ขายของ

วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2557

หมอผีสีเหียบ ตอนที่ 16 - เจ้ากรรมนายเวร

 


"เฮ้ย พ่อ!!! มาได้ไง?"

ขณะที่ผมกำลังจอดรถใช้ความคิดอยู่ดี ๆ ว่าสมควรพาหนูไอรีนไปไว้ที่ไหน จะได้ปลอดภัยจากพ่อ และจะได้คุยกับน้องแพรได้สะดวก กระจกรถด้านคนขับก็ถูกเคาะดังก๊อก ๆ จนผมสะดุ้งโหยง แถมพอหันไปมองก็ยิ่งต้องตกใจหนักเข้าไปอีก เพราะว่าคนที่เคาะกระจกก็คือเจ้าพ่อจอมหื่นกามของผมนั่นเอง

ผมลังเลเล็กน้อยหันไปมองหนูไอรีนที่อยู่ด้านข้าง แต่ยอมเปิดกระจกรถให้ พ่อมองผมแล้วยิ้มแบบแปลก ๆ จากนั้นหันไปมองหนูไอที่นั่งหลับอยู่บนเบาะข้างคนขับด้วยสายตาวาววับทำท่า เหมือนจะจับหนูไอมากินเล่นต่อหน้าต่อตาผม

"เดี๋ยว ๆ พ่อหยุดเลย อย่ามายุ่งกับหนูไอรีนของผม ... ว่าแต่พ่อมาทำไมเนี่ย คงไม่บอกว่าบังเอิญเจอกันมั้ง?"

"อุบ๊ะ มองแค่นี้ทำเป็นหวง ถ้าไม่ได้ยาเสน่ห์ของกู มึงจะได้ฟันนังหนูหมอยทองของนอกคนนี้เรอะไอ้ลูกหมา รู้งี้กูเอาไปใช้เองดีกว่าจะได้ไม่ต้องมาลำบากคอยดูแลเด็กน้อยอย่างมึงอีก"

ผมส่งเสียงห้ามปราม แต่พ่อหัวเราะแล้วย้อนใส่ผมกลับมาอีก ซึ่งความจริงมันก็ใช่อยู่หรอก ผมได้ฟันหนูไอรีนก็เพราะยาเสน่ห์ของพ่อ ไม่งั้นผมคงไม่ได้ไปใกล้ชิดเธอด้วยซ้ำ แต่ว่ามันก็คนละเรื่องกัน คนนี้ผมไม่ให้พ่อแน่ ๆ

"ดูแลอะไรอีกพ่อ ไม่ใช่ว่าจะมาแอบวางแผนเคลมหนูไอรีนอีกล่ะ?"

"หึ หึ ทำบุญบูชาโทษแท้ ๆ กูอุตส่าห์หวังดี มาช่วยสองแม่ลูกว่าที่เมียของมึงซะหน่อย ตอนนี้กำลังเจอเคราะห์หามยามร้ายหนักหนาสาหัสซะด้วย งั้นกูไปล่ะ ไม่ช่วยมึงแล้วไอ้ลูกหมา"

พ่อพูดพลางหัวเราะ แล้วทำท่าสะบัดหน้าจากไปด้วยความน้อยใจ ตอนนี้ผมถึงได้รู้สึกมึน ๆ ว่าสองแม่ลูกว่าที่เมียที่พ่อพูดถึงหมายถึงใคร แล้วไอ้เจ้าเคราะห์หามยามร้ายที่ว่านั่นคืออะไร หนักหนาสาหัสแค่ไหน พอนึกได้แบบนี้ผมเลยต้องรีบเปิดประตูรถแล้วลงไปคว้าแขนพ่อเสียก่อน

"อะไรพ่อ สองแม่ลูกที่ไหน ใครจะเป็นอะไร ยังไง?"

"ใครเป็นอะไรก็ช่างมันซิวะ กูจะกลับไปนอนกกเสพกามกับคุณนายสายสมรดีกว่า อุตส่าห์รีบมาช่วย แต่ไอ้ลูกชายดันเสือกไล่ยังกะหมูกะหมา"

"โธ่ พ่อ ผมขอโทษ ผมไม่ได้ไล่ซะหน่อย ผมก็แค่หวงไม่อยากให้พ่อทำอะไรหนูไอรีนเค้า พ่อก็ได้ดาวไปคนนึงแล้ว รายนั้นน่ะผมไม่ว่าหรอก แต่คนอื่นผมขอ"

ผมพยายามอ้อนพ่อที่กำลังทำเสียงประชดใส่ แต่สักพักพ่อก็หันมายิ้มให้แล้วทำตาลุกวาว เหมือนกับว่าเพิ่งหลอกล่อผมสำเร็จไปหนึ่งอย่าง

"ฮ่า ฮ่า ตกลง มึงบอกกูเองนะไอ้ลูกหมา ว่ามึงยอมยกหนูดาวให้กูทำอะไรก็ได้ ฮ่า ฮ่า"

"เฮ้ย ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น ผมแค่บอกว่าถ้าพ่อจะมีอะไรกับดาวบ้าง ผมก็ไม่ขัด"

"เออ มึงจะหมายความว่ายังไงก็แล้วแต่ แต่ตอนนี้ต้องรีบแล้ว เดี๋ยวไม่ทันการ"

"ไม่ทันอะไรพ่อ? เกี่ยวกับสองแม่ลูกที่ว่าหรือเปล่า? หรือจะหมายถึงคุณนายพลอยกับ น้องแพร?"

"เออ ค่อยคุยเรื่องนี้ทีหลัง รีบขับรถด่วนเลย"

ผมถามด้วยความร้อนใจ แต่พ่อไม่ยอมตอบ แถมยังสะบัดหน้าเดินไปเปิดประตูรถด้านหลังนั่งหน้าตาเฉย ผมจึงได้แต่ยืนงงอยู่ครู่ใหญ่ แล้วค่อยยอมขึ้นไปขับรถตามทิศทางที่พ่อบอก

.....................................................

"เรามาที่นี่ทำไมพ่อ?"

ผมปิดไฟหน้ารถ แต่ไม่ดับเครื่องยนต์ตามที่พ่อสั่ง ตอนนี้รถของผมจอดอยู่ริมถนนใกล้กับร้านสะดวกซื้อที่มีคนเดินผ่านไปผ่านมาบาง ตา ซึ่งมองตอนนี้ผมยังไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่น่าสนใจ และไม่เข้าใจอยู่ดีว่าการที่ผมนัดคุยกับน้องแพร มันจะทำให้เกิดเรื่องราวคอขาดบาดตายอะไรตรงไหน

"อดทน รอคอย แล้วมึงจะได้เห็นกับตา ได้ยินกับหู กูเสกคาถาหูทิพย์ให้มึงไว้ชั่วคราวแล้ว อ้อ แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าพวกมันจะมองเข้ามาเห็นล่ะ กูเสกคาถากำบังไว้ให้แล้วเหมือนกัน"

พ่อนั่งในท่าขัดสมาธิที่เบาะหลังตอบเสียงนิ่งทั้งที่ยังหลับตาอยู่ ผมรับฟังแล้วยังไม่เข้าใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น เสกคาถากำบังอะไรยังไง หมายความว่าตอนนี้ไม่มีคนเห็นผมงั้นเหรอ? แต่ผมก็นั่งนิ่งรอคอยแล้วหันไปจับมือของหนูไอรีนที่ยังคงนอนสลบเหมือดด้วยใบ หน้าเคลิบเคลิ้มมีความสุขอยู่บนเบาะที่นั่งข้างคนขับ

"คราวนี้มึงจำไว้ให้ดีล่ะไอ้ลูกหมา เคราะห์หามยามร้ายของคน ความจริงกูไม่อยากยุ่ง มันเป็นเรื่องเวรกรรมแต่ชาติปางก่อนของแต่ละคน เรื่องนี้ถ้าแทรกแซงมากเกินไป เหตุการณ์จะย้อนกลับมาบานปลายรุนแรงกว่าเดิมในภายหลัง กูห้ามไม่ให้มันเกิดไม่ได้ทุกครั้ง แต่พอจะลดหนักให้เป็นเบาได้ ดังนั้นมึงฟังกูให้ดี หลังจากนี้ไม่ว่ามึงเห็นอะไร ได้ยินอะไร ไม่ว่าเรื่องราวร้ายแรงแค่ไหน มึงต้องอดทนอดกลั้น ห้ามทำอะไร นั่งนิ่ง ๆ อยู่ในรถ มึงทำได้มั้ยไอ้ลูกหมา?"

สักพักพ่อก็พูดด้วยน้ำเสียงอีกแบบที่ไม่มีอารมณ์เล่นหัวแบบปกติ ซึ่งน้ำเสียงทรงพลังแบบนี้เอง ที่ทำให้พ่อมีลูกศิษย์ลูกหาศรัทธาอยู่ไม่น้อย เพียงแต่ว่าในตอนนี้คำพูดของพ่อกำลังทำให้ผมกังวลหนักขึ้นกว่าเดิม ไม่รู้ว่าเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นมันร้ายแรงขนาดไหนกันแน่ ผมจึงยังไม่กล้าตอบตกลง

"มึงต้องรับปากกูก่อนไอ้ลูกหมา กูไม่ได้พูดล้อเล่น ถ้ามึงเสนอหน้าไปห้ามครั้งนี้ เจ้ากรรมนายเวรก็จะรอลงมือครั้งหน้า และครั้งหน้ามันจะยิ่งรุนแรงขึ้นกว่าเดิม มึงต้องอดทนปล่อยให้เรื่องราวของเวรกรรมเกิดขึ้นก่อนแล้วค่อยเสนอหน้าไปช่วย ผ่อนหนักเป็นเบา มึงเข้าใจมั้ย?"

"... พ่อพูดให้ชัดกว่านี้ได้มั้ย ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับใคร?"

"กูบอกให้มึงรับปาก มึงจะรับปากมั้ย!!!"

พ่อตอบผมด้วยน้ำเสียงอันดังจนผมสะดุ้ง ผมหันไปมองสบตากับพ่อผ่านกระจกมองหลัง พ่อก็มองตอบผมด้วยแววตาจริงจัง ผมจึงค่อยสูดลมหายใจสงบสติแล้วพยักหน้าตอบตกลง เพราะผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าพ่อจะไม่มีทางปล่อยให้เรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้นกับน้องแพรเด็ดขาด

"ได้พ่อ ผมรับปาก"

"ดี ... งั้นฟังกู เรื่องราวของเวรกรรม บางครั้งจะมาในรูปแบบของความบังเอิญจนไม่อยากเชื่อ ยกตัวอย่างเช่นวันนี้จะมีเจ้ากรรมนายเวรของสองแม่ลูกมารอหาเหยื่อสวย ๆ ที่หน้าร้านสะดวกซื้อ พวกมันวางแผนจะใช้น้ำหอมผีพรายกับผู้หญิงหน้าตาดีที่ผ่านไปผ่านมา แล้วพาไปข่มขืนรุมโทรม ซึ่งพวกมันก็ทำไปแล้วสามครั้ง แต่นั่นเป็นเรื่องของเวรกรรมที่กูช่วยไม่ได้"

"น้ำหอมผีพราย? พวกไอ้ชัย!!! พ่อรู้แบบนี้แล้วพ่อจะยังให้น้ำหอมผีพรายพวกมันอีก?"

"ต่อให้พวกมันไม่มีน้ำหอมผีพราย พวกมันก็จะทำสำเร็จอยู่ดี ด้วยวิธีอื่น เพราะนี่เป็นเรื่องเวรกรรม กูช่วยไม่ได้ ห้ามไม่ได้ ต่อให้กูฆ่าพวกมันทิ้ง ชาติหน้าพวกมันก็จะกลับมาทำใหม่อีก กูจึงทำได้แค่ให้น้ำหอมกับพวกมัน ลูกหนี้ของพวกมันจะได้ไม่เจ็บปวดมากเกินไป เรื่องนี้เป็นเรื่องเวรกรรมมึงคงยังไม่เข้าใจหรอก"

"พ่อจะบอกว่าผู้หญิงพวกนั้นต้องโดนข่มขืน เพราะว่าเคยทำเวรกรรมกับในชาติปางก่อนงั้นเหรอ? แบบนี้มันไม่เห็นยุติธรรมเลย ถ้าทำเลวในชาติไหน ก็ต้องรับผิดในชาตินั้นซิ ทำไมต้องมารับกรรมตอนที่จำเรื่องราวในชาติก่อนไม่ได้ด้วย?"

"กูตอบมึงไม่ได้ว่าทำไม แต่นี่เป็นสิ่งที่เรียกว่าวัฏสงสาร หากมึงอยากได้คำตอบว่าทำไมจึงต้องเป็นเช่นนี้ มึงอาจจะต้องไปถามกับพระอรหันต์ แต่ถ้าถามกู กูตอบได้แค่ว่าเมื่อชาติที่แล้ว คู่แค้นทั้งสามตัวของมึงเคยเกิดเป็นผู้หญิง และเหยื่อของพวกมันทั้งสามคนเคยเกิดเป็นผู้ชาย คู่แค้นของมึงโดนจับมารุมโทรมข่มขืนแล้วฆ่าทิ้งฝังดิน ... แบบนี้มึงว่าที่พวกมันกลับมาแก้แค้นด้วยการข่มขืนในชาตินี้ ถือเป็นเรื่องสมควรหรือเปล่า?"

"... แล้ว ... แล้วยังไงล่ะพ่อ ชาติที่แล้วพวกไอ้ชัยเกิดเป็นผู้หญิงแล้วโดนข่มขืน ชาตินี้พวกมันก็เลยมาข่มขืนอีกฝ่ายที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวกลับ แล้วใครมันจะรู้ว่าตัวเองเคยทำผิดก็เลยโดนลงโทษ แล้วชาติหน้ายังไงอีก หรือว่าพวกไอ้ชัยต้องเกิดเป็นผู้หญิง แล้วโดนข่มขืนกลับ วนไปวนมาไม่จบไม่สิ้นแบบนี้เหรอ?"

"วนไปวนมา ไม่จบไม่สิ้น นั่นแหละคือวัฏสงสาร ... ส่วนคำตอบที่ว่าเรื่องราวจะหยุดเมื่อไหร่ คงต้องพินิจคำกล่าวที่ว่า 'เราหยุดแล้ว แต่ท่านยังไม่หยุด'"

"เราหยุดแล้ว แต่ท่านยังไม่หยุด? หมายถึงให้หยุด อย่าแก้แค้นคืนเหรอพ่อ?"

"ใช่ ... ขอแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหยุดสร้างเวรกรรม ปล่อยให้เรื่องราวเป็นไปตามกฎแห่งกรรม ความแค้นก็จะถูกตัดตอนไม่วนเวียนซ้ำไปมา คำตอบมันก็แค่นั้นเอง ไม่ได้สลับซับซ้อนอะไรเลย"

"..."

คำพูดของพ่อทำให้ผมรู้สึกเหมือนได้คิดบางอย่าง รู้สึกคล้ายกับว่าพ่อกำลังจะบอกให้ผมหยุด แต่มันก็เป็นแค่ความคิดแวบหนึ่งที่ยังไม่เข้าใจดี พ่ออาจจะพูดถูก ใครเคยทำกรรมกับใครก็แล้วแต่ หากมีฝ่ายยอมหยุด เวรกรรมเหล่านั้นก็จะไม่วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา ... เพียงแต่เรื่องราวมันจะง่ายขนาดนั้นเหรอ? ยกตัวอย่างเช่นถ้าน้องแพรโดนข่มขืน แล้วผมจะอดทนไม่คิดแก้แค้นพวกมันได้หรือ?

"ไอ้ลูกหมา มึงค่อย ๆ คิดไม่ต้องรีบ ... ที่มึงได้ผูกสัมพันธ์กับบรรดาสาว ๆ ทั้งหลาย ก็เป็นเรื่องของกรรมเวรส่วนหนึ่ง มึงเป็นเจ้ากรรมนายเวรของพวกเธอ แต่มึงก็เลือกที่จะให้ผู้หญิงพวกนั้นชดใช้ด้วยวิธีอื่น ไม่ใช่การข่มขืนทารุณ"

"เดี๋ยวพ่อเดี๋ยว ... แล้วสองแม่ลูกที่พ่อว่า หมายถึงคุณพลอยกับน้องแพรหรือเปล่า ... หรือพ่อจะบอกว่าพวกเธอสองคนเคยเกิดเป็นผู้ชายในชาติที่แล้ว แล้วก็เคยข่มขืนพวกไอ้ชัย วันนี้พวกมันก็เลยจะมาแก้แค้นคืน?"

"หึ หึ ถ้าข้าบอกว่าใช่ มึงจะเชื่อเรอะ?"

"ไม่ ผมว่าสองคนนั้นไม่น่าจะมีความคิดแบบนั้น"

ผมส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะนึกภาพคุณพลอยกับน้องแพรเป็นผู้ชายไม่ออก และยิ่งนึกไม่ออกเข้าไปใหญ่ ว่าสองคนนั้นจะโหดร้ายพอที่จะไปทำร้ายคนอื่นได้

"ฮ่า ฮ่า มึงจะแน่ใจได้ยังไงวะ คนละภพคนละชาติ เติบโตมาคนละแบบ ความคิดอ่านก็คนละอย่าง"

"ความคิดอ่านก็เรื่องนึง แต่ผมว่าสันดานคนไม่น่าจะเปลี่ยนไปเยอะมาก"

"หึ หึ มึงพูดได้ดี ความคิดเปลี่ยนกันได้ แต่สันดานเปลี่ยนกันยาก ข้าจะตอบให้เอ็งสบายใจก็แล้วกัน ชาติที่แล้วแม่สาวสองคนนั่นเป็นผู้หญิง แถมเป็นเมียมึงทั้งคู่ด้วย เพียงแต่เคยสร้างกรรมเวรกับพวกคู่แค้นมึงโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่บ้าง ยังดีที่มันไม่ใช่เรื่องร้ายแรง กูจึงพอช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้บ้าง"

"คุณนายพลอย กับน้องแพร เคยทำอะไรพวกไอ้ชัยล่ะพ่อ?"

"เรื่องราวบางอย่างเอ็งก็อย่ารู้เลย เอาเป็นว่าพวกเธอไม่ได้ทำอะไรร้ายแรงก็แล้วกัน เอ้า นั่งเงียบ ๆ ใกล้ได้เวลาแล้ว อีกเดี๋ยวคู่แค้นของมึงจะมาหาเหยื่อแถวนี้ แล้ววันนี้ก็ดันบังเอิญเสียเหลือเกินที่ว่าสองแม่ลูกแสนสวยที่พวกมันหมายปอง จะขับรถแวะมาซื้อของที่นี่พอดี พวกมันที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรจึงได้โอกาสที่ไม่รู้ว่านรกหรือสวรรค์ประทาน ให้"

"เดี๋ยวพ่อ น้องแพรจะมากับคุณนายพลอยได้ยังไง ก็ผมมีนัดกับน้องแพรอยู่"

"เอ็งคิดว่าหนูแพรจะใจกล้าโทรหาผู้ชายกลางดึกกลางดื่นเรอะ หนูแพรเค้าแค่เล่าเรื่องราวให้แม่ฟัง แต่แม่อดใจไม่ไหว อยากเห็นว่าคนที่เจาะไข่แดงลูกสาวสุดสวยของตัวเองคือใคร เธอก็เลยบอกให้นัดเจอกัน แล้วเธอจะไปดูด้วยตาตัวเอง ส่วนตรงนี้ก็เป็นทางที่สองแม่ลูกจะขับรถผ่านพอดี"

"..."

ผมฟังแล้วก็อึ้งไปพักใหญ่ เพราะทีแรกก็รู้สึกแปลกอยู่เหมือนกัน ที่น้องแพรนัดเจอกันกลางดึก ทั้งที่ลูกคุณหนูไฮโซอย่างเธอไม่น่าจะสามารถออกจากบ้านได้ แต่ก็แอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าเธอคงคิดถึงผมจนอดใจไม่ไหว พอได้ยินที่พ่อพูดจึงค่อยได้คิดว่าแบบนี้ถึงค่อยสมเหตสมผลกว่า เพราะการออกมากับคุณพลอยนั้นยังไงก็คงไม่มีใครขัด

"เงียบ และอดทน พวกมันมาแล้ว"

พ่อส่งเสียงบอกผมแล้วก็นั่งเงียบ ผมจึงนั่งเงียบแล้วมองซ้ายมองขวาแต่ก็ยังไม่เห็นอะไร แต่พอเวลาผ่านไปอีกราวครึ่งนาที ก็มีรถตู้สีดำคันใหญ่พุ่งปราดมาจอดอยู่ที่ด้านหน้าของรถผม จากนั้นก็มีผู้ชายใส่ชุดสีดำสามคนเดินลงมาจากรถ และพวกมันก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็นไอ้อ้วนกับไอ้เบี้ยวสองลูกน้องคนสนิท และไอ้ชัยคู่แค้นของผมนั่นเอง

"วันนี้หาเหยื่อแถวนี้ล่ะกัน คนไม่ค่อยพลุกพล่าน แถมใกล้หอพักของเด็กมหาลัย น่าจะมีสาวสวยหลุดเดินมาคนเดียวบ้างแหละวะ"

"ได้ครับลูกพี่ แต่ลูกพี่ได้คนใหม่งวดนี้แล้ว ผมขออีนังคนก่อนหน้าด้วยนะ เสปคผมเลย ตัวเล็ก ดัดฟัน หุ่นบาง ๆ"

"เออ ตามใจมึงไอ้อ้วน กูเบื่อแล้ว มึงกับไอ้เบี้ยวจะเอามาทำอะไรก็ตามใจ ถ้ามันไม่ยอม ก็เอาคลิปตอนกำลังร่านไปขู่มัน เดี๋ยวก็เงียบเอง"

"ขอบคุณครับลูกพี่ เดี๋ยวผมจะได้เอาไปแบ่งพรรคพวกบ้าง จะว่าไปไอ้น้ำหอมผีพรายอะไรนี่มันก็เด็ดจริงอยู่นา ใช้แล้วไม่ขัดขืนสักแอะ แถมยังเซ็กส์จัดอีกต่างหาก แต่ว่ามันไม่ขัดขืน เลยไม่ค่อยมันนะลูกพี่"

"เออ ก็จริง กูอยากลองข่มขืนบ้าง ตบจูบ ตบจูบ น่าจะสะใจดีว่ะ งั้นลองดูก่อนล่ะกัน ถ้าอยากทำแบบรุนแรง ก็ใช้ยาสลบโปะ แต่ถ้าอยากปลอดภัยก็ใช้น้ำหอมเหมือนเดิม รุนแรงมากถ้ามันตายห่าขึ้นมาจะลำบากต้องเอาศพไปทำลายทิ้ง กูไม่อยากหาเรื่องให้พ่อช่วยปิดข่าว"

"ฮ่า ฮ่า เห็นด้วยครับลูกพี่ แต่เสียดายวันก่อนเจอน้องแอนดาวเภสัชที่ร้านคาราโอเกะอยู่คนเดียว แต่ลูกพี่มาช้าไปนิดเดียว ไอ้ต้นกล้ามันโผล่หน้ามาก่อน เลยอดใช้น้ำหอมผีพราย ไม่งั้นล่ะก็ ลูกพี่คงได้ฟันดาวเภสัชไปแล้ว"

"ไอ้ต้นกล้าอีกแล้ว มันจะอะไรนักหนา มันแย่งอีดาวคนที่กูรักตั้งแต่สมัยมัธยมปลายไป กูอุตส่าห์แย่งอีดาวมาได้ อีดาวก็ดันเสือกฉลาดแอบทำลายคลิปที่กูใช้ขู่ แล้วหนีกลับไปอยู่กับไอ้ต้นกล้า น้องแอนก็ดันเสือกไปเที่ยวกับมัน ... แม้แต่น้องแพรก็ยังมีท่าทีแปลก ๆ กับมัน มัวแต่แอบถามเรื่องของมันอยู่ได้"

"น้องแพรชอบไอ้กล้าเหรอลูกพี่?"

"ไม่แน่ใจว่ะ แต่น้องแพรชอบถามถึงไอ้กล้า แล้วอ้างว่ามีเพื่อนผู้หญิงอยากรู้จักไอ้กล้า"

"แต่ผมว่าไม่น่าจะมีอะไรนา ยังไม่มีใครเคยเห็นน้องแพรกับไอ้กล้ามันคุยกันด้วยซ้ำ ลูกพี่น่าจะคิดไปเองมากกว่า ว่าแต่น้องแพรเถอะ ลูกพี่จะเอายังไง เห็นว่าโดนถอนหมั้นแล้วนี่นา"

"ถอนหมั้นก็ถอนหมั้นซิวะ กูทดลองใช้น้ำหอมมาหลายครั้งแล้ว ขอโอกาสกูอยู่กับน้องแพรสักครั้งเถอะวะ รับรองกูจะจัดหนักให้หอยบานเลย มาทำให้กูหลงรักแล้วทิ้งกันหน้าตาเฉย"

"ขอพวกผมด้วยได้ป่าวลูกพี่? พวกผมก็อยากลองอึ๊บนางฟ้าด้วยเหมือนกันนา"

"เออ อาจจะได้ แต่ให้กูเบื่อก่อนโว้ย ... น้องแพรหนอ น้องแพร คิดแล้วเงี่ยนโว้ย อย่าโผล่มาให้เจอตัวเป็น ๆ ล่ะกัน พ่อจะจัดน้ำหอมผีพรายให้ทันที"

"อันนั้นถือเป็นเป้าหมายใหญ่ล่ะกันลูกพี่ ตอนนี้เรามาเก็บประสบการณ์กับรายเล็กรายน้อยกันก่อนดีกว่า"

ผมนั่งนิ่งด้วยความตกใจในตอนแรกที่ได้ยินเสียงสนทนาของพวกมันชัดเจนยังกับ อยู่ในโรงหนัง ทั้งที่ผมยังอยู่ในรถ และพวกมันอยู่ข้างนอก แต่เมื่อได้ฟังคำสนทนาของพวกมันจนจบ ผมกลับลืมความตกใจเรื่องนี้ และรู้สึกเย็นวูบไปกับบทสนทนาและความคิดของพวกมัน ผมเคยคิดว่าพวกมันเลวอยู่หรอก แต่ไม่เคยคิดว่าจะเลวขนาดนี้

มีอย่างที่ไหนสามารถพูดเรื่องการฉุดผู้หญิงไปข่มขืน พูดเรื่องการข่มขู่แบล็คเมล์ และการทำลายศพได้หน้าตาเฉย แม้แต่กับน้องแพรไอ้ชัยก็ยังพูดได้อย่างไม่กระดากปากว่าถ้าเอาจนเบื่อแล้ว จะส่งต่อให้ลูกน้องของมันจัดการ เรื่องแบบนี้มันเป็นเพราะผลของเวรกรรม หรือว่าสันดานคนกันแน่?

พวกมันสนทนาวางแผนกันอีกพักใหญ่ แล้วเริ่มกระจายตัวกันออกไป คนหนึ่งยืนพิงอยู่กับรถตู้ ทำท่าเหมือนพร้อมจะเปิดประตูกระชากเหยื่อเข้าไปในรถได้ในทุกวินาที ส่วนอีกสองคนนั้นกระจายกันไปสองฟากข้างเพื่อเล็งเป้าหมายและช่วยเหลือ

ไอ้อ้วนที่ทำหน้าที่เล็งเป้าหมายเดินมาด้อม ๆ มอง ๆ ที่กระจกรถผมพักใหญ่ แต่เหมือนว่ามันจะมองไม่เห็นพวกผมที่อยู่ในรถเพราะโดนคาถากำบังกายของพ่อ

ตอนนี้ผมได้แต่นั่งตัวแข็งนิ่งเงียบ แอบภาวนาขออย่าให้น้องแพรกับแม่ของเธอมาที่นี่อย่างที่พ่อคาดเดาเอาไว้ แต่ว่าเมื่อนั่งรออีกครู่เดียว คำขอของผมก็เหมือนกับจะเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ เพราะมีรถยุโรปสีขาวคันงามขับเลียบมาด้านข้างอย่างช้า ๆ แล้วหักเข้ามาจอดที่ด้านหลังรถของผม จากนั้นคุณพลอยและน้องแพร สองแม่ลูกแสนสวยก็ก้าวเดินลงมาทำท่าเหมือนจะแวะซื้อของในร้านสะดวกซื้อ

"เฮ้ย แม่พลอย กับน้องแพร!!!"

ผมสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อได้ยินน้ำเสียงอันพลุ่งพล่านของไอ้ชัยดังขึ้นมา ซึ่งผมก็พอจะเดาอารมณ์ของมันออก คงคล้ายกับว่าคนเพิ่งรู้สึกตัวว่าถูกรางวัลล๊อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งอะไรแนว นั้น ไอ้ชัยเองคงไม่คิดไม่ฝันมาก่อน ว่าจะมีโอกาสดีขนาดนี้

"หยุด อดทนไว้ อย่าทำอะไร ไอ้ลูกหมา"

ผมอดกลั้นไม่อยู่ทำท่าจะเปิดประตูผางออกไปเพื่อปกป้องน้องแพรและคุณนายพลอย แต่พ่อกลับส่งเสียงดังห้ามปรามเสียก่อน ผมจึงชะงักและนึกถึงคำที่พ่อบอกให้ฟังว่าหากหยุดตอนนี้ ครั้งหน้าอาจจะรุนแรงกว่าเดิมได้ สุดท้ายผมค่อยหายใจเข้าหายใจออกหลายครั้งเพื่อเสริมความอดกลั้น แล้วนั่งมองดูไอ้ชัยยกขวดน้ำหอมขึ้นเทใส่คอและส่วนหน้าอกของตัวเอง จากนั้นมันก็เริ่มแผนชั่วเดินเข้ามาหาสองแม่ลูกแสนสวยด้วยรอยยิ้มของหมาป่า เจ้าเล่ห์

"อ้าว สวัสดีครับคุณแม่พลอย แล้วก็น้องแพร ... แปลกใจจังไม่นึกว่าจะเจอกันดึก ๆ ในที่แบบนี้"

ไอ้ชัยทำท่าส่งสัญญาณมือบอกไอ้อ้วนกับไอ้เบี้ยว แล้วตัวมันเองก็เดินปรี่เข้ามายกมือไหว้คุณพลอยด้วยท่าทางมากมารยาท คุณพลอยยกมือไหว้ตอบทำสีหน้าแปลกใจ แต่เพียงครู่เดียวก็ปรับเปลี่ยนเป็นสีหน้าเรียบนิ่งปกติ ส่วนน้องแพรนั้นผมแอบเห็นสีหน้าเหมือนกับไม่ยินดีนักที่ต้องมาเจอกับอดีตคู่ หมั้นของเธอ

ไอ้ชัยยังพอเก็บอาการตัวเองอยู่บ้าง แต่ไอ้อ้วนกับไอ้เบี้ยวนั้นแอบลองมองสำรวจเนื้อตัวของสองแม่ลูกด้วยสายตา หื่นกามอย่างออกนอกหน้า ซึ่งความจริงคุณพลอยกับน้องแพรก็ไม่ได้สวมใส่ชุดอวดสัดส่วนอะไรมากนัก เพียงแต่ว่าพวกเธอสวยและหุ่นดียั่วอารมณ์มากเกินไปเท่านั้นเอง

คุณนายพลอยพยายามจะขอตัว บอกว่าต้องรีบไปซื้อของและมีธุระต้องทำต่อ แต่ไอ้ชัยรีบเดินแผนของมัน มันบอกว่ามีของฝากจากปารีสเป็นน้ำหอมราคาแพง อยากให้คุณนายพลอยกับน้องแพรลองดมดูหน่อยว่าชอบหรือเปล่า จากนั้นก็ยกเอาขวดแก้วรูปทรงสวยงามขึ้นมาเปิดฝาแล้วยื่นให้ ซึ่งไม่ต้องเดาก็รู้ว่าในนั้นไม่ใช่น้ำหอมธรรมดา แต่เป็นน้ำหอมผีพรายที่มีสรรพคุณทำให้ผู้หญิงลืมตัว และเกิดอาการร่านสวาทจนสุดจะทานทน

ผมทำท่าจะลุกขึ้นไปห้ามอีกครั้ง แต่ว่าโดนพ่อตวาดห้ามไว้อีกรอบ ผมจึงได้แต่นั่งกัดฟันกรอด ๆ อยู่ในรถ ทั้งที่อยากจะกระโจนออกไปกระทืบพวกมันให้แหลกราญกันไปข้าง

เหตุการณ์เป็นไปดังคาด สองแม่ลูกไม่ทันได้คิดว่าน้ำหอมนั่นไม่ปกติ พวกเธอจึงหยิบไปดมคนละครั้งสองครั้ง จากนั้นพวกเธอทั้งสองคนก็เริ่มเกิดอาการแปลก ๆ ใบหน้าปรากฎสีแดงซ่านขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเริ่มเยิ้ม ผมเริ่มได้ยินเสียงหอบของพวกเธอ น้องแพรดูจะเก็บอาการมากกว่า เธอเพียงยืนกอดอก หนีบสองขาเข้าหากันแน่น ในขณะที่คุณนายพลอยนั้นถึงกับลูบมือไปที่ใบหน้าและต้นคอของตัวเองด้วยท่าทาง ยั่วยวน ... พวกเธอกำลังเกิดอารมณ์ขึ้นมาแล้ว

"ไอ้อ้วน ไปขับรถให้แม่พลอยหน่อย เดี๋ยวแม่พลอยกับน้องแพรจะไปขึ้นรถตู้กับกู"

ไอ้ชัยยืนมองดูผลงานของมันด้วยดวงตาแวววาวอีกพักใหญ่ รอจนกระทั่งคุณพลอยกับน้องแพรเริ่มกระพริบตาปริบ ๆ เหมือนสติเริ่มจะหลุดหาย มันก็ฉวยโอกาสเดินปรี่เข้ามาจับข้อมือแล้วลากพาพวกเธอสองคนไปขึ้นรถตู้สีดำ สนิท น้องแพรทำท่าสะบัดมือต่อต้านเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็โดนมันลากขึ้นไปบนรถแล้วพาหายไปกับความมืดจนได้

"พ่อ!!! น้องแพรโดนมันลากขึ้นรถไปแล้ว ทำยังไงดี"

"เออ กูรู้ แต่ไม่ต้องรีบ มึงอดทนรอก่อน"

"ไม่รีบได้ไงพ่อ เดี๋ยวน้องแพรก็เสร็จมันหรอก"

"อุบ๊ะ อย่าเรื่องมากกูบอกให้รอก็รอ อ้อ มึงลงมานั่งข้างหลัง เดี๋ยวกูขับเอง ปล่อยให้มึงขับตอนนี้มีหวังได้ชนกันตายห่าไปข้าง"

ผมไม่เข้าใจว่าพ่อจะทำอะไร แต่พอพ่อพูดจบ ก็เปิดประตูเดินลงมาเปิดประตูฝั่งคนขับที่ผมนั่งอยู่ ผมจึงยอมลงจากรถเดินไปนั่งด้านหลัง ปล่อยให้พ่อเป็นคนขับรถเอง

"หลับตาลงไอ้ลูกหมา อย่าลืมตาเด็ดขาด กูจะใช้มนต์ทำให้มึงเห็น ให้มึงได้ยิน ได้สัมผัสทุกเหตุการณ์ในรถตู้ ผ่านทางดวงตา ผ่านทางหู ผ่านทางประสาทสัมผัสของคู่แค้นมึง"

"..."

ผมฟังคำสั่งพ่อด้วยความรู้สึกสับสน พ่อบอกว่าจะทำให้ผมมองเห็นผ่านทางตา และได้ยินผ่านทางหูของไอ้ชัยงั้นเหรอ เรื่องแบบนี้มันทำกันได้ง่าย ๆ ขนาดนี้เลยเหรอ? ... ก็อาจจะใช่ เพราะพ่อของผมไม่ใช่คนธรรมดาอยู่แล้วนี่นา

ผมเอนหลังลงไปพิงเบาะ แล้วหลับตานิ่งเฝ้ารอคอยว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ในคราวแรกผมยังไม่เห็นอะไร ไม่ได้ยินอะไรพิเศษ แต่เมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง ทุกอย่างก็กลายเป็นความมืดและความเงียบ จากนั้นหูของผมก็เริ่มได้ยินเสียงหอบหายใจของน้องแพรและคุณนายพลอย และในที่สุดผมก็เริ่มมองเห็นภาพของพวกเธอสองคนอยู่ภายใต้แสงไฟสีเหลืองของรถ ตู้

"อืมมม ... พี่ชัย จะทำอะไรแพร กับแม่คะ ปล่อยแพรกับแม่ไปเถอะค่ะ ... อือออออ"

เสียงของน้องแพรดังขึ้นพร้อมกับภาพใบหน้าแสนสวยที่กำลังแดงก่ำ เธอทำท่าจะผลักไสผม ... เอ๊ะ ไม่ซิ ไม่ใช่ผม แต่ผลักไสไอ้ชัยต่างหาก เพราะว่าผมกำลังมองผ่านดวงตาของไอ้ชัยนี่นา ... เธอพยายามผลักไสไอ้ชัยที่ยื่นมือซ้ายโอบไหล่ของเธออยู่ แต่เหมือนว่าเธอจะไร้เรี่ยวแรงต่อต้านขัดขืน ได้แต่ปล่อยให้ไอ้ชัยขยับมือลูบแขนซ้ายและไหล่ของเธออย่างเพลิดเพลิน ... แต่ที่ทำให้ผมประหลาดใจก็คือสัมผัสของผิวนุ่มนิ่มเรียบลื่นของน้องแพรที่ไอ้ ชัยกำลังสัมผัสได้ถูกส่งต่อมาถึงผมด้วยอีกทางหนึ่ง!!!

"โถ โถ น้องแพรคนดีไม่ต้องกลัวหรอกจ้ะ พี่ชัยก็แค่จะพาน้องแพรไปหาความสุขกัน ตอนนี้น้องแพรก็แค่โดนยาปลุกเซ็กส์แค่นั้นแหละ ไม่ต้องกลัว ทำใจให้สบายอย่าฝืน ... เอ แต่แปลกจัง ทำไมน้องแพรยังคุยรู้เรื่องอีก ปกติใช้ไอ้นี่แล้วทุกคนต้องเคลิ้มคุมสติไม่อยู่ตลอดเลยนี่หว่า เหมือนแม่พลอยนี่ไง"

เสียงของไอ้ชัยดังขึ้น แต่ให้ความรู้สึกคล้ายกับว่าผมเป็นคนพูดเอง เพราะผมได้ยินผ่านหูของมัน และมองเห็นผ่านดวงตาของมัน ตอนนี้ไอ้ชัยหมุนคอมองมาทางด้านขวา และด้านขวานั้นไอ้ชัยกำลังโอบคุณนายพลอยซึ่งกำลังนั่งหลับตาพริ้มร้องครวญ ครางปล่อยให้ไอ้ชัยใช้มือขวาบีบขยำเต้านมของเธออย่างสบายมือ ... และเหมือนก่อนหน้า สัมผัสนุ่มนิ่มของเต้านมคุณพลอยก็ถูกส่งมาถึงผมด้วยเหมือนกัน!!!

"ไอ้เบี้ยวจัดน้ำหอมให้น้องแพรอีกสักชุดซิ"

ไอ้ชัยส่งเสียงสั่งการ จากนั้นไอ้เบี้ยวที่นั่งอยู่ด้านหน้าก็ขยับมือไม้สักพัก แล้วยื่นมือเอาผ้าเช็ดหน้าสีขาวมาโปะที่จมูกของน้องแพร เธอดิ้นขัดขืนเล็กน้อย แต่สู้แรงของผู้ชายไม่ได้ สุดท้ายจึงได้แต่ยอมสูดเอาน้ำหอมผีพรายที่มีอิทธิฤทธิ์กระตุ้นราคะรุนแรง เข้าไปจนเต็มปอด

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า โดนกระตุ้นขนาดนี้จะยังทนไหวอีกหรือเปล่าจ๊ะน้องแพรจ๋า"

ผม ... เอ่อ ... ไอ้ชัย หัวเราะเสียงหื่น มันมองน้องแพรที่่กำลังใบหน้าแดงก่ำยั่วยวน เธอเริ่มยกมือยกไม้ขึ้นลูบไล้เนื้อตัว สลับกับบีบขยำหน้าอกของตัวเองอย่างลืมอาย ไอ้ชัยมองอยู่ครู่ใหญ่ แล้วมันก็พยายามก้มหน้าลงไปหอมแก้มของเธอ แต่น้องแพรกลับยังคงพยายามผลักไสบ่ายเบี่ยงไม่ยินยอมทั้งที่โดนกระตุ้น อารมณ์เข้าไปเต็มที่

เธอดิ้นรนต่อสู้จนร่วงหล่นลงไปนั่งกองกับพื้นด้านล่าง ไอ้ชัยส่งเสียงสบถด้วยความแปลกประหลาดใจ เพราะน้องแพรนั้นดูยังไงก็เหมือนกับสติแทบจะไม่อยู่กับตัวแล้ว นางฟ้าแสนสวยคนนี้ต่อต้านไอ้ชัยอย่างไม่ลดละ ทั้งที่ตัวเธอเองกำลังลูบไล้เนื้อตัวระบายอารมณ์ให้กับตนเองอย่างเต็มที่

มือข้างหนึ่งของเธอล้วงวูบลงไปใต้เสื้อยืดสีขาวแล้วบีบขยำหน้าอก ส่วนมืออีกข้างนั้นล้วงลงไปใต้กระโปรงบีบขยำคลึงกับตรงกลางหว่างขา ร่างของเธอกระตุกสั่นสะท้านไม่หยุด สลับกับส่งเสียงซี้ดซ้าดไม่ขาดปาก แต่เมื่อไอ้ชัยทำท่าจะดึงเธอขึ้นมาเธอกลับฝืนตัวเอาไว้อย่างเต็มที่

"อะไรวะ โดนเข้าไป จนสติหลุดช่วยตัวเองขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมกูอีก น้องแพรจะใจแข็งไปไหน เออ ได้ ลองดูว่าจะอดทนกันได้ถึงไหน"

ไอ้ชัยส่งเสียงสบถอีกครั้ง ซึ่งความจริงหากมันจะลงมือปลุกปล้ำเลย น้องแพรก็คงไม่มีแรงขัดขืนสักเท่าไหร่ แต่เหมือนมันจะอยากลองวัดความอดทนมากกว่า มันจึงหันมาหอมแก้มไซร้ซอกคอคุณนายพลอย แล้วถลกเสื้อบีบขยำนมของคุณแม่ยังสวยคนนี้อย่างเพลิดเพลินแทน ... ตอนนี้ผมจึงรู้สึกสับสน เพราะใจหนึ่งก็อยากช่วย แต่ว่ากลิ่นหอมรัญจวณและความนุ่มนิ่มเต่งตึงของคุณพลอยที่ส่งผ่านสัมผัสของ ไอ้ชัย กำลังทำให้ของผมผงาดตื่นขึ้นมา

ในขณะที่น้องแพรไม่ยินยอม ดิ้นรนลงไปนั่งช่วยตัวเองอย่างน่าสงสาร คุณนายพลอยกลับตอบสนองเป็นอย่างดี เธอปลดกระดุมเสื้อของไอ้ชัยออกแล้วก้มหน้าลงไปใช้ลิ้นเลียระรัวที่หัวนมของ ไอ้ชัย ส่งผ่านความเสียวมาให้ผมจนผมขนลุกซู่ จากนั้นคุณนายพลอยก็ก้มหน้าลงต่ำ ปลดกางเกงของไอ้ชัยออก แล้วคว้าเอาดุ้นของมันขึ้นมาอ้างับเข้าปากดูดจนไอ้ชัยและผมเสียวตัวงอร้อง ซี้ดไปพร้อมกัน

ลีลาของคุณนายพลอยพัฒนาขึ้นจากทีแรกมาก เพราะซ้อมฝีมือกับผมบ่อยครั้ง ด้านไอ้ชัยเองเสียอีกที่ไม่ค่อยมีน้ำอดน้ำทนเท่าไหร่ โดนคุณพลอยรูดมือสลับกับผงกหัวดูดบ๊วบ ๆ แค่ไม่ถึงหนึ่งนาที มันก็ตัวกระตุกน้ำแตกคาปากคุณนายพลอยไปแล้วหนึ่งรอบ

"อูยยสสสส แม่พลอย สุดยอด ดูดควยโคตรเก่งเลยโว้ย เสียวโว้ย"

ไอ้ชัยส่งเสียงร้องคำรามด้วยความสะใจ จากนั้นมันก็ผลักคุณนายพลอยออกไปด้านข้าง หันไปจิกผมน้องแพรแล้วลากเธอเข้ามาที่ตรงกลางหว่างขา น้องแพรที่กำลังช่วยตัวเองจนดิ้นเร่าทำท่าจะดิ้นรนขัดขืน แต่ว่าสู้แรงและทนเจ็บไม่ได้ จึงยอมขยับมาตามแรงดึง ซุกหน้าที่ตรงกลางหว่างขาของไอ้ชัยแต่โดยดี

ไอ้ชัยพยายามให้น้องแพรเอาของมันใส่เข้าไปในปาก แต่น้องแพรกลับปิดเม้มปากสนิท เธอยอมกระตุ้นอารมณ์ให้ตัวเอง แต่ไม่ยอมทำให้ไอ้ชัยแม้แต่นิดเดียว ไอ้ชัยจึงส่งเสียงคำรามด้วยความขัดใจ แล้วจับเอาดุ้นของมันถูไถไปตามแก้มและใบหน้าของน้องแพรด้วยอารมณ์หื่นจนหน้า ใส ๆ ของเธอเลอะเป็นคราบมันเต็มหน้า

เสื้อผ้าของน้องแพรโดนไอ้ชัยจับกระชากฉีกจนขาดวิ่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เธอพยายามขัดขืน แต่สู้เรี่ยวแรงของไอ้ชัยไม่ได้ โดนจับมัดรวบข้อมือสองข้างกดกับเก้าอี้ด้านหน้า แล้วยกทรงสีสวยก็โดนกระชากหลุดออกไปคามือของมัน สองเต้าขาวอวบไซส์ใหญ่จึงเด้งทะลักออกมาอวดความงามจนไอ้ชัยกับไอ้เบี้ยวส่ง เสียงครางฮือสะใจ

"อูยยสสส น้องแพรจ๋า นมใหญ่ ขาวจั๊วะเลย หัวนมชมพูด้วย ขอพี่เลียหน่อยนะจ๊ะ"

ไอ้ชัยพูดเสียงหื่น มันพยายามรวบร่างของน้องแพรขึ้นมานั่งบนตัก ซึ่งมันก็ทำสำเร็จ แต่เมื่อมันพยายามก้มหน้าลงไปอ้าปากทำท่าจะงับนมของน้องแพร เธอกลับออกแรงดิ้นขัดขืนอย่างแรงจนหล่นลงไปนั่งอยู่กับพื้นรถอีกครั้ง

เมื่อเป็นอิสระ น้องแพรก็รีบนั่งก้มหน้ากอดเข่าเพื่อปิดบังเนื้อตัวเอาไว้ ไอ้ชัยหันมาขมึงตามองทำท่าเหมือนจะเริ่มหมดความอดทนต่อความใจแข็งของน้องแพร

ซึ่งตอนนี้ผมเองก็ยังนึกไม่ถึง เพราะขนาดคุณนายพลอยที่ควรจะมีความยับยั้งชั่งใจมากกว่า พอโดนฤทธิ์น้ำหอมผีพรายเข้าหน่อย ก็ยังแสดงอาการร่านออกมาจนผมแอบผิดหวังอยู่บ้าง แต่น้องแพรที่โดนน้ำหมอเข้าไปมากกว่ากลับใจแข็งสามารถสะกดความต้องการของตัว เองได้อย่างไม่น่าเชื่อ

นึกถึงตอนนี้ผมถึงค่อยสำนึกได้ว่า ถึงน้องแพรจะใจแข็งกับผมอยู่บ้าง แต่ก็ยังอ่อนข้อยอมปล่อยตัวปล่อยใจให้ผมอยู่บ้าง ไม่ได้ต่อต้านจนถึงขีดสุดแบบนี้ นี่แสดงว่าอย่างน้อยเธอก็ยังมองว่าผมเป็นคนพิเศษคนหนึ่งเหมือนกัน

"... ด้วย ... ต้น ... ช่วย ..."

จากนั้นเธอก็เริ่มสะอึกสะอื้นร้องไห้ ผมก็ได้ยินเธอพร่ำพูดออกมาผ่านทางหูไอ้ชัยด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบาจนฟังไม่ ชัด ไอ้ชัยเองก็เหมือนจะได้ยินไม่ชัด มันจึงโน้มหน้าเข้าไปใกล้เพื่อฟังเสียงน้องแพร จนกระทั่งได้ยินเสียงของเธอชัดขึ้น

"... ช่วยด้วย ... พี่ต้นกล้า ... ช่วยด้วย ..."

น้ำเสียงนั้นแผ่วเบา แต่กลับทำให้ผมรู้สึกร้อนวาบขึ้นมาในอก เพราะไม่ว่าเธอจะพยายามรักษาสัญญาหมั้นในวัยเด็กอย่างขึงขังเพียงใด แต่อย่างน้อยในช่วงเวลาที่เธอกำลังลำบาก เธอก็ยังนึกถึงผมเป็นคนแรก และคาดหวังว่าผมจะไปช่วยเธอเป็นคนแรก

ผมรู้สึกร้อนวาบ แต่ว่าไอ้ชัยคงไม่คิดเหมือนผมแน่ เพราะมันกัดฟันกรอดส่งเสียงคำรามด่าทอผมออกมาชุดใหญ่ จากนั้นเงื้อมือขึ้นตบฉาดใส่น้องแพรด้วยความโกรธเกรี้ยว ตอนนี้ผมจึงหมดความอดทน ไม่คิดอดกลั้นรอคอยอีกต่อไป ไม่ว่าน้องแพรจะเคยทำอะไรให้ไอ้ชัยมันเจ็บช้ำน้ำใจมาในชาติก่อน แต่ผมทนดูน้องแพรโดนข่มเหงรังแกต่อไปไม่ได้อีกแล้ว

ภาพภายในรถตู้หายวับไปทันทีเมื่อผมลุกพรวดขึ้นมา จากนั้นผมจึงค่อยได้เห็นว่าผมยังคงอยู่ในรถของผมเอง โดยมีพ่อเป็นคนขับอยู่ด้านหน้า และมีหนูไอรีนนั่งหลับอยู่ด้านข้าง

ตอนนี้รถจอดนิ่งสนิทอยู่ในความมืดสลัว มองไปมองมาคล้ายกับโรงแรมม่านรูดอยู่บ้าง ซึ่งเมื่อผมมองสำรวจไปมาอีกสองสามรอบก็เริ่มแน่ใจว่าที่นี่คือโรงแรมม่านรูด แน่ ๆ อีกทั้งมันยังดูคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก แต่ผมยังไม่สนใจเรื่องนี้ ผมจึงหันไปพูดเสียงดังกับพ่อ

"พ่อจอดรถที่นี่ทำไม ไอ้ชัยมันพาน้องแพรไปไหนแล้ว ทำไมไม่ตามต่อ?"

"ใจเย็นเว้ยเฮ้ยไอ้ลูกหมา จะให้กูขับรถตามไปไหนอีก คู่แค้นมึงมันกำลังเปิดห้องข้าง ๆ อยู่นี่เอง"

"ห้องไหนพ่อ!!!"

"อุบ๊ะ ไม่ต้องทำเสียงดัง ห้องทางซ้ายมือนี่แหละ แล้วมึงก็อย่าใจร้อนไป มึงจำไม่ได้เรอะว่ากูบอกว่าอะไรไอ้ลูกหมา ตอนนี้เจ้ากรรมนายเวรกำลังมาทวงหนี้แค้น ถ้ารีบไปช่วย หนี้แค้นจะยังไม่หมด เวรกรรมก็จะทดไปชาติอื่น ๆ อีก ดีไม่ดีที่มึงไปขัดขวางพวกมัน มึงนั่นแหละจะโดนหมายหัวจดบัญชีหนี้แค้นแทนเข้า"

"ช่างหัวมันซิพ่อ หรือจะปล่อยให้น้องแพรเสียตัวให้พวกมันซะก่อน ส่วนเรื่องหนี้แค้นให้พวกมันมาลงกับผมก็ดี ผมยินดีรับแทนน้องแพร จะเอายังไงก็ได้ผมยอมรับหมด ไม่ใช่ปล่อยให้พวกมันไปลงกับผู้หญิงไม่มีทางสู้แบบนี้"

ผมหันไปมองพ่อด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่ผมรู้สึกเหมือนแอบเห็นประกายยินดีแอบซุกซ่อนอยู่ในดวงตาของพ่อ เหมือนกับว่าพ่อกำลังยินดีที่ได้ยินผมพูดแบบนี้?

"มึงอยากคุ้มครองเมียมึงกูก็เห็นด้วย แต่เรื่องของเวรกรรมมันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น มึงหลีกอย่างหนึ่ง ก็ต้องไปเจอกับอีกอย่างหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น วันนี้ที่ห้องถัดไปมีนักข่าวที่รู้จักกับคุณนายพลอยมาใช้บริการด้วย ถ้ามึงไปลุยกับพวกไอ้ชัยแบบเปิดเผย จนคนมามุงดู พรุ่งนี้ก็เตรียมอ่านพาดหัวข่าว สองแม่ลูกไฮโซโดนฉุดเข้าม่านรูดกลางเมืองได้เลย"

"ช่างหัวข่าวมันซิพ่อ"

"มึงคิดตื้นไปแล้วไอ้ลูกหมา สำหรับมึง ข่าวแค่นี้ไม่สะเทือนอะไรหรอก แต่ว่าสำหรับผู้หญิงในสังคมดัดจริตอย่างเมืองไทย ข่าวแบบนี้มันเหมือนกับราคีคาวที่ติดตัวไม่มีวันหลุด คนอ่านข่าวมันไม่ค่อยจำหรอกว่าใครเป็นคนฉุด แต่พวกมันจะจดจำแม่นว่าใครโดนฉุด แล้วพวกมันจะมองคนที่โดนกระทำด้วยสายตาสมเพชไปตลอดชาติ"

"โอ๊ย พ่อ นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ แล้วจะให้ผมทำยังไง ปล่อยไปแบบนี้เหรอ?"

"มึงเชื่อพ่อของมึงหรือเปล่าล่ะ? กูบอกได้เลยว่าคราวเคราะห์ของสองแม่ลูกนั่นใกล้ผ่านพ้นไปแล้ว ถ้ามึงจะอดทนรออีกสักหน่อยจะดีกว่า และกูรับประกันได้ว่าในช่วงเวลานี้เมียกับแม่ยายมึงจะยังไม่ถึงขั้นเสียตัว แน่ ๆ แต่อาจจะต้องทนเจ็บตัวเพื่อผ่อนเวรผ่อนกรรมกันสักหน่อย"

"..."

พ่อพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนกับเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่มีอะไร ในขณะที่อารมณ์ของผมกำลังพลุ่งพล่าน ถึงผมจะเชื่อว่าพ่อมีอะไรดี ๆ หลายอย่าง แต่ผมก็ยังไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของพ่อ เพราะมันไม่คุ้มเลยที่จะเสี่ยงกับรอยราคีคาวในจิตใจของน้องแพร ทางพ่อเองก็เหมือนจะรับรู้ความรู้สึกของผมได้ พ่อจึงหันมาพูดกับผมต่อ

"มึงใจเย็นก่อน มึงจำได้มั้ยว่าที่นี่ที่ไหน?"

"... ไม่รู้พ่อ รู้แค่ว่าเป็นโรงแรมม่านรูด"

"อุบ๊ะ ยังไม่แก่แต่ขี้ลืมจริงโว้ย ที่นี่มันห้องที่มึงเคยพาหนูแอนเขามาเมื่อวันก่อนไงเล่า"

"... เอ่อ จริงด้วย ... เฮ้ย เดี๋ยว ๆ แล้วพ่อมาแอบดูผมตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมรู้ตลอดว่าผมทำอะไรที่ไหน?"

"เอ้า กูเป็นพ่อกูก็ต้องคอยดูแลลูกซิวะ แล้วกูก็ไม่ได้แอบด้วย กูก็แค่มองผ่านตาของมึง ได้ยินผ่านหูของมึง รับสัมผัสผ่านตัวมึง เหมือนที่มึงเพิ่งได้ลองไปเมื่อกี้นั่นแหละ"

"... อ่อ ... เฮ้ย!!! แบบนี้ตอนผมมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น พ่อก็เหมือนได้ทำเองไปด้วยน่ะซิ!!!"

"เอาน่าเรื่องแค่นี้เอง อย่าไปสนใจให้ปวดหัว ตอนนี้มึงต้องเป็นห่วงเมียมึงมากกว่าไม่ใช่เรอะ?"

"ก็ได้พ่อ เดี๋ยวผมจดบัญชีเอาไว้ก่อน ... ว่าแต่มันยังไงพ่อ ห้องเดิมแล้วมันเกี่ยวอะไรด้วย?"

"ห้องน่ะไม่เกี่ยวอะไรร๊อก แต่ว่าที่นี่น่ะมีมิตรสหายตั้งแต่ชาติปางก่อนของมึงดูแลอยู่ และมันจะช่วยเมียของมึงแบบไม่ให้เป็นข่าวใหญ่โตได้"

"เพื่อนตั้งแต่ชาติปางก่อน? ใครอ่ะพ่อ?"

ผมถามด้วยความสงสัย แต่พ่อยังไม่ทันตอบ ก็มีแสงไฟฉายส่องวาบเข้ามาในรถ พร้อมกับการปรากฎตัวของผู้ชายวัยทำงานคนหนึ่ง ซึ่งทีแรกผมยังจำหน้าไม่ได้ และคิดว่าคงเป็นเด็กเฝ้าห้องธรรมดาที่เข้ามาเก็บค่าห้อง แต่พอสังเกตเห็นตะกรุดรูปร่างเหมือนเขี้ยวสัตว์สีขาวที่แขวนอยู่ตรงคอ ผมถึงค่อยนึกออกว่าคราวที่แล้วที่ผมมากับน้องแอน ผมก็ได้เจอกับผู้ชายคนนี้ หรือว่าคนนี้จะเป็นเพื่อนเก่าที่พ่อว่า ... แต่ถ้าใช่ แล้วเขาจะเชื่อที่ผมขอร้อง และยอมเสี่ยงเอาตัวเข้าช่วยหรือ?

ไม่มีความคิดเห็น: