ที่ชายแดนภาคเหนือ ในกระโจมที่มั่นของแมนจู
แม่ทัพไต้เหม็งหุงเฉิงโฉวถูกคุมขังในคุกศิลานั่งอดอาหาร โดยไม่ยอมแตะต้องข้าวแม้สักเม็ดเดียว
วันนี้แม่ทัพแมนจูตัวเอ่อกุนลงมาเกลี้ยกล่อมหุงเฉิงโฉวอีกครา โดยมีบุรุษหนุ่มหน้าตางดงามคมคายร่วมทางมาด้วย
ตัวเอ่อกุนกล่าวว่า
“แม่ทัพหุง ฟังว่าหลายวันนี้ท่านไม่ยอมรับประทานอาหาร ซึ่งความจริงท่านไยต้องทรมานตนเองเช่นนี้”
หุงเฉิงโหวนั่งพริ้มตาแน่วนิ่ง หาแยแสตอบคำถามไม่
ตัวเอ่อกุนกลอกตากล่าวต่อ
“คำพังเพยมีว่า ผู้ทราบสถานการณ์จึงเป็นวีรบุรุษ อย่าว่าแต่ทหารเหม็งล้วนขาดเขลากลัวตาย ราชสำนักเต็มไปด้วยกังฉินรังแกราษฎร พวกเรากองทัพแมนจูต้องการเปลื้องทุกข์เข็ญ แม่ทัพหุงไยต้องดื้อดึงยืนกรานไป”
หุงเฉิงโฉวแค่นเสียงดังเฮอะไม่ตอบคำ ตัวเอ่อกุนพลันกล่าวว่า
“ท่านมีความต้องการอันใด โปรดบอกต่อเราอย่างเต็มที่”
หุงเฉิงโฉวพลันลืมตาขึ้น กล่าวเสียงราบเรียบล
“เราไม่ต้องการอันใด เพียงหวังใคร่ตาย”
ตัวเอ่อกุนอึ้งไปวูบ พลันได้ยินเสียงสวบสาบที่เหนือศีรษะ ที่แท้ปรากฏมุสิกตัวหนึ่งปีนป่ายอยู่บนขื่อ ก่อกวนจนเศษฟางฝุ่นละอองร่วงหล่นลงมาพอดีตกลงบนเสื้อผ้าไหล่หุงเฉิงโฉว
หุงเฉิงโฉวเงยหน้ามองแวบหนึ่ง ยกมือปัดเศษฟางทีติดอยู่บนเสื้อผ้าคราหนึ่ง
บุรุษหนุ่มหน้าตางดงามคมคายที่ร่วมทางมากับตัวเอ่อกุน นับแต่เข้าสู่ห้องคุมขัง ก็ไม่ปริปากกล่าววาจาเพียงจับตาดูหุงเฉิงโฉวตลอดเวลา ยามนั้นพลันกล่าวกับตัวเอ่อกุนว่า
“ท่านอ๋อง พวกเราไปกันเถอะ ให้แม่ทัพหุงค่อยๆ ใคร่ครวญให้ดี”
สุ้มเสียงคนผู้นี่กลับสดใสไพเราะ ดุจระฆังเงินก็ปาน
ตัวเอ่อกุนทั้งสองหันกายออกจากห้องคุมขัง มาถึงห้องนอนที่ตกแต่งอย่างงดงามหลังหนึ่ง
บุรุษหนุ่มหน้าตางดงามคมคายนั้น ทรุดนั่งลงที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หันหน้าหากระจกทองเหลือง ถอดหมวกจากศีรษะ ผมเผ้านุ่มสลวยดำขลับก็ยาวสยายลงมา
....ที่แท้คนผู้นี้เป็นสตรีปลอมเป็นบุรุษ
นางหันหน้าเข้าหากระจกทองเหลือง หยิบฉวยหวีไม้แปรงผม มุมปากประดับด้วยรวยยิ้มยวนยั่วชนิดหนึ่ง
ตัวเอ่อกุนเดินมาถึงด้านหลังนาง ทรุดนั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้าง แล้วสวมกอดร่างอ้อนแอ้นไว้ เอื้อมมือไปบีบที่ปทุมถันกลมกลึงทั้งคู่ของนาง บีบคลึงขยำเบาๆ แล้วถามว่า
“ไทเฮา คิดไม่ถึงท่านปลอมเป็นบุรุษ ยังงามคมคายปานนั้น มีน่าเล่าพระเชษฐาฮ่องเต้ ตอนมีชีวิต จึงลุ่มหลงงมงายต่อท่าน”
ที่แท้สตรีนางนี้กลับเป็นพระมเหสีของไท่จังฮ่องเต้ ซึ่งเป็นจักรพรรดิองค์ที่สองแห่งราชวงศ์แมนจู
ในระหว่างทำสงครามชิงแผ่นดินกับไต้เหม็ง ไท่จุงฮ่องเต้สิ้นพระชนม์กระทันหัน ราชโอรสฟุหลินจึงขึ้นครองราชย์สืบแทน แต่เนื่องเพราะยังทรงพระเยาว์ อำนาจบริหารราชการแผ่นดินจึงตกอยู่ในมือตัวเอ่อกุน
ตัวเอ่อกุนเป็นราชโอรสองค์ที่สิบสี่ของนูเอ่อฮาชื่อ มีศักดิ์เป็นพระอาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน พระมเหสีของไท่จุงฮ่องเต้ก็ได้รับแต่งเป็นไทเฮาแห่งแมนจูทั้งที่ยังอยู่ในวัยสวยสด เฉกเช่นกับดอกไม้ที่เบ่งบานเต็มที่
ไทเฮาแมนจูแย้มพระโอษฐ์พริ้มพราย ขยับกายให้ตัวเอ่อกุนลูบคลำทรวงอกได้ถนัด ตรัสถามเสียงอ่อนหวานว่า
“ท่านอ๋องรู้จักพูดจานัก”
ตัวเอ่อกุนคลายมือจากปทุมถันคู่งาม ทอดถอนใจกล่าวว่า
“เมื่อครู่ท่านคงเห็นแล้ว หุงเฉิงโฉวผู้นี้มีนิสัยดื้อดึง พวกเรายังมีหนทางใด”
“นั่นไม่แน่นัก ในความเห็นของเรา คนผู้นี้หาได้คิดใคร่ตายจริงๆ”
ตัวเอ่อกุนส่งเสียงดังอ้อเป็นเชิงถาม ไทเฮาตรัสถามว่า
“ก่อนอื่นเราถามท่าน หุงเฉิงโฉวใช่มีความสำคัญจริงหรือไม่”
“ย่อมแน่นอน หุงเฉิงโฉวเป็นแม่ทัพสำคัญของไต้เหม็ง แม่ทัพที่รักษาการณ์ตามชายแดน หากมิใช่บริวารก็เป็นสหายมัน หากเราสามารถเกลี้ยกล่อมมันยอมสวามิภักดิ์ ก็จะพิชิตแผ่นดินตงง้วนได้โดยไม่ลำบากกินแรง น่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดสามารถเกลี้ยกล่อมมันได้”
“เราหากไปหามันด้วยตนเองเล่า”
ตัวเอ่อกุนงงงันวูบ จึงกล่าวด้วยความหมายลึกซึ้ง
“เพียงเราเกรงว่าต้องสูญเสีย ไทเฮาประสบการขาดทุน”
ไทเฮาแย้มพระโอษฐ์ตรัสว่า
“ตอนที่พวกเราไปยังห้องคุมขัง ปรากฏมุสิกตัวหนึ่งปีนป่ายขึ้นไปบนขื่อ ก่อกวนเศษฟางตกลงบนร่างมัน มันก็รีบปัดป่าย คนผู้หนึ่งหากคิดแสวงหาความตายใช่สนใจข้อปลีกย่อยเช่นนี้หรือไม่”
“อืมม มีเหตุผล”
ไทเฮาเอนกายลงพงอกบึกบึนแข็งแรงของตัวเอ่อกุน นิ้วสะกิดไปที่แผงอกไปมา
“หากเรายอมมอบร่างให้กับมัน มีหรือที่มันจะไม่ทุ่มเทรับใช้พวกเรา ฝีมือในเรืองนี้ของเราหรือท่านยังไม่มั่นใจ”
ตัวเอ่อกุนหัวเราะเบาๆ มือลูบคลำไปที่หว่างขานาง
“ฮ่าฮ่า เราหรือจะไม่เชื่อ หากท่านทุ่มเทฝีมือเต็มที่ มีผู้ชายคนไหนจะไม่สยบให้กับส่วนนี้ของไทเฮา” พูดพลางขยับนิ้วไปมาบนเนื้อผ้าอย่างกรุ้มกริ่ม
ไทเฮาหน้าแดงแยกขาออก พร้อมครางเสียงกระเส่า ปล่อยให้นิ้วของตัวเอ่อกุนถูไถไปมา ก็ปัดมือของเขาออก
“พอก่อน เดี๋ยวจะเสียงานใหญ่”
ตัวเอ่อกุนก้มลงหอมที่ซอกคอขาวผ่องของนาง
“เสร็จแล้ว ต้องจับท่านมาเย็ดให้ร้องครางทั้งคืนเลย ตัวร่านน้อย”
ไทเฮาหัวเราะเสียงกระเส่า เหลียวพระพักตร์ไป รับสั่งเรียกนางกำนัลสองนางเข้ามา ตรัสว่า
“จัดเตรียมสุราโสมให้เราป้านหนึ่ง”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น