พัชรางค์หมดสติไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้
พอได้สติมาครั้งหนึ่งก็รู้สึกตัวร้อนด้วยพิษไข้
คิดถึงความสาวที่สูญเสียไป
ภาพแม่ครัวที่ถูกฆ่า
แล้วเธอก็หมดสติไปอีกครั้ง
เธอหลับๆตื่นๆ
พร่ำเพ้ออย่างเลอะเลือนด้วยพิษไข้
แล้วในที่สุด เธอก็ตื่นมาอีกครั้ง
อาการไข้ดูจะทุเลาไปแล้ว
แต่ความเพลียความหิวโหยเข้ามาแทนที่
พัชรางค์พบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่มืดมิด
ไม่มีแสงไฟใดๆเลย
เธอต้องใช้มือคลำเพื่อพยุงตัวเองขึ้นมา
“ใครอยู่ข้างนอกช่วยฉันด้วย
ฉันหิวข้าว”
พัชรางค์ตะโกนเสียงดัง
เมื่อรู้ว่าตัวเองอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมมีผนังราบลื่นทั้งสี่ด้าน
เธอรู้สึกกลัว แต่ก็อ่อนแรงด้วยความหิว
เธอคงสลบไปนานมากจึงรู้สึกหิวขนาดนี้
“ฉันหิวข้าว
ฉันอยากกินข้าว ช่วยฉันด้วย”
พัชรางค์ตะโกนอีกครั้ง
ห้องที่มืดสนิทก็สว่างโพลงด้วยไฟดวงใหญ่
พัชรางค์ปรับตาให้ชินกับแสงแล้วจึงมองไปรอบๆอีกหน
ฝาห้องสามด้านเป็นกระจก
เธอพยายามทบทวนเรื่องที่ผ่านมา
นี่มันที่ไหนกันนะ ใครจับตัวเธอมา
พวกมันต้องการอะไร
โจรเรียกค่าไถ่หรือ
เธอได้แต่คาดเดา
แต่หาคำตอบไม่ได้จึงร้องออกมาอีกหน
“ฉันอยู่ที่ไหน
ช่วยบอกด้วย ต้องการอะไรก็มาคุยกันซิ
เอาฉันออกไปข้างนอก
ฉันหิวเหลือเกิน”
สิ้นเสียงตะโกนไม่นาน
กระจกด้านหนึ่งก็มีแสงสว่างขึ้นแล้วดับวูบไป
ไม่นานก็มีผู้หญิงหน้าคมผมสั้นส่งกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าเข้ามาในห้อง
มือของเธอเหมือนจะลอดผ่านกระจกเงาเข้ามา
พัชรางค์นึกว่าเป็นกล่องอาหารรีบคว้ามาเปิด
แต่ข้างในมันเป็นเพียงอวัยวะเพศชาย
ซึ่งเป็นของเทียมอันไม่ใหญ่แต่ยาวเกือบเท่าไม่บรรทัด
เธอทั้งโกรธ ทั้งอับอาย
ทั้งขยะแขยง ทั้งหวาดกลัว
ทุกอารมณ์ผสมปนเปกันไปหมดจนเธออยากจะอาเจียน
เคราะห์กรรมอะไรที่นำเธอมาที่นี่
เธอควรจะอยู่อย่างหรูหราในที่ทำงาน
ทำไมคนที่ฉลาด เลิเลิศ
มีแต่คนรุมล้อมเอาใจอย่างเธอต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ด้วย
พัชรางค์คิดด้วยความขมขื่น
แต่แล้วท้องเธอก็ร้องเรียกหาอาหารอีกครั้ง
“ฉันหิวต้องการอาหาร”
พัชรางค์ตะโกนวิ่งไปชนกำแพงกระจก
ไม่พบทางออกอย่างที่คิด
“ถอดเสื้อผ้าของเธอออกก่อน”
เสียงผู้หญิงดังแว่วเข้ามาเบาๆ
พัชรางค์จึงตะโกนสวนกลับไปว่าหิว
ต้องการอาหารอีกหน
“อยากได้อาหาร
ก็ถอดเสื้อผ้าออกให้หมดทุกชิ้น”
“ไม่
ฉันไม่ยอมถอด” พัชรางค์ตะโกนสวนออกไป
มือกุมเสื้อคลุมไว้แน่น
เธอยังอยู่ในสภาพเดิม
ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงกางเกงใน
ชุดนอนและเสื้อคลุมปกคลุมร่างกายอยู่เพียงสามชิ้นเท่านั้น
“ทนหิวได้ก็ตามใจ
ฉันไปก่อนนะ คนสวย”
เสียงนั้นเบากว่าเดิม
และไม่ว่า พัชรางค์จะตะโกนอีกกี่ครั้ง
เสียงที่ตอบออกมานอกจาเสียงของตัวเองแล้วก็มีเพียงความเงียบเท่านั้น
ไฟในห้องค่อยๆหรี่และหรี่ลงทีละน้อย
จนกระทั่งห้องนั้นกลับสู่ความมืดอีกครั้ง
พัชรางค์จึงร้องตะโกนขออาหาร
แต่ยังคงไม่มีคำตอบและความมืดมิดเช่นเคย
“ฉันถอดเสื้อออกแล้ว”
ในที่สุดพัชรางค์ก็ทนความหิวต่อไปไม่ได้
“ยังเหลือกางเกงในกับชุดนอน
ต้องถอดให้หมดเสียก่อน”
ทั้งๆที่พัชรางค์ถอดเสื้อในความมืด
แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับรู้ว่าเธอแค่ถอดเสื้อคลุมอย่างเดียว
ไม่ถอดชุดนอนและกางเกงในออก
พัชรางค์อิดเอื้อนแต่ก็ค่อยยอมถอดชุดนอนเป็นชิ้นต่อไป
เธอรู้สึกอับอายเหลือเกิน
โชคดีที่ห้องนี้มืดสนิทจนมองอะไรไม่เห็น
“ฉันถอดหมดแล้ว
รีบเอาอาหารเข้ามา”
“ยังเหลือกางเกงในอีกตัวคนสวย
อย่ามาลวดลายกับฉัน”
เสียงของผู้หญิงคนนั้นเหมือนอยู่ห่างไม่ถึงเมตร
พัชรางค์ใช้มือกวาดไปทั่วห้องแต่ไม่พบร่างของเธอ
ในที่สุดพัชรางค์ก็ไม่สามารถแข็งขืนได้นานกว่านั้น
กางเกงในตัวสุดท้ายถูกรูดออกไปจากตัว
จากนั้นห้องก็กลับมาสว่างอีกครั้ง
พัชรางค์เอามือปกป้องของสงวนให้พ้นจากสายตาของคนข้างนอกที่เธอคิดว่ากำลัง
มองผ่านกระจกเข้ามา
ผิวที่ขาวสะอาดสะอ้านกลายเป็นสีชมพูด้วยความอาย
เธอเปลือยเปล่าไปทั้งตัวโดยไม่รู้แม้กระทั่งว่ามีใครจ้องเธออยู่บ้าง
“หยิบกล่องใบนั้นขึ้นมา
เอาของในกล่องมาถือไว้”
คำสั่งจากสาวคนเดิม
“ขออาหารให้ฉันก่อนได้ไหม”
“ไม่มีการต่อรองใดๆ
เธอจะต้องทำตามคำสั่งฉันเพียงข้างเดียวเท่านั้น
คุณผู้หญิง”
พัชรางค์มองไปจนรอบ
แต่ไม่สามารถมองเห็นเจ้าของเสียง
เมื่อสิ้นหนทางเธอจึงเดินไปหยิบกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้านั้น
ดึงเอาแท่งอวัยวะเทียมที่ยาวเหยียดอันนั้นออกมากำไว้
รู้สึกอับยศเหลือเกิน
ถ้ามีคนรู้จักมาเห็นพัชรางค์เป็นอย่างนี้เธอคงต้องฆ่าตัวตายด้วยความอับอาย
แน่ๆ น้ำตาของเธอไหลลงมาอย่างไม่สามารถกลั้นไว้ได้
“นั่งลงกับพื้นแล้วหันหน้าไปตรงกระจกตรงกลาง”
พวกมันคงอยู่ตรงนั้นซิ
เธออิดเอื้อนเล็กน้อย
แต่ก็ยอมทำเพราะไม่มีทางออกอย่างอื่น
