทำทีเป็นเปิดประตูรถสาวน้อยขึ้นไปบิดกุญแจรถสักสองสามที แต่ไม่มีเสียงตอบสนอง มันลงจากรถ มายืนจ้องหุ่นอวบอัดของสาวน้อยนั้น “สงสัยแบตพังแล้วครับ ไม่มีเสียงเลย จะไปไหนครับ” “ไปเมืองอ่ะ จะไปหาเพื่อนที่ช้างคลาน แล้วจะทำไงเนี่ย” สาวน้อยยกมือเกาหัวทำเอาเต้ากระเพื่อมไหว “ผมไปส่งก็ได้ครับ เดี๋ยวเช้าผมส่งคนมาดูให้ เอาป่าว” “ก็ได้” สาวน้อยรับคำ เดินไปปิดประตูรถแล้วเดินตามมันมาขึ้นรถ ไอ้ก้องนึกครึ้มอกครึ้มใจ สาวเอ๋ย สงสัยจะเป็นลูกเศรษฐี เชียงรายซะกระมัง เดินมาขึ้นรถมันนี่ รถตัวเองก็ไม่ได้ล๊อก นมต้มกระเพื่อม ๆ ยวนใจน่าขยำน่าดูดให้จมเขี้ยวนัก ไอ้ก้อง ติดเครื่องพารถออกเดินทางต่อไป “เพื่อนอยู่ไหนครับ” “สวนดอก” ไอ้ก้องแทบควยลุกเมื่อรู้จุดหมาย มันยังชวนคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปจนสาวเจ้าค่อย ๆ คุยมากขึ้นจนกระทั่งมันใกล้ที่หมาย เข้าไปทุกที “เดี๋ยวผมขอแวะเข้าห้องน้ำที่คอนโดหน่อยนะครับ มาจากเชียงรายนี่ เหนื่อยเหมือนกัน ยังไงก็ขึ้นไปพักที่ห้องผมก็ได้ เผื่ออยากล้างหน้าล้างตาเข้าห้องน้ำ” ไอ้ก้องพูดเรื่อย ๆ เหมือนปกติ “ก็ดีแหละ งั้นเดี๋ยวขึ้นไปด้วยละกัน” {{เสร็จกูละมึง กูจะเย็ดให้น้ำนอง หีปลิ้นไปเลยมึงเอ๋ย}} ไอ้ก้องนั่งกระหยิ่มใจขณะที่หักเลี้ยวรถเข้าที่พัก พอจอดรถเสร็จมันก็พาสาวน้อยขึ้นไปบนอาคารที่พักมัน ลิฟท์ช่างช้าไม่ทันใจเสียจริง มันยืนพลางเหลือบมองเต้าอวบ ๆ ของสาวน้อยที่ยืนไม่ระวังตัวอยู่เบื้องหน้า พอเข้าห้องได้มันก็จัดการเปิดเครื่องปรับอากาศแล้วเดินไปหยิบเบียร์ สองกระป๋องออกมาเปิดแล้วเดินไปยื่นให้สาวน้อยที่ยืนมองไปรอบ ๆ ห้อง “ห้องสวยนี่ ขอบใจ เย็นดี” สาวน้อยรับเบียร์ไปถือ “เดี๋ยวผมเข้าห้องน้ำก่อน นั่งเล่นไปก่อนนะครับ ตามสบาย” มันเดินไปเข้าห้องน้ำ ก่อนจะเข้าไปมันหันกลับไปมองเห็น สาวน้อยนั่งลงบนเตียงนุ่มหนาของมัน สมองมันวิ่งพล่าน “เดี๋ยวกูจะสอยให้เต็มควยเชียวมึง” มันล้างหน้าล้างตาแล้วออกจากห้องน้ำ สาวน้อยที่อยูบนเตียงมันตอนนี้นอนแผ่หงายอยู่บนเตียง ปลายท่อนขาห้อยที่ลง กับข้างเตียงดันให้ร่างนั้นแอ่นขึ้นเล็กน้อย เนื้อนูนโคกเนื้อดันกางเกงขึ้นนูนเป็นก้อน ไอ้ก้องเลียปาก “เข้าห้องน้ำไหมครับ” “ดีค่ะ” สาวน้อยลุกขึ้นเดินเต้ากระเพื่อมไปเข้าห้องน้ำ ไอ้ก้องปราดไปที่โต๊ะหนังสือดึงลิ้นชักเปิดออกล้วงขวดยาใบเล็ก