ขายของ

วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2554

With No Remorse Chapter 4

With No Remorse Chapter 4 นายพันเอกหนุ่มใหญ่แต่งกายลำลองยืนปะปนอยู่ในหมู่คนที่คอยมารับผู้ที่โดยสาร มากับเที่ยวบินที่เพิ่งจะลงจอด อีกด้านหนึ่งของอาคารมีกลุ่มคนแต่งกายภูมิฐานกลุ่มหนึ่งรายล้อมด้วยเจ้า หน้าที่ตำรวจ นายพันเอกเหลือบตามองกลุ่มคนนั้นที่แทบจะถลาเข้าไปรับคนที่เดินออกมาจากช่อง ทางพิเศษนั้น “นึกว่าใคร ไอ้ผู้ช่วยค้ายาบ้านี่เอง” นายพัดเอกหนุ่มคิดเมื่อเห็นชายคนที่เดินออกมาจากช่องทาง ชายหนุ่มอายุไม่เกินสี่สิบแต่งชุดสูทหรูออกท่าทางกร่างขณะที่เดินผ่านทางออก มายังกลุ่มคนที่กรูเข้าไปยกมือไหว้กันสลอนท่าทางพินอบพิเทา แล้วก็แทบจะอุ้มกันออกไปจากท่าอากาศยานไปขึ้นรถคนหรูที่จอดรอข้างนอก จากนั้นรถตำรวจนำขบวนก็เปิดสัญญาณดังลั่นก่อนจะเริ่มเคลื่อนขบวนออกไป คนที่อยู่ในสนามบินถึงได้หันกลับมายังช่องทางขาเข้าเพื่อคอยดูคนที่ตนเองมา รอรับต่อ นายพันเอกยกมือขึ้นโบกเมื่อเห็นกลุ่มคนอายุอานามไล่เลี่ยกับตนเองเดินออกมา หลายคนในกลุ่มยกมือขึ้นโบกรับก่อนจะเดินตรงมาหา เสียงทักทายกันระงมจนกระทั่งนายพันเอกมองไปพบกับสาวใหญ่ท่าทางพูมฐานแต่งตัว ลำลองด้วยเสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีฟ้าอ่อน กางเกงยีนส์สีรับกันและรองเท้าผ้าใบสีขาว ในมือลากกระเป๋าเสื้อผ้าใบกะทัดรัดมาด้วยเมื่อเธอเห็นหน้าเขาก็ส่งยิ้มมาให้ “สวัสดีค่ะคุณการุณย์ มารับเองเลยนะคะ” เธอทักทายนำมาก่อน นายพันเอกยิ้มกว้าง “สวัสดีครับคุณกานดา บินสบายไหมครับ” “แหม แค่ชั่วโมงเดียวเองนะคะนี่ ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวขอบคุณเมื่อนายพันหนุ่มใหญ่ดึงกระเป๋าใบมือเธอไปอย่างสุภาพ “เสียดายตาชายไม่ว่างเลยไม่ได้มาด้วย” “นั่นซีครับ ไม่เจอกันร่วมสิบปี” เขารับคำ “ตั้งแต่บรรพตเสียไปนั่น คุณกานดาเองก็ไม่ค่อยได้มางานรุ่นเลยนะครับ” “ค่ะ ไม่ค่อยสะดวก” เธอเงยหน้าขึ้นยิ้มให้ “มาคนเดียวเหรอคะ” “ผมยังอยู่คนเดียวครับ มีลูกน้องมาด้วยรออยู่ข้างนอก” การุณย์พูดจบก็หันไปบอกเพื่อน “รถอยู่ข้างนอกนะครับทุกคน เดี๋ยวเอากระเป๋าไปวางตรงที่ลูกน้องผมอยู่แล้วขึ้นรถได้เลย ผมจะพาไปไหว้พระก่อนแล้วค่อยกลับมาพักกันครับ” เพื่อ ๆ ของการุณย์รับคำบ้างโบกไม้โบกมือบ้างแล้วค่อย ๆ ทยอยกันออกไป การุณย์ลากกระเป๋าของกานดาเดินตามไปพอทุกคนขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว รถบัสปรับอากาศคันนั้นก็แล่นออกจากท่าอากาศยานไปช้า ๆ แล้วเลี้ยวหายลับไป รถตำรวจเปิดไฟฉุกเฉินเลี้ยวเข้าจอดหน้าโรงแรมหรู หน้าประตูบานใหญ่ที่ทางขึ้นกลุ่มคนยืนออกรอรับผู้ที่เพิ่งมาถึงอยู่เป็นแถว พอผู้ที่โดยสารลงจากรถก็กรูเข้ามาต้อนรับยกมือไหว้ทักทายกันขรม หญิงสาวสองคนที่แต่งชุดไทยรำต้อนรับพร้อมกับโปรยข้าวตอกดอกไม้ตามทางเดิน เหมือนจะต้อนรับบุคคลสำคัญ คนที่ลงมาจากรถคันหรูคือชายหนุ่มที่การุณย์เห็นที่สนามบินนั่นเอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีของพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่งที่เป็นรัฐบาลในขณะนี้ยกมือ ไหว้กราดไปทั่วหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสหยุดทักทายผู้คนไปตลอดทางจนถึงภายในแล้ว เดินตามคนในชุดสูทสองคนไปที่ลิฟท์ก่อนจะหายลับขึ้นไปกับกลุ่มคนที่มาด้วยกัน ประตูห้องสูทปิดลงพร้อมกับกันคนอื่นไว้นอกห้อง ภายในห้องสุดหรูเหลือคนไม่กี่คน ชายหนุ่มหันไปทางหญิงสองคนที่มาร่วมคณะตนเอง “คุณจะไปไหนหรือเปล่า” “เดี๋ยวจะไปเดินกาดสวนแก้วกับลูก คุณล่ะคะ” ผู้ที่สูงอายุกว่าตอบพลางขยับกระเป๋าถือ “เดี๋ยวผมจะพักหน่อย คุณไปกับลูกแล้วกัน” พอพูดจบหญิงสาวทั้งสองก็ฉวยกระเป๋าเดินฉับ ๆ ออกไปพร้อมกับผู้ติดตามอีกสองคน ชายหนุ่มล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากด “เสี่ยเล้งหรือครับ ผมเอง กิตติกร ใช่ อยู่ที่เชียงใหม่นี่แหละ ผมแว่ว ๆ มาว่านายกมีแผนล้างยาบ้า” ....... “ยังไม่มีรายละเอียด ผมกำลังสืบอยู่” ....... “ไม่ต้องหรอก ผมอยู่อีกสองวัน จะกลับวันอังคาร ไม่มีอะไรมางานที่ มช.” ....... “ถ้าจะเจอเอาไว้ที่อื่นดีกว่า นัดกันทีหลัง อย่าให้เอิกเกริก ของจะได้เมื่อไหร่” ....... “โอเค อย่าให้ช้าแล้วกัน” พูดจบก็กดปุ่มตัดสายแล้วลงนั่ง ถอนหายใจยาว “ผมไม่ไปไหนแล้วพวกคุณไปพักผ่อนกันเหอะ” ชายฉกรรจ์สองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูรับคำแล้วผลุบออกไปทิ้งผู้ช่วยรัฐมนตรี หนุ่มไว้ในห้อง เขาหยิบเอาบันทึกที่ผู้ช่วยวางไว้บนโต๊ะขึ้นมาอ่านพร้อมกับยิ้มในหน้า “ยาเสพติด พิษของสังคม เรอะ ไอ้โง่ทั้งหลาย ฮ่า ฮ่า” เสียงปรบมือดังก้องหอประชุมเมื่อผู้ช่วยรัฐมนตรีคนหนุ่มของพรรคการเมืองใหญ่ กล่าวจบ เขายกมือไหว้คนที่อยู่ในหอประชุมก่อนจะเดินลงจากเวทีลงมานั่งด้านหน้า พูดคุยกับผู้ที่นั่งอยู่ข้างเคียงครู่หนึ่งแล้วขอตัวลุกขึ้น ระหว่างที่เดินออกมาถึงหน้าหอประชุม หมู่นักข่าวก็กรูกันเข้ามารุมล้อม ไมโครโฟนส่ายร่อนเสียงนักข่าวถามระงมจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง ผู้ช่วยหนุ่มระบายยิ้มบนใบหน้า “ยาเสพติดเป็นปัญหาระดับชาติครับ ผมดีใจที่ท่านนายกหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นเป็นวาระแห่งชาติ รัฐบาลจะเดินหน้าปราบปรามยาเสพติดอย่างเต็มที่ ผมมาวันนี้ในฐานะตัวแทนของรัฐบาลเพื่อปลุกกระแสต่อต้านยาเสพติดในภาคเหนือ ที่ท่านนายกถือเป็นเรื่องเร่งด่วน” ผู้ช่วยหนุ่มทำหน้าจริงจังขณะเอียงหูฟังคำถามจากนักข่าว ....... “เรามีนโยบายทั้งปราบปรามและเยียวยาเพื่อให้สังคมไทยปราศจากยาเสพติดครับ อันนี้เป็นนโยบายรัฐบาลครับ” ....... “ผมขอเรียนว่า ปัญหานี้มันหยั่งลึกลงไปในสังคม อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะปราบปรามต่อไปครับ แน่นอนครับ” ....... “รัฐบาลจะให้เจ้าหน้าที่ปราบปรามเด็ดขาดครับ ไม่ต้องห่วงว่าจะมีการลูบหน้าปะจมูก ถึงจะเป็นคนของรัฐบาล ถ้าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด รัฐบาลจะดำเนินคดีแน่นอนครับ” ชายหนุ่มทิ้งตัวลงกับเบาะรถ ถอนหายใจ มองหน้าคนขับรถคนสนิทของตนเองที่ให้เดินทางมาด้วย “เบื่อฉิบ” เขารำพึงขึ้นมาลอย ๆ จวบจนรถคันงามเลี้ยวเข้าโรงแรม “เหลิม เดี๋ยวเอารถเก็บแล้วไปหาเสี่ยเล้ง เอาจดหมายนี่ไปให้มันด้วย อย่าให้ใครเห็นล่ะ” “ครับนาย แล้วคืนนี้นายไปไหนหรือเปล่าครับ” “ไม่ล่ะ อั๊วจะนอน” ผู้ช่วยหนุ่มบอกแล้วลงจากรถ ปั้นหน้ายิ้มแย้มให้กลุ่มคนและนักข่าวที่กรูเข้ามารายล้อมก่อนจะแทรกกลุ่มคน หายเข้าไปในโรงแรม เขาตรงดิ่งเข้าห้องพักหรู ถอดเสื้อนอก รูดเนคไทผ้าไหมออกโยนลงบนเก้าอี้โซฟาพร้อม ๆ กับประตูห้องนอนห้องหนึ่งเปิดออกมา สาวรุ่นคนหนึ่งเดินออกจากห้องทั้งเนื้อตัวมีแต่ผ้าขนหนูสีขาวสะอาดของโรงแรม พันรอบกาย ขอบบนรัดอยู่เหนือเต้านมกลมจนโป่งนูน ชายด้านล่างเรี่ยอยู่แค่โคนขาแทบจะปิดโคกเต้าไม่มิด “ฝนกลับมาคนเดียวหรือลูก แม่เราล่ะ” ผู้ช่วยชะงักหันกลับไปถามบุตรสาว แต่สายตากลับไล่ไปตามขอบผ้าขนหนู “แม่ไปกินขันโตกกับคุณนายผู้ว่า ฝนขี้เกียจไปกับคนแก่ กว่าจะกลับก็ดึกแหละ ฝนขี้เกียจนั่ง พ่อไม่ไปไหนเหรอคะ” สายตาของสาวรุ่นชม้ายมองผู้เป็นบิดา “พ่อบอกเขาว่าพ่อทำงานเครียดจะกลับมาพักผ่อนน่ะ” ผู้ช่วยทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้ “งั้นฝนนวดให้นะคะ” หญิงสาวเดินมายืนตรงหน้าผู้เป็นพ่อแล้วทรุดร่างลงนั่ง ดวงตาของผู้ช่วยรัฐมนตรีมองเขม็งไปที่ชายผ้าตรงง่ามขาที่เปิดชะเวิกจนมอง เห็นกลีบเนื้อปกคลุมด้วยขนดำสนิท นิ้วมือเรียวขาวกดลงตรงข้อพับขาแต่นิ้วหัวแม่มือกลับกดลงกับท่อนเอ็นที่อยู่ ในกางเกงแล้วคลึงเน้นจนมันพองตัวขึ้น “อุ๊ย พ่อคะ มันขยับด้วย” “ก็ฝนชอบเล่นมันไม่ใช่เหรอลูก” ผุ้เป็นพ่อขยับตัวยามที่ลูกสาวปลดเข็มขัดและตะของกางเกงแล้วรูดซิปเปิด กางเกงออก ล้วงลงไปกำท่อนเอ็นของพ่อตนเองดึงออกมาตั้งชัน ปลายบานปราศจากหนังหุ้มด้วยผู้เป็นพ่อขลิบหนังออกไปตั้งแต่เด็ก หัวเอ็นสีชมพูเบ่งบานอยู่ตรงหน้าบุตรสาว เธอขยับดึงขอบเอวรูดกางเกงบิดาลงไปกองที่หัวเข่าโดยที่เขาขยับตัวให้เธอดึง ไปอย่างคุ้นเคย “ของพ่อสวยจังนะคะ ฝนอิจฉาแม่จัง” สองมือกุมรูดท่อนเอ็นเบา ๆ พร้อมกับช้อนตาขึ้นสบตาผู้ให้กำเนิดแล้วก้มลงอ้าอมท่อนเอ็นเข้าปาก ดูดเลียอย่างเอร็ดอร่อยและใช้มือกำกุมรูดมันเบา ๆ “อืมม ฝน ดีจังลูก เก่งกว่าแม่เราอีกนะ” “เหรอคะพ่อ แล้วยังงี้ล่ะคะ” ปากน้อย ๆ ถามอ้อน ๆ ก่อนจะห่อปลายลิ้นกดลงกับปากรูปลายหัวถอกจนผุ้เป็นพ่อสูดปากลั่น มือน้อย ๆ ช้อนพวงไข่คลึงเบา ๆ “อูย ยังงั้นแหละฝนลูก อย่าว่าแต่ยังงี้เลย แม่เขายังไม่เคยดูดของพ่อเลย” ผุ้ช่วยรัฐมนตรีกัดฟันข่มความเสียว “แล้วอย่างนี้ล่ะคะ” เด็กสาวปล่อยมือออกลุกขึ้นยืนปลดผ้าเช็ดตัวออกโยนไปด้านข้าง ร่างขาวผ่องนวลเนียนไปทั้งตัวยืนอวดสายตาผู้เป็นบิดา ร่างเด็กสาวที่เพิ่งถึงวัยรุ่นผอมบางตามสมัยนิยม หน้ารูปไข่กลมเกลา คิ้วเรียวปากนิดจมูกหน่อย ลาดลงมาที่ลำคอบางเรียวรับกับอกที่ตั้งเต้ากลมกลึงสองก้อนย่อม ๆ ขนาดไม่อวบอัดแต่ปลายหัวนมที่ตั้งชันเป็นสีชมพูระเรื่อยั่วปลายลิ้น หน้าท้องแบนเอวแทบไม่เห็นด้วยเรือนร่างผอม