แต่พอได้ยินประโยคต่อไปเธอก็นั่งนิ่ง
“ถ่างขาออกไปแล้วสอดเจ้าดุ้นเทียมเข้าไปในตัวเอง
สอดเข้าไปให้หมดทุกอัน”
“ฉันไม่ทำ
ฉันจะกินอาหาร ฉันหิว
ใครอยู่ข้างนอกโปรดช่วยฉันด้วย”
พัชรางค์เสียงเบากว่าเดิมจนเป็นเสียงสะอื้นในตอนท้าย
“อย่ามาสำออยป้ายน้ำตาต่อหน้าฉันนะ
บอกให้ทำอะไรก็รีบๆทำเสียจะได้อาหารที่แกต้องการ
ถ้าไม่ทำตามอย่างหวัง”
พัชรางค์นั่งนิ่งรอกการเคลื่อนไหวจากภายนอก
แต่ทุกอย่างคนเป็นเหมือนเดิม
ความอดทนของเธอจึงสิ้นสุด
ความหิวมีอำนาจเหนือสิ่งอื่นใด
พัชรางค์ค่อยๆถ่างขาทีละน้อย
จากนั้นก็สอดอวัยวะเทียมแท่งนั้นเข้าไปในร่องหว่างขา
มันจมหายไปทีละน้อย
ด้วยความรู้สึกที่เจ็บร้าวระบม
อับอาย
เมื่อสอดไปได้เกือบครึ่งอัก
เธอก็หยุด แต่ข้างนอกไม่ยอม
“สอดเข้าไปอีก
ให้มิดหมดอัน”
“ฉันทำไม่ได้
ฉันทนไม่ได้มันยาวเกินไป”
“ไม่ต้องพูดมาก
ทำเสียก่อนแล้วค่อยพูด
ฉันจะดูเองว่าเธอทนมันได้หรือไม่
เร็วเข้า”
เสียงนั้นดุเข้มกว่าเดิม
ทำให้พัชรางค์จำใจต้องยัดอวัยวะเทียมนั้นให้ลึกกว่าเดิม
มันได้หายตัวไปช้าๆ
แต่มันก็เข้าไปได้อีกนิดเดียว
พัชรางค์ไม่สามารถทำให้มันจมหายไปได้หมดตามที่เสียงนั้นต้องการ
“เอาละดึงมันออก...ช้าๆนะ
ดึงมันออกมาให้หมด”
พัชรางค์ใจชื้นขึ้นมาเมื่อได้ยินคำสั่งให้ดึงดุ้นเทียมอันนั้นออกมาจากหลุมลึกของตัวเอง
รีบดึงมันออกมาอย่างรวดเร็ว
“เร็วเกินไป
สอดกลับเข้าไปใหม่ให้ลึกกว่าเดิมแล้วค่อยๆดึงออกช้าๆ
รีบทำเร็วเข้า”
คำสั่งเกือบจะเหมือนเสียงตะคอกจากหญิงคนนั้นทำให้พัชรางค์เริ่มกลัว
ปฎิบัติตามโดยไม่อิดเอื้อนเช่นตอนแรก
แต่เธอก็สามารถจะยัดดุ้นเทียมนั้นให้ลึกไปกว่าเดิม
เพราะรู้สึกเจ็บข้างในจนทนไม่ไหว
“ดีมาก
ดึงออกมาช้าๆอย่างนั้นแหละ
ช้าอีก ช้าอีกนิด”
น้ำเสียงเปลี่ยนจากตะคอกอย่างใช้อำนาจมาเป็นพอใจต่อการกระทำของพัชรางค์
ครั้นเมื่อดุ้นเทียมจะหลุดออกมาพ้นจากโพรงเธอก็ได้ยินคำสั่งใหม่
“หยุดแค่นั้นก่อนแล้วสอดกลับเข้าไปเพียงครึ่งเดียว
แล้วค่อยๆหมุนวนมันไปรอบๆ
จนกว่าฉันจะสั่งหยุด”
พัชรางค์ทำตามเหมือนหุ่นยนต์
แม้ว่าความหิวจะมากมาย
แต่ไม่สามารถปิดบังอารมณ์ที่เกิดจากการกระตุ้นด้วยอวัยวะเทียมอันนั้น
มันเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยแต่ก็สามารถแทรกตัวเข้ามาแบ่งความหิวโหยไปได้บ้าง
“ดีๆ
ดีมาก ต่อไป สอดลึกอีกนิดแล้วชักออกมาไม่หมด
จากนั้นก็สอดกลับเข้าไปชักออกมา
ทำอย่างนี้ให้ครบร้อยเที่ยว
ก่อนจะมาหมุนอีกสี่สอบรอบ
แล้วค่อยหยุดทำ แต่ห้ามเอามันออกมา”
พัชรางค์ทำตามคำสั่งนั้นช้าๆ
ตอนแรกเธอทำไปนับไป
เมื่อเลยครั้งที่ห้าสิบก็ลืมเลือนการนับของตัวเองจนกระทั่งตัวเองเกร็งขึ้น
มาจึงหยุดหันกลับไปหมุนวนรอบๆตามคำสั่ง
การหมุนวนครั้งนี้ยิ่งเกิดอารมณ์เสียวซ่านมากขึ้น
ที่สุดพัชรางค์ก็หมดแรงปล่อยให้อวัยวะเทียมคาอยู่ในโพรงของตัวเอง
ใช้สองมือยันพื้นถอนหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน
“เอาละใช้ได้แล้ว
คนเก่ง สวมเสื้อผ้าแล้วรอรับอาหาร”
พัชรางค์สวมเสื้อผ้าเสร็จไม่นาน
ผนังด้านเดิมก็มีมือถือถาดอาหารส่งเข้ามา
พัชรางค์ไม่สนใจว่ามันมีอะไรบาง
เธอทั้งเคี้ยวทั้งกลืนทุกอย่างในถาดนั้นหมดเกลี้ยงแล้วดื่มนมอีกแก้วใหญ่
“ฉันต้องการเข้าห้องน้ำ”
“ลุกขึ้นยืน
เดินเข้าหาผนังสีดำสุดทาง
เลี้ยวซ้ายจะพบมันเอง”
พัชรางค์ทำตามคำสั่งเดินเข้าหาผนังสีดำอย่างหวาดกลัวว่าจะชนกับผนังด้านนั้น
พอถึงผนังก็คลำไปทางกระจกด้านซ้าย
แล้วเธอก็พบว่ามันเป็นประตูกระจกที่สามาถเปิดได้
พอเธอเปิดไปก็พบว่ามันเป็นห้องกระจกสามด้านเช่นเดียวกับห้องใหญ่
ผนังกระจกด้านหนึ่งก็คือผนังเดียวกับนั้น
มองจากด้านนี้มันก็เป็นกระจกเงาธรรมดา
ภายในห้องน้ำมีเพียงชักโครกใบเดียวกับท่อน้ำเก่าๆ
พัชรางค์คลำกระจกทั้งสองด้านที่ไม่ติดกับห้องกระจกใหญ่
แต่ก็ไม่พบทางออก
จึงเดินกลับมาในห้องเดิมด้วยความผิดหวัง
แต่ความคิดที่ต้องการหลบหนีทำให้พัชรางค์เดินหาผนังด้านมืดอีกครั้ง
พยายามคลำแต่ไม่พบอะไรที่ผิดสังเกตเลย
แต่พัชรางค์ก็มั่นใจว่ามันต้องมีประตูออกมาแน่
พวกมันคงไม่ได้จับเธอใส่ที่นี่ทางเพดานหรือใต้พื้นแน่ๆ
เพียงแต่เธอยังหาประตูไม่พบเท่านั้น
พัชรางค์กลับมานั่งกลางห้องเช่นเดิม
และเกิดอาการง่วงขึ้นมา
ไม่นานเธอก็หลับไปยาวนานอีกครั้ง
เมื่อรู้สึกตัว คงมีไฟดวงเดิมอยู่กลางห้อง
มันให้ความสว่างเพียงจุดเดียว
แต่ริมทั้งสี่ด้านคงมืดมิดไม่เปลี่ยนแปลง
“ฉันต้องการไปที่ห้องน้ำ”
“เธอรู้ทางแล้วนี้คนสวย”
พัชรางค์ได้ยินเสียงผู้หญิงคนเดิมตอบกลับมา
จึงลึกขึ้นเดินตรงไปยังผนังมืดแล้วเปิดประตูกระจกเข้าไปในห้องน้ำ
พัชรางค์แกล้งถ่วงเวลาในห้องน้ำนานเป็นพิเศษ
ทั้งๆที่มันไม่มีอะไรน่าอยู่เลยสักนิด
เพราะอยากจะรู้ว่าเมื่อกลับมาผู้หญิงคนนั้นจะว่าอะไรบ้าง
แต่ไม่มีเสียงต่อว่า
พัชรางค์จึงล้มตัวและหลับอีกหน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น