ออกมาเปิดเทยาเม็ดเล็กลงบนฝ่ามือ เก็บขวด ปิดลิ้นชัก มันตรงไปที่กระป๋องเบียร์ของสาวน้อยที่วางทิ้งอยู่แล้วหย่อน เม็ดยาลงไปในกระป๋อง สายตาจับจ้องอยู่ที่ประตูห้องน้ำที่ปิดสนิท “ฮึ ฮึ เจอยาปลุกเซ็กซ์ของกูเข้าไป เดี๋ยวมึงจะต้องอ้อนให้กูเย็ดจนหีสั่นละมึง” มันรำพึงขณะที่ค่อย ๆ แก่งกระป๋องเบียร์ ให้ยาละลาย พอสาวน้อยออกมาจากห้องน้ำมันก็ยื่นกระป๋องเบียร์ให้ “สักหน่อยครับ ให้สดชื่น เดี๋ยวผมไปส่ง ขอพักขาสักหน่อย” มันบอกพอสาวน้อยรับกระป๋องเบียร์ไปจิบ มันก็ยิ้มแล้วเดินไป เปิดโทรทัศน์ มันกลับมานั่งที่เก้าอี้พยายามทำเหมือนเหยียดแข้งเหยียดขาเหมือนไม่สนใจ สาวน้อยก็ดื่มเบียร์ในกระป๋อง ไปเรื่อย ๆ ท่าทีเหมือนไม่เร่งรีบอะไร มันจึงกระหยิ่มใจยิ่ง หางตาคอยเหลือบมองใบหน้าเนียน ๆ ที่ค่อย ๆ เริ่มแดงขึ้นมา ด้วยฤทธิ์ของเบียร์และยาปลุกเซ็กซ์ของมัน “ทำไมร้อน ๆ คะ” สาวเจ้าดึงคอเสื้อเหมือนจะให้ลมเข้า เต้าตึง ๆ กระเพื่อมไหว ไอ้ก้องลุกขึ้นยืนวางเบียร์ในมือลงแล้ว เดินเข้าไปหาสาวน้อยที่นั่งหน้าแดงอยู่บนเตียง มันเอื้อมมือไปจับจับร่างอวบตันนั่น ติ้ง.ต่อง...... ไอ้ก้องขมวดคิ้วเมื่อเสียงกริ่งประตูห้องมันดังขึ้น หันไปมองที่ประตูด้วยความสงสัยว่าหรือเป็นแม่มันที่มาหา ถ้าแม่มันมามัน จะได้เย่ออีสาวคนนี้หรือจะต้องปล่อยไป เสียดายแย่ ยาก็ใส่ไปแล้ว หน้าแม่งแดงอย่างนี้อีกไม่เกินห้านาทีอีนังนี่ต้องให้ กูขึ้นขี่แน่นอน แต่ถ้าแม่มันมามันจะได้ล่อหรือเปล่า ติ้ง.ต่อง...ติ้ง.ต่อง...... มันหันกลับไปที่ประตูห้อง มองลอดช่องตาแมวออกไป หน้าประตูห้องมันนั่น เด็กส่งพิซซ่ายืนอยู่ “แม่งเอ๊ย พิซซ่าเนี่ยนะ กูไม่ได้สั่งแม่งซะหน่อย แม่มากดผิดห้องชัวร์ ไอ้นี่ขัดจังหวะ เดี๋ยวเหอะมึง” ไอ้ก้องคำรามแล้ว บิดลูกบิดเปิดประตูด้วยความโกรธ “ไอ้..อ๊อก..” มันอ้าปากจะก่นโคตรของเด็กส่งพิซซ่า ยังไม่ทันจะได้เต็มคำเมื่อบานประตูเปิดอ้าออกพร้อมกับความฉงนใจของมันที่ รองเท้าคู่เบ้อเริ่มลอยแหวกช่องประตูเข้ามาเต็มหน้าท้อง ร่างผอม ๆ มันเซผวาหงายหลังเข้าไปในห้องล้มไม่เป็นท่า ลงไปกองกับพื้น ชายร่างบึกบึนสองคนมุดพรวดเข้ามาทิ้งไอ้คนส่งพิซซ่ายืนหน้าห้อง “เฮ้ยอะไรวะ พวกมะ..” พลั่ก.... เท้าข้างหนึ่งยัดเข้าเต็มชายโครงจนเสียงมันขาดหาย ไอ้ก้องจุกเสียดแน่นขึ้นมาเป็นริ้ว ๆ โก่งคอหอบอ๊อก ๆ อีกคนหนึ่ง ปราดไปที่ร่างสาวน้อยที่นั่งอยู่บนเตียง “เป็นไงยายก้อย” ชายคนที่ปราดเข้าไปหาร้องถาม “ก้อยไม่เป็นไรพี่แก้ว” สาวน้อยตอบพร้อมกับหยิบกระเป๋าถือขึ้นมา “ทำไมแกหน้าแดงนัก” วรวุฒิในชุดยีนส์ร้องถาม ตามองอย่างพิจารณา “ก้อยกินเบียร์ไปหน่อย มันร้อนน่ะ” “จับอะไรในห้องมั่งป่าว” “เปล่าจ๊ะ” วรวุฒิหยิบกระป๋องเบียร์ของสาวน้อยขึ้นมาเดินไปเทเบียร์ใส่อ่างล้างหน้าจนเกลี้ยงก่อนจะบีบกระป๋องจนบี้แบน แล้วรื้อเอาถุงพลาสติกจากลิ้นชักมาห่อก่อนยัดใส่กระเป๋าเสื้อแจ๊กเก็ตที่สวมอยู่ “พวกมึงเป็นใครวะ ไม่รู้จักกูหรือไง เข้ามายุ่งกะกูนี่ อยากตายเรอะมึง” ไอ้ก้องตวาดใส่ ชายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มัน ละสายตาจากวรวุฒิที่เปิดลิ้นชักโต๊ะรื้อค้นอยู่ หันมามองหน้าไอ้ก้อง “กูน่ะรู้ว่ามึงเป็นใคร แต่มึงนั่นแหละที่ไม่รู้ว่ากูเป็นใคร” ร่างนั้นก้มลงตอบ ไอ้ก้องเริ่มหนาว ๆ ขึ้นมา นึกถึงปืนที่ใส่ลิ้นชักโต๊ะ เอาไว้ มันหันไปมองก็พอดีกับวรวุฒิหยิบปืนขึ้นมาวางแล้วหยิบขวดยาขึ้นมาดู “ตายห่า ชายแม่งวางยาปลุกเซ็กซ์น้องกู” วรวุฒิปราดเข้ามาหาเหวี่ยงเท้าเข้าหน้าเสี้ยม ๆ ของมันจนสะบัด พอไอ้ก้อง หันกลับมานั่น เลือดสด ๆ ไหลรินออกมากบปากมันเอามือกุมปากด้วยความเจ็บปวด “ไอ้เหี้ย เดี๋ยวมึงตาย” มันคำรามใส่วรวุฒิ พร้องกับขยับตัวจะหนีเมื่อเห็นเท้าเหวี่ยงเข้าใส่ ตุ๊บ... ลมในปอดของมันทะลักออกมาเมื่อเท้านั่นกดเข้าเต็มยอดอก ไอ้ก้องกลิ้งหงายมือกุมอกอย่างรวดร้าวก่อนจะโก่งคอไอ พลั่ก... “อ๊อกซซ อ๊อกซ” ไอ้ก้องร่างกระตุกดิ้นพราด ๆ เมื่อเท้าข้างเดิมยัดเข้าเต็มห้องเครื่อง หน้ามันแดงก่ำจนแทบจะกลายเป็นสีดำ สองตา เหลือกจนโปนแทบจะปลิ้นออกมานอกเบ้า สองมือกุมกำพวงสวรรค์จนสั่นระริก ตัวงอแล้วเหยียดเหมือนกุ้งที่พยายาม ดีดตัวกระเสือกกระสนหลบตีนที่วาดเข้ามา ตีนข้างนั้นพลาดเป้าไปอย่างเฉียดฉิว “วุฒิ มึงพายายก้อยออกไปก่อนดีกว่า เดี๋ยวกูจัดการไอ้นี่เอง” ชาติชายจับท่อนแขนเพื่อนรั้งไว้ วรวุฒิหันมามองหน้าเพื่อน ด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว “กูเล่นมันเอง” “แล้วให้น้องมึงนั่งดูเนี่ยนะ มึงพายายก้อยไปรอที่บ้านเลย เดี๋ยวกูกับรัณย์ตามไป” วรวุฒิชะงัก หันไปมองน้องสาวที่ นั่งกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงแล้วหันมามองหน้าเพื่อน สายตาสองชายสบกันนิ่งชั่วขณะก่อนที่วรวุฒิจะพยักหน้า “โอเค ฝากด้วย” วรวุฒิปราดไปพยุงร่างน้องสาวขึ้นโอบไหล่พาเดินผ่านชาติชายไป ไอ้ก้องหายใจหอบจนตัวโยนขณะที่มองบานประตูงับปิดสนิท มันหันกลับมามองชาติชายที่ล้วงเอาเชือกขดหนึ่งที่เหน็บ มาด้านหลังออกมาค่อย ๆ คลี่ออก มันจับจ้องมองชาติชายอย่างสงสัย เชือกเส้นนั้นเป็นเชือกแบบที่ลูกเสือใช้เรียน ยามนั้นชาติชายแก้มันออกจนเป็นเส้นยาว “เฮ้ย..” มันร้องเรียก “มึงปล่อยกูไป เดี๋ยวกูให้มึงล้านนึง” มันร้องบอก ชาติชายยืนมองมันนิ่ง “ห้าล้านเป็นไง ห้าล้าน มึงไม่ต้องห่วงพ่อกูมีเงิน มึงรู้จักป่าว เสี่ยเล้ง มังกรทอง เอนเตอร์ไพรซ์น่ะ” “รู้” ชาติชายหยักหน้าน้อย ๆ “ไม่ต้องห่วง วันหลังกูจะไปเยี่ยมพ่อมึงเอง” ไอ้ก้องตัวเย็นวาบไปทั้งหัวยันตีน มันเหลียวหน้าไปมองปืนที่วางอยู่ แต่พอมันกัดฟันจะทะยานไปเอาปืนนั่นเอง บึ๊ก.. กำปั้นหุ้มถุงมือหนังทุบลงตรงซอกคอทำร่างมันทรุดลง ไอ้ก้องยังไม่ลดละความพยายามที่จะเอาตัวรอดหันขวับไปรวบ สองมือกำเข้าที่รอบคอของชาติชายแล้วออกแรงบีบ มือมันสัมผัสความแข็งแรงที่เกร็งต้านแรงบีบ มือขวาของชาติชาย ฉกขึ้นวางบนไหล่มันบีบกระชับแล้วจิกปลายนิ้วหัวแม่มือลงบนรอยต่อหัวไหล่ “อ๊ายยยยยซซซ” มันแหกปากเมื่อความเจ็บปวดพุ่งจี๊ด ห่อไหล่พยายามหลบมือที่กำจิก มันรู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างยิ่งยวด เรี่ยวแรง ประดามีปลาศนาการไปจนสิ้น มันเอามืออีกข้างพยายามแกะมือที่กำไหล่มันอย่างสิ้นหวัง มือข้างนั้นแข็งแกร่งประหนึ่ง คีมเหล็กที่กดจิกคลึงจนมันรวดร้าวไปทั้งตัว เหงื่อกาฬแตกพล่านออกมาท่วมหน้า พอมือข้างนั้นปล่อยไหล่มันไป มันก็แทบจะไม่รับรู้ว่าตนเองยังเหลือแขนติดตัว ร่างบึกบึนลุกขึ้นเดินไปหยิบปืนมันมาไม่ถึงอึดใจปืนพกสิบเอ็ด ม.ม. ของมันก็กลายเป็นชิ้น ๆ ตกเรี่ยราดอยู่เกลื่อนพื้น “มึงเป็นใคร” มึงกัดฟันถาม “กูเป็น คนที่มึงไม่อยากเจอ แต่มึงต้องเจอ” ชาติชายตอบเรียบ ๆ เดินไปหยิบเชือกขึ้นมาถือ ไอ้ก้อง หัวสมองมันบอกตัวเองว่าถ้ามันหนีไม่พ้นคืนนี้มันต้องตายแน่นอน มันจึงรวบรวมกำลังพลิกตัวเอาสองมือยันพื้น กระโจนเข้าใส่ชาติชายที่ยืนอยู่ แต่ สายตามันบอกว่าร่างนั้นหมุนเบี่ยงออกทางข้างไป ตัวมันผวาเกือบจะเลยไอ้หน้าจืดนั่น ไปแล้วตอนที่เท้าของมันยกขึ้นอัดสวนเข้าเต็มหน้าอก ลมในปอดมันพรั่งพรู หูลั่นก้องด้วยเสียงเป๊าะที่หน้าอก แล้ว ความเจ็บปวดก็แล่นจากหน้าอกมันไปพร้อมกับที่ตัวมันดุ้งลอยขึ้นนิดหนึ่งตามแรงตีน ก่อนจะหล่นลงฟุบกับพื้น หน้าอก เจ็บแปลบ สมองบอกตัวเองว่าเสียงลั่นที่มันได้ยินนั่นคือเสียงกระดูกซี่โครงของมันที่อาจจะหักไปแล้ว แต่มันยังยอมไม่ได้ มันต้องรอด มันดันตัวขึ้นยืนผวาอ้าแขนเข้าใส่ไอ้เหี้ยมที่ยืนตรงหน้า สองมือมันยกรวบข้อมือมันดึงจนมันเสียหลักผวาไปตามแรงดึง ไอ้หมอนั่นวาดขาเบี่ยงไปด้านหลังปล่อยให้มันเซต่อไป นิดหนึ่งก่อนที่ไอ้ก้องจะรู้ตัว ข้อมือมันก็โดนมือแข็งแรงดึงลากจนตัวมันหมุนคว้างหันร่างไปประจันหน้ากับผู้ที่จะ มาเอาชีวิตมัน สายตามันมองจ้องสองมือของชาติชายที่พลิกมือมันหงายขึ้น นิ้วทั้งแปดรวบเข้าที่ข้อมือ หัวแม่มือสองข้าง กดที่หลังมือมันแล้วออกแรงเหยียดดันกำ ส่งอุ้งมือมันงอพับเข้าหาข้อมือ กร๊อบ.... อ๊ากซซซซซ กระดูกข้อมือมันหักกระจุยพร้อมกับเสียงร้อง ไอ้หมอนั่นดึงมือพร้อมกับร่างมันพุ่งเข้าหา มือมันยกขึ้นทัดหู ยกศอกรับ หน้ามันที่พุ่งเข้าใส่ กร้วม... สันจมูกมันสวาปามข้อศอกเข้าไปเต็มรัก กระดูกหักงอ เลือดแดง ๆ ไหลรินออกจากโพรงจมูกมาเข้าปากมัน ยามนี้ หน้าเสี้ยม ๆ เปรอะไปด้วยเลือด มันทรุดลงนอนเมื่อมือของชาติชายปล่อยออก ทั้งหน้าอกทั้งข้อมือเจ็บปวดจนร้าวไปทั้งตัว “นะ แน่ จ จ จริง มะ มึง ฆ่า กู ซิ” มันค่อย ๆ สำรากถ้อยคำออกมาสายตาจับจ้องชาติชายอย่างเคียดแค้น “ไม่หรอก กูจะให้โอกาสมึงรอด” ชาติชายเดินมานั่งชันเข่าเบื้องหน้ามัน “เหมือนลูกน้องมึง ไอ้ชัยนั่น” มันหูผึ่ง สำเหนียกได้ว่าไอ้ชัยป่านนี้คงเป็นผีอยู่ที่ไหนสักแห่ง แล้วตัวมันเองก็เย็นวาบเมื่อรู้ชะตากรรมของตัวเอง “โอกาสสุดท้าย” คำนี้ดังก้องอยู่ในหัวเมื่อมันสะบัดตัวจะผลุดขึ้นโจนใส่ชาติชาย ตุ๊บ.. กำปั้นในถุงมือยันตรงเข้าเต็มหน้า สันจมูกเจ็บแปล๊บจนมันต้องยกมือขึ้นกุมขณะที่ตัวมันล้มลงนอน สมองมึนงงไปด้วย ฤทธิ์กำปั้น ชาติชายลุกขึ้นยืน ไขว้เชือกในมือทำเป็นห่วง เท้ายันร่างไอ้ก้องพลิกคว่ำ คล้องห่วงเข้าที่คอมัน ดึงจนห่วงรัดเข้าพอดีคอ เหยียบลงกลางหลังขณะที่รวบเชือกคล้องเข้ากับมือข้างหนึ่งที่เขาดึงมาไพล่หลัง ตวัดเชือกรอบข้อมือแล้วรั้งขึ้นให้แขนมัน งอจนข้อมือไปอยู่กลางหลัง ชาติชายก้มลงดึงมืออีกข้างขึ้นมาทาบมัดด้วยเชือกจนแน่นหนา ปล่อยหางเชือกไปทาง ปลายเท้าแล้วดึงเท้ามันงอพับขึ้นมาด้านหลังจนปลายเท้างอขึ้นเสมอเข่าก่อนจะเอาเชือกมัดจนเรียบร้อย ชาติชายยืดตัวขึ้นเอาเท้ายันจนมันนอนตะแคงหันหน้าเข้าประจันหน้าเขา ไอ้ก้องมีเชือกคล้องคอเป็นบ่วง โยงไปที่ข้อมือ ที่พับอยู่กลางหลัง หางเชือกโยงไปมัดที่ข้อเท้าที่พับขึ้นมาด้านหลังตัว “มึงจะทำอะไรกู อ๊อก” ไอ้ก้องพยายามพูดแต่พอมันจะเหยียดเท้าเชือกที่คล้องโยงก็ดึงดึงรัดคอมันจนขย้อน “กูให้โอกาสมึงรอดไง” ชาติชายนั่งลงชันเข่าประจันหน้ามัน “ถ้ามึงดวงดีพอ มึงคงเกร็งอยู่ท่านี้จนกว่าจะมีคนมาพบ แล้วช่วยมึง.... ถ้ามึงดวงไม่ดี ขามึงก็จะดึงเชือกมารัดคอมึงเอง ตอนนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวมึงว่าจะทนได้แค่ไหน” ไอ้ก้องมองตามหลังชาติชายที่เดินไปถึงประตูห้อง ดึงบานประตูเปิดออก หยิบป้าย “ห้ามรบกวน” ไปคล้องลูกบิดประตู ด้านนอก หันมายิ้มยียวนกับมันก่อนจะปิดประตู เสียงกลอนที่ลั่นกริ๊กทำมันขนลุกไปถึงหนังหัว ไอ้ก้องพยายามรวบรวมกำลังเปล่งเสียงตะโกนทั้ง ๆ ที่รู้ว่าห้องข้างเคียง ของมันนั้นปราศจากผู้อยู่อาศัย พอมันเริ่มจะตะโกนขามันก็เหยียดออกดึงเอาเชือกรั้งรัดคอหอยจนเจ็บแปลบกดเสียงร้อง ของมันจนเหลือเพียงแผ่วเบา ลมหายใจสะดุดพร้อมกับที่มันยกปลายขาให้เชือกหย่อนจึงรับสูดอากาศเข้าปอด มันดิ้น พลิกไปมามองซ้ายขวา พยายามหาทางรอด หาของที่อาจใช้มาตัดเชือกได้ แต่นอกจากชิ้นส่วนปืนที่หล่นเกลื่อนกลาด ก็ปราศจากของมีคมอื่น ลมหายใจเริ่มติดขัดเพราะเส้นเชือกเริ่มตึงรัดคอหอยขึ้นมาอีก มันขยับขาที่เริ่มปวดด้วยความเกร็ง พอเชือกหย่อนมันรีบสูดหายใจเข้าปอด ต้นขาที่เกร็งพับเริ่มร้อนและทวีความเจ็บปวดมากขึ้น เชือกที่โยงรอบคอมันไปยัง ข้อเท้านั่นตึงจนมันต้องพยายามฝืนความเจ็บปวดเกร็งขาเอาไว้อย่างสุดความสามารถ มันพยายามกระเสือกกระสนไป ที่โต๊ะที่วางโทรศัพท์ ความพยายามเพื่อที่จะใช้โทรศัพท์หาคนมาช่วย แต่โทรศัพท์มือถือมันวางอยู่ข้างโทรศัพท์บ้าน ที่อยู่บนโต๊ะ ถึงแม้มันจะกระเสือกกระสนมาถึงที่หมายได้โดยสลับหยุดเพื่อสูดลมหายใจผ่านลำคอที่เชือกรัดแน่นเข้า มันก็ได้แค่เอาหัวโขกโต๊ะอยู่ปึ๊ก ๆ แต่มันไม่พอที่จะทำให้บรรลุจุดหมาย ขามันเริ่มอ่อนแรงจะแข็งขืนอาการอันงอจนผิดปกติ เชือกที่ลำคอมันเริ่มรัดแน่นเข้า ความพยายามสูดอากาศบริสุทธิ์ เข้าปอดเริ่มยากเย็นขึ้นเรื่อย ๆ สายตามันเริ่มมืดมัว ภาพที่ผุดขึ้นมาในห้วงคำนึงสุดท้ายก่อนสติจะหยุดคือภาพของ แม่มันเอง

ไม่มีความคิดเห็น: