ท้อง
ฟ้าโปร่ง
ปุยเมฆขาวที่พลิ้วอย่างบางเบาล้อแสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามานั้น
หาได้ทำให้ความรู้สึกมืดมิดทะมึนที่ปกคลุมอยู่ในใจของอรชานั้นจางหายไปแต่
อย่างใด
ดวงตาอันเหม่อลอยของหญิงสาวที่จับจ้องไปยังนอกหน้าต่างนั้นยังคงมีร่องรอย
ชื้นของหยาดน้ำใสที่เอ่อท่วมขังมาเกือบตลอดเวลา
นับตั้งแต่แยกทางจากสองเพื่อนสาวที่มาส่งเธอถึงสนามบิน
JFK
จนมาถึงในขณะนี้ที่เครื่องบินยักษ์กำลังพาเธอบินอยู่เหนือดินแดนส่วนหนึ่งบน
ประเทศเยอรมันตามเส้นทางที่มุ่งตรงสู่บ้านเกิดของเธอ
ความคิดที่ล่องลอยของหญิงสาวหวนนึกไปถึงที่สนามบิน...สิบกว่าชั่วโมงก่อนหน้านั้น
มาร์ธากอดเธออย่างเป็นห่วง
พยายามยิ้มให้อย่างแจ่มใสและกล่าวเบาๆ
“เข้มแข็งนะแคธี่...ฉันเอาใจช่วย...”
ส่วนเจสสิก้านั้นเป็นคนกอดตัวเธอแน่นๆ
นั้นเป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนกระซิบที่ข้างหู
“เชื่อฉันนะ..แคธี่...เธอจะต้องปลอดภัย...ฉันแน่ใจ...ถ้ามีเรื่องอะไรที่ฉัน
จะช่วยได้...ติดต่อมาได้เสมอนะ...ฉันจะไปหาเธอที่เมืองไทยทันที...ถ้าเธอ
ต้องการฉันอยู่ใกล้ๆ
เป็นเพื่อน...”
อรชาน้ำตาคลอ
กับความจริงใจที่เพื่อนรักมอบให้
พยายามยิ้มรับคำปลอบใจนั้นด้วยท่าทางที่เข้มแข็ง
หากแต่แววตาของเธอช่างเศร้านัก...ความรู้สึกที่หนักอึ้งนั้นนับวินาทีผ่านไป
มันยิ่งกดดันถาโถมเข้ามาหาตัวเอง
ความอึดอัดคับข้องใจมันราวกับน้ำป่าที่หลากเข้ามาท่วมท้นจนอรชาสู้เหมือนกับ
คนที่กำลังจมดิ่งลงไปในห้วงน้ำลึกที่มองไม่เห็นก้นทุกขณะจิต
หญิงสาวโบกมือลาเพื่อนทั้งสอง
และหันไปร่ำลาคุณชัยชาญพนักงานอวุโสที่เธอนับถือเหมือนญาติสนิทคนหนึ่งที่ตอนนั้นเองมาส่งหญิงสาวด้วย
“ไม่ต้องห่วงนะหนูอร...ทางนี้อาจะดูแลให้ดีที่สุด”
“ขอบคุณค่ะ...คุณอา...อรฝากด้วย...”
อรชากล่าวพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นสะท้าน
ก่อนจะรีบหันกายกลับเดินเข้าไปสู่ภายในห้องผู้โดยสารขาออกโดยทันที
เพราะตอนนั้นน้ำตามันใกล้จะหลั่งใหลออกมารอมร่อ
ซึ่งหญิงสาวไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอให้ใครได้เห็น…
แต่
ณ เวลานี้
ภายในห้องผู้โดยสารชั้นธุรกิจที่กว้างขวางสะดวกสบาย
ดวงตากลมงามซึ้งนั้นค่อยหลั่งรินน้ำตาใสๆ
ออกมาเป็นทางยาว
ในท้องฟ้าที่สว่างสดใสนั้น
อย่างเรือนลาง
ท่ามกลางสายตาที่พร่ามัวของหญิงสาว
อรชาคล้ายๆ
กับมองเห็นภาพของใบหน้าคนสองคนที่เธอรักที่สุดล่องลอยซ้อนทับขึ้นมา...
น้องรักทั้งสองของพี่.....
..................
ดวงตาสีเหล็กของคมศรสาดประกายวูบวาบ
ขณะก้มลงมองคนสนิทของเขากำลังนั่งแยกเขี้ยวอยู่บนพื้น
โดยมีนายแพทย์ประจำปางห้วยสักกำลังใช้ผ้าเย็นประคบตรงบริเวณขมับที่ตอนนั้น
แลเห็นรอยปูดโปนเขียวคล้ำเป็นก้อนอย่างชัดเจน
“ไอ้คำ...มันคงเป็นหนอนที่ไอ้พ่อเลี้ยงอดิศัยส่งมา...”
ชายหนุ่มไว้หนวดเรียวนั้นมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
และในความเจ็บปวดนั้น
ดวงตายังเต็มไปด้วยความละอาย
เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
มือขวาของคมศรนัยน์ตาตก
กล่าวเสียงแหบแห้งสั่นเครือ
“ผมเสียใจครับ...พ่อเลี้ยง...ที่ไม่สามารถดูแลคุณหนูได้...”
คมศรถอนหายใจ
“ช่างเถอะ...ความผิดของฉันก็มี...ที่ไม่รู้จักดูคน...หมอ...อาการของปิงหนักมากไหม”
นายแพทย์ประจำปางห้วยสัก
ใช้มือกดไปรอบๆ รอยปูดตรงขมับอย่างเบามือ
แต่ก็ยังทำให้ปิงแยกเขี้ยวอย่างเจ็บปวด
“เท่าที่ดู...น่าจะแค่บวมช้ำนะครับ...แต่จะให้แน่ใจคงต้องเข้าเมืองไปเอ๊กซ์เรย์ดู”
พ่อเลี้ยงปางห้วยสักผงกศีรษะ
“หมอช่วยดูแลให้ดีด้วย...ปิ๊กไปกับฉัน”
คมศรหันไปสั่งผู้ชายร่างกำยำที่ยืนสำรวมอยู่ด้านหลัง
ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าเงียบขรึม
ปิ๊ก...หรือธงชัยนั้นเป็นคนสนิทอีกคนหนึ่งของคมศร
ซึ่งพ่อเลี้ยงปางห้วยสักไว้วางใจมอบหมายงานสำคัญๆ
ให้เสมอ
และโดยส่วนใหญ่นั้นธงชัยจะติดตามชายหนุ่มไปตลอดเป็นองครักษ์ประจำตัว
คอยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าของปางห้วยสัก
ส่วนปิงมือขวานั้นจะเป็นคนคอยดูแลงานในปางยามที่คมศรไม่อยู่
ทั้งปิงกับธงชัยนั้นเปรียบเสมือนแขนซ้ายขวาของพ่อเลี้ยงปางห้วยสัก
ที่คมศรสามารถยืนหยัดและเดินทางมาถึง
ณ จุดที่ยืนอยู่ตรงนี้ทุกวันนี้
ชายหนุ่มทั้งสองคนก็มีส่วนร่วมช่วยด้วยอย่างไม่น้อยเลย
ธงชัยผงกศีรษะรับคำอย่างนอบน้อม
ขณะที่สองชายนายกับบ่าวกำลังจะหันตัวเดินไป
ในเวลานั้นปิงก็ผวาลุกขึ้น
กล่าวด้วยสีหน้าดาลเดือด
ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างขุ่นแค้นเจ็บใจที่เสียท่าให้กับนายคำ
“พ่อเลี้ยง...ผมสบายดีแล้ว...ขอไปด้วยนะครับ...ผมจะลากคอไอ้คำมาให้พ่อเลี้ยงลงโทษอย่างสาสม...”
คมศรรู้ดีถึงความในใจของลูกน้องคนสนิท
ยิ้มปลอบใจและตบบ่าของปิงอย่างหนักแน่น
“ฉันรู้ดีว่านายคิดอะไร...แต่สุขภาพของนายก็เป็นเรื่องสำคัญ...ฉันต้องการให้แน่ใจว่าคนที่ฉันไว้วางใจที่สุดปลอดภัย...เข้าใจนะ”
คำพูดของพ่อเลี้ยง
สร้างความตื้นตันใจให้กับคนที่เป็นลูกน้องจนน้ำตาคลอ
ชายหนุ่มไว้หนวดเรียวก้มศีรษะลง
กำหมัดแนบแน่นอย่างสะกดกลั้นไม่ให้เสียงนั้นสั่นสะท้านเมื่อว่า
“ครับ...พ่อเลี้ยง...ผมจะทำตามที่พ่อเลี้ยงสั่ง”
คมศรผงกศีรษะ
ตบบ่าของลูกน้องอีกครั้ง
ก่อนจะผงกศีรษะชักชวนธงชัยองครักษ์ประจำตัวนั้นเดินออกไปจากบริเวณคอกม้า
“ปิ๊ก..แบ่งคนไปสองทาง...ส่วนหนึ่งตามไปทางม้าซึ่งคงวิ่งตัดทุ่งไป...มือถือ
ของคุณอรนุชตกอยู่...เรียกสัญญาณเข้า...เรียงหน้ากระดานกวาดพื้นที่ตรวจสอบ
สัญญาณค้นหาดู...ส่วนอีกสายขับรถไปตามเส้นรอบเขา...ลองไล่ถามพวกชาวบ้านดู
ว่าเห็นร่องรอยอะไรหรือเปล่า...ฉันจัดการเรื่องที่ปางนี้เสร็จแล้วจะรีบตาม
ไปสมทบ...”
พ่อเลี้ยงปางห้วยสักสั่งการพลางจดเบอร์โทรศัพท์มือถือของอรนุชส่งให้กับ
องครักษ์ติดตามตัว
ซึ่งอีกฝ่ายรับคำอย่างเข้าใจแล้วผละไปทำตามคำสั่ง
ดวงตาประกายเหล็กมีแววครุ่นคิด
ก่อนจะส่งเสียงรั้งตัวผู้ติดตามคนสนิท
“เดี๋ยวปิ๊ก....”
ธงชัยหันกลับมา
เลิกคิ้วนิดหนึ่ง ยืนสำรวมรอรับคำสั่ง
ซึ่งคมศรนิ่งไปอึดใจหนึ่งก็กล่าว
“เอาตัวป้างไปกับแกด้วย...”
องครักษ์ของคมศรรับคำ
และหันกายเดินออกไป
ส่วนชายหนุ่มกลับมาที่ด้านหน้ารีสอร์ท
และแยกตัวกรองกนกออกมาพูดห่างจากคณะกองประกวด
และเล่าเรื่องให้ฟังโดยคร่าวๆ
พี่แต๋วยกมือปิดปากอย่างแตกตื่นตกใจ
โพล่งออกมาเสียงหลง
“น้องนุชถูกจับตัวไป!!!...อะไรกันคะนี่...เป็นไปได้อย่างไร...แล้วพวกนั้นทำ
ไปทำไม...จะเรียกค่าไถ่หรือคะ...พ่อเลี้ยง...แล้ว...แล้ว...น้องนุชจะเป็น
อันตรายไม๊คะ...”
หญิงผู้สูงวัยกว่า
พร่ำพูดออกมาด้วยความรู้สึกกึ่งช๊อค
ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดหวั่นขวัญเสีย
คมศรไม่ต้องการขยายความกังวลของอีกฝ่ายด้วยเรื่องความบาดหมางของเขากับพ่อเลี้ยงอดิศัย
จึงแค่พูดว่า
“ทางเรากำลังเร่งสืบอยู่ครับ...เพียงแต่ที่ผมอยากจะขอร้องคุณแต๋วก็คือว่าอย่าเพิ่งให้เรื่องของคุณอรนุชแพร่งพรายออกไป...”
พี่แต๋วส่ายศีรษะไม่เห็นด้วย
ละล่ำละลักกล่าวเสียงระรัวเร็ว
“ทำไมคะ...เรา...เราควรจะรีบไปแจ้งความให้ตำรวจช่วยตามหาสิคะ...จะปิดเรื่องเงียบได้อย่างไรกัน...”
คมศรซ่อนความอึดอัดกังวลเอาไว้ในใจ
พ่อเลี้ยงอดิศัยจับตัวอรนุชไปโดยจงใจก็ต้องรู้ว่าเด็กสาวนั้นมีความสัมพันธ์
กับเขา
และยิ่งถึงกับยอมเสี่ยงเปิดเผยตัวหนอนบ่อนไส้ที่แฝงเร้นเข้ามา
แสดงว่ามีความตั้งใจสูงในการพยายามที่จะทำทุกอย่างเพื่อสร้างความเจ็บแค้น
ให้กับเขา...ถ้าเรื่องแพร่ออกไปจนกระทั่งถึงกับมีการตามล่าตัว...ชายหนุ่ม
ค่อนข้างแน่ใจ...พ่อเลี้ยงอดิศัยไม่ลังเลที่จะทำร้ายอรนุชจนถึงแก่ชีวิต
อย่างแน่นอน...
สิ่งที่ไอ้อดิศัยต้องการไม่ใช่เงินค่าไถ่...มันต้องการทำให้เขาเจ็บปวดในทุกๆ
วิถีทางต่างหาก..
คมศรครุ่นคิดในใจ
ใบหน้านั้นเครียดขรึมจริงจังเมื่อกล่าวว่า
“ผมเป็นห่วงความปลอดภัยของคุณอรนุช...ถ้าเรื่องแพร่ไปจนลุกลามอาจจะเป็น
อันตรายกับตัวคุณอรนุชได้...อีกประการหนึ่งนะครับ...เรื่องที่คุณอรนุชถูก
จับหายตัวไปก็คงจะไม่เป็นผลดีกับชื่อเสียงของเธอด้วย...”
กรองกนกหันซ้ายหันขวาอย่างไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี
ใบหน้าของหญิงสูงวัยนั้นราวกับจะร้องไห้ออกมา
“แล้วเราจะปิดเรื่องนี้ได้นานแค่ไหนกันคะ...พวกคณะกองประกวดเขาก็ต้องรู้ว่าน้องนุชหายไป”
“เราต้องช่วยกันสร้างเรื่องว่าคุณนุชว่ามีธุระด่วนกระทันหันต้องกลับไปก่อน
...ขอร้องนะครับคุณแต๋ว...ผมขอเวลาไม่เกินสองวันครับ...ถ้าทางเรายังตามตัว
คุณนุชกลับมาไม่ได้...คุณกรองกนกก็จัดการไปตามสมควร...”
พี่แต๋วใบหน้าซีดขาวเมื่อครุ่นคิดหนัก
ก่อนจะกล่าวเสียงสั่นๆ
“แต่ดิฉันตัดสินใจไม่ได้...ครอบครัวของเธอ...”
“ตอนนี้ผู้ปกครองคุณนุชอยู่ต่างประเทศไม่ใช่หรือครับ...”
คมศรกล่าวสอดขึ้นมาทันที...โดยที่กรองกนกก็ไม่ได้สังเกตว่าทำไมอีกฝ่ายถึงรู้ขนาดนั้น...นิ่งอึ้งไปชั่วครู่หนึ่ง...ก่อนจะผงกศีรษะว่า
“ค่ะ...คุณอรชา...พี่สาวของน้องนุช...เธอไปต่างประเทศ...ญาติสนิทที่อยู่ก็คงมีเพียงน้องสาวคนเดียว”
พ่อเลี้ยงปางห้วยสักครุ่นคิดหนัก...ในสมองตอนนั้นหวนนึกถึงเด็กสาวร่างบาง
ที่เคยเป็นคนช่วยให้เขาสามารถตามไปช่วยอรนุชทันท่วงทีอย่างหวุดหวิดหวาด
เสียวในครั้งก่อน...
จะแจ้งข่าวให้เด็กสาวคนนั้นรู้ดีหรือเปล่า?...ไม่ดีแน่...ถ้าน้องสาวรู้ก็คงจะไม่ฟังเสียงเขาให้ปิดเรื่องไว้ก่อนอย่างแน่นอน...
เมื่อคิดได้ดั่งนั้น
คมศรก็หว่านล้อมว่า
“อย่าเพิ่งแจ้งให้น้องสาวคุณนุชเลยครับ...เขาจะเป็นห่วงเปล่าๆ...และอย่าง
ที่ผมบอกเรื่องแพร่ออกไปไม่เป็นผลดีกับตัวคุณนุชเอง...ผมขอเวลาสองวันครับ
...จะตามหาตัวคุณนุชคืนมาให้ได้...”
พี่แต๋วเองก็ปวดใจเหลือประมาณ
ในฐานะที่เธอเป็นผู้ดูแล...ถ้าอะไรเกิดขึ้นกับอรนุช...เธอก็ต้องมีส่วนรับ
ผิดชอบอย่างหลีกเลี่ยงภาระไม่พ้น...ถ้าพ่อเลี้ยง...สามารถตามหาตัวอรนุชกลับ
มาได้โดยที่เรื่องไม่อื้อฉาวขยายวงกว้างให้คนเอาไปซุบซิบนินทาก็คงดี
...ดีกับน้องนุช...และดีกับตัวเธอด้วย...
ภายใต้การครุ่นคิดอย่างหนัก...ในที่สุดกรองกนกก็ตัดสินใจ...เธอปรับสีหน้า
ให้เป็นปกติมากขึ้น
และซักซ้อมเรื่องราวกับคมศร
ก่อนที่ทั้งคู่จะกลับไปแจ้งกับคณะกองประกวดว่าทางบ้านของอรนุชมีเรื่องสำคัญ
เป็นการภายใน
เด็กสาวจึงขอตัวกลับเดินทางกลับกรุงเทพไปล่วงหน้าแล้ว
เนื่องเพราะไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้าย
และกรองกนกก็เป็นคนรับรองเองกับปาก
ดังนั้นทุกฝ่ายก็เชื่อสนิทใจ
จะมีบ้างก็พวกสามสาวเพื่อนสนิทของอรนุชเข้ามารุมถามอย่างเป็นห่วง
“พี่แต๋วคะ...ยายนุชมีเรื่องอะไรหรือคะ”
นิรัชราถามอย่างสงสัย
ใบหน้าเป็นกังวล กรองกนกยิ้มฝืนๆ
“น้องนุชเขาบอกเป็นเรื่องในครอบครัวจ้ะ...พี่แต๋วก็ไม่ทราบรายละเอียดมากนัก...คงต้องรอกลับไปกรุงเทพค่อยถามอีกที”
รัชนีมองตาเพื่อนสองคนไปๆ
มาๆ แล้วว่า
“ลองโทรไปถามนุชดูดีไหม...ว่ามีอะไรมากหรือเปล่า”
กรองกนกใจหายวาบ
มองตากับคมศรที่ยืนอยู่ข้างๆ
ซึ่งพ่อเลี้ยงปางห้วยสักกล่าวว่า
“ผมว่าอย่าเพิ่งไปกวนคุณอรนุชเลยจะดีกว่านะครับ...ถ้าเป็นเรื่องในครอบครัวเธอ...เธออาจจะไม่สะดวกใจที่จะพูดออกไป...”
นิรัชราฟังแล้วก็คล้อยตาม
“ฮื่อ...นิดก็ว่างั้นแหล่ะ...เราอย่างเพิ่งไปกวนนุชเลย...ถ้าเขาอยากจะบอกเราก็คงโทรมาลาเราแล้ว...”
“อือม์...ฉันก็เห็นด้วยกับนิด..”
มุกดาเอ่ยสนับสนุน
ดังนั้นแม้รัชนีจะทำท่าคันปากยิกๆ
อย่างจะโทรไปถามให้รู้เรื่องจนเต็มแก่
ก็ได้แต่ต้องยอมอดใจ
อีกประการหนึ่ง...แม้ว่าเธอจะสงสัยแกมเป็นห่วง
แต่รู้มารยาทสังคมดี
ถ้าเป็นเรื่องภายในครอบครัวของเพื่อนก็คงไม่เหมาะนักที่จะเซ้าซี้ถามอะไรให้
มากความไป ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ
คมศรแลเห็นทุกอย่างจัดการเรียบร้อย
ก็สั่งการให้แม่บ้านอุ่นเรือนเป็นคนดูแลส่งคณะกองประกวดกลับ
ส่วนตัวเองเข้าไปกระซิบย้ำกับกรองกนกอีกครั้งอย่างหนักแน่น
ใบหน้าขรึมจริงจัง
“ผมจะตามตัวคุณนุชคืนมาให้ได้...ผมสัญญา...”
พี่แต๋วใจหาย
แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่าภวนาให้คำพูดของอีกฝ่ายเป็นจริงเท่านั้น...
คมศรกลับมาที่รถ
ขณะที่ขับรถมุ่งหน้ากลับไปทางด้านหลัง
องครักษ์ติดตามตัวของเขาก็โทรมา
“เจอมือถือของคุณนุชแล้วครับ...ตกอยู่กลางทุ่งห่างจากปางไปประมาณ...กิโลนึงครับ”
พ่อเลี้ยงปางห้วยสักผงกศีรษะอย่างพอใจ
กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเร่งร้อน
“ดีมาก...ลองตรวจดูรอบๆ
บริเวณนั้น...เจ้าหมอกมันได้รับบาดเจ็บ...อาจจะมีรอยเลือด...ฉันกำลังไปสมบทบ”
คมศรเหยียบคันเร่ง
ทะยานรถจี๊ปบึ่งไปทางด้านหลัง
และเปลี่ยนเป็นขึ้นม้าตัวหนึ่ง
ควบขับตรงไปยังทิศทางที่อีกฝ่ายบอก
ดวงตาของเจ้าของปางห้วยสักเปล่งประกายเจิดจ้า...เหี้ยมเกรียม
.........................
เสี่ยคิ้มหัวเราะกระเส่า
ขณะที่ร่างของเขากำลังนั่งอยู่บนโซฟา
โดยมีคันธรสนั่งแหกขาอ่อนขาวอวบคร่อมอยู่บนตัวเขา
ใบหน้างามบาดตานั้นกำลังบิดเบี้ยวเหยเกสุดๆ
เพราะตอนนั้นลำควยหนาของเสี่ยนักค้าทองที่ผงานตั้งชูชันราวกับลำทวนกำลังบด
เบียดไปกับโพรงสวาทของเธอ
ความอวบที่ครูดไปกับติ่งกระสันนั้นมันสะกิดพร่านความเสียวซ่านรัญจวนให้
กระเจิงไปทั่วอนูความรู้สึกของสาวสวย
ความเสียวกระสันนั้นเร่งเร้าให้หญิงสาวที่นั่งหันหน้าให้กับเสี่ยค้าทอง
ใช้สองมือวางกดไปที่บ่าของอีกฝ่าย
เกร็งข้อแขนร่วมเข้ากับสองเข่าที่ยันอยู่บนเบาะ
ส่งร่างงามของเธอกระเด้าควบเข้าใส่ตอเนื้อของเสี่ยคิ้มอย่างร้อนร่าน
ปากงามห่อครางครวญ
ไปตามจังหวะเสียวซ่านที่เธอพยายามเกร็งหน้าทองบดโพรงสวาทของเธอให้ขยอกรัด
ควยท่อนนั้นให้เข้าไปบี้เบียดติ่งแตดของเธอให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“อ๊ะ..อ๊ะๆๆ....อื้ออออๆๆ.””
“อูวว...ซี๊ดด...โอยววว...ตอดสุดๆ....อูวววว...คนสวย...โอววว...อย่างนั้นๆๆ...ควบเร็วๆ.....ผมจะถึงแล้ววว...”
ใบหน้าของเสี่ยคิ้มก็บิดเบี้ยวไปด้วยความรู้สึกเสียวซ่านไม่แพ้กัน
สองมือที่รั้งไปตรงเอวคอดกิ่วของคันธรสนั้นตะปบไปตรงเนื้อขาวผ่อง
กระชากร่างของหญิงสาวให้กระทอกลงมาพร้อมๆ
กับกระแทกควยอัดสวนเข้าไปอย่างสุดมันส์
ปั่บๆๆๆๆๆๆ
เสียงแก้มก้นขาวผ่องนั้นกระแทกไปกับหน้าขาของเสี่ยตัณหากับดังถี่ยิบ
“อ๊ะๆๆๆๆ...เสียวววว..เหลือเกินค่ะ....โอวววว...รส..รส..ก็จะถึงเหมือนกัน....อื้อๆๆๆ...”
“ซี๊ดด...ซี๊ดด..มันส์ควยคิ้มเหลือเกิน...คนสวย..อูยยยย...ถ้าอย่างนั้นก็
กระเด้าเร็วๆ..หน่อยสิคุณรส....อูยยยย...หีมันตอดเหลือเกิน...โอวววว...สุด
ยอดจริงๆ....อูวววๆๆๆ...อย่างนั้นๆๆ....อูวววว”
เสี่ยตัณหากลับร้องพล่าน
ก่อนที่ใช้ปากงับไปบนปลายถันงามงอนที่กำลังกระเด้งกระดอนล้ออยู่ตรงหน้า
คันธรสแหงนหน้าเพริด
เร่งกำลังโหมกระเด้าตัวเองบดเบียดโพรงสวาทขยอกครูดลำอวบนั้นอย่างร้อนร่าน
ความเสียวกระสันที่ทะลักทลายพล่านไปจนจับจิต
ก็ทำให้หญิงสาวตัวสั่นระริกๆ
ขนลุกชันไปทั่วลำตัวที่ตอนนั้นมันปลาบไปด้วยเหงื่อที่ทะลักทลายออกมาแทบจะ
ทุกรูขุมขน
“อูยยยยย...อย่างนั้นๆๆๆ...โอวววว...โอววว..อ๊าซซ..อ๊าซซ....แรงๆๆ...แรงอีกๆๆๆ...คนสวยของคิ้ม”
คำของเสี่ยค้าทองราวกับมนต์ดำ
และเห็นร่างขาวที่มันปลาบไปด้วยเหงื่อนั้นยิ่งเร่งกระเด้าตัวหนักขึ้นๆ
สองเต้าอวบขาวเด้งกระดอนไปมาอย่างรุนแรง
น้ำกามที่เฉอะแฉะอยู่ตรงกลีบอูมนั้นถูกแรงกระเด้าตีใส่จนขึ้นเป็นฟองขาว
น้ำเมือกข้นเขลอะลามไหลโชลมล้นออกมาตามลำควยของเสี่ยตัณหากลับ
ย้อมไปเอ่อชุ่มกระโปกเหี่ยวๆ
บางส่วนนั้นก็กระฉอกไปเปรอะแฉะอยู่ตามง่ามขาที่กำลังถูกแก้มก้นขาวนั้นบดลง
มาแนบชิดเป็นจังหวะ เสียง
ปั่บๆๆๆๆๆๆ ดังต่อเนื่องถี่ยิบ
ปากงามห่อครางครวญเสียงดัง
“อ๊ะๆๆ...เสี่ยขา.....อ๊ะๆๆๆ.....ไม่ไหวววว...แล้วค่ะ...อ๊ะๆๆๆๆๆ...รส..รส....จะถึงแล้ว...อ๊ะๆๆๆ”
“อูยยย...ผมก็จะเสร็จเหมือนกัน...โอวววว...เร่งเลยๆๆ...เราจะได้ถึงสวรรค์
พร้อมกันไงล่ะคนสวย...โอวววว...ซี๊ดดดดด...อูยยยยยย...อูยยยยย...โพรงหีมัน
ดูใหญ่แล้วววว....อ๊าซซซซ”
เสียงหน้าขากระแทกแก้มก้นดัง
ปั่บๆๆๆๆๆ
ประสานกับเสียงครางระงมของเสี่ยคิ้มกับคันธรสอย่างต่อเนื่อง
มือหยาบนั้นเร่งส่งกำลังขย้ำขยี้ไปตรงบริเวณเนื้อขาวๆ
ตรงหว่างเอวของคันธรสจนนิ้วนั้นบุ๋มไปกับเนื้อนุ่ม
หญิงสาวที่กำลังเพริดไต่ไปสู่ระดับขีดสุดของอารมณ์นั้น
ถูกความเสียวกระสันกลบบังความรู้สึกเจ็บไปจนหมด
แหงนหน้าร่ำร้องครวญคราง
กระเด้าโพรงสวาทของเธอล้อไปกับแรงกระตุ้นตรงมือหยาบที่หว่างเอว
บดบี้ติ่งแตดของตัวเองเข้าไปกับท่อนอวบนั้น
เร่งเร้าจังหวะจนกระทั่งส่งอารมณ์สวาทของเธอพุ่งทะลุจุดเดือดไปอย่างเร่า
ร้อนรัญจวน คันธรสแหงนเพริด
ร้องลั่นห้อง
“อ๊ะๆๆๆๆ.....อ๊ายยยย....อ๊ายยยยซซซซซ”
ร่างงามกระตุกพราดๆ
มือที่กดไปที่บ่านั้นจิกเล็บลงไปกับบ่าของเสี่ยคิ้มอย่างแรง
เสี่ยตัณหากลับร้องอู้ววววว...โพรงสวาทที่หดตัวบีบรัดเข้ามาอย่างรุนแรงตาม
จังหวะกระสันซ่านน้ำแตกของหญิงสาวแสนสวยก็ทำให้เสี่ยตัณหากลับรู้ว่าตัวเอง
ก็ถึงที่เหมือนกัน
ทำให้เร่งเครื่องขยุ้มเอวของคันธรสให้กระทอกควยตัวเอง
และยกหน้าขาอัดสวนกระแทกแรงๆ
กลับไป ป้าบๆๆๆๆๆๆ
ก่อนจะแผดเสียงร้องลั่นออกมาตามติดไปอย่างกระชั้นชิด
...อ๊าซซซ..อ๊าซซซซ..อูวววววว...โอยยยย...สุดยอดจริงๆ....อ๊าซซซซซ...อูยยย..อูยยยย.....สุดยอดดด...คุณรสคนสวย...อูยยยย:ซซซซซซซ....
คันธรสนั้นแทบไม่รับรู้อะไรแล้ว
เพราะเหน็ดเหนื่อยจนหอบหายใจออกมาราวกับจะขาดใจ
โดยทั้งๆ ที่ยังอยู่ในท่านั่งแหกขาคร่อมควยของเสี่ยคิ้ม
ร่างบางของเธอก็เอนฟุบลงไปกับตัวของเสี่ยตัณหากลับ
ซบหน้าไปกับบ่าของเขา
สองเต้าอวบนั้นบดเบียดทับไปกับอกหย่อนยานของอีกฝ่าย
ขณะที่เสี่ยคิ้มที่กำลังพยายามเค้นน้ำกามออกไปจากปลายหัวถอก
ก็ยังโอบไปที่สะโพกผายของหญิงสาวกดร่างของเธอให้กระชับกับลำควย
และแอ่นสะโพกกระทอกอัดหน้าขากระแทกขึ้นไปเป็นจังหวะสั้นๆ
ปั่บปั่บปั่บ
“อูยย....อูยยย...ตอดดีจริงๆ...โอววว...โพรงหีมันดูดควยผมใหญ่เลยคนสวย....อูววววววว…อูวววว...”
เสี่ยทองที่เฝ้าดูอยู่ข้างๆ
หัวเราะกระเส่า แลบลิ้นเลียปาก
ควยอวบอ้วนนั้นยังไม่เบื่อกับโพรงสวาทของสาวสวยรวยเสน่ห์ตรงหน้านี้เลยแม้
แต่น้อย
พอจับตามองดูเสี่ยคิ้มที่หยุดยั้งจังหวะกระทอกควยเพื่อรีดน้ำกามออกไปแล้ว
เสี่ยอ้วนก็เดินพุงกระเพื่อมเข้ามาใช้สองมือฉุดรั้งไปตรงบริเวณรักแร้สอง
ข้างของคันธรส
และดึงร่างปวกเปียกของหญิงสาวให้หลุดออกมาจากควยของเสี่ยคิ้มที่นั่งยิ้ม
เผล่ เสียงดังบล๊อบ...
คันธรสคราง...อื้ออออ...เมื่อติ่งเสียวของเธอถูกครูดคราดอย่างถนัดถนี่ไปบน
ลำควยอวบนั้น
ก่อนที่ความเย็นจากอากาศในห้องปรับอากาศเย็นฉ่ำจะชำแรกเข้ามาในร่างของเธอ
ผ่านร่องสวาทที่บัดนั้นแบะกลีบอูมกลวงอ้า
และมีน้ำเมือกสีขาวไหลเยิ้มย้อยออกมาเป็นสายหนืด
“สะ...เสี่ยขา...รส..จนขาดใจ..อยู่แล้ววว...”
คันธรสครางออกมาอย่างสุดเหนื่อยเมื่อยล้าไปทั่วทั้งตัว
เมื่อรับรู้ว่าตัวเธอถูกผลักไปนอนหงายบนเตียงโดยมีร่างอ้วนฉุของเสี่ยทอง
ทิ้งตัวตามติดเข้ามา
สองมือตะโบมไปยังสองเต้าอวบของเธออย่างตะกรุมตะกราม
ปากหนาๆ นั้นบดขยี้ไปบนปลายถันอย่างกระหายหิว
คันธรสครางครวญพยายามผลักร่างอวบอ้วนนั้นออกไป
เพราะมันปวดขัดไปหมดทั้งตัว
โดยเฉพาะหัวนมทั้งสองข้างที่กำลังถูกตะโบมบีบคลึงเคล้นอย่างรุนแรง
เสี่ยอ้วนหัวเราะร่า
“อูยยยย...เนื้อตัวของคุณมันช่างอร่อยเหลือเกิน...ผมยังไม่หายอยากเลยนะ...ที่รัก...”
เสี่ยทองพูดจบก็ไม่สนใจอาการขัดขืนของคันธรส
เสี่ยอ้วนละเลงมือและปากลงไปบนสองเต้าอวบขาวนั้นอย่างเมามัน
ปากหนานั้นสลับซ้ายขวา
อ้าดูดไปตามปลายงามงอนนั้น
เสียงซ๊วบซ๊วบท่ามกลางอาการส่ายไปมาของคันธรสที่ทั้งเจ็บและความเสียวระลอก
ใหม่กำลังกำเนิดขึ้น...
เสี่ยอ้วนดื่มด่ำความอร่อยหวานจากสองเต้าอวบนั้นจนพอใจ
ก่อนจะผละมือไปขยุ้มที่ต้นขาขาวของคันธรสจับแบะให้ถ่างออก
และจ่อหัวถอกอวบเข้าพรวดเข้าไป
กลีบอูมที่เหนอะหนะไปด้วยน้ำเมือกข้นนั้นแบะอ้ารอคอยอยู่ก่อนแล้ว
ก็ขยายตัวอมกลืนหัวบานของเสี่ยทองเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“อ๊ะ....อ๊ายยยย....”
คันธรสแหงนหน้าเพริด
ปากครางออกมา
เมื่อความอวบอ้วนนั้นบดเบียดโพรงหลืบเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ใบหน้างามนั้นบิดเบี้ยวด้วยความเสียวซ่าน
ทันใดนั้นเอง
เสียงโทรศัพท์ของเสี่ยคิ้มก็ดังขึ้น....
เสี่ยค้าทองที่สมอารมณ์หมายจนอิ่มเอมเปรมปรี
ลุกขึ้นเดินโทงๆ
ควยอวบที่เพิ่งพ่นน้ำเมือกออกไปหยกๆ
หดตัวลงเล็กน้อย
แต่ยังไม่คลายความแข็งเนื่องจากถูกโด๊ปยาเอาไว้เช่นเดียวกัน
ในเวลานั้นเสี่ยตัณหากลับหัวเราะร่า
เมื่อเห็นเสี่ยทองเพื่อนร่วมอุดมการณ์เริ่มกระเด้าควยเข้าไปในโพรงหลืบของ
คันธรสที่นอนหงายอยู่บนเตียง
เสียงคราง ซี๊ดดดดด ซ๊าดดดดด
ดังมาจากปากหนานั้น พร้อมๆ
กับเสียงคราง
ฮืออออ...ฮืออออ...จากหญิงสาวสวยที่นอนระทวยอยู่
เสียงสัญญาณมือถือดังอยู่ในกางเกงของเสี่ยค้าทองที่ตกเรี่ยราดอยู่บนพื้น
ใบหน้าเหลี่ยมของนักค้าทองมีประกายแห่งความตื่นเต้นเมื่อหยิบมือถือมาแล้ว
มองเห็นเบอร์ของสายเรียกเข้า
เขารีบเปิดรับทันที
“ปลากินเหยื่อแล้วค่ะ...เสี่ยคิ้ม...ดำเนินตามแผนได้”
ดวงตาสามเหลี่ยมของเสี่ยค้าทองเป็นประกายวูบอย่างยินดี
หัวเราะร่า
“โอววว..ข่าวดีจริง...น้องไอซ์...ขอบคุณเหลือเกิน...ผมต้องตอบแทนให้กับน้องไอซ์อย่างจุใจแน่นอน”
เสียงหัวเราะระริกร่วนดังมา
ก่อนจะว่า
“แล้วเสี่ยจะไม่ไปกำกับด้วยตัวเองหรือคะ”
เสี่ยคิ้มลังเลใจวูบหนึ่ง
ก่อนจะว่า
“คงไม่เป็นไร...สองคนที่ผมส่งไปมันจัดการเองได้”
“คิกคิก...แต่มันน่าเสียดายแทนเสี่ยนะคะ...เนื้ออ่อนๆ
หวานๆ
ขนาดนั้นน่ะ...เสี่ยน่าจะจัดการให้อิ่มก่อนค่อยปล่อยให้ถึงลูกน้อง...”
ดวงตาของเสี่ยค้าทองเป็นประกายวูบวาบ
เขม้นมองไปยังเกมสวาทที่กำลังเร่าร้อนบนเตียง
ในเวลานั้นเห็นเสี่ยอ้วนโย้ขางามของคันธรสจนไปกดตรงหัวเตียง
โพรงสวาทของสาวสดนั้นจึงม้วนแอ่นหงายเพริดขึ้นมารองรับการกระเด้าแทงที่
เริ่มเร่งจังหวะราวกับลูกสูบ
น้ำเมือกข้นถูกแรงเสียดสีจนเป็นฟองฟ๊อดขาว
อาบไปทั่วลำอวบที่ชักเข้าชักออกโพรงสวาทที่ฉ่ำแฉะนั้น
จากมุมที่เสี่ยคิ้มเห็นร่องก้นขาวผ่องกำลังแบะออกจนเห็นรูทวารสวาทนั้นกำลัง
ขมิบถี่ถี่
น้ำกามขาวเหนียวที่เจิ่งนองอาบเยิ้มย้อยออกมาจากโพรงหลืบที่คับคาไปด้วยท่อน
อวบนั้นไหลออกมาเป็นทางลากเชื่อมไปบนรูทวารที่ตีบเล็กนั้นอย่างชัดเจน
ก่อนจะทบย้อยกันลงไปเจิ่งนองหยดเป็นวงกลมด่างดวงบนฟูกเตียง
เสี่ยค้าทองยังไม่คิดจะเปิดเผยเรื่องที่ตัวเองกำลังเผด็จสวาทคันธรสให้กับ
เด็กสาวที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสาวสวยนั้นได้ยิน
จึงแค่หัวเราะร่วนเท่านั้น
ครุ่นคิดในใจ
...เนื้ออ่อนๆ...ที่ไหนมันจะสวย...และก็เย็ดมันส์สะเด่าควย...เท่ากับเนื้อ
ขาวๆ
ที่กำลังนอนนมเด้งอยู่บนเตียงตอนนี้วะ...แม่งเอ๊ย...โคตรมันส์เลย....เย็ด
ไม่มีเบื่อ...ฮ่ะฮ่ะ
“ไม่เป็นไร...ก็ได้มั้ง..น้องไอซ์...แบ่งให้ไอ้พวกนั้นบ้างก็ได้...ผมไม่ถือหรอกเรื่องว่าต้องเป็นคนเปิดน่ะ...”
เสี่ยคิ้มทำเป็นพูดใจใหญ่
แต่แท้ที่จริงยังไม่หายอยากกับการทิ่มควยเข้าใส่ร่างงามบาดตาของคันธรสเลย
แม้แต่น้อย...เขาจะต้องใช้เวลาในห้องนี้อย่างมีความสุขหฤหรรษ์อีกเนิ่นนาน
นัก
“เอาเถอะค่ะ...แล้วแต่เสี่ยก็แล้วกัน...ตอนนี้พวกนั้นคงดูหนังกันอยู่กว่าจะ
เลิกก็ประมาณทุ่มกว่ามั้ง...ไอซ์ส่งต่อให้กับเสี่ยแล้วนะคะ...อย่าลืมที่
ตกลงกัน...”
