ยังไม่ทันที่ปุกติ้งจะขยับตัว ยาขจัดพิษก็ออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว เช็งเซียนจื้อพลันรู้สึกตัวขึ้น ดวงตาเปลี่ยนจากเคลิบเคลิ้มเลอะเลือนเป็นสดใสปานน้ำค้างกลางหาว แต่พอเห็นบรรดานักพรตโฉดชั่วยืนกันเต็มห้อง บางคนเปลือยท่อนล่างเห็นลำควยขนาดต่างๆกัน สภาพของตัวเองก็เปลือยเปล่าทั้งตัว !เช็งเซียนจื้อกรีดร้อง กระโดดลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้นตกใจ รีบเกร็งพลังกลับรู้สึกว่าไม่สามารถรวบรวมลมปราณได้ ใจหายวาบ แต่ด้วยสัญชาตญาณทำให้พยายามวิ่งหนีออกจากห้อง....
............................................................. .
ฉางผงกงจู้ในชุดขาว ปกเสื้อปักรูปหงส์คู่สีฟ้า นั่งดูหนังสืออยู่ข้างโต๊ะกลางห้องนอนของพระขนิษฐา
นางกำนัลเฟยจินเอ๋อยืนปรนนิบัติอยุ่ด้านข้าง สีหน้าอดปรากฏแววร้อนรุ่มกระวนกระวายมิได้
พลันเห็นม่านมุกเลิกวูบ เจาเหยินกงจู้เดินเข้ามาโดยมีแนเสี่ยวเชี่ยนตามติดอยู่ด้านหลัง
เฟยจินเอ๋อรีบสะอึกเข้าหา คิดกล่าวกระไร เจาเหยินกงจู้ชิงบอกใบ้ห้ามปรามไว้ เดินถึงเบื้องหน้าฉางผิงกงจู้ กล่าวอย่างยิ้มแย้ม
“พี่ท่าน ไฉนมาเยือนอย่างกะทันหัน”
ฉางผิงกงจู้เงยหน้าจากหนังสือ กล่าวว่า
“เนื่องเพราะปฎิบัติการของเจ้าวันก่อน เป็นที่ห่วงใยกังวลของเรา”
“ผู้น้องเพียงคิดช่วยหยั่งตื้นลึกหนาบางของเฉาฮั่วฉุนให้กับท่าน”
ฉางผิงกงจู้ยีดกายขึ้นช้าๆ กล่าวเสียงราบเรียบ
“อย่างนั้นเรายังต้องขอบใจเจ้าแล้ว”
“นั่นกลับไม่ต้อง เพียงแต่ภายหน้าพวกท่านควรอนุญาตผู้น้องเข้าร่วมปฏิบัติการด้วย”
“น้องเรา เราที่ไม่บอกเจ้าเพราะไม่ต้องการให้เจ้าเสี่ยงอันตราย”
เจาเหยินกงจู้กระแทกนั่งลงบนเก้าอี้ กล่าวอย่างดื้อดึง
“เพียงจัดการกับเฉาฮั่วฉุน มีอันใดเสี่ยงอันตราย”
“เจ้ายังกล่าวอีก ครั้งนี้เจ้าชิงลงมือ ก่อกวนทำลายแผนการของเรา ทั้งแทบถูกเฉาฮั่วฉุนคร่ากุมไป เจ้าหากเป็นอะไรไป เรากับพระบิดาจะทำอย่างไร”
เจาเหยินกงจู้รีบกุมมืออ่อนนุ่มของผู้เป็ยเจ้เจ๊ไว้ กล่าวว่า
“พี่ท่าน ผู้น้องจะไม่หุนหันพลันแล่นอีก”
“น้องเรา ตอนที่พวกเจ้าอยู่ในห้วงคับขัน ใช่ปรากฏยอดฝีมือเข้าช่วยเหลือหรือไม่”
“ถูกแล้ว หนึ่งคือกระบี่ดอกท้อเหวียนยั่วเฟยอีกผู้หนึ่งคือแม่ชีเทพยดาเช็งเซียนจื้อ”
ฉางผิงกงจู้ซักถามว่า
“ตอนนี้อยู่ที่ใด”
เจาเหยินกงจู้หน้าแดงซ่านกล่าวเบาๆว่า
“เหวียนยั่วเฟยอยู่ที่ตึกหอมหวน ส่วนแม่ชีเทพยดาผู้น้องไม่ทราบ”
ฉางผิงกงจู้ผงกศีรษะช้าๆ ดวงตาทอประกายวูบ
............................................................. .
ภายในหอห้องเขตตึกหอมหวน อบอวลด้วยบรรยากาศชวนวาบหวาม เหวียนยั่วเฟยร่ำสุราชมดูระบำรำฟ้อนคลอเคลียกับเอี๋ยนอู๋ซวง และเหล่านางคณิกา ที่ห่างไปยังนั่งด้วยนักดนตรีตาบอดผู้หนึ่ง
ตึกหอมหวนเป็นซ่องคณิกาชั้นสูง สตรีทุกนวลนางมีรูปโฉมงดงาม จัดเจนวิชาระบำรำฟ้อน เพียงขายเสียงไม่ขายตัว
เหวียนยั่วเฟยกับเอี๋ยนอู๋ซวงคลอเคลียกันอยู่หลังโต๊ะเตี้ย ยกจอกดื่มสุราโบกพัดจับด้วยท่าทีงามสง่า มองดูนางระบำห้านางกรีดกรายรำอยู่ตรงหน้า
นางระบำทั้งห้า หนึ่งโบกพัดขนนกสีชมพู หมุนตัวร่ายรำอย่างอ่อนช้อยงดงาม อีกสี่นางถือถาดดอกไม้ประดิษฐ์ กรีดกรายวนเวียนอยู่รอบข้าง จนผู้คนตาละลานพร่าพราย
เหวียนยั่วเฟยชมดูจนปรบมือ ร้องชมเชยว่า
“วิเศษแท้ นับเป็นการเริงรำอันอ่อนช้อย ชั่วชีวิตยากที่จะพบพาน”
นางรำบำที่โบกพัดขนนกสีชมพูพอฟังย่อกายคารวะอย่างชดช้อย กล่าวว่า
“กงจื้อชมเชยเกินไป”
เหวียนยั่วเฟยไม่ทันกล่าว พลันได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ แม่เล้าตึกหอมหวนมือขวากุมต้นแขนซ้าย วิ่งกระหืดหระหอบเข้ามา กล่าวว่า
“เหวียนกงจู้ เบื้องนอกมีโกวเนี้ยดุร้ายรุดมาสองนอง บอกว่าต้องการพบท่าน แต่กงจื้อสั่งว่าไม่รับแขก เราจึงออกปากปฎิเสธ มิคาดพวกนางกลับทุบตีแขนของเราข้างนี้แทบหักไป”
เหวียนยั่วเฟยเลิกคิ้วอันเรียวงามกล่าวว่า
“เป็นผู้ใดดุร้ายปานนี้”
“เป็นพวกเรา”
สุ้มเสียงสดใสสองเสียงดังพร้อมเพรียง หน้าประตูเพิ่มดรุณีสาวสองนาง กลับเป็นแนเสี่ยวเชี่ยนและเฟยจินเอ๋อ
เหวียนยั่วเฟยจดจำออกว่า พวกนางเป็นนางกำนัลคนสนิทของเจาเหยินกงจู้ ดังนั้นยิ้มออกมากล่าวว่า
“ที่แท้เป็นโกวเนี้ยทั้งสอง เราเข้าใจว่าติดค้างหนี้รักของผู้ใดเสียอีก”
เฟยจินเอ๋อกล่าวอย่างขุ่นเคือง
“ท่านอย่าได้กล่าวเหลวไหล องค์หญิงพวกเราทั้งสองขอเชิญท่านเข้าวังไปหารือเรื่องราว”
“ขออภัย เราไม่มีเวลา”
“ไม่ได้ องค์หญิงเมื่อสั่งมา ท่านต้องไปให้จงได้”
เหวียนยั่วเฟยกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
“องค์หญิงพวกท่านทั้งสองดุร้ายปานนี้?”
“อย่าได้พร่ำไร้สาระ ท่านที่แท้จะไปหรือไม่?”เหวียนยั่วเฟยส่ายหน้าช้าๆ กล่าวว่า
“ไม่ไป”
แนเสี่ยวเชียนร้องว่า
“อย่างนั้นอย่าได้โทษว่าพวกเราเสียมารยาทแล้ว
เสียงดังร่างถึง สะอึกถึงเบื้องหน้าเหวียนยั่วเฟยยื่นมือตะปบใส่หัวไหล่อีกฝ่ายหนึ่ง
เหวียนยั่วเฟยยังนั่งแน่วนิ่ง เพียงยกพัดจีบในมือจี้วูบ ก็จี้ใส่จุดชาของนาง แนเสียวเชียนหมุนขวับไปตามแรงจึ้ จากนั้นยืนแข็งทื่อกับที่
เฟยจินเอ๋อชมดูจนหน้าแปรเปลี่ยนไป สะอึกเข้ามาสมทบ ฟาดฝ่ามือใส่เหวียนยั่วเฟยอย่างหักโหม
เหวียนยั่วเฟยตวัดพัดจีบปิดสกัดสภาวะฝ่ามือของนาง จากนั้นจี้พัดออก ก็จี้สกัดจุดชาของเฟยจินเอ๋อ เฟยจินเอ๋อก็หมุนกลับไป ยืนแข็งทื่ออีกผู้หนึ่ง
เหวียนยั่วเฟยยีดกายขึ้นช้าๆ พอดีอยู่หว่างกลางของแนเสี่ยวเชี่ยนทั้งสอง กล่าวกับแม่เล้าตึกหอมหวนว่า
“โกวเนี้ยทั้งสองทำร้ายแขนท่าน จะลงโทษนางอย่างไรดี”
แม่เล้าไม่ทันตอบ คณิการ่างอ้อนแอ้นผู้หนึ่งพลันยิ้มอย่างซุกซนพูดว่า
“โกวเนี้ยทั้งสองงดงามน่ารัก มิสู้ถอดกางเกงพวกนางออกมาชมดูว่าถ้ำหยกของพวกนางจะสวยงามแค่ไหน”
เหล่านางคณิการับคำกันเซ็งแซ่ เหวี่ยนยั่วเฟยยังไม่ทันตอบคำ พวกนางก็ฮือกันเข้าหา มือกระตุกสายรัดเอววูบ ทำให้กางเกงของทั้งคู่ร่วงลงไปกองกับเท้า เหวียนยั่วเฟยรีบหันหลังให้ จำเดิมตั้งใจจะขัดขวางแต่นึกถึงนางถือดีในอำนาจทำร้ายคนอย่างไม่มีเหตุผลสมควรได้รับการสั่งสอนแล้ว
เหล่าคณิกาแค้นใจแทนแม่เล้า จึงพากันลูบคลำโคกหีของทั้งคู่ แล้วแกล้งกล่าวลวนลามกันอย่างสนุกสนาน
“โอ้โฮ ถ้ำหยกของโกวเนี้ยทั้งคู่ช่างงดงามเหลือเกิน”
“พี่โบตั๋น ท่านว่าของคนไหนสวยกว่ากัน”
“ยากจะบอก แต่ของโกวเนี้ยท่านนี้ดกดำอวบอูมดีแท้”
“เจ้าว่าพวกนางเคยผ่านมือชายมาก่อนหรือไม่”
“ให้เราลองสำรวจดูก็รู้”
เสียงหัวเราะคิกคักดังลั่นห้อง คณิกาบ้างก็ลูบคลำเนินเนื้ออวบอูม บ้างก็ยัดนิ้วเข้าไป แนเสี่ยวเชี่ยนทั้งสองเพียงถูกจี้สกัดจุดชา ไม่สามารถขยับเคลื่อนไหว แต่ยังมีสติแจ่มใส รับรู้เหตุการณ์ทั้งมวล ล้วนร้อนรุ่มขุ่นแค้นแทบสิ้นสติไป
เอี๋ยนอู๋ซวงพลันกล่าวกับนักดนตรีตาบอดว่า
“เรานึกออกแล้ว ให้นักดนตรีร้องเพลงสิบแปดลูบคลำเถอะ”
นักดนตรีตาบอดงงงันวูบใหญ่ ที่แท้สิบแปดลูบคลำเป็นเพลงลามก บรรยายถึงการลูบไล้ทุกส่วนสัดสรีระ ดังนั้นทักท้วงว่า
“สิบแปดลูบคลำเป็นเพลง...”เหวียนยั่วเฟยตัดบทว่า
“นางให้ท่านร้อง ท่านก็ร้องอย่างเต็มที่”
พลางกล่าวกับแนเสี่ยวเชียนทั้งสองอย่างยิ้มแย้ม
“พวกท่านทั้งสองคอยฟังให้ดี”
ทั้งสองนางกำนัลถูกเหล่าคณิกาลูบคลำวิพากษ์วิจารณ์โคกหีก็ทั้งโกรธทั้งอับอายจนหน้าแดงฉานอยู่แล้ว พอฟังเหวียนยั่วเฟยพูดยิ่งแค้นใจจนน้ำตาหลั่งไหล ได้ยินเสียงนักดนตรีตาบอดร้องว่า
“น้องเอยน้องรัก เราคิดลูบไล้ท่านสักครา ลูบคลำแก้มเปล่งปลั่งของท่าน ลูบคลำ...”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น