แนเสี่ยวเชี่ยนทั้งสองพอได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระ ล้วนพกพาความคับแค้นแน่นอก กลับเข้าสู่อุทยานอบเชยของเจาเหยินกงจู้
เจาเหยินกงจู้นั่งอยู่หน้ากระจกทองเหลืองของโต๊ะเครื่องแป้ง พอพบเห็นพวกนางจึงถามว่า
“เหวียนยั่วเฟยเล่า”
เฟยจินเอ๋อขยี้เท้ากล่าวอย่างขุ่นเคือง
“มันผู้นี้ช่างน่าชิงชังนัก”
แนเสี่ยวเชี่ยนกล่าวเสริมขึ้น
“มันให้พวกนางคณิการุมถอดกางเกงเราสองคน ซ้ำยังบังคับให้ฟังเพลงสิบแปดลูบคลำ”
เจาเหยินกงจู้บันดาลโทสะ แต่นางอยู่ในหอห้องลึกล้ำ มีความรู้จำกัด อดกล่าวด้วยความสงสัยใจมิได้
“สิบแปดลูบคลำอันใด?”เฟยจินเอ๋อกล่าวว่า
“ทั้งลูบคลำแก้ม ทั้งลูบคลำศีรษะ ยังลูบ...”แนเสี่ยวเชี่ยนรีบกระตุกแขนเสื้อนาง มิให้กล่าวต่อ ใบหน้าแดงฉานด้วยความอายและโกรธ กล่าวว่า
“องค์หญิง มันยังยึดกางเกงพวกเราไว้บังคับให้พวกเราวิ่งเปลือยกายกลับมาช่างต่ำทรามนัก”
เฟยจินเอ๋อกล่าวต่อ
“มันยังนำท่านไปเปรียบเปรยกับนางคณิกาผู้หนึ่ง”
เจาเหยินกงจู้ตบโต๊ะอย่างขุ่นเคือง ร้องว่า
“เหวียนยั่วเฟย ท่านบังอาจนัก เราเรียกตัวท่านเข้าวัง นับเป็นการให้เกียรติท่าน ท่านไม่ยอมมา ทั้งยังหยามล่วงเกินคนของเรา เราต้องคิดบัญชีท่าน”
พลางหมุนตัวหมายจากไป แนเสี่ยวเชี่ยนทั้งสองรีบทัดทานไว้ เฟยจินเอ๋อกล่าวว่า
“องค์หญิง ด้วยศักดิ์ศรีของท่าน ไหนเลยเหยียบย่างไปยังสถานที่เช่นนั้นได้”
เจาเหยินกงจู้กล่าวว่า
“หาไม่จะทำอย่างไร”
แนเสี่ยวเชี่ยนขบคิดแล้วนึกได้วิธีหนึ่ง กล่าวว่า
“เหวียนยั่วเฟยดีต่อนางคณิกาเอี๋ยนอู๋ซวง พวกเราหากจับตัวเอี๋ยนอู๋ซวงมา เหวียนยั่วเฟยย่อมติดตามมาเอง”
แท้จริงเอี๋ยนอู๋ซวงเป็นนักดนตรีแต่เนื่องจากกลัวเฉาฮั่วฉุนแก้แค้นที่โดนหลอก จึงไปหลบภัยในตึกหอมหวน บิดาของนางเป็นคนของแม่ทัพเหวียนซึ่งเป็นบิดาของเหวียนยั่วเฟย แนเสี่ยวเชี่ยนไม่รู้ความกลับเข้าใจว่าเอี๋ยนอู๋ซวงเป็นคณิกาผู้หนึ่ง
เจาเหยินกงจู้กล่าวว่า
“อุบายที่ดี แต่เราเมื่อไม่สะดวกกับการรุดไป จะให้ผู้ใดลงมือ”
“ให้อู๋ซันกุ้ยลงมือ มันมิใช่บอกว่าจะหาโอกาสตอบแทนบุญคุณองค์หญิงหรอกหรือ”
“ตกลง ไปเสาะหาอู๋ซันกุ้ย”
ครั้นแล้ว เจาเหยินกงจู้ทั้งสามรุดไปเสาะหาอู๋ซันกุ้ย สั่งให้คร่ากุมเอี๋ยนอู๋ซวง อู๋ซันกุ้ยตอนแรกไม่ยินยอม เจาเหยินกงจู้บอกว่า จะไม่ทำร้ายเอี๋ยนอู๋ซวง เพียงต้องการให้เหวี่ยนยั่วเฟยมาพบนางภายในวัง จากนั้นจะปลดปล่อยเอี๋ยนอู๋ซวงในบัดดล อู๋ซันกุ้ยค่อยรับปากลงมือ
เช้าวันรุ่งขึ้น อู๋ซันกุ้ยคุมตัวเอี๋ยนอู๋ซวงเข้าสู่อุทยานอบเชย เห็นเจาเหยินกงจู้นั่งอยู่บนโต๊ะหินกลางลานหญ้า ดังนั้นเรียกหาว่า
“องค์หญิงรอง”
แนเสี่ยวเชี่ยน และเฟยจินเอ๋อที่ยืนปรนนิบัติอยู่ด้านหลังเจาเหยินกงจู้เหลียวมองไปตามเสียง พอเห็นเช่นนั้นกล่าวว่า
“องค์หญิง มาแล้ว”
เจาเหยินกงจู้ยืดกายขึ้น เหลียวมองไปยังเอี๋ยนอู๋ซวง ปราดแรกที่พบพาน รู้สึกเป็นที่ขัดตา ดังนั้นสั่งว่า
“มัดนางให้เรา”
แนเสี่ยวเชี่ยนทั้งสองพากันลงมือ ใช้สายรัดผ้าเส้นหนึ่ง มัดสองมือเอี๋ยนอู๋ซวงไพล่หลัง สร้างความตระหนกแก่เอี๋ยนอู๋ซวงจนร้องว่า
“องค์หญิงโปรดละเว้นชีวิต”
เจาเหยินกงจู้เชิดปากน้อยๆกล่าวว่า
“สุ้มเสียงเจ้าพื้นเพธรรมดายิ่ง เหวียนยั่วเฟยไฉนชมชอบเพลงของเจ้า”
“องค์หญิง ข้าพเจ้าไม่ทราบมีความผิดอันใด”
“เจ้าไม่มีความผิดใด เพียงแต่เราพอเห็นรูปโฉมเจ้าก็ขุ่นข้องใจ..เสี่ยวเชี่ยน จินเอ๋อ ตบตีนางให้เรา”
สองนางกำนัลรับคำ เฟยจินเอ๋อตวัดมือผุดผ่องตบใส่
แนเสี่ยวเชี่ยนกล่าวว่า
“จินเอ๋อ นางคณิกาผ่านผู้ชายมามากมาย ไม่ทราบถ้ำหยกของนางจะมีสภาพใด”
เฟยจินเอ๋อ หัวเราะคิกกล่าวว่า
“ถ้างั้นถอดกระโปรงนางมาชมดู”
ที่แท้ทั้งสองนางกำนัลแค้นใจที่ถูกถอดกางเกง จึงต้องการล้างแค้น เจาเหยินกงจู้ยังไม่ทันกล่าวทัดทาน ทั้งสองนางกำนัลก็ปลดสายรัดเอวรูดกระโปรงลงมา เห็นเรียวขาขาวเรียวงาม เนียนละเอียดเรียบรื่นจนละลานตา โคกสวาทอวบอูมเส้นขนสีดำดูอ่อนนุ่มราวกับแพรไหม
เอี๋ยนอู๋ซวงถูกตบหน้าก็รู้สึกเจ็บปวด ครั้นถูกจับถอดกระโปรงยิ่งอับอายถึงกับร้องไห้ออกมา สองนางกำนัลพากันแย้มยิ้มกล่าวเหน็บแนมอย่างสนุกสนาน
อู๋ซันกุ้ยเห็นถ้ำหยกอันงดงามอุมสมบูรณ์ของเอี๋ยนอู๋ซวง ถึงกับงงงันวูบ ท่อนควยลุกแข็งขันอย่างลืมตัว ครั้นตั้งสติได้รีบทัดทาน กล่าวว่า
“องค์หญิงรอง ท่านบอกแล้วว่าจะไม่ทำร้ายนาง”
เจาเหยินกงจู้ชม้ายตามองอู๋ซันกุ้ย กล่าวว่า
“ท่านพลอยรู้สึกเจ็บปวดใจ ท่านใช่ชมชอบนางหรือไม่?”อู๋ซันกุ้ยรีบกล่าวว่า
“เราไหนเลยชมชอบนาง?”
“เราดูออก เราชมชอบส่งเสริมผู้คน ขอยกนางให้กับท่าน”
เอ่ยถึงตอนนี้ ได้ยินสุ้มเสียงสดใสเสียงหนึ่งสอดขึ้น
“น้องเรา”
เจาเหยินกงจู้เหลียวขวับไปตามเสียง เห็นฉางผิงกงจู้สาวเท้าเข้าสู่อุทยาน โดยมีนางกำนัลฟางเอ๋อติดตามหลัง รีบเรียกหาว่า
“พี่ท่าน”
แนเสี่ยวเชี่ยนและพวกก็ย่อกายคารวะ เรียกหา “องค์หญิงใหญ่” โดยพร้อมเพียง ฉางผิงกงจู้เห็นเอี๋ยนอู๋ซวงถูกจับมัดร้องไห้ ท่อนล่างเปลือยเปล่าจนเห็นโคกหีชัดตา ต้องฉุดดึงเจาเหยินกงจู้มายังด้านข้าง ตำหนิว่า
“น้องเรา เจ้าแม้มีศักดิ์เป็นองค์หญิง แต่ไหนเลยข่มเหงหญิงสามัญนางหนึ่งได้”
“ผู้น้องเพียงคิดสั่งสอนเหวียนยั่วเฟยสักครา”
“มาตรว่าเหวียนยั่วเฟยปล่อยตัวไม่สำรวม จะอย่างไรเป็นชนชั้นจอมยุทธ พวกเราหากสูญเสียมันจะเป็นผลกระทบกระเทือนต่อพวกเราอย่างใหญ่หลวง”
เอ่ยถึงตอนนี้ นางกำนัลผู้หนึ่งสาวเท้าก้าวปราดมา น้อมกายรายงานว่า
“เรียนองค์หญิงทั้งสอง เหวียนยั่วเฟยเดินทางมาถึง น้อมรอที่อุทยานด้านหน้า”
เจาเหยินกงจู้ตาเป็นประกาย กล่าวว่า
“พี่ท่าน ลองดูข้าพเจ้าจะจัดการกับมันอย่างไร”
พลางสั่งอู๋ซันกุ้ยเฝ้าดูแลเอี๋ยนอู๋ซวง ค่อยชักชวนแนเสี่ยวเชี่ยนทั้งสองหันกายไป
ฉางผิงกงจู้มองจนเงาหลังเจาเหยินกงจู้ทั้งสามลับตาไปค่อยกล่าวกับเอี๋ยนอู๋ซวงว่า
“โกวเนี้ย ต้องขออภัยต่อท่านยิ่ง”
จากนั้นสั่งต่อฟางเอ๋อว่า
“รีบแก้มัด ช่วยนางสวมกระโปรง”
ฟางเอ๋อทำตามคำสั่ง เอี๋ยนอู๋ซวงย่อกายคารวะต่อฉางผิงกงจู้กล่าวว่า
“ขอบคุณองค์หญิงใหญ่”
............................................................. .
เจาเหยินกงจู้เข้าหอห้องหยิบฉวยกระบี่ ค่อยชักชวนแนเสี่ยวเชี่ยนทั้งสองรุดสู่อุทยานด้านหน้า สายตายามกวาดมองเห็นบุรุษชุดขาวโบกพัดจีบ เพียงดูจากเงาหลังก็จดจำออกว่าเป็นเหวียนยั่วเฟย จึงส่งเสียงร้องแต่ไกลว่า
“เหวียนยั่วเฟย ท่านยอมมาแล้ว”
เหวียนยั่วเฟยหมุนตัวมาตามเสียง ยิ้มพลางกล่าวว่า
“องค์หญิงเจาเหยิน เราเพิ่งแต่งกลอนในที่นี้บทหนึ่ง ท่านต้องการฟังหรือไม่”
ไม่รอให้อีกฝ่ายหนึ่งตอบคำ ก็เอื้อนเอ่ยว่า
“โฉมนงคราญอยู่เกลื่อนกล่น ทุ่มพันตำลึงทองเพื่อยิ้มเดียว เมื่อเป็นสุรางคนางในเวียงวัง ไยต้องเฝ้าประชันชันแข่ง”
เจาเหยินกงจู้รับฟังจนหน้าแปรเปลี่ยนไป กระชากเสียงว่า
“ท่านกลับนำเราไปเปรียบเทียบกับนางคณิกา ตกลง ท่านหากต้องการนำพาเอี๋ยนอู๋ซวงไป ให้ถามกระบี่ของเราก่อน”
เหวียนยั่วเฟยหุบพัดจีบลง กล่าวว่า
“ก็ได้ เราหากเป็นฝ่ายแพ้ ก็ปล่อยให้ท่านจัดการกับเอี๋ยนโกวเนี้ยอย่างเต็มที่”
เพิ่งขาดคำ เจาเหยินกงจู้ตวัดกระบี่พร้อมฝักขึ้น จู่โจมถึงเบื้องหน้าเหวียนยั่วเฟย
เหวียนยั่วเฟยหงายหน้าหลบเลี่ยง เจาเหยินกงจู้ก็พลิกแพลงเปลี่ยนกระบวนท่า ลดข้อมือวูบ กวาดกระบี่เข้าใส่ทรวงอีกอีกฝ่ายหนึ่ง
เหวียนยั่วเฟยคลี่พัดจีบออก สะกดกระบี่นี้ไว้ เจาเหยินกงจู้พลันหมุนตัวคราหนึ่ง ตวัดกระบี่กลับหลัง เหวียนยั่วเฟยต้องพลิกตัววูบ หลบหลีกจากกระบี่นี้
เจาเหยินกงจู้สืบเท้าปราด พลิกข้อมือควงกระบี่ใช้พู่กระบี่สีแดงสดโหมจู่โจมใหม่ เพลงกระบี่ของนางลึกล้ำ พลิกแพลงปราดเปรียว ซ้ำยังว่องไว แต่พัดจีบของเหวียนยั่วเฟยเดี๋ยวหุบเดี๋ยวกาง กลับปิดป้องเพลงกระบี่ของนางได้ทั้งหมด เจาเหยินต่อสู้เป็นเวลานานกลับไม่อาจสยบเขาลงได้ต้องบันดาลโทสะ เพลงกระบี่เปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด ยกมือซ้ายปัดพัดจีบเบนเบือน แล้วกรีดกระบี่พุ่งวาบเข้าใส่อย่างรวดเร็ว
เหวียนยั่วเฟยย่อกายวูบ กลับมุดลอดใต้คมกระบี่ของนาง อ้อมปราดไปด้านหลังเจาเหยินกงจู้ จากนั้นถอยปราดไปยืนในระยะห่าง ชูมือซ้ายชึ้นอย่างยิ้มแย้ม ในมือเพิ่มดอกไม่มุกล้ำค่าดอกหนึ่ง
เจาเหยินกงจู้ยกมือแตะมุ่นมวยผมอย่างลืมตัว ยืนตะลึงลานกับที่
ดอกไม้มุกนั้นความจริงประดับบนมวยผมนาง กลับถูกเหวียนยั่วเฟยปลดไป
เหวียนยั่วเฟยยิ้มพลางกล่าวว่า
“องค์หญิงเจาเหยิน เราชนะแล้ว”
ได้ยินสุ้มเสียงสดใสเสียงหนึ่งสอดขึ้น
“เป็นกระบวนท่าอันยอดเยี่ยมจริงๆ แต่หากมิใช่น้องเรามีจิตใจดีงาม ไม่อาจหักใจทำร้ายท่าน ท่านไหนเลยพิชิตนางได้?”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น