ขายของ

วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2557

เล่ห์สวาทเพลิงราคะ ตอน 13



ท้อง ฟ้าโปร่ง ปุยเมฆขาวที่พลิ้วอย่างบางเบาล้อแสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามานั้น หาได้ทำให้ความรู้สึกมืดมิดทะมึนที่ปกคลุมอยู่ในใจของอรชานั้นจางหายไปแต่ อย่างใด ดวงตาอันเหม่อลอยของหญิงสาวที่จับจ้องไปยังนอกหน้าต่างนั้นยังคงมีร่องรอย ชื้นของหยาดน้ำใสที่เอ่อท่วมขังมาเกือบตลอดเวลา นับตั้งแต่แยกทางจากสองเพื่อนสาวที่มาส่งเธอถึงสนามบิน JFK จนมาถึงในขณะนี้ที่เครื่องบินยักษ์กำลังพาเธอบินอยู่เหนือดินแดนส่วนหนึ่งบน ประเทศเยอรมันตามเส้นทางที่มุ่งตรงสู่บ้านเกิดของเธอ


ความคิดที่ล่องลอยของหญิงสาวหวนนึกไปถึงที่สนามบิน...สิบกว่าชั่วโมงก่อนหน้านั้น


มาร์ธากอดเธออย่างเป็นห่วง พยายามยิ้มให้อย่างแจ่มใสและกล่าวเบาๆ


เข้มแข็งนะแคธี่...ฉันเอาใจช่วย...”


ส่วนเจสสิก้านั้นเป็นคนกอดตัวเธอแน่นๆ นั้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนกระซิบที่ข้างหู


เชื่อฉันนะ..แคธี่...เธอจะต้องปลอดภัย...ฉันแน่ใจ...ถ้ามีเรื่องอะไรที่ฉัน จะช่วยได้...ติดต่อมาได้เสมอนะ...ฉันจะไปหาเธอที่เมืองไทยทันที...ถ้าเธอ ต้องการฉันอยู่ใกล้ๆ เป็นเพื่อน...”


อรชาน้ำตาคลอ กับความจริงใจที่เพื่อนรักมอบให้ พยายามยิ้มรับคำปลอบใจนั้นด้วยท่าทางที่เข้มแข็ง หากแต่แววตาของเธอช่างเศร้านัก...ความรู้สึกที่หนักอึ้งนั้นนับวินาทีผ่านไป มันยิ่งกดดันถาโถมเข้ามาหาตัวเอง ความอึดอัดคับข้องใจมันราวกับน้ำป่าที่หลากเข้ามาท่วมท้นจนอรชาสู้เหมือนกับ คนที่กำลังจมดิ่งลงไปในห้วงน้ำลึกที่มองไม่เห็นก้นทุกขณะจิต


หญิงสาวโบกมือลาเพื่อนทั้งสอง และหันไปร่ำลาคุณชัยชาญพนักงานอวุโสที่เธอนับถือเหมือนญาติสนิทคนหนึ่งที่ตอนนั้นเองมาส่งหญิงสาวด้วย


ไม่ต้องห่วงนะหนูอร...ทางนี้อาจะดูแลให้ดีที่สุด”


ขอบคุณค่ะ...คุณอา...อรฝากด้วย...”


อรชากล่าวพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นสะท้าน ก่อนจะรีบหันกายกลับเดินเข้าไปสู่ภายในห้องผู้โดยสารขาออกโดยทันที เพราะตอนนั้นน้ำตามันใกล้จะหลั่งใหลออกมารอมร่อ ซึ่งหญิงสาวไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอให้ใครได้เห็น…


แต่ ณ เวลานี้ ภายในห้องผู้โดยสารชั้นธุรกิจที่กว้างขวางสะดวกสบาย ดวงตากลมงามซึ้งนั้นค่อยหลั่งรินน้ำตาใสๆ ออกมาเป็นทางยาว ในท้องฟ้าที่สว่างสดใสนั้น อย่างเรือนลาง ท่ามกลางสายตาที่พร่ามัวของหญิงสาว อรชาคล้ายๆ กับมองเห็นภาพของใบหน้าคนสองคนที่เธอรักที่สุดล่องลอยซ้อนทับขึ้นมา...


น้องรักทั้งสองของพี่.....


..................


ดวงตาสีเหล็กของคมศรสาดประกายวูบวาบ ขณะก้มลงมองคนสนิทของเขากำลังนั่งแยกเขี้ยวอยู่บนพื้น โดยมีนายแพทย์ประจำปางห้วยสักกำลังใช้ผ้าเย็นประคบตรงบริเวณขมับที่ตอนนั้น แลเห็นรอยปูดโปนเขียวคล้ำเป็นก้อนอย่างชัดเจน


ไอ้คำ...มันคงเป็นหนอนที่ไอ้พ่อเลี้ยงอดิศัยส่งมา...”


ชายหนุ่มไว้หนวดเรียวนั้นมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด และในความเจ็บปวดนั้น ดวงตายังเต็มไปด้วยความละอาย เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มือขวาของคมศรนัยน์ตาตก กล่าวเสียงแหบแห้งสั่นเครือ


ผมเสียใจครับ...พ่อเลี้ยง...ที่ไม่สามารถดูแลคุณหนูได้...”


คมศรถอนหายใจ


ช่างเถอะ...ความผิดของฉันก็มี...ที่ไม่รู้จักดูคน...หมอ...อาการของปิงหนักมากไหม”


นายแพทย์ประจำปางห้วยสัก ใช้มือกดไปรอบๆ รอยปูดตรงขมับอย่างเบามือ แต่ก็ยังทำให้ปิงแยกเขี้ยวอย่างเจ็บปวด


เท่าที่ดู...น่าจะแค่บวมช้ำนะครับ...แต่จะให้แน่ใจคงต้องเข้าเมืองไปเอ๊กซ์เรย์ดู”


พ่อเลี้ยงปางห้วยสักผงกศีรษะ


หมอช่วยดูแลให้ดีด้วย...ปิ๊กไปกับฉัน”


คมศรหันไปสั่งผู้ชายร่างกำยำที่ยืนสำรวมอยู่ด้านหลัง ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าเงียบขรึม ปิ๊ก...หรือธงชัยนั้นเป็นคนสนิทอีกคนหนึ่งของคมศร ซึ่งพ่อเลี้ยงปางห้วยสักไว้วางใจมอบหมายงานสำคัญๆ ให้เสมอ และโดยส่วนใหญ่นั้นธงชัยจะติดตามชายหนุ่มไปตลอดเป็นองครักษ์ประจำตัว คอยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าของปางห้วยสัก ส่วนปิงมือขวานั้นจะเป็นคนคอยดูแลงานในปางยามที่คมศรไม่อยู่ ทั้งปิงกับธงชัยนั้นเปรียบเสมือนแขนซ้ายขวาของพ่อเลี้ยงปางห้วยสัก ที่คมศรสามารถยืนหยัดและเดินทางมาถึง ณ จุดที่ยืนอยู่ตรงนี้ทุกวันนี้ ชายหนุ่มทั้งสองคนก็มีส่วนร่วมช่วยด้วยอย่างไม่น้อยเลย


ธงชัยผงกศีรษะรับคำอย่างนอบน้อม ขณะที่สองชายนายกับบ่าวกำลังจะหันตัวเดินไป ในเวลานั้นปิงก็ผวาลุกขึ้น กล่าวด้วยสีหน้าดาลเดือด ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างขุ่นแค้นเจ็บใจที่เสียท่าให้กับนายคำ


พ่อเลี้ยง...ผมสบายดีแล้ว...ขอไปด้วยนะครับ...ผมจะลากคอไอ้คำมาให้พ่อเลี้ยงลงโทษอย่างสาสม...”


คมศรรู้ดีถึงความในใจของลูกน้องคนสนิท ยิ้มปลอบใจและตบบ่าของปิงอย่างหนักแน่น


ฉันรู้ดีว่านายคิดอะไร...แต่สุขภาพของนายก็เป็นเรื่องสำคัญ...ฉันต้องการให้แน่ใจว่าคนที่ฉันไว้วางใจที่สุดปลอดภัย...เข้าใจนะ”


คำพูดของพ่อเลี้ยง สร้างความตื้นตันใจให้กับคนที่เป็นลูกน้องจนน้ำตาคลอ ชายหนุ่มไว้หนวดเรียวก้มศีรษะลง กำหมัดแนบแน่นอย่างสะกดกลั้นไม่ให้เสียงนั้นสั่นสะท้านเมื่อว่า


ครับ...พ่อเลี้ยง...ผมจะทำตามที่พ่อเลี้ยงสั่ง”


คมศรผงกศีรษะ ตบบ่าของลูกน้องอีกครั้ง ก่อนจะผงกศีรษะชักชวนธงชัยองครักษ์ประจำตัวนั้นเดินออกไปจากบริเวณคอกม้า


ปิ๊ก..แบ่งคนไปสองทาง...ส่วนหนึ่งตามไปทางม้าซึ่งคงวิ่งตัดทุ่งไป...มือถือ ของคุณอรนุชตกอยู่...เรียกสัญญาณเข้า...เรียงหน้ากระดานกวาดพื้นที่ตรวจสอบ สัญญาณค้นหาดู...ส่วนอีกสายขับรถไปตามเส้นรอบเขา...ลองไล่ถามพวกชาวบ้านดู ว่าเห็นร่องรอยอะไรหรือเปล่า...ฉันจัดการเรื่องที่ปางนี้เสร็จแล้วจะรีบตาม ไปสมทบ...”


พ่อเลี้ยงปางห้วยสักสั่งการพลางจดเบอร์โทรศัพท์มือถือของอรนุชส่งให้กับ องครักษ์ติดตามตัว ซึ่งอีกฝ่ายรับคำอย่างเข้าใจแล้วผละไปทำตามคำสั่ง ดวงตาประกายเหล็กมีแววครุ่นคิด ก่อนจะส่งเสียงรั้งตัวผู้ติดตามคนสนิท


เดี๋ยวปิ๊ก....”


ธงชัยหันกลับมา เลิกคิ้วนิดหนึ่ง ยืนสำรวมรอรับคำสั่ง ซึ่งคมศรนิ่งไปอึดใจหนึ่งก็กล่าว


เอาตัวป้างไปกับแกด้วย...”


องครักษ์ของคมศรรับคำ และหันกายเดินออกไป


ส่วนชายหนุ่มกลับมาที่ด้านหน้ารีสอร์ท และแยกตัวกรองกนกออกมาพูดห่างจากคณะกองประกวด และเล่าเรื่องให้ฟังโดยคร่าวๆ พี่แต๋วยกมือปิดปากอย่างแตกตื่นตกใจ โพล่งออกมาเสียงหลง


น้องนุชถูกจับตัวไป!!!...อะไรกันคะนี่...เป็นไปได้อย่างไร...แล้วพวกนั้นทำ ไปทำไม...จะเรียกค่าไถ่หรือคะ...พ่อเลี้ยง...แล้ว...แล้ว...น้องนุชจะเป็น อันตรายไม๊คะ...”


หญิงผู้สูงวัยกว่า พร่ำพูดออกมาด้วยความรู้สึกกึ่งช๊อค ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดหวั่นขวัญเสีย


คมศรไม่ต้องการขยายความกังวลของอีกฝ่ายด้วยเรื่องความบาดหมางของเขากับพ่อเลี้ยงอดิศัย จึงแค่พูดว่า


ทางเรากำลังเร่งสืบอยู่ครับ...เพียงแต่ที่ผมอยากจะขอร้องคุณแต๋วก็คือว่าอย่าเพิ่งให้เรื่องของคุณอรนุชแพร่งพรายออกไป...”


พี่แต๋วส่ายศีรษะไม่เห็นด้วย ละล่ำละลักกล่าวเสียงระรัวเร็ว


ทำไมคะ...เรา...เราควรจะรีบไปแจ้งความให้ตำรวจช่วยตามหาสิคะ...จะปิดเรื่องเงียบได้อย่างไรกัน...”


คมศรซ่อนความอึดอัดกังวลเอาไว้ในใจ พ่อเลี้ยงอดิศัยจับตัวอรนุชไปโดยจงใจก็ต้องรู้ว่าเด็กสาวนั้นมีความสัมพันธ์ กับเขา และยิ่งถึงกับยอมเสี่ยงเปิดเผยตัวหนอนบ่อนไส้ที่แฝงเร้นเข้ามา แสดงว่ามีความตั้งใจสูงในการพยายามที่จะทำทุกอย่างเพื่อสร้างความเจ็บแค้น ให้กับเขา...ถ้าเรื่องแพร่ออกไปจนกระทั่งถึงกับมีการตามล่าตัว...ชายหนุ่ม ค่อนข้างแน่ใจ...พ่อเลี้ยงอดิศัยไม่ลังเลที่จะทำร้ายอรนุชจนถึงแก่ชีวิต อย่างแน่นอน...


สิ่งที่ไอ้อดิศัยต้องการไม่ใช่เงินค่าไถ่...มันต้องการทำให้เขาเจ็บปวดในทุกๆ วิถีทางต่างหาก..


คมศรครุ่นคิดในใจ ใบหน้านั้นเครียดขรึมจริงจังเมื่อกล่าวว่า


ผมเป็นห่วงความปลอดภัยของคุณอรนุช...ถ้าเรื่องแพร่ไปจนลุกลามอาจจะเป็น อันตรายกับตัวคุณอรนุชได้...อีกประการหนึ่งนะครับ...เรื่องที่คุณอรนุชถูก จับหายตัวไปก็คงจะไม่เป็นผลดีกับชื่อเสียงของเธอด้วย...”


กรองกนกหันซ้ายหันขวาอย่างไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี ใบหน้าของหญิงสูงวัยนั้นราวกับจะร้องไห้ออกมา


แล้วเราจะปิดเรื่องนี้ได้นานแค่ไหนกันคะ...พวกคณะกองประกวดเขาก็ต้องรู้ว่าน้องนุชหายไป”


เราต้องช่วยกันสร้างเรื่องว่าคุณนุชว่ามีธุระด่วนกระทันหันต้องกลับไปก่อน ...ขอร้องนะครับคุณแต๋ว...ผมขอเวลาไม่เกินสองวันครับ...ถ้าทางเรายังตามตัว คุณนุชกลับมาไม่ได้...คุณกรองกนกก็จัดการไปตามสมควร...”


พี่แต๋วใบหน้าซีดขาวเมื่อครุ่นคิดหนัก ก่อนจะกล่าวเสียงสั่นๆ


แต่ดิฉันตัดสินใจไม่ได้...ครอบครัวของเธอ...”


ตอนนี้ผู้ปกครองคุณนุชอยู่ต่างประเทศไม่ใช่หรือครับ...”


คมศรกล่าวสอดขึ้นมาทันที...โดยที่กรองกนกก็ไม่ได้สังเกตว่าทำไมอีกฝ่ายถึงรู้ขนาดนั้น...นิ่งอึ้งไปชั่วครู่หนึ่ง...ก่อนจะผงกศีรษะว่า


ค่ะ...คุณอรชา...พี่สาวของน้องนุช...เธอไปต่างประเทศ...ญาติสนิทที่อยู่ก็คงมีเพียงน้องสาวคนเดียว”


พ่อเลี้ยงปางห้วยสักครุ่นคิดหนัก...ในสมองตอนนั้นหวนนึกถึงเด็กสาวร่างบาง ที่เคยเป็นคนช่วยให้เขาสามารถตามไปช่วยอรนุชทันท่วงทีอย่างหวุดหวิดหวาด เสียวในครั้งก่อน...


จะแจ้งข่าวให้เด็กสาวคนนั้นรู้ดีหรือเปล่า?...ไม่ดีแน่...ถ้าน้องสาวรู้ก็คงจะไม่ฟังเสียงเขาให้ปิดเรื่องไว้ก่อนอย่างแน่นอน...


เมื่อคิดได้ดั่งนั้น คมศรก็หว่านล้อมว่า


อย่าเพิ่งแจ้งให้น้องสาวคุณนุชเลยครับ...เขาจะเป็นห่วงเปล่าๆ...และอย่าง ที่ผมบอกเรื่องแพร่ออกไปไม่เป็นผลดีกับตัวคุณนุชเอง...ผมขอเวลาสองวันครับ ...จะตามหาตัวคุณนุชคืนมาให้ได้...”


พี่แต๋วเองก็ปวดใจเหลือประมาณ ในฐานะที่เธอเป็นผู้ดูแล...ถ้าอะไรเกิดขึ้นกับอรนุช...เธอก็ต้องมีส่วนรับ ผิดชอบอย่างหลีกเลี่ยงภาระไม่พ้น...ถ้าพ่อเลี้ยง...สามารถตามหาตัวอรนุชกลับ มาได้โดยที่เรื่องไม่อื้อฉาวขยายวงกว้างให้คนเอาไปซุบซิบนินทาก็คงดี


...ดีกับน้องนุช...และดีกับตัวเธอด้วย...


ภายใต้การครุ่นคิดอย่างหนัก...ในที่สุดกรองกนกก็ตัดสินใจ...เธอปรับสีหน้า ให้เป็นปกติมากขึ้น และซักซ้อมเรื่องราวกับคมศร ก่อนที่ทั้งคู่จะกลับไปแจ้งกับคณะกองประกวดว่าทางบ้านของอรนุชมีเรื่องสำคัญ เป็นการภายใน เด็กสาวจึงขอตัวกลับเดินทางกลับกรุงเทพไปล่วงหน้าแล้ว


เนื่องเพราะไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้าย และกรองกนกก็เป็นคนรับรองเองกับปาก ดังนั้นทุกฝ่ายก็เชื่อสนิทใจ จะมีบ้างก็พวกสามสาวเพื่อนสนิทของอรนุชเข้ามารุมถามอย่างเป็นห่วง


พี่แต๋วคะ...ยายนุชมีเรื่องอะไรหรือคะ”


นิรัชราถามอย่างสงสัย ใบหน้าเป็นกังวล กรองกนกยิ้มฝืนๆ


น้องนุชเขาบอกเป็นเรื่องในครอบครัวจ้ะ...พี่แต๋วก็ไม่ทราบรายละเอียดมากนัก...คงต้องรอกลับไปกรุงเทพค่อยถามอีกที”


รัชนีมองตาเพื่อนสองคนไปๆ มาๆ แล้วว่า


ลองโทรไปถามนุชดูดีไหม...ว่ามีอะไรมากหรือเปล่า”


กรองกนกใจหายวาบ มองตากับคมศรที่ยืนอยู่ข้างๆ ซึ่งพ่อเลี้ยงปางห้วยสักกล่าวว่า


ผมว่าอย่าเพิ่งไปกวนคุณอรนุชเลยจะดีกว่านะครับ...ถ้าเป็นเรื่องในครอบครัวเธอ...เธออาจจะไม่สะดวกใจที่จะพูดออกไป...”


นิรัชราฟังแล้วก็คล้อยตาม


ฮื่อ...นิดก็ว่างั้นแหล่ะ...เราอย่างเพิ่งไปกวนนุชเลย...ถ้าเขาอยากจะบอกเราก็คงโทรมาลาเราแล้ว...”


อือม์...ฉันก็เห็นด้วยกับนิด..”


มุกดาเอ่ยสนับสนุน ดังนั้นแม้รัชนีจะทำท่าคันปากยิกๆ อย่างจะโทรไปถามให้รู้เรื่องจนเต็มแก่ ก็ได้แต่ต้องยอมอดใจ อีกประการหนึ่ง...แม้ว่าเธอจะสงสัยแกมเป็นห่วง แต่รู้มารยาทสังคมดี ถ้าเป็นเรื่องภายในครอบครัวของเพื่อนก็คงไม่เหมาะนักที่จะเซ้าซี้ถามอะไรให้ มากความไป ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ


คมศรแลเห็นทุกอย่างจัดการเรียบร้อย ก็สั่งการให้แม่บ้านอุ่นเรือนเป็นคนดูแลส่งคณะกองประกวดกลับ ส่วนตัวเองเข้าไปกระซิบย้ำกับกรองกนกอีกครั้งอย่างหนักแน่น ใบหน้าขรึมจริงจัง


ผมจะตามตัวคุณนุชคืนมาให้ได้...ผมสัญญา...”


พี่แต๋วใจหาย แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่าภวนาให้คำพูดของอีกฝ่ายเป็นจริงเท่านั้น...


คมศรกลับมาที่รถ ขณะที่ขับรถมุ่งหน้ากลับไปทางด้านหลัง องครักษ์ติดตามตัวของเขาก็โทรมา


เจอมือถือของคุณนุชแล้วครับ...ตกอยู่กลางทุ่งห่างจากปางไปประมาณ...กิโลนึงครับ”


พ่อเลี้ยงปางห้วยสักผงกศีรษะอย่างพอใจ กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเร่งร้อน


ดีมาก...ลองตรวจดูรอบๆ บริเวณนั้น...เจ้าหมอกมันได้รับบาดเจ็บ...อาจจะมีรอยเลือด...ฉันกำลังไปสมบทบ”


คมศรเหยียบคันเร่ง ทะยานรถจี๊ปบึ่งไปทางด้านหลัง และเปลี่ยนเป็นขึ้นม้าตัวหนึ่ง ควบขับตรงไปยังทิศทางที่อีกฝ่ายบอก ดวงตาของเจ้าของปางห้วยสักเปล่งประกายเจิดจ้า...เหี้ยมเกรียม


.........................


เสี่ยคิ้มหัวเราะกระเส่า ขณะที่ร่างของเขากำลังนั่งอยู่บนโซฟา โดยมีคันธรสนั่งแหกขาอ่อนขาวอวบคร่อมอยู่บนตัวเขา ใบหน้างามบาดตานั้นกำลังบิดเบี้ยวเหยเกสุดๆ เพราะตอนนั้นลำควยหนาของเสี่ยนักค้าทองที่ผงานตั้งชูชันราวกับลำทวนกำลังบด เบียดไปกับโพรงสวาทของเธอ ความอวบที่ครูดไปกับติ่งกระสันนั้นมันสะกิดพร่านความเสียวซ่านรัญจวนให้ กระเจิงไปทั่วอนูความรู้สึกของสาวสวย ความเสียวกระสันนั้นเร่งเร้าให้หญิงสาวที่นั่งหันหน้าให้กับเสี่ยค้าทอง ใช้สองมือวางกดไปที่บ่าของอีกฝ่าย เกร็งข้อแขนร่วมเข้ากับสองเข่าที่ยันอยู่บนเบาะ ส่งร่างงามของเธอกระเด้าควบเข้าใส่ตอเนื้อของเสี่ยคิ้มอย่างร้อนร่าน ปากงามห่อครางครวญ ไปตามจังหวะเสียวซ่านที่เธอพยายามเกร็งหน้าทองบดโพรงสวาทของเธอให้ขยอกรัด ควยท่อนนั้นให้เข้าไปบี้เบียดติ่งแตดของเธอให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้


อ๊ะ..อ๊ะๆๆ....อื้ออออๆๆ.””


อูวว...ซี๊ดด...โอยววว...ตอดสุดๆ....อูวววว...คนสวย...โอววว...อย่างนั้นๆๆ...ควบเร็วๆ.....ผมจะถึงแล้ววว...”


ใบหน้าของเสี่ยคิ้มก็บิดเบี้ยวไปด้วยความรู้สึกเสียวซ่านไม่แพ้กัน สองมือที่รั้งไปตรงเอวคอดกิ่วของคันธรสนั้นตะปบไปตรงเนื้อขาวผ่อง กระชากร่างของหญิงสาวให้กระทอกลงมาพร้อมๆ กับกระแทกควยอัดสวนเข้าไปอย่างสุดมันส์ ปั่บๆๆๆๆๆๆ เสียงแก้มก้นขาวผ่องนั้นกระแทกไปกับหน้าขาของเสี่ยตัณหากับดังถี่ยิบ


อ๊ะๆๆๆๆ...เสียวววว..เหลือเกินค่ะ....โอวววว...รส..รส..ก็จะถึงเหมือนกัน....อื้อๆๆๆ...”


ซี๊ดด...ซี๊ดด..มันส์ควยคิ้มเหลือเกิน...คนสวย..อูยยยย...ถ้าอย่างนั้นก็ กระเด้าเร็วๆ..หน่อยสิคุณรส....อูยยยย...หีมันตอดเหลือเกิน...โอวววว...สุด ยอดจริงๆ....อูวววๆๆๆ...อย่างนั้นๆๆ....อูวววว”


เสี่ยตัณหากลับร้องพล่าน ก่อนที่ใช้ปากงับไปบนปลายถันงามงอนที่กำลังกระเด้งกระดอนล้ออยู่ตรงหน้า คันธรสแหงนหน้าเพริด เร่งกำลังโหมกระเด้าตัวเองบดเบียดโพรงสวาทขยอกครูดลำอวบนั้นอย่างร้อนร่าน ความเสียวกระสันที่ทะลักทลายพล่านไปจนจับจิต ก็ทำให้หญิงสาวตัวสั่นระริกๆ ขนลุกชันไปทั่วลำตัวที่ตอนนั้นมันปลาบไปด้วยเหงื่อที่ทะลักทลายออกมาแทบจะ ทุกรูขุมขน


อูยยยยย...อย่างนั้นๆๆๆ...โอวววว...โอววว..อ๊าซซ..อ๊าซซ....แรงๆๆ...แรงอีกๆๆๆ...คนสวยของคิ้ม”


คำของเสี่ยค้าทองราวกับมนต์ดำ และเห็นร่างขาวที่มันปลาบไปด้วยเหงื่อนั้นยิ่งเร่งกระเด้าตัวหนักขึ้นๆ สองเต้าอวบขาวเด้งกระดอนไปมาอย่างรุนแรง น้ำกามที่เฉอะแฉะอยู่ตรงกลีบอูมนั้นถูกแรงกระเด้าตีใส่จนขึ้นเป็นฟองขาว น้ำเมือกข้นเขลอะลามไหลโชลมล้นออกมาตามลำควยของเสี่ยตัณหากลับ ย้อมไปเอ่อชุ่มกระโปกเหี่ยวๆ บางส่วนนั้นก็กระฉอกไปเปรอะแฉะอยู่ตามง่ามขาที่กำลังถูกแก้มก้นขาวนั้นบดลง มาแนบชิดเป็นจังหวะ เสียง ปั่บๆๆๆๆๆๆ ดังต่อเนื่องถี่ยิบ


ปากงามห่อครางครวญเสียงดัง


อ๊ะๆๆ...เสี่ยขา.....อ๊ะๆๆๆ.....ไม่ไหวววว...แล้วค่ะ...อ๊ะๆๆๆๆๆ...รส..รส....จะถึงแล้ว...อ๊ะๆๆๆ”


อูยยย...ผมก็จะเสร็จเหมือนกัน...โอวววว...เร่งเลยๆๆ...เราจะได้ถึงสวรรค์ พร้อมกันไงล่ะคนสวย...โอวววว...ซี๊ดดดดด...อูยยยยยย...อูยยยยย...โพรงหีมัน ดูใหญ่แล้วววว....อ๊าซซซซ”


เสียงหน้าขากระแทกแก้มก้นดัง ปั่บๆๆๆๆๆ ประสานกับเสียงครางระงมของเสี่ยคิ้มกับคันธรสอย่างต่อเนื่อง มือหยาบนั้นเร่งส่งกำลังขย้ำขยี้ไปตรงบริเวณเนื้อขาวๆ ตรงหว่างเอวของคันธรสจนนิ้วนั้นบุ๋มไปกับเนื้อนุ่ม หญิงสาวที่กำลังเพริดไต่ไปสู่ระดับขีดสุดของอารมณ์นั้น ถูกความเสียวกระสันกลบบังความรู้สึกเจ็บไปจนหมด แหงนหน้าร่ำร้องครวญคราง กระเด้าโพรงสวาทของเธอล้อไปกับแรงกระตุ้นตรงมือหยาบที่หว่างเอว บดบี้ติ่งแตดของตัวเองเข้าไปกับท่อนอวบนั้น เร่งเร้าจังหวะจนกระทั่งส่งอารมณ์สวาทของเธอพุ่งทะลุจุดเดือดไปอย่างเร่า ร้อนรัญจวน คันธรสแหงนเพริด ร้องลั่นห้อง


อ๊ะๆๆๆๆ.....อ๊ายยยย....อ๊ายยยยซซซซซ”


ร่างงามกระตุกพราดๆ มือที่กดไปที่บ่านั้นจิกเล็บลงไปกับบ่าของเสี่ยคิ้มอย่างแรง เสี่ยตัณหากลับร้องอู้ววววว...โพรงสวาทที่หดตัวบีบรัดเข้ามาอย่างรุนแรงตาม จังหวะกระสันซ่านน้ำแตกของหญิงสาวแสนสวยก็ทำให้เสี่ยตัณหากลับรู้ว่าตัวเอง ก็ถึงที่เหมือนกัน ทำให้เร่งเครื่องขยุ้มเอวของคันธรสให้กระทอกควยตัวเอง และยกหน้าขาอัดสวนกระแทกแรงๆ กลับไป ป้าบๆๆๆๆๆๆ ก่อนจะแผดเสียงร้องลั่นออกมาตามติดไปอย่างกระชั้นชิด


...อ๊าซซซ..อ๊าซซซซ..อูวววววว...โอยยยย...สุดยอดจริงๆ....อ๊าซซซซซ...อูยยย..อูยยยย.....สุดยอดดด...คุณรสคนสวย...อูยยยย:ซซซซซซซ....


คันธรสนั้นแทบไม่รับรู้อะไรแล้ว เพราะเหน็ดเหนื่อยจนหอบหายใจออกมาราวกับจะขาดใจ โดยทั้งๆ ที่ยังอยู่ในท่านั่งแหกขาคร่อมควยของเสี่ยคิ้ม ร่างบางของเธอก็เอนฟุบลงไปกับตัวของเสี่ยตัณหากลับ ซบหน้าไปกับบ่าของเขา สองเต้าอวบนั้นบดเบียดทับไปกับอกหย่อนยานของอีกฝ่าย ขณะที่เสี่ยคิ้มที่กำลังพยายามเค้นน้ำกามออกไปจากปลายหัวถอก ก็ยังโอบไปที่สะโพกผายของหญิงสาวกดร่างของเธอให้กระชับกับลำควย และแอ่นสะโพกกระทอกอัดหน้าขากระแทกขึ้นไปเป็นจังหวะสั้นๆ ปั่บปั่บปั่บ


อูยย....อูยยย...ตอดดีจริงๆ...โอววว...โพรงหีมันดูดควยผมใหญ่เลยคนสวย....อูววววววว…อูวววว...”


เสี่ยทองที่เฝ้าดูอยู่ข้างๆ หัวเราะกระเส่า แลบลิ้นเลียปาก ควยอวบอ้วนนั้นยังไม่เบื่อกับโพรงสวาทของสาวสวยรวยเสน่ห์ตรงหน้านี้เลยแม้ แต่น้อย พอจับตามองดูเสี่ยคิ้มที่หยุดยั้งจังหวะกระทอกควยเพื่อรีดน้ำกามออกไปแล้ว เสี่ยอ้วนก็เดินพุงกระเพื่อมเข้ามาใช้สองมือฉุดรั้งไปตรงบริเวณรักแร้สอง ข้างของคันธรส และดึงร่างปวกเปียกของหญิงสาวให้หลุดออกมาจากควยของเสี่ยคิ้มที่นั่งยิ้ม เผล่ เสียงดังบล๊อบ...


คันธรสคราง...อื้ออออ...เมื่อติ่งเสียวของเธอถูกครูดคราดอย่างถนัดถนี่ไปบน ลำควยอวบนั้น ก่อนที่ความเย็นจากอากาศในห้องปรับอากาศเย็นฉ่ำจะชำแรกเข้ามาในร่างของเธอ ผ่านร่องสวาทที่บัดนั้นแบะกลีบอูมกลวงอ้า และมีน้ำเมือกสีขาวไหลเยิ้มย้อยออกมาเป็นสายหนืด


สะ...เสี่ยขา...รส..จนขาดใจ..อยู่แล้ววว...”


คันธรสครางออกมาอย่างสุดเหนื่อยเมื่อยล้าไปทั่วทั้งตัว เมื่อรับรู้ว่าตัวเธอถูกผลักไปนอนหงายบนเตียงโดยมีร่างอ้วนฉุของเสี่ยทอง ทิ้งตัวตามติดเข้ามา สองมือตะโบมไปยังสองเต้าอวบของเธออย่างตะกรุมตะกราม ปากหนาๆ นั้นบดขยี้ไปบนปลายถันอย่างกระหายหิว


คันธรสครางครวญพยายามผลักร่างอวบอ้วนนั้นออกไป เพราะมันปวดขัดไปหมดทั้งตัว โดยเฉพาะหัวนมทั้งสองข้างที่กำลังถูกตะโบมบีบคลึงเคล้นอย่างรุนแรง


เสี่ยอ้วนหัวเราะร่า


อูยยยย...เนื้อตัวของคุณมันช่างอร่อยเหลือเกิน...ผมยังไม่หายอยากเลยนะ...ที่รัก...”


เสี่ยทองพูดจบก็ไม่สนใจอาการขัดขืนของคันธรส เสี่ยอ้วนละเลงมือและปากลงไปบนสองเต้าอวบขาวนั้นอย่างเมามัน ปากหนานั้นสลับซ้ายขวา อ้าดูดไปตามปลายงามงอนนั้น เสียงซ๊วบซ๊วบท่ามกลางอาการส่ายไปมาของคันธรสที่ทั้งเจ็บและความเสียวระลอก ใหม่กำลังกำเนิดขึ้น...


เสี่ยอ้วนดื่มด่ำความอร่อยหวานจากสองเต้าอวบนั้นจนพอใจ ก่อนจะผละมือไปขยุ้มที่ต้นขาขาวของคันธรสจับแบะให้ถ่างออก และจ่อหัวถอกอวบเข้าพรวดเข้าไป กลีบอูมที่เหนอะหนะไปด้วยน้ำเมือกข้นนั้นแบะอ้ารอคอยอยู่ก่อนแล้ว ก็ขยายตัวอมกลืนหัวบานของเสี่ยทองเข้าไปอย่างรวดเร็ว


อ๊ะ....อ๊ายยยย....”


คันธรสแหงนหน้าเพริด ปากครางออกมา เมื่อความอวบอ้วนนั้นบดเบียดโพรงหลืบเข้ามาอย่างรวดเร็ว ใบหน้างามนั้นบิดเบี้ยวด้วยความเสียวซ่าน


ทันใดนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของเสี่ยคิ้มก็ดังขึ้น....


เสี่ยค้าทองที่สมอารมณ์หมายจนอิ่มเอมเปรมปรี ลุกขึ้นเดินโทงๆ ควยอวบที่เพิ่งพ่นน้ำเมือกออกไปหยกๆ หดตัวลงเล็กน้อย แต่ยังไม่คลายความแข็งเนื่องจากถูกโด๊ปยาเอาไว้เช่นเดียวกัน ในเวลานั้นเสี่ยตัณหากลับหัวเราะร่า เมื่อเห็นเสี่ยทองเพื่อนร่วมอุดมการณ์เริ่มกระเด้าควยเข้าไปในโพรงหลืบของ คันธรสที่นอนหงายอยู่บนเตียง เสียงคราง ซี๊ดดดดด ซ๊าดดดดด ดังมาจากปากหนานั้น พร้อมๆ กับเสียงคราง ฮืออออ...ฮืออออ...จากหญิงสาวสวยที่นอนระทวยอยู่


เสียงสัญญาณมือถือดังอยู่ในกางเกงของเสี่ยค้าทองที่ตกเรี่ยราดอยู่บนพื้น ใบหน้าเหลี่ยมของนักค้าทองมีประกายแห่งความตื่นเต้นเมื่อหยิบมือถือมาแล้ว มองเห็นเบอร์ของสายเรียกเข้า เขารีบเปิดรับทันที


ปลากินเหยื่อแล้วค่ะ...เสี่ยคิ้ม...ดำเนินตามแผนได้”


ดวงตาสามเหลี่ยมของเสี่ยค้าทองเป็นประกายวูบอย่างยินดี หัวเราะร่า


โอววว..ข่าวดีจริง...น้องไอซ์...ขอบคุณเหลือเกิน...ผมต้องตอบแทนให้กับน้องไอซ์อย่างจุใจแน่นอน”


เสียงหัวเราะระริกร่วนดังมา ก่อนจะว่า


แล้วเสี่ยจะไม่ไปกำกับด้วยตัวเองหรือคะ”


เสี่ยคิ้มลังเลใจวูบหนึ่ง ก่อนจะว่า


คงไม่เป็นไร...สองคนที่ผมส่งไปมันจัดการเองได้”


คิกคิก...แต่มันน่าเสียดายแทนเสี่ยนะคะ...เนื้ออ่อนๆ หวานๆ ขนาดนั้นน่ะ...เสี่ยน่าจะจัดการให้อิ่มก่อนค่อยปล่อยให้ถึงลูกน้อง...”


ดวงตาของเสี่ยค้าทองเป็นประกายวูบวาบ เขม้นมองไปยังเกมสวาทที่กำลังเร่าร้อนบนเตียง ในเวลานั้นเห็นเสี่ยอ้วนโย้ขางามของคันธรสจนไปกดตรงหัวเตียง โพรงสวาทของสาวสดนั้นจึงม้วนแอ่นหงายเพริดขึ้นมารองรับการกระเด้าแทงที่ เริ่มเร่งจังหวะราวกับลูกสูบ น้ำเมือกข้นถูกแรงเสียดสีจนเป็นฟองฟ๊อดขาว อาบไปทั่วลำอวบที่ชักเข้าชักออกโพรงสวาทที่ฉ่ำแฉะนั้น จากมุมที่เสี่ยคิ้มเห็นร่องก้นขาวผ่องกำลังแบะออกจนเห็นรูทวารสวาทนั้นกำลัง ขมิบถี่ถี่ น้ำกามขาวเหนียวที่เจิ่งนองอาบเยิ้มย้อยออกมาจากโพรงหลืบที่คับคาไปด้วยท่อน อวบนั้นไหลออกมาเป็นทางลากเชื่อมไปบนรูทวารที่ตีบเล็กนั้นอย่างชัดเจน ก่อนจะทบย้อยกันลงไปเจิ่งนองหยดเป็นวงกลมด่างดวงบนฟูกเตียง


เสี่ยค้าทองยังไม่คิดจะเปิดเผยเรื่องที่ตัวเองกำลังเผด็จสวาทคันธรสให้กับ เด็กสาวที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสาวสวยนั้นได้ยิน จึงแค่หัวเราะร่วนเท่านั้น ครุ่นคิดในใจ


...เนื้ออ่อนๆ...ที่ไหนมันจะสวย...และก็เย็ดมันส์สะเด่าควย...เท่ากับเนื้อ ขาวๆ ที่กำลังนอนนมเด้งอยู่บนเตียงตอนนี้วะ...แม่งเอ๊ย...โคตรมันส์เลย....เย็ด ไม่มีเบื่อ...ฮ่ะฮ่ะ


ไม่เป็นไร...ก็ได้มั้ง..น้องไอซ์...แบ่งให้ไอ้พวกนั้นบ้างก็ได้...ผมไม่ถือหรอกเรื่องว่าต้องเป็นคนเปิดน่ะ...”


เสี่ยคิ้มทำเป็นพูดใจใหญ่ แต่แท้ที่จริงยังไม่หายอยากกับการทิ่มควยเข้าใส่ร่างงามบาดตาของคันธรสเลย แม้แต่น้อย...เขาจะต้องใช้เวลาในห้องนี้อย่างมีความสุขหฤหรรษ์อีกเนิ่นนาน นัก


เอาเถอะค่ะ...แล้วแต่เสี่ยก็แล้วกัน...ตอนนี้พวกนั้นคงดูหนังกันอยู่กว่าจะ เลิกก็ประมาณทุ่มกว่ามั้ง...ไอซ์ส่งต่อให้กับเสี่ยแล้วนะคะ...อย่าลืมที่ ตกลงกัน...”


ได้สิ...ได้...ผมไม่ลืมอยู่แล้ว...จะจัดการไอ้สวะนั่นให้สาสมเลยทีเดียว...น้องไอซ์ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้”


คิกคิก...อ้อ...เผื่อเสี่ยเปลี่ยนใจ...เดี๋ยวไอซ์จะส่งรูปไปให้เสี่ยดูนะคะ...คิกคิก...แค่นี้ล่ะค่ะ”


ความจริงเสี่ยคิ้มไม่มีความคิดในหัวเลยแม้แต่น้อย ที่จะละจากแผนการณ์ที่ได้ร่วมกันกับเสี่ยทองในการเคลมสวาทสาวสวยที่กำลังนอน ระริกร่านอยู่บนเตียง ถึงแม้ว่าควยอวบของตัวเขานั้นได้ลิ้มรสความหอมหวานจากโพรงหลืบนั้นไป แล้วอย่างอิ่มเอมก็ตามที หากแต่ด้วยนิสัยแห่งความมากตัณหาราคะ ก็ทำให้เสี่ยนักค้าทองอดที่จะเปิดรูปที่ฐิติพรรณส่งมาให้ไม่ได้


แต่พอได้เห็นภาพโคลสอัพชัดๆ ของวงหน้าหวานสวยที่ยิ้มอายๆ อยู่ตรงหน้า ก็ทำให้ตาของเสี่ยคิ้มเบิกถลนออกมาแทบนอกเบ้า ปากหนาครางออกมาซี๊ดดดซ๊าดดดด ร้องร่ำอยู่ในใจราวกับบ้าคลั่ง


อูยยยย...สวยยย....สวยเหลือเกินนังเด็กนี่....สวยชิ๊บบบบหาย....หวานใสไร้ เดียงสา...อ่อนขบเผาะ..ท่าทางจะหวานไปทั้งตัวเล๊ยยยย....ซี๊ดดดดด....ปากแดง โคตรน่าจูบ...แม่งเอ๊ย...เกือบไปไม๊ล่ะ...ดีที่น้องไอซ์ส่งภาพมาให้ดูนะ... ของดีๆ...อย่างนี้ปล่อยให้ไอ้ตี๋กับไอ้ชดได้ไงวะเสียของหมด...ฮ่ะฮ่ะ...แม่ง โชคสองเด้งเลยเว้ยวันนี้...สุดยอดๆๆๆ...หลังจากอิ่มอร่อยกับนังรสคนสวย...ก็ ตบท้ายด้วยของหวานนังหนูเนื้ออ่อนนี่....กร๊ากกๆๆๆๆ...


เสี่ยตัณหากลับแสยะยิ้มอย่างสะใจเหลือกำลัง ครุ่นคิดในใจอย่างครึกครื้น สงสัยจะต้องโด๊ปยาเพิ่มละว่ะ...น้ำหมดไม่เป็นไรขอให้ของๆ กูแข็งโด่ได้ทั้งคืนก็เป็นพอ.....ฮ่าฮ่า


มองดูเวลาเสี่ยคิ้มก็รีบโทรศัพท์ออกไป พอทางปลายสายเปิดรับ เสี่ยตัณหากลับก็ส่งเสียงออกไป


ไอ้ตี๋เรอะ...”


เสี่ยนักค้าทองบอกชื่อศูนย์การค้าชื่อดังแถวรัชดาภิเษก และตำแหน่งที่อยู่ของรถคันงามของศักดาให้กับลูกน้องก่อนจะตบท้าย


เอารถตู้ไป...พวกมึงรีบไปซุ่มอยู่แถวๆ นั้น...กูจะตามไปสมทบ”


ครับ...เสี่ยไม่ต้องห่วง..”


วางสายไปแล้ว เสี่ยค้าทองเดินตัวกระเส่าไปยังเตียงกว้าง ตอนนั้นเสี่ยอ้วนแหงนหน้าแหกปากร้อง กระเด้าควยอวบกระแทกโพรงสวาทที่ฉ่ำแฉะนั้นเสียงดัง ปั่บ ปั่บ ปั่บ ใบหน้าอูมนั้นกำลังบิดเบี้ยวเพราะความเสียวเริ่มไต่ระดับความแรงขึ้นเรี่อยๆ ไขมันอ้วนฉุก้อนกลมใหญ่ตรงหน้าท้องนั้นบดเบียดกดกระแทกลงไปบนหน้าท้องขาว ผ่องแบนราบของหญิงสาวที่นอนระทวยอยู่บนเตียง เสียงดัง หมั่บๆๆๆๆ ร่างงามของคันธรสที่ม้วนตัวหงายโคกสาวอยู่บนเตียงนั้นดิ้นพร่านสุดๆ เพราะความเสียวกระสันที่แผ่ลามมาจากเนินสวาทนั้นกำลังแผ่ซ่านพล่านไปปกคลุม ไปทั่วอณูความรู้สึกของเธออีกคำรบหนึ่งเนื่องจากยาสวาทที่ไหวเวียนอยู่ใน ร่างกายนั้นยังคงกรุ่นไปด้วยด้วยฤทธ์ที่รุนแรงอย่างไม่มีทางจางไปได้โดยง่าย


ปากนุ่มของเธอห่อครวญครางเสียงกระเส่าประสานไปกับจังหวะกระเด้านั้นดัง อ๊ะๆๆๆๆๆ.....สองเท้าที่ม้วนคาชี้ขึ้นไปบฟ้านั้นบิดงอหงิกเกร็งด้วยความ เสียวซ่านสุดขีด ส่วนแขนบอบบางของเธอก็ตวัดรัดไปยังหนั่นเนื้อที่หย่อนยานเผละไปด้วยไขมันของ อีกฝ่าย จิกนิ้วที่ตัดเล็บมนเรียวงามเคลือบสีน้ำดอกไม้สดทั้งสิบนั้นลงไปบนเนื้ออูม อวบของเสี่ยอ้วนเป็นการทอนความเสียวกระสันซ่านที่พลุ่งพล่านจนจับจิต


เสี่ยคิ้มแสยะยิ้ม ทิ้งตัวลงไปบนเตียงข้างๆ ร่างงามของคันธรส บดปากหนาประกบบดไปยังปากงามของคันธรสที่กำลังอ้าออกร้องร่ำคร่ำครวญ เสียวกระสันซ่านนั้นอย่างรุนแรง ฉกลิ้นเข้าไปดูดความหวานในโพรงปากของสาวสวยอย่างกระหายหิว....ครุ่นคิดในใจ ...น่าจะยังมีเวลาเหลือพอกระเด้าเย็ดคุณรสคนสวยนี่อีกสักยกสองยกว่ะ..ฮ่าฮ่า ฮ่า.....ไอ้ทองแม่งคงเสร็จไวๆๆ นี้แล้ว...


เอาเลย...เสี่ยทอง....เร็วๆ..หน่อย...คุณรสเขากำลังถึงที่แล้ว....”


ปากหนากระตุ้นเพื่อน ซึ่งเสี่ยทองก็ไม่ขัดศรัทธาเร่งเครื่องกระเด้าเป็นการใหญ่ เสียง ปั่บๆๆๆๆๆ ดังถี่ยิบ


เสียงครางกระเส่า เสียงร้องร่ำอย่างรัญจวนใจ ดังระงมต่อเนื่องต่อไปในห้องนอนหลังนั้น


........................


สายตาของคมศรที่จ้องไปยังร่างไร้ชีวิตของม้าตัวโปรดด้วยแววตาแข็งกร้าว ร่างสูงกำยำของเขาทรุดลงคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่ข้างๆ ร่างพ่วงพีดำทมึนที่นอนตายน้ำลายฟูมปากอยู่กับพื้น มือของเขาลูบไปยังแผงคอของเจ้าหมอกอย่างอาลัย โดยที่มีธงชัยองครักษ์ติดตามตัวเขากับคนอีกกลุ่มใหญ่ยืนรายล้อมด้วยสีหน้า สลด


เจ้าของปางห้วยสักมองเจ้าหมอกดำอีกอึดใจใหญ่ ก่อนจะถอนใจหายเบาๆ ผุดลุกขึ้นหันหน้าไปยังคนสนิท


รอยม้านำไปไหน...”


องครักษ์ของคมศรผู้มีใบหน้าขรึมอยู่เป็นนิจ กล่าวนอบน้อม


อย่างที่คาดครับ ตัดป่าไปยังถิ่นของพวกมัน พวกเราตามไปถึงชายทุ่งผึ้ง...ก็ไม่กล้าเข้าไปเพราะยังไม่ได้รับคำสั่งจากพ่อเลี้ยง...”


คมศรผงกศีรษะ หันไปยังเด็กหนุ่มร่างผอมเกร็งที่ยืนอยู่ข้างๆ ธงชัย แล้วว่า


...ป้าง...ที่ฉันตามแกมาก็เพราะเรื่องนี้...จากทุ่งผึ้งขึ้นไปบนเขา...มีที่ไหนที่แกคิดว่าพวกมันจะเอาตัวคุณอรนุชไปซ่อนไว้…”


เด็กหนุ่มวัยประมาณสิบเจ็ดปี มีสีหน้าไม่ค่อยแน่ใจนักเมื่อกล่าวว่า


ผมก็ไม่แน่ใจครับพ่อเลี้ยง...ที่ซ่อนของพวกมันมีหลายแห่ง...”


พวกมันไม่น่าจะเลือกที่ไกลนัก...จุดไหนเป็นจุดที่อยู่ใกล้ที่สุด...จากทุ่งผึ้ง”


พ่อเลี้ยงปางห้วยสักซักสีหน้าเคร่ง...ป้าง...เด็กหนุ่มผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเขา และครอบครัวเคยเป็นคนของ “ปางเทพนิมิตร” ซึ่งบัดนี้แปรพักตร์เข้าหาคมศร เนื่องจากครอบครัวของเขาถูกฆ่าตายหมดเพราะพ่อเลี้ยงอดิศัยโกรธจัด ในคราวที่พ่อของป้างทำงานผิดพลาด...จนต้องสูญเสียสินค้าที่มีมูลค่ามหาศาล ความจริงป้างนั้นก็ไม่น่าจะรอด ถ้าเผอิญเด็กหนุ่มไม่ได้อยู่ในบ้านเวลาเกิดเหตุในตอนที่คนของอดิศัยเข้าไป ปลิดชีพคนในครอบครัวเขาจนหมด


ป้างวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิงฝ่าดงป่าจนหลุดออกจากพื้นที่ของปางเทพนิมิตรเข้า ต่อแนวพื้นที่ของปางห้วยสักมาได้ สมุนของพ่อเลี้ยงอดิศัยที่ข้ามพื้นที่เข้าตามล่าตัวของป้าง เกือบจะปลิดชีวิตของเด็กหนุ่มอยู่แล้ว ถ้าวันนั้นคมศรไม่เผอิญผ่านไปเห็นเหตุการณ์ และช่วยชีวิตของป้างเอาไว้ ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงหันมาทุ่มเทรับใช้คมศรด้วยความซื่อสัตย์กตัญญูต่อชาย หนุ่มผู้มีพระคุณช่วยชีวิตตนเอง และเฝ้ารอคอยโอกาสที่ตัวเองจะได้ชำระความแค้นที่มีต่อพ่อเลี้ยงอดิศัยซึ่งคม ศรมองเห็นประโยชน์ที่จะได้รับจากคนที่เคยอยู่รับใช้คู่อริร่วมแดน จึงรับตัวของอีกฝ่ายเอาไว้ใช้งานที่ปางหวยสัก


ยามนี้คมศรจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากความรู้ที่ป้างมีต่อความเป็นไปภายในปาง เทพนิมิตร ซึ่งใบหน้าคร้ามคมนั้นได้แต่หวังว่าความคาดคะเนของเขาจะไม่ผิด เพราะยิ่งเวลาผ่านไป ชีวิตของอรนุชที่ราวกับแขวนอยู่บนเส้นด้ายก็จะยิ่งริบหรี่ความหวังที่จะได้ รอดพ้นจากอันตรายกลับมาอย่างปลอดภัย


ป้างครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง...ก็ว่า


ถ้านับจากชายทุ่งผึ้ง ขึ้นไปตามเขา ก็น่าจะเป็นกระท่อมบนดอยปางม่วงครับ...พ่อเลี้ยง”


พ่อเลี้ยงปางห้วยสักไม่มีทางเลือกอื่น ชายหนุ่มตัดสินใจกระโดดขึ้นม้า


ป้างไปกับฉัน...ปิ๊กพาคนกลับไปที่ปาง...”


องครักษ์หน้าเคร่งมีสีหน้าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง...กล่าวเร่งร้อน


พ่อเลี้ยงจะเข้าไปในถิ่นพวกมัน...อันตรายเกินไปนะครับ...ผมไม่เห็นด้วย”


คมศรมีสีหน้าเครียดเมื่อกล่าวเสียงราบเรียบ


ฉันเป็นคนตัดสินใจ...ปิ๊กทำตามคำสั่งฉัน”


ธงชัยมีใบหน้าสลดลง...เพราะรู้ดีว่าน้ำเสียงนั้นกรุ่นด้วยโทสะ...ดวงตานั้นรุ่มร้อนกังวล...ก่อนจะโพล่งออกไป


ถ้าอย่างนั้นให้ผมไปด้วย...”


พ่อเลี้ยงปางห้วยสักรู้ดีว่าผู้ติดตามของเขาเป็นห่วง แต่ตอนนี้เขาไม่ต้องการคนมาก...เคลื่อนไหวไม่สะดวก...และอาจจะทำให้พวกนั้น รู้ตัวจนเป็นอันตรายกับยายเด็กดื้อนั่น...


ตอนนี้ปิงไม่พร้อมทำงาน...ฉันต้องการให้แกที่ฉันไว้ใจได้ที่สุดไปประสานงาน กับลุงแก้ว...คอยสำรวจรักษาการณ์ตรงแนวปางให้เรียบร้อย...อย่าประมาท... เพราะไม่แน่ว่าไอ้อดิศัยมันจะมีแผนการณ์อะไรต่อเนื่องหรือเปล่า...”


องครักษ์คนติดตามของคมศรยังอ้ำอึ้งอย่างไม่ชอบใจในคำสั่ง จนดวงตาสีเหล็กนั้นสาดประกายวูบวาบ เขาจึงได้แต่ก้มหน้าลง ถอนหายใจยาว...


ครับ...พ่อเลี้ยงระวังตัวให้ดีนะครับ”


คมศรยิ้มแยกเขี้ยวแวววาว สำรวจตัวเองถึงความพร้อม...ปืน กระสุนและของใช้ฉุกเฉินยามจำเป็น...เมื่อแน่ใจแล้วก็หันไปยังป้างที่ขึ้นม้า รออยู่ก่อน ผงกศีรษะให้เป็นสัญญาณ กระตุ้นม้าควบออกไปทันที


ธงชัยกับพวกที่เหลือมองดูสองม้าวิ่งเคียงคู่กัน สักพักหนึ่งก็ค่อยๆ เหลือเป็นจุดเล็กๆ ที่วิ่งฝ่าทุ่งตรงไปยังทิวป่าที่เห็นไกลๆ


..........................


อรนุชฟื้นคืนสติขึ้นมาท่ามกลางความปวดที่ศีรษะ…


เมื่อร่างเล็กบางของเด็กสาวถูกเหวี่ยงลงไปกองกับพื้นดินเย็นยะเยือกและอับ ชื้นนั้น ศีรษะของเธอกระแทกไปกับพื้น ความรู้สึกปวดแปลบที่วาบขึ้นปลุกเด็กสาวให้ค่อยๆ รู้สึกตัวขึ้นมา


เปลือกตาที่มีขนตางอนยาวนั้กระพริบถี่ถี่ โสตประสาททางหูได้รับรู้เสียงเข้ามาก่อนดังแว่วๆ อยู่ข้างตัว


โอ้โห...สวยเป็นบ้า...สุดยอดไปเลย...พี่คำ”


เสียงหัวเราะหึหึดังมา....เสียงใครนะ...คุ้นๆ...ท่ามกลางความมึนงงอรนุชพยายามบอกกับตัวเอง


ก่อนที่ภาพเบื้องหน้าจะค่อยๆ ชัดขึ้น แสงไฟจากหลอดแยงเข้าตา จนเธอต้องยกมือขึ้นบังเอาไว้ และพลันระลึกได้ว่าเธอถูกจับตัวมา ทำให้ร่างเล็กบางนั้นผวาลุกขึ้นนั่งทันที


อ๊ะๆๆ...เธออยู่เฉยๆ ดีกว่าถ้าไม่อยากเจ็บตัวเพิ่ม”


เสียงคุ้นๆ หูนั้นดังมาจากร่างที่ย้อนแสงไฟ เห็นแค่เพียงลำตัวที่แข็งเกร็ง อรนุชจำได้แล้วว่าเป็นคนที่จับตัวเธอมานั่นเอง เสียงแหลมเล็กจึงตวัดอย่างไม่พอใจขึ้นทันที


พวกคุณจับฉันมาทำไม..!?”


เสียงหัวเราะดังขึ้นรอบๆ เด็กสาวร่างบางจึงเพิ่งสังเกตว่าตัวเธออยู่ภายใต้การรายล้อมของชายฉกรรจ์ หลายคน ภายในห้องทึบทึมที่มืดสลัว มีแสงไฟจากหลอดไฟที่แขวนอยู่ตรงเพดานดวงเดียว ต้องรู้สึกใจสั่นสะท้านขึ้นมา...ถ้าพวกนั้นคิดจะทำร้าย...เธอคงไม่มีทางสู้ พวกมันได้...




ภาพที่แกงค์เด็กนรกเคยรุมล้อมทำร้ายเธอหวนกลับขึ้นมาในมโนสำนึก สร้างความตระหนกตกใจให้กับอรนุช จนดวงตากลมโตนั้นสั่นระริก ใจสั่นสะท้ายวาบหวิว ร่างเล็กบางที่ผุดลุกขึ้นนั่งถดถอยไปจนชิดผนัง พยายามกล่าวเสียงให้เข้มแข็งปกปิดความรู้สึกภายในที่กำลังพลุ่งพล่าน


พวกคุณ...ต้องการอะไร...จับฉันมาทำไม…จะเรียกค่าไถ่หรือ”


นายคำแค่นหัวเราะอย่างเดียวไม่ตอบคำถามอะไร กลับเป็นชายฉกรรจ์หน้าคล้ำที่ยืนข้างหัวเราะร่วนและตอบว่า


รอให้พ่อเลี้ยงมาก่อนเถอะ...คนสวยก็รู้เองแหล่ะว่าถูกจับมาทำไม...ฮ่ะฮ่ะ”


พ่อเลี้ยง?...พ่อเลี้ยงไหนกัน?”


ก็พ่อเลี้ยงอดิศัยเจ้าของปางเทพนิมิตรไงล่ะจ๊ะ..คนสวย”


ชายคนเดิมเป็นคนตอบ ก่อนที่นายคำจะขยับปากห้วนๆ


ไอ้แสง...ไม่ต้องพล่ามมาก...”


ดูท่าศักดิ์ศรีของนายคำจะใหญ่โตไม่น้อย ทำให้นายแสงไม่กล้าตีฝีปาก ก่อนที่นายคำจะหันมายังอรนุชแล้วกล่าวเสียงเหี้ยมๆ


นั่งอยู่เฉยๆ...ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น...ถ้าขืนไม่เชื่อฟัง...ฉันไม่รับรองว่าจะไม่ทำร้ายเธออีก”


อรนุชมองมายังใบหน้าตอบเสี้ยมอย่างแค้นใจ...ยังจำได้...นายคนนี้ทำให้เจ้า หมอกต้องตาย...บวกด้วยนิสัยที่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ทำให้เสียงแหลมเล็กนั้นตวัดอย่างโกรธา


เอาซี...คิดหรือว่าฉันจะกลัว...ไอ้คนร้าย...ดีแต่รังแกผู้หญิง...”


นายคำเบิกตาวูบ...อีเด็กนี่...คิดลองดีกับกูเรอะ...ร่างฉกรรจ์นั้นสืบเข้าไป ...ตวัดมือขึ้น...อรนุชที่นั่งขดตัวอยู่สะท้านใจ...รีบยกแขนขึ้นป้องกันใบ หน้า...หลับตาลงอย่างลืมตัว...แต่ทันใดนั้นนายแสงที่ยืนข้างๆ รีบเข้ามารั้งบ่าของนายคำเอาไว้


ช่างเถอะน่าพี่คำ...อย่าไปตบตีนังนี่ให้มากกว่านี้เลย...พ่อเลี้ยงมาจะไม่ พอใจได้นะ....เก็บหน้าสวยๆ อย่างนี้ให้รับรองพ่อเลี้ยงดีกว่า”


นายคำฮึดฮัด ก่อนที่จะหันกายกลับเดินลงส้นเท้าตึงๆ ออกไปจากห้องขัง ส่วนนายแสงกล่าวกับชายฉกรรจ์สองสามคนในบริเวณนั้น


พวกแกเฝ้าดูให้ดีอย่าให้แผลงฤทธิ์อะไรล่ะ...ท่าทางฤทธิ์มากไม่ใช่เล่น”


เสียงรับคำ ก่อนที่นายแสงจะเดินตามนายคำออกไปจากห้อง


อรนุชนั่งยกเข่าชันขึ้นกอดไว้แนบกับตัวเอง สายตามองไปยังร่างทมึนๆ ที่มองไม่ค่อยชัดเนื่องจากอยู่ห่างจากแสงไฟที่สลัวๆ จากหลอดไฟนั้นอยู่ริมผนังด้วยความรู้สึกอัดอั้น...ความหวาดกลัวพล่านอยู่ใน ส่วนลึกจนจับใจ


ดวงตากลมโตนั้นสั่นสะท้าน ภาพของคนสูงใหญ่ ใบหน้าไว้เคราครึ้มลอยเข้ามาในห้วงคำนึงของเด็กสาว


คราวก่อนเขาปรากฏตัวมาช่วยเธอเอาไว้ได้ทัน...แต่คราวนี้จะมีปาฏิหารย์ใดๆ มาช่วยเธออีกหรือ?


..........................


ทั้งอรอุษาและศักดามีอย่างหนึ่งที่เหมือนกันขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งอยู่ใน ห้องชมภาพยนต์ นั่นก็คือทั้งคู่แทบจะไม่ได้ติดตามความเป็นไปของเรื่องราวที่กำลังฉายอยู่ ตรงหน้าเลย


เด็กสาวแสนสวยกำลังนั่งใจเต้นระทึก สมองน้อยๆ นั้นครุ่นคิดด้วยความคิดเข้าข้างตัวเองว่า เธอไม่ได้ทำผิดอะไรที่อยู่ดูหนังต่อกับผู้ชายสองต่อสองอย่างที่ชีวิตที่ผ่าน ในกรอบการดูแลอย่างเข้มงวดของพี่สาวนั้นเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยกระทำมาก่อน อย่าว่าแต่กับคนที่เพิ่งรู้จักกันแค่วันเดียวนี้เลย


ก็..ก็..พี่ไอซ์บอกพี่ศักเป็นคนดี...มันคงไม่ถูกมากกว่า...ถ้าเราหักหาญน้ำใจของพี่ศักดา...


เด็กสาวบอกกับตัวเอง แต่ถึงกระนั้น ความประหม่าอาย และไม่คุ้นเคยกับเพศตรงข้าม ก็ทำให้อรอรุษานั้นนั่งตัวลีบ เคลื่อนเบียดไปอีกด้านหนึ่งที่มีผู้หญิงนั่งอยู่ พยายามนั่งให้ห่างจากตัวของชายหนุ่มให้มากที่สุด แต่แม้จะทำอย่างนั้น กลิ่นกายอันหอมจรุงที่รวยรินจากร่างงามนั้นก็ยังลอยเข้ามาแตะจมูกของศักดา ที่นั่งอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา รมเร้าอารมณ์กระสันของชายหนุ่มจนพล่านไปทั้งตัว


เอาไงดีวะ..ไอ้ศัก...คิดซี...คิด...กูจะทำยังไงดี....ถึงจะจับนังเด็กคนสวย กระเด้าเย็ดในสะเด่าควยในคืนนี้ให้ได้…มันต้องมีทางสิวะ...แม่งเอ๊ย...ทำไม ตัวหอมอย่างนี้ว๊ะ...ขนาดห่างๆ ยังได้กลิ่น...ถ้ากูเคล้นจมูกไปตามตัวนังเด็กนี่มันจะหอมขนาดไหนวะ...


ในความมืดนั้น...ดวงตากลมโตของอรอุษาแอบปรายตาไปมองเสี้ยวหน้าคมสันของชาย หนุ่มด้านข้าง ก่อนที่เด็กสาวจะใบหน้าร้อนซู่ รีบบอกกับตัวเองอย่างรู้สึกผิดในใจ


...น่าอายจัง...อย่าทำอย่างนี้สิ...ใครรู้เข้าจะเอาหน้าไปไว้ไหน...แอบมองผู้ชาย...น่าเกลียดจะตาย


แต่ความรู้สึกที่แปลกๆ ที่มันเอิบซ่านขึ้นมาในหัวใจดวงน้อยอันบริสุทธิ์ผุดผ่องนั้น ก็ทำให้ดวงตากลมสวยนั้นอดที่จะเหลือบไปอีกไม่ได้ และตอนนั้นเองที่ใบหน้าคมสันหันกลับมามองยิ้มๆ ใบหน้าของเด็กสาวแดงก่ำขึ้นทันที เลือดสาวที่เอิบซ่านขึ้นมานั้นลามไปจรดช่วงลำคอเรียวสวยจนเห็นได้ชัดเจนแม้ อยู่ในความมืดสลัวที่มีเพียงแสงไฟวาบมาจากด้านหน้าจอเท่านั้น อรอุษารีบก้มหน้างุดลงกับตักอย่างสุดอาย กำมือเล็กๆ แน่น หลับตาลงขนตางามงอนนั้นสั่นระริก ใจเต้นระทึกจนแทบกระดอนออกมา


ขณะที่จิ้งจอกสวาทมองอาการนั้นแล้วยิ่งรู้สึกใคร่อยากจะกระชากร่างงามไร้ที่ ติข้างๆ นี้มาขยี้สวาทให้สะอารมณ์เหลือเกิน ในใจที่โสมมนั้นพล่านไปด้วยความคิดที่อรอุษา...ถ้าเธอมีความสามารถในการอ่าน ความคิดของอีกฝ่ายได้คงจะช๊อคไปกับการรับรู้นั้นเป็นแน่


แต่ทั้งหมดที่เด็กสาวผู้ไร้เดียงสารับรู้มีเพียงความจัดเจนของจิ้งจอกสวาท ที่ลดความประหม่าอายของเธอโดยทำเป็นหันกลับไปมองภาพหน้าจอ ซึ่งอรอุษาที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองนั้น แอบผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก พร้อมๆ กับดวงตาคู่งามนั้นที่เริ่มมีประกายพราวด้วยความรู้สึกที่มาจากภายใน


ที่ด้านนอก...บริเวณลานจอดรถที่รถคันงามของศักดาจอดอยู่


ชายฉกรรจ์สองคนเดินตรงเข้าไปซุ่มอยู่ตรงบริเวณทางออกจากห้างสรรพสินค้า ที่สามารถมองเห็นความเป็นไปได้ชัดเจน ถ้าจะมีใครกลับไปขึ้นรถ ชายฉกรรจ์ผอมเกร็งคนหนึ่งเป็นคนโทรศัพท์ออกไป


ครับ...ผมจะจับตาเอาไว้ไม่ให้คลาด...เสี่ยไม่ต้องห่วงครับ”


ชายฉกรรจ์ร่างผอมเกร็งพูดจบ ก็หันไปพยักเพยิดกับคู่หูที่ร่างเตี้ยกว่าแต่กำยำล่ำสัน


ไอ้ชด...มึงจับตาดูตรงนี้...กูจะไปเดินเล่นแถวๆ นี้หน่อย...ฮ่ะฮ่ะ...นานๆ มาที...บ๊ะ...สาวๆ เมืองกรุงนี่มันอย่างกับเป็นนางฟ้าเลยแฮะ...ขาวๆ สวยๆ ทั้งน๊านน...ฮ่ะฮ่ะ”


ชดเบิกตากว้าง กล่าวอย่างไม่ยอม


ไอ้ตี๋...ทำไมต้องเป็นกูเฝ้าวะ...กูก็อยากไปดูเหมือนกันนะ...”


ตี๋หัวเราะร่วน


เออ...ตอนนี้ยังพอมีเวลา...แบ่งกันคนละครึ่งก็แล้วกัน เดี๋ยวกูมา...มึงเฝ้ากะแรกไปก่อน..”


ว่าแล้วก็เดินจากไป หายตัวไปในคลื่นของคนที่มาเดินเที่ยว ทำให้ชดได้แต่ขมุบขมิบปากด่าตาม แต่ก็ไม่กล้าทิ้งพื้นที่...เพราะถ้าเกิดคลาดสายตาไป...มีหวังถูกเสี่ยเล่น งานตาย....


........................


คมศรกับป้างทิ้งม้าเอาไว้ตรงชายป่า และเดินเท้าขึ้นไปบนเขา ภายใต้การนำทางของเด็กหนุ่มที่คุ้นเคยกับภูมิประเทศดี ทั้งสองก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวผ่านแนวป่าที่เป็นไม้โปร่งสลับด้วยพุ่มกอไม้ป่าเตี้ยๆ เป็นระยะ สภาพแวดล้อมรอบตัวของทั้งคู่นั้นมืดสลัวลงตามเวลาที่ผ่านไป จนมองไม่เห็นแสงจับขอบฟ้าแล้ว แต่ก็ไม่มีผลอะไรนักกับคนที่ชำนาญการเดินป่าอย่างคมศรกับป้าง แสงสลัวๆ ที่สะท้อนมาจากท้องฟ้ายามอาทิตย์อัสดงที่ลับสายตาไปกับแมกไม้ในป่านั้น ช่วยให้ทั้งคู่รุดหน้าต่อไปได้อย่างไม่ลำบากนัก ซึ่งคมศรก็พอใจในสภาพเช่นนี้....ความมืดจะช่วยพรางร่องรอยของตนเองได้ดี


ป้างกระซิบกระซาบกับพ่อเลี้ยงห้วยป่าสัก


จากตรงนี้เราเดินขึ้นไปอีกยอดก็จะถึงบริเวณดอยปางม่วงแล้วครับ กระท่อมของพวกมันจะลึกเข้าไปในราวป่า ตรงบริเวณดงรวก...ถ้าขึ้นมาจากอีกด้านหนึ่งจากปางเทพนิมิตร...พ่อเลี้ยง อดิศัยเขาเกลี่ยทางสะดวกพอให้รถเล็กขึ้นมาจนถึงบริเวณกระท่อมได้ครับ”


คมศรผงกศีรษะ สายตาคมวาวนั้นกวาดมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง ถามเบาๆ


พวกนั้นมีหน่วยซุ่มอะไรบ้างหรือเปล่า”


ปกติไม่มีครับ...แต่ตอนนี้ผมไม่แน่ใจ”


พ่อเลี้ยงปางห้วยสักผงกศีรษะรับทราบ


ถ้าอย่างนั้นก็ระวังกันหน่อย พยายามเดินอ้อมไปด้านบนและวกกลับลงมาดีกว่า...จะได้เห็นพื้นที่ถนัดๆ หน่อย”


ครับพ่อเลี้ยง”


เด็กหนุ่มรับคำ และพาคมศรเดินลัดเลาะแนวป่าเข้าไปด้วยฝีเท้าที่เงียบกริบอย่างคนชำนาญการ เดินป่า ซึ่งพ่อเลี้ยงปางห้วยสักก็ไม่ได้มีฝีเท้าที่ด้อยกว่าลูกป่าโดยกำเนิดอย่าง เด็กหนุ่มแต่อย่างใด ตามติดไปกระชั้นชิด ดวงตาสีเหล็กนั้นตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา


ทั้งสองเดินฝ่าราวป่าไปอีกประมาณยี่สิบนาที ผ่านเนินลูกเตี้ยๆ ไปอีกลูกหนึ่ง ป้างก็ทรุดตัวลง สายตาของเด็กหนุ่มเป็นประกาย ขณะที่คมศรเองก็มีใบหน้าเหี้ยมเมื่อสายตาประกายเหล็กของเขามองฝ่าความมืดไป แต่ไกลนั้นแลเห็นแสงไฟวับแวมอยู่ในราวป่ารวกนั้น


พวกมันคงมาที่นี่จริงๆ ครับพ่อเลี้ยง”


ป้างกระซิบกระซาบด้วยใบหน้ายินดี ขณะที่คมศรผงกศีรษะ ทำมือเป็นสัญญาณให้ป้างคืบนำเข้าไป ตรงบริเวณกอไม้ขนาดใหญ่ที่มีพุ่มใบหน้าที่อยู่ห่างไปราวๆ สามสิบเมตร ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เป็นชะง่อน สามารถใช้เป็นที่กำบังตัวได้ดี


ทั้งสองคืบคลานกันเข้าไปตรงที่หมาย ณ จุดนั้นดวงตาของคมศรก็เบิกขึ้นอย่างพอใจ เมื่อเขามองเห็นกระท่อมเล็กๆ นั้นมีแสงไฟจะตะเกียงที่วางแขวนอยู่ด้านหน้า ทำให้เห็นมองเห็นชัดๆ ว่ามีม้าในคอกของเขาถูกผูกอยู่ที่ต้นไม้ใกล้ๆ กระท่อมนั้น ซึ่งบริเวณหน้ากระท่อมมีร่างทมึนๆ ยืนอยู่สองสามคน


คงใช่...พวกมันคงมาที่นี่จริงๆ”


พ่อเลี้ยงปางห้วยสักพูดเบาๆ เด็กหนุ่มมีใบหน้าตึงเครียดเมื่อกระซิบถาม


พ่อเลี้ยงจะทำอย่างไรต่อไปครับ”


คมศรยังไม่ทันตอบคำถามของป้าง แววตาก็หดเล็กลงวูบหนึ่ง เมื่อเขาแลเห็นรถกระบะขนาดเล็กคันหนึ่งแล่นเอื่อยๆ เข้ามาจากอีกด้านหนึ่ง เขาโบกมือเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายสงบเสียงลงก่อน เพ่งสายตามองไปอย่างเคร่งเครียด


รถคันนั้นแล่นเข้ามาจอดตรงบริเวณที่ห่างกระท่อมไปราวสามสิบเมตร จากนั้นก็มีคนสองคนเดินเข้ามา โดยคนที่ยืนอออยู่ตรงหน้ากระท่อมนั้นพากันเดินเข้าไปหา


แสงไฟแม้เลือนราง แต่คมศรก็แยกแยะออกได้ชัดเจนว่าคนที่มาใหม่นั้นเป็นใคร ดวงตาสีเหล็กนั้นเป็นประกายวาบ ขณะที่เด็กหนุ่มข้างกายหอบหายใจออกมาอย่างรุ่มร้อน ร่างผอมเกร็งนั้นขยับกระสับกระส่าย ดวงตานั้นเบิกโพลงเต็มไปด้วยแววตาอันขุ่นแค้น


มือหนาของคมศรขยุ้มไปที่บ่าเกร็งของเด็กหนุ่ม ก่อนที่จะมีเสียงดังแผ่วๆ จากปากของชายหนุ่ม


ใจเย็นๆ...ตอนนี้เราผลีผลามอะไรไม่ได้”


เด็กหนุ่มมีใบหน้าดาลเดือด ร่างเกร็งนั้นสั่นระริก เมื่อส่งเสียงคำรามออกมา ดวงตานั้นชุ่มไปด้วยน้ำตา


ไอ้พ่อเลี้ยงอดิศัย!!!...มันฆ่าพ่อแม่พี่น้องของผมไปหมด...”


ฉันเข้าใจความรู้สึกของแก...แต่ถ้าร่องรอยเราถูกพวกมันพบ...แกกับฉันก็ไม่รอด...”


เสียงของพ่อเลี้ยงปางห้วยสักดังแผ่วเบา แต่เครียดขรึมกระตุ้นสติของเด็กหนุ่มข้างกายที่กำลังร้อนเร่าไปด้วยเพลิง แค้น ซึ่งคำพูดนั้นก็ช่วยทำให้อาการของป้างสงบลงไปได้ทันใด เพราะตระหนักถึงความหวาดเสียวที่กำลังผจญอยู่ตรงหน้า ความโหดเหี้ยมของพ่อเลี้ยงอดิศัยนั้นไม่เป็นที่คลางแคลงใจของเด็กหนุ่มเลย พวกนั้นไม่ลังเลที่จะฆ่าเขากับพ่อเลี้ยงคมศรอย่างแน่นอนถ้าร่องรอยของพวกตน ถูกค้นพบ


ป้างสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะว่า


ครับ...ผมขอโทษพ่อเลี้ยงที่วู่วาม...แล้วเราจะทำอย่างไรกันดีครับ”


คมศรกวาดตาลงไปยังพื้นที่ข้างล่าง เท่าที่เห็นพ่อเลี้ยงอดิศัยมีลูกน้องอยู่ด้วยสี่คนยังไม่รวมว่าจะมีใครซ่อน อยู่ในกระท่อมอีก กำลังของทางเขาน้อยกว่าจะหักหาญเข้าไปตรงๆ แน่นอน ชายหนุ่มมีใบหน้าเครียดขรึม ก่อนจะหันไปยังเด็กหนุ่มข้างกาย


แกค่อยๆ ถอนตัวกลับไป...ไปถึงปางแจ้งเรื่องให้กับนายธงชัย...ถ่ายทอดคำสั่งของฉัน... ให้แจ้งไปยังสารวัตรอรุณถึงตำแหน่งกของกระท่อมนี้...และให้ตำรวจนำกำลังมา เสริม...”


ป้างลดเสียงกระซิบกระซาบ ดวงตาเบิกกว้าง


แล้วพ่อเลี้ยงล่ะครับ...”


คมศรแยกเขี้ยวขาวแวววาวในความมืด


ไม่ต้องห่วง...ฉันดูแลตัวเองได้...รีบไป”


แต่..แต่..ผมจะกลับไปคนเดียวได้อย่างไรครับ...”


ป้างลังเลใจ พ่อเลี้ยงปางห้วยสักตบบ่าเกร็งนั้น กล่าวเบาๆ


เชื่อคำของฉัน...ทางนี้ฉันยังต้องพึ่งพาการส่งข่าวของแก...รีบไปเถอะ...”


คำพูดของคมศร ทำให้ดวงตาของเด็กหนุ่มมีประกายมุ่งมั่นขึ้นมาทันที กล่าวเสียงหนักแน่น


ผมจะรีบไปครับ...และจะแจ้งให้กับนายธงชัยพาตำรวจมาช่วยพ่อเลี้ยงให้เร็วที่สุด”


ชายหนุ่มผงกศีรษะให้ ทำสัญญาณมือเป็นคำสั่ง ป้างก็ผงกศีรษะ ดวงตาของเด็กหนุ่มสาดประกายเกรียมไปยังร่างของพ่อเลี้ยงอดิศัยกำลังเดินเข้า ไปในกระท่อมอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ ถอนตัวหายไปในความมืด


คมศรหันไปยังกระท่อม...ในใจนั้นหนักอึ้ง...อยู่ด้านนอกนี้เขาช่วยอะไรอรนุชไม่ได้เลย....


แต่ถ้าหักเข้าไปตรงๆ ผลสุดท้ายทั้งเขาและเด็กสาวหัวดื้อนั้นก็คงไม่รอด....


...คมศรครุ่นคิดหนัก...อย่างหนึ่งอย่างเดียวที่ชายหนุ่มรู้แน่แก่ใจ...คือ...เขาไม่น่ามีเวลาพอให้สารวัตรอรุณนำกำลังมาสมทบแน่นอน


เขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง...แต่....ในเวลานั้นคมศรมืดแปดด้าน...เขายังไม่เห็นช่องทางใดๆ เลย


คราวก่อนน้องสาวของอรนุช ทำให้เขาตามไปช่วยเธอเอาไว้ได้ราวปาฏิหารย์


...คราวนี้...จะมีปาฏิหารย์ช่วยเขาอีกครั้งหรือไม่?


.......................


เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามา และเสียงทักอย่างนอบน้อมจากคนที่ยืนเฝ้าอยู่ทำให้ อรนุชเบิกตากว้างจับจ้องไปยังร่างของคนที่เข้ามาใหม่


ชายหนุ่มที่อยู่ในวัยประมาณสามสิบกว่าปี ใบหน้าสี่เหลี่ยมนั้นเกลี้ยงเกลาพอจะนับได้ว่าเป็นชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่ง แต่ดวงตาภายใต้ขนตาหนานั้นมีประกายตาแห่งความเหี้ยมเกรียม กำลังจับจ้องไปมายังเด็กสาวร่างบางที่นั่งชันเข่าอยู่ตรงมุมห้องอย่าง พิจารณา


ก่อนที่ริมฝีปากนั้นจะแย้มยิ้มและระเบิดเสียงหัวเราะออกมา


ฮะ...สวยจริงๆ...ผู้หญิงของไอ้สิงห์”


ภายใต้ความกลัวที่เกาะกุมจิตใจ และรู้สึกมืดมนกับอนาคตที่ตัวเองถูกจับตัวมาอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ แต่คำพูดของอีกฝ่ายก็ยังทำให้ใบหน้างามของอรนุชร้อนขึ้นมา ร่างเล็กบางนั้นผุดลุกขึ้นยืนอย่างถือดี อารมณ์ที่พลุ่งขึ้นมานั้นกลบทับความหวาดกลัวในใจ จนต้องร้องเสียงแหลม ดวงตาลุกโพลงราวกับแมวที่กำลังโกรธจัด


บ้า!!!..พูดอะไร...ฉันไม่ใช่ผู้หญิงของนายสิงห์นะ”


พ่อเลี้ยงอดิศัยแห่งปางเทพนิมิตรหัวเราะร่วน...กล่าวเสียงเคล้าหัวเราะ...สายตากวาดไปตามเรือนร่างของอรนุชอย่างหยาบช้า


แปลกดีนี่...ปกติไอ้สิงห์มันเสน่ห์แรง...ใครโดนมันทิ่มแล้วมีแต่เก็บไป โพนทะนาว่าเคยนอนกับไอ้สิงห์มาแล้วทั้งนั้น…เอ๊ะ...หรือว่าลีลาของไอ้สิงห์ ไม่ถูกใจเธอ...ฮ่ะฮ่ะ....ไม่เป็นไร...เดี๋ยวลองของฉันบ้าง...รับรองว่าใหญ่ สะใจเธอไม่แพ้ของไอ้สิงห์แน่นอน...ฮ่ะฮ่ะ”


ใบหน้างามของอรนุชแดงก่ำด้วยความรู้สึกหลายอย่างปนเปกัน ทั้งโกรธ ทั้งแค้น ทั้งขยะแขยง ต่อคำพูดนั้น ร่างเล็กบางสั่นเทิ้ม...ปากงามนั้นระริกด้วยความรู้สึกพลุ่งพล่าน...เธอยก นิ้วชี้ไปยังพ่อเลี้ยงอดิศัยอยู่หลายอึดใจ กว่าที่จะเค้นคำพูดออกมาได้


คุณ...คุณ...พูดอะไร...ทุเรส...น่ารังเกียจที่สุด...”


เสียงหัวเราะครืนใหญ่ดังจากปากของคนที่รายล้อมเธออยู่ พ่อเลี้ยงอดิศัยหันไปยังนายคำ


เฮ้ย...มึงแน่ใจนะว่าเอามาไม่ผิดตัว...ไอ้คำ”


ครับ...คนนี้แหล่ะครับ...ที่พ่อเลี้ยงสิงห์สั่งให้ทุกคนคอยดูแลเป็นพิเศษ”


พ่อเลี้ยงอดิศัยหันกลับมาพิจารณาเรือนร่างของอรนุชอย่างละเอียดอีกครั้ง จนเด็กสาวรู้สึกหนาวจับจิต จนต้องยกมือขึ้นกอดอกเอาไว้ และถอยตัวไปชิดกำแพง


พ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตรสืบเท้าเข้าไป อรนุชปากคอสั่น เมื่อร้องเสียงแหลม


อย่า..อย่า..เข้ามานะ.!!!..”


หึ...คนสวย...ทำไมทำสะดิ้งอย่างนั้นแหล่ะ...เหมือนกับไม่เคย...อือม์... หรือว่าเธอยังไม่ได้โดนไอ้สิงห์เปิดซิง..อ๋อ..ฉันรู้ล่ะ...ไอ้สิงห์มันถือ ว่าตัวแน่...ไม่ต้องใช้กำลังบังคับใครก็ยอมนอนกับมันเอง...ดูท่ามันกำลัง กล่อมเธออยู่ล่ะสิ...ฮ่ะฮ่ะ...สวย...อย่างนี้ก็ดี...มันคงแค้นพิลึกถ้าฉัน ชิงตัดหน้าเชือดบริสุทธิ์เธอก่อนหน้ามัน...”


อรนุชใบหน้าซีดขาว เมื่อเห็นอีกฝ่ายสืบเท้าเข้ามาอีก ดวงตากลมโตนั้นสั่นสะท้าน สมองของเธอใคร่ครวญหาทางช่วยเหลือตัวเอง กล่าววิงวอน


ฉันขอร้อง...ปล่อยฉันไปเถอะ...คุณกับนายสิงห์ขัดแย้งกันแล้วทำไมต้องมาลงที่ฉัน..ไม่ยุติธรรมเลย”


ใบหน้าของอดิศัยเปล่งประกายเหี้ยมขึ้นมาทันที


แล้วทีมันแย่งผู้หญิงของฉันไป...ใครทวงความยุติธรรมให้ฉันบ้าง...”


ความโกรธแค้นที่สะสมเก็บกดอยู่ในใจมาเนิ่นนานทำให้พ่อเลี้ยงอดิศัยมีใบหน้า ถมึงทึง ดวงตานั้นวาวโรจน์ราวกับมีไฟสุมอยู่ ตวาดสั่งสมุนที่รายล้อมอยู่


พวกมึงขึ้นไปเฝ้าหน้ากระท่อม...กูเสร็จแล้วพวกมึงก็ค่อยเวียนกันเข้ามา”


ชายฉกรรจ์ทั้งหลายหัวเราะกระหึ่ม ดวงตาที่ชั่วร้ายราวกับสัตว์ป่ามองไปยังอรนุชรอย่างหื่นกระหาย ก่อนจะพากันเดินออกไปอย่างเบิกบานใจที่ในเวลาอันใกล้จะได้รับส่วนแบ่งลิ้ม ลองเนื้อขาวๆ ที่ท่าทางจะหวานโอชะไปทั้งตัวนั้น


อดิศัยเดินสืบเท้าเข้าไปหาอรนุชที่มีใบหน้าซีดขาว ดวงตาเบิกโพลง เด็กสาวพยายามพูดเพื่อหาทางออกให้กับตัวเองเสียงสั่นสะท้าน...


คุณ...คุณเข้าใจผิดแล้ว...ฉันกับนายสิงห์ไม่มีอะไรกัน...คุณทำร้ายฉันไปเขาก็ไม่สนใจอะไรหรอก...”


พ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตรแค่นหัวเราะ ถอดเสื้อแจ๊กเกตหนังออกวางไว้บนโต๊ะที่ทำจากไม้ลวกๆ ดวงตาของอรนุชพลันเบิกโพลงเมื่อมองเห็น Glock 19 ที่ซ่อนอยู่ในปลอกสายรัดที่คาดไว้กับอกของชายหนุ่ม


ชายหนุ่มมองเห็นแววตาของอรนุชแล้วนึกว่าอีกฝ่ายหวาดกลัวปืนเหมือนกับผู้หญิงทั่วไป ก็หัวเราะลั่น


ไม่ต้องกลัว ฉันไม่ใช้ปืนด้ามนี้กับเธอหรอก คนสวยๆ อย่างเธอฉันมีปืนอีกประเภทให้เธอ...ฮ่าฮ่า”


อรนุชตัวสั่นไปกับคำพูดที่ชั่วช้าลามกนั้น เม้มริมฝีปากงามของเธอ กำหมัดแน่น ดวงตากลมโตนั้นสอดส่ายหาทางหนีทีไล่ พ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตรถอดสายรัดซองปืนที่คาดอก และวางไปบนโต๊ะ ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกทีละเม็ด ดวงตาที่กวาดมองไปยังเด็กสาวเบื้องหน้านั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยเพลิงราคะและ ความกระหาย


คุณ..อย่าคิดทำอะไรบ้าๆ...กับฉันนะ...มันไม่คุ้มกันหรอก...ชื่อเสียงและ ฐานะของคุณ...อย่ามาแลกกับการคิดสั้นๆ แบบนี้เลย...คุณอาจจะได้ปลดปล่อยความใคร่กับฉัน...แต่ผลข้างหน้าคุณจะต้อง เข้าคุก...สูญเสียทุกอย่าง...เชื่อฉันเถอะ...ถ้าคุณยอมปล่อยฉันไป...ฉัน รับรองว่าจะไม่เอาเรื่องคุณ...ฉันสัญญา”


เด็กสาวพยายามเจรจาเพื่อหว่านล้อมอีกฝ่าย เพราะดูแล้วคนเบื้องหน้าของเธอนั้นจะมากน้อยก็ต้องเป็นคนมีการศึกษา รู้ว่าทำอะไรแล้วจะได้ผลอะไร บางทีถ้าเธอพูดให้เขาได้สติ...เรื่องอาจจะยุติลงได้ด้วยดี


อดิศัยหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของเด็กสาวตรงหน้าจนตัวงอ ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยในความเขลาของอรนุช


ทำไม...ทำไมถ้าฉันจะเล่นสนุกกับเธอแล้วฉันต้องเข้าคุกด้วย”


ก็..ฉันจะฟ้องตำรวจน่ะสิ...คุณเป็นคนมีชื่อเสียง...คุณจะหนีไปไหนได้”


อรนุชขู่เสียงแข็ง อดิศัยส่ายหัวกล่าวเสียงเคล้าหัวเราะ


ไม่อยากเชื่อ...ผู้หญิงที่ไอ้สิงห์จอมเจ้าเล่ห์หมายตามันจะโง่อย่างนี้... ฮ่ะฮ่ะ..เธอคิดหรือว่าหลังจากฉันและพวกลูกน้องของฉันที่มันคงวนเวียนกับเธอ หลายรอบจนเบื่อแล้ว จะปล่อยให้เธอออกไปฟ้องตำรวจ...ฮ่ะฮ่ะ...”


ดวงตากลมโตของอรนุชเบิกโพลง กล่าวเสียงสั่นๆ


คุณ...คุณ...มัน...มัน...เลวทรามชั่วช้าเหลือเกิน...”


อดิศัยยิ้มเย้ย ตอนนั้นชายหนุ่มถอดเสื้อออกไปแล้วจนแลเห็นร่างกายที่กำยำ แผงอกที่มีขนรุงรัง อรนุชรีบเบือนหน้าไปอีกด้านอย่างรังเกียจ พ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตรหัวเราะก๊ากลั่น


ฮะฮะ...ทีแรกฉันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งนะว่าเธอยังไม่เสร็จไอ้สิงห์...แต่ ตอนนี้ชักเชื่อแล้วล่ะว่าเธอมันยังไร้เดียงสาเหลือเกิน...ฮ่ะฮ่ะ...สาวน้อย ...ฉันเสียดายแทนความสาวและความสวยของเธอจริงๆ...คนสวยๆ อย่างเธอหาคนมาเปรียบได้ยาก...แต่น่าเสียดายนะ...เอาเป็นว่าก่อนเธอจะกลาย เป็นผีเฝ้าป่า...ฉันจะมอบความสุขให้เธอก่อนจนหนำใจเลยทีเดียว ฮ่าฮ่า...”


สิ้นเสียงอันหยาบช้านั้น ร่างของชายหนุ่มก็สืบเข้ามาหาเด็กสาวร่างบางที่ยืนหนีไปจนแนบผนังอย่างกระหายหิว


อรนุชคอยทีอยู่แล้ว จากสภาพเซื่องๆ ไม่ต่างอะไรกับลูกแมวน้อย กลายมาเป็นนางแมวป่า ที่พลิกตัวหลบจากการจู่โจมของพ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตร ก่อนจะประเคนแข้งที่เรียวสวยของเธอเข้าไปสีข้างของชายหนุ่มเต็มๆ เสียง ผลัวะ ดังพร้อมๆ กับเสียงคำรามอย่างเจ็บปวดของอดิศัย


ความจริงพ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตรไม่ถึงกับเป็นสวะไร้ฝีมือ แต่เพราะคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเด็กสาวร่างเล็กข้างหน้าจะมีฤทธิ์เดชปานนี้ และนายคำก็ไม่ได้ทันที่จะคิดถึงและเอ่ยอะไรเป็นคนเตือนว่าเหยื่อที่จับมาไม่ ใช่ลูกแกะน้อยที่รอคอยให้เชือดแต่อย่างเดียว


อีห่ะ..ฤทธิ์มากนักนะ...”


พ่อเลี้ยงอดิศัยคำราม ร่างกำยำสะเทือนไปกระแทกผนัง อรนุชรู้สึกปวดแปล๊บๆ ที่หน้าแข้งตัวเอง รู้ดีว่าถึงตนเองจะมีฝีมือในการใช้ศิลปการต่อสู้ แต่ร่างกายของชายหนุ่มนั้นแข็งแรงเกินกว่าที่เธอจะโค่นเขาลงได้ อย่าว่าแต่พวกที่อยู่ข้างนอก ถ้ากรูกันเข้ามาเธอก็หมดหวังที่จะเอาตัวรอดปลอดภัยออกไปได้อย่างแน่นอน


หางตาของเด็กสาวแว่บไปที่ปืน ในใจนั้นสว่างวาบ ร่างเปรียวของเธอผวาไปที่ซองปืน อดิศัยที่เห็นอย่างนั้นก็ร้องออกมาด้วยโทสะ โผตัวเองเข้ามาราวกับเสือดาวที่บาดเจ็บ


แต่ทว่าตอนนั้นมือบางงามที่ชายหนุ่มไม่มีทางรู้เลยว่าเป็นมือที่คุ้นเคยกับ ด้ามปืนเพียงไรก็ได้คว้าไปที่ด้ามของ Glock เอาไว้จนมั่นคงแล้ว อรนุชกระชากปืนออกจากซอง ก่อนหันเปิดปากกระบอกปืนนั้นชี้ไปยังอดิศัยที่ยืนชะงักตัวลงอย่างไม่เชื่อ สายตาตัวเอง


อีห่ะ...ไวอย่างกับปรอท...แต่ว่าเสียใจว่ะ...ปืนกูยังไม่ขึ้นลำ...หน้าโง่ๆ ...อย่างนี้ไม่รู้หรอกว่าเหนี่ยวไกไปก็ยิงกระสุนไม่ออก...ฮ่ะฮ่ะ


แม้ว่าจะตื่นใจในทีท่าของเด็กสาวตรงหน้า แต่ในใจยังคิดหยามเยาะ ดวงตาของชายหนุ่มแสร้งทำเป็นหวาดกลัว โบกไม้โบกมือลั่น


อ๊ะๆ...อย่านะ...เดี๋ยวปืนลั่นออกมา”


อดิศัยพูดพลาง ทำท่ากลัวๆ ขาสองข้างพอตั้งหลักได้ ก็ถีบเต็มกำลังพุ่งตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าถมึงทึงด้วยความเกรี้ยวกราด


อย่าให้จับได้นะ..มึง..กูจะทรมานให้ร้องวิงวอนไม่ขาดปากเลย


อรนุชยิ้มเย็น กระชากลูกเลื่อนส่งลูกปืนเข้าสู่รังเพลิง เบนปากกระบอกปืนเล็กน้อย เสียงเปรี้ยงก็ดังสนั่นพร้อมๆ กับดินที่อยู่ตรงหน้าของพ่อเลี้ยงอดิศัยนั้นฟุ้งกระจุย ร่างกำยำของชายหนุ่มผวาถอยกลับไป คราวนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลัวจริงๆ เมื่อเห็นมือที่มั่นคงนั้นเลื่อนปากกระบอกปืนกลับมาตรงระดับหน้าอกเขา


เสียงปืนนั้นทำให้คนที่อยู่ด้านนอก ต่างพากันฮือลงมา


อรนุชไม่รอช้ารีบปราดร่างเปรียวของเธอเข้าไปหาพ่อเลี้ยงอดิศัยที่ยืนตะลึง อยู่ เด็กสาวหลบเข้าไปที่ด้านหลังของชายหนุ่มและกระชับปืนในมือแน่นจ่อไปที่กลาง ลำตัวของอีกฝ่าย ขณะที่นายคำกับพวกที่วิ่งกรูกันลงมานั้นยืนตะลึงลาน


อรนุชมองเห็นหลายคนที่ล้วงมือไปในหว่างเอวและเห็นด้ามปืนโผล่ออกมา ก็ตวัดเสียงเข้มกับพวกของนายคำ


พวกคุณ...หยิบปืนออกมาทิ้งไว้ตรงหน้าให้หมดเดี๋ยวนี้!!!..”


พ่อเลี้ยงอดิศัยทั้งโกรธ ทั้งเสียหน้าต่อหน้าของลูกสมุน ยืนใบหน้าเขียวคล้ำ...กัดฟันกรอดๆ เด็กสาวร่างบางจึงกระทุ้งปากกระบอกปืนที่ยังร้อนฉ่าอยู่เข้าไปที่กลางแผ่น หลังของชายหนุ่ม สร้างความปวดแสบให้กับอดิศัยจนร้องลั่น ก่อนจะแหกปากด่า


ไอ้พวกสัตว์...ไม่ได้ยินเรอะ...ทำตามคำสั่งของมันเซ่....ยืนงงหาพ่อมึงเหรอ”


นายคำกับพวกเพิ่งได้สติ ต่างคนต่างหยิบปืนพกที่มีซุกเอวกันอยู่ทุกคนโยนทิ้งกับพื้น


อรนุชพยักหน้า ใจเต้นไปด้วยความหวัง...เธอมีทางหนีแล้ว....


ถอยไปรวมกันตรงมุมห้องให้หมด...”


เด็กสาวสั่งการขณะที่ใช้ปืนกระตุ้นบอกให้อดิศัยเดิน ขณะเดียวกันก็จับตาไปยังนายคำกับพวกต่างถอยกันไปยืนรวมกันตรงมุมห้องนั้น อย่างระแวดระวังไม่ประมาท


พ่อเลี้ยงเดินไปช้าๆ นะ...เดินตรงไปที่ประตู”


อรนุชบอกที่ข้างหูของชายหนุ่ม พออดิศัยเดินไปถึงบริเวณประตู เด็กสาวก็สั่งให้เขาหันหลังกลับ ส่วนตัวเธอเองเบี่ยงตัวตามไป สายตาจ้องไปยังนายคำกับพวกไม่วางตา ใช้มือข้างหนึ่งล๊อคไปที่คอของพ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตร ให้เดินถอยหลังตามตัวเองออกมาอย่างช้าๆ


ห้ามตามมานะ...ไม่งั้นฉันยิงพ่อเลี้ยงจริงๆ ด้วย”


เด็กสาวตะโกนบอกกลุ่มของนายคำกับพวกที่คิดจะฮือตามมา สะกดร่างของชายฉกรรจ์ทั้งหมดเอาไว้กับที่ไม่กล้าเคลื่อนไหว ส่วนตัวเองก็เดินถอยหลังไปช้าๆ พร้อมๆ กับดึงตัวของอดิศัยตามไปด้วย


เดินๆ ถอยๆ กันไปตามทางแคบๆ เด็กสาวก็แลเห็นประตูที่ทอดออกไปสู่พื้นที่ข้างนอก ใจของอรนุชก็เต้นแรงด้วยความยินดี


ขณะที่พ่อเลี้ยงอดิศัยที่กัดฟันกรอดๆ เดินถอยหลังตามมานั้น นัยน์ตาของชายหนุ่มวาวโรจน์ เมื่อมองเห็นสมุนของตัวเองที่ยืนอออยู่นั้นหายไปคนหนึ่ง....ไอ้แสง...ไม่ได้ รวมอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย


ทันทีที่อรนุชดึงตัวของพ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตรหลุดพ้นปากประตูกระท่อมออกมา หางตาของเธอก็แลเห็นร่างทมึนของใครคนหนึ่งพุ่งวาบเข้ามา จนต้องใจหาย หันไปก็พบชายฉกรรจ์หน้าถมึงทึงพรวดเข้ามา...เป็นนายแสงนั่นเอง...อีกฝ่าย นั้นซ่อนตัวอยู่ข้างกระท่อม...ใกล้เหลือเกิน...ใกล้จนเกินกว่าเธอจะหลบ ทัน...


โอวว...ไม่นะ...


อรนุชครางในใจอย่างโหยหวน


เปรี้ยง.....!!!!


ปรากฏเสียงปืนดังกึกก้องเป็นนัดที่สอง


.............................


ภาพของชายหนุ่มและเด็กสาวที่เดินเคียงกันไปนั้น ตกเป็นเป้าสายตาของคนหลายหลากในบริเวณนั้น ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาที่เดินยิ้มและหัวเราะไปกับสาวน้อยที่ตอบสนองด้วยรอย ยิ้มอายๆ ไปตลอดทางนั้น ต่างทิ้งให้ทุกคนที่เห็นต่างอดไม่ได้ต้องเหลียวหลังมองไปอย่างอิจฉา


พี่มีความสุขจัง...น้องษารู้ไหมครับ...พี่ดีใจเหลือเกินที่วันนี้พี่เผอิญมาดูคอนเสิร์ต...เพราะมันทำให้พี่รู้จักกับน้องษา...”


เสียงนุ่มนวลที่ดังเข้ามากระทบโสตนั้น ทำให้อรอุษาใจเต้นแรง แก้มใสปรากฏสีระเรื่อ และใบหน้าหวานนั้นยิ่งแดงจัดจนสดราวกับผลไม้ที่แสนสวยสุกงอมน่ากัดกินเหลือ ประมาณ เมื่อเธอได้ยินเสียงรุกเร้าถาม


แล้วน้องษาล่ะครับ...ดีใจไหมที่รู้จักกับพี่...”


อรอุษาก้มหน้าอย่างเดียวไม่ตอบคำถาม ในใจเต้นระรัว


...ฮื้อ...ใครเขาจะไปตอบได้ล่ะ...น่าอายจะตายไป


ศักดาหัวเราะ ไม่รุกเร้าอะไรมากไปกว่านั้น ขณะที่เดินเคียงคู่เด็กสาวออกไปยังบริเวณที่จอดรถ ท่ามกลางสายตาหลากหลายที่มองมาไม่ขาดระยะ ซึ่งจิ้งจอกสวาทเดินยืดอกอย่างภาคภูมิใจที่รับรู้ว่าตกเป็นเป้าสายตา ขณะที่เด็กสาวนั้นกลับทั้งรู้สึกประหม่าและอึดอัดอย่างที่สุด


แต่ชายหนุ่มคงไม่รู้สึกเช่นนั้นเป็นแน่ ถ้าเขาจะได้รับรู้ว่าท่ามกลางสายตาหลายหลากคู่นั้น มีนัยน์ตาอันแวววาวของเสี่ยคิ้มที่ซุ่มซ่อนรวมอยู่ด้วย


ตอนนั้นใบหน้าสี่เหลี่ยมของเสี่ยนักค้าทองเต็มไปด้วยความตื่นเต้นหฤหรรษ์


ฮะฮะ...ในที่สุดฉันก็เจอแกจนได้...ไอ้ศักดา...


และความตื่นเต้นที่จะได้ล้างแค้นนั้นมันถูกบวกเพิ่มพูนความยินดีปรีดาเข้าไป จนหลายเท่าตัว เมื่อสายตาของเสี่ยนักค้าทองแลเห็นเด็กสาวแสนสวยนั้นถนัดตา


อูยยยยย...สวยยิ่งกว่าในรูปอีก....หน้าหวานจริงๆ...สวยใสไร้ที่ติ...ผิวขาว ไปทั้งตัว....โอยยย...โชคดีชิบหายเลยกู.....ได้ฟาดทั้งคุณรสคนสวยและนังเด็ก หน้าหวานนี่...ฮ่าฮ่าฮ่า...สุดยอดๆ...ถ้าได้นังเด็กนี่มาทำเมีย...กูจะไม่ ออกไปหาอีบ้านเล็กๆ คนไหนๆ อีกเลย....ฮ่าฮ่า...


ศักดาที่ไม่รู้ตัวว่าถูกเสี่ยคิ้มตามอยู่ห่างๆ พาอรอุษากลับไปขึ้นรถคันงามขับออกไปอย่างนุ่มนวล โดยเด็กสาวนั่งเคียงข้างไปเงียบๆ ตลอดทางที่กำลังวนออกจากชั้นจอดรถ จนกระทั่งชายหนุ่มยิ้มละไม ทำลายความเงียบด้วยการเอ่ยชวน


ทำไมเงียบไปล่ะครับ...น้องษาอึดอัดใจอะไรกับตัวของพี่หรือเปล่า”


อรอุษารีบปฏิเสธ ก่อนจะกล่าวเสียงแผ่วเบา


ก็...ก็...พี่ศักมีอะไรก็ว่าไปสิคะ...”


ดีใจจังครับ...ถ้าอย่างนั้นพี่ถือโอกาสนี้ขออะไรน้องษาได้หรือเปล่าครับ”


เด็กสาวหันหน้ามาถามอย่างสงสัย


พี่ศักจะขออะไรษาคะ”


จิ้งจอกสวาทหันมาทำนัยน์ตาที่มัดใจหญิงสาวเพศตรงข้ามมานักต่อนัก แล้วกล่าวเสียงนุ่มนวล


ขอความเป็นเพื่อนที่ดี...เป็นพี่ชายที่ดีให้กับน้องษา...ได้หรือเปล่าครับ”


ใบหน้างามหวานนั้นแดงระเรื่อ ดวงตากลมโตนั้นหลุบลงต่ำอย่างเขินอาย ศักดารุกต่ออย่างชำนาญการ


น้องษายังไม่ตอบพี่เลย....ว่าจะยินดีมอบสิ่งที่มีค่านี้ให้กับพี่หรือเปล่า”


อรอุษาก้มหน้าลงตอบเสียงที่เบาบางราวกับเสียงปีกกระพือของแมลงปอ


ษายินดีค่ะ...”


ชื่นใจพี่จัง....”


เสียงนุ่มนวลนั้นสะท้านเข้าไปในกลางใจของเด็กสาวผู้ไร้เดียงสา ใบหน้างามหวานนั้นแดงระเรื่อด้วยอารมณ์ที่เอิบซ่านมาจากภายใน


ถ้าเช่นนั้นพรุ่งนี้น้องษาว่างไหมครับ...ถ้าพี่จะชวนน้องษาไปเที่ยว...เรา ไปเที่ยวทะเลกันดีไหมครับ...ไปกันหลายๆ คนเลย...โทรไปชวนไอซ์ด้วย...พี่มารับตอนเช้า...แล้วกลับตอนเย็น...พี่รับรอง ว่าจะมาส่งถึงบ้านไม่ดึกอย่างแน่นอน”


อรอุษาหน้าแดง ดวงตาคู่งามนั้นเต็มไปด้วยความลังเลใจ ชั่งใจ ระหว่างความไม่คุ้นเคยกับสิ่งที่รอคอยอยู่ตรงหน้า กับประสบการณ์อันเอิบซ่านอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนนั้นมันราวกับเป็นตุ้ม ถ่วงอยู่สองฟากข้างแห่งจิตใจของเธอ


ถ้าเธอตกลงรับปากไปกับเขา...ก็หมายถึงเธอตัดสินใจก้าวล่วงเข้าไปในดินแดนอีก ฟากหนึ่ง...ด้านที่เธอไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปมาก่อนเลยตลอดชีวิต...แต่ในดิน แดนอันแปลกตานั้น...มันช่างเต็มไปด้วยสีสรรอันสวยงามยวนใจให้ค้นหาสัมผัส สำหรับเธอที่เพิ่งข้ามเข้ามารับรู้


ความจริงหลังจากผ่านช่วงเวลาที่เธอตกลงใจอยู่ดูหนังต่อกับอีกฝ่ายหลังจากที่ ฐิติพรรณขอแยกตัวไปก่อน เด็กสาวก็ตัดสินใจได้ง่ายกว่าเดิมมากมายนักว่าเธอจะเลือกเดินทางไหน...


แต่การที่เธอการใช้เวลากับศักดาตามลำพังเช่นนี้...มันเป็นเหตุการณ์ที่เธอ ไม่คาดคิดมาก่อน...และอรอุษายังให้เหตุผลกับตัวเองได้ว่าเธอจำต้องรักษา น้ำใจของอีกฝ่ายเอาไว้


มันต่างกันมากกับการที่เธอจะตอบตกลงไปเที่ยวกับเขาตามคำชวน...โดยไม่ได้รับ ความเห็นชอบจากพี่สาวทั้งสองคน...เรื่องนี้จะอย่างไรก็ตามเป็นสิ่งที่อรอุษา ไม่กล้าทำอย่างเด็ดขาด...


พี่อรกับพี่นุช...ไม่อยู่....ษา...ษา..ไม่สะดวกจริงๆ ค่ะ...ถ้าพี่ทั้งสองไม่อนุญาต...พี่ศักเข้าใจษานะคะ”


เสียงของอรอุษาดังขึ้นแผ่วๆ ดวงตากลมโตนั้นพยายามแสดงความรู้สึกให้เขาเห็นว่าเธอไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจเขา ...แต่เธอไม่สะดวกที่จะรับปาก ซึ่งศักดากระหยิ่มยิ้มอย่างสมใจ.....


พี่สาวสองคนของน้องษาไม่อยู่นี่ครับ...ถ้าพี่สาวทั้งสองของน้องษาอยู่บ้าน ...รับรองว่าคืนนี้พี่จะไปขออนุญาตพวกเขา...แต่นี่พี่จนใจเหลือเกิน”


เด็กสาวกัดริมฝีปากตัวเองอย่างชั่งใจ ก่อนในที่สุดจะก้มหน้าลงกล่าวเสียงบางเบา


พี่นุชจะกลับมะรืนนี้ค่ะ....”


จิ้งจอกสวาทปรายตามองมายังใบหน้าหวานของเด็กสาวที่ก้มลงนั้นกำลังเป็นสีชมพู ระเรื่องามจับตา ริมฝีปากก็ฉีกยิ้มอย่างอ่อนหวาน กล่าวเสียงนุ่มซึ้ง


ถ้าเช่นนั้นหมายความว่า...น้องษาไม่รังเกียจที่จะไปกับพี่...ถ้าพี่จะไปขออนุญาต...พี่นุชของน้องษาใช่ไหมครับ”


ใบหน้างามนั้นยิ่งแดงก่ำเข้าไปอีก ตอบเบาๆ


ถ้าพี่นุช..ไม่ว่า...ษา..ษา..ก็ยินดีค่ะ”


โอ...ถ้าเช่นนั้นพี่จะรอคอยวันมะรืนนี้...ด้วยความยินดีและเต็มใจที่สุดเลยครับ”


ศักดาตอบอย่างรื่นเริง ในใจนั้นพล่านไปด้วยความปิติยินดี เพราะคำพูดนั้นมันเท่ากับว่าเด็กสาวเบื้องข้างนั้นไม่ปฏิเสธการเข้าหาของเขา แล้ว...


ตอนนั้นจิ้งจอกสวาทยังหาหนทางเหมาะๆ ไม่ลงตัวว่าจะลงมืออย่างไร ในที่สุดก็ตกลงใจคืนนี้เขาจะปล่อยให้อรอุษารอดไปก่อนก็ได้...วันเวลาข้าง หน้ายังมีเหลือเฟือให้เขาจัดการกับเหยื่ออันโอชะที่ซื่อบริสุทธิ์ไร้เดียงสา นี้...


และการตัดสินใจที่ประหนึ่งเหมือนกับว่าให้เกียรติเด็กสาว และแสดงความจริงใจที่เปิดเผยเข้าหาพี่สาวทั้งสองอันเปรียบเสมือนเป็นผู้ ปกครองของเธอ ก็ยิ่งทำให้ภาพของศักดานั้นดูดีในสายตาของอรอุษา...


เด็กสาวนั่งหน้าแดงใจเต้นระทึก พยายามทบทวนกับตัวเอง


...มันน่าเกลียดไปไหม...เราเพิ่งรู้จักเขาวันนี้เองนะ...


แต่...มันคงไม่ได้เสียหายอะไรหรอกน่า...พี่ศักเป็นคนดี...อีกอย่างเราก็ไปกันหลายคน...พี่ไอซ์ก็ไปด้วยนี่นา...ไม่น่าเกลียดหรอก...


ในที่สุดเด็กสาวก็ให้คำตอบกับตัวเอง เพราะในใจดวงน้อยที่ซื่อบริสุทธิ์นั้นมันโน้มเอียงไปในทางที่เชื่อมั่นว่า ...ชายหนุ่มเป็นคนดีจริงๆ...ดีเหมือนพี่เทพกับพี่ธนาที่เธอรู้จัก...


ใยสวาทที่ศักดาชักขึ้นล่อหลอกให้เหยื่อของเขาบินเข้ามาติดกับราวกับใยแมงมุม นั้นมันทำงานอย่างได้ผลเสมอมา...เหยื่อสวาทที่ผ่านมาหลายต่อหลายคนมีบ้างก็ เป็นสาวเจนประสบการณ์แต่ก็ยังไม่วายหลงไปกับภาพที่ศักดาปั้นแต่ง หลงไปกับคำพูดและคารมอันอ่อนหวานที่ราวกับใยแมงมุมที่สำรอกออกมาพันเหยื่อ


อย่าว่าแต่กับอรอุษาที่อ่อนเยาว์ไร้เดียงสากับกามโลกีย์นั้น มีสภาพไม่ต่างอะไรกับผีเสื้อตัวน้อยที่บินพลัดเข้าไปติดอยู่ในบ่วงใยของ แมงมุมร้าย ใยสวาทที่ค่อยๆ พ่นออกมาจากแมงมุมโฉดอย่างศักดานั้นม้วนรัดรึงเข้าไปในจิตใจอันซื่อ บริสุทธิ์ของเด็กสาวจนเธอถลำลึกลงไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้ตัว


วาจาอันอ่อนหวานรื่นหู ที่ประดังออกมาอย่างยอกย้อน และเต็มไปด้วยเสน่ห์ของศักดา จึงค่อยๆ ทำให้อรอุษาที่นั่งเคียงข้างเขา ยิ้มแย้มหัวเราะออกมาอย่างอ่อนหวาน เมื่อรอคอยให้เหยื่อชิ้นงามคลายความตื่นเกร็ง และค่อยๆ เปิดใจให้กับเขา วาจาอันอ่อนหวานก็ไต่ระดับขึ้นไปอย่างช้าๆ ทีละขั้นๆ อย่างใจเย็น...ไม่ผลีผลาม


อรอุษานั่งตัวเกร็ง ใจเต้นกระดอนอยู่ในอก ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความประหม่าอาย เมื่อหัวข้อของคำพูดเริ่มค่อยๆ เปลี่ยนจากเรื่องชีวิตความเป็นไปโดยปกติของตัวเธอ เข้ามาสู่การแสดงออกมาอย่างไม่ปิดบังว่าชายหนุ่มด้านข้างนั้นพึงใจ และหลงใหลในรูปลักษณ์ของเธอ


น้องษาครับ...คงไม่ดูถูกน้ำใจพี่ศักคนนี้นะครับ...ว่าใจง่ายเหลือเกิน...”


ใบหน้าของอรอุษาแดงฉาน ปากงามกล่าวเสียงที่แผ่วเบาราวกระซิบ


ษา...ษา...เอ่อ..ไม่..ไม่ค่ะ..แต่..เรา...เราเพิ่งรู้จักกันเองนะคะ...พี่ศัก...อาจ...อาจจะไม่รู้จักษาดีนัก”


ความรู้สึกของพี่มันแน่ชัด...อย่างที่พี่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน...น้องษา...ขอ เพียงน้องษาไม่รังเกียจน้ำใจของพี่...แค่นี้พี่ก็ดีใจแล้ว...เวลาข้างหน้า ...พี่ขอพิสูจน์ว่าความรู้สึกของพี่...ไม่ใช่ความรู้สึกชั่วแล่น...”


เสียงนุ่มนวลนั้นกล่าวลึกซึ้งนั้นราวกับใบหอกที่ทะลวงเข้าสู่กลางใจอัน บริสุทธิ์ผุดผ่องของอรอุษา จนเด็กสาวสะเทิ้นไปทั้งร่าง ความเอิบซ่านนั้นแผ่ขยายผลิบานในใจของเธออย่างงดงาม...น่าหลงใหล..และใคร่ สัมผัสเสียเหลือเกิน...


ณ ถึงตอนนี้แม้วาจานั้นจะเลี้ยวลดเข้ามาเชยชมในความน่ารัก งดงามของเด็กสาว วาจาที่เป็นเชิงเกี้ยวพาของชายหนุ่มที่กระทำต่อหญิงสาว ก็ไม่ได้ทำให้อรอุษารู้สึกว่าเป็นคำพูดที่เขารุกเร้ามาจนน่าอึดอัดต่อย่างใด เพราะความเอิบซ่านที่มันพองฟูอยู่ในใจนั้นมันงดงามนัก...ปฏิกิริยาเดียวที่ เด็กสาวมีต่อคำชมอันเปี่ยมด้วยเชิงชาย...ก็คือรอยยิ้มที่อ่อนหวาน...ขวยเขิน ...ประหม่าแต่ถ่ายเดียว...


โธ่...พี่ศักคะ...อย่าพูดแบบนั้นอีกเลยค่ะ..”


ทำไมครับ...น้องษาไม่ชอบหรือครับ”


เสียงจิ้งจอกสวาททุ้มนุ่มนวล ขณะที่อรอุษาหน้าแดง


ษา...เอ่อ...ษา...เอ่อ...ก็..ก็...ฮื้อออ...ไม่เอา...ค่ะ..ไม่พูดก็ไม่พูด...”


ปากงามแม้จะทำเสียงขึงขังต่อว่าไม่ให้เขาพูดต่อ...แต่เวลานั้นดวงตากลมโตคู่งามกลับเต็มไปด้วยประกายหวาน
ในใจของเธอรู้สึกตรงกันข้ามกับคำตัดพ้อนั้น...อยากฟังคำพูดที่นุ่มนวลนั้น อย่างไม่รู้เบื่อ...ซึ่งอาการนั้นปิดไม่มิดกับจิ้งจอกสวาทที่เจนเวที ซึ่งซ่อนยิ้มอันหื่นกระหายเอาไว้อย่างแนบเนียน


ฮ่ะฮ่ะ...ง่ายชิบหาย...ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากอีก...นังเด็กนี่แม่งไก่ อ่อนสุดๆ เลยว่ะ...ฮะฮะ...ถ้าไม่ติดว่าฉันต้องการเคลมสวาทพี่สาวคนสวยของเธอ...รับรอง ว่าคืนนี้จะสอนให้เธอรู้จักว่าความรักของศักดาน่ะมันเร่าร้อนขนาดไหน...สาว น้อย...ฮ่าฮ่าฮ่า


ศักดากระหยิ่มยิ้มอยู่ในใจ มีความมั่นใจว่าอรอุษาไม่พ้นมือเขาแน่นอน จะช้าหรือเร็วเท่านั้น ตอนนี้แค่ขอรอเวลาเหมาะๆ ก็เพียงพอแล้ว....


รถคันงามของศักดาวิ่งฉิวไปตามท้องถนน โดยมีรถตู้สีดำที่มีชายฉกรรจ์ร่างผอมชื่อตี๋เป็นคนขับ ตามไปอย่างกระชั้นชิด


ซึ่งในท้องถนนที่มีรถราวิ่งขวักไขว่ และในยามค่ำคืนเช่นนี้ การติดตามไปของรถตู้สีดำนั้น ไม่ได้สะกิดใจศักดาที่ขับรถตามหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว


....................


ณ มุมหนึ่งในบริเวณ คอฟฟี่ช๊อปภายในโรงแรมปางคำซึ่งเป็นโรงแรมชั้นหนึ่งที่เป็นสถานที่พักของคณะ กองประกวดมิสยูนิเวอร์ซิตี้ กรองกนกกำลังนั่งหน้าซีดอยู่ท่ามกลางอารมณ์อันกราดเกรี้ยวที่แสดงออกมาจากใบ หน้าที่บูดบึ้งเร่าร้อนของชายหนุ่มตรงหน้า


อะไรกัน!!!...ทำไมคุณแต๋วถึงเป็นผู้ใหญ่ที่ใช้ไม่ได้ขนาดนี้...ดูแลน้องนุช กันยังไงถึงปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาได้...แล้วเรื่องสำคัญอย่าง นี้จะปิดเป็นความลับได้ยังไงกัน..?....ไม่รู้เอาสมองส่วนไหนคิด!!!!...”


เสียงของธนานั้นทั้งกร้าวทั้งดุดัน วาจานั้นเล่าก็แสบสันต์อย่างไม่มีการไว้หน้าใดๆ อันเนื่องมาจากอารมณ์ที่พล่านดาลเดือดอยู่ภายในอกนั้นมันต้องการการระบายออก มา ไม่อย่างนั้นชายหนุ่มก็คงจะแทบคลั่งใจตายไปเพราะความอัดอั้นตันใจนั้น นับตั้งแต่เขาได้รับทราบจากปากของอีกฝ่ายว่าอรนุชนั้นหายตัวไป


จากความรู้สึกยินดีที่มีมาตลอดเวลาในการขับรถมาจากกรุงเทพฯ กว่าหกเจ็ดชั่วโมงนั้นมลายเปลี่ยนเป็นความรู้สึกเร่าร้อน วิตกกังวล หงุดหงิน งุ่นง่าน โกรธแค้น ทุกอย่างที่ประดังขึ้นมานั้น ชายหนุ่มระบายลงไปกับน้ำเสียงที่พูดกับพี่แต๋วอย่างไม่ไว้หน้า


แต่ในเวลานั้นกรองกนกไม่ได้มีความคิดจะไม่พอใจ หรือเอะอะโวยวายกับคำพูดของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เพราะความละเหี่ยใจ ความเป็นห่วงในตัวของอรนุชนั้นมันมีมากมายจนเหลือประมาณ เธอยินดีที่จะได้รับฟังคำพูดแดกดันที่เจ็บแสบกว่านั้นอีกเป็นร้อยเท่าก็ได้ ถ้ามันจะแลกมาซึ่งการกลับมาอย่างปลอดภัยของเด็กสาวที่เธอรักเอ็นดูเหมือนลูก หลานคนนั้น...


กรองกนกตอบเสียงซังกะตาย


ดิฉันก็พยายามตัดสินใจอย่างรอบคอบแล้วนะคะ...คุณธนา...พ่อเลี้ยงคมศรเขาพูดถูก...เรื่องอื้อฉาวออกไปคนที่เสียหายก็คือน้องนุช...”


ดวงตาของธนาแปรเปลี่ยนไปทันที เมื่อได้ยินคำพูดนั้นของกรองกนก หวนนึกถึงเด็กสาวแสนสวยถูกคนร้ายจับไปอย่างนั้น...ความคิดในแง่ร้าย..ความ คิดในเชิงลบ..ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตัวโหวงเหวง ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือด


นี่ถ้าน้องนุช...น้องนุช...ถูก.....โอ้ยย...จะบ้าตายอยู่แล้ววว....


ชายหนุ่มแทบคลั่งกับมโนภาพที่ผุดขึ้นมาในใจ ร่างกายสั่นเทิ้มออกมาทันที จนเขาไม่กล้าคิดต่อ ต้องยกมือขึ้นกุมไปที่ศีรษะอย่างเจ็บปวด นั่งห่อไหล่อย่างหมดเรี่ยวหมดแรง


กรองกนกมองไปยังชายหนุ่มเบื้องหน้า แล้วถามว่า


ตอนนี้คุณธนารู้แล้ว...มีความเห็นว่าอะไรบ้างล่ะคะ...เราจะไปแจ้งตำรวจไหม”


ความคิดที่พล่านขึ้นมากระทันหันนั้นราวกับค้อนหนักๆ ที่ทุบไปที่ท้ายทอย ทำให้ธนามึนงงไปหมด คิดอะไรไม่ออก ไม่มีปัญญาแม้จะเอ่ยปากพูดเสียดสีกระทบกระแทกอะไรกับกรองกนกด้วยซ้ำไป


ใบหน้าหล่อเหลานั้นได้แต่ส่ายไปมาช้าๆ...โธ่...น้องนุช...ไม่ควร...ไม่ควรเลย....


ในเวลานั้นธนานั่งกุมหัว ซึมเซาราวกับคนไร้สติ ไร้วิญญาณ หรือความคิดอ่านใดๆ อีกต่อไป กรองกนกเสียอีก ที่ยังคุมสติได้ดีกว่า พอเห็นธนาก็นึกถึงพี่ชายของอีกฝ่ายที่เป็นพี่เขยของอรนุชขึ้นมาได้ อย่างน้อยชายหนุ่มคนนั้นก็เป็นเสมือนญาติผู้ใหญ่คนเดียวที่เด็กสาวมี เพราะพี่สาวนั้นไม่อยู่ไปต่างประเทศแล้ว


ลองโทรไปหารือคุณปานเทพดีไหมคะ…คุณธนา”


คำพูดของสตรีผู้สูงวัยกว่าทำให้ชายหนุ่มได้คิด รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายไปทันที


.............................


ปานเทพกำลังนั่งกุมหัวอยู่ตรงโต๊ะทำงานภายในห้องส่วนตัวของตนเองที่บ้านของ เขา ชายหนุ่มกำลังรู้สึกสับสน วุ่นวายใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้จนหัวหมุนไปหมด บนโต๊ะทำงานมีขวดบรั่นดี และแก้วบางใสในมือที่เขาเพิ่งกระดกน้ำสีอำพันนั้นรวดเดียวเข้าปากหมดแก้ว


เรื่องมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร?


เขาจำได้เพียงว่ากำลังนั่งคุยกับคันธรสเรื่องเกี่ยวกับข้อเสนอทางปาร์มบี ชเสนอมา จากนั้นก็รู้สึกมึนๆ แล้วทุกอย่างก็มืดมนไป พอมารับรู้อีกครั้งก็อยู่ในสภาพนั้นกับหญิงสาว....


ใบหน้าหล่อเหลาของปานเทพซีดเผือด และชายหนุ่มนั้นมีสภาพเช่นนี้มาตลอด นับแต่กระเซอะกระเซิงหนีออกมาจากห้องนอนหลังนั้นตั้งแต่ตอนช่วงเย็นแล้ว เขากลับไปที่รถขับกลับบ้านโดยทันที และหมกตัวอยู่ในห้องจนถึงเวลานี้...


ทุกอย่างทำไมกลับกลายไปในสภาพนั้นได้ ชายหนุ่มคิดอย่างหนัก ก็แน่ใจว่ามันมีได้แค่คำตอบเดียว....


...เรื่องนี้ต้องเป็นแผนร้ายของคนพวกนั้นที่ล่อเขาไปติดกับแน่นอน


...คันธรสคงต้องการแก้แค้นเขา...ขณะที่เสี่ยทองคงมีวัตถุประสงค์ซ่อนเร้นเกี่ยวกับเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้


ปานเทพยกมือขยี้ผมตัวเองอย่างร้อนใจ ก่อนจะรินเหล้าลงแก้วแล้วกระดกเข้าปากรวดเดียวอีกครั้งด้วยใจที่ว้าวุ่น


ไม่เป็นไร...ใจเย็นๆ


ชายหนุ่มพยายามสะบัดหน้าแรงๆ สูดลมหายใจลึกๆ เรียกคืนสติกลับมาทบทวน พร้อมกับปลอบใจตัวเอง


...ยังดีที่เขายับยั้งชั่งใจไม่ให้เผลอตัวไปมากกว่านั้น...เขาไม่ได้ทำอะไร ที่ผิดพลาดเกินกว่าจะแก้ไข...ใช่...เขาไม่ต้องกลัวอะไร...เพราะเขาไม่ได้ทำ อะไรผิด...


ปานเทพย้ำกับตัวเอง


....ไม่เป็นไร...เรายังไม่ได้ทำผิด...ไม่เป็นไร...ใจเย็นๆ


แต่ไม่ว่าชายหนุ่มจะเวียนพูดกับตัวเองกี่รอบ ความหนักอึ้งในใจของเขาก็ยังไม่คลายตัวลงไปแต่อย่างใด ทำให้ปานเทพต้องเทบรั่นดี รินลงแก้วยกขึ้นดื่มอย่างอัดอั้นตันใจอย่างต่อเนื่อง...


ในเวลานั้น...เสียงโทรศัพท์มือถือพลันดังขึ้นกังวาน...จนปานเทพสะดุ้งขึ้น สุดตัว ใบหน้าซีดเผือด เมื่อความกลัวนั้นวาบลึกเข้ามาว่าจะเป็นเบอร์ของเสี่ยทอง...


แต่พอเห็นเป็นเบอร์ของน้องชาย ปานเทพก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก พยายามระงับจิตระงับใจที่พลุ่งพล่านก่อนที่จะเปิดเครื่องรับสาย


ความโล่งอกนั้นเกิดขึ้นแค่ชั่วแว่บ....เพราะความอัดอั้นตันใจนั้นยิ่งเพิ่ม พูนความหนักหน่วงขึ้นไปอีกหลายเท่าทวีคูณ เมื่อเขาได้รับทราบข่าวร้ายจากปากของน้องชายที่โทรมาจากลำปาง


ใบหน้าของปานเทพซีดขาว ดวงตานั้นเต็มไปด้วยตระหนกตกใจกับเรื่องราวที่เพิ่งได้รับรู้


พี่เทพ...เราจะทำอย่างไรกันดีครับ...ผมจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว...”


เสียงของน้องชายดังมา ปานเทพกุมหัวอย่างมึนงง...นี่มันวันอะไร...ทำไมมันมีเรื่องประดังเข้ามาจนถึงขนาดนี้?


จะอย่างไรชายหนุ่มก็เป็นคนที่มีประสบการณ์ชีวิต และฝึกฝนที่จะใช้สติรับมือกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาไม่ใช่น้อย ทำให้เขาพยายามสงบใจ ครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกล่าวตอบไปว่า


ใจเย็นๆ...ก่อนแล้วกัน...แกอยู่ทางนั้นคอยติดตามข่าวกับทางคนของปางก็แล้วกันว่าเขาได้ข่าวของยายนุชแล้วหรือยัง”


ดีเหมือนกันครับ...ถ้าอย่างนั้น..เดี๋ยวผมจะไปรอที่ปางเลยดีกว่า..”


ธนาพูดด้วยน้ำเสียงที่จับต้นชนปลายขึ้นได้บ้าง เพราะพอมีทิศทางให้เขารู้ว่าต้องทำอะไรต่อไป ไม่ใช่มืดมัวเคว้งคว้างไม่รู้เหนือรู้ใต้เหมือนกับเมื่อครู่นี้


ก็ดี...แกไปสืบทางนั้น...ส่วนทางนี้เดี๋ยวพี่จะหาทางดูว่าจะทำอะไรได้บ้าง”


ปานเทพพูดจบ สมองที่วิ่งพล่านอย่างสับสน ทั้งเรื่องตัวเอง และเรื่องใหม่ที่ประดังเข้ามาราวกับน้ำป่าทะลัก ทำให้ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ใหญ่...ก่อนที่จะตัดสินใจโทรไปหาภรรยาของ เขา


มือถือเครื่องนั้น ณ บัดนี้กำลังถูกปิดเครื่องเนื่องจากเจ้าของกำลังอยู่บนเครื่องบิน และอรชาไม่ได้แจ้งให้ใครที่เมืองไทยรู้เลยว่ากำลังจะกลับไป ทำให้ปานเทพร้อนใจหนัก


ทำไมอรปิดเครื่อง?


ท่ามกลางความวุ่นวายใจสับสนต่อเรื่องราวที่ประดังประเดเข้ามา ชายหนุ่มจ่อมจมอยู่ในสภาพนั้นอีกครู่ใหญ่ จนในที่สุดปานเทพก็ตัดสินใจผุดลุกขึ้น เมื่ออรชาไม่อยู่ เขามีหน้าที่ต้องดูแลน้องสาวของเธอให้ดีที่สุด ตอนนี้เรื่องของอรนุชสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด...


ชายหนุ่มเช็คเวลา ตอนนี้เที่ยวบินสุดท้ายไปลำปาง และเชียงใหม่นั้นผ่านไปแล้ว เขาได้แต่ตัดสินใจขับรถมุ่งหน้าไปยังลำปางในค่ำคืนนั้นโดยทันที


....................


เสี่ยทองนอนก่ายกอดร่างเปลือยของคันธรสอย่างอิ่มเอมใจ ตอนนี้ไม่มีเสี่ยคิ้มมาคอยแบ่งเวลา เสี่ยร่างอ้วนยิ่งใช้เวลาอย่างเต็มที่ในการละเลียดร่างงามของหญิงสาว ความสุขที่ตักตวงได้อย่างอย่างเมามันโดยไม่ต้องพะวงกับเสี่ยคิ้มทำให้เสี่ย อ้วนไม่สนใจว่าทำไมอีกฝ่ายจึงผละจากไปแต่กลางคัน แต่ก็เข้าใจว่าคงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญไม่น้อย เพราะไม่เช่นนั้นเสี่ยค้าทองนั่นต้องไม่ทิ้งเนื้อชิ้นงามที่นอนระทวยเสนอ สนองพวกเขาทุกท่าอย่างนั้นเป็นแน่


เสี่ยอ้วนที่นอนอยู่ข้างๆ หญิงสาวที่สลบไสลไม่ได้สติ เพราะเหน็ดเหนื่อยเกินกว่าจะรองรับอารมณ์ดิบของเสี่ยทองที่มีมาแบบไม่มีหยุด ตั้งแต่ช่วงเย็น มือข้างหนึ่งของเสี่ยอ้วนไม่ห่างจากการขยำไปตามก้อนเนื้ออวบที่สองเต้านั้น ส่วนอีกข้างกำลังยกหูโทรศัพท์คุยกับเสี่ยโฉด


เป็นไงบ้างล่ะ...เสี่ยทอง...ผมบอกแล้วใช่ไหมว่ามันคุ้มค่ากับจำนวนหุ้นแค่สิบเปอร์เซ็นต์ที่เสี่ยให้ผม”


เสี่ยเซี้ยงส่งเสียงดังกระหยิ่ม ขณะที่เสี่ยอ้วนแม้กำลังเบิกบานใจแทบตาย และกำลังก่ายกอดร่างงามบาดตาของคันธรสอยู่ ก็อดเสียดายหุ้นที่ตัวเองต้องเสียไปไม่ได้ ทำปากขมุบขมิบด่าอีกฝ่ายอย่างสาดเสียเทเสีย ก่อนจะทำเป็นหัวเราะแล้วว่า


ก็ดี...ผมโทรมาขอตัวคุณรสให้ค้างคืนกับผมที่นี่นะ...”


เสียงเสี่ยโฉดหัวเราะก๊ากดังแว่วมา ก่อนจะบอกว่า


ได้ซี้...เรามันเพื่อนกัน...แค่นี้จะเป็นไรไปล่ะ...ฮ่าฮ่า”


เสี่ยทองหัวเราะกระหายหื่นผสมโรงไปด้วย ก่อนจะตัดบท


แค่นี้แหล่ะนะ....เสี่ยเซี้ยง”


เสี่ยอ้วนโยนโทรศัพท์ทิ้งไป ก่อนจะคว่ำตัวทาบทับไปยังแผ่นหลังขาวเนียนของคันธรสที่นอนคว่ำเหยียดยาวอยู่ บนเตียง ใบหน้าอวบอูมนั้นเต็มไปด้วยความกระหายหิว ไม่สนใจว่าหญิงสาวจะหลับหรือฟื้น ขณะที่ละเลงใบหน้าเฟ้นฟอนจูบไปตามแผ่นหลัง มือก็อ้อมเข้าไปขยำสองเต้างามของคันธรสที่เบียดอยู่กับเตียง เสียงหัวเราะดังกระเส่าห้อง..อูยยยย...นุ่มนิ่ม...เต็มมือจริงๆ...คนสวย... ขยำกี่ครั้งก็มันส์ทุกครั้ง...ฮ่ะฮ่ะ


สองขาของเสี่ยอ้วนกระแซะเข้าไประหว่างเรียวขาของคันธรสที่นอนคว่ำอยู่ และแบะขาสองข้างของหญิงสาวให้ถ่างออกมา ก่อนจะใช้หมอนใบใหญ่หนุนไปที่หน้าท้องของเธอทำให้โพรงสวาทที่กลวงอ้าฉ่ำแฉะ ไปด้วยน้ำเมือกลอยแหงนเพริดขึ้นมารอรับการกระเด้าเย็ด


อูยยยย..คนสวย...แคมหีของคุณมันร่านระริกๆ อ้อนควยผมอีกแล้วนะ”


เสี่ยอ้วนกล่าวเสียงครื้นเครง ก่อนจะกดหัวถอกของตนเองบดเบียดโพรงสวาทของคันธรสเข้าไปอย่างเมามัน....


อีกด้านหนึ่งเสี่ยเซี้ยงที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เมื่อวางหูโทรศัพท์ลง มือก็กดเมาส์คลิกไปยังไอคอนที่เขาซ่อนอยู่ รอประเดี๋ยวหนึ่งคลิปวีดีโอที่แสดงภาพของปานเทพนอนเปลือยอยู่กับคันธรสก็ แสดงขึ้นมาจนเต็มจอ


ใบหน้าของเสี่ยใหญ่แสยะยิ้มอย่างชั่วโฉด หัวเราะฮ่าฮ่า


ไอ้ปานเทพหน้าโง่...เวลาของแกมันหมดลงแล้วว่ะ...ฮ่าฮ่า...กูขอรับช่วงเมียคนสวยของแกต่อเองนะ..ฮ่าฮ่า”


มือหยาบของเสี่ยเซี้ยง คลิกๆ ต่อไปก็เปิดโฟลเดอร์ที่เขาดาวน์โหลดภาพในอิริยาบทต่างๆ ของสาวสวยที่เป็นดาวเด่นในวงสังคมมาเก็บไว้จนเต็มไปหมด


เมื่อภาพที่ช่างภาพเก็บอิริยาบทใบหน้าหวานสวยของของอรชาที่กำลังหันหน้าไป มองทางด้านซ้ายมือ จังหวะนั้นดูเหมือนกำลังมีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เธอแปลกใจ และดีใจระคนกัน ใบหน้าสวยเปี่ยมเสน่ห์จับตาจับใจนั้นจึงแฝงไปด้วยรอยยิ้มอันรัดรึง ริมฝีปากที่เคลือบสีชมพูอ่อนนั้นเยื้อนแย้มจนแลเห็นฟันที่ได้รูปขาวราวกับ สายไข่มุก ดวงตากลมโตที่เบิกน้อยๆ เต็มไปด้วยประกายวาววับราวกับดวงดาวอันเจิดจรัส...


เสี่ยโฉดคลิกไปที่ภาพดึงขึ้นจนเต็มจอ จากนั้นนิ้วหยาบๆ ของเสี่ยเซี้ยงก็จิ้มไปตรงบริเวณริมฝีปากที่ได้รูปงามราวกับกลีบกุหลาบสีสด นั้น แสยะยิ้มอย่างกระหายหื่น กล่าวเสียงเคล้าหัวเราะอย่างชั่วช้าลามก


.ปากนุ่มๆ ของเธอ...จะต้องอ้าออกอมควยของเสี่ยเซี้ยงคนนี้แน่...แม่อรชาคนสวย....ฮ่าฮ่าฮ่า....”


...................


สิ้นเสียงปืนที่ดังกึกก้องคับป่าเป็นนัดที่สองนั้น ร่างทมึนของนายแสงที่กำลังพุ่งเข้าจู่โจมอรนุชก็ผงะเหมือนกับถูกมือไร้ สภาพกระชาก ร่างกำยำนั้นแผดร้องราวกับสุกรถูกเชือด ล้มลงนอนดิ้นพราดๆ กลิ่นคาวเลือดโชยตลบอบอวล


ท่ามกลางเสียงคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด อรนุชที่ใจหายวาบ ก็แลเห็นร่างสูงใหญ่ของคนที่เธอนึกถึงอยู่แทบจะตลอดทุกลมหายใจตอนที่ถูกขัง อยู่ ใบหน้างามนั้นเบิกตากว้างอย่างยินดีสุดประมาณ ริมฝีปากสั่นระริกเมื่อโพล่งออกไป


นาย...นายสิงห์!!!”


คมศรที่พรวดเข้ามาราวกับสิงห์ร้ายสมชื่อ ดวงตาสีเหล็กนั้นทอแววร้อนรุ่ม ปากร้องตะโกน


ระวัง!!”


ด้วยความยินดีที่แทรกขึ้นมาจนทำให้ร่างเล็กบางนั้นสั่นระริก ความตื่นตัวตึงเครียดที่เฝ้าระวังไม่ให้ตัวเองประมาทนั้น ราวกับลูกหนังที่อัดอั้น พอมีรูรั่วเล็กน้อย ลมก็พรั่งพรูออกมา จนทำให้ตอนนั้นมือของเด็กสาวสั่นไม่มั่นคงในการกุมตัวชายหนุ่มที่แข็งแรง กำยำอย่างอดิศัยเหมือนเดิม ซึ่งตัวของพ่อเลี้ยงคู่อริร่วมแดงทั้งคู่นั้นก็รับรู้ได้แทบในเวลาพร้อมๆ กัน


ยังไม่ทันสิ้นเสียงของคมศร พ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตรก็สะบัดตัวเต็มแรง ร่างพุ่งวาบกลิ้งกลับเข้าไปในกระท่อม ขณะที่เงาร่างทมึนสับสนของนายคำกับพวกกำลังกรูกันออกมาจากห้อง


ฆ่ามัน!!!..ไอ้เหี้ยสิงห์...ฆ่ามันให้กู!!!....ฆ่าอีห่านั่นด้วย”


เสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดดังมาจากภายในกระท่อม ขณะที่อรนุชกำลังยืนงงๆ ที่ตัวประกันหลุดรอดจากการเกาะกุมของตัวเธอไปได้ ร่างสูงใหญ่ของคมศรก็พรวดเข้ามารวบไปที่เอวของเธอ กลิ้งร่างม้วนหลุนๆ ไปจากตำแหน่งนั้นโดยพลัน


ปัง ปัง ปัง!!!


เสียงปืนดังสนั่น เด็กสาวร่างบางที่กลิ้งไปนั้นรับทราบถึงแรงฝ่าอากาศของกระสุน 9 มม. ที่วิ่งวิ้งๆๆ ผ่านตัวของเธอไปอย่างใจหายวาบ....ถ้าเธอยังยืนอยู่เมื่อครู่ก็คงต้องกระสุน ปืนกลุ่มนั้นไปแล้ว...


ร่างของอรนุชที่นอนหงายไปกับพื้น ถูกฉุดให้ลุกขึ้น เด็กสาวผวาจะไปเก็บ Glock ด้ามสีดำทมึนที่เมื่อครู่แรงกระแทกจากคมศรทำให้ปืนนั้นหลุดกระเด็นจากมือของ เธอไป แต่พ่อเลี้ยงปางห้วยสักฉุดไปที่ข้อมือเล็กนั้น...พวกเขาไม่มีเวลาแล้ว...


ไป...”


เสียงคำรามของคมศรพร้อมกับแรงฉุดกระชาก ร่างเล็กบางของอรนุชก็ปลิวหวือตามตัวของร่างสูงใหญ่นั้นไปราวกับกองนุ่น ฉับพลันนั้นหางตาของเด็กสาวแลเห็นกลุ่มคนที่ทมึนออกมาจากกระท่อมพร้อมๆ กับอาการใจหายวาบอรนุชรีบวิ่งตามคมศรไปอย่างสุดฝีเท้าโดยทันที


เสียงปืนดังแหวกความมืดดังติดต่อถี่ยิบ เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง...


คมศรที่ฉุดร่างเล็กบางวิ่งเตลิดขึ้นไปทางยอดดอยที่เป็นราวป่าที่หนาทึบ ได้แต่หวังอาศัยความมืดกำบังตัวและแนวไม้ หรือถ้าจะมี....โชคชะตา...ช่วยให้เขาและอรนุชรอดพ้นจากการไล่ล่าจากอดิศัย กับพวก


เสียงลูกกระสุนนั้นที่ระดมเข้ามานั้น แลกมาซึ่งเสียงเปรี้ยะๆๆ ที่ดังอยู่รอบตัว เปลือกไม้แตกกระจุย อรนุชที่วิ่งไปยกมือขึ้นกุมศีรษะอย่างหวาดหวั่นไปนั้นใจเต้นกระดอนราวกับจะ ทะลุออกมาจากอก....พวกนั้นตั้งใจจะฆ่าเธอกับนายสิงห์จริงๆ...


ความรักตัวกลัวตายอันมีอยู่ในกลมสันดานของมนุษย์ทุกรูปนาม ทำให้อรนุชนั้นราวกับมีพลังแฝงที่ถูกขุดขึ้นมาใช้อย่างไม่มีความเหน็ดเนื่อย เท้าเล็กๆ ที่วิ่งเต็มที่ติดตามร่างสูงใหญ่นั้นฝ่าทะลุเข้าไปในป่าที่รกเรื้อ สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ผ่านเนินและหลุมลาดไปกี่เนินแล้วก็จำไม่ได้ เสียงเอะอะโวยวายที่เบื้องหลังก็ยังตามมาไม่ลดละ เสียงของคนกลุ่มนั้นราวกับเสียงของฝูงหมาป่าที่กำลังรุมไล่ล่าเหยื่อ สำเนียงนั้นมันช่างกัดกร่อนในจิตใจความรู้สึกของอรนุชอย่างเหลือประมาณ


เธอผู้ซึ่งเติบโตมาท่ามกลางครอบครัวที่อบอุ่น..ความรักของพ่อแม่พี่น้องที่ มีให้อย่างล้นเหลือ...และสังคมเพื่อนฝูงที่น่ารัก...เธอผู้ที่ไม่เคยประสบ พบพานกับเรื่องอันเลวร้ายในสังคมอันทรามอย่างเช่นนี้มาก่อนเลย...สิ่งที่ เกิดขึ้นตรงหน้ามันช่างบีบเค้นจิตใจของอรนุชจนแทบจะทนต่อไปไม่ไหว...ถ้าไม่ ใช่มีความอบอุ่นสายหนึ่งถ่ายทอดมาจากมือหนาที่กุมอยู่ตรงข้อมือของเธออย่าง แนบแน่นนั้นเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตใจที่กำลังหวาดหวั่นพรั่นพรึง


เธอไม่รู้ว่ากำลังจะไปที่ไหน แต่ตอนนี้อรนุชรู้อยู่อย่างเดียวว่าเธอขอมอบชีวิตของเธอไว้ให้กับอุ้งมือ อุ่นๆ หนาหนักที่กำลังกุมไปที่ข้อมือของเธอแนบแน่นนี้ ไม่ว่าเขาจะดึงตัวเธอไปที่ไหน...เธอก็พร้อมที่จะไปกับเขา!!!


...........................


ฐิติพรรณที่กำลังนั่งละเลียดจิบเบียร์สดในลานเบียร์ของศูนย์การค้าชื่อดัง แห่งหนึ่ง ใบหน้างามบาดตาของเด็กสาวที่ตกเป็นเป้าสายตาของคนบริเวณนั้นแปรเปลี่ยนจาก เมื่อแรกเริ่มที่เธอเข้ามาดื่มฉลองความสำเร็จ เป็นเคร่งเครียด ดวงตาคู่งามเป็นประกายวาว เมื่อเธอได้รับสายจากเสี่ยคิ้ม


เป็นไปไม่ได้...สันดานอย่างไอ้แมงดานั่นมีหรือจะไม่จัดการนังเด็กหน้าหวานนั้น...ไม่จริง...ฉันไม่เชื่อ


น้องไอซ์...จะเอายังไง...พวกผมขับรถตามมันมาตั้งนานแล้วนะ...ไม่เห็นมีวี่แววว่าไอ้ศักดาจะแวะที่ไหนเลย”


เสี่ยของเสี่ยนักค้าทองดังมาจากอีกด้าน ฐิติพรรณสอบถามเส้นทางรถที่กำลังวิ่งอยู่ พอได้คำตอบดวงตาของพริตตี้สาวก็ทอประกายขุ่นแค้น


ไม่ต้องสงสัยอะไรอีก....เพราะเส้นทางนั้นเธอชำนาญดีเพราะใช้เป็นเส้นทางส่งอรอุษากลับบ้านมาแล้วหลายรอบ


ใบหน้างามของฐิติพรรณบึ้งตึง ผิดคาด....แผนการยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว ที่เธอรู้สึกชื่นชอบและหลงใหลไปกับความอิ่มเอมกับความสำเร็จเมื่อยามที่เธอ บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่คิดนั้น...เธอเคยทำสำเร็จเมื่อคราวที่หลอกรุจิราไป ให้แกงค์เด็กนรกรุมโทรม...แผนนั้นสำเร็จอย่างงามทั้งช่วยตัวเองได้และลงโทษ ต่อนังลูกเจ๊กนั่นอย่างแสบสันต์....คราวนี้ขณะที่เธอกำลังกระหยิ่มว่าแผน กำลังจะสำเร็จ...ทั้งได้ทำลายอรอุษาน้องสาวของอรนุชที่เธอเกลียดจับใจ...และ ยังได้แก้แค้นไอ้แมงดานั่นด้วย...แต่ตอนนี้...มันดูท่าจะไม่ได้เป็นไปตาม แผนที่เธอคิดเอาไว้แล้ว...


ไม่ยอม...ฉันไม่ยอมให้แกหลุดมือฉันไปหรอก...ไอ้แมงดา...นังเด็กหน้าโง่นั่นด้วย...


พริตตี้สาวครุ่นคิดด้วยเพลิงไฟแห่งความแค้นที่สุมอก สมองครุ่นคิดแผนการเฉพาะหน้าอย่างเร่งด่วน


ถ้าอย่างนั้นเสี่ยก็ต้องลงมือแล้วล่ะค่ะ...เพราะนายศักดามันกำลังไปส่งนังเด็กนั่นที่บ้านแล้ว”


โอว...ตายล่ะ...แล้วทำไงดีล่ะครับ...”


เสี่ยคิ้มอุทานออกมาอย่างร้อนใจ เพราะความกระสันซ่านที่มันพอกพูนอยู่ในอารมณ์นั้นใกล้จะระเบิดมาเต็มที เพราะยิ่งคิดว่าจะได้เคลมสวาทเด็กสาวที่สวยขนาดนั้นเท่าไร เพลิงกระสันที่อยู่ในอกมันก็รุมขึ้นไปเป็นเท่าทวีคูณทุกเมื่อ


ดวงตาของฐิติพรรณทอประกายร้อนแรง เมื่อคิดอะไรออกได้ เธอหวนนึกไปถึงแผนการที่ไอ้สวะชิดมันเตรียมไว้จัดการอรนุช...ซึ่งก็เกือบจะ สำเร็จอยู่แล้วทีเดียว...ถ้านังน้องสาวหน้าโง่ไม่เสือกทำเก่งมาขวาง...


ปากงามของฐิติพรรณจึงประดับไปด้วยรอยยิ้ม ขณะที่ถ่ายทอดแผนการออกไปอย่างร่าเริง เสียงใส


เสียงรับคำ อือๆๆๆ ดังมาจากเสี่ยคิ้ม ก่อนที่พริตตี้สาวจะได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นจากเสี่ยนักค้าทอง


เยี่ยมครับ...น้องไอซ์...ไม่ต้องห่วง...คราวนี้สำเร็จแน่นอน...แค่นี้นะครับ”


ทางปลายสายตัดไป ฐิติพรรณยิ้มอย่างเยียบเย็น ยกแก้วเบียร์สีทองอำพันขึ้นจรดริมฝีปากจิบไปพลางกระหยิ่มใจพลาง....ดวงตาคู่งามวาวโรจน์


...............


คมศรที่วิ่งฉุดอรนุชขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกใจหาย เพราะทางบริเวณนั้นเริ่มแคบลง และทางที่วนขึ้นไปนั้นเริ่มเข้าสู่ภูมิประเทศที่หวาดเสียวขึ้น เพราะอีกฟากหนึ่งนั้นคือทางที่ลาดชันลงไป ในความมืดนั้นไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่าจะไปส่วนใดของเทือกเขาที่กว้างใหญ่ นี้


เสียงฝีเท้าและเสียงร้องตะโกนไล่หลังมาใกล้เข้าทุกทีๆ เพราเท้าเล็กๆ ของอรนุชนั้นเริ่มเปะปะ และไร้เรี่ยวแรงปะติดปะต่อแล้ว...คมศรหันมามองใบหน้าเล็กๆ นั้นที่ซีดขาวไร้สีเลือด และทรวงอกที่สะท้อนขึ้นลงหายใจหอบถี่ราวกับจะขาดใจได้ทุกขณะ...ดวงตาสีเหล็ก นั้นส่อประกายหนักอึ้ง...จะอย่างไรอรนุชก็เป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่ง...ต่อให้ เก่งแค่ไหน...สรีระร่างกายก็สู้ชายฉกรรจ์เต็มวัยเช่นเขา หรือไอ้พวกอดิศัยไม่ได้...เท่าที่วิ่งหนีมาจนถึงนาทีก็ไม่น่าเชื่ออยู่แล้ว ว่าจะทำได้...


ทันใดนั้นเอง ร่างเล็กบางของอรนุชก็สะดุดเข้ากับขอนไม้ที่ตกอยู่ เด็กสาวกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดระคนตระหนกใจ ร่างซุนซวนเซเข่าอ่อน ดีที่ข้อมือของเธอถูกคมศรยึดแน่นอยู่ ชายหนุ่มจึงดึงตัวของเธอเอาไว้ไม่ให้ล้มกลิ้งไปกับพื้น


แต่พอจะวิ่งต่ออรนุชก็กัดฟันแน่น ครางออกมาอย่างเจ็บปวด ใบหน้างามนั้นบิดเบี้ยว...อาการแปร๊บๆ ที่เกิดขึ้นตรงข้อเท้า ทำให้ร่างเล็กบางนั้นกระตุกเขยกไปตามแรงดึงของคมศร


พ่อเลี้ยงปางห้วยสักหันมาแลเห็นอย่างนั้นก็สบถอย่างหัวเสีย อรนุชน้ำตาคลอ กล่าวเสียงเครือสะท้าน


คุณหนีไปเถอะ...อย่าเอาตัวฉันไปเป็นตัวถ่วงเลย...ฉันวิ่งต่อไม่ไหวแล้ว”


คมศรหน้าเกรียม ตวาดเสียงกระด้าง


คุณจะให้ผมหนีไปแล้วทิ้งคุณไว้กับพวกนั้นเรอะ....อย่าถูกฆ่าข่มขืนหมกป่านี่หรือไง?!!!”


น้ำตาของอรนุชไหลออกมาอย่างเจ็บปวดใจ...กล่าวเสียงสั่นสะท้าน


ขอ..ขอปืนคุณให้ฉัน...ฉันจะยิงตัวเองให้ตายก่อน..”


หยุดพูดเหลวไหลซะทีเถอะ!!!...”


พ่อเลี้ยงป่าห้วยสักส่งเสียงเครียด ตอนนั้นเสียงฝีเท้าไล่ล่านั้นใกล้เข้ามาทุกขณะ จนเขาแลเห็นคนกลุ่มนั้นไกลๆ พร้อมๆ กับเสียงปืนดังกึกก้อง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง ดินที่ข้างตัวพวกเขาทั้งสองกระจุยฟุ้ง


คมศรสบถออกมาอย่างหงุดหงิดใจ ดึงร่างเล็กบางของอรนุชให้หมอบลงกับพื้น คืบคลานเข้าไปซ่อนตัวใกล้ๆ กับพุ่งไม้กอหนึ่ง ก่อนจะกระชากปืนออกจากซองที่ข้างตัวยิงสวนกลับไป เปรี้ยง...เปรี้ยง...เสียงเอะอะโวยวาย พร้อมๆ กับร่างทมึนของคนกลุ่มนั้นหลบวูบวาบไปตามแนวไม้


กระสุนสองนัดนั้น...ชายหนุ่มไม่ได้หวังผลอะไรมากไปกว่าเป็นการซื้อเวลาให้เขาใคร่ครวญหาทางออกในสถานการณ์ฉุกเฉินตึงเครียดนี้


เงาร่างวอบแวบที่เขาเห็น สมุนของพ่อเลี้ยงอดิศรค่อยๆ คืบคลานหลบเข้ามาตามแนวป่า คมศรพลันตัดสินใจ


..อยู่ที่นี่ก็ตาย...ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า


ดังนั้นมือหนาของเขาคว้าไปที่ข้อมือของอรนุช แล้วดึงร่างของเธอเข้ามากอดเอาไว้ เด็กสาวดิ้นรนอย่างตกใจ ร่างเล็กบางอุ่นละเอียดที่ราวกับจะละลายเข้าไปในหน้าอกที่กว้างกำยำของอีก ฝ่ายนั้น....ทำให้ใจดวงน้อยๆ นั้นเต้นระทึก


คุณ...คุณจะทำอะไร!!!?”


ลมหายใจอุ่นๆ ของคมศรราดรดไปที่ผิวแก้มบางใสของอรนุช ทำเอาร่างเล็กบางนั้นระทวยปวกเปียกราวกับต้องมนต์สะกด เด็กสาวครางออกมา..อื้ออ...ใจสั่น...ขณะที่ริมฝีปากที่เข้ามาเคลียตรงใบหู นั้นกระซิบเบาๆ


เราจะกระโดดลงไปตามไหล่ผา คุณพยายามเก็บศีรษะเอาไว้กับตัวของผมนะ..”


อรนุชเบิกตาโต...หน้าแดงอยู่ในความมืด...ผ่อนลมหายใจออกมา...ก่อนจะกล่าวเสียงสั่นๆ


แล้วเราจะลงไปยังไงคะ...”


เสี่ยงเถอะ...อยู่นี่ก็คงไม่รอดแน่...คุณเตรียมพร้อมนะ...”


คมศรจ้องไปยังดวงตากลมโตที่เงยขึ้นจับจ้องตัวเขาแน่วนิ่ง ก่อนที่อรนุชจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเชื่อมั่น


ค่ะ..ฉันเชื่อคุณ”


พ่อเลี้ยงปางห้วยสักผงกศีรษะนิดหนึ่ง ประคองตัวอรนุชเคลื่อนวาบออกจากที่ซ่อน พยายามใช้ร่างใหญ่กำยำของเขาม้วนเก็บร่างเล็กบางนั้นเอาไว้ให้มากที่สุด เสียงเอะอะโวยวายดังขรม พร้อมๆ กับเสียงปืนระเบิดดังเปรี้ยงปร้างกึกก้องไปทั้งราวป่า


เศษดิน เศษหญ้า รวมทั้งเปลือกไม้ในบริเวณพื้นที่นั้นแตกกระจุย ขณะที่ร่างกำยำที่รัดร่างเล็กนั้นกลิ้งม้วนหลุดไถลลงไปตามไหล่ลาดของเชิงเขา จมหายเข้าไปในความมืดมิด


นายคำกับพวกที่วิ่งฮือกันเข้ามาในที่สุดก็ต้องหยุดชะงักลง ไม่มีใครหาญกล้าพุ่งตัวตามลงไปแม้แต่คนเดียว


ไม่มีความคิดเห็น: