-
ศักดา
พล่านไปตามสถานที่ต่างๆ
ที่เขาพอจะนึกออกว่าเป็นแหล่งที่อยู่ของเสี่ยเซี้ยง
ส่วนเรื่องที่จะโทรศัพท์ไปหาเสี่ยโฉดหรือคันธรสนั้นจิ้งจอกสวาทเลิกคิดไปนาน
แล้ว หลังจากที่พยายามกดติดต่อไปอีกหลายครั้งจนปุ่มแทบพัง
แต่สิ่งที่ได้ยินก็คือข้อความจากศูนย์บริการว่าไม่สามารถติดต่อได้
ซึ่งก็หมายความว่าทั้งเสี่ยเซี้ยงและคันธรสนั้นปิดมือถือ
หรือไม่ก็เปลี่ยนซิมไปแล้ว
ซึ่งเขาออกจะเชื่อว่าเป็นอย่างหลังมากกว่า
แต่ถึงแม้ว่าจิ้งจอกสวาทจะวิ่งวุ่นทั้งวัน
ควานไปตามสถานที่ต่างๆ
ที่เขาเคยนัดพบเจรจาการค้ากับเสี่ยเซี้ยง
คำตอบที่ได้ก็เหมือนกันคือ
“เสี่ย..ไม่ได้สั่งอะไรไว้ครับ
พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะติดต่อเสี่ยได้ที่ไหน”
คำตอบจากพนักงานที่ประจำร้านต่างๆ
ของเสี่ยเซี้ยงเหล่านั้น
สร้างความหงุดหงิดหัวเสียให้กับศักดาเป็นอย่างมาก
สังเกตจากสีหน้าท่าทางของคนเหล่านั้น
จิ้งจอกสวาทค่อนข้างจะแน่ใจว่าคงเป็นคำสั่งจากเสี่ยเซี้ยงให้ปิดปากไม่บอก
กับเขาเสียมากกว่าที่พวกนั้นจะไม่รู้จริงๆ
ไอ้เสี่ยเซี้ยง.....กูไม่ยอมมึงหรอก...คอยดูไปเหอะ
ศักดาคำรามในใจอย่างพลุ่งพล่าน
ดาลเดือด ขณะที่ขับรถคันหรูของตัวเองไปเรื่อยๆ
แบบไม่รู้จุดหมาย
พลันในสมองนึกอะไรขึ้นมาได้วาบ
ก็เลี้ยวรถมุ่งตรงไปยังสถานที่ตั้งของบริษัทใหญ่โตที่มีชื่อเสียงด้านการ
ดำเนินงานจัดการ event
ต่างๆ
ซึ่งคันธรสนั้นมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการใหญ่ส่วนงานประชาสัมพันธ์
ซึ่งเท่าที่ผ่านมาอาศัยรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่น
ความแคล่วคล่องในการเข้าสังคมของหญิงสาว
การดำเนินงานของบริษัทในส่วนประชาสัมพันธ์รวมไปถึงการทำการตลาดภายใต้การ
ดูแลของคันธรสก็นับว่าก้าวหน้าไปได้ดีไม่น้อย
ตำแหน่งและบทบาทของคันธรสจึงถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินงานของ
บริษัท
ทำให้ศักดาคิดว่าเขาน่าจะหาข่าวคราวของหญิงสาวได้บ้าง
ซึ่งก็เป็นไปตามความคิดของชายหนุ่ม
ทว่าข่าวคราวของคันธรสที่เขาได้รับทราบมันยิ่งสร้างความหงุดหงิด
เร่าร้อนให้กับจิ้งจอกสวาทดุจถูกเพลิงเผาผลาญกลางอกมากขึ้นไปอีก
“คุณรสโทรมาแจ้งค่ะ
ว่าเธอมีกิจธุระส่วนตัว
คงจะไม่เข้าบริษัทประมาณอาทิตย์หนึ่ง...”
คนตอบคำถามคือพนักงานสาวผู้ทำหน้าที่รับเรื่องของบริษัท
“อะไรกัน
ตั้งอาทิตย์
แล้วจะติดต่อกับคุณคันธรสได้อย่างไรครับ...เธอให้เบอร์ติดต่ออื่นๆ
ไว้หรือเปล่า..ผมพยายามโทรเข้ามือถือแต่ก็ติดต่อไม่ได้..”
ศักดาส่งเสียงถามระรัว
ใบหน้าหล่อเหลาคมคายของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความร้อนใจจนแสดงออกได้ชัด
ดีทีอีกฝ่ายคิดว่าเขาคงมีธุระร้อนเรื่องงานจึงไม่ได้คิดว่าจะมีเบื้องหลัง
ผิดปกติแต่อย่างใด ตอบมาว่า
“เธอแจ้งเอาไว้ค่ะ
ถ้าเรื่องงานเร่งด่วนอะไร
เธอมอบให้คุณเรณู...เอ่อ...คุณเรณูเป็นรองผู้จัดการค่ะ..มีอำนาจเต็มในการ
ตัดสินใจ..คุณมีเรื่องด่วนอะไรดิฉันจะติดต่อกับคุณเรณูให้ดีไหมคะ”
ศักดาส่ายศีรษะ
ลาจากมาด้วยใบหน้าที่แห้งแล้ง
กลับไปที่รถคันหรูตัวเอง
ซบหน้าไปกับพวงมาลัยอย่างท้อแท้ใจ
ความรู้สึกเสียดายในลาภก้อนใหญ่ที่ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้จิ้งจอกสวาทเดือด
พล่านอย่างสุดระงับใจได้
ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นขมึงเกร็งจนหางตากระตุกถี่ถี่
นี่เขาจะต้องมาเสียรู้ให้กับไอ้เสี่ยเซี้ยงจริงๆหรือ?
การที่คันธรสแจ้งมาที่บริษัท
แสดงว่าเธอก็เต็มใจไปกับไอ้เสี่ยนั่นหรือว่า
ไอ้เสี่ยมันบังคับให้เธอไปกับมันกันแน่?
ถ้าหญิงสาวเต็มใจไปกับเสี่ยเซี้ยง
มันก็ย่อมหมายถึงความฝันที่จะสูบเงินทองก้อนใหญ่จากตัวของคันธรสนั้นจะต้องสูญสลายไปเป็นอากาศธาตุ
ยิ่งคิดยิ่งนึกภาพต่อไปว่าทั้งรสสวาทและเงินทองของคันธรสจะเปลี่ยนมือไปเป็น
สมบัติให้เสี่ยเซี้ยงตักตวงได้อย่างสบายอารมณ์
มันทำให้จิ้งจอกสวาทแทบจะอกระเบิดออกมาด้วยความคลั่งใจ
โว้ยยยยยย....กูอยากจะบ้า....ไอ้เสี่ยเซี้ยง...มึงทำกูเจ็บจริง....
ขณะที่นั่งอยู่ในรถด้วยอาการใกล้คลั่ง
สายตาของศักดาก็พลันเหลือบมองไปเห็นถุงกระดาษมากมายที่สุมอยู่ตอนหลัง
ซึ่งเป็นของที่เขาซื้อหาให้กับฐิติพรรณ
จิ้งจอกสวาทก็เพิ่งนึกถึงพริตตี้สาวขึ้นมาได้เป็นครั้งแรกในวันนี้ที่เขามัว
แต่พล่านไปกับเรื่องการตามหาตัวของคันธรส
ศักดามองไปที่นาฬิกาข้อมือ
บอกเวลาหกโมงกว่าแล้ว
ครุ่นคิดในใจ
เออ...ลืมไปเลยว่ะ...ไม่รู้ไอ้เด็กเปรตพวกนั้นมันทำอะไรกับนังไอซ์คนสวยบ้าง
..แต่คงจะพรุนไปทั้งตัวล่ะว้า...สม..อยากยั่วดีนัก...แม่งเอ๊ย....จะเหลือ
ชิ้นดีอะไรล่ะวะ...โดนไอ้ชิดกับพวกกี่คนนะนั่น....ตั้งห้า.....นี่มันก็ผ่าน
มาเกือบจะวันเต็มๆ แล้ว...
ตอนที่ศักดาวางแผนให้ชิดกับพวกไปเก็บตกเหยื่อชิ้นงามข้างทาง
ชายหนุ่มยังนึกว่าจะมีแค่เพียงเด็กช่างกลห้าคนนั้นเท่านั้น
แต่หารู้ไม่ว่าชิดนั้นต้องการระบายอารมณ์แค้นที่ฐิติพรรณด่าอย่างเจ็บแสบ
ถึงกับติดต่อเรียกกลุ่มก๊วนเด็กขี้ยาที่เขามีอิทธิพลสั่งได้ระดมเข้ามารุมโท
รมพริตตี้สาวจนสะใจ
พอนึกถึงฐิติพรรณก็เลยพลอยนึกไปถึงข้อตกลงที่ทำกับชิด
สีหน้าของจิ้งจอกโฉดที่มีแต่ความเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวจึงค่อยดีขึ้นมา
นิดหนึ่ง
เขาได้เงินงวดแรกมาแล้วตามข้อตกลงซึ่งจำนวนไม่มากไม่น้อย
แต่ที่ทำให้จิ้งจอกสวาทครุ่นคำนึงอย่างตื่นเต้นนั้นก็คือเงินที่จะได้รับจาก
ส่วนแบ่งการปล่อยยานรกของชิดน้องชายของเชิดเพื่อนชั่วนั่นเอง
พอคิดๆ
ไปก็อยากรู้เรื่อง
ศักดาจึงโทรไปหาเด็กหนุ่มรุ่นน้อง
“ว่าไง
พี่ศัก...”
เสียงของชิดดังเคล้าหัวเราะร่วนมาอย่างอารมณ์ดี
จิ้งจอกสวาทหัวเราะตอบไปว่า
“เป็นไงบ้างล่ะ
พวกมึง...สบายควยกันไปตามๆ
กันเลยสิ..อย่าลืมที่ตกลงกันไว้นะเว้ย...”
“ไม่ลืมหรอกนา.พี่ศัก..เรื่องนี้...เดี๋ยวเราค่อยๆ
คุยกันก็ได้”
เสียงชิดตอบมาน้ำเสียงหัวเราะร่วน
เป็นคนละคนกับตอนที่ขอร้องอ้อนวอนให้เขาช่วยลิบลับ
คำพูดที่สองแง่สองง่ามเป็นนัยๆ
ไม่สามารถตีความชัดๆ ได้นั้น
ทำให้ศักดาฉุนกึก
ไอ้เหี้ยชิด....อร่อยควยเรียบร้อยไปแล้ว..ตอนนี้คิดจะเบี้ยวกูเรอะ
จิ้งจอกสวาทตาเบิกโพลง
พยายามสะกดอารมณ์พล่านที่พลุ่งขึ้นมาอีก
กล่าวเน้นๆ
“ไอ้ชิด...มึงยังจำคำที่มึงพูดตอนขอให้กูช่วยได้ใช่ไหม”
ชิดหัวเราะเสียงดังร่วน
เสียงตอบนั้นยวนๆ
“ผมคงใช้แรงกับพี่คนสวยมากไปหน่อย..ตอนนี้เลยเบลอๆ...เดี๋ยวให้ผมคิดก่อนนะ...”
ศักดาสะกดใจไม่ได้ด่าออกมา
พยายามระงับอารมณ์กล่าว
“ไอ้ชิด...อย่าบอกกูนะ..ว่ามึงจะเบี้ยว..”
ชิดหัวโจกแกงค์นรกว่าต่อเสียงเคล้าหัวเราะ
“น่า....เราใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน..
ที่ผมให้พี่ศักไปแล้วก็ตั้งหลายหมื่นแล้วนา...อีกอย่าง...พี่ผมเขาก็เคยช่วย
พี่ศักไว้เยอะนะ...เอาไว้เรานัดนั่งกินเหล้า..ผมช่วยอะไรพี่ได้เราก็คุยกัน
อีกทีดีกว่า...ตอนนี้...ฮิฮิ...ผมชักเงี่ยนอีกแล้ว...”
จิ้งจอกสวาทรู้สึกตัวว่าพลาดเชิงไปหน่อย
จะดึงดันไปก็คงไม่ได้อะไร
ต้องใจเย็นๆ หน่อย
คิดดั่งนั้นแล้วชายหนุ่มก็พยายามสะกดกลั้นอารมณ์โกรธ
ทำเป็นถามเสียงเคล้าหัวเราะ
“แล้วน้องไอซ์ล่ะ...”
ชิดส่งเสียงหัวเราะร่วนดังลั่น
ก่อนจะกล่าวว่า
“อยากฟังเสียงหน่อยไหมล่า...”
จากนั้นเสียงทางปลายสายก็เงียบห่างออกไป
จนกระทั่งชายหนุ่มได้ยินเสียงครางครวญดังแว่วๆ
และค่อยๆ แรงขึ้นๆ
เมื่อชิดถือโทรศัพท์เดินเข้าไปใกล้ๆ
แหล่งที่มาของเสียงนั้น
ซี๊ดดดดดดดด...ซี๊ดดดดดด....อ๊ะ
อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ....อ๊ายยย
อ๊ายยย...ซี๊ดดดด..ระ..เร็วววว...เร็ววววว..แรงงงงๆ..ซี๊ดดดดด...อ๊ะ...
อ๊ะ...อ๊ายยย..อ๊ายยย...พี่..พี่....เสียววววว...จะถึงแล้วว....อ๊ะ...อ๊ะ..
อ๊ะ....อ๊ายยยยยยยยย...อ๊ายยยซซซซซซซซ
และเสียงหัวเราะครืนของคนกลุ่มใหญ่ดังแว่วเข้ามา
ก่อนที่เสียงของชิดจะดังมาอีกครั้ง
น้ำเสียงหัวเราะร่วน
“ฮะๆ
ไม่ต้องห่วงนะพี่ศัก..พวกผมจะดูแลพี่สาวคนสวยให้ดีเชียว..ฮ่า
ฮ่า.”
ศักดาได้ยินเสียงครางกระเส่า
ฮืออออ ฮือออ ของฐิติพรรณแว่วเข้ามา
สีหน้าเต็มไปด้วยความเสียดาย
ก่อนที่จะได้ยินเด็กช่างกลวัยรุ่นกล่าวตัดบท
“แค่นี้ก่อนแล้วกันนะพี่ศัก...ไอ้มืด..มันเรียบร้อยไปแล้ว...ถึงตาผมบ้างล่ะ..แล้วค่อยคุยกันอีกทีนะ..”
จากนั้นอีกฝ่ายก็ตัดสัญญาณไป
จิ้งจอกสวาทเมื่อนึกถึงเนื้อขาวๆ
ของฐิติพรรณภายใต้การเฟ้นฟอนของไอ้เด็กเปรตพวกนั้น
มันทำให้ควยอวบของชายหนุ่มกระดกขึ้นตุงเป้าอย่างกระสันซ่าน
ด้วยความหงุดหงิด
พลุ่งพล่าน ทั้งรู้สึกเงี่ยนกระสันตามสันดาน
เรื่องที่ประดังกันเข้ามาทำให้ศักดาขับรถคันหรูของเขาด้วยความเร็ว
และบีบแตรลั่นเมื่อคันข้างหน้าขับช้าไม่ทันใจ
เร่งแซงซ้ายปาดขวาอย่างน่าหวาดเสียว
ขณะที่ทะยานรถไปตามท้องถนน
การเคลื่อนไหวของรถสุดหรูนั้น
สะกิดสายตาของผู้ที่ขับรถอยู่ในเส้นทางนั้นแทบทุกคน
รวมไปถึงเด็กสาวสองคนในรถฮอนด้าสีขาวด้วย
อรอุษานิ่วหน้า
ชี้ให้พี่สาวดูรถสีดำที่แซงปาดซ้ายขวาอยู่ตรงหน้าไกลๆ
ใบหน้ากลมหวานใสค่อนข้างบึ้ง
“ษา..เกลี๊ยด..เกลียด..คนขับรถอย่างนั้น...เขาไม่รู้หรือว่ามันอันตราย...”
“คงรู้...แต่ไม่สนใจมั้ง...คิดอีกที...เขาอาจจะกำลังมีเรื่องด่วน..เรื่องสำคัญต้องรีบไปทำก็ได้...”
อรนุชยักไหล่
กล่าวเรื่อยๆ แบบไม่ค่อยถือสานัก
เพราะเด็กสาวก็ค่อนข้างขึ้นชื่อในเรื่องการซิ่งรถ
เพียงแต่เธอไม่ถึงกับสามหาวหยาบกระด้างขับรถไล่จี้ใคร
และเปิดไฟไล่
บีบแตรใส่รถที่ช้ากว่าเหมือนกับคนที่ขับรถคันหรูข้างหน้ากระทำอยู่
ทันใดนั้นเองเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
อรนุชเหลือบตาไปมองโทรศัพท์ที่วางอยู่บน
handset ที่คอนโซลรถ
ก็เบิกตากลมโต ร้องเสียงดัง
“ษา...พี่อรโทรมา”
อรอุษามีสีหน้าตื่นเต้นไปด้วย
รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ
กด Speaker
เพื่อให้พี่สาวคนรองได้ยินด้วย
ก่อนจะกรอกเสียงหวานใสลงไปอย่างดีใจ
“พี่อรหรือคะ...นี่ษาพูดค่ะ
ษาอยู่กับพี่นุชนะคะ...พี่นุชกำลังขับรถอยู่ค่ะ..”
“ษาเหรอ...พี่ถึงซานฟรานแล้วนะ..การเดินทางเรียบร้อยดีไม่มีปัญหาจ้ะ...พี่
กำลังจะเดินทางไปโรงแรม...ษาล่ะ..รู้สึกเป็นยังไงบ้างจ๊ะ..ยังปวดหัวอยู่
หรือเปล่า”
เสียงอรชาดังขึ้นมาอย่างอ่อนโยน
การโทรศัพท์มาบอกกับน้องสาวทั้งสองของตนเมื่อเดินทางถึงที่หมายเมื่อต้องมี
การเดินทางระยะทางไกลๆ
นั้นเป็นกิจวัตรที่ทำเป็นประจำของหญิงสาว
เพราะไม่ต้องการให้อรนุชกับอรอุษาเป็นห่วง
น้ำเสียงตอนท้ายๆ
ของอรชาบ่งชัดถึงความห่วงใยอาทรในตัวน้องสาวคนเล็กของเธอ
ซึ่งอรอุษาก็รับรู้ได้ชัดเจนทำให้หัวใจนั้นพองฟูอิ่มเอิบไปด้วยความตื้นตัน
ใจ
“ษาสบายดีค่ะ...พี่อรไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ...”
อรนุชที่ขับรถอยู่
ก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ
ร้องเสียงใสแจ๋ว
“นุชก็สบายดีค่า...เที่ยวเผื่อนุชด้วยนะค้า...พี่อร”
เสียงอรชาหัวเราะดังมา
เธอได้ยินเสียงน้องสาวคนกลางชัดเจน
“เอ..นุชนี่..พี่มาทำงานนะจ๊ะ
ไม่ใช่มาเที่ยว”
จากนั้นเสียงของหญิงสาวที่ดังมาจากอีกมุมหนึ่งซีกโลกก็ดังอย่างห่วงใย
“ษายังไม่ค่อยแข็งแรง...นุชต้องช่วยดูแลน้องมากๆ
นะ...เอ่อ..แล้วพี่ไม่อยู่นี่..อย่าฉวยโอกาสไปยิงปืนเล่นให้มากนักนะจ๊ะ...”
อรอุษายกมือปิดปาก
พยายามกลั้นหัวเราะไม่ให้ดังลอดไปให้พี่สาวคนโตได้ยิน
ขณะที่อรนุชหัวเราะกร่อยๆ
ส่งเสียงอ้อมๆ แอ้มๆ ว่า
“ค่า...พี่อร..สอบอ
มอ..สบายมากค่ะ..วางใจได้”
จากนั้นพี่สาวคนโตของเด็กสาวทั้งสองก็เอ่ยสำทับเรื่องการดูแลให้น้องสาวคน
เล็กได้รับประทานยาให้ครบ
dose ตามที่หมอสั่ง
และเรื่องอาหารการกินอีกหลายอย่าง
ก่อนจะจบท้าย
“แล้วใกล้ๆ
วันจะกลับพี่จะโทรไปหาอีกทีจ้ะ...กู๊ดไนท์นะจ๊ะ...น้องรักทั้งสองของพี่..”
ว่าแล้วอรชาก็วางหูไป
อรนุชผ่อนลมหายใจยาว เฮ้ออออ..
“พี่อร..น๊า...พี่อร..ไม่รู้จะห้ามพี่เรื่องยิงปืนไปถึงไหนกัน...”
สุ้มเสียงบ่นๆ
แต่น้ำเสียงนั้นบ่งบอกดีว่าเธอรักเคารพพี่สาวของเธอเพียงใด
อรอุษาหัวเราะคิก
อรนุชดูเวลาแล้วนึกถึงคำสั่งของพี่สาวเรื่องยาของน้องสาวคนเล็ก
จึงเอ่ยว่า
“เอ..นี่ก็ได้เวลาทานยาแล้วนี่นา..รถยังแน่นถนนอยู่เลย
พี่ว่าเราแวะทานอาหารกันแถวๆ
นี้ดีกว่า เพราะกว่าจะถึงบ้านสงสัยเลยเวลายาไปแล้ว”
จากนั้นอรนุชก็หาทางเบี่ยงเลี้ยวรถเข้าไปในในศูนย์การค้าที่อยู่ใกล้ๆ
และจากนั้นก็เข้าไปนั่งรับประทานอาหารกันในภัตตาคารเงียบๆ
แต่ค่อนหรูเป็นส่วนสัดแห่งหนึ่ง
ในเวลาที่อรนุชก็ลังยิ้มหัวเราะคิกคิกไปกับน้องสาว
ยกแก้วน้ำส้มขึ้นดื่มอย่างอร่อย
ในช่วงเวลาเดียวกัน ณ
อีกมุมหนึ่งในย่านแถบหมู่บ้านร้างชานเมืองกรุงเทพนั้น
เพื่อนสาวที่เรียนอยู่ชั้นปีเดียวกับเธอผู้ซึ่งมีความสวยสดงดงามไม่เป็นรอง
เด็กสาวแม้แต่น้อย
กำลังคลานนมกระเพื่อมอยู่บนฟูกเก่าๆ
ที่ส่งกลิ่นเหม็นหืน
อ้าปากบางงามที่เต็มเอ่อไปด้วยเมือกขาวกำลังกลืนกินน้ำกามกระฉูดใหม่ที่พรวด
เข้ามาในช่องปากของเธอ
ขณะที่ควยอวบที่ด้านหลังกระทอกน้ำเมือกขาวขุ่นราดรดเข้าไปในโพรงสวาทที่กลวง
อ้าฉ่ำแฉะนั้น...
………………………….
“เฮ้...แอ๋ว...นังไอซ์มันหายหัวไปไหนวะ
แกรู้ไหม..สองวันแล้วนะที่มันไม่โผล่มาที่คณะเลย”
เพื่อนๆ
ในกลุ่มก๊วนสอบถามขณะที่ทั้งหมดนั่งล้อมกันอยู่ตรงเก้าอี้แถวๆ
คณะเรียน
แอ๋วหรือศจีสมาชิกในกลุ่มที่ค่อนข้างสนิทกับฐิติพรรณเป็นพิเศษ
เพราะตัวเธอถึงแม้จะสวยสู้ฐิติพรรณไม่ได้
แต่ก็ถือว่าหมดจดมีน้ำมีนวลไม่น้อยและรูปร่างดีพอสมควรที่สามารถรับงานเป็น
พริตตี้ได้ และรับจ๊อบร่วมกับเพื่อนสนิทอยู่บ่อยๆ
ศจีเองก็ห่วงเพื่อนอยู่เหมือนกัน
ผงกศีรษะร้อง ฮื่อ
“สงสัยมันคงเฮิร์ทว่ะ
ฉันโทรไปหามันเย็นวันอาทิตย์บอกเรื่องเจ๊แต๋วนั่นแหล่ะ...เสียงของไอซ์มันดู
เซ็งๆ
ฉันว่ามันคงหนีไปเที่ยวที่ไหนสักแห่งนี่แหล่ะ...แต่ที่แย่...ไอซ์มันดันปิด
มือถือด้วย..”
“แล้วมันหนีไปเที่ยวไหนกันว้า...นี่มันวันพุธแล้วนะ…มันจะรู้ไหมนี่ว่าเจ๊แต๋วตามหาตัวมันให้ควั่ก...”
จากนั้นสุ้มเสียงหนึ่งก็ถามอย่างสงสัย
“ว่าแต่ว่า..ทำไมเจ๊แต๋วแกเปลี่ยนใจล่ะ..เห็นทีแรกจะให้ยายอรนุชเป็นตัวแทนไม่ใช่หรือ”
“เห็นเพื่อนฉันที่พอจะสนิทๆ
กับพวกกลุ่มนั้น
เล่าให้ฟังว่าแม่อรนุชเขาเล่นตัวไม่ยอมประกวด
เจ๊แต๋วก็เลยต้องเปลี่ยนใจมาหานังไอซ์”
ถึงแม้จะเรียนชั้นปีเดียวกันและคณะเดียวกันก็ตาม
แต่เพราะว่าเรียนคนละสาขา
โดยที่ก๊วนของฐิติพรรณเลือกเรียนด้านประชาสัมพันธ์
ส่วนกลุ่มของอรนุชเลือกเรียนด้านวิยทาการทำสื่อ
พอเข้าปีที่สองต้องมีการแยกเรียนลงไปตามสาขาวิชามากขึ้น
จึงทำให้ก๊วนของฐิติพรรณกับกลุ่มของอรนุชไม่ค่อยได้เรียนด้วยกัน
และยิ่งฐิติพรรณมีอคติฝังใจกับอรนุช
ซึ่งต่างคนก็ต่างคล้ายกับเป็นตัวแทนกลุ่มกลายๆ
เลยทำให้ความสันพันธ์ของนักศึกษาสาวของทั้งสองก๊วนนี้ไม่ค่อยสนิทใจกันนัก
“แหม..อายุยืนจริง..แม่อรนุช...นั่นไงพากันมานั่นแล้ว...หมั่นไส้ว่ะ...ทำตัวราวกับเจ้าหญิง”
สมาชิกคนหนึ่งส่งเสียงกระซิบกระซาบ
พร้อมกับเบือนหน้ามองไปอีกด้านหนึ่ง
ทำให้พรรคพวกทั้งหมดหันตามไปก็เห็นนักศึกษากลุ่มหนึ่งเดินผ่านมา
ที่โดดเด่นสะดุดตากว่าใครถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะตัวเล็กบางกว่าเพื่อน
และอยู่ภายใต้การห้อมล้อมของเพื่อนฝูงกลุ่มใหญ่
แต่รัศมีแห่งความงามกระจ่างต่างนั้นก็โดดเด่นออกมาต้องสายตาของผู้คนเสมอๆ
ความจริงอรนุชนั้นไม่ใช่เป็นคนบอบบางอ่อนแอ
มิหนำซ้ำยังติดจะแก่นแก้วเกินหน้าเพื่อนฝูงด้วยซ้ำไป
แต่ทว่าจากลักษณะรูปร่างที่มองเห็นภายนอกเด็กสาวนั้นประหนึ่งเป็นดอกกล้วย
ไม้ที่บอบบางหากจะถูกฝนพรำหนักๆ
ก็อาจจะหักเปราะไปได้กระนั้น
ทำให้เธอเป็นไข่แดงที่เพื่อนๆ
ในกลุ่มเฝ้าคอยปกป้องคุ้มครองอย่างหวงแหน
เวลาเดินกันไปกลุ่มๆ
อรนุชมักจะถูกจัดตำแหน่งโดยเพื่อนๆ
ให้อยู่ตรงกลางกลุ่มเสมอ
ในเวลานั้นอรนุชเดินหัวเราะ
ยิ้มแย้มมากับเพื่อนฝูงหลังจากจบชั่วโมงเรียน
ทันใดนั้นก็มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาปะทะข้างหน้า
คนเดินนำเป็นสาวน้อยที่ใบหน้าสวยหมดจดเนื้อตัวขาวผ่องแบบลูกคนจีน
ซึ่งในตอนนั้นต้องใช้ไม้ค้ำช่วยเดิน
ตรงข้อเท้าขวามีผ้าพันเอาไว้แน่น
รุจิราตัวแทนที่ต้องถอนตัวจากการประกวดเดินเข้ามาหา
เด็กสาวผู้ซึ่งเรียนด้านบริหารธุรกิจซึ่งต่างคณะกับอรนุช
แต่พอจะคุ้นเคยกันอยู่บ้าง
กล่าวทักทายแล้วถามตรงประเด็นที่ตนเองนั้นมาหา
“นี่นุช..ได้ข่าวว่า
พี่แต๋วเขาจะให้ไอซ์เป็นตัวแทน..แทนตัวรุเหรอ”
อรนุชยิ้มรับ
แล้วร้อง ฮื่อ อีกฝ่ายทำหน้าเบ้ทันที
“ทีแรกรุได้ข่าวว่าจะเป็นนุช...แต่ว่า...ทำไมไปๆ
มาๆ..เป็นอย่างนี้ไปได้...ไม่เอานะ..ถ้ารุต้องถอนตัว
รุอยากให้นุชประกวดแทนรุอ่ะ..”
เด็กสาวแสนสวยยิ้มอ่อนๆ
“ทำไมล่ะ..รุ...ไอซ์เขาก็เหมาะสมดีออก..”
“รุไม่ชอบไอซ์
รุว่าเขา...เขา..ไม่เหมาะเป็นตัวแทนของรุ”
รุจิราพูดด้วยน้ำเสียงสะบัดๆ
เมื่อนึกไปถึงฐิติพรรณผู้ซึ่งเธอไม่ชอบ
และรู้สึกเขม่นกันทุกครั้งที่เดินสวนหน้ากัน
อรนุชไม่ต้องการพาตัวให้เข้าไปยุ่งกับเรื่องส่วนตัวหรือการขัดแย้งของคนอื่น
ตอนนั้นก็ได้แต่กล่าวแบบกลางๆ
“ไอซ์เขาคงไม่ได้คิดอะไรกับรุนะ
รุคิดมากไปหรือเปล่า...”
รุจิราหน้าบึ้ง
ตัวเธอเป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัวที่มีแต่คนเอาใจเสมอๆ
ความจริงที่ต้องถอนตัวไปนี่ก็สร้างความหงุดหงิดในใจให้กับเธอมากอยู่แล้ว
ยิ่งพอเด็กสาวทราบว่าคนที่กำลังจะได้เป็นตัวแทนเธอเป็นเพื่อนร่วมสถาบันที่
เธอรู้สึกเขม่นๆ
เพราะอีกฝ่ายนั้นสวยกว่าเธอในทุกด้าน
เพียงแต่รุจิรายังยึดปมเด่นประการเดียวที่เธอมีเหนือกว่าก็คือฐานะทางครอบ
ครัวที่ร่ำรวยกว่า
ถ้าจะต้องสูญเสียโอกาสในการประกวดไป
รุจิรารู้สึกพอใจกว่าถ้าตัวแทนของเธอนั้นเป็นอรนุช
ผู้ซึ่งเพียบพร้อมทั้งรูปโฉมและฐานะทางสังคมที่ทัดเทียมกันเธอ
และที่สำคัญเธอรู้ว่าอรนุชนั้นไม่ใช่คนที่ชอบชิงดีชิงเด่นซึ่งต่างจากฐิติ
พรรณ
“น่า..นุชรับปากรุสิ..ว่าจะเป็นตัวแทนรุไปประกวด”
รุจิราพูดเสียงอ้อนวอน
ความจริงเพื่อนๆ
ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับอรนุชก็เชียร์ให้เพื่อนสาวไปประกวดอยู่แล้ว
ต่างคนต่างแอบพูดกันลับหลังเพื่อนรัก
เพราะรู้ว่าอรนุชไม่ชอบให้ใครมาเซ้าซี้เรื่องการประกวด
ตอนนี้ยังเสียดายโอกาสแทนเพื่อนรักไม่หาย
พอรุริจามาพูดเช่นนี้ หลายๆ
คนที่รายล้อมอรนุชอยู่จึงถึงโอกาสตีขลุมช่วยกันพูดแทบจะเป็นเสียงเดียวกัน
หมด
“จริงด้วยนุช..”
“ใช่ๆ
พวกเราเห็นด้วย..นุชน่ะเหมาะสมที่สุด”
“เอ่อ...นุช..”
“รับรองเลยว่าถ้านุชไปประกวดต้องได้รางวัลชนะเลิศแน่ๆ...”
“คือว่า..นุช..กับ..”
“โธ่
นุชจ๋า โอกาสดีๆ
อย่างนี้ปล่อยให้ผ่านไปได้ยังไงกัน..”
...
...
...
พออรนุชขยับปากจะพูด
เพื่อนๆ รอบตัวก็ชิงพูดตัดหน้ากันใหญ่
หว่านล้อมอย่างนั้น พูดจาอย่างนี้
ด้วยความหวังว่าอาศัยพวกมากเพื่อนสาวอันเป็นที่รักใคร่จะใจอ่อน
จนเด็กสาวร่างเล็กบางทำหน้า
เอ๋อ ไปเลย อ้าปากจะพูดอะไรก็ถูกคนที่อยู่รอบๆ
ชิงพูดตัดไปหมด จนเธอทนไม่ไหวก็รีบโบกมือ
ร้องสุดเสียง
“เดี๋ยวๆๆๆ...ว้า...หยุดก่อน...ขอนุชพูดบ้างสิ”
เสียงแหลมๆ
ของเด็กสาวร่างเล็กได้ผล
ทำให้ทั้งหมดหยุดพูดชะงัด
อรนุชก็เลยได้ถอนใจออกมายาวๆ
ก่อนจะพูดถึงข้อตกลงของตนเองกับพี่แต๋วกรองกนก
“อะไรนะ
นุชหมายความว่าถ้าไอซ์เขาปฏิเสธ
นุชถึงจะยอมประกวดเหรอ”
รุจิราย้อมถามทวนเพื่อให้แน่ใจ
อรนุชพยักหน้า ตอบสั้นๆ
“อื้อ..ใช่”
เสียงเพื่อนฝูงรอบตัววิจารณ์กับเซ็งแซ่
ต่างคนต่างไม่เชื่อว่าฐิติพรรณจะปฏิเสธคำทาบทามเลยแม้แต่คนเดียว
โดยเฉพาะรุจิราที่ขมวดคิ้ว
กล่าวว่า
“รุไม่เห็นว่าจะมีเหตุผลอะไรที่ไอซ์เขาจะไม่รับปากพี่แต๋วเลย…ไม่เอา..รุไม่ยอม...น่านุช...ไปบอกพี่แต๋วเลยว่านุชยอมประกวด...”
เพื่อนๆ
ในกลุ่มก็เริ่มรบเร้าใหม่
นะนุช นะนุช..เสียงดังจุ๊กจิ๊กๆ
รอบๆ ตัวเด็กสาวร่างเล็กบางราวกับเสียงนกกระจอกแตกรัง
....จนอรนุชชักเห็นท่าไม่ดี
คิดในใจ ...ว้า...ยุ่งจริงแฮะ...เผ่นก่อนดีกว่าเรา
ดังนั้นเด็กสาวทำเป็นมองดูนาฬิกาที่ข้อมือแล้วรีบตัดบท
“อุ๊ย..นึกขึ้นได้ว่ามีนัด..ไม่ว่างคุยด้วยแล้วล่ะ...เอาไว้ค่อยคุยกันใหม่แล้วกันนะ”
กล่าวจบไม่รอว่าเพื่อนๆ
จะพูดว่าอะไร รีบปั่นเท้าเล็กๆ
สวยได้รูปของเธอ เดินเร็วๆ
แกมวิ่ง ตื๋อออกไปทันที
“เดี๋ยว...เดี๋ยวก่อน..นุช”
รุจิราร้องตาม
แต่สภาพอย่างเธอที่เดินยังไม่คล่องเลย
จะไปวิ่งตามได้อย่างไร
ในที่สุดก็ได้แต่มองเงาหลังบางๆ
นั้นวิ่งหายไปยังบริเวณลานจอดรถของมหาวิทยาลัยด้วยใบหน้าบึ้งตึง
เด็กสาวหันรีหันขวางอย่างหงุดหงิด
ก็พอดีหันมาไปเจอกลุ่มของศจีและพวกที่หันมามองห่างๆ
อยู่ก่อนแล้วรุจิราจำได้ว่าเป็นนักศึกษากลุ่มก๊วนของฐิติพรรณ
เธอจึงเดินเขยกๆ ไปหา
แล้วถามหาถึงพริตตี้สาวเสียงแข็งห้วน
“ไอซ์ล่ะ...”
ศจีกับพวกมองใบหน้าสวยแบบลูกคนจีนของเด็กสาวตรงหน้าด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
ก่อนที่เด็กสาวจะพูดเสียงสะบัดๆ
“เธอถามทำไม”
“ฉันอยากจะเตือนไอซ์ว่าให้เขาถอนตัวซะ
อย่างเขาน่ะไม่เหมาะเป็นตัวแทนของฉันหรอก”
คำพูดของรุจิรา
สร้างความรู้สึกไม่พอใจให้พุ่งปรี๊ดขึ้นมาในกลุ่มของเด็กสาวที่นั่งอยู่
ต่างผุดลุกขึ้นมีสีหน้าจะเอาเรื่อง
ศจีที่ตอนนั้นเป็นตัวแทนของกลุ่มแทนฐิติพรรณ
ทำสายตาหยามๆ กล่าวว่า
“เชอะ..ทำเป็นพูดอย่างกับว่าตัวเองดีนักเนี่ย
ใครๆ
เขาก็รู้กันทั้งนั้นแหล่ะจ้ะ...ว่าที่ตัวได้เป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยน่ะ
ก็เพราะเตี่ยเธอรวยต่างหาก
แต่ความจริงน่ะตัวมีอะไรสู้ไอซ์เขาได้บ้างจ๊ะ”
ศจีเน้นคำไปที่เตี่ย
เพราะรู้ๆ
มาว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยชอบให้ใครพูดถึงเชื้อชาติตระกูลที่เป็นคนจีนของตนเอง
เพื่อนๆ
ของศจรีหัวเราะครืนอย่างสนุก
รุจิราหน้าแดงก่ำด้วยโทสะ
และคำพูดที่จี้ใจดำของเธอ
นักศึกษาสาวสามสี่คนที่ตามรุจิรามาด้วย
เจ็บร้อนแทนเพื่อน
ต่างขยับปากส่งคำพูดเผ็ดร้อนออกมา
ส่วนก๊วนของศจีกับพวกก็ไม่ยอม
ดังนั้นเสียงทุ่มเถียงวิวาท
จึงดังเจื้ยวจ๊าวลั่นบริเวณนั้น
จนเพื่อนๆ
ของอรนุชที่ยืนอยู่ด้วยต้องรีบเข้ามาแทรกกลางหย่าศึกให้
ก่อนที่รุจิราจะเดินเขยกนำเพื่อนๆ
ของเธอกลับไปด้วยความโกรธ
ในกลุ่มเพื่อนในก๊วนของฐิติพรรณ
มีคนรีบกล่าวว่า
“เฮ้
แอ๋วรีบติดต่อไอซ์ให้ได้เร็วๆ
สิ ให้ไอซ์เขามารีบตกลงกับเจ๊แต๋วให้เรียบร้อย
ฉันน่ะอยากเห็นนังหมวยหน้าจืดนั้นดิ้นกระแด่วๆ
แบบว่าให้กระอักเลือดออกมาเหลือเกิน”
ศจีถอนหายใจ
พยายามกดโทรเรียกไปอีก
ก็ไม่การตอบรับ
ข้อความที่ได้ยินแสดงว่าเพื่อนสาวนั้นปิดเครื่อง
ตอนนี้เธอก็จนปัญญาเหมือนกันว่าจะไปตามฐิติพรรณได้ที่ไหน
........................
ทีแรกตั้งใจว่าจะไปหาข้าวกลางวันกินอร่อยๆ
กับเพื่อนที่เรียนด้วยกัน
แต่มาเกิดเรื่องที่ทำให้ต้องวิ่งอ้าวมาก่อน
อรนุชก็เลยเซ็งจัด
จะไปกินคนเดียวก็น่าเบื่อ
เลยขับรถตรงกลับไปบ้านของเธอเลย
“ไปกินกับยายษาดีกว่า”
เนื่องเพราะตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อน
อรอุษาน้องสาวคนเล็กของเธอจึงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับบ้าน
อรนุชขับรถประมาณครึ่งชั่วโมงก็บรรลุถึงอาณาจักรของบ้านที่ใหญ่โตโอฬารกิน
เนื้อที่เกือบสิบไร่
อันเป็นบ้านที่เธอเติบโตมากับพี่และน้องด้วยความสุข
อรอุษากำลังนั่งแทะแตงโมอยู่ที่เรือนกล้วยไม้
ทำตาโตอย่างดีใจ เพราะกำลังเบื่อๆ
ต้องอยู่คนเดียว
ออกมารับหน้าพี่สาวคนกลาง
“ทำไมกลับเร็วจังล่ะคะ
พี่นุช”
“ผิดแผนน่ะ
ตอนนี้พี่หิ๊วหิว มีอะไรกินบ้าง”
อรนุชพูดพลาง
ใช้มือกุมท้องทำทำหน้าโอดครวญ
ท่าทางของพี่สาวทำเอาอรอุษาหัวเราะกิ๊ก
รีบกระวีกระวาดเข้าไปสั่งให้แม่บ้านจัดเตรียมอาหารกลางวันทันที
พอเริ่มอิ่มท้อง
เด็กสาวร่างเล็กบางก็นั่งคิดถึงแผนการจะทำอะไรดีบ่ายนี้
ซึ่งไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าไปสนามยิงปืน
เธอจึงหันไปชวนน้องสาว
“ไปสนามยิงปืนกับพี่ไหม”
อรอุษาถอนใจดัง
เฮ้อ นั่งยืดแขนขาเรียวงามของตัวเองอย่างขี้เกียจๆ
ตอนนี้เธออยู่ในชุดอยู่กับบ้านง่ายๆ
เสื้อยืดแขนสั้น
และกางเกงขาสั้นมันทำให้เห็นช่วงขาและช่วงแขนที่ขาวผ่องเรียวงามที่ขาวสล้าง
เปล่งปลั่งสมบูรณ์ไปด้วยเลือดสาวอันใสสะพรั่ง
ด้วยวัยที่ใกล้จะครบสิบเจ็ดปีอีกไม่กี่เดือนนั้นอรอุษาไม่ต่างอะไรกับกุหลาบ
ตูมกำลังจะผลิบานเป็นดอกไม้งามตามแบบพี่สองทั้งสอง
“อยากไปจังค่ะ
แต่สงสัยอด
เพราะต้องอยู่เตรียมเนื้อหาไว้สอนหนังสือ
และเย็นนี้ก็ต้องไปสอนเปียนโนด้วย”
“จริงสิ
พี่ก็ลืมสนิทเลย
นี่แคมป์ฤดูร้อนที่มหาลัยกำลังจะเปิดแล้วนี่นา
ษาเป็นติวเตอร์ด้วยใช่ไหม”
อรนุชกล่าวอย่างนึกขึ้นได้
น้องสาวคนเล็กของเธอผู้ซึ่งทั้งเรียนหนังสือเก่งและมีความสามารถเล่นเปียนโน
ระดับออกงานของโรงเรียนมาแล้ว
ยิ้มน่ารักผงกศีรษะ
อรชาและน้องสาวทั้งสองนั้นทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นคนเรียนเก่ง
เนื่องจากได้รับอิทธิพลและแรงบันดาลใจมาจากมารดาของพวกเธอซึ่งเป็นถึง
ศาสตราจารย์ดอกเตอร์ทางด้านวิทยาศาสตร์
เพียงแต่ว่ามารดาผู้ฉลาดเฉลียวงดงามนั้นเสียชีวิตไปตั้งแต่อรชาอายุได้แค่
สิบเจ็ดปี และอรอุษาคนเล็กอายุยังไม่ครบสิบขวบ
นอกจากพวกเธอจะมีหัวสมองดีในการศึกษาแล้ว
มารดาของพวกเธอยังปลูกฝังให้ลูกสาวทั้งสามมีงานอดิเรกเพื่อเสริมสร้างความ
รู้และประสบการณ์นอกห้องเรียน
อรชานั้นเก่งการดนตรีมาตั้งแต่เด็ก
ส่วนอรนุชนั้นมีปมในใจเรื่องร่างกายที่ดูเล็กบางกว่าพี่น้อง
เธอจึงฮึดชอบเล่นอะไรแผลงๆ
เช่นขี่ม้า ฟันดาบ ฝึกเทควันโด้
และล่าสุดติดอกติดใจในเรื่องของการยิงปืนจนกลายงานอดิเรกประจำไปแล้ว
ส่วนอรอุษานั้นเนื่องยังเล็กมากตอนที่มารดาเสีย
เธอจึงยึดพี่สาวคนโตเป็นแบบอย่าง
ยิ่งมาระยะหลังๆ
อรชาที่ต้องเข้ามารับภาระเรื่องธุรกิจของครอบครัว
จึงห่างๆ จากการเล่นดนตรีที่เธอชอบ
หญิงสาวจึงสนับสนุนส่งเสริมให้น้องสาวคนเล็กรับช่วงต่อ
จนอรอุษามีทักษะด้านการดนตรีระดับดีเยี่ยม
“ถ้าอย่างนั้น
เวลาไปที่มหาลัยก็ติดรถพี่ไปนะ
ไม่ต้องรบกวนลุงมากหรอก”
อรนุชกล่าว
ลุงมากนั้นคือคนขับรถเก่าแก่ตั้งแต่รับใช้บิดาของพวกเธอ
จนกระทั่งปัจจุบันเป็นคนขับรถส่วนตัวของอรชาเวลาหญิงสาวต้องออกงานใหญ่ๆ
แต่โดยมากพี่สาวคนโตของพวกเธอชอบความคล่องตัวจึงขับรถเองเป็นส่วนใหญ่
ลุงมากจึงได้รับมอบหมายให้ขับรถไปรับส่งอรอุษาที่โรงเรียนแทน
“ค่ะ..”
อรอุษารับคำใบหน้าชื่น
เพราะเธอเองก็ยินดีอยู่แล้วที่จะได้อยู่ใกล้ๆ
พี่สาวอันเป็นที่รัก
อรนุชใช้ส้อม จิ้มๆ
ทอดมันเข้าปากอีกสองสามอันอย่างอร่อย
ก่อนจะยกแก้วน้ำดื่มแล้วกระโดดขึ้น
“พี่ไปล่ะ…คงกลับเย็นๆ”
ว่าจบก็เดินแกมวิ่งออกไปจากห้องอาหาร
เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดนักศึกษาเป็นชุดทะมัดทะแมงด้วยเสื้อเชิ๊ตพับแขนจนถึงข้อ
ศอก กางเกงขายาว รองเท้าผ้าใบ
สะพายกระเป๋าที่บรรจุอาวุธปืนคู่มือพร้อมกล่องกระสุน
เดินฮัมเพลงออกไปอย่างสบายอารมณ์
อีกพักหนึ่งอรนุชก็มายืนอยู่ตรงแนวยิง
สวมแว่นตาและชุดป้องกันเสียง
ยืนเหยียดแขนอันเรียวงามบอบบางที่ไม่เชื่อจะควบคุมปืน
S&W M60
ในมือได้อย่างนิ่มนวลปานนั้น
ลั่นกระสุนออกไปเป็นจังหวะ
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง
....ร่างเล็กบางนั้น
สมส่วนสง่า
ท่วงท่ายืนเล็งปืนอย่างมีสมาธินั้นน่าดูน่าชมอย่างไม่มีเบื่อ
ภาพของเด็กสาวร่างเล็กบางที่ยืนตรงเป็นสง่า
ส่งกระสุนออกไปอย่างแม่นยำนั้น
เป็นภาพที่สมาชิกของสนามยิงปืนแห่งนี้ได้เห็นอยู่บ่อยๆ
ทุกคนที่เดินผ่านไปผ่านมาอดจะต้องหันมามองด้วยสายตาที่ชื่นชมไม่ได้
ยิ่งคนใกล้ชิดที่รู้อุปนิสัยที่น่ารัก
แจ่มใส ร่าเริง ฝีมือยิงปืนเข้าขั้นเทพ
แต่ไม่เคยคุยโว
ต่างก็รักเอ็นดูและชื่นชมในตัวของเด็กสาวร่างเล็กบางนี้ด้วยกันทุกคน
เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่จะเด็กสาวร่างเล็กบางนี้จะกลายเป็นนางแบบโดยไม่รู้
ตัวให้กับตากล้องมือสมัครเล่นที่เดินผ่านไปผ่านมาในสนามยิงปืนนั้นอยู่เสมอๆ
ซึ่งในบางครั้งนั้นชมรมกล้องของมหาวิยาลัยบางแห่งถึงกับรวมตัวมาขอให้อรนุช
เป็นแบบยืนโพสท่ายิงปืนเสียด้วยซ้ำ
ดังนั้นในวันนี้ชายฉกรรจ์คนหนึ่งที่ใช้กล้องดิจิตอลคุณภาพสูง
นั่งซุ่มอยู่ในมุมหนึ่ง
โคลสอัพถ่ายภาพในอิริยาบทสุดงามตระการตาของอรนุชเอาไว้แทบจะทุกท่วงท่า
จึงไม่มีใครเอะใจสงสัย
หรือคิดว่าจะเป็นการกระทำที่รับการไหว้วานมาจับตาและสอดส่องดูพฤติกรรมของ
สาวน้อยแสนสวยเลยแม้แต่น้อย
………………………
พริตตี้สาวที่เพื่อนๆ
ทุกคนกำลังสงสัยว่ากำลังหายไปไหน
เดินโผเผกลับเข้าไปในห้อง
เด็กสาวที่ยังอยู่ในเครื่องแต่งกายตัวเดิมเหมือนสองวันก่อน
ชุดเสื้อกระโปรงที่เคยรัดรึงโชว์เรือนร่างของพริตตี้สาวที่งดงามตระการตา
แต่ทว่าตอนนี้ถ้ามองพิจารณาใกล้ๆ
แล้วจะพบว่ากระโปรงสั้นที่เด็กสาวสวมใส่นั้นมันเผยให้เห็นรอยช้ำเป็นจ้ำๆ
อยู่ตลอดเกือบช่วงขาขาวสวยของเธอ
อันเป็นผลมาจากถูกแกงค์เด็กนรกรุมโทรมอยู่ถึงสองวันเต็มๆ
ก่อนที่พวกนั้นจะปล่อยให้เธอกลับออกมาจากบ้านร้างหลังนั้น
โดยเด็กสาวที่อ่อนระโหยราวกับหงส์ปีกหักโบกเรียกแท็กซี่ให้มาส่งเธอที่ห้อง
พักซึ่งเป็นห้องชุดในอาคารคอนโดหรูทันสมัย
ทว่าฐิติพรรณไม่มีแก่ใจจะคำนึงถึงความสวยงามหรืออะไรทั้งสิ้น
ทันทีที่เดินเข้าไปในห้อง
เด็กสาวก็ล้มฟุบไปนอนบนเตียง
และหลับเป็นตาย
เพราะสูญเสียพลังงานที่มีไปแทบหมดจากการถูกดึงไปใช้หล่อเลี้ยงคลื่นแห่งความ
กระสันต์ที่ทะลักจุดเดือดแตกระเบิดออกมาจนแทบจะเรียกว่านับครั้งไม่ถ้วนตลอด
ช่วงสองวันที่ผ่านมานี้
พริตตี้สาวสวยตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็มืดมากแล้ว
ฐิติพรรณนอนขดตัวอยู่บนเตียง
ร้องไห้ออกมาจนไม่มีน้ำตาจะร้อง
นึกเสียดายตัวเสียดายความสาวที่ถูกเด็กพวกนั้นพร่าทำลายไปจนยับเยิน
ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงปล่อยตัวปล่อยใจไปกับพวกนั้นอย่างง่ายดายถึงเพียง
นี้
ในเวลานั้นกลิ่นเหม็นหืนที่รมจมูกอยู่
ทำให้เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าทั่วร่างของเธอมีแต่คราบเหนียวจากน้ำกาม
เด็กสาวมีสีหน้าสะอิดสะเอียน
จนต้องเอามือกุมปาก
คอขย้อนจะอ้วกออกมา
แต่สองวันนี้แทบไม่มีอะไรตกถึงท้องนอกจากน้ำไม่กี่แก้ว
ทำให้ไม่มีอออกมาจากลำคอนอกจากน้ำขมๆ
พริตตี้สาวเดินโผเผ
เข้าไปอาบน้ำชำระคราบไคลที่หมักหมม
เด็กสาวสระผมถูสบู่ไปทั่วตัวรอบแล้วรอบเล่าจนตัวซีด
ก่อนที่จะเดินระโหยโรยแรงออกมาจากห้องน้ำ
หาชุดที่สวมใส่สบายๆ หลวมๆ
แล้วเพิ่งรับรู้ถึงความหิวที่แสบไส้
เพราะไม่ได้กินอะไรเลยมาตั้งสองวัน
ดังนั้นฐิติพรรณจึงจำต้องค้นๆ
หาอะไรที่ทานได้ง่ายๆ
พอประทังความหิวไปบ้างในตู้เย็น
ก่อนจะก็ทิ้งตัวลงไปบนเตียงอีกครั้ง
และพยายามคิดลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันก่อน
เธอออกมากับศักดาจากผับ
รถของอีกฝ่ายเกิดเสียจนต้องจอดข้างทาง
จากนั้นก็มีรถเมล์ผ่านมา
ศักดาแนะว่าเธอควรจะกลับรถเมล์จะปลอดภัยกว่า
ซึ่งเธอก็เชื่อเขา
และขึ้นไปบนรถเมล์คันนั้น
เธอจำได้ว่า
สักพักหนึ่งเธอรู้สึกมึนๆ
และคนพวกนั้นก็ขึ้นตามมา
จากนั้น.....
น้ำตาของฐิติพรรณไหลซึมออกมาเป็นทาง
ตอนนี้สติของเด็กสาวเริ่มกลับคืนมาบ้างหลังจากได้อาบน้ำชำระกาย
และนอนพักเต็มๆ ตา
ฐิติพรรณไม่ใช่เด็กไร้เดียงสา
เธอรู้เรื่องราวในโลกสังคมพอสมควร
ตอนนี้เธอเพิ่งแน่ใจว่าตัวเองคงถูกมอมยา
แต่ทำไมพวกนั้นถึงทำได้โดยที่เธอไม่รู้ตัวนะ?
เด็กสาวนอนร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
ป่วยการจะคิดว่าทำไม
ในเมื่อทุกอย่างมันผ่านมาจนไม่มีทางแก้ไขให้กลับไปเหมือนเดิมได้แล้ว
เธอจะทำอะไรต่อไป?
จะแจ้งตำรวจหรือเปล่า?
พอคิดแค่นั้น
ฐิติพรรณก็ตัวสั่นออกมา
ถ้าข่าวว่าเธอถูกเด็กวัยรุ่นขี้ยารุมโทรมแพร่ออกไป
ชื่อเสียงของเธอคงป่นปี้
เธอจะไปเรียนโดยทนต่อสายตาของคนที่มองมาและแอบพูดลับหลังเธอถึงเรื่องที่
เกิดขึ้นได้อย่างไร
ความฝันความหวังที่จะได้ใช้ชีวิตเชิดหน้าชูตาในสังคมชั้นสูงก็คงมลายไป
และที่สำคัญ..พี่ธนา..พี่ธนาคงไม่มีวันหันมามองเธออีกตลอดกาล
ไม่มีทาง
ไม่มีทาง เธอไม่ยอมให้เรื่องนี้แพร่ออกไปเด็ดขาด
ถึงตอนนี้เธอก็ค่อยเข้าใจ
ที่เด็กพวกนั้นกล้าปล่อยเธอกลับมา
ก็เพราะพวกนั้นมั่นใจว่าเธอจะไม่กล้าพูดอะไรออกไป
เธอไม่กล้า
ไม่กล้าจริงๆ
ฐิติพรรณร้องไห้ออกมาดังๆ
นอนขดตัว ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาจนตัวสั่นสะท้าน
พริตตี้สาวนอนร้องไห้ในสภาพนั้นอยู่อีกนานจนร่างกายที่เพลียจัด
ก็ทำให้ผล็อยหลับไปอีก
จนกระทั่งเช้า
ฐิติพรรณตื่นขึ้นมาอีกทีประมาณเจ็ดโมงเช้า
ด้วยความเคยชิน
เธอจะหยิบมือถือขึ้นมาดูเวลา
พอเธอควานมือไปที่หัวเตียง
ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่เกิดเรื่องเธอไม่ได้สนใจในโทรศัพท์มือถือของเธอ
เลย
ดังนั้นเด็กสาวจึงรีบลุกขึ้นไปเปิดกระเป๋าถือและเพิ่งจำได้ว่าเธอปิดเครื่อง
เอาไว้ตั้งแต่สองวันก่อน
พริตตี้สาวเบิกตาอย่างตกใจไม่น้อย
เมื่อเห็นรายการ missed
call ยาวเป็นหลายสิบรายการ
ตอนนั้นเธอจึงตระหนักได้ว่าหายไปตัวสองวันเต็มๆ
จะต้องมีคนสงสัยแน่ว่าเธอหายไปไหน
ถึงแม้ว่าร่างกายที่ยังอ่อนล้าอยู่ไม่น้อยทำให้เธออยากจะพักอยู่ที่ห้อง
แต่ฐิติพรรณคิดว่าควรจะไปที่คณะ
ทำตัวให้เป็นปกติ
บอกว่าเธอเพิ่งกลับจากหัวหิน
เพื่อไม่ให้ใครสงสัยว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกับตัวเธอจะดีกว่า
ดังนั้นฐิติพรรณจึงอาบน้ำแต่งตัวเตรียมจะออกไปเรียนตามปกติ
ทันใดนั้นเองเสียงเรียกก็ดังขึ้นที่มือถือ
เด็กสาวเปิดพอมองเห็นหมายเลขที่ไม่ได้บันทึกไว้มีข้อความเข้ามาก็สงสัย
พอฐิติพรรณเปิดรับ
มือบางงามของเธอที่ถือโทรศัพท์อยู่ก็สั่นระริก
จนแทบจะปล่อยมือถือให้หลุดไปจากมือ
“พี่ไอซ์คนสวยครับ
ผมคิดถึงจัง ทำไมปิดมือถือหนีล่ะครับ”
ข้อความที่ส่งมา
มีการแทรกรูปภาพมาหลายรูป...ล้วนแล้วแต่ภาพซูมของตัวเธอกำลังเปลือยเปล่า
อยู่ท่ามกลางการกอดรัดของพวกวัยรุ่น
ฐิติพรรณสะอื้น ฮัก ฮัก
น้ำตาไหลออกมา
ลนลานกดปุ่มลบรูปเหล่านั้นไปด้วยมือที่สั่นระริก
จากนั้นก็มีเสียงเรียกเข้าขึ้นมาอีก
คราวนี้เบอร์เดิมเรียกสายเข้ามา
ฐิติพรรณอยากจะขว้างโทรศัพท์ไปไกลๆ
แต่ก็ไม่กล้า ได้แต่สะกดอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
กดปุ่มรับสาย กรอกเสียงห้วนๆ
ลงไปอย่างคั่งแค้นใจ
“พวกแกต้องการอะไรจากฉัน”
เสียงชิดหัวเราะร่วน
ดังเข้ามาอย่างยียวน
“อ๊ะ
อ๊ะ..แหม..เสียงดุจัง
ไม่เห็นเหมือนตอนที่พี่ไอซ์คนสวยร้อง...พี่เสียวอย่างนั้น
พี่เสียวอย่างนี้เลย..ฮ่ะ
ฮ่ะ”
พริตตี้สาวสวยตัวสั่นระริกด้วยความรู้สึกสะอิดสะเอียนเมื่อนึกถึงเหตุการณ์
ที่ตัวเองปล่อยตัวปล่อยใจไปกับการกระทำของเด็กชั้นต่ำพวกนั้น
จนแทบอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ
ระบายด่าออกมาให้สุดเสียง
แต่ก็ต้องพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
ฝืนใจพูดเสียงเบาลง
“พวก..พวก..เธอต้องการอะไร”
“พูดอย่างนี้ค่อยน่าฟังหน่อย...อย่างที่ผมส่งข้อความบอกไปแหล่ะครับ
คิ๊ดถึงคิดคึง...ตอนนี้พวกผมอยู่หน้าคอนโดของพี่ไอซ์นี่เอง
ขอพวกผมขึ้นไปหาหน่อยนะครับ”
ชิดกล่าวเสียงเคล้าหัวเราะ
ฐิติพรรณใบหน้าซีดขาว
เธอเป็นคนที่มีคนรู้จักเยอะ
ถ้าใครรู้ว่ามีผู้ชายขึ้นไปถึงในห้อง
จะแก้ตัวยังไง?
ดังนั้นพริตตี้สาวจึงรีบละล่ำละลักพูดว่า
“อย่า...ไม่ต้อง...เดี๋ยว..เดี๋ยวพี่จะลงไปหาเอง”
“ไม่ต้องหรอก
ครับผมอยากขึ้นไปหาพี่ไอซ์คนสวยมากกว่า..ผมว่าเรามีเรื่องที่น่าจะคุยกันแบบลับๆ
ไม่ต้องกลัวใครได้ยินดีกว่านา...ฮิฮิ”
ฐิติพรรณใบหน้าซีดขาว
ไม่มีปัญญาปฏิเสธความต้องการของอีกฝ่าย
และเมื่อยามชั้นล่างโทรมาที่ห้องเพื่อขอคำยืนยันว่าจะให้คนขึ้นไปพบหรือไม่
เพราะเป็นกฏของห้องพักเพื่อความปลอดภัย
พริตตี้สาวก็จำใจต้องยอม
เด็กสาวเปิดประตูรับชิดที่นำพรรคพวกหัวโจกแกงค์นรกพรวดเข้ามาในห้องของฐิติพรรณ
แกงค์เด็กนรกทั้งห้าคนเบิกตามองดูสาวสวยในชุดนักศึกษารัดรึงร่างกายที่พวกตน
ยังรู้สึกกระหายหิวที่จะได้ตักตวงความหอมหวานอย่างไม่มีเบื่อด้วยสายตาสุด
หื่น ชิดกล่าวเคล้าหัวเราะ
“วันนี้พวกผมมาชวนพี่ไอซ์คนสวยของพวกผมไปเที่ยวครับ..ไม่เจอกันแค่วันเดียวคิดถึงจะแย่”
พรรคพวกหัวเราะครืนใหญ่
ขณะที่ฐิติพรรณมีใบหน้าซีดขาวเมื่อกล่าวว่า
“พี่..พี่มีเรียน..”
“โธ่เอ๊ย
พี่ไอซ์...หยุดเรียนวันสองวันไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ครับ”
มืดกล่าวยิ้มๆ
ขณะที่มองชิดหัวโจกที่เดินเข้าชิดตัวของฐิติพรรณ
แล้วดึงร่างงามเข้าไปกอด
โดยที่พริตตี้สาวพยายามดิ้นรนผลักไส
แต่พอไอ้อ้วนที่ไปประกบด้านหลังกระซิบเสียงหื่นเบาที่ข้างหูของฐิติพรรณ
“อย่าดิ้นสิครับ
พี่ไอซ์คนดี…เรามาสนุกกัน
เหมือนกับรูปที่พวกผมส่งให้ดีกว่าครับ”
พริตตี้สาวที่ได้ยินคำพูดแสดงนัยยะอย่างนั้น
ทำให้ร่างบางของเธอหมดแรง
ชิดจึงก้มหน้าเข้ามาควานจูบริมฝีปากงามของฐิติพรรณได้ถนัดๆ
เสียง อื้อออออ อื้อออออ
ดังจากลำคอสวยระหงของเด็กสาว
อ้วนหัวเราะกระหยิ่ม
มืออ้อมมาจากด้านหลังขยุ้มไปตรงสองเต้าอิ่มงาม
ขยำคลึงไปอย่างเมามัน
ถึงแม้จะตัดใจยอมเพราะไม่มีทางเลือกฐิติพรรณก็ยังต้องบิดตัวอย่างสะอิด
สะเอียน เมื่อแจ็กกับอ๋องที่ขนาบเข้ามาข้างๆ
ควานมือไปมาตามช่วงขาของเธอ
และพยายามดึงกระโปรงของเธอขึ้นมาเพื่อเฟ้นไปตรงเนื้อขาวๆ
ช่วงขาอ่อนของเด็กสาวได้ถนัดๆ
ขณะที่มืดแสยะยิ้มออกมา
หยิบมือถือมาจับภาพนักศึกษาแสนสวยภายใต้การรุมล้อมเข้าไปของพรรคพวกทั้งสี่
ชิดหัวโจกกำลังซุกไซร้ใบหน้าไปตรงซอกคอขาวที่หอมกรุ่นไปด้วยกลิ่นสบู่
ขณะที่มือของอ้วนนั้นปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของฐิติพรรณไปสองเม็ดเริ่มล้วง
เข้าไปภายในร่มผ้า
ขยำคลึงสองเต้าอิ่มอย่างเมามัน
ในเวลาเดียวกันนั้นกระโปรงสีดำถูกอ๋องกับแจ็กดึงขึ้นไปทบคาอยู่บนเอวคอดกิ่ว
มือหยาบๆ ของทั้งสองป่ายไปตามช่วงขาอ่อนขาวสล้าง..
และเนินสามเหลี่ยมที่มีกางเกงในสีขาวห่อหุ้มอยู่อย่างนูนแน่น.....
“ยิ้มหน่อยครับ
พี่ไอซ์คนสวย”
ฐิติพรรณเบือนหน้ามายังมืด
แล้วน้ำตาไหลต้องออกมาเป็นทาง
พร้อมๆ กับมือของเด็กช่างกลที่กดปุ่ม
แช๊ะ
แช๊ะ แช๊ะ
พริตตี้สาวที่ยืนตัวอ่อนระทวยอยู่ภายใต้การรุมเข้ามาของแกงค์เด็กนรก
คร่ำครวญอย่างเจ็บช้ำ
ทำไม
ทำไมเธอต้องตกอยู่ในสภาพนี้ด้วย
ภาพพวกนั้น
ภาพที่พวกมันใช้เป็นเครื่องข่มขู่...นี่...เธอจะต้องตกเป็นเครื่องเล่นให้
กับไอ้คนชั้นต่ำพวกนี้อย่างไม่มีทางเลี่ยงเลยหรือ...
ไม่ยอม
เธอจะไม่ยอมจำนนต่อ..ชะตากรรมง่าย.ๆ..เด็ดขาด
มันต้องมีทางแก้
มันต้องมีทางสิ ไอซ์
มันต้องมีทาง….
เด็กสาวสวยพยายามร้องบอกตัวเอง
ขณะที่ร่างงามของเธอถูกผลักลงไปบนเตียง
.............................
“เดี๋ยว..เดี๋ยว..ไอซ์อย่างเพิ่งวางหู...ไอซ์..ไอซ์”
ศจีละล่ำละลักพูด
แต่ตอนนั้นก็ได้ยินเสียงสัญญาณแสดงการปิดสายที่ปลายทางแล้ว
เมื่อเธอโทรไปใหม่เพื่อนสาวก็ปิดมือถือไปแล้ว
“แอ๋ว...แอ๋ว...ไอซ์มันว่ายังไง”
เพื่อนๆ
รุมถามด้วยความหยากรู้
ศจีถอนหายใจ
เมื่อครู่นี้เธอตื่นเต้นยินดีที่ได้รับสายจากเพื่อน
เพราะกำลังเป็นห่วงว่าอีกฝ่ายนั้นหายตัวไปไหน
และรีบบอกข่าวดีที่ทางมหาวิยาลัยจะเลือกฐิติพรรณเป็นตัวแทนไปประกวด
ซึ่งศจีหลงคิดไปว่าที่เพื่อนหายหน้าไปก็เพราะเสียใจผิดหวังกับการไม่ได้รับ
เลือก
ซึ่งศจีไม่คาดว่าเพื่อนรักของเธอจะปฏิเสธอย่างไม่สนใจไยดี
“ช่างเถอะ...ฉันไม่สนใจแล้วการประกวดนั่น..และที่โทรมาก็เพราะไม่อยากให้แก
คิดมากว่าฉันจะหนีไปฆ่าตัวตาย...ฉัน..คนอย่างฐิติพรรณ...ไม่ขอยอมแพ้หรอก..
ไม่มีวัน...”
น้ำเสียงตอนท้ายของเพื่อนสนิทนั้นหนักแน่นจนค่อนข้างจะแข็งกร้าว
ซึ่งศจีฟังแล้วอดรู้สึกขนลุกไม่ได้
แต่อย่างน้อยเธอก็เบาใจว่าคงไม่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับเพื่อน
“แล้วแกจะมาเรียนเมื่อไหร่ล่ะ...”
“ไม่รู้...มีอารมณ์เมื่อไหร่แกก็เห็นฉันเองแหล่ะ..”
เสียงเพื่อนสนิทดังมาอย่างไม่ยี่หระ
จากนั้นก็วางหูไปเลย
โดยที่เธอเรียกท้วงอย่างไรก็ไม่ฟัง
เมื่อศจีเล่าให้เพื่อนๆ
ในกลุ่มฟัง
ต่างคงก็ต่างบ่นพึมพำอย่างไม่เข้าใจการตัดสินใจของฐิติพรรณ
“นังไอซ์มันคงงอนเจ๊แต๋ว..เลยประชดไม่รับเลย”
บางคนสรุปอย่างนั้น
ซึ่งหลายๆ คนก็ผงกศีรษะเห็นด้วย
และข่าวนั้นก็แพร่สะบัดไปทั่วอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางความดีอกดีใจของหลายๆ
คน
โดยเฉพาะพี่แต๋วหรือกรองกนกที่แจ้นมาหาอรนุชถึงคณะทันทีที่ได้รับข่าว
เด็กสาวเรียนจบคาบบ่ายแล้ว
ขณะที่กำลังเดินออกมากับเพื่อน
ก็เจอกับกรองกนกที่แทบวิ่งเข้าใส่
“น้องนุช..น้องนุชจ๋า..พี่มาทวงสัญญาจ้ะ”
พี่แต๋วพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
รู้สึกแปลกใจมากเหมือนกันว่าทำไมเด็กสาวที่แสดงออกอย่างทะยานอยากอย่างฐิติ
พรรณจะปฏิเสธโอกาสนี้
แต่เธอก็ไม่สนใจจะหาเหตุผล
เพราะความยินดีมันพลุ่งกลบสิ่งอื่นไปหมด
อรนุชที่มาถึงคณะตอนเช้าด้วยจิตใจที่แจ่มใสเบิกบาน
และนั่งเรียนจนจบคาบบ่ายทั้งวันด้วยความรู้สึกสบายๆ
พลันข่าวร้ายก็แพร่มาถึงพร้อมๆ
กับการปรากฏตัวของกรองกนก
เด็กสาวร่างเล็กบางแสดงสีหน้าแห้งแล้ง
ยิ้มแห้งๆ
กับสตรีสูงวัยกว่าผู้เป็นคณะกรรมการคัดเลือก
“เอ่อ..พี่แต๋ว.จะไม่ลองทบทวนดูหน่อยหรือคะ”
กรองกนกยิ้มหวานหยดย้อย
“ไม่ทบทวนจ้ะ
จะทบทวนทำไม น้องนุชน่ะเพอร์เฟกต์สุดๆ
อยู่แล้ว”
เด็กสาวที่ยังคงมึนๆ
เหมือนถูกน๊อค จะปฏิเสธก็ไม่ได้
เพราะรับปากเอาไว้แล้ว
ได้แต่ทำหน้าแห้ง ขณะที่คนรอบๆ
ตัวเธอนั้นยิ้มแย้มแจ่มใสกันทั่วถ้วน
ในที่สุดอรนุชก็ได้แต่ปลง
ถามเสียงอ่อยๆ
“แล้วนุชต้องทำอะไรบ้างล่ะคะ”
“ไม่ต้องห่วงจ้ะ
พี่แต๋วมีโปรแกรมไว้หมดแล้ว
ก่อนอื่นก็ต้องไปเข้าชั้นอบรมเรื่องมารยาทการพูด
การเดิน การเข้าสังคม
จากนั้นก็เตรียมตัวไปร่วมกิจกรรมกับกองประกวด..แล้วก็วางแผนเรื่องเกี่ยวกับ
การแสดงความสามารถพิเศษ
การติวเข้มเรื่องการตอบคำถาม...”
กรองกนกสาธยายเสียงแจ๋ว
โดยไม่สนใจว่าสีหน้าของคนฟัง
ซึ่งตอนนั้นอ้าปากค้าง
ตาเบิกโต ราวกับคนกำลังถูกผีหลอกแต่อย่างใด
………………
ในวเลานั้น
ที่อีกมุมหนึ่งของเมืองกรุง
ในห้องพักคอนโดของฐิติพรรณ
เพลิงสวาทอันเร่าร้อน
เพลงกามที่ดำเนินต่อเนื่องมาตั้งแต่เช้ายังไม่มีทีท่าจะยุติแต่อย่างใด
เด็กสาวแสนสวยเจ้าของห้องที่ตอนนั้นเรือนร่างเปลือยเปล่ามีเพียงกระโปรงนัก
ศึกษาคาอยู่ตรงเอวคอด
กำลังนั่งคร่อมลำตัวอันอวบอ้วนช่างกลวัยรุ่น
ควบโพรงสวาทของตัวเองที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำกามนั้นขย่มควยของอ้วนที่นอนแผ่
อยู่เตียง
ปากงามของฐิติพรรณที่อาบเคลือบด้วยน้ำกามครวญคราง
ไปตามแรงกระแทก ป้าบ ป้าบ
ป้าบ เมื่อหน้าขาที่เต็มไปด้วยไขมันกระแทกไปบนแก้มก้นขาว
ยามที่จังหวะขย่มของเด็กสาวนั้นสอดรับพอดีกับจังหวะเด้งสะโพกของเด็กหนุ่ม
ร่างอ้วน
ซี๊ดดดดดด
ซี๊ดดดดดดดด ฮื้อออออ ฮื้อออออ
ปั่บ ปั่บ ปั่บ ปั่บ ฮื้ออออออ
ฮื้ออออออ
ขณะที่พริตตี้สาวนั่งขย่มนมกระเพื่อมครางอย่างเสียวกระสัน
ช่างกลร่างอ้วนก็นอนตัวกระตุกร้อง
อูซซซซซ อูซซซซซ อูซซซซซซ
ห่อปากครางอย่างสุดกระสันซ่านไม่แพ้กัน
ใบหน้าอูมๆ
นั้นเต็มไปด้วยเหงื่อกาฬที่แตกพลั่กออกมาจนมันเยิ้ม
ขณะที่มืดซึ่งเดินโผเผออกไปเพราะเพิ่งกระฉูดน้ำกามเข้าไปในโพรงปากของสาวสวย
ชิดก็เดินควยกระตุกเข้ามาแทนที่
ยัดท่อนเอ็นแข็งไปตรงหน้า
ฐิติพรรณก็เอื้อมมือเรียวงามเข้าไปประคองท่อนเนื้อนั้น
อ้าปากของเธอโอบเข้าไปดูดอย่างรวดเร็ว
อึ้มมมมม อึ้มมมมม
เสียงเด็กสาวดูดท่อนควย
รับกับเสียงสูดปากซี๊ดดดดด
ซ๊าดดดดด ของเด็กวัยรุ่นหัวโจก
แจ็กกับอ๋องที่นั่งพักควยกันได้ครู่ใหญ่แล้ว
เขม้นมองมาบนเตียงก็รู้สึกกระสันเงี่ยนจนท่อนเอ็นกระตุกหงึกหงัก
เดินเข้ามาขนาบสองข้าง
แล้วจับมือบางของฐิติพรรณให้กำรอบไปที่ท่อนเอ็นตึงของตัวเอง
ซึ่งพริตตี้สาวก็รู้ดีว่าทั้งสองคนนั้นต้องการอะไร
จึงกระตุกมือนุ่มของเธอกระทอกควยแข็งทั้งสองลำนั้นอย่างรวดเร็ว
สร้างความสุขเสียวให้กับแจ็กกับอ๋องจนแข่งกันสูดปากดังลั่นห้อง
ซู๊ดดดดดดด
ซู๊ดดดดดดดด....พี่ไอซ์.....มือนุ๊ม...นุ่ม...ซี๊ดดดดดด..อูยยยยยยซซ…
ในเวลานั้นอ้วนร้องกระเส่า
กระตุกมือไปที่เอวคอดรั้งร่างงามให้ขย่มลงมารับกับการเด้งสะโพกสวนอัดขึ้นไป
ร่างที่อ้วนฉุกระตุกสั่นวูบบบ
วูบบบบ ใบหน้าบิดเบี้ยวร้องเสียงกระเส่า
อูซซซซซ อูซซซซ อูซซซซซ
ฐิติพรรณที่คุ้นกับจังหวะเป็นอย่างดีแล้วเร่งจังหวะขย่มโพรงสวาทลงไปอย่าง
รวดเร็ว หน้าท้างขาวผ่องนั้นสั่นเป็นลอนๆ
เสียง ปั้บ ป้บ ปั้บ ปั้บ
ดังถี่ยิบ
ความเสียวที่พล่านขึ้นมาจากโพรงสวาททำให้เธอครางครวญผ่านควยที่คับปากดัง
อื้มมมมมม อื้มมมมมม อื้มมมมม
รับจังหวะกับเสียงปั้บ ปั้บ
ปั้บ นั้น อย่างยาวนานร่วมสิบห้านาที
จนกระทั่งวัยรุ่นร่างอ้วนถึงจุดกระสันแตก
ร่างอ้วนลงพุงสั่นกระตุกๆ
เนื้อที่เต็มไปด้วยไขมันเต้นระริก
กำมือแน่นไปตรงเอวคอดของฐิติพรรณ
แอ่นสะโพกตัวเอง กระตุกควย
ท่อก ท่อก ท่อ
กระฉูดน้ำกามเข้าไปในโพรงสวาทที่ตอดรัดแนบแน่นนั้นอย่างสุดอารมณ์
อูซซซซซซซซซซ
อูซซซซซซซซซ อูซซซซซซซซซ
โอววววว..สุดยออดดดดด
อ้วนครางออกมาอย่างหฤหรรษ์
ใบหน้าอูมมันเยิ้มนั้นแสยะยิ้ม
สูดปากอย่างสนุกควย
พริตตี้สาวสวยถูกโยกตัวออกมาจากควยอวบอ้วนที่แข็งเด่
เสียงดังผลุบ พร้อมๆ
กับน้ำกามที่ไหลทะลักออกมาตามร่องหลืบที่แบะอ้าข้นเขลอะลงมาเป็นทางตามลำขา
อ่อน เด็กสาวถูกจับให้อยู่ในท่าคลานลงกับเตียง
คราวนี้อ๋องชักรำคาญกระโปรงดำที่คาอยู่ตรงเอวคอด
จัดการถลกครูดออกไปจากร่างงามของพริตตี้สาวจนเธอตัวเปล่าขาวเปลือย
ก่อนที่เด็กโค่งที่เปลี่ยนตำแหน่งเข้ามาประกบที่ด้านหลังก็สอดหัวถอกบานอัด
เข้าไปในโพรงสวาทที่เปิดอ้านั้นเข้าไปอย่างรุนแรงเสียงดัง
ป้าบ สนั่น เมื่อหน้าขาปะทะแก้มก้นขาว
และจากนั้นก็กระตุกสะโพกกระเด้าลำเอ็นนั้นเป็นจังหวะราวกับลูกสูบ
ป้าบ ป้าบ ป้าบ ดังต่อเนื่อง
มือหยาบเฟ้นฟอนไปตรงเอวคอดกิ่วที่ส่ายระริก
ร่างงามที่คลานอยู่บนเตียงนั้นสั่งสะท้านไปตามแรงอัดของหนอกควย
อกเต่งตึงสองก้อนนั้นกระเด้งไหวๆ
ฐิติพรรณที่ตอนนั้นดูดควยจนแก้มตอบ
หลับตาพริ้มๆ ขนตางอนยาวกระพริบถี่ถี่
สีหน้านั้นบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดระคนเสียวกระสัน
มืองามก็กระทอกควยให้กับมืดที่ยืนแอ่นสะโพกยิ้มเผล่อยู่ข้างๆ
ตัวเธอ แต่ในใจของเด็กสาวนั้นยังคงร่ำร้อง
ด้วยคำพูดที่เธอท่องเอาไว้ในใจราวกับคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเอง
มันต้องมีทางแก้
มันต้องมีทางสิ ไอซ์
มันต้องมีทาง….
ยามที่เฝ้าข้างล่างห้องพัก
ที่จำได้ว่ามีเด็กหนุ่มท่าทางเป็นนักเลงโตขึ้นไปแต่เช้า
แต่เขายังไม่เห็นวี่แววจะกลับออกมา
ยามซึ่งเป็นชายกลางคนสูงอายุ
ดูไปที่นาฬิกาทุ่มกว่าแล้ว
ครุ่นคิดอย่างปลงๆ
เด็กวัยรุ่นเข้าไปมั่วในห้องตั้งแต่เช้าจรดเย็น
มันจะมีเรื่องอะไรดีๆ
ได้ในห้องนั้น
เฮ้อ
สาวๆ สมัยนี้
ช่างกล้า...แม่หนู...เอ๊ย...หน้าตาออกสวย..ไม่น่า...
ลุงยามส่งผลัดเวรต่อให้กับยามที่มาเฝ้ากะดึก
ก่อนจะกลับไปบ้าน
แต่ยามที่เข้ามารับช่วงใหม่นั้นตลอดดึกจนถึงเช้าก็ไม่ได้เห็นว่าจะมีใครเดินออกมาจากห้องพักของเด็กสาวสวยนั้น
.....................................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น