“ได้สิ...ได้...ผมไม่ลืมอยู่แล้ว...จะจัดการไอ้สวะนั่นให้สาสมเลยทีเดียว...น้องไอซ์ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้”
“คิกคิก...อ้อ...เผื่อเสี่ยเปลี่ยนใจ...เดี๋ยวไอซ์จะส่งรูปไปให้เสี่ยดูนะคะ...คิกคิก...แค่นี้ล่ะค่ะ”
ความจริงเสี่ยคิ้มไม่มีความคิดในหัวเลยแม้แต่น้อย
ที่จะละจากแผนการณ์ที่ได้ร่วมกันกับเสี่ยทองในการเคลมสวาทสาวสวยที่กำลังนอน
ระริกร่านอยู่บนเตียง
ถึงแม้ว่าควยอวบของตัวเขานั้นได้ลิ้มรสความหอมหวานจากโพรงหลืบนั้นไป
แล้วอย่างอิ่มเอมก็ตามที
หากแต่ด้วยนิสัยแห่งความมากตัณหาราคะ
ก็ทำให้เสี่ยนักค้าทองอดที่จะเปิดรูปที่ฐิติพรรณส่งมาให้ไม่ได้
แต่พอได้เห็นภาพโคลสอัพชัดๆ
ของวงหน้าหวานสวยที่ยิ้มอายๆ
อยู่ตรงหน้า
ก็ทำให้ตาของเสี่ยคิ้มเบิกถลนออกมาแทบนอกเบ้า
ปากหนาครางออกมาซี๊ดดดซ๊าดดดด
ร้องร่ำอยู่ในใจราวกับบ้าคลั่ง
อูยยยย...สวยยย....สวยเหลือเกินนังเด็กนี่....สวยชิ๊บบบบหาย....หวานใสไร้
เดียงสา...อ่อนขบเผาะ..ท่าทางจะหวานไปทั้งตัวเล๊ยยยย....ซี๊ดดดดด....ปากแดง
โคตรน่าจูบ...แม่งเอ๊ย...เกือบไปไม๊ล่ะ...ดีที่น้องไอซ์ส่งภาพมาให้ดูนะ...
ของดีๆ...อย่างนี้ปล่อยให้ไอ้ตี๋กับไอ้ชดได้ไงวะเสียของหมด...ฮ่ะฮ่ะ...แม่ง
โชคสองเด้งเลยเว้ยวันนี้...สุดยอดๆๆๆ...หลังจากอิ่มอร่อยกับนังรสคนสวย...ก็
ตบท้ายด้วยของหวานนังหนูเนื้ออ่อนนี่....กร๊ากกๆๆๆๆ...
เสี่ยตัณหากลับแสยะยิ้มอย่างสะใจเหลือกำลัง
ครุ่นคิดในใจอย่างครึกครื้น
สงสัยจะต้องโด๊ปยาเพิ่มละว่ะ...น้ำหมดไม่เป็นไรขอให้ของๆ
กูแข็งโด่ได้ทั้งคืนก็เป็นพอ.....ฮ่าฮ่า
มองดูเวลาเสี่ยคิ้มก็รีบโทรศัพท์ออกไป
พอทางปลายสายเปิดรับ
เสี่ยตัณหากลับก็ส่งเสียงออกไป
“ไอ้ตี๋เรอะ...”
เสี่ยนักค้าทองบอกชื่อศูนย์การค้าชื่อดังแถวรัชดาภิเษก
และตำแหน่งที่อยู่ของรถคันงามของศักดาให้กับลูกน้องก่อนจะตบท้าย
“เอารถตู้ไป...พวกมึงรีบไปซุ่มอยู่แถวๆ
นั้น...กูจะตามไปสมทบ”
“ครับ...เสี่ยไม่ต้องห่วง..”
วางสายไปแล้ว
เสี่ยค้าทองเดินตัวกระเส่าไปยังเตียงกว้าง
ตอนนั้นเสี่ยอ้วนแหงนหน้าแหกปากร้อง
กระเด้าควยอวบกระแทกโพรงสวาทที่ฉ่ำแฉะนั้นเสียงดัง
ปั่บ ปั่บ ปั่บ
ใบหน้าอูมนั้นกำลังบิดเบี้ยวเพราะความเสียวเริ่มไต่ระดับความแรงขึ้นเรี่อยๆ
ไขมันอ้วนฉุก้อนกลมใหญ่ตรงหน้าท้องนั้นบดเบียดกดกระแทกลงไปบนหน้าท้องขาว
ผ่องแบนราบของหญิงสาวที่นอนระทวยอยู่บนเตียง
เสียงดัง หมั่บๆๆๆๆ
ร่างงามของคันธรสที่ม้วนตัวหงายโคกสาวอยู่บนเตียงนั้นดิ้นพร่านสุดๆ
เพราะความเสียวกระสันที่แผ่ลามมาจากเนินสวาทนั้นกำลังแผ่ซ่านพล่านไปปกคลุม
ไปทั่วอณูความรู้สึกของเธออีกคำรบหนึ่งเนื่องจากยาสวาทที่ไหวเวียนอยู่ใน
ร่างกายนั้นยังคงกรุ่นไปด้วยด้วยฤทธ์ที่รุนแรงอย่างไม่มีทางจางไปได้โดยง่าย
ปากนุ่มของเธอห่อครวญครางเสียงกระเส่าประสานไปกับจังหวะกระเด้านั้นดัง
อ๊ะๆๆๆๆๆ.....สองเท้าที่ม้วนคาชี้ขึ้นไปบฟ้านั้นบิดงอหงิกเกร็งด้วยความ
เสียวซ่านสุดขีด
ส่วนแขนบอบบางของเธอก็ตวัดรัดไปยังหนั่นเนื้อที่หย่อนยานเผละไปด้วยไขมันของ
อีกฝ่าย
จิกนิ้วที่ตัดเล็บมนเรียวงามเคลือบสีน้ำดอกไม้สดทั้งสิบนั้นลงไปบนเนื้ออูม
อวบของเสี่ยอ้วนเป็นการทอนความเสียวกระสันซ่านที่พลุ่งพล่านจนจับจิต
เสี่ยคิ้มแสยะยิ้ม
ทิ้งตัวลงไปบนเตียงข้างๆ
ร่างงามของคันธรส
บดปากหนาประกบบดไปยังปากงามของคันธรสที่กำลังอ้าออกร้องร่ำคร่ำครวญ
เสียวกระสันซ่านนั้นอย่างรุนแรง
ฉกลิ้นเข้าไปดูดความหวานในโพรงปากของสาวสวยอย่างกระหายหิว....ครุ่นคิดในใจ
...น่าจะยังมีเวลาเหลือพอกระเด้าเย็ดคุณรสคนสวยนี่อีกสักยกสองยกว่ะ..ฮ่าฮ่า
ฮ่า.....ไอ้ทองแม่งคงเสร็จไวๆๆ
นี้แล้ว...
“เอาเลย...เสี่ยทอง....เร็วๆ..หน่อย...คุณรสเขากำลังถึงที่แล้ว....”
ปากหนากระตุ้นเพื่อน
ซึ่งเสี่ยทองก็ไม่ขัดศรัทธาเร่งเครื่องกระเด้าเป็นการใหญ่
เสียง ปั่บๆๆๆๆๆ ดังถี่ยิบ
เสียงครางกระเส่า
เสียงร้องร่ำอย่างรัญจวนใจ
ดังระงมต่อเนื่องต่อไปในห้องนอนหลังนั้น
........................
สายตาของคมศรที่จ้องไปยังร่างไร้ชีวิตของม้าตัวโปรดด้วยแววตาแข็งกร้าว
ร่างสูงกำยำของเขาทรุดลงคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่ข้างๆ
ร่างพ่วงพีดำทมึนที่นอนตายน้ำลายฟูมปากอยู่กับพื้น
มือของเขาลูบไปยังแผงคอของเจ้าหมอกอย่างอาลัย
โดยที่มีธงชัยองครักษ์ติดตามตัวเขากับคนอีกกลุ่มใหญ่ยืนรายล้อมด้วยสีหน้า
สลด
เจ้าของปางห้วยสักมองเจ้าหมอกดำอีกอึดใจใหญ่
ก่อนจะถอนใจหายเบาๆ
ผุดลุกขึ้นหันหน้าไปยังคนสนิท
“รอยม้านำไปไหน...”
องครักษ์ของคมศรผู้มีใบหน้าขรึมอยู่เป็นนิจ
กล่าวนอบน้อม
“อย่างที่คาดครับ
ตัดป่าไปยังถิ่นของพวกมัน
พวกเราตามไปถึงชายทุ่งผึ้ง...ก็ไม่กล้าเข้าไปเพราะยังไม่ได้รับคำสั่งจากพ่อเลี้ยง...”
คมศรผงกศีรษะ
หันไปยังเด็กหนุ่มร่างผอมเกร็งที่ยืนอยู่ข้างๆ
ธงชัย แล้วว่า
“...ป้าง...ที่ฉันตามแกมาก็เพราะเรื่องนี้...จากทุ่งผึ้งขึ้นไปบนเขา...มีที่ไหนที่แกคิดว่าพวกมันจะเอาตัวคุณอรนุชไปซ่อนไว้…”
เด็กหนุ่มวัยประมาณสิบเจ็ดปี
มีสีหน้าไม่ค่อยแน่ใจนักเมื่อกล่าวว่า
“ผมก็ไม่แน่ใจครับพ่อเลี้ยง...ที่ซ่อนของพวกมันมีหลายแห่ง...”
“พวกมันไม่น่าจะเลือกที่ไกลนัก...จุดไหนเป็นจุดที่อยู่ใกล้ที่สุด...จากทุ่งผึ้ง”
พ่อเลี้ยงปางห้วยสักซักสีหน้าเคร่ง...ป้าง...เด็กหนุ่มผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเขา
และครอบครัวเคยเป็นคนของ
“ปางเทพนิมิตร”
ซึ่งบัดนี้แปรพักตร์เข้าหาคมศร
เนื่องจากครอบครัวของเขาถูกฆ่าตายหมดเพราะพ่อเลี้ยงอดิศัยโกรธจัด
ในคราวที่พ่อของป้างทำงานผิดพลาด...จนต้องสูญเสียสินค้าที่มีมูลค่ามหาศาล
ความจริงป้างนั้นก็ไม่น่าจะรอด
ถ้าเผอิญเด็กหนุ่มไม่ได้อยู่ในบ้านเวลาเกิดเหตุในตอนที่คนของอดิศัยเข้าไป
ปลิดชีพคนในครอบครัวเขาจนหมด
ป้างวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิงฝ่าดงป่าจนหลุดออกจากพื้นที่ของปางเทพนิมิตรเข้า
ต่อแนวพื้นที่ของปางห้วยสักมาได้
สมุนของพ่อเลี้ยงอดิศัยที่ข้ามพื้นที่เข้าตามล่าตัวของป้าง
เกือบจะปลิดชีวิตของเด็กหนุ่มอยู่แล้ว
ถ้าวันนั้นคมศรไม่เผอิญผ่านไปเห็นเหตุการณ์
และช่วยชีวิตของป้างเอาไว้
ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงหันมาทุ่มเทรับใช้คมศรด้วยความซื่อสัตย์กตัญญูต่อชาย
หนุ่มผู้มีพระคุณช่วยชีวิตตนเอง
และเฝ้ารอคอยโอกาสที่ตัวเองจะได้ชำระความแค้นที่มีต่อพ่อเลี้ยงอดิศัยซึ่งคม
ศรมองเห็นประโยชน์ที่จะได้รับจากคนที่เคยอยู่รับใช้คู่อริร่วมแดน
จึงรับตัวของอีกฝ่ายเอาไว้ใช้งานที่ปางหวยสัก
ยามนี้คมศรจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากความรู้ที่ป้างมีต่อความเป็นไปภายในปาง
เทพนิมิตร
ซึ่งใบหน้าคร้ามคมนั้นได้แต่หวังว่าความคาดคะเนของเขาจะไม่ผิด
เพราะยิ่งเวลาผ่านไป
ชีวิตของอรนุชที่ราวกับแขวนอยู่บนเส้นด้ายก็จะยิ่งริบหรี่ความหวังที่จะได้
รอดพ้นจากอันตรายกลับมาอย่างปลอดภัย
ป้างครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง...ก็ว่า
“ถ้านับจากชายทุ่งผึ้ง
ขึ้นไปตามเขา
ก็น่าจะเป็นกระท่อมบนดอยปางม่วงครับ...พ่อเลี้ยง”
พ่อเลี้ยงปางห้วยสักไม่มีทางเลือกอื่น
ชายหนุ่มตัดสินใจกระโดดขึ้นม้า
“ป้างไปกับฉัน...ปิ๊กพาคนกลับไปที่ปาง...”
องครักษ์หน้าเคร่งมีสีหน้าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง...กล่าวเร่งร้อน
“พ่อเลี้ยงจะเข้าไปในถิ่นพวกมัน...อันตรายเกินไปนะครับ...ผมไม่เห็นด้วย”
คมศรมีสีหน้าเครียดเมื่อกล่าวเสียงราบเรียบ
“ฉันเป็นคนตัดสินใจ...ปิ๊กทำตามคำสั่งฉัน”
ธงชัยมีใบหน้าสลดลง...เพราะรู้ดีว่าน้ำเสียงนั้นกรุ่นด้วยโทสะ...ดวงตานั้นรุ่มร้อนกังวล...ก่อนจะโพล่งออกไป
“ถ้าอย่างนั้นให้ผมไปด้วย...”
พ่อเลี้ยงปางห้วยสักรู้ดีว่าผู้ติดตามของเขาเป็นห่วง
แต่ตอนนี้เขาไม่ต้องการคนมาก...เคลื่อนไหวไม่สะดวก...และอาจจะทำให้พวกนั้น
รู้ตัวจนเป็นอันตรายกับยายเด็กดื้อนั่น...
“ตอนนี้ปิงไม่พร้อมทำงาน...ฉันต้องการให้แกที่ฉันไว้ใจได้ที่สุดไปประสานงาน
กับลุงแก้ว...คอยสำรวจรักษาการณ์ตรงแนวปางให้เรียบร้อย...อย่าประมาท...
เพราะไม่แน่ว่าไอ้อดิศัยมันจะมีแผนการณ์อะไรต่อเนื่องหรือเปล่า...”
องครักษ์คนติดตามของคมศรยังอ้ำอึ้งอย่างไม่ชอบใจในคำสั่ง
จนดวงตาสีเหล็กนั้นสาดประกายวูบวาบ
เขาจึงได้แต่ก้มหน้าลง
ถอนหายใจยาว...
“ครับ...พ่อเลี้ยงระวังตัวให้ดีนะครับ”
คมศรยิ้มแยกเขี้ยวแวววาว
สำรวจตัวเองถึงความพร้อม...ปืน
กระสุนและของใช้ฉุกเฉินยามจำเป็น...เมื่อแน่ใจแล้วก็หันไปยังป้างที่ขึ้นม้า
รออยู่ก่อน ผงกศีรษะให้เป็นสัญญาณ
กระตุ้นม้าควบออกไปทันที
ธงชัยกับพวกที่เหลือมองดูสองม้าวิ่งเคียงคู่กัน
สักพักหนึ่งก็ค่อยๆ
เหลือเป็นจุดเล็กๆ
ที่วิ่งฝ่าทุ่งตรงไปยังทิวป่าที่เห็นไกลๆ
..........................
อรนุชฟื้นคืนสติขึ้นมาท่ามกลางความปวดที่ศีรษะ…
เมื่อร่างเล็กบางของเด็กสาวถูกเหวี่ยงลงไปกองกับพื้นดินเย็นยะเยือกและอับ
ชื้นนั้น ศีรษะของเธอกระแทกไปกับพื้น
ความรู้สึกปวดแปลบที่วาบขึ้นปลุกเด็กสาวให้ค่อยๆ
รู้สึกตัวขึ้นมา
เปลือกตาที่มีขนตางอนยาวนั้กระพริบถี่ถี่
โสตประสาททางหูได้รับรู้เสียงเข้ามาก่อนดังแว่วๆ
อยู่ข้างตัว
“โอ้โห...สวยเป็นบ้า...สุดยอดไปเลย...พี่คำ”
เสียงหัวเราะหึหึดังมา....เสียงใครนะ...คุ้นๆ...ท่ามกลางความมึนงงอรนุชพยายามบอกกับตัวเอง
ก่อนที่ภาพเบื้องหน้าจะค่อยๆ
ชัดขึ้น แสงไฟจากหลอดแยงเข้าตา
จนเธอต้องยกมือขึ้นบังเอาไว้
และพลันระลึกได้ว่าเธอถูกจับตัวมา
ทำให้ร่างเล็กบางนั้นผวาลุกขึ้นนั่งทันที
“อ๊ะๆๆ...เธออยู่เฉยๆ
ดีกว่าถ้าไม่อยากเจ็บตัวเพิ่ม”
เสียงคุ้นๆ
หูนั้นดังมาจากร่างที่ย้อนแสงไฟ
เห็นแค่เพียงลำตัวที่แข็งเกร็ง
อรนุชจำได้แล้วว่าเป็นคนที่จับตัวเธอมานั่นเอง
เสียงแหลมเล็กจึงตวัดอย่างไม่พอใจขึ้นทันที
“พวกคุณจับฉันมาทำไม..!?”
เสียงหัวเราะดังขึ้นรอบๆ
เด็กสาวร่างบางจึงเพิ่งสังเกตว่าตัวเธออยู่ภายใต้การรายล้อมของชายฉกรรจ์
หลายคน ภายในห้องทึบทึมที่มืดสลัว
มีแสงไฟจากหลอดไฟที่แขวนอยู่ตรงเพดานดวงเดียว
ต้องรู้สึกใจสั่นสะท้านขึ้นมา...ถ้าพวกนั้นคิดจะทำร้าย...เธอคงไม่มีทางสู้
พวกมันได้...
ภาพที่แกงค์เด็กนรกเคยรุมล้อมทำร้ายเธอหวนกลับขึ้นมาในมโนสำนึก
สร้างความตระหนกตกใจให้กับอรนุช
จนดวงตากลมโตนั้นสั่นระริก
ใจสั่นสะท้ายวาบหวิว
ร่างเล็กบางที่ผุดลุกขึ้นนั่งถดถอยไปจนชิดผนัง
พยายามกล่าวเสียงให้เข้มแข็งปกปิดความรู้สึกภายในที่กำลังพลุ่งพล่าน
“พวกคุณ...ต้องการอะไร...จับฉันมาทำไม…จะเรียกค่าไถ่หรือ”
นายคำแค่นหัวเราะอย่างเดียวไม่ตอบคำถามอะไร
กลับเป็นชายฉกรรจ์หน้าคล้ำที่ยืนข้างหัวเราะร่วนและตอบว่า
“รอให้พ่อเลี้ยงมาก่อนเถอะ...คนสวยก็รู้เองแหล่ะว่าถูกจับมาทำไม...ฮ่ะฮ่ะ”
“พ่อเลี้ยง?...พ่อเลี้ยงไหนกัน?”
“ก็พ่อเลี้ยงอดิศัยเจ้าของปางเทพนิมิตรไงล่ะจ๊ะ..คนสวย”
ชายคนเดิมเป็นคนตอบ
ก่อนที่นายคำจะขยับปากห้วนๆ
“ไอ้แสง...ไม่ต้องพล่ามมาก...”
ดูท่าศักดิ์ศรีของนายคำจะใหญ่โตไม่น้อย
ทำให้นายแสงไม่กล้าตีฝีปาก
ก่อนที่นายคำจะหันมายังอรนุชแล้วกล่าวเสียงเหี้ยมๆ
“นั่งอยู่เฉยๆ...ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น...ถ้าขืนไม่เชื่อฟัง...ฉันไม่รับรองว่าจะไม่ทำร้ายเธออีก”
อรนุชมองมายังใบหน้าตอบเสี้ยมอย่างแค้นใจ...ยังจำได้...นายคนนี้ทำให้เจ้า
หมอกต้องตาย...บวกด้วยนิสัยที่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
ทำให้เสียงแหลมเล็กนั้นตวัดอย่างโกรธา
“เอาซี...คิดหรือว่าฉันจะกลัว...ไอ้คนร้าย...ดีแต่รังแกผู้หญิง...”
นายคำเบิกตาวูบ...อีเด็กนี่...คิดลองดีกับกูเรอะ...ร่างฉกรรจ์นั้นสืบเข้าไป
...ตวัดมือขึ้น...อรนุชที่นั่งขดตัวอยู่สะท้านใจ...รีบยกแขนขึ้นป้องกันใบ
หน้า...หลับตาลงอย่างลืมตัว...แต่ทันใดนั้นนายแสงที่ยืนข้างๆ
รีบเข้ามารั้งบ่าของนายคำเอาไว้
“ช่างเถอะน่าพี่คำ...อย่าไปตบตีนังนี่ให้มากกว่านี้เลย...พ่อเลี้ยงมาจะไม่
พอใจได้นะ....เก็บหน้าสวยๆ
อย่างนี้ให้รับรองพ่อเลี้ยงดีกว่า”
นายคำฮึดฮัด
ก่อนที่จะหันกายกลับเดินลงส้นเท้าตึงๆ
ออกไปจากห้องขัง
ส่วนนายแสงกล่าวกับชายฉกรรจ์สองสามคนในบริเวณนั้น
“พวกแกเฝ้าดูให้ดีอย่าให้แผลงฤทธิ์อะไรล่ะ...ท่าทางฤทธิ์มากไม่ใช่เล่น”
เสียงรับคำ
ก่อนที่นายแสงจะเดินตามนายคำออกไปจากห้อง
อรนุชนั่งยกเข่าชันขึ้นกอดไว้แนบกับตัวเอง
สายตามองไปยังร่างทมึนๆ
ที่มองไม่ค่อยชัดเนื่องจากอยู่ห่างจากแสงไฟที่สลัวๆ
จากหลอดไฟนั้นอยู่ริมผนังด้วยความรู้สึกอัดอั้น...ความหวาดกลัวพล่านอยู่ใน
ส่วนลึกจนจับใจ
ดวงตากลมโตนั้นสั่นสะท้าน
ภาพของคนสูงใหญ่
ใบหน้าไว้เคราครึ้มลอยเข้ามาในห้วงคำนึงของเด็กสาว
คราวก่อนเขาปรากฏตัวมาช่วยเธอเอาไว้ได้ทัน...แต่คราวนี้จะมีปาฏิหารย์ใดๆ
มาช่วยเธออีกหรือ?
..........................
ทั้งอรอุษาและศักดามีอย่างหนึ่งที่เหมือนกันขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งอยู่ใน
ห้องชมภาพยนต์
นั่นก็คือทั้งคู่แทบจะไม่ได้ติดตามความเป็นไปของเรื่องราวที่กำลังฉายอยู่
ตรงหน้าเลย
เด็กสาวแสนสวยกำลังนั่งใจเต้นระทึก
สมองน้อยๆ นั้นครุ่นคิดด้วยความคิดเข้าข้างตัวเองว่า
เธอไม่ได้ทำผิดอะไรที่อยู่ดูหนังต่อกับผู้ชายสองต่อสองอย่างที่ชีวิตที่ผ่าน
ในกรอบการดูแลอย่างเข้มงวดของพี่สาวนั้นเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยกระทำมาก่อน
อย่าว่าแต่กับคนที่เพิ่งรู้จักกันแค่วันเดียวนี้เลย
ก็..ก็..พี่ไอซ์บอกพี่ศักเป็นคนดี...มันคงไม่ถูกมากกว่า...ถ้าเราหักหาญน้ำใจของพี่ศักดา...
เด็กสาวบอกกับตัวเอง
แต่ถึงกระนั้น ความประหม่าอาย
และไม่คุ้นเคยกับเพศตรงข้าม
ก็ทำให้อรอรุษานั้นนั่งตัวลีบ
เคลื่อนเบียดไปอีกด้านหนึ่งที่มีผู้หญิงนั่งอยู่
พยายามนั่งให้ห่างจากตัวของชายหนุ่มให้มากที่สุด
แต่แม้จะทำอย่างนั้น
กลิ่นกายอันหอมจรุงที่รวยรินจากร่างงามนั้นก็ยังลอยเข้ามาแตะจมูกของศักดา
ที่นั่งอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา
รมเร้าอารมณ์กระสันของชายหนุ่มจนพล่านไปทั้งตัว
เอาไงดีวะ..ไอ้ศัก...คิดซี...คิด...กูจะทำยังไงดี....ถึงจะจับนังเด็กคนสวย
กระเด้าเย็ดในสะเด่าควยในคืนนี้ให้ได้…มันต้องมีทางสิวะ...แม่งเอ๊ย...ทำไม
ตัวหอมอย่างนี้ว๊ะ...ขนาดห่างๆ
ยังได้กลิ่น...ถ้ากูเคล้นจมูกไปตามตัวนังเด็กนี่มันจะหอมขนาดไหนวะ...
ในความมืดนั้น...ดวงตากลมโตของอรอุษาแอบปรายตาไปมองเสี้ยวหน้าคมสันของชาย
หนุ่มด้านข้าง ก่อนที่เด็กสาวจะใบหน้าร้อนซู่
รีบบอกกับตัวเองอย่างรู้สึกผิดในใจ
...น่าอายจัง...อย่าทำอย่างนี้สิ...ใครรู้เข้าจะเอาหน้าไปไว้ไหน...แอบมองผู้ชาย...น่าเกลียดจะตาย
แต่ความรู้สึกที่แปลกๆ
ที่มันเอิบซ่านขึ้นมาในหัวใจดวงน้อยอันบริสุทธิ์ผุดผ่องนั้น
ก็ทำให้ดวงตากลมสวยนั้นอดที่จะเหลือบไปอีกไม่ได้
และตอนนั้นเองที่ใบหน้าคมสันหันกลับมามองยิ้มๆ
ใบหน้าของเด็กสาวแดงก่ำขึ้นทันที
เลือดสาวที่เอิบซ่านขึ้นมานั้นลามไปจรดช่วงลำคอเรียวสวยจนเห็นได้ชัดเจนแม้
อยู่ในความมืดสลัวที่มีเพียงแสงไฟวาบมาจากด้านหน้าจอเท่านั้น
อรอุษารีบก้มหน้างุดลงกับตักอย่างสุดอาย
กำมือเล็กๆ แน่น
หลับตาลงขนตางามงอนนั้นสั่นระริก
ใจเต้นระทึกจนแทบกระดอนออกมา
ขณะที่จิ้งจอกสวาทมองอาการนั้นแล้วยิ่งรู้สึกใคร่อยากจะกระชากร่างงามไร้ที่
ติข้างๆ นี้มาขยี้สวาทให้สะอารมณ์เหลือเกิน
ในใจที่โสมมนั้นพล่านไปด้วยความคิดที่อรอุษา...ถ้าเธอมีความสามารถในการอ่าน
ความคิดของอีกฝ่ายได้คงจะช๊อคไปกับการรับรู้นั้นเป็นแน่
แต่ทั้งหมดที่เด็กสาวผู้ไร้เดียงสารับรู้มีเพียงความจัดเจนของจิ้งจอกสวาท
ที่ลดความประหม่าอายของเธอโดยทำเป็นหันกลับไปมองภาพหน้าจอ
ซึ่งอรอุษาที่ค่อยๆ
ลืมตาขึ้นมามองนั้น
แอบผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก
พร้อมๆ
กับดวงตาคู่งามนั้นที่เริ่มมีประกายพราวด้วยความรู้สึกที่มาจากภายใน
ที่ด้านนอก...บริเวณลานจอดรถที่รถคันงามของศักดาจอดอยู่
ชายฉกรรจ์สองคนเดินตรงเข้าไปซุ่มอยู่ตรงบริเวณทางออกจากห้างสรรพสินค้า
ที่สามารถมองเห็นความเป็นไปได้ชัดเจน
ถ้าจะมีใครกลับไปขึ้นรถ
ชายฉกรรจ์ผอมเกร็งคนหนึ่งเป็นคนโทรศัพท์ออกไป
“ครับ...ผมจะจับตาเอาไว้ไม่ให้คลาด...เสี่ยไม่ต้องห่วงครับ”
ชายฉกรรจ์ร่างผอมเกร็งพูดจบ
ก็หันไปพยักเพยิดกับคู่หูที่ร่างเตี้ยกว่าแต่กำยำล่ำสัน
“ไอ้ชด...มึงจับตาดูตรงนี้...กูจะไปเดินเล่นแถวๆ
นี้หน่อย...ฮ่ะฮ่ะ...นานๆ
มาที...บ๊ะ...สาวๆ
เมืองกรุงนี่มันอย่างกับเป็นนางฟ้าเลยแฮะ...ขาวๆ
สวยๆ ทั้งน๊านน...ฮ่ะฮ่ะ”
ชดเบิกตากว้าง
กล่าวอย่างไม่ยอม
“ไอ้ตี๋...ทำไมต้องเป็นกูเฝ้าวะ...กูก็อยากไปดูเหมือนกันนะ...”
ตี๋หัวเราะร่วน
“เออ...ตอนนี้ยังพอมีเวลา...แบ่งกันคนละครึ่งก็แล้วกัน
เดี๋ยวกูมา...มึงเฝ้ากะแรกไปก่อน..”
ว่าแล้วก็เดินจากไป
หายตัวไปในคลื่นของคนที่มาเดินเที่ยว
ทำให้ชดได้แต่ขมุบขมิบปากด่าตาม
แต่ก็ไม่กล้าทิ้งพื้นที่...เพราะถ้าเกิดคลาดสายตาไป...มีหวังถูกเสี่ยเล่น
งานตาย....
........................
คมศรกับป้างทิ้งม้าเอาไว้ตรงชายป่า
และเดินเท้าขึ้นไปบนเขา
ภายใต้การนำทางของเด็กหนุ่มที่คุ้นเคยกับภูมิประเทศดี
ทั้งสองก็ค่อยๆ
เคลื่อนตัวผ่านแนวป่าที่เป็นไม้โปร่งสลับด้วยพุ่มกอไม้ป่าเตี้ยๆ
เป็นระยะ
สภาพแวดล้อมรอบตัวของทั้งคู่นั้นมืดสลัวลงตามเวลาที่ผ่านไป
จนมองไม่เห็นแสงจับขอบฟ้าแล้ว
แต่ก็ไม่มีผลอะไรนักกับคนที่ชำนาญการเดินป่าอย่างคมศรกับป้าง
แสงสลัวๆ
ที่สะท้อนมาจากท้องฟ้ายามอาทิตย์อัสดงที่ลับสายตาไปกับแมกไม้ในป่านั้น
ช่วยให้ทั้งคู่รุดหน้าต่อไปได้อย่างไม่ลำบากนัก
ซึ่งคมศรก็พอใจในสภาพเช่นนี้....ความมืดจะช่วยพรางร่องรอยของตนเองได้ดี
ป้างกระซิบกระซาบกับพ่อเลี้ยงห้วยป่าสัก
“จากตรงนี้เราเดินขึ้นไปอีกยอดก็จะถึงบริเวณดอยปางม่วงแล้วครับ
กระท่อมของพวกมันจะลึกเข้าไปในราวป่า
ตรงบริเวณดงรวก...ถ้าขึ้นมาจากอีกด้านหนึ่งจากปางเทพนิมิตร...พ่อเลี้ยง
อดิศัยเขาเกลี่ยทางสะดวกพอให้รถเล็กขึ้นมาจนถึงบริเวณกระท่อมได้ครับ”
คมศรผงกศีรษะ
สายตาคมวาวนั้นกวาดมองไปรอบๆ
อย่างระแวดระวัง ถามเบาๆ
“พวกนั้นมีหน่วยซุ่มอะไรบ้างหรือเปล่า”
“ปกติไม่มีครับ...แต่ตอนนี้ผมไม่แน่ใจ”
พ่อเลี้ยงปางห้วยสักผงกศีรษะรับทราบ
“ถ้าอย่างนั้นก็ระวังกันหน่อย
พยายามเดินอ้อมไปด้านบนและวกกลับลงมาดีกว่า...จะได้เห็นพื้นที่ถนัดๆ
หน่อย”
“ครับพ่อเลี้ยง”
เด็กหนุ่มรับคำ
และพาคมศรเดินลัดเลาะแนวป่าเข้าไปด้วยฝีเท้าที่เงียบกริบอย่างคนชำนาญการ
เดินป่า
ซึ่งพ่อเลี้ยงปางห้วยสักก็ไม่ได้มีฝีเท้าที่ด้อยกว่าลูกป่าโดยกำเนิดอย่าง
เด็กหนุ่มแต่อย่างใด
ตามติดไปกระชั้นชิด
ดวงตาสีเหล็กนั้นตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
ทั้งสองเดินฝ่าราวป่าไปอีกประมาณยี่สิบนาที
ผ่านเนินลูกเตี้ยๆ ไปอีกลูกหนึ่ง
ป้างก็ทรุดตัวลง
สายตาของเด็กหนุ่มเป็นประกาย
ขณะที่คมศรเองก็มีใบหน้าเหี้ยมเมื่อสายตาประกายเหล็กของเขามองฝ่าความมืดไป
แต่ไกลนั้นแลเห็นแสงไฟวับแวมอยู่ในราวป่ารวกนั้น
“พวกมันคงมาที่นี่จริงๆ
ครับพ่อเลี้ยง”
ป้างกระซิบกระซาบด้วยใบหน้ายินดี
ขณะที่คมศรผงกศีรษะ
ทำมือเป็นสัญญาณให้ป้างคืบนำเข้าไป
ตรงบริเวณกอไม้ขนาดใหญ่ที่มีพุ่มใบหน้าที่อยู่ห่างไปราวๆ
สามสิบเมตร ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เป็นชะง่อน
สามารถใช้เป็นที่กำบังตัวได้ดี
ทั้งสองคืบคลานกันเข้าไปตรงที่หมาย
ณ จุดนั้นดวงตาของคมศรก็เบิกขึ้นอย่างพอใจ
เมื่อเขามองเห็นกระท่อมเล็กๆ
นั้นมีแสงไฟจะตะเกียงที่วางแขวนอยู่ด้านหน้า
ทำให้เห็นมองเห็นชัดๆ
ว่ามีม้าในคอกของเขาถูกผูกอยู่ที่ต้นไม้ใกล้ๆ
กระท่อมนั้น ซึ่งบริเวณหน้ากระท่อมมีร่างทมึนๆ
ยืนอยู่สองสามคน
“คงใช่...พวกมันคงมาที่นี่จริงๆ”
พ่อเลี้ยงปางห้วยสักพูดเบาๆ
เด็กหนุ่มมีใบหน้าตึงเครียดเมื่อกระซิบถาม
“พ่อเลี้ยงจะทำอย่างไรต่อไปครับ”
คมศรยังไม่ทันตอบคำถามของป้าง
แววตาก็หดเล็กลงวูบหนึ่ง
เมื่อเขาแลเห็นรถกระบะขนาดเล็กคันหนึ่งแล่นเอื่อยๆ
เข้ามาจากอีกด้านหนึ่ง
เขาโบกมือเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายสงบเสียงลงก่อน
เพ่งสายตามองไปอย่างเคร่งเครียด
รถคันนั้นแล่นเข้ามาจอดตรงบริเวณที่ห่างกระท่อมไปราวสามสิบเมตร
จากนั้นก็มีคนสองคนเดินเข้ามา
โดยคนที่ยืนอออยู่ตรงหน้ากระท่อมนั้นพากันเดินเข้าไปหา
แสงไฟแม้เลือนราง
แต่คมศรก็แยกแยะออกได้ชัดเจนว่าคนที่มาใหม่นั้นเป็นใคร
ดวงตาสีเหล็กนั้นเป็นประกายวาบ
ขณะที่เด็กหนุ่มข้างกายหอบหายใจออกมาอย่างรุ่มร้อน
ร่างผอมเกร็งนั้นขยับกระสับกระส่าย
ดวงตานั้นเบิกโพลงเต็มไปด้วยแววตาอันขุ่นแค้น
มือหนาของคมศรขยุ้มไปที่บ่าเกร็งของเด็กหนุ่ม
ก่อนที่จะมีเสียงดังแผ่วๆ
จากปากของชายหนุ่ม
“ใจเย็นๆ...ตอนนี้เราผลีผลามอะไรไม่ได้”
เด็กหนุ่มมีใบหน้าดาลเดือด
ร่างเกร็งนั้นสั่นระริก
เมื่อส่งเสียงคำรามออกมา
ดวงตานั้นชุ่มไปด้วยน้ำตา
“ไอ้พ่อเลี้ยงอดิศัย!!!...มันฆ่าพ่อแม่พี่น้องของผมไปหมด...”
“ฉันเข้าใจความรู้สึกของแก...แต่ถ้าร่องรอยเราถูกพวกมันพบ...แกกับฉันก็ไม่รอด...”
เสียงของพ่อเลี้ยงปางห้วยสักดังแผ่วเบา
แต่เครียดขรึมกระตุ้นสติของเด็กหนุ่มข้างกายที่กำลังร้อนเร่าไปด้วยเพลิง
แค้น ซึ่งคำพูดนั้นก็ช่วยทำให้อาการของป้างสงบลงไปได้ทันใด
เพราะตระหนักถึงความหวาดเสียวที่กำลังผจญอยู่ตรงหน้า
ความโหดเหี้ยมของพ่อเลี้ยงอดิศัยนั้นไม่เป็นที่คลางแคลงใจของเด็กหนุ่มเลย
พวกนั้นไม่ลังเลที่จะฆ่าเขากับพ่อเลี้ยงคมศรอย่างแน่นอนถ้าร่องรอยของพวกตน
ถูกค้นพบ
ป้างสูดลมหายใจลึกๆ
ก่อนจะว่า
“ครับ...ผมขอโทษพ่อเลี้ยงที่วู่วาม...แล้วเราจะทำอย่างไรกันดีครับ”
คมศรกวาดตาลงไปยังพื้นที่ข้างล่าง
เท่าที่เห็นพ่อเลี้ยงอดิศัยมีลูกน้องอยู่ด้วยสี่คนยังไม่รวมว่าจะมีใครซ่อน
อยู่ในกระท่อมอีก
กำลังของทางเขาน้อยกว่าจะหักหาญเข้าไปตรงๆ
แน่นอน ชายหนุ่มมีใบหน้าเครียดขรึม
ก่อนจะหันไปยังเด็กหนุ่มข้างกาย
“แกค่อยๆ
ถอนตัวกลับไป...ไปถึงปางแจ้งเรื่องให้กับนายธงชัย...ถ่ายทอดคำสั่งของฉัน...
ให้แจ้งไปยังสารวัตรอรุณถึงตำแหน่งกของกระท่อมนี้...และให้ตำรวจนำกำลังมา
เสริม...”
ป้างลดเสียงกระซิบกระซาบ
ดวงตาเบิกกว้าง
“แล้วพ่อเลี้ยงล่ะครับ...”
คมศรแยกเขี้ยวขาวแวววาวในความมืด
“ไม่ต้องห่วง...ฉันดูแลตัวเองได้...รีบไป”
“แต่..แต่..ผมจะกลับไปคนเดียวได้อย่างไรครับ...”
ป้างลังเลใจ
พ่อเลี้ยงปางห้วยสักตบบ่าเกร็งนั้น
กล่าวเบาๆ
“เชื่อคำของฉัน...ทางนี้ฉันยังต้องพึ่งพาการส่งข่าวของแก...รีบไปเถอะ...”
คำพูดของคมศร
ทำให้ดวงตาของเด็กหนุ่มมีประกายมุ่งมั่นขึ้นมาทันที
กล่าวเสียงหนักแน่น
“ผมจะรีบไปครับ...และจะแจ้งให้กับนายธงชัยพาตำรวจมาช่วยพ่อเลี้ยงให้เร็วที่สุด”
ชายหนุ่มผงกศีรษะให้
ทำสัญญาณมือเป็นคำสั่ง
ป้างก็ผงกศีรษะ
ดวงตาของเด็กหนุ่มสาดประกายเกรียมไปยังร่างของพ่อเลี้ยงอดิศัยกำลังเดินเข้า
ไปในกระท่อมอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ
ถอนตัวหายไปในความมืด
คมศรหันไปยังกระท่อม...ในใจนั้นหนักอึ้ง...อยู่ด้านนอกนี้เขาช่วยอะไรอรนุชไม่ได้เลย....
แต่ถ้าหักเข้าไปตรงๆ
ผลสุดท้ายทั้งเขาและเด็กสาวหัวดื้อนั้นก็คงไม่รอด....
...คมศรครุ่นคิดหนัก...อย่างหนึ่งอย่างเดียวที่ชายหนุ่มรู้แน่แก่ใจ...คือ...เขาไม่น่ามีเวลาพอให้สารวัตรอรุณนำกำลังมาสมทบแน่นอน
เขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง...แต่....ในเวลานั้นคมศรมืดแปดด้าน...เขายังไม่เห็นช่องทางใดๆ
เลย
คราวก่อนน้องสาวของอรนุช
ทำให้เขาตามไปช่วยเธอเอาไว้ได้ราวปาฏิหารย์
...คราวนี้...จะมีปาฏิหารย์ช่วยเขาอีกครั้งหรือไม่?
.......................
เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามา
และเสียงทักอย่างนอบน้อมจากคนที่ยืนเฝ้าอยู่ทำให้
อรนุชเบิกตากว้างจับจ้องไปยังร่างของคนที่เข้ามาใหม่
ชายหนุ่มที่อยู่ในวัยประมาณสามสิบกว่าปี
ใบหน้าสี่เหลี่ยมนั้นเกลี้ยงเกลาพอจะนับได้ว่าเป็นชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่ง
แต่ดวงตาภายใต้ขนตาหนานั้นมีประกายตาแห่งความเหี้ยมเกรียม
กำลังจับจ้องไปมายังเด็กสาวร่างบางที่นั่งชันเข่าอยู่ตรงมุมห้องอย่าง
พิจารณา
ก่อนที่ริมฝีปากนั้นจะแย้มยิ้มและระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ฮะ...สวยจริงๆ...ผู้หญิงของไอ้สิงห์”
ภายใต้ความกลัวที่เกาะกุมจิตใจ
และรู้สึกมืดมนกับอนาคตที่ตัวเองถูกจับตัวมาอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ
แต่คำพูดของอีกฝ่ายก็ยังทำให้ใบหน้างามของอรนุชร้อนขึ้นมา
ร่างเล็กบางนั้นผุดลุกขึ้นยืนอย่างถือดี
อารมณ์ที่พลุ่งขึ้นมานั้นกลบทับความหวาดกลัวในใจ
จนต้องร้องเสียงแหลม
ดวงตาลุกโพลงราวกับแมวที่กำลังโกรธจัด
“บ้า!!!..พูดอะไร...ฉันไม่ใช่ผู้หญิงของนายสิงห์นะ”
พ่อเลี้ยงอดิศัยแห่งปางเทพนิมิตรหัวเราะร่วน...กล่าวเสียงเคล้าหัวเราะ...สายตากวาดไปตามเรือนร่างของอรนุชอย่างหยาบช้า
“แปลกดีนี่...ปกติไอ้สิงห์มันเสน่ห์แรง...ใครโดนมันทิ่มแล้วมีแต่เก็บไป
โพนทะนาว่าเคยนอนกับไอ้สิงห์มาแล้วทั้งนั้น…เอ๊ะ...หรือว่าลีลาของไอ้สิงห์
ไม่ถูกใจเธอ...ฮ่ะฮ่ะ....ไม่เป็นไร...เดี๋ยวลองของฉันบ้าง...รับรองว่าใหญ่
สะใจเธอไม่แพ้ของไอ้สิงห์แน่นอน...ฮ่ะฮ่ะ”
ใบหน้างามของอรนุชแดงก่ำด้วยความรู้สึกหลายอย่างปนเปกัน
ทั้งโกรธ ทั้งแค้น ทั้งขยะแขยง
ต่อคำพูดนั้น
ร่างเล็กบางสั่นเทิ้ม...ปากงามนั้นระริกด้วยความรู้สึกพลุ่งพล่าน...เธอยก
นิ้วชี้ไปยังพ่อเลี้ยงอดิศัยอยู่หลายอึดใจ
กว่าที่จะเค้นคำพูดออกมาได้
“คุณ...คุณ...พูดอะไร...ทุเรส...น่ารังเกียจที่สุด...”
เสียงหัวเราะครืนใหญ่ดังจากปากของคนที่รายล้อมเธออยู่
พ่อเลี้ยงอดิศัยหันไปยังนายคำ
“เฮ้ย...มึงแน่ใจนะว่าเอามาไม่ผิดตัว...ไอ้คำ”
“ครับ...คนนี้แหล่ะครับ...ที่พ่อเลี้ยงสิงห์สั่งให้ทุกคนคอยดูแลเป็นพิเศษ”
พ่อเลี้ยงอดิศัยหันกลับมาพิจารณาเรือนร่างของอรนุชอย่างละเอียดอีกครั้ง
จนเด็กสาวรู้สึกหนาวจับจิต
จนต้องยกมือขึ้นกอดอกเอาไว้
และถอยตัวไปชิดกำแพง
พ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตรสืบเท้าเข้าไป
อรนุชปากคอสั่น เมื่อร้องเสียงแหลม
“อย่า..อย่า..เข้ามานะ.!!!..”
“หึ...คนสวย...ทำไมทำสะดิ้งอย่างนั้นแหล่ะ...เหมือนกับไม่เคย...อือม์...
หรือว่าเธอยังไม่ได้โดนไอ้สิงห์เปิดซิง..อ๋อ..ฉันรู้ล่ะ...ไอ้สิงห์มันถือ
ว่าตัวแน่...ไม่ต้องใช้กำลังบังคับใครก็ยอมนอนกับมันเอง...ดูท่ามันกำลัง
กล่อมเธออยู่ล่ะสิ...ฮ่ะฮ่ะ...สวย...อย่างนี้ก็ดี...มันคงแค้นพิลึกถ้าฉัน
ชิงตัดหน้าเชือดบริสุทธิ์เธอก่อนหน้ามัน...”
อรนุชใบหน้าซีดขาว
เมื่อเห็นอีกฝ่ายสืบเท้าเข้ามาอีก
ดวงตากลมโตนั้นสั่นสะท้าน
สมองของเธอใคร่ครวญหาทางช่วยเหลือตัวเอง
กล่าววิงวอน
“ฉันขอร้อง...ปล่อยฉันไปเถอะ...คุณกับนายสิงห์ขัดแย้งกันแล้วทำไมต้องมาลงที่ฉัน..ไม่ยุติธรรมเลย”
ใบหน้าของอดิศัยเปล่งประกายเหี้ยมขึ้นมาทันที
“แล้วทีมันแย่งผู้หญิงของฉันไป...ใครทวงความยุติธรรมให้ฉันบ้าง...”
ความโกรธแค้นที่สะสมเก็บกดอยู่ในใจมาเนิ่นนานทำให้พ่อเลี้ยงอดิศัยมีใบหน้า
ถมึงทึง ดวงตานั้นวาวโรจน์ราวกับมีไฟสุมอยู่
ตวาดสั่งสมุนที่รายล้อมอยู่
“พวกมึงขึ้นไปเฝ้าหน้ากระท่อม...กูเสร็จแล้วพวกมึงก็ค่อยเวียนกันเข้ามา”
ชายฉกรรจ์ทั้งหลายหัวเราะกระหึ่ม
ดวงตาที่ชั่วร้ายราวกับสัตว์ป่ามองไปยังอรนุชรอย่างหื่นกระหาย
ก่อนจะพากันเดินออกไปอย่างเบิกบานใจที่ในเวลาอันใกล้จะได้รับส่วนแบ่งลิ้ม
ลองเนื้อขาวๆ ที่ท่าทางจะหวานโอชะไปทั้งตัวนั้น
อดิศัยเดินสืบเท้าเข้าไปหาอรนุชที่มีใบหน้าซีดขาว
ดวงตาเบิกโพลง
เด็กสาวพยายามพูดเพื่อหาทางออกให้กับตัวเองเสียงสั่นสะท้าน...
“คุณ...คุณเข้าใจผิดแล้ว...ฉันกับนายสิงห์ไม่มีอะไรกัน...คุณทำร้ายฉันไปเขาก็ไม่สนใจอะไรหรอก...”
พ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตรแค่นหัวเราะ
ถอดเสื้อแจ๊กเกตหนังออกวางไว้บนโต๊ะที่ทำจากไม้ลวกๆ
ดวงตาของอรนุชพลันเบิกโพลงเมื่อมองเห็น
Glock 19
ที่ซ่อนอยู่ในปลอกสายรัดที่คาดไว้กับอกของชายหนุ่ม
ชายหนุ่มมองเห็นแววตาของอรนุชแล้วนึกว่าอีกฝ่ายหวาดกลัวปืนเหมือนกับผู้หญิงทั่วไป
ก็หัวเราะลั่น
“ไม่ต้องกลัว
ฉันไม่ใช้ปืนด้ามนี้กับเธอหรอก
คนสวยๆ อย่างเธอฉันมีปืนอีกประเภทให้เธอ...ฮ่าฮ่า”
อรนุชตัวสั่นไปกับคำพูดที่ชั่วช้าลามกนั้น
เม้มริมฝีปากงามของเธอ
กำหมัดแน่น ดวงตากลมโตนั้นสอดส่ายหาทางหนีทีไล่
พ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตรถอดสายรัดซองปืนที่คาดอก
และวางไปบนโต๊ะ
ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกทีละเม็ด
ดวงตาที่กวาดมองไปยังเด็กสาวเบื้องหน้านั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยเพลิงราคะและ
ความกระหาย
“คุณ..อย่าคิดทำอะไรบ้าๆ...กับฉันนะ...มันไม่คุ้มกันหรอก...ชื่อเสียงและ
ฐานะของคุณ...อย่ามาแลกกับการคิดสั้นๆ
แบบนี้เลย...คุณอาจจะได้ปลดปล่อยความใคร่กับฉัน...แต่ผลข้างหน้าคุณจะต้อง
เข้าคุก...สูญเสียทุกอย่าง...เชื่อฉันเถอะ...ถ้าคุณยอมปล่อยฉันไป...ฉัน
รับรองว่าจะไม่เอาเรื่องคุณ...ฉันสัญญา”
เด็กสาวพยายามเจรจาเพื่อหว่านล้อมอีกฝ่าย
เพราะดูแล้วคนเบื้องหน้าของเธอนั้นจะมากน้อยก็ต้องเป็นคนมีการศึกษา
รู้ว่าทำอะไรแล้วจะได้ผลอะไร
บางทีถ้าเธอพูดให้เขาได้สติ...เรื่องอาจจะยุติลงได้ด้วยดี
อดิศัยหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของเด็กสาวตรงหน้าจนตัวงอ
ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยในความเขลาของอรนุช
“ทำไม...ทำไมถ้าฉันจะเล่นสนุกกับเธอแล้วฉันต้องเข้าคุกด้วย”
“ก็..ฉันจะฟ้องตำรวจน่ะสิ...คุณเป็นคนมีชื่อเสียง...คุณจะหนีไปไหนได้”
อรนุชขู่เสียงแข็ง
อดิศัยส่ายหัวกล่าวเสียงเคล้าหัวเราะ
“ไม่อยากเชื่อ...ผู้หญิงที่ไอ้สิงห์จอมเจ้าเล่ห์หมายตามันจะโง่อย่างนี้...
ฮ่ะฮ่ะ..เธอคิดหรือว่าหลังจากฉันและพวกลูกน้องของฉันที่มันคงวนเวียนกับเธอ
หลายรอบจนเบื่อแล้ว
จะปล่อยให้เธอออกไปฟ้องตำรวจ...ฮ่ะฮ่ะ...”
ดวงตากลมโตของอรนุชเบิกโพลง
กล่าวเสียงสั่นๆ
“คุณ...คุณ...มัน...มัน...เลวทรามชั่วช้าเหลือเกิน...”
อดิศัยยิ้มเย้ย
ตอนนั้นชายหนุ่มถอดเสื้อออกไปแล้วจนแลเห็นร่างกายที่กำยำ
แผงอกที่มีขนรุงรัง
อรนุชรีบเบือนหน้าไปอีกด้านอย่างรังเกียจ
พ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตรหัวเราะก๊ากลั่น
“ฮะฮะ...ทีแรกฉันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งนะว่าเธอยังไม่เสร็จไอ้สิงห์...แต่
ตอนนี้ชักเชื่อแล้วล่ะว่าเธอมันยังไร้เดียงสาเหลือเกิน...ฮ่ะฮ่ะ...สาวน้อย
...ฉันเสียดายแทนความสาวและความสวยของเธอจริงๆ...คนสวยๆ
อย่างเธอหาคนมาเปรียบได้ยาก...แต่น่าเสียดายนะ...เอาเป็นว่าก่อนเธอจะกลาย
เป็นผีเฝ้าป่า...ฉันจะมอบความสุขให้เธอก่อนจนหนำใจเลยทีเดียว
ฮ่าฮ่า...”
สิ้นเสียงอันหยาบช้านั้น
ร่างของชายหนุ่มก็สืบเข้ามาหาเด็กสาวร่างบางที่ยืนหนีไปจนแนบผนังอย่างกระหายหิว
อรนุชคอยทีอยู่แล้ว
จากสภาพเซื่องๆ ไม่ต่างอะไรกับลูกแมวน้อย
กลายมาเป็นนางแมวป่า
ที่พลิกตัวหลบจากการจู่โจมของพ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตร
ก่อนจะประเคนแข้งที่เรียวสวยของเธอเข้าไปสีข้างของชายหนุ่มเต็มๆ
เสียง ผลัวะ ดังพร้อมๆ
กับเสียงคำรามอย่างเจ็บปวดของอดิศัย
ความจริงพ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตรไม่ถึงกับเป็นสวะไร้ฝีมือ
แต่เพราะคิดไม่ถึงจริงๆ
ว่าเด็กสาวร่างเล็กข้างหน้าจะมีฤทธิ์เดชปานนี้
และนายคำก็ไม่ได้ทันที่จะคิดถึงและเอ่ยอะไรเป็นคนเตือนว่าเหยื่อที่จับมาไม่
ใช่ลูกแกะน้อยที่รอคอยให้เชือดแต่อย่างเดียว
“อีห่ะ..ฤทธิ์มากนักนะ...”
พ่อเลี้ยงอดิศัยคำราม
ร่างกำยำสะเทือนไปกระแทกผนัง
อรนุชรู้สึกปวดแปล๊บๆ
ที่หน้าแข้งตัวเอง
รู้ดีว่าถึงตนเองจะมีฝีมือในการใช้ศิลปการต่อสู้
แต่ร่างกายของชายหนุ่มนั้นแข็งแรงเกินกว่าที่เธอจะโค่นเขาลงได้
อย่าว่าแต่พวกที่อยู่ข้างนอก
ถ้ากรูกันเข้ามาเธอก็หมดหวังที่จะเอาตัวรอดปลอดภัยออกไปได้อย่างแน่นอน
หางตาของเด็กสาวแว่บไปที่ปืน
ในใจนั้นสว่างวาบ
ร่างเปรียวของเธอผวาไปที่ซองปืน
อดิศัยที่เห็นอย่างนั้นก็ร้องออกมาด้วยโทสะ
โผตัวเองเข้ามาราวกับเสือดาวที่บาดเจ็บ
แต่ทว่าตอนนั้นมือบางงามที่ชายหนุ่มไม่มีทางรู้เลยว่าเป็นมือที่คุ้นเคยกับ
ด้ามปืนเพียงไรก็ได้คว้าไปที่ด้ามของ
Glock เอาไว้จนมั่นคงแล้ว
อรนุชกระชากปืนออกจากซอง
ก่อนหันเปิดปากกระบอกปืนนั้นชี้ไปยังอดิศัยที่ยืนชะงักตัวลงอย่างไม่เชื่อ
สายตาตัวเอง
อีห่ะ...ไวอย่างกับปรอท...แต่ว่าเสียใจว่ะ...ปืนกูยังไม่ขึ้นลำ...หน้าโง่ๆ
...อย่างนี้ไม่รู้หรอกว่าเหนี่ยวไกไปก็ยิงกระสุนไม่ออก...ฮ่ะฮ่ะ
แม้ว่าจะตื่นใจในทีท่าของเด็กสาวตรงหน้า
แต่ในใจยังคิดหยามเยาะ
ดวงตาของชายหนุ่มแสร้งทำเป็นหวาดกลัว
โบกไม้โบกมือลั่น
“อ๊ะๆ...อย่านะ...เดี๋ยวปืนลั่นออกมา”
อดิศัยพูดพลาง
ทำท่ากลัวๆ ขาสองข้างพอตั้งหลักได้
ก็ถีบเต็มกำลังพุ่งตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าถมึงทึงด้วยความเกรี้ยวกราด
อย่าให้จับได้นะ..มึง..กูจะทรมานให้ร้องวิงวอนไม่ขาดปากเลย
อรนุชยิ้มเย็น
กระชากลูกเลื่อนส่งลูกปืนเข้าสู่รังเพลิง
เบนปากกระบอกปืนเล็กน้อย
เสียงเปรี้ยงก็ดังสนั่นพร้อมๆ
กับดินที่อยู่ตรงหน้าของพ่อเลี้ยงอดิศัยนั้นฟุ้งกระจุย
ร่างกำยำของชายหนุ่มผวาถอยกลับไป
คราวนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลัวจริงๆ
เมื่อเห็นมือที่มั่นคงนั้นเลื่อนปากกระบอกปืนกลับมาตรงระดับหน้าอกเขา
เสียงปืนนั้นทำให้คนที่อยู่ด้านนอก
ต่างพากันฮือลงมา
อรนุชไม่รอช้ารีบปราดร่างเปรียวของเธอเข้าไปหาพ่อเลี้ยงอดิศัยที่ยืนตะลึง
อยู่
เด็กสาวหลบเข้าไปที่ด้านหลังของชายหนุ่มและกระชับปืนในมือแน่นจ่อไปที่กลาง
ลำตัวของอีกฝ่าย
ขณะที่นายคำกับพวกที่วิ่งกรูกันลงมานั้นยืนตะลึงลาน
อรนุชมองเห็นหลายคนที่ล้วงมือไปในหว่างเอวและเห็นด้ามปืนโผล่ออกมา
ก็ตวัดเสียงเข้มกับพวกของนายคำ
“พวกคุณ...หยิบปืนออกมาทิ้งไว้ตรงหน้าให้หมดเดี๋ยวนี้!!!..”
พ่อเลี้ยงอดิศัยทั้งโกรธ
ทั้งเสียหน้าต่อหน้าของลูกสมุน
ยืนใบหน้าเขียวคล้ำ...กัดฟันกรอดๆ
เด็กสาวร่างบางจึงกระทุ้งปากกระบอกปืนที่ยังร้อนฉ่าอยู่เข้าไปที่กลางแผ่น
หลังของชายหนุ่ม
สร้างความปวดแสบให้กับอดิศัยจนร้องลั่น
ก่อนจะแหกปากด่า
“ไอ้พวกสัตว์...ไม่ได้ยินเรอะ...ทำตามคำสั่งของมันเซ่....ยืนงงหาพ่อมึงเหรอ”
นายคำกับพวกเพิ่งได้สติ
ต่างคนต่างหยิบปืนพกที่มีซุกเอวกันอยู่ทุกคนโยนทิ้งกับพื้น
อรนุชพยักหน้า
ใจเต้นไปด้วยความหวัง...เธอมีทางหนีแล้ว....
“ถอยไปรวมกันตรงมุมห้องให้หมด...”
เด็กสาวสั่งการขณะที่ใช้ปืนกระตุ้นบอกให้อดิศัยเดิน
ขณะเดียวกันก็จับตาไปยังนายคำกับพวกต่างถอยกันไปยืนรวมกันตรงมุมห้องนั้น
อย่างระแวดระวังไม่ประมาท
“พ่อเลี้ยงเดินไปช้าๆ
นะ...เดินตรงไปที่ประตู”
อรนุชบอกที่ข้างหูของชายหนุ่ม
พออดิศัยเดินไปถึงบริเวณประตู
เด็กสาวก็สั่งให้เขาหันหลังกลับ
ส่วนตัวเธอเองเบี่ยงตัวตามไป
สายตาจ้องไปยังนายคำกับพวกไม่วางตา
ใช้มือข้างหนึ่งล๊อคไปที่คอของพ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตร
ให้เดินถอยหลังตามตัวเองออกมาอย่างช้าๆ
“ห้ามตามมานะ...ไม่งั้นฉันยิงพ่อเลี้ยงจริงๆ
ด้วย”
เด็กสาวตะโกนบอกกลุ่มของนายคำกับพวกที่คิดจะฮือตามมา
สะกดร่างของชายฉกรรจ์ทั้งหมดเอาไว้กับที่ไม่กล้าเคลื่อนไหว
ส่วนตัวเองก็เดินถอยหลังไปช้าๆ
พร้อมๆ กับดึงตัวของอดิศัยตามไปด้วย
เดินๆ
ถอยๆ กันไปตามทางแคบๆ
เด็กสาวก็แลเห็นประตูที่ทอดออกไปสู่พื้นที่ข้างนอก
ใจของอรนุชก็เต้นแรงด้วยความยินดี
ขณะที่พ่อเลี้ยงอดิศัยที่กัดฟันกรอดๆ
เดินถอยหลังตามมานั้น
นัยน์ตาของชายหนุ่มวาวโรจน์
เมื่อมองเห็นสมุนของตัวเองที่ยืนอออยู่นั้นหายไปคนหนึ่ง....ไอ้แสง...ไม่ได้
รวมอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย
ทันทีที่อรนุชดึงตัวของพ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตรหลุดพ้นปากประตูกระท่อมออกมา
หางตาของเธอก็แลเห็นร่างทมึนของใครคนหนึ่งพุ่งวาบเข้ามา
จนต้องใจหาย
หันไปก็พบชายฉกรรจ์หน้าถมึงทึงพรวดเข้ามา...เป็นนายแสงนั่นเอง...อีกฝ่าย
นั้นซ่อนตัวอยู่ข้างกระท่อม...ใกล้เหลือเกิน...ใกล้จนเกินกว่าเธอจะหลบ
ทัน...
โอวว...ไม่นะ...
อรนุชครางในใจอย่างโหยหวน
เปรี้ยง.....!!!!
ปรากฏเสียงปืนดังกึกก้องเป็นนัดที่สอง
.............................
ภาพของชายหนุ่มและเด็กสาวที่เดินเคียงกันไปนั้น
ตกเป็นเป้าสายตาของคนหลายหลากในบริเวณนั้น
ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาที่เดินยิ้มและหัวเราะไปกับสาวน้อยที่ตอบสนองด้วยรอย
ยิ้มอายๆ ไปตลอดทางนั้น
ต่างทิ้งให้ทุกคนที่เห็นต่างอดไม่ได้ต้องเหลียวหลังมองไปอย่างอิจฉา
“พี่มีความสุขจัง...น้องษารู้ไหมครับ...พี่ดีใจเหลือเกินที่วันนี้พี่เผอิญมาดูคอนเสิร์ต...เพราะมันทำให้พี่รู้จักกับน้องษา...”
เสียงนุ่มนวลที่ดังเข้ามากระทบโสตนั้น
ทำให้อรอุษาใจเต้นแรง
แก้มใสปรากฏสีระเรื่อ
และใบหน้าหวานนั้นยิ่งแดงจัดจนสดราวกับผลไม้ที่แสนสวยสุกงอมน่ากัดกินเหลือ
ประมาณ เมื่อเธอได้ยินเสียงรุกเร้าถาม
“แล้วน้องษาล่ะครับ...ดีใจไหมที่รู้จักกับพี่...”
อรอุษาก้มหน้าอย่างเดียวไม่ตอบคำถาม
ในใจเต้นระรัว
...ฮื้อ...ใครเขาจะไปตอบได้ล่ะ...น่าอายจะตายไป
ศักดาหัวเราะ
ไม่รุกเร้าอะไรมากไปกว่านั้น
ขณะที่เดินเคียงคู่เด็กสาวออกไปยังบริเวณที่จอดรถ
ท่ามกลางสายตาหลากหลายที่มองมาไม่ขาดระยะ
ซึ่งจิ้งจอกสวาทเดินยืดอกอย่างภาคภูมิใจที่รับรู้ว่าตกเป็นเป้าสายตา
ขณะที่เด็กสาวนั้นกลับทั้งรู้สึกประหม่าและอึดอัดอย่างที่สุด
แต่ชายหนุ่มคงไม่รู้สึกเช่นนั้นเป็นแน่
ถ้าเขาจะได้รับรู้ว่าท่ามกลางสายตาหลายหลากคู่นั้น
มีนัยน์ตาอันแวววาวของเสี่ยคิ้มที่ซุ่มซ่อนรวมอยู่ด้วย
ตอนนั้นใบหน้าสี่เหลี่ยมของเสี่ยนักค้าทองเต็มไปด้วยความตื่นเต้นหฤหรรษ์
ฮะฮะ...ในที่สุดฉันก็เจอแกจนได้...ไอ้ศักดา...
และความตื่นเต้นที่จะได้ล้างแค้นนั้นมันถูกบวกเพิ่มพูนความยินดีปรีดาเข้าไป
จนหลายเท่าตัว
เมื่อสายตาของเสี่ยนักค้าทองแลเห็นเด็กสาวแสนสวยนั้นถนัดตา
อูยยยยย...สวยยิ่งกว่าในรูปอีก....หน้าหวานจริงๆ...สวยใสไร้ที่ติ...ผิวขาว
ไปทั้งตัว....โอยยย...โชคดีชิบหายเลยกู.....ได้ฟาดทั้งคุณรสคนสวยและนังเด็ก
หน้าหวานนี่...ฮ่าฮ่าฮ่า...สุดยอดๆ...ถ้าได้นังเด็กนี่มาทำเมีย...กูจะไม่
ออกไปหาอีบ้านเล็กๆ คนไหนๆ
อีกเลย....ฮ่าฮ่า...
ศักดาที่ไม่รู้ตัวว่าถูกเสี่ยคิ้มตามอยู่ห่างๆ
พาอรอุษากลับไปขึ้นรถคันงามขับออกไปอย่างนุ่มนวล
โดยเด็กสาวนั่งเคียงข้างไปเงียบๆ
ตลอดทางที่กำลังวนออกจากชั้นจอดรถ
จนกระทั่งชายหนุ่มยิ้มละไม
ทำลายความเงียบด้วยการเอ่ยชวน
“ทำไมเงียบไปล่ะครับ...น้องษาอึดอัดใจอะไรกับตัวของพี่หรือเปล่า”
อรอุษารีบปฏิเสธ
ก่อนจะกล่าวเสียงแผ่วเบา
“ก็...ก็...พี่ศักมีอะไรก็ว่าไปสิคะ...”
“ดีใจจังครับ...ถ้าอย่างนั้นพี่ถือโอกาสนี้ขออะไรน้องษาได้หรือเปล่าครับ”
เด็กสาวหันหน้ามาถามอย่างสงสัย
“พี่ศักจะขออะไรษาคะ”
จิ้งจอกสวาทหันมาทำนัยน์ตาที่มัดใจหญิงสาวเพศตรงข้ามมานักต่อนัก
แล้วกล่าวเสียงนุ่มนวล
“ขอความเป็นเพื่อนที่ดี...เป็นพี่ชายที่ดีให้กับน้องษา...ได้หรือเปล่าครับ”
ใบหน้างามหวานนั้นแดงระเรื่อ
ดวงตากลมโตนั้นหลุบลงต่ำอย่างเขินอาย
ศักดารุกต่ออย่างชำนาญการ
“น้องษายังไม่ตอบพี่เลย....ว่าจะยินดีมอบสิ่งที่มีค่านี้ให้กับพี่หรือเปล่า”
อรอุษาก้มหน้าลงตอบเสียงที่เบาบางราวกับเสียงปีกกระพือของแมลงปอ
“ษายินดีค่ะ...”
“ชื่นใจพี่จัง....”
เสียงนุ่มนวลนั้นสะท้านเข้าไปในกลางใจของเด็กสาวผู้ไร้เดียงสา
ใบหน้างามหวานนั้นแดงระเรื่อด้วยอารมณ์ที่เอิบซ่านมาจากภายใน
“ถ้าเช่นนั้นพรุ่งนี้น้องษาว่างไหมครับ...ถ้าพี่จะชวนน้องษาไปเที่ยว...เรา
ไปเที่ยวทะเลกันดีไหมครับ...ไปกันหลายๆ
คนเลย...โทรไปชวนไอซ์ด้วย...พี่มารับตอนเช้า...แล้วกลับตอนเย็น...พี่รับรอง
ว่าจะมาส่งถึงบ้านไม่ดึกอย่างแน่นอน”
อรอุษาหน้าแดง
ดวงตาคู่งามนั้นเต็มไปด้วยความลังเลใจ
ชั่งใจ ระหว่างความไม่คุ้นเคยกับสิ่งที่รอคอยอยู่ตรงหน้า
กับประสบการณ์อันเอิบซ่านอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนนั้นมันราวกับเป็นตุ้ม
ถ่วงอยู่สองฟากข้างแห่งจิตใจของเธอ
ถ้าเธอตกลงรับปากไปกับเขา...ก็หมายถึงเธอตัดสินใจก้าวล่วงเข้าไปในดินแดนอีก
ฟากหนึ่ง...ด้านที่เธอไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปมาก่อนเลยตลอดชีวิต...แต่ในดิน
แดนอันแปลกตานั้น...มันช่างเต็มไปด้วยสีสรรอันสวยงามยวนใจให้ค้นหาสัมผัส
สำหรับเธอที่เพิ่งข้ามเข้ามารับรู้
ความจริงหลังจากผ่านช่วงเวลาที่เธอตกลงใจอยู่ดูหนังต่อกับอีกฝ่ายหลังจากที่
ฐิติพรรณขอแยกตัวไปก่อน
เด็กสาวก็ตัดสินใจได้ง่ายกว่าเดิมมากมายนักว่าเธอจะเลือกเดินทางไหน...
แต่การที่เธอการใช้เวลากับศักดาตามลำพังเช่นนี้...มันเป็นเหตุการณ์ที่เธอ
ไม่คาดคิดมาก่อน...และอรอุษายังให้เหตุผลกับตัวเองได้ว่าเธอจำต้องรักษา
น้ำใจของอีกฝ่ายเอาไว้
มันต่างกันมากกับการที่เธอจะตอบตกลงไปเที่ยวกับเขาตามคำชวน...โดยไม่ได้รับ
ความเห็นชอบจากพี่สาวทั้งสองคน...เรื่องนี้จะอย่างไรก็ตามเป็นสิ่งที่อรอุษา
ไม่กล้าทำอย่างเด็ดขาด...
“พี่อรกับพี่นุช...ไม่อยู่....ษา...ษา..ไม่สะดวกจริงๆ
ค่ะ...ถ้าพี่ทั้งสองไม่อนุญาต...พี่ศักเข้าใจษานะคะ”
เสียงของอรอุษาดังขึ้นแผ่วๆ
ดวงตากลมโตนั้นพยายามแสดงความรู้สึกให้เขาเห็นว่าเธอไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจเขา
...แต่เธอไม่สะดวกที่จะรับปาก
ซึ่งศักดากระหยิ่มยิ้มอย่างสมใจ.....
“พี่สาวสองคนของน้องษาไม่อยู่นี่ครับ...ถ้าพี่สาวทั้งสองของน้องษาอยู่บ้าน
...รับรองว่าคืนนี้พี่จะไปขออนุญาตพวกเขา...แต่นี่พี่จนใจเหลือเกิน”
เด็กสาวกัดริมฝีปากตัวเองอย่างชั่งใจ
ก่อนในที่สุดจะก้มหน้าลงกล่าวเสียงบางเบา
“พี่นุชจะกลับมะรืนนี้ค่ะ....”
จิ้งจอกสวาทปรายตามองมายังใบหน้าหวานของเด็กสาวที่ก้มลงนั้นกำลังเป็นสีชมพู
ระเรื่องามจับตา
ริมฝีปากก็ฉีกยิ้มอย่างอ่อนหวาน
กล่าวเสียงนุ่มซึ้ง
“ถ้าเช่นนั้นหมายความว่า...น้องษาไม่รังเกียจที่จะไปกับพี่...ถ้าพี่จะไปขออนุญาต...พี่นุชของน้องษาใช่ไหมครับ”
ใบหน้างามนั้นยิ่งแดงก่ำเข้าไปอีก
ตอบเบาๆ
“ถ้าพี่นุช..ไม่ว่า...ษา..ษา..ก็ยินดีค่ะ”
“โอ...ถ้าเช่นนั้นพี่จะรอคอยวันมะรืนนี้...ด้วยความยินดีและเต็มใจที่สุดเลยครับ”
ศักดาตอบอย่างรื่นเริง
ในใจนั้นพล่านไปด้วยความปิติยินดี
เพราะคำพูดนั้นมันเท่ากับว่าเด็กสาวเบื้องข้างนั้นไม่ปฏิเสธการเข้าหาของเขา
แล้ว...
ตอนนั้นจิ้งจอกสวาทยังหาหนทางเหมาะๆ
ไม่ลงตัวว่าจะลงมืออย่างไร
ในที่สุดก็ตกลงใจคืนนี้เขาจะปล่อยให้อรอุษารอดไปก่อนก็ได้...วันเวลาข้าง
หน้ายังมีเหลือเฟือให้เขาจัดการกับเหยื่ออันโอชะที่ซื่อบริสุทธิ์ไร้เดียงสา
นี้...
และการตัดสินใจที่ประหนึ่งเหมือนกับว่าให้เกียรติเด็กสาว
และแสดงความจริงใจที่เปิดเผยเข้าหาพี่สาวทั้งสองอันเปรียบเสมือนเป็นผู้
ปกครองของเธอ
ก็ยิ่งทำให้ภาพของศักดานั้นดูดีในสายตาของอรอุษา...
เด็กสาวนั่งหน้าแดงใจเต้นระทึก
พยายามทบทวนกับตัวเอง
...มันน่าเกลียดไปไหม...เราเพิ่งรู้จักเขาวันนี้เองนะ...
แต่...มันคงไม่ได้เสียหายอะไรหรอกน่า...พี่ศักเป็นคนดี...อีกอย่างเราก็ไปกันหลายคน...พี่ไอซ์ก็ไปด้วยนี่นา...ไม่น่าเกลียดหรอก...
ในที่สุดเด็กสาวก็ให้คำตอบกับตัวเอง
เพราะในใจดวงน้อยที่ซื่อบริสุทธิ์นั้นมันโน้มเอียงไปในทางที่เชื่อมั่นว่า
...ชายหนุ่มเป็นคนดีจริงๆ...ดีเหมือนพี่เทพกับพี่ธนาที่เธอรู้จัก...
ใยสวาทที่ศักดาชักขึ้นล่อหลอกให้เหยื่อของเขาบินเข้ามาติดกับราวกับใยแมงมุม
นั้นมันทำงานอย่างได้ผลเสมอมา...เหยื่อสวาทที่ผ่านมาหลายต่อหลายคนมีบ้างก็
เป็นสาวเจนประสบการณ์แต่ก็ยังไม่วายหลงไปกับภาพที่ศักดาปั้นแต่ง
หลงไปกับคำพูดและคารมอันอ่อนหวานที่ราวกับใยแมงมุมที่สำรอกออกมาพันเหยื่อ
อย่าว่าแต่กับอรอุษาที่อ่อนเยาว์ไร้เดียงสากับกามโลกีย์นั้น
มีสภาพไม่ต่างอะไรกับผีเสื้อตัวน้อยที่บินพลัดเข้าไปติดอยู่ในบ่วงใยของ
แมงมุมร้าย ใยสวาทที่ค่อยๆ
พ่นออกมาจากแมงมุมโฉดอย่างศักดานั้นม้วนรัดรึงเข้าไปในจิตใจอันซื่อ
บริสุทธิ์ของเด็กสาวจนเธอถลำลึกลงไปเรื่อยๆ
อย่างไม่รู้ตัว
วาจาอันอ่อนหวานรื่นหู
ที่ประดังออกมาอย่างยอกย้อน
และเต็มไปด้วยเสน่ห์ของศักดา
จึงค่อยๆ ทำให้อรอุษาที่นั่งเคียงข้างเขา
ยิ้มแย้มหัวเราะออกมาอย่างอ่อนหวาน
เมื่อรอคอยให้เหยื่อชิ้นงามคลายความตื่นเกร็ง
และค่อยๆ เปิดใจให้กับเขา
วาจาอันอ่อนหวานก็ไต่ระดับขึ้นไปอย่างช้าๆ
ทีละขั้นๆ อย่างใจเย็น...ไม่ผลีผลาม
อรอุษานั่งตัวเกร็ง
ใจเต้นกระดอนอยู่ในอก
ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความประหม่าอาย
เมื่อหัวข้อของคำพูดเริ่มค่อยๆ
เปลี่ยนจากเรื่องชีวิตความเป็นไปโดยปกติของตัวเธอ
เข้ามาสู่การแสดงออกมาอย่างไม่ปิดบังว่าชายหนุ่มด้านข้างนั้นพึงใจ
และหลงใหลในรูปลักษณ์ของเธอ
“น้องษาครับ...คงไม่ดูถูกน้ำใจพี่ศักคนนี้นะครับ...ว่าใจง่ายเหลือเกิน...”
ใบหน้าของอรอุษาแดงฉาน
ปากงามกล่าวเสียงที่แผ่วเบาราวกระซิบ
“ษา...ษา...เอ่อ..ไม่..ไม่ค่ะ..แต่..เรา...เราเพิ่งรู้จักกันเองนะคะ...พี่ศัก...อาจ...อาจจะไม่รู้จักษาดีนัก”
“ความรู้สึกของพี่มันแน่ชัด...อย่างที่พี่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน...น้องษา...ขอ
เพียงน้องษาไม่รังเกียจน้ำใจของพี่...แค่นี้พี่ก็ดีใจแล้ว...เวลาข้างหน้า
...พี่ขอพิสูจน์ว่าความรู้สึกของพี่...ไม่ใช่ความรู้สึกชั่วแล่น...”
เสียงนุ่มนวลนั้นกล่าวลึกซึ้งนั้นราวกับใบหอกที่ทะลวงเข้าสู่กลางใจอัน
บริสุทธิ์ผุดผ่องของอรอุษา
จนเด็กสาวสะเทิ้นไปทั้งร่าง
ความเอิบซ่านนั้นแผ่ขยายผลิบานในใจของเธออย่างงดงาม...น่าหลงใหล..และใคร่
สัมผัสเสียเหลือเกิน...
ณ
ถึงตอนนี้แม้วาจานั้นจะเลี้ยวลดเข้ามาเชยชมในความน่ารัก
งดงามของเด็กสาว
วาจาที่เป็นเชิงเกี้ยวพาของชายหนุ่มที่กระทำต่อหญิงสาว
ก็ไม่ได้ทำให้อรอุษารู้สึกว่าเป็นคำพูดที่เขารุกเร้ามาจนน่าอึดอัดต่อย่างใด
เพราะความเอิบซ่านที่มันพองฟูอยู่ในใจนั้นมันงดงามนัก...ปฏิกิริยาเดียวที่
เด็กสาวมีต่อคำชมอันเปี่ยมด้วยเชิงชาย...ก็คือรอยยิ้มที่อ่อนหวาน...ขวยเขิน
...ประหม่าแต่ถ่ายเดียว...
“โธ่...พี่ศักคะ...อย่าพูดแบบนั้นอีกเลยค่ะ..”
“ทำไมครับ...น้องษาไม่ชอบหรือครับ”
เสียงจิ้งจอกสวาททุ้มนุ่มนวล
ขณะที่อรอุษาหน้าแดง
“ษา...เอ่อ...ษา...เอ่อ...ก็..ก็...ฮื้อออ...ไม่เอา...ค่ะ..ไม่พูดก็ไม่พูด...”
ปากงามแม้จะทำเสียงขึงขังต่อว่าไม่ให้เขาพูดต่อ...แต่เวลานั้นดวงตากลมโตคู่งามกลับเต็มไปด้วยประกายหวาน
ในใจของเธอรู้สึกตรงกันข้ามกับคำตัดพ้อนั้น...อยากฟังคำพูดที่นุ่มนวลนั้น
อย่างไม่รู้เบื่อ...ซึ่งอาการนั้นปิดไม่มิดกับจิ้งจอกสวาทที่เจนเวที
ซึ่งซ่อนยิ้มอันหื่นกระหายเอาไว้อย่างแนบเนียน
ฮ่ะฮ่ะ...ง่ายชิบหาย...ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากอีก...นังเด็กนี่แม่งไก่
อ่อนสุดๆ
เลยว่ะ...ฮะฮะ...ถ้าไม่ติดว่าฉันต้องการเคลมสวาทพี่สาวคนสวยของเธอ...รับรอง
ว่าคืนนี้จะสอนให้เธอรู้จักว่าความรักของศักดาน่ะมันเร่าร้อนขนาดไหน...สาว
น้อย...ฮ่าฮ่าฮ่า
ศักดากระหยิ่มยิ้มอยู่ในใจ
มีความมั่นใจว่าอรอุษาไม่พ้นมือเขาแน่นอน
จะช้าหรือเร็วเท่านั้น
ตอนนี้แค่ขอรอเวลาเหมาะๆ
ก็เพียงพอแล้ว....
รถคันงามของศักดาวิ่งฉิวไปตามท้องถนน
โดยมีรถตู้สีดำที่มีชายฉกรรจ์ร่างผอมชื่อตี๋เป็นคนขับ
ตามไปอย่างกระชั้นชิด
ซึ่งในท้องถนนที่มีรถราวิ่งขวักไขว่
และในยามค่ำคืนเช่นนี้
การติดตามไปของรถตู้สีดำนั้น
ไม่ได้สะกิดใจศักดาที่ขับรถตามหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว
....................
ณ
มุมหนึ่งในบริเวณ
คอฟฟี่ช๊อปภายในโรงแรมปางคำซึ่งเป็นโรงแรมชั้นหนึ่งที่เป็นสถานที่พักของคณะ
กองประกวดมิสยูนิเวอร์ซิตี้
กรองกนกกำลังนั่งหน้าซีดอยู่ท่ามกลางอารมณ์อันกราดเกรี้ยวที่แสดงออกมาจากใบ
หน้าที่บูดบึ้งเร่าร้อนของชายหนุ่มตรงหน้า
“อะไรกัน!!!...ทำไมคุณแต๋วถึงเป็นผู้ใหญ่ที่ใช้ไม่ได้ขนาดนี้...ดูแลน้องนุช
กันยังไงถึงปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาได้...แล้วเรื่องสำคัญอย่าง
นี้จะปิดเป็นความลับได้ยังไงกัน..?....ไม่รู้เอาสมองส่วนไหนคิด!!!!...”
เสียงของธนานั้นทั้งกร้าวทั้งดุดัน
วาจานั้นเล่าก็แสบสันต์อย่างไม่มีการไว้หน้าใดๆ
อันเนื่องมาจากอารมณ์ที่พล่านดาลเดือดอยู่ภายในอกนั้นมันต้องการการระบายออก
มา
ไม่อย่างนั้นชายหนุ่มก็คงจะแทบคลั่งใจตายไปเพราะความอัดอั้นตันใจนั้น
นับตั้งแต่เขาได้รับทราบจากปากของอีกฝ่ายว่าอรนุชนั้นหายตัวไป
จากความรู้สึกยินดีที่มีมาตลอดเวลาในการขับรถมาจากกรุงเทพฯ
กว่าหกเจ็ดชั่วโมงนั้นมลายเปลี่ยนเป็นความรู้สึกเร่าร้อน
วิตกกังวล หงุดหงิน งุ่นง่าน
โกรธแค้น ทุกอย่างที่ประดังขึ้นมานั้น
ชายหนุ่มระบายลงไปกับน้ำเสียงที่พูดกับพี่แต๋วอย่างไม่ไว้หน้า
แต่ในเวลานั้นกรองกนกไม่ได้มีความคิดจะไม่พอใจ
หรือเอะอะโวยวายกับคำพูดของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
เพราะความละเหี่ยใจ
ความเป็นห่วงในตัวของอรนุชนั้นมันมีมากมายจนเหลือประมาณ
เธอยินดีที่จะได้รับฟังคำพูดแดกดันที่เจ็บแสบกว่านั้นอีกเป็นร้อยเท่าก็ได้
ถ้ามันจะแลกมาซึ่งการกลับมาอย่างปลอดภัยของเด็กสาวที่เธอรักเอ็นดูเหมือนลูก
หลานคนนั้น...
กรองกนกตอบเสียงซังกะตาย
“ดิฉันก็พยายามตัดสินใจอย่างรอบคอบแล้วนะคะ...คุณธนา...พ่อเลี้ยงคมศรเขาพูดถูก...เรื่องอื้อฉาวออกไปคนที่เสียหายก็คือน้องนุช...”
ดวงตาของธนาแปรเปลี่ยนไปทันที
เมื่อได้ยินคำพูดนั้นของกรองกนก
หวนนึกถึงเด็กสาวแสนสวยถูกคนร้ายจับไปอย่างนั้น...ความคิดในแง่ร้าย..ความ
คิดในเชิงลบ..ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตัวโหวงเหวง
ใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือด
นี่ถ้าน้องนุช...น้องนุช...ถูก.....โอ้ยย...จะบ้าตายอยู่แล้ววว....
ชายหนุ่มแทบคลั่งกับมโนภาพที่ผุดขึ้นมาในใจ
ร่างกายสั่นเทิ้มออกมาทันที
จนเขาไม่กล้าคิดต่อ
ต้องยกมือขึ้นกุมไปที่ศีรษะอย่างเจ็บปวด
นั่งห่อไหล่อย่างหมดเรี่ยวหมดแรง
กรองกนกมองไปยังชายหนุ่มเบื้องหน้า
แล้วถามว่า
“ตอนนี้คุณธนารู้แล้ว...มีความเห็นว่าอะไรบ้างล่ะคะ...เราจะไปแจ้งตำรวจไหม”
ความคิดที่พล่านขึ้นมากระทันหันนั้นราวกับค้อนหนักๆ
ที่ทุบไปที่ท้ายทอย
ทำให้ธนามึนงงไปหมด คิดอะไรไม่ออก
ไม่มีปัญญาแม้จะเอ่ยปากพูดเสียดสีกระทบกระแทกอะไรกับกรองกนกด้วยซ้ำไป
ใบหน้าหล่อเหลานั้นได้แต่ส่ายไปมาช้าๆ...โธ่...น้องนุช...ไม่ควร...ไม่ควรเลย....
ในเวลานั้นธนานั่งกุมหัว
ซึมเซาราวกับคนไร้สติ
ไร้วิญญาณ หรือความคิดอ่านใดๆ
อีกต่อไป กรองกนกเสียอีก
ที่ยังคุมสติได้ดีกว่า
พอเห็นธนาก็นึกถึงพี่ชายของอีกฝ่ายที่เป็นพี่เขยของอรนุชขึ้นมาได้
อย่างน้อยชายหนุ่มคนนั้นก็เป็นเสมือนญาติผู้ใหญ่คนเดียวที่เด็กสาวมี
เพราะพี่สาวนั้นไม่อยู่ไปต่างประเทศแล้ว
“ลองโทรไปหารือคุณปานเทพดีไหมคะ…คุณธนา”
คำพูดของสตรีผู้สูงวัยกว่าทำให้ชายหนุ่มได้คิด
รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายไปทันที
.............................
ปานเทพกำลังนั่งกุมหัวอยู่ตรงโต๊ะทำงานภายในห้องส่วนตัวของตนเองที่บ้านของ
เขา ชายหนุ่มกำลังรู้สึกสับสน
วุ่นวายใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้จนหัวหมุนไปหมด
บนโต๊ะทำงานมีขวดบรั่นดี
และแก้วบางใสในมือที่เขาเพิ่งกระดกน้ำสีอำพันนั้นรวดเดียวเข้าปากหมดแก้ว
เรื่องมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร?
เขาจำได้เพียงว่ากำลังนั่งคุยกับคันธรสเรื่องเกี่ยวกับข้อเสนอทางปาร์มบี
ชเสนอมา จากนั้นก็รู้สึกมึนๆ
แล้วทุกอย่างก็มืดมนไป
พอมารับรู้อีกครั้งก็อยู่ในสภาพนั้นกับหญิงสาว....
ใบหน้าหล่อเหลาของปานเทพซีดเผือด
และชายหนุ่มนั้นมีสภาพเช่นนี้มาตลอด
นับแต่กระเซอะกระเซิงหนีออกมาจากห้องนอนหลังนั้นตั้งแต่ตอนช่วงเย็นแล้ว
เขากลับไปที่รถขับกลับบ้านโดยทันที
และหมกตัวอยู่ในห้องจนถึงเวลานี้...
ทุกอย่างทำไมกลับกลายไปในสภาพนั้นได้
ชายหนุ่มคิดอย่างหนัก
ก็แน่ใจว่ามันมีได้แค่คำตอบเดียว....
...เรื่องนี้ต้องเป็นแผนร้ายของคนพวกนั้นที่ล่อเขาไปติดกับแน่นอน
...คันธรสคงต้องการแก้แค้นเขา...ขณะที่เสี่ยทองคงมีวัตถุประสงค์ซ่อนเร้นเกี่ยวกับเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้
ปานเทพยกมือขยี้ผมตัวเองอย่างร้อนใจ
ก่อนจะรินเหล้าลงแก้วแล้วกระดกเข้าปากรวดเดียวอีกครั้งด้วยใจที่ว้าวุ่น
ไม่เป็นไร...ใจเย็นๆ
ชายหนุ่มพยายามสะบัดหน้าแรงๆ
สูดลมหายใจลึกๆ เรียกคืนสติกลับมาทบทวน
พร้อมกับปลอบใจตัวเอง
...ยังดีที่เขายับยั้งชั่งใจไม่ให้เผลอตัวไปมากกว่านั้น...เขาไม่ได้ทำอะไร
ที่ผิดพลาดเกินกว่าจะแก้ไข...ใช่...เขาไม่ต้องกลัวอะไร...เพราะเขาไม่ได้ทำ
อะไรผิด...
ปานเทพย้ำกับตัวเอง
....ไม่เป็นไร...เรายังไม่ได้ทำผิด...ไม่เป็นไร...ใจเย็นๆ
แต่ไม่ว่าชายหนุ่มจะเวียนพูดกับตัวเองกี่รอบ
ความหนักอึ้งในใจของเขาก็ยังไม่คลายตัวลงไปแต่อย่างใด
ทำให้ปานเทพต้องเทบรั่นดี
รินลงแก้วยกขึ้นดื่มอย่างอัดอั้นตันใจอย่างต่อเนื่อง...
ในเวลานั้น...เสียงโทรศัพท์มือถือพลันดังขึ้นกังวาน...จนปานเทพสะดุ้งขึ้น
สุดตัว ใบหน้าซีดเผือด
เมื่อความกลัวนั้นวาบลึกเข้ามาว่าจะเป็นเบอร์ของเสี่ยทอง...
แต่พอเห็นเป็นเบอร์ของน้องชาย
ปานเทพก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก
พยายามระงับจิตระงับใจที่พลุ่งพล่านก่อนที่จะเปิดเครื่องรับสาย
ความโล่งอกนั้นเกิดขึ้นแค่ชั่วแว่บ....เพราะความอัดอั้นตันใจนั้นยิ่งเพิ่ม
พูนความหนักหน่วงขึ้นไปอีกหลายเท่าทวีคูณ
เมื่อเขาได้รับทราบข่าวร้ายจากปากของน้องชายที่โทรมาจากลำปาง
ใบหน้าของปานเทพซีดขาว
ดวงตานั้นเต็มไปด้วยตระหนกตกใจกับเรื่องราวที่เพิ่งได้รับรู้
“พี่เทพ...เราจะทำอย่างไรกันดีครับ...ผมจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว...”
เสียงของน้องชายดังมา
ปานเทพกุมหัวอย่างมึนงง...นี่มันวันอะไร...ทำไมมันมีเรื่องประดังเข้ามาจนถึงขนาดนี้?
จะอย่างไรชายหนุ่มก็เป็นคนที่มีประสบการณ์ชีวิต
และฝึกฝนที่จะใช้สติรับมือกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาไม่ใช่น้อย
ทำให้เขาพยายามสงบใจ
ครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะกล่าวตอบไปว่า
“ใจเย็นๆ...ก่อนแล้วกัน...แกอยู่ทางนั้นคอยติดตามข่าวกับทางคนของปางก็แล้วกันว่าเขาได้ข่าวของยายนุชแล้วหรือยัง”
“ดีเหมือนกันครับ...ถ้าอย่างนั้น..เดี๋ยวผมจะไปรอที่ปางเลยดีกว่า..”
ธนาพูดด้วยน้ำเสียงที่จับต้นชนปลายขึ้นได้บ้าง
เพราะพอมีทิศทางให้เขารู้ว่าต้องทำอะไรต่อไป
ไม่ใช่มืดมัวเคว้งคว้างไม่รู้เหนือรู้ใต้เหมือนกับเมื่อครู่นี้
“ก็ดี...แกไปสืบทางนั้น...ส่วนทางนี้เดี๋ยวพี่จะหาทางดูว่าจะทำอะไรได้บ้าง”
ปานเทพพูดจบ
สมองที่วิ่งพล่านอย่างสับสน
ทั้งเรื่องตัวเอง
และเรื่องใหม่ที่ประดังเข้ามาราวกับน้ำป่าทะลัก
ทำให้ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ใหญ่...ก่อนที่จะตัดสินใจโทรไปหาภรรยาของ
เขา
มือถือเครื่องนั้น
ณ บัดนี้กำลังถูกปิดเครื่องเนื่องจากเจ้าของกำลังอยู่บนเครื่องบิน
และอรชาไม่ได้แจ้งให้ใครที่เมืองไทยรู้เลยว่ากำลังจะกลับไป
ทำให้ปานเทพร้อนใจหนัก
ทำไมอรปิดเครื่อง?
ท่ามกลางความวุ่นวายใจสับสนต่อเรื่องราวที่ประดังประเดเข้ามา
ชายหนุ่มจ่อมจมอยู่ในสภาพนั้นอีกครู่ใหญ่
จนในที่สุดปานเทพก็ตัดสินใจผุดลุกขึ้น
เมื่ออรชาไม่อยู่
เขามีหน้าที่ต้องดูแลน้องสาวของเธอให้ดีที่สุด
ตอนนี้เรื่องของอรนุชสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด...
ชายหนุ่มเช็คเวลา
ตอนนี้เที่ยวบินสุดท้ายไปลำปาง
และเชียงใหม่นั้นผ่านไปแล้ว
เขาได้แต่ตัดสินใจขับรถมุ่งหน้าไปยังลำปางในค่ำคืนนั้นโดยทันที
....................
เสี่ยทองนอนก่ายกอดร่างเปลือยของคันธรสอย่างอิ่มเอมใจ
ตอนนี้ไม่มีเสี่ยคิ้มมาคอยแบ่งเวลา
เสี่ยร่างอ้วนยิ่งใช้เวลาอย่างเต็มที่ในการละเลียดร่างงามของหญิงสาว
ความสุขที่ตักตวงได้อย่างอย่างเมามันโดยไม่ต้องพะวงกับเสี่ยคิ้มทำให้เสี่ย
อ้วนไม่สนใจว่าทำไมอีกฝ่ายจึงผละจากไปแต่กลางคัน
แต่ก็เข้าใจว่าคงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญไม่น้อย
เพราะไม่เช่นนั้นเสี่ยค้าทองนั่นต้องไม่ทิ้งเนื้อชิ้นงามที่นอนระทวยเสนอ
สนองพวกเขาทุกท่าอย่างนั้นเป็นแน่
เสี่ยอ้วนที่นอนอยู่ข้างๆ
หญิงสาวที่สลบไสลไม่ได้สติ
เพราะเหน็ดเหนื่อยเกินกว่าจะรองรับอารมณ์ดิบของเสี่ยทองที่มีมาแบบไม่มีหยุด
ตั้งแต่ช่วงเย็น
มือข้างหนึ่งของเสี่ยอ้วนไม่ห่างจากการขยำไปตามก้อนเนื้ออวบที่สองเต้านั้น
ส่วนอีกข้างกำลังยกหูโทรศัพท์คุยกับเสี่ยโฉด
“เป็นไงบ้างล่ะ...เสี่ยทอง...ผมบอกแล้วใช่ไหมว่ามันคุ้มค่ากับจำนวนหุ้นแค่สิบเปอร์เซ็นต์ที่เสี่ยให้ผม”
เสี่ยเซี้ยงส่งเสียงดังกระหยิ่ม
ขณะที่เสี่ยอ้วนแม้กำลังเบิกบานใจแทบตาย
และกำลังก่ายกอดร่างงามบาดตาของคันธรสอยู่
ก็อดเสียดายหุ้นที่ตัวเองต้องเสียไปไม่ได้
ทำปากขมุบขมิบด่าอีกฝ่ายอย่างสาดเสียเทเสีย
ก่อนจะทำเป็นหัวเราะแล้วว่า
“ก็ดี...ผมโทรมาขอตัวคุณรสให้ค้างคืนกับผมที่นี่นะ...”
เสียงเสี่ยโฉดหัวเราะก๊ากดังแว่วมา
ก่อนจะบอกว่า
“ได้ซี้...เรามันเพื่อนกัน...แค่นี้จะเป็นไรไปล่ะ...ฮ่าฮ่า”
เสี่ยทองหัวเราะกระหายหื่นผสมโรงไปด้วย
ก่อนจะตัดบท
“แค่นี้แหล่ะนะ....เสี่ยเซี้ยง”
เสี่ยอ้วนโยนโทรศัพท์ทิ้งไป
ก่อนจะคว่ำตัวทาบทับไปยังแผ่นหลังขาวเนียนของคันธรสที่นอนคว่ำเหยียดยาวอยู่
บนเตียง ใบหน้าอวบอูมนั้นเต็มไปด้วยความกระหายหิว
ไม่สนใจว่าหญิงสาวจะหลับหรือฟื้น
ขณะที่ละเลงใบหน้าเฟ้นฟอนจูบไปตามแผ่นหลัง
มือก็อ้อมเข้าไปขยำสองเต้างามของคันธรสที่เบียดอยู่กับเตียง
เสียงหัวเราะดังกระเส่าห้อง..อูยยยย...นุ่มนิ่ม...เต็มมือจริงๆ...คนสวย...
ขยำกี่ครั้งก็มันส์ทุกครั้ง...ฮ่ะฮ่ะ
สองขาของเสี่ยอ้วนกระแซะเข้าไประหว่างเรียวขาของคันธรสที่นอนคว่ำอยู่
และแบะขาสองข้างของหญิงสาวให้ถ่างออกมา
ก่อนจะใช้หมอนใบใหญ่หนุนไปที่หน้าท้องของเธอทำให้โพรงสวาทที่กลวงอ้าฉ่ำแฉะ
ไปด้วยน้ำเมือกลอยแหงนเพริดขึ้นมารอรับการกระเด้าเย็ด
“อูยยยย..คนสวย...แคมหีของคุณมันร่านระริกๆ
อ้อนควยผมอีกแล้วนะ”
เสี่ยอ้วนกล่าวเสียงครื้นเครง
ก่อนจะกดหัวถอกของตนเองบดเบียดโพรงสวาทของคันธรสเข้าไปอย่างเมามัน....
อีกด้านหนึ่งเสี่ยเซี้ยงที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน
เมื่อวางหูโทรศัพท์ลง
มือก็กดเมาส์คลิกไปยังไอคอนที่เขาซ่อนอยู่
รอประเดี๋ยวหนึ่งคลิปวีดีโอที่แสดงภาพของปานเทพนอนเปลือยอยู่กับคันธรสก็
แสดงขึ้นมาจนเต็มจอ
ใบหน้าของเสี่ยใหญ่แสยะยิ้มอย่างชั่วโฉด
หัวเราะฮ่าฮ่า
“ไอ้ปานเทพหน้าโง่...เวลาของแกมันหมดลงแล้วว่ะ...ฮ่าฮ่า...กูขอรับช่วงเมียคนสวยของแกต่อเองนะ..ฮ่าฮ่า”
มือหยาบของเสี่ยเซี้ยง
คลิกๆ ต่อไปก็เปิดโฟลเดอร์ที่เขาดาวน์โหลดภาพในอิริยาบทต่างๆ
ของสาวสวยที่เป็นดาวเด่นในวงสังคมมาเก็บไว้จนเต็มไปหมด
เมื่อภาพที่ช่างภาพเก็บอิริยาบทใบหน้าหวานสวยของของอรชาที่กำลังหันหน้าไป
มองทางด้านซ้ายมือ
จังหวะนั้นดูเหมือนกำลังมีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เธอแปลกใจ
และดีใจระคนกัน
ใบหน้าสวยเปี่ยมเสน่ห์จับตาจับใจนั้นจึงแฝงไปด้วยรอยยิ้มอันรัดรึง
ริมฝีปากที่เคลือบสีชมพูอ่อนนั้นเยื้อนแย้มจนแลเห็นฟันที่ได้รูปขาวราวกับ
สายไข่มุก ดวงตากลมโตที่เบิกน้อยๆ
เต็มไปด้วยประกายวาววับราวกับดวงดาวอันเจิดจรัส...
เสี่ยโฉดคลิกไปที่ภาพดึงขึ้นจนเต็มจอ
จากนั้นนิ้วหยาบๆ
ของเสี่ยเซี้ยงก็จิ้มไปตรงบริเวณริมฝีปากที่ได้รูปงามราวกับกลีบกุหลาบสีสด
นั้น แสยะยิ้มอย่างกระหายหื่น
กล่าวเสียงเคล้าหัวเราะอย่างชั่วช้าลามก
“.ปากนุ่มๆ
ของเธอ...จะต้องอ้าออกอมควยของเสี่ยเซี้ยงคนนี้แน่...แม่อรชาคนสวย....ฮ่าฮ่าฮ่า....”
...................
สิ้นเสียงปืนที่ดังกึกก้องคับป่าเป็นนัดที่สองนั้น
ร่างทมึนของนายแสงที่กำลังพุ่งเข้าจู่โจมอรนุชก็ผงะเหมือนกับถูกมือไร้
สภาพกระชาก ร่างกำยำนั้นแผดร้องราวกับสุกรถูกเชือด
ล้มลงนอนดิ้นพราดๆ
กลิ่นคาวเลือดโชยตลบอบอวล
ท่ามกลางเสียงคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด
อรนุชที่ใจหายวาบ
ก็แลเห็นร่างสูงใหญ่ของคนที่เธอนึกถึงอยู่แทบจะตลอดทุกลมหายใจตอนที่ถูกขัง
อยู่ ใบหน้างามนั้นเบิกตากว้างอย่างยินดีสุดประมาณ
ริมฝีปากสั่นระริกเมื่อโพล่งออกไป
“นาย...นายสิงห์!!!”
คมศรที่พรวดเข้ามาราวกับสิงห์ร้ายสมชื่อ
ดวงตาสีเหล็กนั้นทอแววร้อนรุ่ม
ปากร้องตะโกน
“ระวัง!!”
ด้วยความยินดีที่แทรกขึ้นมาจนทำให้ร่างเล็กบางนั้นสั่นระริก
ความตื่นตัวตึงเครียดที่เฝ้าระวังไม่ให้ตัวเองประมาทนั้น
ราวกับลูกหนังที่อัดอั้น
พอมีรูรั่วเล็กน้อย
ลมก็พรั่งพรูออกมา
จนทำให้ตอนนั้นมือของเด็กสาวสั่นไม่มั่นคงในการกุมตัวชายหนุ่มที่แข็งแรง
กำยำอย่างอดิศัยเหมือนเดิม
ซึ่งตัวของพ่อเลี้ยงคู่อริร่วมแดงทั้งคู่นั้นก็รับรู้ได้แทบในเวลาพร้อมๆ
กัน
ยังไม่ทันสิ้นเสียงของคมศร
พ่อเลี้ยงปางเทพนิมิตรก็สะบัดตัวเต็มแรง
ร่างพุ่งวาบกลิ้งกลับเข้าไปในกระท่อม
ขณะที่เงาร่างทมึนสับสนของนายคำกับพวกกำลังกรูกันออกมาจากห้อง
“ฆ่ามัน!!!..ไอ้เหี้ยสิงห์...ฆ่ามันให้กู!!!....ฆ่าอีห่านั่นด้วย”
เสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดดังมาจากภายในกระท่อม
ขณะที่อรนุชกำลังยืนงงๆ
ที่ตัวประกันหลุดรอดจากการเกาะกุมของตัวเธอไปได้
ร่างสูงใหญ่ของคมศรก็พรวดเข้ามารวบไปที่เอวของเธอ
กลิ้งร่างม้วนหลุนๆ
ไปจากตำแหน่งนั้นโดยพลัน
ปัง
ปัง ปัง!!!
เสียงปืนดังสนั่น
เด็กสาวร่างบางที่กลิ้งไปนั้นรับทราบถึงแรงฝ่าอากาศของกระสุน
9 มม.
ที่วิ่งวิ้งๆๆ
ผ่านตัวของเธอไปอย่างใจหายวาบ....ถ้าเธอยังยืนอยู่เมื่อครู่ก็คงต้องกระสุน
ปืนกลุ่มนั้นไปแล้ว...
ร่างของอรนุชที่นอนหงายไปกับพื้น
ถูกฉุดให้ลุกขึ้น เด็กสาวผวาจะไปเก็บ
Glock
ด้ามสีดำทมึนที่เมื่อครู่แรงกระแทกจากคมศรทำให้ปืนนั้นหลุดกระเด็นจากมือของ
เธอไป
แต่พ่อเลี้ยงปางห้วยสักฉุดไปที่ข้อมือเล็กนั้น...พวกเขาไม่มีเวลาแล้ว...
“ไป...”
เสียงคำรามของคมศรพร้อมกับแรงฉุดกระชาก
ร่างเล็กบางของอรนุชก็ปลิวหวือตามตัวของร่างสูงใหญ่นั้นไปราวกับกองนุ่น
ฉับพลันนั้นหางตาของเด็กสาวแลเห็นกลุ่มคนที่ทมึนออกมาจากกระท่อมพร้อมๆ
กับอาการใจหายวาบอรนุชรีบวิ่งตามคมศรไปอย่างสุดฝีเท้าโดยทันที
เสียงปืนดังแหวกความมืดดังติดต่อถี่ยิบ
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง...
คมศรที่ฉุดร่างเล็กบางวิ่งเตลิดขึ้นไปทางยอดดอยที่เป็นราวป่าที่หนาทึบ
ได้แต่หวังอาศัยความมืดกำบังตัวและแนวไม้
หรือถ้าจะมี....โชคชะตา...ช่วยให้เขาและอรนุชรอดพ้นจากการไล่ล่าจากอดิศัย
กับพวก
เสียงลูกกระสุนนั้นที่ระดมเข้ามานั้น
แลกมาซึ่งเสียงเปรี้ยะๆๆ
ที่ดังอยู่รอบตัว เปลือกไม้แตกกระจุย
อรนุชที่วิ่งไปยกมือขึ้นกุมศีรษะอย่างหวาดหวั่นไปนั้นใจเต้นกระดอนราวกับจะ
ทะลุออกมาจากอก....พวกนั้นตั้งใจจะฆ่าเธอกับนายสิงห์จริงๆ...
ความรักตัวกลัวตายอันมีอยู่ในกลมสันดานของมนุษย์ทุกรูปนาม
ทำให้อรนุชนั้นราวกับมีพลังแฝงที่ถูกขุดขึ้นมาใช้อย่างไม่มีความเหน็ดเนื่อย
เท้าเล็กๆ
ที่วิ่งเต็มที่ติดตามร่างสูงใหญ่นั้นฝ่าทะลุเข้าไปในป่าที่รกเรื้อ
สูงขึ้นไปเรื่อยๆ
ผ่านเนินและหลุมลาดไปกี่เนินแล้วก็จำไม่ได้
เสียงเอะอะโวยวายที่เบื้องหลังก็ยังตามมาไม่ลดละ
เสียงของคนกลุ่มนั้นราวกับเสียงของฝูงหมาป่าที่กำลังรุมไล่ล่าเหยื่อ
สำเนียงนั้นมันช่างกัดกร่อนในจิตใจความรู้สึกของอรนุชอย่างเหลือประมาณ
เธอผู้ซึ่งเติบโตมาท่ามกลางครอบครัวที่อบอุ่น..ความรักของพ่อแม่พี่น้องที่
มีให้อย่างล้นเหลือ...และสังคมเพื่อนฝูงที่น่ารัก...เธอผู้ที่ไม่เคยประสบ
พบพานกับเรื่องอันเลวร้ายในสังคมอันทรามอย่างเช่นนี้มาก่อนเลย...สิ่งที่
เกิดขึ้นตรงหน้ามันช่างบีบเค้นจิตใจของอรนุชจนแทบจะทนต่อไปไม่ไหว...ถ้าไม่
ใช่มีความอบอุ่นสายหนึ่งถ่ายทอดมาจากมือหนาที่กุมอยู่ตรงข้อมือของเธออย่าง
แนบแน่นนั้นเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตใจที่กำลังหวาดหวั่นพรั่นพรึง
เธอไม่รู้ว่ากำลังจะไปที่ไหน
แต่ตอนนี้อรนุชรู้อยู่อย่างเดียวว่าเธอขอมอบชีวิตของเธอไว้ให้กับอุ้งมือ
อุ่นๆ หนาหนักที่กำลังกุมไปที่ข้อมือของเธอแนบแน่นนี้
ไม่ว่าเขาจะดึงตัวเธอไปที่ไหน...เธอก็พร้อมที่จะไปกับเขา!!!
...........................
ฐิติพรรณที่กำลังนั่งละเลียดจิบเบียร์สดในลานเบียร์ของศูนย์การค้าชื่อดัง
แห่งหนึ่ง
ใบหน้างามบาดตาของเด็กสาวที่ตกเป็นเป้าสายตาของคนบริเวณนั้นแปรเปลี่ยนจาก
เมื่อแรกเริ่มที่เธอเข้ามาดื่มฉลองความสำเร็จ
เป็นเคร่งเครียด
ดวงตาคู่งามเป็นประกายวาว
เมื่อเธอได้รับสายจากเสี่ยคิ้ม
เป็นไปไม่ได้...สันดานอย่างไอ้แมงดานั่นมีหรือจะไม่จัดการนังเด็กหน้าหวานนั้น...ไม่จริง...ฉันไม่เชื่อ
“น้องไอซ์...จะเอายังไง...พวกผมขับรถตามมันมาตั้งนานแล้วนะ...ไม่เห็นมีวี่แววว่าไอ้ศักดาจะแวะที่ไหนเลย”
เสี่ยของเสี่ยนักค้าทองดังมาจากอีกด้าน
ฐิติพรรณสอบถามเส้นทางรถที่กำลังวิ่งอยู่
พอได้คำตอบดวงตาของพริตตี้สาวก็ทอประกายขุ่นแค้น
ไม่ต้องสงสัยอะไรอีก....เพราะเส้นทางนั้นเธอชำนาญดีเพราะใช้เป็นเส้นทางส่งอรอุษากลับบ้านมาแล้วหลายรอบ
ใบหน้างามของฐิติพรรณบึ้งตึง
ผิดคาด....แผนการยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว
ที่เธอรู้สึกชื่นชอบและหลงใหลไปกับความอิ่มเอมกับความสำเร็จเมื่อยามที่เธอ
บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่คิดนั้น...เธอเคยทำสำเร็จเมื่อคราวที่หลอกรุจิราไป
ให้แกงค์เด็กนรกรุมโทรม...แผนนั้นสำเร็จอย่างงามทั้งช่วยตัวเองได้และลงโทษ
ต่อนังลูกเจ๊กนั่นอย่างแสบสันต์....คราวนี้ขณะที่เธอกำลังกระหยิ่มว่าแผน
กำลังจะสำเร็จ...ทั้งได้ทำลายอรอุษาน้องสาวของอรนุชที่เธอเกลียดจับใจ...และ
ยังได้แก้แค้นไอ้แมงดานั่นด้วย...แต่ตอนนี้...มันดูท่าจะไม่ได้เป็นไปตาม
แผนที่เธอคิดเอาไว้แล้ว...
ไม่ยอม...ฉันไม่ยอมให้แกหลุดมือฉันไปหรอก...ไอ้แมงดา...นังเด็กหน้าโง่นั่นด้วย...
พริตตี้สาวครุ่นคิดด้วยเพลิงไฟแห่งความแค้นที่สุมอก
สมองครุ่นคิดแผนการเฉพาะหน้าอย่างเร่งด่วน
“ถ้าอย่างนั้นเสี่ยก็ต้องลงมือแล้วล่ะค่ะ...เพราะนายศักดามันกำลังไปส่งนังเด็กนั่นที่บ้านแล้ว”
“โอว...ตายล่ะ...แล้วทำไงดีล่ะครับ...”
เสี่ยคิ้มอุทานออกมาอย่างร้อนใจ
เพราะความกระสันซ่านที่มันพอกพูนอยู่ในอารมณ์นั้นใกล้จะระเบิดมาเต็มที
เพราะยิ่งคิดว่าจะได้เคลมสวาทเด็กสาวที่สวยขนาดนั้นเท่าไร
เพลิงกระสันที่อยู่ในอกมันก็รุมขึ้นไปเป็นเท่าทวีคูณทุกเมื่อ
ดวงตาของฐิติพรรณทอประกายร้อนแรง
เมื่อคิดอะไรออกได้
เธอหวนนึกไปถึงแผนการที่ไอ้สวะชิดมันเตรียมไว้จัดการอรนุช...ซึ่งก็เกือบจะ
สำเร็จอยู่แล้วทีเดียว...ถ้านังน้องสาวหน้าโง่ไม่เสือกทำเก่งมาขวาง...
ปากงามของฐิติพรรณจึงประดับไปด้วยรอยยิ้ม
ขณะที่ถ่ายทอดแผนการออกไปอย่างร่าเริง
เสียงใส
เสียงรับคำ
อือๆๆๆ ดังมาจากเสี่ยคิ้ม
ก่อนที่พริตตี้สาวจะได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นจากเสี่ยนักค้าทอง
“เยี่ยมครับ...น้องไอซ์...ไม่ต้องห่วง...คราวนี้สำเร็จแน่นอน...แค่นี้นะครับ”
ทางปลายสายตัดไป
ฐิติพรรณยิ้มอย่างเยียบเย็น
ยกแก้วเบียร์สีทองอำพันขึ้นจรดริมฝีปากจิบไปพลางกระหยิ่มใจพลาง....ดวงตาคู่งามวาวโรจน์
...............
คมศรที่วิ่งฉุดอรนุชขึ้นเขาไปเรื่อยๆ
ก็รู้สึกใจหาย เพราะทางบริเวณนั้นเริ่มแคบลง
และทางที่วนขึ้นไปนั้นเริ่มเข้าสู่ภูมิประเทศที่หวาดเสียวขึ้น
เพราะอีกฟากหนึ่งนั้นคือทางที่ลาดชันลงไป
ในความมืดนั้นไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่าจะไปส่วนใดของเทือกเขาที่กว้างใหญ่
นี้
เสียงฝีเท้าและเสียงร้องตะโกนไล่หลังมาใกล้เข้าทุกทีๆ
เพราเท้าเล็กๆ ของอรนุชนั้นเริ่มเปะปะ
และไร้เรี่ยวแรงปะติดปะต่อแล้ว...คมศรหันมามองใบหน้าเล็กๆ
นั้นที่ซีดขาวไร้สีเลือด
และทรวงอกที่สะท้อนขึ้นลงหายใจหอบถี่ราวกับจะขาดใจได้ทุกขณะ...ดวงตาสีเหล็ก
นั้นส่อประกายหนักอึ้ง...จะอย่างไรอรนุชก็เป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่ง...ต่อให้
เก่งแค่ไหน...สรีระร่างกายก็สู้ชายฉกรรจ์เต็มวัยเช่นเขา
หรือไอ้พวกอดิศัยไม่ได้...เท่าที่วิ่งหนีมาจนถึงนาทีก็ไม่น่าเชื่ออยู่แล้ว
ว่าจะทำได้...
ทันใดนั้นเอง
ร่างเล็กบางของอรนุชก็สะดุดเข้ากับขอนไม้ที่ตกอยู่
เด็กสาวกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดระคนตระหนกใจ
ร่างซุนซวนเซเข่าอ่อน
ดีที่ข้อมือของเธอถูกคมศรยึดแน่นอยู่
ชายหนุ่มจึงดึงตัวของเธอเอาไว้ไม่ให้ล้มกลิ้งไปกับพื้น
แต่พอจะวิ่งต่ออรนุชก็กัดฟันแน่น
ครางออกมาอย่างเจ็บปวด
ใบหน้างามนั้นบิดเบี้ยว...อาการแปร๊บๆ
ที่เกิดขึ้นตรงข้อเท้า
ทำให้ร่างเล็กบางนั้นกระตุกเขยกไปตามแรงดึงของคมศร
พ่อเลี้ยงปางห้วยสักหันมาแลเห็นอย่างนั้นก็สบถอย่างหัวเสีย
อรนุชน้ำตาคลอ กล่าวเสียงเครือสะท้าน
“คุณหนีไปเถอะ...อย่าเอาตัวฉันไปเป็นตัวถ่วงเลย...ฉันวิ่งต่อไม่ไหวแล้ว”
คมศรหน้าเกรียม
ตวาดเสียงกระด้าง
“คุณจะให้ผมหนีไปแล้วทิ้งคุณไว้กับพวกนั้นเรอะ....อย่าถูกฆ่าข่มขืนหมกป่านี่หรือไง?!!!”
น้ำตาของอรนุชไหลออกมาอย่างเจ็บปวดใจ...กล่าวเสียงสั่นสะท้าน
“ขอ..ขอปืนคุณให้ฉัน...ฉันจะยิงตัวเองให้ตายก่อน..”
“หยุดพูดเหลวไหลซะทีเถอะ!!!...”
พ่อเลี้ยงป่าห้วยสักส่งเสียงเครียด
ตอนนั้นเสียงฝีเท้าไล่ล่านั้นใกล้เข้ามาทุกขณะ
จนเขาแลเห็นคนกลุ่มนั้นไกลๆ
พร้อมๆ กับเสียงปืนดังกึกก้อง
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง
ดินที่ข้างตัวพวกเขาทั้งสองกระจุยฟุ้ง
คมศรสบถออกมาอย่างหงุดหงิดใจ
ดึงร่างเล็กบางของอรนุชให้หมอบลงกับพื้น
คืบคลานเข้าไปซ่อนตัวใกล้ๆ
กับพุ่งไม้กอหนึ่ง
ก่อนจะกระชากปืนออกจากซองที่ข้างตัวยิงสวนกลับไป
เปรี้ยง...เปรี้ยง...เสียงเอะอะโวยวาย
พร้อมๆ กับร่างทมึนของคนกลุ่มนั้นหลบวูบวาบไปตามแนวไม้
กระสุนสองนัดนั้น...ชายหนุ่มไม่ได้หวังผลอะไรมากไปกว่าเป็นการซื้อเวลาให้เขาใคร่ครวญหาทางออกในสถานการณ์ฉุกเฉินตึงเครียดนี้
เงาร่างวอบแวบที่เขาเห็น
สมุนของพ่อเลี้ยงอดิศรค่อยๆ
คืบคลานหลบเข้ามาตามแนวป่า
คมศรพลันตัดสินใจ
..อยู่ที่นี่ก็ตาย...ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่า
ดังนั้นมือหนาของเขาคว้าไปที่ข้อมือของอรนุช
แล้วดึงร่างของเธอเข้ามากอดเอาไว้
เด็กสาวดิ้นรนอย่างตกใจ
ร่างเล็กบางอุ่นละเอียดที่ราวกับจะละลายเข้าไปในหน้าอกที่กว้างกำยำของอีก
ฝ่ายนั้น....ทำให้ใจดวงน้อยๆ
นั้นเต้นระทึก
“คุณ...คุณจะทำอะไร!!!?”
ลมหายใจอุ่นๆ
ของคมศรราดรดไปที่ผิวแก้มบางใสของอรนุช
ทำเอาร่างเล็กบางนั้นระทวยปวกเปียกราวกับต้องมนต์สะกด
เด็กสาวครางออกมา..อื้ออ...ใจสั่น...ขณะที่ริมฝีปากที่เข้ามาเคลียตรงใบหู
นั้นกระซิบเบาๆ
“เราจะกระโดดลงไปตามไหล่ผา
คุณพยายามเก็บศีรษะเอาไว้กับตัวของผมนะ..”
อรนุชเบิกตาโต...หน้าแดงอยู่ในความมืด...ผ่อนลมหายใจออกมา...ก่อนจะกล่าวเสียงสั่นๆ
“แล้วเราจะลงไปยังไงคะ...”
“เสี่ยงเถอะ...อยู่นี่ก็คงไม่รอดแน่...คุณเตรียมพร้อมนะ...”
คมศรจ้องไปยังดวงตากลมโตที่เงยขึ้นจับจ้องตัวเขาแน่วนิ่ง
ก่อนที่อรนุชจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเชื่อมั่น
“ค่ะ..ฉันเชื่อคุณ”
พ่อเลี้ยงปางห้วยสักผงกศีรษะนิดหนึ่ง
ประคองตัวอรนุชเคลื่อนวาบออกจากที่ซ่อน
พยายามใช้ร่างใหญ่กำยำของเขาม้วนเก็บร่างเล็กบางนั้นเอาไว้ให้มากที่สุด
เสียงเอะอะโวยวายดังขรม
พร้อมๆ
กับเสียงปืนระเบิดดังเปรี้ยงปร้างกึกก้องไปทั้งราวป่า
เศษดิน
เศษหญ้า รวมทั้งเปลือกไม้ในบริเวณพื้นที่นั้นแตกกระจุย
ขณะที่ร่างกำยำที่รัดร่างเล็กนั้นกลิ้งม้วนหลุดไถลลงไปตามไหล่ลาดของเชิงเขา
จมหายเข้าไปในความมืดมิด
นายคำกับพวกที่วิ่งฮือกันเข้ามาในที่สุดก็ต้องหยุดชะงักลง
ไม่มีใครหาญกล้าพุ่งตัวตามลงไปแม้แต่คนเดียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น