ๆ ตรงง่ามขานั้นประดับด้วยไรขนพลอมแพลมปกคลุมเนินกระจิดริดอยู่เบาบาง มองลึกลงไปในไรขนเห็นกลีบแคมเนื้อที่ปิดสนิทประกบกับอยู่ชัดตา เด็กสาวไม่หยุดแค่เปลือยกายแต่ก้าวขาขึ้นวางเท้าลงข้างสะโพกบิดาแล้วยันตัว ขึ้นยืนแล้วย่อตัวยันเขาลงข้างไหล่กว้าง ดันโคกเนื้อเข้าสูปากเรียวบางของพ่อตนเองที่อ้าออกสอดปลายลิ้นเข้าหากลีบแคม สอดมันผ่านกลีบเนื้อลงไปกระทบเม็ดติ่งสีชมพูที่ซ่อนเร้น เด็ดสาวร้องอุ้ยเมื่อเม็ดเนื้อสัมผัสกับปลายลิ้นพ่อตัวเองจนเสียววาบ ขมิบถ้ำคับวิบ ๆ เมื่อผู้เป็นพ่อกระดกลิ้นรัวลงกับยอดติ่งเนื้อจนเสียววาบ ๆ “อุย พ่อคะ ฝนเสียวววว พ่อเคยเลียหีแม่ไหมคะ” ปากน้อยฉอเลาะพร้อมกับมือที่โอบศีรษะพ่อตนเอง “ของแม่อร่อยสู้ของฝนไม่ได้หรอกจ๊ะ” ชายหื่นกามบอกแล้วผละออก ช้อนจับร่างบอบบางพลิกกลับไปนอนหงายบนเก้าอี้ เด็กสาวหัวเราะคิก ๆ เมื่อพ่อตัวเองจับขาแบะออกแล้วกดหน้าลงดูดดุนเม็ดติ่งและกลีบเนื้อสาวอย่าง เมามัน สะโพกบาง ๆ เด้งเป็นจังหวะเมื่อโดนปลายลิ้นสาก ๆ เลียไล่ไปมา สองมือประคองแก้มบิดาให้ตรงโคกแคมที่พ่อตนเองกำลังโลมเลียไปทั่ว น้ำเมือกหล่อลื่นไหลหลั่งออกมาจากกลีบเนื้อชโลมทั้งกลีบทั้งลิ้นจนชุ่มฉ่ำ ผู้ช่วยนักค้ายาหื่นกามผละออกจากร่างบลาง ๆ ของลูกสาวแล้วขยับตัวเข้าประชิดจับท่อนเอ็นแข็งจรดปากรูถ้ำทองของลูกสาวแล้ว กดเอวดันมันลื่นไหลเข้าไปช้า ๆ “อูย พ่อขา ฝนเสียว ตึงรูหี” ปากน้อย ๆ เอื้อนเอ่ยแต่สายตากลับเต็มไปด้วยแววหื่นกระหาย “ไม่นานหรอกลูก เดี๋ยวก็หมดท่อนควยแล้ว” ผุ้เป็นพ่อกระเด้าเป็นจังหวะส่งท่อนควยที่เบ่งบานมุดเข้าไปเรื่อย ๆ จนมิดลำ โคกแคมน้อย ๆ อ้าอมท่อนควยพลางขมิบด้วยความเสียว “เห็นมั๊ย หมดท่อนแล้ว” ร่างบอบบางเกร็งเล็ดน้อย ปากจิ้มลิ้มเป่าพรู ๆ ด้วยความเสียวระคนเจ็บแน่น “พ่อคะ ทำไมพ่อเย็ดฝนตั้งหลายครั้งแล้วมันยังไม่หายเจ็บล่ะคะ” “ก็นาน ๆ เย็ดทีนึง ของฝนก็คับด้วย เดี๋ยวก็หายนะลูกแล้วจะมันเหมือนทุกครั้ง” “พ่อเย็ดฝนทุกคืนไม่ได้เหรอคะ” ปากน้อย ๆ ถามต่อพร้อมกับอ้าแขนกางออกรับร่างพ่อของตนเข้าสวมกอด สยิวตัวเมื่อปากของบิดาอ้าอมเม็ดหัวนมดูดเบา ๆ “เดี๋ยวแม่รู้ก็อดซีลูก แล้วนาน ๆ ทีก็ดีแล้วนะ ถ้าเย็ดบ่อย ๆ เดี๋ยวฝนจะหลวมเหมือนแม่น่ะซี” “พ่อก้อ” เสียงกระเง้ากระงอด “ฝนยังไม่แก่จะหลวมได้ไง นี่แน่ะ ๆ ๆ” สาวน้อยตอบแล้วกระดกสะโพกบาง ๆ ดันโคกหีน้อย ๆ ขึ้นใส่ “อุ้ย เสียวจังค่ะพ่อ” “พ่อก็เสียวของผมมันรัดควยพ่อน่าดู” ผู้เป็นพ่อบอกแล้วเกร็งเอวกระเด้าพรวด ๆ ท่อนเอ็นบุกทะลวงถ้ำน้อย ๆ จนดังผลุบผลับยามที่ท่อนเอ็นมุดเข้าออก ถ้ำน้อยรัดท่อนเอ็นจนเขารู้สึกเสียวซ่าน ต้องกระเด้ายึก ๆ ส่วนลูกสาวก็ครวญครางไปพร้อมกับจังหวะกระเด้าด้วยความเสียว “พ่อขา ฝนไปแล้วววววววว” เด็กสาวครางยาวเหยียดส่ายหัวสะบัดจนผมกระจายเมื่อเสียวถึงสุดขีด ร่างบางเกร็งเหยียดแล้วกระหวัดรัดร่างกำยำของบิดาแน่นขณะเดียวกับที่พ่อจอม ลามกกดท่อนเอ็นนิ่งรอจนร่างลูกสาวอ่อนลงแล้ว “ดีไหมลูก” “ดีค่ะพ่อ ฝนรักพ่อจังเลย” คนเป็นพ่อไม่ตอบแล่ขยับยันตัวลูกขึ้น ร่างเด็ดสาวผอมบางเบาหวิวให้เขาช้อนสะโพกยกขึ้นได้โดยง่าย ท่อนเอ็นที่สอดคาอยู่นั้นยังไม่ได้พ่นพิษออกไปมันจึงยังแข้งแกร่งเต็มพิกัด อุดยัดเข้าเต็มรูสวาทของลูกสาว พอเขาออกก้าวเดินมันก็กระทุ้งยวบ ๆ ท่อนเอ็นแข็งปักคาอยู่อย่างนั้นก็พอดีกับน้ำหนักตัวของเด็กสาวที่กดลงทำเอา เม็ดเนื้อกดลงกับท่อนเอ็นแข็งของบิดา ยามเมื่อเขาขยับเดินตัวเธอก็ขยับหย่งบดเม็ดเนื้อลงกับท่อนเอ็น ความเสียวที่เพิ่งจะจางลงไปเล็กน้อยเมื่อโดนท่อนเอ็นแข็งบดบี้เม็ดเนื้อมัน ก็พุ่งพล่านขึ้นมาอีกจนต้องโอบรอบคอบิดาตัวเองไว้ รัดขาเข้ารอบเอวแล้วใช้ไหล่บิดาเป็นที่เหนี่ยวดึงตัวสลับปล่อยให้โคกเนื้อ สวมสอดท่อนเอ็นของบิดาเป็นจังหวะ รูหีขมิบวาบ ๆ ด้วยความเสียว เมื่อเขาอุ้มพาเธอเดินเข้ามาถึงห้องนอนก็วางตัวลูกสาวลงกับที่นอน ถอนท่อนเอ็นออกแล้วเดินไปเปิดผ้าม่าน ทิวทัศน์ของเมืองเชียงใหม่ก็เปิดออกสู่สายตา ทั้งตึกรามบ้านช่องที่ระยิบระยับไปด้วยแสงไฟและท้องฟ้าที่ดารดาษไปด้วยดวง ดาว เข้าเดินไปปิดไฟในห้อง เมื่อห้องมืดสนิทภาพของเมืองและฟากฟ้าราตรีก็แจ่มชัดขึ้นอีก พ่อผู้กลัดมันเดินกลับมาที่เตียงนอนจับประคองร่างบาง ๆ ของบุตรีขึ้นให้อยู่ท่าคลานกับพื้นเตียงนอน “อย่างนี้ ฝนจะได้ดูวิวไปด้วยไงลูก” ผู้เป็นพ่อบอกพร้อมกับดันท่อนเอ็นเข้ารูถ้ำคับแน่น มันครูดเอาผนังช่องสังสาวจนลูกสาวเสียวสยาย กระดกสะโพกส่ายก้นรับท่อนลึงค์ของบิดาเข้าไปจนมิด “อูยพ่อขา ท่านี้เสียวสุด ๆ ไปเลย พ่อขา เร็ว ๆ ค่ะพ่อ” ไม่ต้องรอเสียงร้องขอต่อไป ผู้ช่วยรัฐมนตรีที่กลายเป็นพ่อใจชั่วกระหน่ำกระเด้าท่อนควยตนเองเข้าออกถ้ำ ทองคับของบุตรสาวอย่างเมามัน ข้างบุตรสาวเองก็กระดกก้นโย้ตัวเข้าใส่ท่อนเอ็นผุ้บังเกิดเกล้าด้วยความ เงี่ยนง่านทะยานอยาก สองพ่อลูกประสานจังหวะจนท่อนเอ็นมุดเข้าออกขับเอาหยาดเมือกที่ถูดเสียดสี กลายเป็นฟองขาวฟ่อด ผู้เป็นบิดาขยับกระเด้าหนัก ๆ จนร่างลูกสาวตัวสั่นตัวคลอดด้วยแรกกระแทก มือข้องหนึ่งจับสะโพกบางดึงเข้า อีกมือหนึ่งเอื้อมไปบีบเคล้นเต้ากลมกระเปาะจนเม็กจะงอยหัวนมบุบบี้ไปมา แล้วท่อนเอ็นแข็งก็ปลดปล่อยน้ำกามในสายเลือดพุ่งเข้าโคกกระเปาะน้อยเต็มแรง “อืมม อืยยยย พ่อแตก โอย” ชายกลัดมันขบฟันข่มความเสียวกดเอวส่ายให้ท่อนเอ็นควานฉีดพ่นน้ำกามไปทั่วรู เนื้อน้อย ๆ ข้างสาวน้อยก็เกร็งตัวกำมือแน่น กลั้นเสียงจนกลายเป็นสะอื้นเมื่อรูเนื้อรับน้ำกามของพ่อตนเองเข้ามาจนอุ่น ซ่านท่วมท้น การุณย์ไขกุญแจประตูห้องแล้วผลักมันเปิดออกกว้างพร้อมกับดึงลูกกุญแจส่งให้หญิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “กุญแจครับ คุณกานดา นอนหลับฝันดีนะครับ” เขาถอยออกด้านข้างให้เธอเบี่ยงตัวเข้าห้องได้สะดวก กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ โชยเข้าจมูกจนเผลอสูดเข้าไป พอเขาเหลือบไปเห็นคิ้วเรียวขมวดเลิกขึ้นก็รู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าว ๆ เหมือนเด็กที่ถูกผู้ใหญ่จับได้ว่าแอบลักขนมกิน “คุณการุณย์เข้ามาดื่มกาแฟก่อนไหมคะ เดี๋ยวดิฉันสั่งให้” “จะดีหรือครับ ดึกแล้ว” “มาเถอะค่ะ ดื่มกาแฟเป็นเพื่อนกันหน่อย คุยกันอีกหน่อย เมื่อกี้ในงานยังคุยกันนิดเดียวเอง” เธอถือวิสาสะดึงข้อมือเขาเข้าไปในห้อง วางกระเป๋าถือลงกับโต๊ะแต่งตัวแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาสั่งกาแฟ “เดี๋ยวดิฉันล้างหน้าหน่อยนะคะ ถ้ากาแฟมาช่วยรับด้วย” เธอบอกแล้วเข้าห้องน้ำไป การุณย์เดินไปนั่งที่ชุดรับแขกในห้องมองห้องขนาดกะทัดรัดที่ตกแต่งอย่าง เหมาะเจาะ บริกรมาส่งกาแฟหลังจากนั้นครู่ใหญ่ การุณย์ไปรับแล้วถือมาวางที่โต๊ะจัดการชงกาแฟ “ของดิฉันดำค่ะ ใส่น้ำตาลช้อนเดียว” เสียงเปิดประตูห้องน้ำ กานดาโผล่หน้าออกมาพูดยิ้ม ๆ มือถือผ้าขนหนูผืนเล็กซับหน้าเดินออกมา “คุณการุณย์ไม่ได้มีแฟนใหม่หรือคะ” เธอรับถ้วยกาแฟไปจิบ “ไม่หรอกครับ ทำงานเพลินไปหน่อย” การุณย์บอกเรียบ ๆ “คุณกานดาล่ะครับ” “ไม่มีค่ะ เลี้ยงลูกเพลินไปหน่อย เหมือนกัน” เธอตอบยิ้ม ๆ “มอง ๆ ใครไว้หรือเปล่าล่ะคะ ขนาดคุณนี่สาว ๆ คงติดกันเกรียวอยู่หรอก” “ไม่มีหรอกครับ คนที่ผมมอง ก็ไม่รู้เขาจะมองผมบ้างหรือเปล่า” การุณย์ตอบแล้วเงยขึ้นสบตากานดาจนเห็นได้ว่าแก้มเธอซ่านขึ้นมาด้วยสีชมพูจาง ๆ “แล้วเจ้าตัวเขาทราบหรือเปล่าล่ะคะ” เธอเลิกคิ้วถาม “ยังหรอกครับ” การุณย์บอกแล้วรู้สึกขัดเขินตัวเองอย่างไม่มีเหตุผล “อ้าว แล้วไม่บอกเขาล่ะคะ” “ไม่กล้าครับ กลัวเขาจะเข้าใจผิดเอาว่าผมจะเอาเปรียบ” “อืมม คิดมากนะคะเนี่ย” กานดาวางถ้วยกาแฟลง “ถ้าไม่บอกแล้วเขาจะทราบได้ยังไงคะ” “อยากบอกเขาเหมือนกันแหละครับ” “งั้นก็บอกเลยซีคะ นี่เพิ่งจะสี่ทุ่มเอง ไปบอกเขาเลย” เธอพูดยิ้ม ๆ หน้าสลดลงเล็กน้อย “ไม่ต้องไปหรอกครับ” “อ้าว....” เธอนั่งนิ่งฉงนใจ “ทำไมล่ะคะ ดิฉันเอาใจช่วย ไปเถอะ จะได้รู้แล้วรู้รอดกันไป” “ก็ เอ่อ” การุณย์อึกอัก แล้วสูดหายใจลึก ๆ ก่อนพ่นลมเป่าปากพรู เงยหน้ามองใบหน้าคมของกานดา “ก็ผมอยู่กับเขาอยู่นี่แล้วครับ” “งั้นก็บะ..” เสียงกานดาหายไปในลำคอ ใบหน้าแดงก่ำ “ดิฉันเหรอคะ ที่คุณการุณย์พูดถึง” “ครับ คุณกานดานั่นแหละ” สองคนนั่งนิ่งมองหน้ากันต่างคนต่างหน้าแดงเหมือนหนุ่มสาวแรกรุ่น “แต่มันมีข้อจำกัดเยอะจนผมท้อใจ ไหนคุณกานดาจะเป็นภรรยาของบรรพตด้วย” การุณย์ออกท่าทางอึดอัดรู้สึกว่ามือไม้ตัวเองเกะกะไปหมด เขาลุกขึ้นยืนเต็มร่าง กานดาลุกขึ้นยืนตาม “ผมขออภัยคุณกานดาด้วยครับ ที่เสียมารยาท” “เรื่องอะไรคะ” “เรื่องที่ผมพูดจาจาบจ้วงไปน่ะครับ” การุณย์เงยหน้าแดงขึ้นมองหน้าคมของหญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า “คุณกานดาคงไม่ได้คิดอะไรแบบผม และคิดว่าผมเป็นเพื่อนของบรรพต ผมก็รักบรรพตขนาดตายแทนกันได้ แต่มาเริ่มรู้สึกกับคุณกานดาเมื่อไรก็ไม่รู้ตัวหรอกครับ ผมขออภัยนะครับ อย่างไรก็ตามผมขอให้คุณกานดาอย่าได้เกลียดชังผมเลยนะครับ ผมขอเป็นเพื่อนคุณกานดาต่อไป ก็พอแล้วครับ ฝันดีนะครับ” การุณย์พูดจบก็ตั้งท่าจะออกจากห้อง “เดี๋ยวค่ะ คุณการุณย์” เสียงเรียกทำให้เขาหยุดหันกลับมามอง “คุณไม่คิดจะถามเลยเหรอคะว่า ดิฉันคิดอย่างไร” “เอ้อ ผมคงไม่มีสิทธิ์ถามหรอกครับ แค่นี้ผมก็เสียมารยาทมากแล้ว” “ถ้าคุณบรรพตยังอยู่ ก็ใช่ค่ะ แต่ตอนนี้คุณบรรพตไม่อยู่แล้วนี่คะ” เธอถามเลิกคิ้ว “ผมยังรู้สึกเหมือนทรยศเพื่อนอยู่น่ะครับ” “คุณรู้ไหมคะว่า เรื่องสุดท้ายที่คุณบรรพตพูดถึงก่อนที่จะเสียไป คุณบรรพตสั่งดิฉันว่าอะไร” “เรื่องส่วนตัวกระมังครับ ถ้าคุณกานดาจะกรุณาเล่านะครับ ผมก็ยินดีครับ” “ก่อนที่คุณบรรพตจะออกไปแล้วเสียชีวิตนั่น คุณบรรพตบอกว่า คุณเป็นคนดีมาก ถ้าเขาเสียชีวิตไปก่อนก็อยากจะฝากดิฉันไว้กับคุณแต่เสียดายที่คุณมีภรรยา แล้ว ตอนนั้นดิฉันคิดว่าคุณบรรพตพูดเป็นลางว่าคุณจะต้องเสียแค่นั้นเอง” เธอบอกเสียงเรียบ “ขอบคุณที่เล่าให้ผมฟังครับ บรรพตเป็นคนที่ดียิ่ง มันช่วยชีวิตผมไว้ครั้งหนึ่งแล้วมันยังคิดถึงผมอย่างนี้อีก” การุณย์ยืดตัวเงยหน้าขึ้น “ผมไม่เคยมีโอกาสได้ทดแทนมันเลย” “ก็โอกาสยืนอยู่นี่ไงล่ะคะ” กานดาบอก แล้วเม้มปากเหมือนว่าตนเองพลั้งปากไป “ครับ เอ๊ะ” การุณย์หยุดเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าของกานดาบัดนี้แดงก่ำด้วยความอายก้มหน้าเม้มปาก “คุณกานดา” “ค่ะ ดิฉันก็ชอบคุณ เพิ่งจะรู้ตัวไม่นานนี้หรอกค่ะ แต่พูดไม่ได้” เธอบอกเสียงเรียบ ๆ การุณย์เดินอ้อมโต๊ะไปรวบร่างอวบอัดนั้นเข้ามาเต็มอ้อมกอด กานดารับอ้อมแขนแข็งแรงนั้นอย่างเต็มใจ แนบหน้าลงกับอกกว้างถอนหายใจเมื่อความอบอุ่นของอ้อมกอดซึมซาบเข้าไปในร่าง กาย แก้มหยาบ ๆ แนบอยู่กับแก้มเธอแล้วมันก็เบี่ยงจนจมูกหันมาแนบแก้ม ความรู้สึกที่โดนชายหอมแก้มอันห่างเหินหวนกลับเข้ามาจนเต็มตื้น เรือนร่างแข็งแรงเป็นที่ให้เธอเกาะกอดนั้นช่างอบอุ่นยิ่งนัก “ผม ผม ขอบคุณคุณกานดาครับ ที่กรุณาผมมาก” การุณย์พูดเบา ๆ พอกานดาเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาก็อดใจยั้งไม่อยู่ก้มลงไปประทับจูบลงกับเรียว ปากอิ่ม กานดาพลันรู้สึกเหมือนสาววัยรุ่นที่เพิ่งต้องมือชาย ริมฝีปากนั้นเหมือนมีกระแสไฟฟ้าที่ส่องผ่านเข้ามาจนซาบซ่าน เธอแทบจะหมดเรี่ยวแรงทรงตัวต้องโอบคอการุณย์รั้งตัวไว้รับจูบประทับอย่าง เต็มตื้น หยาดน้ำตาใส ๆ ไหลลงมาจากหางตา ความอบอุ่นที่ห่างหายไปเนินนานหวนกลับมาสูอ้อมกอดของเธอ การุณย์จูบเนิ่นนานก่อนจะผละออกนิดหนึ่ง “ขอบคุณครับที่เมตตาผม งั้นผมกลับก่อนนะครับ แล้วพรุ่งนี้ผมจะมารับไปไหว้พระ” การุณย์บอกเบา ๆ นัยตาเป็นประกายเหมือนเด็กหนุ่มที่เพิ่งนัดแฟนสาว “ถ้าคุณกลับคืนนี้ ก็ไม่ต้องมาหาดิฉันอีกเลยแล้วกัน” “แต่เอ้อ มันจะดีเหรอครับ” “คุณคะ เราโตกันแล้วนะคะ” จบคำอ้อมกอดแข็งแรงก็กอดกระชับเข้ามาอีกคำรบหนึ่ง การุณย์ก้มลงลิ้มความหอมหวานของริมฝีปากอวบอิ่มนั้นอีกครั้ง ทันใดนั้นสิ่งหนึ่งก็วาบขึ้นมาในห้วงคำนึง “คุณกานดาครับ” การุณย์ดันร่างงามนั้นออกอย่างสุภาพ “ขา” เธอช้อนตาขึ้นมองสบตานายพันเอก “ผม มีเรื่องอะไรจะบอกให้ทราบ” การุณย์พูดเสียงเบาแต่หนักแน่น “ก่อนที่เราจะ.. ก้าวไปไกลกว่านี้” “คะ” เธอส่งเสียงถาม จ้องใบหน้าคมสันด้วยความฉงน “ตอนนี้ผมรับงานพิเศษอยู่งานหนึ่ง มีคนทราบไม่กี่คน เป็นงานลับและเสี่ยงมาก” เขาเริ่มด้วยเสียงหนักแน่นดุจกำลังสรุปงานในที่ประชุม “ผมคุมงานนี้และเป็นคนเลือกผู้ร่วมงานทุกคนด้วยตัวเอง” “ก็พวกเราก็เป็นอย่างนี้มาตลอดไม่ใช่หรือคะ ทั้งคุณบรรพต ตัวคุณ แล้วก็ลูกชายดิฉันด้วย” เธอซบหน้าลงกับอกกว้าง “เมื่อเรารู้ว่าชีวิตของพวกคุณเป็นอย่างนี้ เราก็ได้แต่ยอมรับ และคอยเป็นกำลังใจให้ เป็นหน้าที่ของพวกเราเหมือนกันนะคะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดค่ะ” “ใช่ครับ” เขาเต็มตื้นด้วยความรู้สึกตื้นตันเมื่อได้ยินคำจากปากกานดา “แต่..” กานดาเงยหน้าขึ้นมองอย่างฉงน “แต่ ผมเลือกเอาเจ้าชาติชายมาร่วมงานนี้ด้วย” ดวงตาสดใสเบิกกว้างอย่างด้วยความประหลาดใจ “ผมเลือกจากกลุ่มนายทหารมือดีหลายคน แต่ผมเลือกชาติชายเพราะผมรู้จักบรรพต รู้จักคุณ และที่สำคัญที่สุดคือจากการคุยกันตัวต่อตัว แต่ผมก็ต้องรับว่าผมเลือกเจ้าชาติชายเพราะเขาเป็นลูกบรรพตด้วย” ............. “ผมเลือกเขา ก็เท่ากับผมพาเขามาสู่อันตรายโดยแท้” ชาติชายนิ่งสงบเมื่อเรียวแขนอบอุ่นคลายออกจากกอดร่างของเขา ใบหน้าของกานดาฉายแววฉงนสนเท่ห์ ประหลาดใจ และที่เขาเจ็บปวดก็เพราะมองเห็นแววเจ็บปวดเจืออยู่ในดวงตาคู่งามนั้นด้วย แววตานั้นเกือบเหมือนกับแววตาของหญิงสาวที่เพิ่งจะวางดอกไม่จันท์ลงบนหีบศพ ของสามีผู้เป็นที่รักยิ่งเมื่อคราวก่อน เมื่อคราวที่เขาเองก็วางดอกไม้จันท์ลงบนหีบศพของเพื่อนผู้เป็นที่รักเช่นกัน สุดท้ายแววตานั้นส่อแววตัดพ้ออย่างไม่เข้าใจทำให้เขาเจ็บปวดยิ่งนักที่เขา เองเป็นคนที่ทำให้หญิงคนหนึ่งอันเป็นที่รักที่ปรารถนาต้องเจ็บปวด “ชายทำงานอยู่ที่นี่หรือคะ” “ครับ งานลับน่ะครับ” การุณย์บอกจับจ้องร่างของหญิงอันเป็นที่รักผงะถอยออกไป “แล้วทำไมเพิ่งบอกดิฉันคะ เป็นเดือนแล้วนะคะที่ชายมาทำงานกับคุณ” “ครับ ใช่ครับ” การุณย์ตอบอย่างสงบนิ่ง มองหน้ากานดา “คุณกลัวว่าดิฉันจะปล่อยให้แพร่งพรายหรือคะ ทั้ง ๆ ที่ลูกชายดิฉันมาเสี่ยงชีวิตอยู่อย่างนี้” น้ำเสียงนั้นแฝงแววตัดพ้อน้อยใจเด่นชัด “ถ้า คืนนี้ เราไม่ได้.. คุณจะบอกดิฉันไหมคะ” การุณย์ยืนนิ่งก้มหน้าลงสรรหาคำพูดที่จะอธิบายไม่ได้ กานดาเงยหน้าขึ้นหยาดน้ำใส ๆ ไหลลงข้างแก้มเป็นทาง “คุณจะไม่บอกเรื่องงาน ดิฉันเข้าใจค่ะ ดิฉันก็เป็นเมียทหารเหมือนกัน แล้วทหารคนนั้นก็เพื่อนคุณเอง ลูกชายดิฉันก็เป็นทหารอีกคน ทำไมดิฉันจะไม่ทราบว่าอะไรเป็นอะไร ถ้าเพียงดิฉันทราบแต่แรก..” เสียงนั้นขาดหายไปอย่างพยายามกลั้นคำพูด พยายามเก็บความรู้สึก ตนเองอย่างสุดความสามารถ “ผม... เสียใจ และ ขออภัยจริง ๆ ครับ เป็นความเขลาของผมเอง” การุณย์เค้นคำพูดไม่ออก “ดิฉันขออยู่คนเดียว ได้ไหมคะ” กานดาพูดเบา ๆ “ผม...” คำพูดที่จะเอ่ยต่อขาดหายไปเมื่อเห็นกานดาส่ายศีรษะ การุณย์สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “ผมลาครับ” กานดาทรุดตัวลงนั่งด้วยสีหน้างุนงงและร้าวราน เงยหน้ามองตามการุณย์ที่กลับตัวเดินห่างออกไปจนกระทั่งเขาหายลับออกไปจาก ห้องแล้วบานประตูก็ปิดลง

ไม่มีความคิดเห็น: