ขายของ

วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2557

เล่ห์สวาทเพลิงราคะ 15



ศีรษะ ที่พับหงายไปด้านหลังของอรอุษา ทำให้ช่วงคอขาวนั้นยิ่งดูเรียวระหงสะท้านขึ้นมายั่วสายตาของเสี่ยคิ้ม ความขาวละออนั้นถูกขับเน้นด้วยแสงไฟจ้าจากหน้ารถของศักดาที่จอดอยู่ด้านหลัง จนเสี่ยนักค้าทองตัวกระตุกสั่นไปด้วยความกระสันซ่าน ซุกไซร้ใบหน้าแลบลิ้นโลมเลียลากไล้ไต่ไปตามลำคอของเด็กสาวอย่างหื่นกระหาย หิว...


เสียงซ๊วบ ซ๊วบ ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อริมฝีปากหนานั้นประกบห่อดูดไปตามผิวเนื้อที่ ขาวเนียนละมุนอย่างเร่าร้อนรุนแรง...เสี่ยคิ้มครางกระเส่าออกมาไม่ขาดปาก ...เมื่อความหวานที่เสพสมได้จากผิวเนื้อของสาวแรกรุ่นนั้นเต็มไปด้วยความหอม หวนอเร็ดอร่อยในความรู้สึกจนเหลือประมาณ...ปากของเสี่ยค้าทองปาดดูดต่อ เนื่องไปตามช่วงคอที่ขาวระหงอย่างมันเมาในอารมณ์...ท่ามกลางสายตาของตี๋กับ ชดที่เบิกตาถลนมองมา...สมุนทั้งสองนั้นกระเดือกน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างยากลำบาก...ความขาวผ่องของผิวพรรณที่กำลังถูกตะโบมจูบควานลากลิ้น เลียไปมาของเสี่ยเจ้านายนั้นเร้าอารมณ์ของชายฉกรรจ์ทั้งสองจนตัวสั่นระริก ตรงเป้ากางเกงนั้นตุงเด่ออกมาทั้งคู่


และถ้าอรอุษาจะยังมีสติรับรู้ความเป็นไปรอบด้าน...เธอก็คงแทบช๊อก...เพราะ สายตาอีกคู่นั้นที่จับจ้องมองมายังการกระทำของเสี่ยค้าทองเขม็งก็คือสายตา ของศักดาที่ยืนอยู่ด้านหลังสองสมุนของเสี่ยคิ้ม...


จิ้งจอกสวาทนั้นค่อยๆ กล้าปรากฏตัวตามมาหลังจากมองเห็นว่าเด็กสาวนั้นเป็นลมแน่นิ่งไปแล้ว...


ในช่วงเวลานั้นแววตาของจิ้งจอกราคะที่จ้องมองเสี่ยคิ้มตักตวงความหอมหวานจาก เรือนกายที่ควรจะเป็นของเขาแต่ผู้เดียวนั้นมันเต็มไปด้วยประกายแห่งความเจ็บ ปวดใจ...ดวงตาของศักดาถมึงทึง...ขุ่นแค้น...อาฆาต...เต็มเปี่ยมไปด้วยเพลิง แห่งโทสะอันกราดเกรี้ยว...ร่างกายของชายหนุ่มสั่นเทิ้มด้วยความรู้สึกที่อัด อั้นตันใจ...ความรู้สึกที่เคยเกิดขึ้นสมัยที่ตนเองเสียรู้เสี่ยเซี้ยงนั้น หวนกลับมาอีกครั้ง...และคราวนี้ยิ่งจะดูเจ็บปวด...สาหัสในจิตใจยิ่งกว่า ครั้งก่อนอีกหลายเท่า...


เนื้ออันงามที่บริสุทธิ์ผุดผ่องไม่เคยต้องมือชาย...สมควรจะถูกเขาเป็นคนเด็ดดมเป็นคนแรก...ไม่ใช่ไอ้เสี่ยคิ้ม....


ศักดาร่ำร้องในใจอย่างโหยหวน ดวงตาแดงซ่าน....ขบริมฝีปากแน่น มือทั่งสองกำสั่นระริก...


ในเวลานั้นเสี่ยคิ้มแทบคลั่งใจตายด้วยความหฤหรรษ์ มือซ้ายอ้อมไปตวัดรัดช้อนตรงกลางหลังของร่างบางที่สลบไสลไม่ได้สตินั้นไม่ ให้ระทวยล้มลงไปกับพื้นอย่างง่ายดายเพราะความเบาหวิวของเรือนร่างนั้น ส่วนอีกมือหนึ่งนั้นลากขยำขยี้ไปตรงก้อนเนื้อบนทรวงอกของอรอุษา ที่ถึงแม้ไม่ชูชันใหญ่โต แต่ความนุ่มนิ่มที่เสี่ยตัณหากลับรับรู้ได้แม้ว่าจะต้องผ่านเนื้อผ้าของ เสื้อที่เด็กสาวสวมใส่และชุดชั้นในที่ห่อหุ้มอยู่อีกชั้นหนึ่ง ก็ทำให้ขนทั่วตัวของเสี่ยนักค้าทองลุกชัน ริมฝีปากที่ไม่ห่างไปจากช่วงคอขาวผ่องนั้นครางออกมาเสียงกระเส่า


“โอยย....นุ่มนิ่มไปหมดเลย...ไอ้ตี๋ไอ้ชด....พวกมึงเอ๋ย...เด็ด สุดๆ....หอม...นุ่ม....โอยยยยยย... หนูจ๋า....นม...นิ๊มนิ่ม...อูยยยย...ซี๊ดดดด.....”


เสี่ยคิ้มพล่ามไป น้ำลายที่ฟูมปากออกมานั้นก็ไหลเยิ้มย้อยออกมาเป็นทางอย่างน่าทุเรสเป็นที่ สุด จนต้องสูดปากดูดกลืนกลับไปเสียดัง...ซี๊ดดดดด...มือหยาบตะปบคลึงไปอย่างเมา มันบนปทุมถันที่แม้ว่าจะซ่อนรูปอยู่ภายในอาภรณ์อันมิดชิด แต่ทว่าก็ยังแลเห็นได้ชัดเจนว่าสวยได้รูปราวกับดอกบัวตูม...ดอกบัวตูมที่ บริสุทธิ์ผุดผ่องไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อน...


ศักดามองดูด้วยสายตาที่เจ็บปวด...ตัวสั่นะริก....ความคั่งแค้นใจที่ท่วมท้น ในใจนั้นเหลือประมาณนัก...ชายหนุ่มหายใจหอบถี่...กำหมัดแน่น...ริมฝีปากที่ ถูกฟันตนเองขบกัดนั้นมีเลือดไหลซึมออกมา...แต่จิ้งจอกสวาทหารับรู้ความเจ็บ ปวดนั้นไม่...เพราะความเจ็บที่ใจนั้นมันรุนแรงจนกลบความรู้สึกอื่นไปจนหมด


ตี๋กับชดที่เบิกตาโพลงก็หอบหายใจออกมาถี่หนักเช่นเดียวกันกับศักดา...แต่ ต่างกันตรงที่ว่าลมหายใจอันร้อนแรงที่ทั้งคู่แสดงออกมาพร้อมกับอาการกระหาย หื่นอย่างชัดเจน เมื่อสายตาอันเหลือกลานนั้นมองมือหยาบของเจ้านายละออกจากฐานบัวตูมคู่งาม นั้นแล้วเริ่มเลื่อนลงมาตามลำตัวที่บอบบางโปร่งระรวย นิ้วที่อวบอ้วนเคลื่อนขยำไปตามลำกายที่นุ่นนิ่มผ่านช่วงเอวที่คอดกิ่ว และสะโพกผายกลมละลานตา ก่อนมือข้างนั้นจะควานเคล้นสอดหายเข้าไปใต้ชายเสื้อตัวสวยที่อรอุษาสวมใส่ ตี๋กับชดมองเห็นอาการขยุกขยิกที่อยู่ภายใต้ร่มผ้าเนื้อนุ่มนั้น...โดยที่ไม่ ต้องจินตนาการให้ลำบากก็แน่ใจได้ว่ามือของเจ้านายนั้นกำลังลากไล้สัมผัสไป ตามหน้าท้องแบนราบนั้นอย่างเต็มๆ


เสี่ยคิ้มอ้าปากครางเสียงกระเส่า


“โอยยย...ผิวนุ่มชิบหาย...นิ่มมือไปหมด...อูยยย...หนูจ๋า...ทำไมมันนุ่มอย่างนี้...ซี๊ดดดด...”


เสี่ยค้าทองปัดป่ายมือละเลียดไปกับผิวกายบริเวณหน้าท้องและช่วงเอวคอดนั้น อย่างละลานใจ มือโฉดนั้นขยำเฟ้นไปตามผิวกายที่เต่งตึงนุ่มนิ่มราวกับผิวทารก นิ้วอวบสั้นทั้งห้ากางออกราวกับใบตาล เค้นนิ้วตนเองไปบนผิวกายของอรอุษาเพื่อรีดเน้น..เสพสมดื่มด่ำกับความนุ่ม เนียนนั้นให้เต็มไม้เต็มมืออย่างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้...ปากหนาก็หัวเราะ กระเส่าไปพร้อมๆ กับลากลิ้นโลมเลียไปตามซอกคอขาวผ่องหอมกรุ่นนั้นบังเกิดเสียงดัง...แผล็บ ..แผล็บ..ไม่หยุดจังหวะแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว


เมื่อลูบสัมผัสดื่มด่ำความเนียนนุ่มตรงหน้าท้องเรียบสวยของอรอุษาจนอิ่มใจ เสี่ยคิ้มก็ค่อยๆ ลากมือสากของตนเองไล้ไต่ไปตามช่วงตัวอันบอบบางนั้นขึ้นมาเรื่อยๆ การขยับนั้นก็ทำให้ชายเสื้อตัวสวยนั้นเลิกตามขึ้นมา เปิดเผยผิวกายอันขาวละมุนผุดผาดของเด็กสาวขึ้นมาให้ผู้ชายทุกคนในบริเวณนั้น ได้แลเห็นความงามอันไร้ที่ติตั้งแต่หน้าท้องที่แบนราบไร้ไขมันส่วนเกินแม้ แต่น้อยนิด และช่วงลำตัวที่เพรียวบางที่กำลังระทวยพักอยู่กับแขนของเสี่ยค้าท้อง...ลม หายใจของคนทั้งหมดแทบขาดห้วงไปกับภาพตรงหน้า...ไม่เว้นแม้แต่ศักดาที่กำลัง ขุ่นแค้นในใจสุดระงับ...ดวงตาของชายหนุ่มเบิกโพลง...เส้นเลือดวิ่งขึ้นเป็น ริ้วๆ จนทำให้นัยน์ตาของเขาแดงฉาน...


ความขาวงามของผิวพรรณราวกับหยกเนื้อดีที่ชายหนุ่มมองเห็น...ความงามนั้น ....ความงามที่ควรจะต้องตกเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว....แต่ตอนนี้ผิวกาย ที่ขาวราวกับหยกที่ตัดกับมือดำหยาบของเสี่ยค้าทองที่กำลังขยำขยี้อยู่อย่าง ชัดเจนเป็นภาพที่ยิ่งเห็นก็ยิ่งทำให้ร่างกายที่สั่นเทิ้มของจิ้งจอกสวาทแทบ จะแตกระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความรู้สึกที่อัดอั้นที่พล่านพลุ่งอยู่ในอก


เสี่ยคิ้มลากมือขึ้นไปตามความเนียนนุ่มของช่วงตัวอันบอบบางนั้นเรื่อยๆ พร้อมๆ กับเลิกชายเสื้อเนื้อนุ่มของอรอุษาตามไปจนในที่สุดสมุนทั้งสองของเสี่ยค้า ทองก็แลเห็นเนื้อผ้าสีชมพูอ่อนบางเบาของชุดนั้นในที่กำลังห่อหุ้มปทุมถันคู่ งามตูมสวยนั้น ความขาวกระจ่างที่สว่างวาบขึ้นตรงหน้าทำให้ตี๋กับชดส่งเสียงครางออกมาไม่ เป็นภาษาคน..น้ำลายไหลยืดออกมาตามมุมปากเป็นย้อยไปเป็นทางยาวอย่างน่าทุ เรส...


“สวยเหลือเกิน....ขาวอย่างกับหยวก...อูยยยยย....เสี่ย.....สุดยอดดด....นมกลมดิ๊กเลย....ซี๊ดดดดด”


ตี๋เบิกตาแทบถลนร้องครางออกมาเสียงกระเส่า...ตอนนั้นความกระสันซ่านทำให้เขา ทนไม่ได้อีกต่อไป...ต้องรูดซิปเป้ากางเกงของตัวเองลงจนสุด แล้วกระชากท่อนลำที่กำลังขยายตัวเต็มที่ออกมากระทอกเป็นการใหญ่...ปาก ห่อครางบิดเบี้ยว ร่ำร้องเสียง...ซู๊ดดดด..ซู๊ดดดด..


นายชดคู่หูอีกคนที่มีสภาพไม่ต่างกัน...เบิกตากว้างจนแทบถลนออกมาจากเบ้า ...มองมือของเจ้านายที่กำลังขยำสองเต้าตูมนั้นผ่านชุดชั้นในสีชมพูอ่อนงาม เนื้อบางเบา...เนื้อขาวๆ ตรงบริเวณร่องอกที่กำลังถูกใบหน้าของเสี่ยคิ้มซุกไซร้ลงไปใช้ลิ้นลากดูด เสียงซ๊วบ ซ๊วบ....เสียงครางกระเส่าของเจ้านายดังประสานกับเสียงที่ปากหนาดูดไปตามผิว เนื้อขาวๆ ดังชัดเจน...ซ๊วบ ซ๊วบ ซ๊วบ...อูยยยย....อร่อยชิบหาย....โอยยย....หวานไปหมด....อูยยยย ...ซี๊ดดดดด.....


ภาพที่เห็นทำให้นายชดดวงตาก็เบิกถลน...มือที่กระตุกลำควยตัวเองไม่ต่างอะไร กับเพื่อนคู่หูเร่งกระชั้น หอบหายใจออกมา ปากพล่าม...ซี๊ดด...ซ๊าดดด...ไม่หยุด...เบิ่งมองไปก็นึกจินตนาการไปว่าเป็น ตนเองที่กำลังเฟ้นฟอนขยำคลึงจูบละเลงไปบนร่องอกที่สุดขาวสล้างนั้น...นิ้ว มือที่รูดไปตามท่อนเนื้อของตนเองนั้นเหนียวเหนอะไปด้วยน้ำขาวๆ ที่กระปริดกระปรอยออกมาจากหัวถอกบาน


ศักดาจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกแทบคลั่ง....ความรู้สึกอย่างหนึ่งพล วยพลุ่งขึ้นมาจนจับใจของชายหนุ่ม....ความรู้สึกที่จิ้งจอกสวาทเองก็ไม่รู้ เหมือนกันว่าเกิดมาจากอะไร...แต่ความรู้สึกนั้นมันเร่าร้อนแผดเผาในใจของเขา จนรู้สึกราวกับร่างกายตนเองกำลังจะมอดไหม้....ความรุนแรงเร่าร้อนในจิตใจ นั้น...แม้กระทั่งวันที่เขาสำนึกว่าเสียรู้เสี่ยเซี้ยง....ชายหนุ่มก็ยังไม่ รู้สึกถึงขนาดนี้....


ขณะที่ปากหนาของเสี่ยคิ้มไม่หยุดยั้งการโลมเลียไปตามร่องอกขาวผ่องปานเย้ย หิมะให้อายนั้น มือของเสี่ยนักค้าทองก็เปะปะย้อนกลับมาตามลำตัวเพรียวบาง และหน้าท้องขาวผ่องของเด็กสาว มือหยบาบนั้นขยำขยี้ไปตามเนื้อเนียนละเอียดนั้นอย่างเมามัน นิ้วทั้งห้ากางแผ่ออกขยายจนสุดรีดไปตามผิวกายที่เต่งตึงราวกับจะต้องการ ละเลียดความอ่อนนุ่นนั้นเข้าไปตามร่องมือให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เสียงหัวเราะหยาบช้ากระเส่าดังไม่หยุด เสียงที่ราวกับภูตนรกที่คร่ำครวญนั้นดังลอดออกมาจากปากหนาที่กำลังดูดประกบ ไปตามร่องอกที่บริสุทธิ์ผุดผ่องนั้นอย่างเมามัน


มือหยาบของเสี่ยคิ้มหลังจากละเลงไปตรงหน้าท้องขาวนั้นจนอิ่มเอมสุดอารมณ์ ก็เคลื่อนต่ำลงไปอีกคราวนี้ตะโบมขยำไปตรงช่วงบริเวณหว่างขาเพรียวงามที่ระทด ระทวยไร้เรี่ยวแรง เสี่ยราคะตัวสั่นสะท้านอย่างหฤหรรษ์เมื่อรับรู้สึกถึงความนูนแน่นแห่งเนิน สวรรค์นั้นถนัดถนี่ถึงแม้ว่าจะกางกั้นด้วยกางเกงยีนส์สีขาวเนื้อหนาเข้ารูป ที่อรอุษาสวมใส่อยู่ เสียงหอบหายใจของเสี่ยคิ้มดังกระเส่า...ฮัซซ ฮัซซซ...ในเวลานั้นเสี่ยตัณหากลับรู้สึกถึงความกระหายอยากในตัวนั้นพล่าน ขึ้นมาจนเจ็บปวดไปหมด เพราะท่อนกายของตนเองนั้นขยายตึงตัวบานหัวออกมาเต็มเป้ากางเกง


อารมณ์พล่านในกายของเสี่ยค้าทองขับให้นิ้วมือชั่วร้ายทั้งห้านั้นจะช่วยกัน ทำงานอย่างพร้อมเพรียง ระดมลงไปปลดกระดุมกางเกงยีนส์ที่อรอุษาใส่ และปาดรูดซิปตรงเป้าลงไปจนสุด....จากนั้น....เนื้อผ้านุ่มเนียนเบาบางสีชมพู อ่อนเข้าชุดเช่นเดียวกับยกทรงที่ห่อหุ้มปทุมถันคู่งามปรากฏออกมาท้าทายสายตา ของทุกผู้คนในบริเวณนั้นทันที


เสียงคราง...ฮืออ...ดังมาจากปากของตี๋กับชดสองสมุนของเสี่ยคิ้ม ชายฉกรรจ์ทั้งคู่เบิกตาแทบถลน ปากอ้าหวอนั้นแหกกว้าง พ่นลมหายใจกระเส่าออกมาพร้อมๆ กับฟองน้ำลายที่ไหลยืด...มือที่กระตุกท่อนลำตัวเองกระชากถี่ยิบ...น้ำเมือก ไหลเยิ้มออกมาจากปลายหัวหยักนั้นส่งกลิ่นคาวฉุนตลบ...


และเมื่อทั้งสองแลเห็นเสี่ยผู้เป็นหัวหน้าแบะมือสอดมือลงไปในเป้ากางเกงที่ ถูกรูดซิปเปิดกว้าง และควานคลึงไปบนบริเวณใต้ร่มผ้าของกางเกงเนื้อหนาสีขาวสะอาดที่แบะออกอย่าง ไร้ทางปกป้องนั้น ดวงตาเหลือกลานทั้งสี่ข้างนั้นเพ่งมองไปที่ข้อมือหนาที่กระตุกสั่นเทิ้ม ...แค่นึกจินตนาการว่านิ้วมือขอเจ้านายทั้งห้ากำลังเสพสุขอยู่กับอะไรที่ ซ่อนอยู่ภายในก็ทำให้อารมณ์ดิบ...อารมณ์กระสันของทั้งคู่ลุกกระพือ....ร่าง บิดส่ายกระตุกไปมา....ร้องโอว...โอววว...มือกระทอกควยต่อเนื่องอย่างมันส์ใน อารมณ์....พยายามทำใจให้นึกเอาว่า...พวกตนเองเป็นเจ้าของมือที่กำลังสั่น กระตุกเทิ้ม ลากเขย่าเนินสวรรค์ตรงหน้า...พร้อมเพรียงกันแหกปาก...ซี๊ดดดด...ซ๊าสดดดด...


ความมันส์ในการจินตนาการของนายตี๋กับนายชดนั้นเทียบเทียมไม่ได้ กับความรู้สึกของเสี่ยคิ้มที่กำลังละเลงมือขยำไปบนเนินนูนที่ซ่อนความนุ่ม แน่นอยู่ภายในเนื้อผ้าบางเบานั้นเลยแม้แต่หนึ่งในพัน ตอนนั้นแทบทุกอณูแห่งความรู้สึกเสี่ยนักค้าทองนั้นพล่านไปด้วยเพลิงตัณหาที่ กำลังได้รับการบำบัดเสพสม ร่างของเสี่ยค้าทองสั่นกระตุกวาบๆ หัวถอกที่บานกระทุ้งเป้ากางเกงนั้นกระตุกหงึกหงักจนปวดแสบไปหมด ปากหนาร้องครางกระเส่า ร่างสั่นกระตุกไปด้วยความกระหาย ความพลุ่งพล่านที่ได้รับรู้จากมือของตนเองนั้น แผ่ลามความรู้สึกที่ร้อนราวกับไฟเผาเลียไปทั่วร่างกาย เหงื่อกาฬแตกโทรมออกมาทั้งตัว....อารมณ์ที่ถูกเร้าขึ้นเมื่อนิ้วมือทั้งห้า ลากกระตุกไปตามเนื้อผ้านุ่มเนียนนั้นรับรู้ถึงกลีบเกสรที่อ่อนนุ่มโรยตัว อยู่ข้างใน....ปากหนาระบายความอัดอั้นที่พล่านอารมณ์แทบระเบิดนั้นโดยการตะ โปมลากดูดไปตามผิวเต่งของสองก้อนเนื้อขาวงามที่เบียดแนบชิดกันอยู่ภายใต้ ยกทรงเนื้อเนียน... เสียงดังซี๊ดดดดด...ซี๊ดดดดด....ซี๊ดดดด...เร่าร้อน...ต่อเนื่อง...ไม่ขาด ระยะ....


ขณะเดียวกันนั้นสมุนทั้งสองคนที่กำลังกระทอกเอ็นดำของตัวเองก็อ้าปากหวอ ...สูดน้ำลายไหลที่ยืดออกมาไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไหร่แล้ว...ดวงตาที่เบิก โพลงมองอยู่นั้น แทบทะลุออกมาจากเบ้า....ปากร้องกระเส่า ซู๊ดดดดดด ซู๊ดดดดดดด มือหนากระตุกถี่ยิบ...ร่างของทั้งสองบิดไปบิดมา....อารมณ์หื่นที่พลุ่งพล่าน ไต่ระดับขึ้นไปสู่จุดหมายของความปลดปล่อย....


ศักดาเห็นภาพเบื้องหน้าแล้วชายหนุ่มต้องกัดริมฝีปากแน่น ขบฟันลงไปอย่างแรงเพื่อเป็นการข่มเพลิงแค้นที่ระอุอยู่ภายในใจ...เลือดซิบๆ ไหลซึมออกมาจากแรงกดนั้น...ดวงตาที่แดงฉานซ่านไปด้วยเส้นเลือดที่วิ่งขึ้น เป็นริ้วๆ เบิ่งมองชายสามคนตรงหน้าแน่วนิ่ง...ภาพตรงหน้า...คนหนึ่งกำลังย่ำยีความงาม ล้ำของเรือนกายที่ควรจะต้องเป็นของเขาแต่ผู้เดียว...อีกสองคนกำลังถอกควยตัว เอง...กำลังพล่านไปด้วยอารมณ์ดิบ...สนุกหื่นกับตัวเองท่ามกลางความเจ็บปวด ของตัวเขา....


และเมื่อสายตาของศักดามองเห็นสองสมุนของเสี่ยคิ้มที่กำลังยืนแอ่นสะโพก กระทอกควยตัวเองอยู่นั้น ตัวสั่นเทิ้ม...ระริกๆ...ที่กำลังจะใกล้ถึงจุดสุดยอดเต็มที...ดวงตาของ จิ้งจอกสวาทก็เบิกโพลง...ความแค้นที่พลุ่งขึ้นจนถึงขีดสุด...ทำให้ชายหนุ่ม เกิดโทสะอันแรงกล้า....ขยับเข้าไปหมายจะระบายอารมณ์ที่เกรี้ยวกราดอย่างไม่ คำนึงว่าอะไรจะเกิดขึ้นอีกต่อไป....


แต่ทว่าทันใดนั้นเอง ร่างของศักดาก็ชะงัก เมื่อเขาเห็นด้ามปืนที่พ้นซองปืนที่สวมอยู่ตรงหว่างเอวของนายตี๋นั้นลอยออก มา...ความคิดบางอย่างวาบขึ้นมา.....


ใบหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความตื่นเต้น...ตึงเครียด...ใจเต้นระส่ำไม่แพ้ กับร่างที่กำลังกระตุกเทิ้ม....ความกลัวอันเป็นเนื้อแท้ตามกมลสันดานนั้นทำ ให้ร่างกายไม่กล้าขยับ....แต่ทว่าท่ามกลางความรู้สึกที่พล่านไปด้วยความ คลั่งแค้น....พลังบางอย่างที่ถูกขับมาจากความรู้สึกส่วนลึก...พลังที่ตัวของ จิ้งจอกราคะไม่เคยรู้สึกมาก่อนพลุ่งขึ้นราวกับภูเขาไฟระเบิด.....พลังที่มี อำนาจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่ของมองเห็นภาพที่บาดตาตรงหน้า...จนในที่สุด....ภายใต้ดวงตา ที่เบิกโพลง...ชายหนุ่มสืบเท้าเข้าไปช้าๆ...


ตี๋ที่กำลังยืนกระทอกควยตัวเองสูดปากลั่น...ตัวร่านระริก...มือกระตุกถี่ยิบ ....ได้ยินเสียงฝีเท้าด้านหลังก็ร้องกระเส่าเคล้าหัวเราะอย่างย่ามใจ


“อูยยยย....ไอ้ศักดา...เด็กมึงนี่โคตรสวย...อูยยยย...หีแม่งคงอูม เต็มมือเสี่ยเขาเลย...ผิวขาวอย่างกับหยวกกล้วย...สุดยอดดดดด....ซี๊ดดดด ....อูยยยย...อูยยยย....นี่ขนาดกูแค่มองนะ....ถ้าเป็นตัวเสี่ยเอง...จะมันส์ มือขนาดไหน...อูยยยย...อูยยย...แค่คิด...กูจะถึงแล้ววววว....ซี๊ดดดดด ....แล้ว...นี่กูจะได้วาสนาต่อจากเสี่ยเขาไหมวะ..ถ้าได้นะ...กูจะกระเด้าให้ อร่อยควยทั้งคืนไม่หยุดเลย...ฮ่ะ..ฮ่ะ”


ดวงตาของศักดาแทบมีเพลิงพลวยพลุ่งออกมา มองไปยังเสี่ยคิ้มที่ตอนนั้นกำลังสาละวนบดปากไปตามร่องอกของอรอุษา มือหยาบนั้นลากกลับมาจากการควานเนินสวรรค์สร้างของเด็กสาว ขยำไปตรงช่วงเอวขาวคอดอย่างเมามัน นิ้วมือจิกไปตามผิวกายนุ่มละเอียดนั้นจนเป็นรอยบุ๋มไปตามแรงกด ในเวลานั้นกางเกงยีนส์ที่อรอุษาใส่นั้นแบะค้าง เผยให้เห็นหน้าท้องขาวผ่องแบนราบ ช่วงท้องน้อยสุดงามตระการตาที่ซ่อนตัวอยู่ในเนื้อผ้าสีชมพูอ่อน และเนินนูนที่เห็นได้รำไรผ่านเป้ากางเกงที่ถูกรูดซิปออกไปจนสุด....


เสี่ยตัณหากลับพยายามแกะรั้งยกทรงเนื้อผ้าบางเบาตัวน้อยนั้นให้เลิกขึ้นไป เพื่อตนเองจะได้โอบอมปลายถันที่ตูมเต่งนั้นถนัดๆ ปาก เสียงลมหายใจของเสี่ยค้าทองดังครืดคราด ขณะที่สองสมุนก็เบิกตาแทบถลนจ้องมองการกระทำของเจ้านาย พร้อมๆ กับถอกควยตัวเองไป...กำลังถึงจุดสุดยอดในทุกขณะ....ไม่มีใครสนใจการเคลื่อน ไหวของเขา....


จิ้งจอกสวาทไม่เคยเป็นคนที่คิดสู้ใคร...สิ่งเดียวที่เขาทำคือการหลอกลวง ...และพร่าสวาทเหยื่อสตรีเพศที่อ่อนแอของเขา....แต่ตอนนี้ความรู้สึกเดือดาล ...โทสะ...ความแค้นที่คลั่งพลุ่งพล่านขึ้นจากภาพที่เห็นเสี่ยคิ้มกำลังตะโบม ไปตามเรือนร่างของอรอุษาทำให้ศักดาเกิดความคิดอย่างที่ไม่เคยแม้จะฝันว่าตัว เองจะกล้าทำ....


ในเวลานั้นนายตี๋ตัวกระตุกถี่ถี่...ปากร้องโอ้กกก....เหงื่อกาฬแตกพรั่งพรู ....ใบหน้านั้นบิดเบี้ยว...ตาเหลือกพล่าน....มือที่กระตุกถอกลำอวบของตนเอง นั้นเคลื่อนไหวถี่ยิบ....ร้อง...อ๊าซซซ อ๊าซซซซ....ความเสียวซ่านที่ถูกมือตัวเองชักนำนั้นกำลังไต่ขึ้นไปสู่จุดสุด ยอด......


จังหวะนั้นเองที่ร่างของศักดาสะอึกเข้าไปกระชากปืนลูกโม่ดำมะเมื่อมของนาย ตี๋ออกมาจากซอง...สมุนของเสี่ยคิ้มใจหายวาบ ร่างหันขวับมาเบิกตาโพลง อ้าปากค้าง...สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความแตกตื่นใจจนถึงขีดสุด....


ใบหน้าของศักดาเหี้ยมเกรียม...กระดิกนิ้วกระหน่ำไกปืนไปพลัน!!!


....เปรี้ยง!!!....เสียงดังกึกก้องกัมปนาทราวกับเสียงฟ้าผ่า...พร้อมๆ กับหยาดเลือดซ่านกระเซ็น...กลิ่นคาวเลือดโชยคลุ้งตลบอบอวล....และตามมาด้วย เสียงแผดร้องโหยหวน....


ร่างผอมเกร็งของนายตี๋กระเด็นวาบออกไปทันที ที่ทรวงอกมีหย่อมเลือดที่ทะลักออกมาราวกับท่อน้ำรั่ว...ร่างที่นอนหงายกับ พื้นนั้นลำอวบของตัวเขายังแข็งเด่.....ปลายถอกนั้นพุ่ง...ปรี๊ดน้ำกามขาว ขุ่นไหลเยิ้มออกมา...แต่เจ้าของนั้นหามีความรู้สึกใดๆ กับการรับรู้แล้ว....ดวงตาเหลือกลานนั้นเบิกโพลงค้างไม่ต่างอะไรกับปลา ตาย....


เสียงปืน ทำให้เสี่ยคิ้มกับนายชดใจหายวาบ


ร่างกำยำของนายชด หันกลับมาพร้อมๆ กับเอื้อมมือไปที่ด้ามปืนของตนเอง สมุนของเสี่ยคิ้มนั้นเชี่ยวชาญในการใช้อาวุธมากกว่าศักดาจนเปรียบกันไม่ได้ ...แต่อารมณ์หื่นที่กำลังคุกโชนนั้นกลบปฏิกิริยาที่เขาเคยมี...อารมณ์นั้น ปรับตัวไม่ทันจนทำให้มือไม้นั้นลุกลี้ลุกรน...ยังไม่ทันกระชากปืนออกจากเอว ...ในเวลานั้นจิ้งจอกราคะก็เบนปากกระบอกปืนเข้าหาตัวเขาแล้ว


...เปรี้ยง...!!!


ร่างเตี้ยกำยำของนายชดสะท้านเฮือกไปตามเสียงกึกก้องกัมปนาทครั้งที่สองนั้นทันที


...ถึงแม้ศักดาจะไม่เคยยิงปืน...แต่ปืนรุ่น S&W ที่นายตี๋ใช้นั้นเป็นปืนที่ควบคุมกระสุนได้ง่าย...แม้กระทั่งอรนุชที่เป็น ผู้หญิงมือเล็กก็ยังชอบใช้เป็นปืนโปรดประจำตัว...และระยะที่ทั้งสองยืนอยู่ กันนั้นห่างกันแค่ไม่ถึงสองสามก้าวดี...เมื่อชายหนุ่มเหนี่ยวไกปืนด้ามสีดำ มะเมื่อมนั้นระบบทำงานแบบ double action ก็ส่งกระสุนปืนขนาด .38 มม. พุ่งทะลุอกของชายร่างกำยำไปโดยทันที


ร่างของนายชดพลิกคว่ำ...ที่กลางหลังปรากฏวงของรอยเลือดขยายตัวออกจนแดงฉาน ...กลิ่นคาวโชยคลุ้งขึ้นมาทันที...ร่างกำยำหนานั้นกระตุกครืดคราดอยู่ครู่ หนึ่งก็ชะงักค้างแน่นิ่งไปตลอดกาล....


ศักดาหันไปยังเสี่ยคิ้ม ขณะเดียวกันกับเสี่ยค้าทองที่กำลังเบิกตาโพลงด้วยความแตกตื่นใจมือเท้าอ่อน ปล่อยให้ร่างบางของอรอุษาที่ไร้สตินั้นระทวยทรุดล้มลงไปกับพื้น


ศักดาเดินใบหน้าถมึงทึงเข้ามา จ้องปืนในมือเข้าหาเสี่ยนักค้าทองที่ปากคอสั่น ยกไม้ยกมือห้ามอย่างหวาดกลัว


“...ยะ...อย่า...ยิงฉัน...ขอ...ร้อง”


จิ้งจอกสวาทแสยะยิ้มออกมา สะใจกับภาพแสดงอาการหวาดหวั่นกลัวตายของเสี่ยคิ้มตรงหน้าเป็นอย่างยิ่ง เดินสืบเท้าเข้ามา ปืนลูกโม่ในมือราวกับมัจจุราชสีดำที่กระตุกขวัญจนเสี่ยค้าทองกระเจิงไปด้วย ความพรั่นพรึง เข่าอ่อนจนต้องทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น ยกมือไหว้ศักดาอย่างหมดสิ้นศักดิ์ศรี


“อย่า...ฉันไหว้ล่ะ...อย่ายิงฉัน...ฉันยอมทุกอย่าง...อย่า...อย่า....”


ปากหนาของเสี่ยตัณหากลับสั่นระริกระรัวเร็ว เมื่อปากกระบอกปืนนั้นถูกจ่อจี้มายังศีรษะของตนเอง นัยน์ตาเหลือกลานแดงฉานมีน้ำตาไหลพรากออกมาเป็นทาง เหงื่อกาฬแตกพลั่กๆ


ศักดาแค่นหัวเราะ ดวงตาวาวโรจน์อย่างเหี้ยมเกรียม


ทันใดนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของเสี่ยนักค้าทองก็ดังกังวานขึ้น....


พร้อมๆ กับเสียงเรียกเข้าของมือถือ...ร่างของเสี่ยคิ้มที่กำลังพรั่นพรึงจนถึงขีด สุดนั้นสะท้านเฮือกขึ้นมาสุดตัว แผดร้องลั่น....ความรู้สึกที่บีบคั้นจับหัวใจนั้นส่งผลทำให้เสี่ยค้าทองแตก ตื่นจนปัสสวะไหลออกมาเต็มเป้ากางเกงส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง


จิ้งจอกสวาทหัวเราะอย่างเหยียดหยาม


“กลัวจนฉี่แตกเลยเหรอ...เสี่ยคิ้ม...ฮะฮะ...”


ใบหน้าของเสี่ยค้าทองซีดขาวอย่างอับอาย ดวงตาเหลือกลานเต็มไปด้วยความขุ่นแค้น หวาดกลัว พรั่นพรึง ทั้งเสียหน้า เสียศักดิศรี แต่ก็ไม่มีกำลังขวัญพอจะแสดงออกมาต่อหน้าคนที่กำลังใช้ปืนจ่อขมับตัวเองอยู่ ได้แต่คุกเข่า ก้มหน้า ยกมือพนมไหว้สั่นระริกเท่านั้น


เสียงเรียกมือถือนั้นดังต่อเนื่อง ศักดาแค่นหัวเราะ กล่าวว่า


“เสี่ยจะไม่รับโทรศัพท์หน่อยหรือ...”


เสี่ยค้าทองกล่าวเสียงแหบแห้ง


“มะ..ไม่เป็นไร...เดี๋ยวก็...ก็หยุดเอง...”


เสียงเรียกสัญญาณเรียกเข้านั้นหยุดไปอย่างที่เสี่ยคิ้มพูด...ทว่า...แค่ไม่ถึงอึดใจหนึ่ง....เสียงนั้นก็ดังขึ้นมาใหม่


คราวนี้ศักดาชักรำคาญ ตวาดว่า


“หยิบมือถือออกมา...ช้าๆ นะ...อย่าลวดลาย...ไม่งั้นผมระเบิดสมองเสี่ยแน่”


เสี่ยนักค้าทองเอื้อมมือสั่นๆ ไปหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง เสียงเรียกเข้าดังต่อเนื่อง ศักดาแบมือออก เสี่ยคิ้มก็ส่งมือถือของตัวเองให้ชายหนุ่มแต่โดยดี


ทีแรกศักดาตั้งใจจะแค่ปิดโทรศัพท์มือถือ แต่ทันใดที่เขาเห็นเบอร์โทรศัพท์ที่โชว์ขึ้นมาดวงตาของชายหนุ่มก็เบิกโพลง และยิ่งไปกว่านั้นชื่อที่เสี่ยคิ้มบันทึกเอาไว้นั้นมันชัดเจนเสียยิ่งกว่า อะไร...


นังไอซ์....!!!!


ศักดาร่ำร้องในใจ....พลันบังเกิดความสงสัย...นังไอซ์มันมีความสัมพันธ์กับไอ้คิ้มด้วยหรือ....แล้วทำไมมันต้องโทรมาตอนนี้...


สมองที่เชี่ยวชาญในการวางแผนการอันยอกย้อน ทำให้สมองของจิ้งจอกเจ้าเล่ห์สว่างวาบขึ้นมา ดวงตาสาดประกายถมึงทึงเกรี้ยวกราด....


หรือว่านี่เป็นแผนการของนังไอซ์ร่วมมือกับไอ้คิ้มเล่นงานเขา....?


ศักดายื่นส่งมือถือให้กับเสี่ยคิ้ม กล่าวเสียงเหี้ยมเกรียม


“ไม่ยักรู้ว่าเสี่ยรู้จักน้องไอซ์ด้วย...เปิดเสียงดัง...แล้วรับสาย...”


เสี่ยคิ้มที่แตกตื่นจนไม่มีความคิดจะขัดขืนความต้องการใดๆ จากอีกฝ่าย รับโทรศัพท์มามือไม้สั่น เปิดออกรับพร้อมกับส่งเสียงแหบๆ


“น้องไอซ์.....”


เสียงหัวเราะของฐิติพรรณดังออกมาใสกังวาน


“เป็นไงคะ..เสี่ยคิ้ม...เรียบร้อยไหม”


เสี่ยตัณหากลับเหงื่อแตกโทรมหน้า ปากคอสั่นระริก


“เอ่อ...ครับ...น้อง..น้องไอซ์...โทรมาใหม่...ทีหลังได้ไหม...ผม..ผมกำลังยุ่ง...”


พริตตี้สาวตีความไปอีกอย่าง เสียงหัวเราะจึงดังมาอย่างระเริงรื่น


“เสี่ยก็เบาๆ หน่อยแล้วกันนะคะ...อย่าหักโหมรุนแรงให้มากนัก...น้องษาเขาไม่เคยค่ะ....คิก คิก...ถ้าอย่างนั้นแค่นี้แล้วกัน...ไอซ์ไม่รบกวนเวลาหาความสุขของเสี่ยล่ะคะ ...แต่อย่าลืมนะคะ...จัดการไอ้ศักดาอย่างที่เราตกลงกัน...ทำลายหน้าให้มัน เสียโฉม...ทำให้มันเจ็บสุดๆ...จากนั้นเสี่ยจะจัดการมันยังไงก็แล้วแต่ ...ไอซ์แนะนำนิดเดียวว่าจัดการให้เรียบร้อยไม่ต้องให้มีห่วงพะวงจะดีที่สุด ...”


เสียงหัวเราะกังวานใสนั้นดังไล่มาเป็นคำสุดท้ายก่อนที่ฐิติพรรณจะวางสายไป ท่ามกลางความแตกตื่นของเสี่ยคิ้ม เมื่อแลเห็นใบหน้าถมึงทึงเหี้ยมเกรียมของศักดา พลันตกลงใจโยนบาปภาระทั้งหมดให้กับฐิติพรรณ ปากร่ำร้องวิงวอน


“ไม่..ไม่เกี่ยวกับฉันนะ...ทั้ง..ทั้งหมด..เป็นความคิดของน้องไอ ซ์...เขาวางแผน...ทั้งหมด...ไม่..ไม่อย่างนั้น...ฉันจะตามนายมาถูกได้ยังไง ...เชื่อฉันนะ...”


ศักดาคำรามในใจอย่างเกรี้ยวกราด


นังไอซ์...นังงูเห่า....แว้งกัดกูเรอะ....


ในเวลานั้นชายหนุ่มมองเห็นดวงตาเหลือกลานของเสี่ยคิ้มนั้นกลิ้งกลอกไปมา ...ชะ...ไอ้คิ้ม...กูดูตามึงก็รู้...มึงวางแผนกับนังไอซ์เล่นงานกู...ไอ้ คิ้ม...


ความเดือดาลที่พล่านอยู่ในใจ...ทำให้ดวงตาของศักดานั้นราวกับมีเปลวไฟพลุ่ง ขึ้นมา ความเหี้ยมโหดนั้นสาดประกายออกมา จนเสี่ยคิ้มที่คุกเข่าอยู่รับรู้ได้จนตัวสั่นสะท้าน แผดร้องคร่ำครวญออกมาอย่างหวาดหวั่นขวัญเสีย ยกไม้ยกมือไหว้ท่วมหัว


“อย่า...ฉันกลัว...กลัวแล้ว...ขอร้อง...อย่า....อย่า....ยะ.........อย่า...ได้โปรด....แกจะเอาอะไร...ฉันยอมหมด”


เสี่ยค้าทองน้ำตาไหล ใบหน้านั้นบิดเบี้ยว ดวงตาเหลือกลาน ขณะที่จิ้งจอกสวาทแสยะยิ้มอย่างเลือดเย็น สายตาของเขาปรายมองไปยังเสี่ยคิ้ม....อ่านทะลุใจของอีกฝ่าย...ตอนนี้เขา เหมือนกับขี่หลังเสือ....ฆ่าคนตายไปสองคนแล้ว....อีกคนจะต่างกันแค่ไหน?...


...อย่าว่าแต่...ไอ้คิ้ม...ถ้าผ่านคืนนี้ไป...มีหรือมันจะไม่ตามเก็บเขาให้สมแค้น....


ความคิดของจิ้งจอกสวาทมาถึงตอนนี้ ดวงตาของชายหนุ่มก็สาดประกายอันโหดเหี้ยม....นิ้วที่กระชับโกร่งไกนั้นกระดิกวาบ!!!


.......................


เมื่อริมฝีปากที่ร้อนแรงของคมศรแตะลงไปอย่างแผ่วเบาบนกลีบกุหลาบนุ่มที่ กำลังสั่นระริก สัมผัสที่อรนุชรับรู้เป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอนั้นก็ส่งผ่านคลื่นความ รู้สึกที่รุนแรงและเสียวสะท้านไปจับขั้วหัวใจ ความรู้สึกที่พล่านขึ้นมาอย่างรวดเร็วนั้นทำให้ร่างเล็กบางสะท้านไหว กระตุกเกร็ง สองมือกำแน่น อาการนั้นบังเกิดขึ้นพร้อมๆ กับเสียงครางดังอย่างแผ่วเบาในลำคองามระหง


พ่อเลี้ยงปางห้วยสักวางมือของเขาลงไปบนสองบ่างามนั้น นิ้วอันแข็งแรงทั้งสิบบีบไปอย่างเบาๆ บดมือของเขาช้าๆ ค่อยๆ เคลื่อนการนวดเฟ้นหัวไหล่ไปจนถึงต้นแขนบางอย่างเนิบนาบ การกระทำของชายหนุ่มนั้นผ่อนคลายการรัดรึงของอารมณ์ที่บีบคั้นในใจของอรนุช ลงไป ทำให้ร่างเกร็งของเด็กสาวค่อยๆ สงบลง พร้อมๆ กับอาการที่ใบหน้างามนั้นแหงนขึ้นเล็กน้อย ปากบางอ้าออกสั่นระริก


คมศรเคลื่อนใบหน้าประกบปากเม้มไปยังกลีบกุหลาบงามที่เผยอออกมารอรับนั้นด้วย อารมณ์ปรารถนาที่คุกกรุ่นในใจ ความนุ่มเนียนที่สัมผัสได้เร่งปฏิกิริยาทำให้เลือดในกายของชายหนุ่มไหลเวียน อย่างรวดเร็ว ลมหายใจของเขาหนักหน่วงขึ้น คราวนี้เสียงครางดังแผ่วมาจากช่วงคอแข็งแรงของพ่อเลี้ยงหนุ่มบ้าง ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านขับให้เขาใช้ลิ้นลากไล้สัมผัสไปบนกลีบงามบอบบางที่ ถูกดูดเข้ามาในปากตัวเอง รสชาติของความหวานสั่นสะเทือนเข้าไปถึงขั้วหัวใจของคมศร ขณะเดียวกันก็ก่อให้เกิดความเสียวสะท้านที่แลบแปลบปลาบซ่านจากเรียวปากงาม นั้นแผ่ลามไปทั่วร่างของเด็กสาว เสียงครางของอรนุชสะท้านขึ้นประสานกับเสียงของคมศร.....สำเนียงแห่งความ รู้สึกที่แผ่ออกมาราวกับสื่อไร้สภาพที่เคลื่อนเข้าจับใจของคนทั้งคู่....ทำ ให้ต่างฝ่ายต่างรับทราบถึงความรู้สึกของกันและกันอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง....


ปากงามที่เผยอออกครางครวญ เปิดโอกาสให้คมศรประกบริมฝีปากของตัวเองเข้าไปอย่างแนบแน่น เนื้อแนบเนื้อจนแทบเป็นหนึ่งเดียวพร้อมๆ กับลากลิ้นของตนเองไล้ไปตามกลีบปากนุ่ม รสสัมผัสนั้นกระเพื่อมความรัญจวนใจให้แผ่ลามเกาะกินไปทั่วอณูความรู้สึกของ เด็กสาว ขับเร้าการตอบสนองของอรนุชให้เป็นไปโดยที่เธอไม่รู้ตัว เด็กสาวขยับเรียวปากของตัวเองเปิดรับการจุมพิตที่แสนหวานนั้นอย่างเต็มใจ และเปิดทางให้ลิ้นอุ่นๆ ของเขาเข้ามากระหวัดพันกับลิ้นนุ่มชุ่มชื้นของตน...


สองลิ้นเกี่ยวพันโลมรัดกันอย่างสุดเสน่หาเร้าความเสียวซ่านรัญจวนให้พล่าน ขึ้นเต็มโพรงปากนั้น ทำให้ร่างบางของอรนุชสั่นกระตุกไปทั้งตัว เสียงครางดังขึ้น...แรงขึ้น.... ทรวงอกตูมตั้งนั้นสะท้อนถี่ มือที่จำเดิมกำแน่น คลายออกตะปบไปที่แขนกำยำของคนที่ทอดตัวตะแคงข้างๆ ตัวเธอ นิ้วเรียวราวกับลำเทียนปักเล็บจิกไปในผิวกายอันแข็งแกร่งสมชายของคมศร ส่งผ่านความรู้สึกภายในของเธอถ่ายทอดกลับไปสู่ตัวของชายหนุ่มที่รับทราบผ่าน ความรู้สึกเจ็บแปลบที่ปลายเล็บนั้นกดเข้ามากับผิวเนื้อตนเอง เสียงครางของเขาผสานกับเสียงของเธอเป็นจังหวะจะโคนที่แทรกซึมเข้าสู่โสต ประสาทของทั้งสองนั้นราวกับเป็นมนต์สวาทพาให้ทั้งคู่ล่องลอยไปกับภวังค์เสน ห่าแห่งวิมานกลางไพร


ความรัญจวนใจเร่งเร้าให้ริมฝีปากที่ประกบแน่นกันแน่นนั้นบดเบียดอย่างเร่า ร้อน ลมหายใจแรงกระชั้นสั้น และเสียงครางที่ผสมผสานเป็นหนึ่งเดียว ท่ามกลางความอ่อนหวานของบทเพลงแห่งการจุมพิตนั้น คมศรพาอรนุชลีลาสดื่มด่ำกับความรู้สึกที่เต็มอิ่มและพร่าพรายจนเพริดแพร้ว จนเมื่อความหวานนั้นลดตัวกลับไป ปลายลิ้นเรียวของเธอก็เป็นฝ่ายเคลื่อนตามติดไปแทนที่ คมศรครางหนักๆ ในลำคอบ้าง เมื่อความชุ่มชื้นของอรนุชนั้นแผ่ซ่านเข้ามาในปากของเขากลับกัน...


ท่ามกลางเพลิงแห่งความรัญจวนที่พลุ่งพล่านร้อนแรงในใจของทั้งสอง ริมฝีปากของชายหนุ่มและเด็กสาวสอดประสานบดเบียดกันจนแทบเป็นเนื้อเดียวก่อน จะคลายออก และรวมตัวกลับเข้ามาหากันอย่างโหยหาเป็นจังหวะต่อเนื่อง อย่างช้าๆ ทว่าเร่าร้อนเหลือประมาณ หลอมละลายวิญญาณของคนทั้งคู่เข้าหากันเป็นหนึ่งเดียว


ในห้วงความรู้สึกที่ตัวเองเหมือนกับจะล่องลอยไปในภวังค์ที่ไร้ที่สิ้นสุด อรนุชที่แหงนหน้าน้อยๆ รับการจุมพิตสัมผัสอันอ่อนโยนของริมฝีปากอุ่นของคมศรที่บรรจงประกบไปตามวง หน้างามล้ำนั้นอย่างละลานใจ พ่อเลี้ยงหนุ่มสูดลมหายใจหนักๆ ขณะที่จรดจมูกโด่งของตัวเองนิ่งนานไปบนผิวแก้มบางใส รับเสพกลิ่นกายที่หอมเย็นเข้าไปเต็มปอด...ความเต็มอิ่มที่ท่วมท้นเข้ามาทำ ให้เสียงครางของเขาดังขึ้นในลำคออย่างไม่ข่มกลั้น...ริมฝีปากของชายหนุ่ม เคลื่อนไปจุมพิตอย่างบางเบาบนเปลือกตาคู่งาม ขณะที่ขนตางอนยาวที่หลับพริ้มอยู่สั่นไหวกระพือราวกับปีกผีเสื้อ


คมศรจูบไล่ไปตามพวงแก้มอิ่ม ปากอุ่นของเขาไต่ไปตรงติ่งหูขาวใส ขบเบาๆ และกระซิบเสียงแผ่ว


“คุณเป็น...คนพิเศษสำหรับผม อรนุช พิเศษจริงๆ”


โสตประสาทที่ได้รับรู้เสียงที่ผ่านเข้ามาราวกับล่องลอยอยู่ไกลเหลือเกิน ความวาบหวามที่หลั่งล้นออกมาจนท่วมท้นความรู้สึก ทำให้ปากงามของอรนุชเผยอขึ้นครางครวญ ขณะที่มือหนักแน่นของคมศรที่กระชับอยู่ตรงต้นแขนงามคู่นั้น เอื้อมสอดเข้าไปภายในปกเสื้อแจ๊กเก๊ตตัวหนาที่เขาให้เธอใส่เพื่อกันหนาว และดันให้คลายออกไปจากหัวไหล่บาง ความรุ่มร้อนที่บังเกิดขึ้นกลางอก ทำให้ร่างเล็กบางนั้นแอ่นสะท้าน ปล่อยให้เจ้าของเสื้อแจ๊กเก๊ตตัวนั้นทวงเสื้อคืนกลับไป...


ความหนาวยะเยือกแผ่ซ่านเข้ามากระทบผิวกายอันบางใสนั้นวูบหนึ่ง แต่ความรู้สึกสั่นสะท้านนั้นเกิดเพียงแค่ช่วงลัดนิ้วเดียว เพราะมืออุ่นของคมศรนั้นลากไปตามลำแขนของเธออย่างช้าๆ ความร้อนที่เกิดขึ้นไปตามแนวระนาบโลมไล้ของชายหนุ่มกลับทวีความร้อนแรงขึ้น จนกลบความรู้สึกหนาวสั่นของเด็กสาวไปจนสิ้น มือของชายหนุ่มที่ร้อนผะผ่าวค่อยๆ เลื่อนไปกระชับตรงลำตัวบางงาม และไต่ขึ้นไปโอบอุ้มฐานปทุมอันงดงามคู่นั้น


อรนุชส่งเสียงร้องครางออกมา ปากงามเผยออ้า เสียงสั่นสะท้านนั้นพร่าพราย ร่างกลับเกร็งขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อรับรู้การสัมผัสที่กระชับเข้ามาตรงบริเวณทรวงอก มือของเด็กสาวกระตุกไปคว้าข้อมือหนาของคมศรเอาไว้อย่างรวดเร็ว ลมหายใจกระชั้นถี่ ใบหน้าซีด นิ้วเล็กเรียวนั้นกำข้อมือของอีกฝ่ายแน่น แรงต้านบางอย่างในส่วนลึกขับดันให้เธอพยายามผลักมือนั้นออกไป แต่มันช่างอ่อนแรงเสียเหลือเกิน และเมื่อพ่อเลี้ยงหนุ่มประกบจูบต่อเนื่อง ริมฝีปากประทับตรงกลับไปที่กลีบปากงามที่กำลังเผยอขึ้นครวญคราง ลิ้นของชายหนุ่มที่ลากโลมเข้าไป ก็ค่อยๆ ทำให้มือขาวบางที่กำลังกุมข้อมือแข็งแรงของเขานั้นอ่อนเปลี้ยจนหลุดทิ้งลงไป จิกนิ้วขยำกองใบไม้ที่ปูรองอยู่บนพื้นอย่างเสียวซ่าน ร่างบิดเร่าๆ เมื่อมือของคมศรขยับได้สะดวกขึ้น และใช้นิ้วทั้งห้านั้นป่ายคลึงวนไปตามฐานปทุมอันนุ่มนิ่มได้รูปนั้น ก่อนจะเคลื่อนเข้าไปหยอกเย้าปลายอันตูมตั้ง นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ที่แข็งแรงของชายหนุ่มที่กดเน้นบีบคลึงลงไปรับทราบ ถึงปลายเม็ดเล็กๆ ที่ประดับอยู่บนยอดปทุมนั้นขยายตัวขึ้นสู้นิ้วของเขาถึงแม้ว่าจะผ่านเสื้อ ผ้าและยกทรงที่ห่อหุ้มอยู่ถึงสองชั้น


ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านทำให้ชายหนุ่มต้องอดที่จะส่งเสียงในลำคอออกมาไม่ได้ ใบหน้าของเขาไล้ต่ำลงมาจากวงหน้างาม ประกบไซร้ไปตามซอกคอขาวที่กำลังแหงนเพริดนั้นอย่างละลานใจ


ความรู้สึกที่ร้อนกระเส่าพล่านไปทั่วร่างเล็กบางจนเด็กสาวต้องบิดกายอย่าง สุดระงับ แรงกระชับที่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ตรงทรวงอก ทำให้เธออ้าปากหอบหายใจหนักๆ ครางออกมาเสียงดังขึ้นไปตามความแรงของการประกบของอุ้งมือหนาหนักนั้น ซึ่งพ่อเลี้ยงคมศรที่กำลังไล้จูบไปตามซอกคอขาวผ่องเองก็รู้สึกวาบหวามรัญจวน ในอารมณ์ไม่แพ้กัน เสียงลมหายใจของชายหนุ่มหนักหน่วงขึ้นเฉกเช่นเดียวกับของอรนุช คมปากที่ปกคลุมไปด้วยหนวดเคราเริ่มบดกระชับกรีดไปตามผิวเนื้อบางใสนั้นอย่าง เร่งร้อนมากขึ้น


มือของชายหนุ่มที่เริ่มสั่นระริกอันเนื่องจากถูกอารมณ์ภายในขับนั้นลาก เลื่อนต่ำไปตามลำตัวบางงาม ก่อนที่นิ้วอันเร่าร้อนนั้นจะสอดเข้าไปใต้เสื้อยืดโปโลสีขาวที่อรนุชสวมใส่ ความร้อนที่แนบเข้ามาตามลำตัว ทำให้เด็กสาวร่างบางครางออกมาเสียงดัง ร่างสั่นระริก กระตุกวาบๆ ทรวงอกที่แอ่นสะท้านขึ้นมานั้นล้อสายตาจนคมศรต้องซุกไซร้ใบหน้าลงไปสัมผัส ความนุ่มนิ่มนั้นอย่างอิ่มใจ เสียงหายใจของทั้งสองคนกระชั้นถี่ ความเร่าร้อนที่ปะทุขึ้นภายในร่างกายของชายหนุ่มและเด็กสาวหาได้มีความร้อน แรงน้อยไปกว่ากองไฟที่อยู่ข้างกาย มิหนำซ้ำ ยังจะยิ่งรุนแรงมากกว่า ในความรู้สึกของอรนุชนั้นตัวเธอแทบจะหลอมละลายไปกับรสสัมผัสนั้น


คมศรเองก็เฉกเช่นกัน ความร้อนที่ระอุอกทำให้ลมหายใจของเขาเร่งร้อน ร่างกำยำนั้นถึงกับสั่นกระตุกไปตามประสาทสัมผัสที่ซึบซับ กลิ่นกาย ความเนียนนุ่ม และปฏิกิริยาที่ตอบสนองทั้งหมดจากเรือนร่างที่สุดงามนั้น...


ความหอมหวานที่แผ่คลุมไปทั่วจิตใจเร้าอารมณ์ปราถรนาของชายหนุ่มจนคุโชน มือของเขารั้งชายเสื้อยืดที่อรนุชสวมใส่นั้นกระตุกเลิกขึ้นไปจนเปิดเผยให้ เห็นผิวกายที่ขาวผ่องปานหยกเนื้อดี โดยเฉพาะเมื่อปทุมถันที่ซ่อนตัวอยู่ในเสื้อชั้นในสีขาวสะอาดนั้นเผยความ งามออกมา ความสมบูรณ์ของรูปสัณฐานที่ราวกับเป็นผลผลิตจากช่างปั้นฝีมือเทพนั้นปรากฏ แก่ดวงตาสีเหล็กที่กำลังเบิกโพลงของเขาอย่างเต็มตา....


ความปราถนาที่รุมเร้าทำให้ใบหน้าคร้ามคมนั้นก้มลงไปไซร้ฟอนร่องอกที่อิ่มงาม ได้รูป จมูกโด่งของเขาฝังเข้าไประหว่างกลางก้อนเนื้อนุ่มนิ่มที่สร้างความรู้สึก กระเส่าร้อนพล่านพลุ่งขึ้นจนเต็มขั้นหัวใจ ปรากฏเสียงครางหนักๆ จากลำคออวบแข็งแรงนั้น ส่วนอรนุชนั้นเล่าการสัมผัสนั้นราวกับเตารีดร้อนๆ ที่นาบเข้ามาบนผิวกายที่อ่อนบางของเธอ จนร่างบิดเร่าๆ เกร็งสะท้านไปจนทั่วตัว เสียงครางครวญดังขึ้นไม่ขาดปาก ความเสียวซ่านรัญจวนฟุ้งกระเจิงครอบคลุมไปทั่วทุกอณูความรู้สึก และเมื่อแรงจากมือหนานั้นขยับกองเสื้อที่ทบอยู่ตรงหน้าอกเป็นสัญญาณที่เขา ต้องการกระตุกมันออกไป ร่างงามของเด็กสาวก็ขยับอย่างสอดคล้อง แอ่นตัวเหยียดแขนปล่อยให้เสื้อโปโลสีขาวนั้นถูกถอดออกไปจากร่างของเธออย่าง รวดเร็ว


คราวนี้ริมฝีปากที่ร้อนแรงสามารถเฟ้นฟอนไปตามร่องเนื้อที่บีบอัดอยู่ภายใต้ ชุดชั้นในเนื้อเนียนนั้นได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น รสสัมผัสที่ราวกับเป็นมนต์สะกด ทำให้ร่างของอรนุชอ่อนเปลี้ยระทดระทวย ยิ่งถูกซ้ำเติมไปด้วยมือหนาหนักที่ปัดป่ายไปตามช่วงตัวที่เพรียวบางและหน้า ท้องที่ขาวเรียบ ก็ยิ่งทำให้เพลิงความรู้สึกที่เร่าร้อนรัญจวนใจนั้นฟุ้งกระเพื่อมไปทั่ว เรือนร่างเล็กบางนั้นจนตัวบิดเกร็งและส่ายกระตุกวาบๆ มือของเด็กสาวนั้นบัดเดี๋ยวกำจิกแน่น บัดเดี๋ยวก็เอื้อมไปเกาะเกี่ยวเนื้อกายของคนที่กำลังเบียดแนบชิดอยู่เคียง ข้างจิกนิ้วลงไปอย่างสุดแรงเพื่อบรรเทาความรู้สึกที่เร่าร้อนพลุ่งพล่านที่ ราวกับทะเลยามฟ้าฝนคุ้มคลั่งนั้น


ส่วนพ่อเลี้ยงปางห้วยสักเองนั้นเล่า สัมผัสที่เขาได้รับรู้นั้นมันได้สร้างความรู้สึกที่กระหายใคร่อยากให้เกิด ขึ้นในใจของเขาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ความเจนศึกสวาทมาจนนับครั้งไม่ถ้วน หาได้มีครั้งใดที่ความเร่าร้อนพลุ่งพล่านจะบังเกิดขึ้นในร่างกายเหมือนครั้ง นี้ ยามที่เขาฝังหน้าลงไปบนก้อนเนื้อที่อบอุ่นเนียนงาม ยามที่มือของเขาลากไล้คลึงไปตามผิวกายที่ละเอียดนุ่มราวกับไร้กระดูก ร่างที่สั่นระริกและแอ่นสะท้านตอบสนอง มันประกอบเป็นส่วนผสมที่ลงตัวและแทรกซึมเข้าไปในจิตวิญญาณรับรู้ของเขาอย่าง รุนแรงและแหลมคมราวกับลูกศรสวาทจากนายพรานสาวที่ปล่อยออกมาล่าสิงห์ร้ายเช่น เขาอย่างถนัดถนี่แม่นยำ


ใช่....เรือนร่างที่ตกอยู่ภายใต้การประคองกอดโลมไล้ของเขานี้ สามารถบอกได้เต็มปากว่าเป็นเรือนกายที่สวยสะพรั่งงามไปจนทุกส่วนสัด แต่ชีวิตที่ผ่านประสบการณ์และศึกสวาทมาอย่างโชกโชน เขาไม่มีทางอ่อนไหวจนถึงขนาดนี้...ไม่ใช่สิ่งนี้แน่นอนที่ทำให้เลือดในกาย ของเขานั้นไหลเวียนอย่างรวดเร็วเร่าร้อน ประดุจเด็กหนุ่มเพิ่งแตกพานและรับรู้รสชาติความหฤหรรษ์แห่งเพศตรงข้าม


อะไรคือความพิเศษที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน?


คมศรลากใบหน้าลงไปตามหน้าท้องที่แบนราบที่กำลังสะท้านสะเทือนไปกับการถูกเขา โลมไล้ อาการหอบหายใจกระชั้นถี่ของเจ้าของร่างงามนั้นทำให้หน้าท้องที่ขาวผ่องนั้น เคลื่อนไหวขึ้นลงเป็นคลื่นลอน วงกลมเล็กงามได้รูปที่กึ่งกลางหน้าท้องนั้นส่ายไหวสะเทือนไปตามแรงลิ้นที่ฉก ลงไปอย่างดูดดื่ม ลิ้นของคมศรลากกวาดไต่ไปรอบๆ วงสวยของสะดือนั้น ผสมผสานกับจังหวะประกบปากจูบลงไปดูดผิวกายที่เต่งตึงเนียนนุ่มนั้น การรุกเร้าอันจัดเจนกระตุ้นความรู้สึกที่เสียวซ่านให้เกิดแก่อรนุชจนร่างบาง นั้นบิดไปบิดมา เสียวสะท้านจนต้องส่งเสียงครางครวญอยู่ในลำคอไม่ขาดระยะ ท่ามกลางความรู้สึกที่พล่านอยู่จนจับใจนั้นเด็กสาวเลื่อนมือเข้าไปประคองตรง ท้ายทอยของศีรษะที่กำลังก้มอยู่ตรงกลางลำตัวของเธอ และกดใบหน้าของเขาให้ผสานไปกับจังหวะที่ตนเองแอ่นร่างขึ้นเสนอสนองการโลมไล้ นั้นอย่างสุดรัญจวนจิต


คมศรที่รับทราบถึงแรงกดที่มีเข้ามาตรงท้ายทอย และกำลังอิ่มเอมกับผิวกายที่หอมหวานเต่งตึงที่ใบหน้าของเขาฝังอยู่อย่างเต็ม ที่ ทันใดนั้นสมองส่วนหลังที่ถูกมือเล็กบางลูบไล้อยู่ก็สว่างวาบ


ใช่แล้ว...ความบริสุทธิ์...ที่ถูกปกปักรักษาอย่างหวงแหน..ซึ่งถ้าเป็นช่วง เวลาอันเป็นปกติอย่าได้หมายว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น...นี่เอง...คือคำ ตอบ


เขาที่ผ่านสตรีมาหลากหลาย ทุกคนที่เขาสามารถใช้บุคลิกและความสามารถในการเข้าถึงอย่างเจนจัด และสำเร็จดั่งความปราถนาไปจนได้เชยชมความหอมหวานจากพวกเธอเหล่านั้น แต่ด้วยอุปนิสัย ทัศนิคติ และความคิดของอรนุชนั้น คมศรแน่ใจ ถ้าเหตุการณ์ทุกอย่างไม่ได้ประจวบรวมกันเข้ามาอย่างเหมาะเจาะราวกับเทพ บันดาล เขาไม่มีทางรุกล้ำมาจนถึงขั้นนี้อย่างแน่นอน


นั่นเอง...รางวัลที่เขาได้รับ...มันช่างหอมหวาน...และเร้าอารมณ์ปราถนาของ เขาจนคุโชนเช่นนี้....เมื่อตระหนักเช่นนั้น...ลมหายใจของคมศรหนักหน่วง กระชั้นถี่ขึ้นมาทันที...


ความต้องการที่ถูกขับอย่างรุนแรงจากภายใน ทำให้มือของคมศรเคลื่อนวาบเข้าไปปลดกระดุมกางเกงขายาวที่อรนุชสวมใส่ก่อนจะ รูดซิปออกไปจนสุด เมื่อยามที่สะโพกผายของเด็กสาวยกส่ายไหวไปตามแรงขับของอารมณ์รัญจวนที่ถูก ปลุกปั่นจากลิ้นของเขาที่ไม่เหินห่างไปจากการโลมเลียตรงหน้าท้องขาว มือแข็งแรงของชายหนุ่มก็กระตุกหมายกระชากกางเกงลงไปตามเพรียวขางามนั้น...


อรนุชที่กำลังสะท้านไหวอย่างรัญจวนใจนั้นรู้สึกเหมือนกับมีไฟฟ้าช๊อตขึ้น มากลางใจ ความรู้สึกบางอย่างที่มีความรุนแรงดันพุ่งวาบแทรกความรู้สึกแห่งดำฤษณาที่ กำลังปกคลุมอยู่อย่างหนาแน่นในอารมณ์แห่งรัก ความรู้สึกนั้นกระตุ้นให้ร่างบางทิ้งตัวลงกดตัวแนบกับพื้น พร้อมๆ กับมือน้อยๆ ทั้งสองเอื้อมกลับมายุดยั้งการกระทำของคมศรเอาไว้ ใบหน้างามที่กำลังแสดงความรู้สึกเสียวซ่านรัญจวนซีดขาว อกอูมนั้นสะท้อนไหวขึ้นลงอย่างหอบถี่


แม้สมองที่ควบคุมการรับรู้จะตัดใจ และยอมรับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนั้นอย่างเต็มหัวใจ แต่สัญชตญาณก้นบึ้งของชีวิตที่ถูกอบรมสั่งสอนมาให้หวงแหนและปกปักของที่มี ค่าที่สุดของชีวิตลูกผู้หญินั้นกำลังดิ้นรนเต็มที่ เป็นพลังต่อต้านขุมสุดท้ายที่พยายามยื้อแย่ง...ปกป้อง...สิ่งที่ถูกเฝ้า รักษาอย่างหวงแหนตลอดมา


แต่ทว่า...แรงต้านอันเป็นปราการด่านสุดท้ายก็สั่นสะเทือนลั่นร้าวไปกับ แรงกระแทกของอารมณ์อันเกิดจากใบหน้าที่มีเครารกครึ้มนั้นลากไล้โลมลิ้นไต่ จากท้องน้อยเธอขึ้นไปจนไปฝังหน้ากับร่องอกที่เครียดครัดรัดรึงด้วยชุดชั้นใน บางเบานั้นอีกครั้ง รอยร้าวของกำแพงต่อต้านทวีความแตกแยกไปมากขึ้น ตามจังหวะที่ลิ้นหนาของชายหนุ่มตวัดไล้ไปตามร่องเนื้อที่อิ่มงามนั้น อย่างช้าๆ อาการแข็งขืนก็เริ่มอ่อนแรงไปตามลำดับ เสียงครางครวญจากปากงามสั่นพร่า.....


มือของคมศรที่เฟ้นไปตามลำตัวเพรียวงาม เคลื่อนไปตามแผ่นหลังที่กำลังแอ่นระริกนั้นอย่างช้าๆ ปั่นป่วนอารมณ์ของอรนุชจนสั่นสะท้านไปทั่งตัว และนิ้วมือแข็งแรงที่เจนจัดก็เลื่อนวาบเข้าไปปลดตะขอชุดชั้นในตัวน้อยให้ หลุดจากการรัดรึงอย่างว่องไว รวดเร็วจนเกินกว่าที่เจ้าของจะล่วงรู้และป้องกันได้ทัน...


การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มนั้นประดุจค้อนไร้สภาพอันมหึมาที่กระทุ้งเข้ามา อย่างรุนแรง ส่งผลให้ปราการต่อต้านนั้นกระเจิงทลาย เมื่อชุดชั้นในบางเบาตัวน้อยถูกกระตุกวาบออกไป เสียงครางของอรนุชดังออกมาสุดๆ ใบหน้างามแหงนเพริด ดวงตาที่หลับพริ้มสั่นกระตุก คิ้วเรียวงามขมวดมุ่น...อาการนั้นบังเกิดเมื่อใบหน้าของคมศรนั้นก้มลงไปเฟ้น ฟอนสองก้อนเนื้อที่อุ่นละเอียดของเธออย่างรวดเร็ว


ปากอันร้อนแรงที่โอบอมไปตรงปลายถันที่งอนงาม ลิ้นหนาของเขาเคลื่อนไปตามฐานที่ชูชันปลายยอดสีชมพูอ่อนเป็นวงกลม ไล้ดูดเม้มขมิบอย่างต่อเนื่องจนสติของอรนุชกระเจิดกระเจิง ร่างของเธอกระตุกซ่านระริกๆ สะโพกผายแอ่นไหวไปมาอย่างรัญจวนใจสุดขีด ปากพร่ำร้องออกมาไม่เป็นภาษา แต่มือบางนั้นกลับเลื่อนไปประคองท้ายทอยของเขาให้โลมไล้จมแน่นเข้ามายังตัว เธอในแนบสนิทมากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว


พริบตานั้น...มือของชายหนุ่มก็เลื่อนกลับไปยังเป้าหมายเดิม พร้อมๆ กันนั้นกางเกงขายาวสีดำก็ถูกครูดออกไปตามเรียวขางามอย่างรวดเร็ว คราวนี้ปราศจากแนวต้านขัดขืนใดๆ อีกเลยแม้แต่น้อยนิด


ดวงตาสีเหล็กเบิกวาบเมื่อสุดยอดของความงามตรงเนินสวาทนั้นลอยเด่นอยู่ตรง หน้า ชายหนุ่มครางออกมาอย่างแหบโหยกระสันอารมณ์ มือของเขาลากไปประทับบนเนินนูนนั้นอย่างละลานใจ นิ้วที่คลึงลงไปรับทราบถึงความแน่นที่แสนนุ่มนิ่มนั้นอย่างถนัดถนี่ ร่างเล็กบางของอรนุชกระตุกพล่าน สะโพกผายแอ่นระริกอย่างเสียวรัญจวน ความรู้สึกที่วาบขึ้นมาจนจับจิต นั้นทำให้เด็กสาวอ้าปากร้องครางออกมาเสียงกระชั้นถี่...


นิ้วมือแข็งแรงของคมศรที่ลากไปมา สะกิดผ่านกลีบเกสรที่ซ่อนตัวอยู่ภายในเนื้อผ้าบางเบา สัมผัสกระทบไปกับติ่งงามที่กำลังสั่นระริก นิ้วที่ไล้โลมไปด้วยชั้นเชิงสิงห์สวาทนั้นเคลื่อนวาบไปอย่างนุ่มนวลทว่าหนัก แน่น ปั่นอารมณ์ของอรนุชจนกระเจิดกระเจิง ร่างเล็กบางสะท้านกระตุกวาบ ครางครวญในลำคออย่างสุดรัญจวนใจ สะโพกผายนั้นสะท้อนไหว ท่ามกลางความรู้สึกที่เสียวซ่านที่พล่านไปทั่วร่างของอรนุช เพียงไม่กี่อึดใจตรงบริเวณเป้ากางเกงในตัวน้อยสีขาวสะอาดปรากฏวงน้ำเปียก ชุ่มออกมาอย่างรวดเร็วจนชายหนุ่มสัมผัสได้


นิ้วมือที่เจนจัดนั้นเพิ่มกำลังกดเบียดไปบนร่องหลืบสวรรค์บรรจงสร้างมานั้น อย่างเน้นจังหวะ ปลายนิ้วที่ตัดเล็บไว้เรียบร้อยกดผ่านเนื้อผ้าบางเบาลงไปจนเห็นรูปร่าง ของกลีบเกสรที่สุดงาม คมศรสะกิดนิ้วไปอย่างปราณีตวนกรีดกรายหยอกล้อไปบนจุดศูนย์กลางแห่งความสาว นั้น กระตุ้นจนร่างงามสั่นระริกๆ ความเสียววาบรัญจวนนั้นสะท้านลามไปจับขั้วหัวใจ ความกดดันที่ทบเข้ามาอย่างหนาแน่นราวกับน้ำบ่าที่ทะลักออกจากทำนบที่แตกทำ ให้อรนุชแทบขาดใจ เสียงครางผสานกับอาการหอบกระชั้นต่อเนื่อง นิ้วทั้งสิบที่สวยราวกับลำเทียนของเด็กสาวปะป่ายไปตามหน้าอกอันกำยำของคมศร ขยำมือไปบนสาบเสื้อที่ชายหนุ่มสวมใส่ นิ้วเกร็งกำแน่นราวกับเธอนั้นกำลังจมดิ่งไปในห้วงแห่งอารมณ์รัญจวนที่หลาก เข้ามาในความรู้สึกจนต้องไขว่คว้าหาสิ่งยึดเหนี่ยวเอาไว้


มือขาวบางที่ปัดป่ายไปตามสาบเสื้อน้นถูกแรงขับกระตุ้นบางอย่างที่เร่าร้อน อยู่ภายในทำให้นิ้วมืองามนั้นสั่นระริก ท่ามกลางเสียงครางครวญและร่างของเธอบิดเร่าๆ ไปกับการจู่โจมของเขาที่พุ่งเข้าหาความเป็นหญิงของเธออย่างต่อเนื่องและเจน จัด ความต้องการถ่ายเทและระบายความกดดันที่เกิดขึ้นจากการเล้าโลมนั้นทำให้มือ เล็กของอรนุชสั่นระริก เมื่อพยายามแกะกระดุมเสื้อของอีกฝ่ายออกบ้าง


คมศรไม่ปฏิเสธการเคลื่อนไหวนั้นของอรนุช มิหนำซ้ำยังช่วยมือเล็กบางที่สั่นสะท้านไปตามแนวสาบเสื้อของเขาอีกแรงหนึ่ง พริบตาเดียวเสื้อแขนยาวที่เขาสวมใส่ก็ถูกถอดกระดุมออกไปจนหมด เผยให้เห็นแผงหน้าอกสีทองแดงกำยำบึกบึน ซึ่งมือของอรนุชที่กำลังสั่นระริกไปด้วยความความรู้สึกพล่านจากภายในซอกซอน เข้าไปปัดป่ายสัมผัสกับความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อนั้นอย่างรัญจวนใจ...ใบ หน้างามนั้นแหงนเพริดริมฝีปากสั่นระริก..


ขณะที่คมศรเองก็ขบกรามแน่น ความละเอียดของนิ้วมือที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าอกนั้น ทั้งปาดทั้งจิกขูดกรีดไปตามเนื้อตัวเขาอย่างรุนแรง แต่ชายหนุ่มหาได้รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเมื่อนิ้วเล็กๆ นั้นจิกเข้ามาบนผิวหนัง มันยิ่งเร้าอารมณ์แห่งไฟปรารถนาให้ลุกโชนขึ้นมาอีกเป็นเท่าทวี เสียงครางของเขาดังผสานกับเสียงของเด็กสาวอย่างต่อเนื่อง


ความเสียวซ่านที่พล่านในใจทำให้คมศรเร่งมือและนิ้วที่ชำนาญที่กำลังไต่ไปตาม กลีบเกสรแห่งความเป็นหญิงของอรนุชอย่างเร่าร้อน กระตุ้นร่างเล็กบางของเด็กสาวจนสั่นกระตุก สะโพกงามส่ายไหวสะท้อนล้อรับไปกับอุ้งมือที่แข็งแรงนั้น เสียงครางยิ่งดังขึ้นอีกอย่างไม่อาจข่มกลั้นได้ ร่างบิดแอ่นกระตุก ส่งจังหวะให้ทรวงอกที่สะท้อนขึ้นลงของเธอเป็นคลื่นงามยั่วเย้าให้พ่อเลี้ยง หนุ่มต้องฟอนหน้าลงไปกับสองเต้าขาวที่อุ่นละมุน ขบเม้มไปที่ปลายงามสีชมพูทั้งสองข้างสลับวนไปมา ดูดดื่มความหอมหวานอย่างสุดเร้าใจ สร้างความเสียวซ่านให้บังเกิดแก่อรนุชจนต้องยกตัวลอยตามไปทุกครั้งที่ใบหน้า ของชายหนุ่มกระตุกเม้มปลายปทุมถันของเธอติดปากขึ้นมา


...ทั้งสองส่วน...บนและล่างที่ไวต่อการสัมผัสนั้นถูกจู่โจมอย่างต่อเนื่อง จากมือและและเพลงปากที่ชำนาญการสวาท...เร่งเร้าความรู้สึกของเด็กสาวที่ เก่งกล้าแก่นแก้วเกินเพื่อนฝูงพี่น้อง...แต่ทว่าอ่อนเยาว์ไร้เดียงสากับเกม สวาทเหลือเกินนั้นจนแทบขาดใจ เสียงครางครวญนั้นเร่งร้อนและกระชั้นถี่ถี่ ร่างงามเกร็งกระตุกเฮือก...เฮือก....ความรู้สึกที่อรนุชเพิ่งถูกสอนให้ รู้จักกำลังไต่ระดับความรุนแรงขึ้นไปเรื่อยๆ ท่ามกลางเสียงครางครวญของเธอที่ดังขึ้นไปเป็นเงาตามตัว


แต่ภายใต้ท่าทีที่กำลังเพริดไปกับเพลิงสวาทที่เขาสอนให้เธอรู้จัก คมศรก็ยังรับรู้และจับกระแสแรงต้านลึกๆ ในร่างเล็กบางนี้ได้...แรงต้านที่ไม่ใช่มาจากสมองและจิตใจ ทว่าพรั่งพรูขึ้นมาจากจิตวิญญาณเนื้อแท้ของเธอที่ซ่อนอยู่ภายใต้ จิตสำนึก....


พ่อเลี้ยงปางห้วยสักที่เพลิงปรารถนาคุกโชกบอกกับตัวเอง...เขาต้องการอรนุช ...ต้องการฟอนอารมณ์ปรารถนากับความงามแห่งเรือนกายที่อยู่ตรงหน้า...


เขาจะไม่ยอมที่ให้มีอะไรมาขวางทางของเขาเป็นอันขาด...ไม่ว่าใคร...ไม่แม้แต่กระทั่งตัวของอรนุชเอง...


คมศรไม่ยอมปล่อยให้เงื่อนไขสุดท้ายที่อรนุชจะใช้เพื่อปกป้องตัวของเธอจาก ความปรารถนาของเขา...นั่นก็คือคำปฏิเสธที่ชายหนุ่มลั่นวาจาไว้แล้วว่าจะไม่ มีวันหักหาญถ้าเธอไม่ยอม...


คำปฏิเสธนั้น...พ่อเลี้ยงหนุ่มตกลงใจเป็นแม่นมั่น...จะไม่ยอมให้ผ่านพ้นริมฝีปากของอรนุชออกมาเป็นอันขาด...


สิงห์สวาทที่เจนศึกจับจังหวะที่เร่าร้อนไปกับเพลิงกระสันต์ของร่างบางนั้น การกระตุกถี่ยิบ...เสียงครางครวญกระเส่าพร่ากระชั้น...ปลายถันที่แข็งชัน เต่งตึงชูสะท้อนส่งความเครียดครัดเข้ามาสนองกับการโอบอ้อมของปากเขา...และ สะโพกผายงามที่กระตุกยกวาบไหวแอ่นสะท้อนไปกับจังหวะนิ้วอันแข็งแรงของตน เอง...


ทุกสัญญาณนั้นที่ราวกับเป็นเครื่องชี้วัดอารมณ์แห่งความรู้สึกที่กำลังพาให้ อรนุชเพริดแพร้วไปฝั่งฝันดินแดนที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน...


ก่อนที่นิ้วมืออันร้ายกาจนั้นจะละออกจากเนินสวรรค์สร้างนั้นเสียแต่กลางคัน ...ในเวลาห้วงขณะที่อรนุชกำลังเดินทางไปถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อสุดท้ายแห่ง อารมณ์กระสันต์...


การสูญเสียแรงขับแห่งอารมณ์สวาทไปอย่างกระทันหัน ทำให้ร่างบางของอรนุชที่กำลังบิดไหวเร่าๆ นั้นถึงกับสะบัดหน้าไปมา ส่งเสียงคราง....ยาวนาน...สะโพกผายบิดไหวเร่าร้อน


...อีกนิดเดียวเท่านั้น...นิดเดียวจริงๆ...


ด้วยความเหี้ยมและใจที่เกรียมของพ่อเลี้ยงหนุ่มที่ถูกอัดแน่นด้วยเพลิง ปรารถนาแห่งอารมณ์สวาท....คมศรเหนี่ยวขอบยางของกางเกงในบางเบาตัวน้อยที่ เด็กสาวสวมใส่...ความเร่าร้อนที่ค้างคา...ความปรารถนาการเติมเต็มในส่วนที่ ขาดหายไป....ทำให้อรนุชหมดปัญญาขัดขืน แอ่นสะโพกผายงามขึ้นจากพื้นเปิดทางให้อีกฝ่ายกระตุกอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายที่ปก ป้องเรือนร่างให้หลุดออกไปโดยทันที


ในเวลากระชั้นตามกัน โดยที่คมศรไม่ต้องการให้จิตวิญญาณของอรนุชได้ตั้งตัวติด พ่อเลี้ยงหนุ่มถอดเข็มขัดตัวเอง และไถลตัวออกมาจากกางเกงผ้าเนื้อหนานั้นทั้งชุดชั้นใน....ความเป็นชายของเขา กำลังแข็งตัวขึ้นเต็มที่....


ร่างกำยำของคมศรพลิกขึ้นไปทาบทับร่างขาวเปลือยที่แบบบาง อรนุชถ่างขางามของเธออ้าโอบร่างกำยำของอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยสัญชาตญาณที่ไม่มี ใครจำเป็นต้องสอน แต่ถูกขับจากเพลิงปรานถนาที่คุกโชนในใจ


ดวงตาสีเหล็กเบิกโพลง สองตาเบิ่งจ้องไปยังความงดงามที่กำลังฉ่ำเยิ้มไปด้วยสายน้ำแห่งสวรรค์ที่ อาบออกมา กลีบเกสรที่บอบบางชุ่มชื่นและระริกร่ายบ่งบอกถึงความปราถนาที่ต้องการได้รับ การปลดปล่อย คมศรจับไปที่โคนขางามที่ถ่างอยู่นั้นให้ขยับจนได้ตำแหน่งที่เหมาะสม ก่อนที่ปลายแห่งความเป็นชายนั้นจะจ่อประชิดเข้าไป


รสสัมผัสที่อวัยวะแห่งความเป็นชายและหญิงกระทบกันทำให้ทั้งคมศรและอรนุช สะท้านวาบออกมาทั้งคู่ กระแสแห่งความรู้สึกร้อนแรงแสบสะท้านนั้นแลกเปลี่ยนไหลเวียนถ่ายเท ผ่านอวัยวะที่ไวต่อความรู้สึกของทั้งสองที่กระทบเข้าหากัน กดดันกระตุ้นจนทำให้เสียงครางของชายหนุ่มและเด็กสาวดังประสานกันอย่างไม่อาจ ข่มกลั้น


คมศรขบกราม กดร่างของเขาลงไปช้าๆ รับรู้แรงต้านจากร่างงามซึ่งไม่ใช่แรงต้านของอารมณ์ขัดขืน ทว่าเป็นแรงต้านแห่งสรีระที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง...ช่องทางแห่งสรวงสวรรค์ที่ แม้จะกำลังระริกรอคอยการปลดปล่อย แต่ความคับแน่นนั้นเป็นแนวต่อต้านตามธรรมชาติที่ทำให้ชายหนุ่มข่มฟันแนบแน่น ...เจ็บแสบ...สองมือของเขาจับหัวไหล่บางนั้นกดไว้กับพื้น เมื่อรับรู้ว่าร่างงามนั้นกำลังจะไถลตัวหนี ก่อนจะเกร็งสะโพกหนาส่งกำลังบดเบียดความเป็นชายของเขาชำแรกเข้าไปในความเป็น หญิงของอรนุชอย่างละลานใจ


ส่วนปลายที่ไวต่อความรู้สึกนั้นกระทบเข้ากับปราการด่านสุดท้ายที่กางกั้น อยู่ เมื่อคมศรส่งกำลังเข้าไปเพียงนิดเดียว...แนวต้านที่บางเบาก็ขาดกระจุย ...พร้อมๆ กันนั้นขณะที่เสียงครางหนักๆ ของคมศรดังขึ้นอย่างสุขสม...ขณะที่เสียงครวญจากปากบางของอรนชนั้น...เจ็บปวด เหลือประมาณ...


ใบหน้างามนั้นแหงนเพริด...บิดเบี้ยว....พร้อมๆ กับอาการนั้นหยาดน้ำตาใสไหลรินซึมออกมาจากหางตาเป็นทางยาว....


หยาดน้ำตาแห่งความเจ็บปวด...และหยาดน้ำตาแห่งการรับรู้ความสูญเสีย....ความ สูญเสียที่อรนุชรู้แน่แก่ใจว่าเธอไม่มีทางเรียกร้องทวงคืนกลับมาอีกตลอด ชีวิต...


เสียงสะอื้นดังขึ้นมาแผ่วเบาจากลำคองามระหง พร้อมๆ กับความรู้สึกที่คมศรรับรู้ถึงความอุ่นที่อาบซึมไปทั่วลำกายของตนเอง ร่างกำยำของเขาชะงักหยุดยั้งการเคลื่อนไหวรุกรานนั้น...เปลี่ยนเป็นการทาบ ตัวลงไปประกบจูบลงบนกลีบปากงาม บรรจงบดไปตามกลีบปากที่เต่งผิวนั้นอย่างช้าๆ....เนิบเนียน...


ความเร่าร้อนระอุจากปากของชายหนุ่ม ค่อยๆ เกลื่อนอารมณ์ของอรนุชให้ละเลยจากความรู้สึกตรงหน้า และปล่อยตัวล่องลอยเพริดแพร้วไปกับการชักนำของเขา วงแขนบอบบางโอบรัดไปตามแผ่นหลังกำยำที่ทาบทับตัวเธออยู่ ก่อนที่เด็กสาวจะแหงนหน้าคราง เมื่อรับรู้ความแน่นที่สอดลึกเข้ามาอีก...


เธอพยายามแยกขาให้กว้างที่สุด แต่ความแน่นที่แหวกเข้ามานั้นก็ยังสร้างความเจ็บปวดรวดร้าวจนต้องครางออกมา อย่างไม่อาจข่มกลั้น...นิ้วงามราวกับลำเทียนทั้งสิบปักไปบนกลางแผ่นหลังของ ร่างใหญ่...จิกแน่น...


แต่ทว่าความเจ็บนั้นบรรเทาลงไปอย่างรวดเร็วเมื่อร่างแข็งแรงไม่ได้รุกล้ำ เข้ามาเพิ่มเติม แต่กลับนาบริมฝีปากเข้ามาโอบปลายปทุมถันที่ไวต่อความรู้สึกของเธอ ความชุ่มชื้นจากที่โลมเลียลงมานั้นเป็นไปอย่างเชื่องช้า...นุ่มนวล...ทว่า ความร้อนแรงที่แฝงเข้ามากับปลายลิ้นนั้นแผ่ซ่านความเสียวซ่านรัญจวนให้ขยาย วงกว้างออกไปราวกับก้อนหินที่ตกกระทบผิวน้ำ คลื่นแห่งความรู้สึกลามไปจนทั่วเรือนร่าง อรนุชครางออกมาเสียงดังหอบ ร่างบางแอ่นสะท้าน อกตูมงามเบ่งบานขึ้นรับสนองต่อสัมผัสอ่อนโยนนุ่มนวลนั้น มือขาวเลื่อนจากแผ่นหลังไปประกบที่ท้ายทอยของชายหนุ่ม ลูบไล้ไปมาด้วยความรัญจวนใจ ก่อนที่ช่องทางสู่สรวงสวรรค์นั้นจะแสดงความพร้อมต่อสิ่งแปลกปลอมที่เดินทาง เข้ามานั้นโดยการหลั่งสายธารแห่งความรักออกมาอย่างต่อเนื่อง....


คมศรที่บดสะโพกกำยำไปด้วยกล้ามเนื้ออันแข็งแรงรับรู้อาการตอบสนองนั้นได้ ความอ่อนหยุ่นที่โชลมแก่นลำของตัวเขาที่กำลังคับแน่นอยู่ภายใน เปิดโอกาสให้เขารุดหน้าลึกล้ำเข้าไปได้อีก...พร้อมๆ กับอาการที่ทั้งตัวเขาและอรนุชส่งเสียงครางออกมาพร้อมๆ กัน....ลมหายใจหนักหน่วง....เม็ดเหงื่อที่ผุดพรายมาจากสองร่างซึมออกมาหลอม ละลายรวมกันเป็นหนึ่งเดียว...


การเคลื่อนไหวของของคมศรชะงักลงเมื่อเจอแนวต้านด่านถัดไปที่บีบรัดเข้ามาอีก ครั้ง ความปวดแสบที่เกิดขึ้นทำให้ต้องขบฟันจนเป็นสันนูน แทบทุกนิ้วทุกคืบที่ความเป็นชายของเขาต้องช่วงชิงพื้นที่เคลื่อนหน้าเข้าไป นั้นมันเต็มไปด้วยแรงต่อต้านจากเจ้าของพื้นที่ที่หวงแหนความบริสุทธิ์ ผุดผ่องเอาไว้จนขาดใจ...


ไม่เพียงแต่เขาที่เจ็บ วงหน้างามที่ตั้งแต่เริ่มต้นก็หลับตาพริ้ม ไม่เคยลืมตาขึ้นอีกเลยนั้น ก็บ่งบอกถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในออกมาอย่างชัดเจน ผ่านริมฝีปากที่ถูกกัดแน่น คิ้วเรียวที่ขมวดมุ่น และเสียงครางออกมาเป็นระยะอย่างต่อเนื่องนั้น


พ่อเลี้ยงปางห้วยสักต้องค่อยๆ ขยับแก่นกายลำแข็งของตนเป็นจังหวะช้าๆ ค่อยๆ ให้เวลากับความเป็นหญิงของอรนุชและความเป็นชายของตนเองนั้นได้ทำความคุ้นเคย กันให้มากขึ้น ส่วนริมฝีปากของชายหนุ่มนั้นไม่ห่างไปจากการโลมไล้ไปตรงติ่งงามประดับปลาย ยอดปทุมคู่นั้น...ซ้าย...ขวา...ซ้าย...ขวา...วนสลับกันไปมา...ต่อเนื่อง...


ร่างงามบิดไหว ความรัญจวนใจที่พล่านพลุ่งทำให้มือน้อยสองข้างนั้นถึงกับเกร็งแน่น ถอนถอดจากท้ายทอยของเขา ไปจิกแน่นกับใบกล้วยที่ปูรองอยู่ใต้ร่าง มือหนาของคมศรเลื่อนตามไปกุมมือน้อยทั้งสองข้างนั้นเอาไว้


จากนั้นนิ้วมือทั้งสิบของทั้งคู่สอดประสานกันเป็นหนึ่งเดียว ชายหนุ่มรับรู้ถึงแรงที่บีบกำเข้ามาอย่างแนบแน่น เขาค่อยๆ ดึงมือของตัวเองเคลื่อนขึ้นไปบนศีรษะได้รูปสวยของอรนุช เมื่อแขนบอบบางทั้งสองของเด็กสาวเลื่อนตามขึ้นไป ช่วงแขนขาวผ่องนวลเนียนก็ปรากฏขึ้นมาท้าทายสายตาโดยทันที ริมฝีปากร้อนระอุของชายหนุ่มก็ประกบเข้าไปอย่างไม่อาจสะกดกลั้นความปรารถนา ปลายลิ้นของคมศรที่สะกดจี้ไปตรงจุดบอบบางของวงแขนงาม ทำให้ร่างเล็กนั้นสะท้านเฮือก กระตุกวาบ ครางครวญออกมาเสียงดัง


ลิ้นของชายหนุ่มที่ลากไล้ลงไปอย่างนุ่มนวลนั้น ปั่นอารมณ์เสียวซ่านให้เกิดขึ้นแก่เจ้าของวงแขนงามนั้นอย่างสุดประมาณ ร่างสะท้านไหวไปตามการเล้าโลมนั้นอย่างสุดรัญจวน เมื่อเขารุกมาทางซ้าย ร่างเล็กบางก็บิดซ่านไปทางขวา พอเขาย้ายกลับไปอีกด้าน ร่างงามก็ต้องหันส่ายกลับมาทางซ้าย...สลับไปมาอย่างต่อเนื่อง จนทำให้อรนุชที่ครางไม่หยุด บิดส่ายไหวระริกไปมา รู้สึกเสียวสะท้านแทบขาดใจ ส่วนคมศรนั้นพอรับรู้การบีบรัดจากช่องทางแห่งความรักนั้นค่อยๆ ผ่อนคลายไปอย่างช้าๆ ตามอาการที่ร่างเล็กบางกำลังส่ายไหว...เขาก็รุกล้ำเข้าไปอีก...


ทุกจังหวะการเดินทางแห่งความเป็นชายเข้าไปค้นหาความอ่อนหวาน อบอุ่น ภายในความเป็นหญิงของร่างงามนั้นเต็มไปด้วยความนุ่มนวล..ปราณีต คมศรใช้เวลาอย่างใจเย็น เคลื่อนรุกเข้าไปสลับกับการละเลียดอารมณ์ของเด็กสาวให้คลายความเจ็บปวด อย่างช้าๆ ในที่สุดชายหนุ่มก็แทรกตัวตนของเขาก็เข้าไปผสานเป็นหนึ่งเดียวกับอรนุชโดย สมบูรณ์….


อรนุชกัดฟันแน่น ใบหน้างามแหงนเพริ่ดเมื่อรับรู้ว่าส่วนหนึ่งของเขาได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง ของเธอจนแนบแน่น ท่ามกลางความเจ็บปวด มันยังเจือไปด้วยเชื้อแห่งความเร่าร้อนที่กำลังรอการปลดปล่อย


เมื่อสะโพกหนาของคมศรเริ่มขยับ ร่างของเด็กสาวก็ขยับตามช้าๆ สะโพกผายงามนั้นเคลื่อนประสานไปกับจังหวะของชายหนุ่ม ดื่มด่ำกับความรู้สึกที่แผ่ซ่านเข้ามาจากผิวกายที่แนบชิด...เนื้อต่อเนื้อ ...ทุกส่วนสัด ความเนียนนุ่มขาวสะอาดนั้นบิดรัดพันไปกับความแข็งแกร่งสีทองแดงนั้นราวกับ เป็นเนื้อเดียวกัน


สองแขนบอบบางเคลื่อนรัดไปยังแผ่นหลังกำยำนั้นโอบไปอย่างแนบแน่น...สะโพกผายที่เริ่มส่ายไหว


คมศรที่ทราบความต้องการจากการเคลื่อนไหวนั้นก็ขยับตัวให้สอดคล้องกับร่าง เล็กบาง สะโพกหนาของชายหนุ่มเคลื่อนเป็นจังหวะสวรรค์ที่สอดคล้องกับการเผยอแอ่น สะท้านขึ้นรองรับของสะโพกผายงามของอรนุช เสียงครางของทั้งคู่หนักหน่วง เร่าร้อน และเต็มไปด้วยความอารมณ์ความรู้สึกที่ต่างฝ่ายต่างโลดแล่นไปอย่างพร้อม เพรียงกัน ผ่านจังหวะเคลื่อนไหวที่สอดประสานเป็นหนึ่งเดียว สองวิญญาณอิสระเพลิดแพร้วล่องลอยไปกับบทเพลงที่เต็มไปด้วยความบรรเจิดพิสดาร ...อิ่มเอม...ตื้นตันในความรู้สึก


กองไฟที่มอดซาลงไป เพราะเชื้อถูกเผาผลาญมอดไหม้ไร้การเติมเต็มมาชั่วระยะหนึ่ง แต่เพลิงในกายของชายหนุ่มกับเด็กสาวกลับคุกโชน...ร้อนเร่า...พล่านขึ้นใน อารมณ์อย่างราวกับไม่มีที่สิ้นสุด ความร้อนที่บังเกิดขึ้นนั้นราวกับเป็นผนังไร้สภาพที่สะกดความยะเยือกที่ราย ล้อมห่อหุ้มสองร่างนั้นเอาไว้จนไม่สามารถแทรกผ่านความรับรู้ของจิตวิญญาณอัน เป็นอิสระทั้งสองเข้าไปได้เลยแม้แต่นิดเดียว


อรนุชครางครวญ ร่างงามของเธอนั้นตกอยู่ภายใต้การชี้นำของบุรุษเจนสังเวียนอย่างคมศร ชายหนุ่มที่กำลังดื่มด่ำไปกับอารมณ์ที่โอบรัดเข้ามาจนลืมสิ้นทุกสิ่ง ทุกอย่าง สิ่งเดียวที่อยู่ในความคิดคำนึงของเขาก็คือการนำพาเด็กสาวที่แนบชิดสนิทเป็น เนื้อเดียวกับเขาโลดแล่นตะบึงไปบนหนทางสายสวาทที่กำลังคุกกรุ่นอบอวลไปด้วย การรมเร้าแห่งเพลิงกาม ร่างบางที่หงายเพริดแอ่นกระตุก สอดส่ายสะโพกผายขึ้นลงไปตามจังหวะนำแห่งเชิงชายที่กำลังเร่งเร้าขีดขั้นของ ความรู้สึก เสียงครางของเด็กสาวเสียงหอบหายใจของเขาประสานดังไปกับเสียงแห่งการเสียดสี สัมผัสอันคับแน่นตึงตัวเต็มที่


คมศรผลักดันอารมณ์สะท้านของอรนุชให้ไต่ระดับทวีความรุนแรงขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีการหยุดยั้งจังหวะแม้แต่น้อย ความเป็นชายของเขาเคลื่อนไหวราวกับอาชาศึกที่ควบตะบึงเข้าสู่สมรภูมิรบอัน เร่าร้อน พลังแห่งความบึกบึนที่โลดแล่นสุดตัวนั้นราวกับคลื่นที่ถาโถมเข้าใส่ความ รู้สึกของเด็กสาว


เมื่อร่างงามที่รัดแน่นแสดงอาการสั่นกระตุกเร่าๆ ปลายเล็บที่จิกกดเข้ามา เสียงครางกระเส่าที่ดังขึ้น...ดังขึ้น...จังหวะที่คมศรทราบดีว่าอรนุชกำลัง จะเดินไปสู่ประตูสวรรค์นั้น...


คราวนี้ไม่มีการจงใจหักห้ามจากชายหนุ่มอีก ตรงกันข้ามความเป็นชายที่ตอนนั้นอาบโชลมไปด้วยสายธารแห่งรักนั้นขยับเคลื่อน อย่างเร่งร้อน บดเบียดเข้าผสานเข้าไปกับจังหวะตอดรัดของความนุ่มนวลของเด็กสาว เสียงครางของคมศรดังขึ้นผสานเข้าไปกับเสียงร้องของอรนุช


จังหวะแห่งรัก...ส่วนผสมอันงดงามที่ลงตัว...ในที่สุดก็ผลักดันเด็กสาวแสนสวย ให้ทะลุสู่ความรู้สึกแห่งห้วงอารมณ์สวาทที่ห่อรัดรึงเข้ามาจับใจ...ใบหน้า งามแหงนเพริด ครางออกมาดังสุดเสียง พร้อมๆ กันนั้นคมศรเองก็ปลดปล่อยตัวเองจากความกดดันทั้งมวล ร่างหนากำยำที่ทาบทับร่างงามอยู่กระตุกวาบ ปลดปล่อยอารมณ์ของตนเองเนืองนองเข้าไปในร่างงามที่ดูดซับความรู้สึกผ่านโพรง ผนังที่บอบบางอ่อนนุ่ม....


..............................


เสียงเพลงที่ดังแสบหูในห้องคาราโอเกะทึบๆ เร้าอารมณ์ให้ความเร่าร้อนในห้องเล็กๆ นั้นทวีความมันส์ในใจของแกงค์เด็กนรกทั้งห้าคนจนเนื้อเต้นใบหน้าที่เต็มไป ด้วยความกระหายหิวในรสสวาทนั้นมันเยิ้ม เพราะความเหน็ดเหนื่อยที่ตลอดช่วงบ่ายพวกตนพารุจิราเข้ามาในห้องร้องเพลง แห่งนี้


เด็กสาวที่นับตั้งแต่เข้ามาไม่ได้ร้องเพลงแม้แต่เพลงเดียว แต่ทว่าเสียงครางครวญที่ดังจากปากของเธอนั้นดังต่อเนื่องมาตลอด จนกระทั่งในเวลานี้ไม่เหลือแรงแม้แต่จะร้อง ร่างเกือบเปลือยเปล่าเพราะชุดเกาะอกสีขาวที่เธอใส่ถลกมากองอยู่ตรงหว่างเอว ร่างกายที่ขาวผ่องเต็มไปด้วยเหงื่อชุ่มโชก นั่งหันหน้าเข้าหาแจ๊กที่กำลังผงาดควยกระทุ้งกระทอกใส่โพรงหลืบของเธอที่กำ ลังขโยกรัดอยู่อย่างเร่าร้อนเมามัน


“ซี๊ดดดด...ซี๊ดดดด...โอวววว...พี่หมวย...ขย่มแรงๆ หน่อยสิ....ผมจะออกแล้ววว...”


แจ๊กครางกระเส่าไป ปากก็เม้มไปยังปลายถันที่กระตุกกระเพื่อมอยู่ตรงหน้าอย่างอร่อยลิ้น สองมือขยับไปกุมเอวคอดของรุจิราที่นั่งคร่อมอยู่บนตัก ซึ่งเด็กสาวที่แทบสลบอยู่แล้วเพราะผ่านเกมสวาทมาทั้งวัน กัดฟัดแน่นใช้กำลังจากช่วงขาที่คุกเข่ายันเบาะอยู่และมือที่กดไปที่บ่าของ แจ๊กโหย่งตัวขย่มโพรงสวาทตนเองครูดไปกับแท่งเนื้อที่อัดเข้ามานั้น เสียงคราง ฮือ...ฮือ...ฮือ...เมื่อท่อนเนื้อนั้นครูดไปตามผนังโพรงของเธอกระตุกความ เสียวซ่านที่บัดนี้เด็กสาวหลงใหลไปกับรสชาติของมันจนถอนตัวไม่ขึ้น....


แกงค์เด็กนรกแสยะยิ้ม ดูรุจิราที่ไม่กี่วันก่อนยังเป็นคุณหนูที่ไม่มีทางเห็นพวกตนอยู่ในสายตา มาตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับตุ๊กตาชิ้นงามที่พวกตนเองจะสั่งให้ทำอะไรก็ได้


วันนี้นับจากเกมกามที่ต่อเนื่องเมามันในอารมณ์ในห้องน้ำของห้างดัง ชิดกับพวกก็ควงรุจิราเดินเที่ยในห้างหรูแห่งนี้ ต่างคนต่างเดินชูคออย่างย่ามใจ เพราะรุจิราในชุดเกาะอกกระโปรงสั้นสีขาวนั้นเตะสายตาของคนที่เดินเที่ยวอยู่ ในห้างไม่น้อยเลย


ถึงแม้จะอิ่มเอมสวาทกันเต็มคราบในห้องน้ำกันทั่วถ้วนทุกตัวคน...แต่ชิดหัว โจกก็ยังคงกระหายในร่างกายของรุจิราไม่คลาย แต่ถึงกระนั้นตัวเองที่หมดแรงไปเยอะในห้องน้ำ ก็จำใจต้องพักเครื่องก่อน...หัวโจกซุบซิบกับพรรคพวกไปพลางมองขาขาวๆ ของรุจิราไปพลาง รู้สึกว่าไม่ควรปล่อยเวลาให้ผ่านไปเปล่าๆ โดยไม่มีประโยชน์


ดังนั้นทั้งห้าจึงพาเด็กสาวเข้าไปในโรงหนังในโปรแกรมที่ใกล้จะออก...แถวนั่ง ตอนหลังที่ร้างจนไม่มีใครอยู่ใกล้...มือของสมาชิกแกงค์เด็กนรกก็ล้วงควักไป ตามร่องสวาทของรุจิรา...ส่งให้ตลอดเวลฉายหนังเด็กสาวนั้นกระตุกซ่านทะลักจุด แตกแห่งความกระสันไปไม่รู้กี่รอบ....โดยที่รุจิรานั้นต้องพยายามขบปากกลั้น เสียงเอาไว้อย่างสุดความสามารถ แต่กระนั้นเสียงครางของเด็กสาวก็ยังดังลอดออกมาบ่อยๆ ดีที่ในโรงหนังแทบไม่มีคน และที่นั่งของเธอนั้นก็อยู่หลังสุดจึงไม่มีใครสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติที่เกิด ขึ้น


จบจากรอบหนังที่รุจิราดูไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย เพราะมัวแต่เพลิดไปกับรสสวาทที่ได้รับการป้อนจากมือหยาบของชิดกับพวกตลอด เวลาตั้งแต่เริ่มจนจบ แกงค์เด็กนรก็พาเหยื่อชิ้นงามเดินเที่ยวกันในห้างอีกพักใหญ่ กินอาหารจนอิ่ม พอได้กำลัง ความต้องการเริ่มกรุ่นได้ที่ ทั้งห้าคนก็พารุจิราเข้าไปในห้องคาราโอเกะในชั้นใต้ดินที่ค่อนข้างมิดชิด และที่สำคัญผนังกระจกนั้นเป็นฝ้าทึบไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครเห็นจากข้างนอก


แต่เพื่อความปลอดภัย ชิดก็ตบหัวคนดูแลด้วยเงิน ภายใต้การรู้เห็นเป็นใจนั้น ในห้องที่ค่อนข้างมิดชิดที่เปิดเพลงดังก้องก็เปรียบเสมือนสรวงสวรรค์ของ แกงค์เด็กนรกตลอดช่วงบ่าย....จนมาถึงตอนนี้


เสียงครางกระเส่าของแจ๊กดัง ซู๊ดดด...ซู๊ดดดด...เมื่อควยแข็งปั๋งของตนเองนั้นถึงจุดขีดสุดของความกระสัน กระฉูดน้ำเมือกซึ่งไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันนี้เข้าไปในโพลงหลืบที่ ฉ่ำแฉะของรุจิราอย่างสุดมันส์ โดยมีพรรคพวกตบมือกระทืบเท้าหัวเราะชอบอกชอบใจ


ส่วนรุจิรานั้นถูกแจ๊กที่สมอารมณ์หมายไปเรียบร้อยแล้ว ผลักพลิกตัวของเธอให้ออกไปจากตักของตนเอง ร่างงามที่ขาวผ่องของเด็กสาวก็นั่งระทวยกับโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน โคนขาอ่อนที่แบะกว้างนั้นเผยให้เห็นโพรงสวาทที่บัดนั้นกลวงอ้ามีคราบน้ำ เมือกสีขาวขุ่นจับอยู่เกรอะกรังเป็นฟองเหนียวไปหมด


ชิดกับอ้วนแย่งกันเข้าไปนั่งขนาบข้างเด็กสาวที่นั่งหอบหายใจรวยริน ปากของชิดกระซิบไปที่ข้างหูของรุจิรา


“เป็นไงครับ...พี่หมวยคนสวยของผม”


รุจิราครางออกมาในลำคอกล่าวพึมพำ


“ไม่ไหวแล้ว...พี่..เหนื่อยจะขาดใจอยู่แล้ว....”


อ้วนหัวเราะกระหยิ่มตะปบมือลงไปบนเนินสวาทที่เกรอะไปด้วยน้ำเมือกของเด็กสาว ใช้นิ้วกระตุกไปตรงโพรงหลืบเฉอะแฉะนั้นเกิดเป็นเสียงแจ๊ะๆ...ความเสียวที่ พล่านขึ้นมาทำให้รุจิราโย้สะโพกขึ้นลงอย่างรัญจวนใจ...


ชิดหัวเราะพลิกหน้าของรุจิรามาบดขยี้จูบไปอย่างกระหาย เด็กสาวครางเสียงอู้ๆ อี้ๆ เพราะปากตนเองถูกชิดประกบเบียดจูบจนแน่น


“ไม่...ไม่...ไหว...พอเถอะ...จะตายอยู่แล้ว...อื้อออ..อื้ออออ...”


ชิดควานจูบไปก็พูดไปอย่างย่ามใจ


“พี่หมวยบอกไม่ไหว...แต่ทำไมผมเห็นเด้งสู้มือไอ้อ้วนอย่างนั้นล่ะครับ...”


ใบหน้าขาวของรุจิราแดงขึ้นฉับพลัน เพราะเป็นจริงอย่างที่ชิดพูด ถึงแม้จะเหนื่อยแทบขาดใจ แต่ความเสียวที่พล่านเข้ามาก็กระตุ้นให้ต้องยกสะโพกแอ่นโคกสาวสะพรั่งของเธอ ล้อกับนิ้วของอ้วนอย่างสุดเสียวซ่าน...ความรู้สึกที่พรั่งพรูมาตามโพรงสวาท นั้นแล่นพล่านไปทั่วตัวทำให้เกิดความรู้สึกปรารถนาต้องการปลดปล่อยอย่างหยุด ไม่อยู่...


แกงค์เด็กนรกหัวเราะพลาง เบิ่งตามองดูรุจิราที่หมดสิ้นความอาย นั่งเด้งสะโพกให้อ้วนกระตุกเสียวอย่างร้อนร่าน


เสียงรุจิราคราง ฮือ...ฮือ...อื้อออ..อื้ออ....แรงขึ้น...ดังขึ้น...ตามจังหวะที่เริ่มเสียวสะท้านขึ้นไปทุกขณะ


ขณะเดียวกันปากอิ่มงามก็เผยอออกรับการบดขยี้จูบอย่างร้อนแรงของชิดหัวโจก มือของแกงค์เด็กนรกที่เหลือก็ทยอยกันเข้าไปช่วยกันเค้นคลึงเต้าอวบงามที่ เด็กสาวผู้เป็นเจ้าของที่กำลังเสียวระริก แอ่นอกเสนอให้บีบคลึงอย่างสุดรัญจวนใจ....


โอววว..ซี๊ดดดด..ซี๊ดดดด...เสียววว..โอยยย...ซี๊ดดดด..เร็วๆๆๆ...พี่จะถึงแล้ว....


รุจิราครางเพ้อ ปักปลายเท้าจิกกับพื้นเด้งสะโพกผายขึ้นร่อนรับมือหยาบที่ละเลงตะโบมอยู่ตรง เนินสวาทของตนเอง พยายามยกตัวบดเบียวโคกอูมของสาวสดให้เม็ดแตดนั้นเบียดเข้าไปกับมือของช่างกล ร่างอ้วนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เป็นการเร่งเร้าอารมณ์สวาที่กำลังเตลิด สู่จู่หมายปลายทาง...


อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊ะ.......อ๊ายยยยยย....ซ๊ดดดด.....อ๊ายยยยย....


เสียงครางของรุจิราดังกระเส่าต่อเนื่อง...ท่ามกลางอาการตัวสั่นกระตุกวาบๆ ไม่นานจากนั้น เด็กสาวก็แหงนหน้าเพริดร้องออกมาดังลั่น ขนทั่วร่างลุกชัน...ในที่สุด...ร่างขาวผ่องราวกับหยวกกล้วยก็บิดไหวเร่าๆ น้ำแตกไปคามือของช่างกลร่างอ้วนที่หัวเราะร่า


รุจิราที่หมดแรง...ร่างขาวผ่องตกผลอยจมกลับไปบนโซฟา หลังจากที่เร่งเร้ากำลังขาเด้งสะโพกขึ้นร่อนรับมืออ้วนที่ส่งเธอขึ้นสู่จุด สุดยอดไปอีกคำรบหนึ่ง...


แกงค์เด็กนรกหัวเราะหื่น ใบหน้าที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อของรุจิราแดงก่ำดูไปแล้วน่ากัดน่ากินราวกับผล แอปเปิ้ลสุก ทำให้ทั้งห้าคนทยอยกันเข้าระดมจูบไซร้ไปตามใบหน้าและซอกคอขาวของเด็ก สาวอย่างเมามัน..เสียงครางกระเส่า...เสียงปากที่บดไปตามผิวขาวเต่งดังจ๊วบ จ๊าบไม่หยุด...


รุจิรานั่งหอบหายใจระทวย ใบหน้าซีดขาวดวงตานั้นเบลอๆ แทบหลับ ชิดกับพวกเห็นดังนั้นก็ตกลงกันว่าสำหรับวันนี้ก็พอแค่นี้ อย่าว่าแต่พวกตนเองนั้นรีดน้ำกามออกมาจนตัวเหลืองกันไปหมดแล้ว กระตุกลำเอ็นของตนเองอย่างไรก็ขันไม่แข็งขึ้นอีกต่อไป ดังนั้นแกงค์เด็กนรกจึงช่วยกันหยิบเสื้อยกทรง กางเกงในที่หล่นอยู่กับพื้นสวมเข้ากลับให้รุจิรา แล้วจัดแจงเสื้อกระโปรงของเด็กสาวให้เข้าที่เข้าทางสำรวจดูความเรียบร้อยใช้ กระดาษเช็ดคราบน้ำกามที่เปื้อนเป็นทางตามลำขาขาวนั้นอย่างลวกๆ จนแน่ใจว่าไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรที่ผิดสังเกตจากภายนอกแล้วก็พากันประคอง ร่างอ่อนระทวยที่แทบเดินไม่ไหวของรุจิราออกไปจากห้องคาราโอเกะหลังนั้น


แกงค์เด็กนรกยักคิ้วให้กับคนดูแลที่รับเงินมาดูต้นทางให้ แล้วผิวปากอย่างสบายอารมณ์เดินตัวลอยกันออกไป ซึ่งทั้งหมดพากันเดินมาด้านนอกห้างใหญ่ และส่งรุจิราที่ป้อแป้เต็มทนขึ้นรถแทกซี่กลับบ้านไป


เมื่อส่งเหยื่อสวาทที่พวกตนเคลมความหวานกันจนอิ่มทั้งวันไปแล้ว แกงค์เด็กนรกก็เดินหัวเราะกระเซ้าเย้าแหย่กันไปตามทางเดินอย่างสบายอกสบายใจ


ฉับพลันนั้น...เสียงเอะอะ...เสียงตวาดที่ดังขึ้นไม่ห่าง เสียงฝีเท้าที่วิ่งเข้ามาหาก็ทำให้ทั้งห้าสะดุ้งกันไปตามๆ กัน ยังไม่ทันตั้งตัวอะไร หมัดเท้าของใครหลายๆ คนก็ประเคนเข้ามาใส่สมาชิกแกงค์เด็กนรกทั้งห้าอย่างดุเดือด


“เฮ้ย...อะไรวะ...”


ชิดร้องลั่น ยังไม่ทันจะพูดจบ หมัดของใครคนหนึ่งก็กระแทกไปที่ครึ่งปากครึ่งจมูกอย่างจัง...หัวโจกแกงค์ เด็กนรกร้อง....โอ๊กกกก...อย่างเจ็บปวด ร่างเซตึงๆ ล้มลงก้นกระแทกพื้นดังโครมใหญ่ ดวงตาพร่าไปหมด...


พรรคพวกของชิดก็มีสภาพที่ไม่ดีไปกว่ากัน อ้วนกับมืดถูกของมีคมบางอย่างหวดเข้าใส่ตรงหน้าเป็นแผลเว่อ เลือดสาด แจ๊กกับอ๋องก็ถูกหมัดและเท้ากันเข้าไปหลายดอก


พอเห็นถนัดชัดตาว่าคนที่รุมเข้ามาทำร้ายคือช่างกลคู่อริร่วมแดง ชิดกับพวกก็แผดร้องด้วยโทสะอันดาลเดือด ตะลุมบอนเข้าสู้กับเด็กช่างกลกลุ่มนั้นอย่างดุเดือดท่ามกลางสายตาของคนใน บริเวณนั้นที่ฮือกันออกไปห่างๆ เพราะกลัวถูกลูกหลง


เสียงเอะอะโวยวายที่ดังขึ้นมาจากกลุ่มของคนที่รายล้อมอยู่ในบริเวณนั้น พร้อมๆ กับเสียงตวาดด่าชกต่อยของวัยรุ่นคู่แค้นทั้งสองกลุ่มกระตุ้นให้ตำรวจที่โบก รถอยู่แถวนั้นวิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์


เสียงเป่านกหวีดดังลั่นทำให้กลุ่มผู้จู่โจมแกงค์เด็กนรกทั้งห้านั้นชะงักลง อย่างชั่งใจ ถึงแม้ว่าพวกตัวเองกำลังเป็นต่อ แต่ก็กลัวถูกจับเหมือนกัน


ชิดจึงพอมีเวลาตั้งสติมองเห็นเด็กวัยรุ่นที่ตนเองจำได้ว่าเป็นช่างกลคู่อริ ร่วมแดนเหล่านั้น ซึ่งทั้งหมดมีใบหน้ากระเหี้ยนกระหือรือ ขณะที่พวกตนเองตอนนี้เดินแทบไม่ไหวเพราะทั้งวันกระเด้าเย็ดรุจิราจนหมดแรง ทำให้หัวโจกแกงค์เด็กนรกเริ่มรู้สึกขลาดเขลา ก่อนที่จะฉวยโอกาสนั้นที่ตำรวจกำลังวิ่งเข้ามา รีบหันหลังโกยแน่บออกไปทันทีโดยไม่รอเพื่อนร่วมก๊วน แหกปากดังลั่น


“หนีก่อนโว้ย...”


เมื่อเห็นหัวหน้าของตนวิ่งหนีอย่างนั้น สมาชิกแกงค์เด็กนรกที่เหลือก็หมดใจสู้ พากันใส่ลนลานวิ่งตามลูกพี่ไป ซึ่งช่างกลคู่อริของแกงค์เด็กนรกมองตากันเห็นตำรวจร้องโหวกเหวกวิ่งเข้ามา และคนที่ฮือออกไปเพราะกลัวถูกลูกหลงนั้นจ้องมาเป็นตาเดียว ทำให้ไม่กล้าลงมือต่อพากันวิ่งหลบไปอีกด้านหนึ่ง ท่ามกลางการใจหายใจคว่ำของคนในบริเวณนั้น


..............................


ถึงแม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยตั้งตัวมา ก่อน และก็ไม่เคยคิดว่าตนเองจะกล้าตัดสินใจเช่นนี้ แต่เมื่อผ่านพ้นมาจนถึงขั้นนี้ที่แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ด้วยพื้นฐานแห่งความเป็นคนเจ้าความคิดในการเอาตัวรอด ทำให้ศักดาพยายามระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน...ใจที่เต้นระส่ำจนมือไม้สั่น ระริก...


ชายหนุ่มครุ่นคิดอย่างว่องไวขณะที่สายตามองไปร่างไร้ชีวิตของเสี่ยคิ้มที่ นอนคว่ำกับพื้น...เศษเนื้อและส่วนหนึ่งของมันสมองกระจายอยู่กับพื้น ....กลิ่นของลิ่มเลือดและไขสมองขาวเว่อนั้นเหม็นตลบคาวคลุ้งไปทั่ว พื้นที่...


...ถึงแม้ว่าตรงนี้จะเป็นที่เปลี่ยว แต่เสียงปืนก็คงดังไปไกลไม่น้อย...อาจจะไปสะกิดความสนใจของใคร...ก่อนอื่นต้องรีบไปจากที่นี่....


เท้าไว้เท่าความคิด...จิ้งจอกสวาทหันไปยังอรอุษาที่ยังคงสลบไม่ได้สติ รีบเข้าไปหาและโอบร่างงามที่เบาหวิวนั้นอุ้มกลับเข้าไปในรถของตนเอง พลางครุ่นคิดอย่างหนักหน่วง...ใบหน้าเครียด...ดวงตาส่ายไปมา


...ถ้าตำรวจมา...มันจะอาศัยอะไรสาวมาถึงเราบ้างวะ...


คิดไปคิดมาตาก็ลุกโพลน...ปืนไง...มันคงมีลายนิ้วมือของเราเต็มไปหมด


จิ้งจอกสวาทรีบวิ่งกลับมาตรงบริเวณร่างไร้ชีวิตของเสี่ยคิ้มที่ตัวเองโยนปืน ทิ้งไว้ รีบคว้าขึ้นมาและหันไปซ้ายขวา กวาดมองไปรอบบริเวณ....ซากศพสามซาก...รถจอดอยู่คันหนึ่ง...ครุ่นคิดไวๆ


ไม่น่ามีอะไรอีก....


ต่อให้มันจะมีอะไรเหลืออยู่...แต่ถ้ากูเอาปืนไปซ่อนไว้พวกตำรวจก็คงไม่มีหลักฐานอะไรมัดกูได้ว่าเป็นคนฆ่าไอ้คิ้มกับพวกมัน...


อีกอย่างไม่น่ามีคนรู้ว่ากูอยู่กับไอ้คิ้มก่อนที่มันจะตาย....มันไม่น่าบอกใคร....


เมื่อคิดได้ดังนั้นศักดาก็รีบกลับไปที่รถคันงามของตัวเอง เหยียบคันเร่งพารถวิ่งย้อนกลับทางไปอย่างรวดเร็ว...


ทันใดนั้นเองนั้น...เมื่อคิดถึงอะไรบางอย่าง...ดวงตาของชายหนุ่มก็วาบขึ้นอย่างร้อนแรงและถมึงทึง


นังไอซ์..!!!.....ใช่..ถ้าข่าวแพร่ออกไป...นังงูเห่านั่นต้องรู้แน่ว่าเป็นฝีมือกู....ทำไงดีวะ...


แต่เมื่อคิดไปคิดมา จิ้งจอกสวาทก็มีสีหน้าเบาใจขึ้น พึมพำออกมากับตัวเอง


“แต่ไม่น่านะ....เรื่องอย่างนี้นังงูเห่านั่นคงไม่กล้าปูดไปหรอก ...เรื่องมันจะฉาวมาถึงตัวเองเปล่าๆ...กูว่ามันคงไม่กล้าแน่...เพราะถ้าสาว ไปลึกๆ...มันเองก็วัวสันหลังหวะเหมือนกัน...ใช่...กูว่าอย่างนั้นแหล่ะ...คง ไม่น่าห่วงนัก”


อย่างไรก็ตามคำพูดที่ตนเองได้ยินจากมือถือของเสี่ยคิ้ม ที่ฐิติพรรณถึงแม้จะไม่บอกออกมาตรงๆ แต่ตีความหมายที่ซ่อนอยู่เป็นนัยนั้นไม่ลำบากเลย....เด็กสาวพูดเป็นเชิงบอก ให้เสี่ยคิ้มเก็บเขา...


ใบหน้าหล่อเหลาของศักดาขบกรามเป็นสันนูน....ครุ่นคิดอย่างคลั่งแค้น


นังงูเห่า....ระวังเอาไว้ให้ดีเหอะ...กูจะเอาคืนแน่....


รถคันงามของศักดาวิ่งฉิวออกไปจากบริเวณของหมู่บ้าน ชายหนุ่มกวาดตามองไปรอบๆ อย่างเบาใจ เพราะการที่เสี่ยคิ้มเลือกสถานที่ที่ไม่มีคนพลุกพล่านและห่างไกลจากชุมชน นั้นเป็นผลดีกับตัวเองในเวลานี้ เพราะนับจากบริเวณจุดเกิดเหตุจนถึงที่ตนเองขับรถกลับออกมา สองข้างทางนั้นเงียบเชียบ...เปลี่ยวสนิท...ไม่มีใครโผล่ออกมาสนใจอะไรเลยถึง แม้ว่าบางคนอาจจะได้ยินเสียงปืนดังแว่วเข้ามาก็ตามที


จิตใจที่ตื่นเต้นตึงเครียดของศักดาเริ่มค่อยๆ สงบลง จากนั้นก็เปลี่ยนมาอยู่ในสภาวะที่รู้สึกในใจแปลกๆ ไม่เคยรู้สึกมาก่อน....แต่จิ้งจอกสวาทรู้ดีว่ามันมีสาเหตุมาจากอะไร.


...เขาฆ่าคนตาย....


ในชีวิตของตนเองที่ไม่เคยทำอะไรที่เป็นเรื่องดี...หลอกลวงพร่าสวาทเหยื่อสวา มมาจนนับครั้งไม่ถ้วน ปอกลอกทั้งเงินทั้งรสสวาทจนอิ่มหนำก็ผละทิ้งไปหาเหยื่อรายใหม่...


แต่ไม่ว่าอย่างไรศักดาก็ไม่เคยมีความคิดถึงการเอาชีวิตของคนอื่นมาก่อนเลย....


แต่คืนนี้...เขาฆ่าคนตายไปถึงสามคน


ความรับรู้นั้น...ทำให้ดวงตาของชายหนุ่มอดจะฉายแววแห่งความสับสนพลุ่งพล่าน อารมณ์อยู่ในใจไม่ได้...ความรู้สึกในเวลานี้มันทำให้ใจของศักดานั้นรู้สึก เหมือนมีอะไรกดทับอยู่บนบ่าจนทำให้หายใจแทบไม่ออก...ร่างของชายหนุ่มหายใจ หอบสะท้อน...มือที่กุมพวงมาลัยสั่นระริก....


หัวสมองของจิ้งจอกสวาทนั้นพล่านไปด้วยเรื่องราวต่างๆ อย่างสับสน ขณะเหยียบคันเร่งทิ้งเหตุการณ์ต่างๆ เอาไว้เบื้องหลัง ก็พยายามคิดเข้าข้างตัวเอง


...เสี่ยคิ้มสมควรตายอยู่แล้ว...เพราะถ้าเขาไม่ฆ่าเสี่ยคิ้ม...อีกฝ่ายก็ ต้องฆ่าเขาแน่นอน...เพราะฉะนั้นเขาไม่ได้ทำเกินไป....ทุกอย่างเป็นการ ป้องกันตัวเองทั้งนั้น...


แต่ถึงกระนั้นใจของจิ้งจอกสวาทก็ยังพล่านไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัวลึกๆ....กลัวผลที่จะตามมาจากการกระทำของตนเองในค่ำคืนนี้


ชายหนุ่มจ่อมจมอยู่ในความคิดอันอลหม่านของตนเอง จมูกยังคงได้กลิ่นอันชวนคลื่นเหียนของคาวเลือด ภาพมันสมองอันแตกกระจายของเสี่ยคิ้มยังวนเวียนอยู่ในมโนภาพจนแทบจะอ้วกออก มา...


ยิ่งคิดศักดาก็ยิ่งทนไม่ได้ จนในที่สุดสายตาก็ปะทะเข้าไปกับโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง เขาจึงเลี้ยวรถเข้าไปอย่างใช้บริการโดยทันที


จิ้งจอกสวาทแช่ตัวอยู่ในน้ำร้อนจนตัวซีด เนิ่นนานกว่าจะกลับออกมาที่รถ และทรุดตัวลงนั่งกับที่นั่งคนขับ ถอนหายใจยาวเหยียด รู้สึกค่อยแจ่มใสขึ้นมาบ้าง...


ฉับพลันนั้นชายหนุ่มได้ยินเสียงหายใจรวยรินที่ดังเบาๆ จากด้านข้าง...


เสียงนั้นทำให้เขาเพิ่งนึกถึงตัวของอรอุษาขึ้นมาได้....ตั้งแต่ขับรถออกมาเขาลืมนึกถึงเด็กสาวข้างกายไปเสียสนิท...


ในเวลานั้นเด็กสาวด้านข้างนั่งระทวย คออ่อนพับพิงกับประตู ใบหน้านั้นถึงแม้อยู่ในภาวะสลบไสล แต่ก็ยังคงความงามเอาไว้อย่างไม่เสื่อมคลาย...


ยิ่งตอนนี้...ในเวลานี้ที่ใบหน้านั้นซีดขาว มีหยาดน้ำตาอาบคาอยู่ตามพวงแก้ม...ยิ่งทำให้รู้สึกถึงความบอบบางน่าทะนุถนอม ราวกับแก้วอันล้ำค่า


เขาจะทำอย่างไรต่อดี?


ศักดาครุ่นคิด...ท่ามกลางความรู้สึกพลุ่งพล่านสับสน...พลันภาพที่เขามองเห็น เสี่ยคิ้มเฟ้นฟอนขยำขยี้ไปตามร่างกายอันงามของอรอุษานั้นหวนกลับเข้ามาสู่ ความคำนึง...


และสายตานั้นไวเท่ากับความคิดกับภาพที่เกิดขึ้นในใจ จิ้งจอกสวาทเลื่อนมองต่ำลงไปตรงบริเวณกลางลำตัวงามของเด็กสาวที่นั่งระทวย อยู่ด้วยดวงตาเบิกโพลง เอื้อมมือสั่นระริกของตัวเองเข้าไปร่นชายเสื้อสีฟ้าตัวสวยที่อรอุษาสวมใส่ ให้เลิกขึ้น ก่อนที่จะกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างยากลำบาก....ดวงตาสาดประกายกระหายหื่นออกมาไม่มิด


เพราะในเวลานั้นกางเกงยีนส์สีขาวเข้ารูปให้เห็นช่วงขาเรียวนั้นถูกปลดกระดุม และรูปซิบที่เป้าลงไปจนสุดเหมือนเดิม....เนินหน้าท้องที่ขาวนวลเป็นประกาย ที่ซ่อนรูปอยู่ในเนื้อผ้าบางเบาสีชมพูอ่อนนั้นเผยออกมาก่อกวนจนความใคร่อยาก ของชายหนุ่มสั่นกระพือ....


...ภาพที่เสี่ยคิ้มล้วงมือเข้าไปขยำเนินสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ภายในเป้ากางเกง ตัวสวยนั้นล่องลอยเข้ามายั่วยวนอารมณ์ของเขาจนตัวสั่นสะท้าน....อารมณ์อัน หื่นกระหายที่มาความรุนแรงพอจะกลบอารมณ์อัดอั้นที่เกิดขึ้นจากความรู้สึกของ การที่ต้องฆ่าคนตายไปจนสิ้น....


ในเวลานั้นเองที่ใบหน้างามที่แน่นิ่งอยู่นั้นเหมือนกับเริ่มมีปฏิกิริยาขึ้น มา..ขนตางอนยาวที่กระตุกแผ่วๆ....อาการที่ร่างใบหน้างามส่ายไปมา....คิ้ว เรียวที่ขมวด...ปากบางราวกับกลีบกุหลาบสั่นระริกและอ้าออกน้อยๆ ส่งเสียงที่แหบโหย....แผ่วล้า....ผ่านพ้นช่วงคองามระหงนั้นออกมา...


....ดวงตาหลุกหลิกของศักดาลพล่านไปด้วยความคิด ก่อนจะสว่างวาบออกมาด้วยประกายตาที่โฉดชั่ว...


จิ้งจอกสวาทรีบเอื้อมมือไปเปิดช่องด้านหน้ารถโดยพลัน..ล้วงมือเข้าไปหยิบของ เล่นที่เขาพกพาเอาไว้เสมอๆ...เพื่อที่จะได้ใช้ในเวลาที่ต้องการ....เฉกเช่น ในเวลานี้....


ชายหนุ่มลนลานกระฉอกของเหลวในขวดเล็กๆ รดไปในผ้าเช็ดหน้า ก่อนจะที่รีบโปไปประกบครึ่งปากครึ่งจมูกของเด็กสาวแสนสวยที่กำลังฟื้นคืนสติ อยู่โดยทันที ในใจนั้นเต้นระทึกราวกับรัวกลอง พอมองเห็นขนตางอนยาวที่กระพริบถี่ถี่และอาการของเปลือกตาที่กำลังพยายามเผยอ ขึ้นมา ทำให้จิ้งจอกสวาทต้องรีบเอื้อมมือไปประกบปิดเอาไว้แน่น


ศีรษะงามได้รูปขยับช้าๆ ร่างบางของเด็กสาวดูเหมือนกำลังจะพยายามเกร็งขัดขืน แต่ทุกประการนั้นเป็นไปอย่างอ่อนแรงเหลือประมาณ และอาการบิดเกร็งนั้นเล่าก็เป็นไปได้เพียงแค่ครู่เดียว ก่อนที่ศีรษะสวยได้รูปนั้นจะอ่อนพับไปอีกครั้ง.....


ศักดาค่อยๆ ลดมือทั้งสองข้างที่ปิดตาปิดปากและจมูกของอรอุษาลง...เขม้นมองวงหน้างามล้ำ ที่ค่อยๆ แน่นิ่งไปด้วยฤทธิ์ยาที่ชุ่มผ้าเช็ดหน้าของจิ้งจอกสวาท....


ท่ามกลางรอยยิ้มแสยะ...ศักดาหัวเราะออกมาอย่างกระหายหื่น....ครุ่นคิดในใจอย่างลิงโลดหฤหรรษ์ออกมาราวกับบ้าคลั่ง


....ฟ้าเปิดโอกาสให้กูแล้ว...ปล่อยไปก็เป็นควายเท่านั้น...


ชายหนุ่มวิ่งออกไปจากที่นั่งคนขับด้วยร่างกายที่สั่นเทิ้ม ก่อนที่จะปราดเข้าไปเปิดประตูด้านข้าง และโอบอุ้มร่างบางงามของอรอุษาออกมาโดยทันที


ความเนียนนุ่มของผิวสาวที่สัมผัสได้รมเร้าจนอารมณ์ของชายหนุ่มระเริง เมื่อก้มลงไปมองใบหน้าสวยซึ้งที่ศีรษะได้รูปนั้นแหงนตกลงไป พร้อมๆ กับสยายคลื่นผมราวกับไหมดำระยับนั้นยาวเหยียด ช่วงคอระหงบางที่เพริดแอ่นขึ้นมานั้นขาวผ่องเป็นประกาย ทำให้จิ้งจอกสวาทอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปใช้ลิ้นโลมเลียผิวที่เต่งตึงราวกับ เด็กทารกนั้น ความเนียนนุ่มที่ราวกับจะละลายไปกับลิ้น และกลิ่นหอมของจรุงขึ้นเต็มจมูกนั้นเร้าใจให้จิ้งจอกสวาทนั้นตัวสั่นเทิ้ม ตรงเป้ากางเกงตุงคับ...


ศักดาแผดหัวเราะออกมาอย่างกระหยิ่มใจ


...นี่ขนาดมีกลิ่นหืนของน้ำลายไอ้คิ้มนะ....เนื้อยังหอมขนาดนี้....ฮ่ะฮ่ะ ...ไม่ต้องรีบร้อนเว้ย...เช็ดตัวของนังเด็กนี่ให้หมดกลิ่นน้ำลายไอ้คิ้มก็ ยังมีเวลาเหลือเฟือ...ฮ่ะฮ่ะ


เมื่ออุ้มร่างระทวยปวกเปียกของอรอุษาเข้าไปผ่านเข้าประตูห้องนอนเข้าไป ในเวลานั้น...จิ้งจอกสวาทตัวสั่นด้วยความระเริงใจจนใบหน้าบิดเบี้ยว.....!!!


..............................


ฐิติพรรณที่กำลังขับรถวนออกไปตามทางในบริเวณจอดรถในห้างหรูนั้น ใบหน้างามบาดตามีรอยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก ดวงตาคู่งามนั้นฉาบไปด้วยประกายตาแห่งความสาสมใจ


แผนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวของเธอในที่สุดก็สำเร็จดั่งประสงค์อีกครั้ง...เด็กสาวครุ่นคิดอย่างครึ้มใจ


ฮึ...ไอ้แมงดา...แกสมควรได้รับโทษทัณฑ์ที่ทำกับฉัน....ส่วนนังเด็กหน้าโง่ ...อยากเสือกเกิดมาเป็นน้องนังอรนุชเอง...มิหนำซ้ำยังแส่มายุ่งเรื่องของฉัน ก่อน...อย่ามาโทษกันเลยนะ


ฐิติพรรณครุ่นคิดในใจ จากนั้นในสมองของเธอก็หวนนึกไปถึงอรนุช...ศัตรูคนสำคัญ...เป้าหมายอันดับถัดไปที่เธอจะต้องจัดการให้พ้นทาง


เชอะ...มันจะโชคดีทุกครั้งก็ให้มันรู้ไป...คราวที่แล้วมันรอดไปได้...คราวต่อไปฉันจะเล่นงานมันให้ได้สิน่า...


ถึงแม้ว่าในใจของพริตตี้สาวในเวลานั้นมีความอิ่มเอมกับความสำเร็จ...แต่ใน เบื้องลึก...เธอยังบอกกับตัวเองว่าเป้าหมายที่สำคัญยังไม่ลุล่วง เธอยังมีงานต้องทำอีก


งานที่จะกำจัดนังอรนุชและช่วงชิงธนาให้มาเป็นของตัวเธอ...


ยิ่งคิดไปถึงตอนนี้...ก็หวนระลึกได้ว่าตอนนี้พี่ธนาของเธอแจ้นไปหานังอรนุช ถึงคณะกองประกวด...ความรุ่มร้อนริษยาก็พรั่งพรูขึ้นมาจนจับใจ...ใบหน้างาม ที่เมื่อครู่ยังแย้มยิ้ม...เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงอย่างฉับพลัน


..เธอจะจัดการอย่างไรกับนังอรนุชดี...


ขณะครุ่นคิด...รถคันงามของเธอกำลังจ่ออยู่บริเวณปากทางที่จะเลี้ยวออกไปยัง ถนนใหญ่...สายตาที่จ้องมองไปตรงหน้านั้น พลันหางตาก็สะดุดไปกับเหตุการณ์ที่ค่อนข้างโกลาหนวุ่นวายในบริเวณนั้น ฝูงคนที่กำลังเดินเที่ยวอยู่แตกฮือ เพราะกำลังบังเกิดการตะลุมบอนของเด็กหนุ่มสองกลุ่มที่ฟาดฟันกันด้วยไม้ และหมัดลุ่นๆ กันอย่างดุเดือด ต่างพากันวิ่งหลบหนีกันไปคนละทิศละทางเพราะกลัวถูกลูกหลง


ฐิติพรรณที่มองเห็นไปก็ขมวดคิ้ว คิดในใจ


“ไอ้เดนสังคมพวกนี้...ทำไมพวกมันไม่ไปตายๆ กันซะให้หมดนะ...ทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้านอยู่ได้”


สถานศึกษาที่พริตตี้สาวเรียนอยู่นั้นใกล้เคียงกับสถานที่เกิดเหตุ และเด็กสาวก็ได้ยินข่าวการตีกันของเด็กนักเรียนช่างกลที่เป็นครู่อริในแถบ นั้นอยู่เนืองๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่าพวกไหนกับพวกไหนกำลังตีกันอยู่ตรงหน้าเธอ


การตะลุมบอนกันทำให้การจราจรเป็นอัมพาตไปทันที เสียงเอะอะโวยวาย เสียงกรีดร้องอย่างตระหนกตกใจจากบรรดาคนที่ยืนมุงอยู่อย่างหวาดเสียวดังขึ้น สับสน กว่าที่ตำรวจที่อยู่ในบริเวณนั้นจะพากันเข้ามาระงับเหตุ เลือดก็สาดกระจายนองพื้นถนนกันไปแล้วหลายหย่อม


พวกนักเลงในคราบนักเรียนทั้งสองกลุ่มพอเห็นตำรวจมาก็แตกฮือกันไป กลุ่มหนึ่งวิ่งหนีมาทางรถของฐิติพรรณที่จอดคาอยู่ตรงทางออก สายตาอันขุ่นเคืองเหยียดหยามของพริตตี้สาวนั้นแปรเปลี่ยนเป็นแววตาที่แปลกใจ ขึ้นวูบหนึ่งเมื่อแลเห็นกลุ่มวัยรุ่นที่กำลังวิ่งอยู่ถนัดตา


“ไอ้สวะชิดกับพวกมันนี่นา....”


ฐิติพรรณเห็นแกงค์เด็กนรกทั้งกลุ่มนั้นวิ่งผ่านหน้าไปรถ โดยที่ชิดกับพวกไม่ทันสังเกตุเห็น...เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาวิ่งเอาชีวิต รอด...ทั้งห้าคนวิ่งหัวซุกหัวซุนฝ่าหายไปในกลุ่มคนที่เดินอยู่ในบริเวณนั้น


พริตตี้สาวมองตามไปจากกระจกหลังขมวดคิ้ว ดวงตาคู่งามเบิกกว้างส่อประกายเสียดายอย่างโจ่งแจ้ง


“ฮึ...ไอ้กากเดน...สวะสังคม...พวกแกมันน่าจะถูกฆ่าตายเหมือนหมากลางถนนให้หมด....”


ใบหน้างามของเด็กสาวนั้นเต็มไปด้วยประกายเหี้ยม....ยิ่งนานไปเพลิงแค้น ...เพลิงอาฆาตก็ยิ่งเข้าเกาะกุมจิตใจของพริตตี้สาว....และเมื่อยิ่งเธอปล่อย ตัวปล่อยใจให้ถลำเข้าไปกับการวังวนแห่งการแก้แค้น...ทำให้จนบัดนี้...ฐิติ พรรณนั้นครุ่นคิดถึงการตัดทำลายชีวิตของคนๆ อื่นได้ด้วยสีหน้าที่เฉยชา.......และจิตใจที่เกรียมกระด้าง...


....ใครขวางทางฉัน...ทำร้ายฉัน...ฉันจะเล่นงานมันให้หมดทุกคน....คอยดู


ดวงตาของฐิติพรรณวาวโรจน์ มองไปยังกระจกหลังในทิศทางที่ชิดกับพวกวิ่งหลบหนีไป


ใช่...ไอ้สวะพวกนั้นด้วย....ถ้าเธอมีโอกาสจะไม่ปล่อยพวกมันไว้แน่...


ในใจตอนนั้นเด็กสาวครุ่นคำนึง...แต่ตอนนี้เธออาจจะยังพอใช้ประโยชน์จากพวกมันได้...ปล่อยไปก่อน...


ตอนนี้เป้าหมายอันดับแรกคือนังอรนุช...


แต่....ไอ้นรกพวกนั้นมันทำท่าแหยงไม่กล้ายุ่งกับนังอรนุชอีก...แล้วเธอจะยืมมือใครดี?


............................




...ในห้องนอนเช่าราคาถูกย่านชานเมือง...ความร้อนเร่าที่ปกคลุมอยู่ภายในนั้น ทำให้ศักดาที่เปลือยเปล่าอยู่บนความงามล้ำที่ถูกสรรสร้างมาจากสวรรค์แทบ สำลักตามไปกับความหฤหรรษ์ที่รมเร้าเข้ามา...


เสียงครางของจิ้งจอกสวาทดังโหยหวนออกมาราวกับภูตคร่ำครวญ เมื่อเขาสอดใส่ความชั่วร้ายของเขาเข้าไปในดินแดนที่บริสุทธิ์ผุดผ่องนั้น....


ร่างกำยำของศักดาสั่นสะท้าน...โลดแล่นมัวเมาไปกับความรู้สึกที่สุดหฤหรรษ์ ยามที่ลำเอ็นอวบของตนเองทะลวงพรากพรหมจรรย์อันมีค่าล้ำของอรอุษาไปจากตัวของ เด็กสาว....การฉีกขาดที่สร้างความเต็มอิ่มให้กับความโฉดกระหายที่ตื่นเต้นจน เนื้อตัวสั่นระริกรี้....


ความสูญเสียที่อรอุษาไม่มีวันเรียกร้องกลับคืนมานั้นบังเกิดขึ้นท่ามกลาง ความลิงโลดยินดีราวกับคุ้มคลั่งของชายโฉด....ความงาม...ความบริสุทธิ์ ผุดผ่องแห่งเรือนกายที่เขากำลังเฟ้นฟอนอย่างมันมือ...ทุกสิ่งทุกอย่างที่ ช่วงขณะหนึ่งภายใต้ความกดดันที่ตนเองมองเห็นเสี่ยคิ้มเค้นคลึงไปบนเรือนกาย ของอรอุษา...ในเวลานั้น...เขาคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นจะหลุดลอยไปจาก เงื้อมมือของตนเองแล้ว...


แต่ตอนนี้....ทุกอย่างมันได้กลับมาเป็นของเขา...ของเขาคนเดียวเท่านั้น....


ร่างขาวละเอียดที่ถูกปลดเปลื้องสิ่งรัดรึงทั้งมวลจนหมดสิ้น แม้อยู่ในสภาพแห่งการถูกกดด้วยฤทธิ์ยาสลบ แต่ทว่าความเจ็บปวดที่ถูกทำร้ายนั้นยังคงสะท้านสะเทือนเข้าไปถึงวิญญาณอัน บอบบางที่อยู่ภายใน...


จะไม่ว่าเป็นเพราะยาสลบยังไม่ได้ออกฤทธิ์อย่างเต็มที่ หรือจะเป็นเพราะความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมันรุนแรงและฉีกพร่าทำร้ายอย่างโหด เหี้ยมจนเกินไปนั้น...ทำให้อรอุษาแทนที่จะสลบไสลจนไร้สติ...กลับโหยไห้อยู่ ภายใต้สภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่นอันสุดแสนจะเจ็บปวด..ทรมาน...


ในความรับรู้ที่สั่นพร่า...ทว่าชัดเจนในความรู้สึก...เด็กสาวเจ็บปวดอย่าง เหลือประมาณ...ความเจ็บปวดรวดร้าวนั้นแผ่ลามไปทั่วสรรพางก์ร่างกายอย่างที่ ตลอดชั่วชีวิตไม่เคยประสบมาก่อน...ร่างกายของเธอนั้นเสมือนถูกเข็มอันแหลมคม ทิ่มตำเข้ามายังผิวกายอันบอบบางของตัวเองเป็นหมื่นๆ แสนๆ เล่ม....


เด็กสาวร้องไห้...คร่ำครวญออกมาอย่างทรมานอย่างแสนสาหัส...


...คุณพ่อขา...คุณแม่ขา...ช่วยษาด้วย....ษาเจ็บ....พี่อร...พี่นุช...ษาทนไม่ไหวแล้ว.....เจ็บ..เจ็บเหลือเกิน...


วงหน้างามที่พลิกไปมาช้าๆ บนกรอบไหมดำหนานุ่มที่กระจายตัวอยู่บนหมอนใบใหญ่นั้นเต็มไปด้วยความรวดร้าว ...เจ็บปวด...เสียงสะอื้นไห้ดังลอดออกมาจากเรียวปากที่นุ่มงามราวกับกลีบ กุหลาบ....


ความเจ็บปวดที่เด็กสาวแสดงออกมามันชัดเจนกระไรปานนั้น...หยาดน้ำตาที่ราวกับ เพชรพรากออกมาอย่างรวดร้าว...ภาพตรงหน้านั้นเป็นส่วนผสมระหว่างความงามพิลา ศล้ำที่กำลังทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส...


ภาพที่ศักดาเห็นนั้น...มีพลานุภาพที่แทรกเข้าไปแม้กระทั่งความหยาบช้ากระด้างของจิ้งจอกราคะ....


วูบหนึ่งที่ชายหนุ่มรู้สึกใจหาย...ความบริสุทธิ์สูงส่งไร้มลทินของความงามล้ำตรงหน้าเขา...ไม่สมควรถูกพร่าทำลายย่ำยี....เช่นนี้


แต่ความสอดกระชับที่ลำเอ็นอวบของเขากำลังตึงตัวอยู่เต็มที่นั้นมันกระตุ้น สันดานดิบอันชั่วร้ายของชายหนุ่มให้มีกำลังแก่กล้า กระพือความต้องการอันกระหายหิวนั้นให้คุโชนจนขับไล่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ออกไปจากใจ...


จิ้งจอกสวาทร้องออกมาเสียงดังราวกับบ้าคลั่ง...ซุกไซร้ใบหน้าลงไปบดขยี้จูบ ไปบนกลีบกุหลาบงาม จงใจใช้ปากหนานั้นบดกระชับกลบเสียงครางสะอื้นที่แผ่วสะท้านออกมา...มือไม้ สะเปะสะปะไปตามผิวกายที่ขาวสะอาดราวกับหยกบริสุทธิ์นั้น เกลื่อนอารมณ์อันอ่อนไหวของตนเองละเลียดไปกับความเนียนนุ่มที่เสพสัมผัส อย่างเร่าร้อน...


การเฟ้นฟอนลงไป....อย่างรุนแรง...หื่นกระหาย และต่อเนื่องราวกับขาดสติ... ในที่สุดชายหนุ่มก็เพลิดเพลินมัวเมาไปกับความหอมหวานที่เสพสมอย่างอิ่มเอม โลดแล่นไปกับความงามของเรือนกายที่สวรรค์เบื้องบนประทานมาให้เขาจนกลบความ รู้สึกอื่นไปจนสิ้น...


สองแขนของศักดากระตุกรั้งช่วงขาขาวเรียวเสลาขึ้นไป เพื่อให้ลำตัวของเขาที่กำลังเคลื่อนไหวอย่างตะกระตะกรามมีความสะดวกมากยิ่ง ขึ้นในการโถมทะลวงลำเอ็นที่ขยายตัวเต็มที่ โดยไม่สนใจว่ากลีบเกสรอันบอบบางที่กำลังถูกบดขยี้นั้นจะระบมชอกช้ำขนาดไหน


ความแน่นตีบกระชับของร่องสวรรค์นั้นทำให้ปลายถอกบานของจิ้งจอกราคะปวดแสบไป หมดเมื่อยามที่เขาโถมอัดเข้าไปอย่างรุนแรง เสียงร้องครางของศักดาดังโหยหวน....


...เสียงร้องนั้น...แม้แสดงความเจ็บปวด...แต่ทว่าอาการที่รับรู้ถึงความอวบ ใหญ่ของลำกายของตนนั้นทะลวงลึกเข้าไปในความอ่อนหยุ่นบอบบางกลับสร้างความสา แก่อารมณ์นั้นให้มากกว่าเป็นหลายเท่าทวี...ใบหน้าที่หล่อเหลาของศักดาจึงบิด เบี้ยวด้วยความสุขที่ทะลักท่วมอารมณ์


ลมหายใจของจิ้งจอกราคะดังกระเส่า ร่างที่อาบไปด้วยเหงื่อกาฬทั้งๆ ที่อยู่ในห้องปรับอากาศเย็นเฉียบ กระตุกวาบๆ สะโพกที่แข็งแรงส่งกำลังกระเด้าลำลึงก์บดเบียดฉีกกระชากความอ่อนหยุ่นภายใน เรือนกายของอรอุษาอย่างหักโหม...จนเกินกว่าความบอบบางของมันจะรองรับเอาไว้ ได้....


ลำอวบที่กำลังชำแรกเข้าออกขยำขยี้กลีบอันบอบบางราวกับกลีบกล้วยไม้นั้นจึง ปรากฏคราบเลือดสีแดงจางๆ อาบผสมผสานไปกับน้ำใสๆ ที่หลั่งออกมาจากร่องสวรรค์นั้น หยาดเลือดที่ค่อยๆ รวมตัวไหลรินผ่านผิวกายอันขาวสะอาดของอรอุษาจับลากลงไปบนผ้าปูเตียง...สีแดง ฉานเป็นด่างดวง...


ใบหน้างามล้ำแหงนเพริด คิ้วเรียวขมวดมุ่น เสียงครางดังลอดออกมาผ่านจากช่วงคองาม...นั้นแหบพร่า


....ได้โปรด...ตื่นเถอะ...อรอุษา...ตื่นเสียที.....ตื่น...ตื่น..ได้โปรด...ตื่น...เจ็บเหลือเกิน....


เด็กสาวร่ำร้องกับตัวเอง....ความรู้สึกประหนึ่งเหมือนกับกำลังจมอยู่ท่าม กลางความฝันอันเลวร้าย...ทำให้เธอพยายามเร่งเร้าให้ตัวเองฟื้นจากฝันที่ทิ่ม แทงเข้ามาอย่างทารุณนี้....


ศักดาที่กำลังโลดแล่นอย่างมัวเมา ดวงตาก่ำไปด้วยริ้วของเลือดที่ซ่านจนแดงฉาน จิ้งจอกสวาทตัวสั่นกระตุกถี่ถี่...ปากเบี้ยวอ้าออกร้องเสียงกระชั้น...อั๊ซ ซซซ..อั๊ซซซซซ..อั๊ซซซซ จับจ้องไปใบหน้างามที่กำลังพลิกไปมาบนกรอบผมที่สยายอยู่บนหมอนราวกับคลื่น ไหมสีดำนั้นอย่างทรมาน ...อาการที่เปลือกตากระตุกถี่ถี่ ขนยาวงอนยาวแผ่พลิ้วราวกับผีเสื้อบาดเจ็บขยับปีก ทำให้ดวงตาซ่านของจิ้งจอกโฉดลุกโพลง...


ชายหนุ่มกัดฟันกรอดๆ อย่างเสียวกระสัน ร่างที่กำลังมันเมาในกับการเสพสพความหอมหวานไม่ต้องการหยุดชะงักจังหวะอัน อิ่มเอมนั้น มือหนาจึงตะปบไปปิดที่เปลือกตาที่กำลังพยายามฝืนลืมขึ้นนั้นเอาไว้ ส่งเสียงคำรามเสียงหนักๆ เกร็งกำลังที่หน้าท้องเร่งส่งกระทุ้งลำเอ็นอวบกระแทกเข้าไปอย่างหนักหน่วง เสียงหนอกอันแน่นหนากระแทกไปบนเนินสวรรค์อันอ่อนนุ่มเสียงดัง ปั่ก ปั่ก ปั่ก ปั่ก อย่างไม่มีการหยุดยั้งหรือเบาจังหวะ...ท่ามกลางอาการกระตุกเกร็งของเรือนกาย ที่นอนระทวยอยู่บนเตียง ร่างบางนั้นกระตุกเฮือกๆ ไปตามแรงโถมกระแทกนั้นราวกับกวางน้อยที่ต้องกับดักนายพรานฉกรรจ์...บาดเจ็บ จนสาหัส...


แรงที่โถมกระแทกเข้ามาอย่างไม่ปรานีปราศรัยด้วยแรงขับของตัณหาอันคุ้มคลั่ง สร้างความปวดร้าวระบมให้แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายจนเกินกว่าจะวิญญาณอันบอบบางจะ ต้านรับเอาไว้ได้...และฤทธิ์ยาที่ค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาเกาะกินโสตประสาทของอรอุษา....ในที่สุด...สติสัมปะชัญญะของ เด็กสาวก็ถูกกลืนหายเข้าไปภายใต้หลุมดำทมึนที่ราวกับเป็นหุบเหวอันไร้ที่ สุด....


สิ่งที่เธอรับรู้แว่บสุดท้าย....คือเสียงแผดร้องดังกระเส่าอันเต็มไปด้วย ความปลดปล่อยอย่างสาสมใจที่ราวกับเสียงเพรียกจากอสูรนรกดึงตัวเธอให้จมดิ่ง เข้าสู่ความมืดมนอนธการ....


อาการที่ร่างงามนั้นสิ้นไร้ปฏิกิริยาใดๆ ตอบสนองอีก ทำให้จิ้งจอกราคะหัวเราะออกมาอย่างสาแก่ใจกับชัยชนะบั้นปลายอันหอมหวาน ...ความหฤหรรษ์ที่รอคอยอยู่ตรงหน้าให้ตักตวงได้อย่างสบายใจ...ไร้ขีด จำกัด...


โดยไม่จำเป็นต้องใช้มือประกบปิดใบหน้าของอรอุษาอีกแล้ว ริมฝีปากของชายโฉดก็ระดมขยี้จูบไปบนกลีบกุหลาบงามอย่างมันเมา มือทั้งสองข้างเลื่อนเข้าตะครุบบดคลึงไปบนปทุมคู่งามที่เต่งเป็นเต้า อูมอย่างกระหายหิว ละเลียดความอ่อนหวานนุ่มนิ่มเข้ามาเต็มมืออย่างทะยานใจ ปากดูดเลื่อนไล้ไปตามผิวหน้าที่เนียนนุ่มเต่งตึงไปด้วยความสมบูรณ์แห่งวัย สาวสะพรั่งที่ยังคงจับไปด้วยคราบน้ำตา ลากลิ้นโลมเลียซอกคอขาวผ่องหอมกรุ่น ดูดซับรสหวานล้ำอย่างอิ่มเอม ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนหน้าเข้าไปไซร้หน้ากับร่องอกที่ขาวละมุน เสียงหอบหายใจฟืดฟาดราวกับสัตว์ป่ากำลังสมสู่....


ศักดาสะบัดหน้าไปมาอย่างกระหายหิว ทั้งปากทั้งจมูกและลิ้นสากนั้นลากระดมเข้าไปเสพรับความหวานหอมกรุ่นที่ปทุม ถันตูมงามคู่นั้นอย่างเมามัน ปลายติ่งสีชมพูระเรื่อถูกดูดดีดอย่างอร่อยลิ้น...เนิ่นนาน...ซ้ายขวา..ซ้าย ขวา..สลับวนไปมาอย่างไม่มีรู้เบื่อ...ก่อนที่ชายหนุ่มจะอ้าปากกว้างโอบอมดูด ตอดจนบัวตูมกระเปาะงามคู่นั้นแทบจะถูกกลืนหายเข้าไปในปากอันโฉดร้ายของ จิ้งจอกราคะ...เสียงฮึดฮัดดังในลำคอของศักดา...เมื่อชายหนุ่มที่สะบัดศีรษะ ไปมาอย่างเมามันรู้สึกถึงความนุ่มนิ่มระรวยรินที่ดูดเข้ามาเต็มอย่างที่ ..ความหวานความหอมนั้นกรุ่นกำจายละลายไปทั่วโพรงปาก...ความอร่อยลิ้นนั้นแผ่ ซ่านความสุขหฤหรรษ์ไปยังทั่วทุกอณูแห่งความกระสัน...ขนทั่วร่างลุกชันอย่าง เสียวสยิว...หน้าท้องเกร็งวาบ....ความเสียวกระสันพุ่งทะยานราวกับไฟที่ถูก โหมโดยเชื้อ...


ความหอมหวาน เนียนนุ่มที่เสพรับอย่างเต็มอิ่ม กระตุ้นให้ความกระหายอยากของศักดาพลวยพลุ่งขึ้นอย่างไร้ที่สิ้นสุด ลำเอ็นอวบที่พึ่งหลั่งน้ำกระสันต์อันสามานย์เข้าไปย่ำยีทำลายความบริสุทธิ์ ผุดผ่องภายในดินแดนสวรรค์สร้างนั้นตึงกระตุกอย่างกระหายอีกครั้งหนึ่ง.....


สองมือหนาขยับไปตะปะเนื้ออันเนียนนุ่มขาวละเอียดตรงบริเวณหลังขาอ่อน กระตุกรั้งเพรียวขางามให้ม้วนตลบกลับพร้อมๆ กับแอ่นเนินอันงามตานั้นให้หงายร่อนให้เห็นร่องหลืบคูหาแห่งสวรรค์ที่บัด นั้นโลหิตที่ไหลซึมออกมานั้นถูกกลบไปด้วยน้ำเมือกขาวขุ่นข้นจนเกรอะกรัง อย่างชัดตา กลีบเกสรที่บอบบางบวมช้ำเพราะผ่านการถูกขยี้ทำลายอย่างรุนแรงนั้นถูกหัวถอก บานคล้ำที่กระตุกส่ายบดคลึงเข้าไปอีกครั้ง ปลายอันอวบใหญ่บดบี้ถูไถลำไปมา ขบสีไซร้คลึงเข้าไปยังกลีบนุ่มนั้นสองข้างนั้นอย่างเมามันราวกับจะฉีกขาด ความบอบบางนั้นออกเป็นชิ้นๆ...ก่อนที่ลำแข็งของจิ้งจอกโฉดจะบดทะลวงความอวบ ยาวใหญ่ทะลุทะลวงเข้าไปในร่างกายอันอ่อนสะพรั่งของอรอุษาอย่างอเร็ดอร่อยใน อารมณ์ของเจ้าของผู้มากไปด้วยตัณหาราคะ....


เสียงครางหนักๆ เมื่อลูกสูบอวบของศักดาเริ่มทะลวงทำงานของมันอย่างหักโหม ความอ่อนหยุ่นที่โพรงสวรรค์เริ่มคลายตัวโอบรัดเข้ามาแนบแน่นสร้างความสุข หฤหรรษ์ให้กับจิ้งจอกโฉดเหลือประมาณ ปากคำรามเสียงกระเส่าไม่หยุดปาก....อั๊ซซซ...อั๊ซซซซ...อั๊ซซซซซซ .....เหงื่อกาฬไหลทะลักออกมาจนชุ่มโชกไปทั้งตัว...ใบหน้าแหงนเพริดนั้นเต็ม เปี่ยมไปด้วยสุขสมอารมณ์หมาย


ร่างงามที่นอนหงายบนเตียงอย่างสลบไสลไม่ได้สตินั้นกระตุกสะเทือนไปตาม แรงกระแทกจากหนอกควยอันหยาบกระด้างที่ปักตรงเข้าใส่เนินสวรรค์สร้างที่แอ่น หงายเสียงดัง ปั่ก ปั่ก ปั่ก...ต่อเนื่อง...รุนแรง....กล้ามเนื้อที่ขาวผ่องบอบบางไปทั่วส่วนสัดเต้น ระริกไปตามแรงโถมกระเด้าอันหยาบโลนนั้น...โดยเฉพาะปทุมเต่งเต้าทั้งคู่ที่ สั่นไหว ปลายอันงามงอนที่สั่นสะท้านนั้นยั่วเย้าสายตาของจิ้งจอกโฉดจนดวงตาเบิกพล่าน สองมือปักลงไปขยำคลึงอย่างเมามัน บีบเคล้นไปอย่างรุนแรงราวกับจะให้ความอ่อนนุ่มนั้นละเอียดไปคามือ...อีกทั้ง ยังโลมปากก้มลงไปทั้งกัดทั้งดูด...มูมมาม....กระหายหิวราวกับสัตว์ป่าทึ้ง เหยื่ออันโอชะ...


ความเสียวกระสันที่เสพรับอย่างเมามันนั้น...ทำให้หน้าท้องที่กำลังเร่งส่ง กำลังกระเด้าอย่างหักโหมไม่มีความคิดจะหยุดยั้ง....ทั้งๆ..ที่รับทราบว่า ความเสียวที่ไต่ระดับขึ้นไปจากโพรงสวรรค์ที่โอบรัดเข้ามาอย่างแนบแน่นกำลัง จะเดินทางไปถึงจุดสุดยอดอีกคำรบหนึ่ง....


ด้วยนิสัยของจิ้งจอกโฉดยามที่ไม่ต้องเร่งรีบอะไรแล้วมักจะค่อยๆ ละเลียดเสพความหอมหวานของเหยื่ออย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้หลั่งเร็วจนเกินไป...แต่คืนนี้ไม่ใช่....ยิ่งคิดว่าตนเองมีโอกาส พ่นน้ำกามเข้าไปในเรือนร่างที่แสนบริสุทธิ์ของเด็กสาวตรงหน้ามากเท่าไหร่ ...ยิ่งทำให้เนื้อกายของชายหนุ่มเต้นระริกอย่างหฤหรรษ์....


เสียงคราง...อ๊าซซ อ๊าซซซ...ศักดาแหงนปากร้องพรั่งพรูอารมณ์ดิบออกมาท่ามกลางการเกร็งหน้าท้อง ส่งกำลังโหมกระแทกลำอวบบดขยี้โพรงอันอ่อนนุ่มเสียดสีไปกับผนังที่โอบเข้ามา อย่างอบอุ่นนั้น...สองมือเคล้นขยำไปตรงหว่างเอวคอดกิ่วของอรอุษา ปักกรงเล็บมารเจิกลึกเข้าในผิวเนื้อที่อ่อนบางอย่างรุนแรงจนเนื้อของเด็กสาว บุ๋มเป็นรอยนิ้วทั้งสิบพร้อมๆ กับกระตุกร่างอ่อนปวกเปียกของเธอให้สอดรับกับจังหวะอัดกระเด้าของตนเอง เสียง ปั่ก ปั่ก ปั่ก ปั่ก ดังถี่ยิบ.....ต่อเนื่อง....






อั๊ซซซซ...อั๊ซซซซซ...อั๊ซซซซซซ


เสียงร้องของศักดาแหบโหย เมื่อความเสียวที่พลุ่งพล่านไต่ระดับขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุด.....


ก่อนที่จิ้งจอกโฉดจะร้องลั่นห้อง ตัวกระตุกสั่นสะท้าน โน้มตัวลงไปทาบร่างของอรอุษาที่นอนหงายอยู่บนเตียงสองมืออ้อมไปด้านหลัง โอบรัดร่างบอบบางของเธอเข้ามากอดเอาไว้จนแนบแน่น แผงหน้าอกเบียดกระชับไปกับก้อนหยุ่นงามเต่งตึงทั้งคู่นั้นอย่างพล่านอารมณ์ พร้อมๆ กับกระตุกสะโพกส่งกำลังกระแทก ปั่ก ปั่ก ปั่ก เข้าไปอย่างแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยอาการแห่งความหยาบช้ากระด้างดิบนั้น...น้ำเมือกอันคาวข้นพุ่งพรวดผ่าน ปลายบานที่แผ่ขยายออกจนเต็มตัว....ตรงเข้าราดรดร่องสวรรค์นั้นอย่างสะใจสา แก่ใจ....อั๊ซซซ...อั๊ซซซซ...อ๊าซซซซซซซ....


จิ้งจอกราคะหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย ร่างมันปลาบไปด้วยเหงื่อ...ความเหนื่อที่ยังไม่โรยตัวไปเลยแม้แต่น้อย ทว่าความอยากกระหายนั้นพล่านอยู่ในอารมณ์ไม่มีการลดลงระดับลงเลย ร่างกำยำถอนตัวออกมาจากร่างงามที่นอนระทวยอยู่บนเตียง ลำเอ็นอวบหลุดพรวดอออกมาจากโพรงสวรรค์พร้อมๆ กับน้ำกามขาวขุ่นที่ไหลซึมออกมาเป็นทางราดรดลงไปบนผ้าปูที่นอนเป็นดวง ....ภาพที่เห็นน้ำเมือกขาวข้นที่อาบไล้อยู่ตรงกลีบเกสรอันบอบบาง...ความงาม ตระการตาที่ถูกย่ำยีจนยับเยิน....


ศักดาจับร่างบอบบางของอรอุษาพลิกคว่ำ คว้าหมอนใบใหญ่มาสอดเอาไว้ตรงท้องน้อยของเธอ และจับสะโพกผายงามละลานตาของเด็กสาวให้ตั้งขึ้น ดวงตาเบิกโพลงจับจ้องไปกับกลีบแก้มที่ขาวผ่องราวกับหยวกกล้วยกลมเป็นลอนงาม นั้น...ใบหน้าบิดเบี้ยว...น้ำลายไหลซึมออกมา...


เสียงคำรามราวกับสัตว์ป่าดังขึ้นจากปากของศักดา ชายหนุ่มก้มหน้าลงไปฟัดเฟ้นแก้มก้นที่ขาวตึงเนียนนุ่มนั้นอย่างกระหายหิว ปากอ้าออกกัดกินเนื้ออันละเอียดอ่อนอย่างเมามัน...ส่งเสียงร้องฮึดฮัดๆ สองมือหยาบกระด้างก็ไม่อยู่ว่าง เคลื่อนเข้าไปกระตุกขยำไปบนขาอ่อนขาวเรียวทั้งสองข้างของเด็กสาวพร้อมๆ กัน เร่งเร้าอารมณ์หื่นให้ลุกโชนขึ้นอย่างรวดเร็วไม่ต่างอะไรกับไฟไหม้ป่าที่แผด เผาความเป็นมนุษย์ของเขาไปจนสิ้นจนหลงเหลือแต่สันดานดิบคราบแห่งสัตว์ป่าที่ ต้องการฉีกทึ้งเหยื่อชิ้นงามให้อิ่มเอมแต่ถ่ายเดียว....


เสียงกู่ร้องของจิ้งจอกโฉดดังขึ้นในเวลาต่อเนื่องอีกประเดี๋ยวเดียวถัดจาก นั้นไม่นาน....ลำอวบของตนเองที่แข็งตัวขึ้นอีกครั้งอัดกระแทกโถมทะลวงเข้า ใส่ร่างของอรอุษาที่นอนคว่ำแบบระทวยอยู่ในท่านั้นอย่างเมามัน.....ร่างบอบ บางสั่นกระตุกไปตามแรงกระแทก แผ่นหลังที่ขาวเนียนราวกับหยกตัดกับคลื่นผมสีดำราวกับไหมที่กระจายอยู่เต็ม หลังเป็นภาพที่ยิ่งเร้าให้ความทะยานอยากของศักดาพุ่งพล่านขึ้นเป็นหลายเท่า ทวี....เสียงกู่ร้องของชายหนุ่มดังต่อเนื่อง....ยาวนาน....นานจนกระทั่งร่าง ของเขากระตุกวาบๆ...เอนตัวทาบไปกับแผ่นหลังขาวนวลเนียนนั้น สอดมือเข้าขยุ้มเคล้นสองปทุมเต่งตึงเต้านั้นบีบเคล้นอย่างหนักหน่วง....ปาก ขบกัดไปตรงช่วงไหล่ลาดงาม...เสียงครึ่ดๆๆ...ดังกระชั้นจากลำคอของชายหนุ่ม พร้อมๆ กับอาการที่ลำเอ็นอวบ...หัวถอกบานขยับเคลื่อนไปจังหวะอย่างรู้ใจกันส่งเชื้อ อันชั่วช้าออกมาอีกรอบ....


ไม่มีคำว่าพอสำหรับศักดาที่ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ป่าในยามนี้....ชายหนุ่มจับ ร่างของอรอุษาให้พลิกหงายขึ้น...และโถมทับลงไปอย่างเมามัน....เพลิงราคะที่ ร้อนแรงพลุ่งพล่าน...ต่อเนื่อง.....ไม่มีใครบอกได้ว่ามันจะสงบลงเมื่อไร....


แม้กระทั่งตัวของจิ้งจอกโฉดเอง.....


.......................


คมศรจ้องมองเสี้ยวหน้างามที่สะท้อนแสงไฟพร่าพรายตรงหน้าด้วยความรู้สึกสับสน ...ความหอมหวานยังคงกรุ่นอยู่ในอารมณ์...แต่ในเวลานี้...น่าขัน...คนที่ เปรียบเสมือนสิงห์สวาทเจนสังเวียน กลับไม่รู้จะเอ่ยคำอะไรออกมา


...ความเงียบเคลื่อนเข้ามาปกคลุมวิมานแห่งเพลิงไพรนี้นับตั้งแต่ความเป็นชาย และหญิงของทั้งสองประสานเข้าสู่จุดสุดยอดเป็นหนึ่งเดียว...ลมหายใจของคมศร ค่อยๆ สงบเป็นลำดับ..ร่างกายอันกำยำของเขาผ่อนคลาย...ละเลียดดื่มด่ำความรู้สึกที่ เสพสมได้อย่างอิ่มเอมนั้นด้วยความรู้สึกละลานใจ...


ส่วนอรนุช...เมื่อความเร่าร้อนแห่งเพลิงสวาทที่ครอบงำระอุอกนั้นคลายลง ...ความคิด...ความรู้สึก...และตัวตนที่แท้จริงได้กลับคืนเข้ามาสู่สติสำนึก ของเด็กสาว...นับแต่นั้น...ยังไม่สุ้มเสียงอะไรลอดออกมาจากเรียวปากงามของ เธออีกเลย


ร่างบางนั้นขยับอย่างเงียบงัน ค่อยๆ เก็บชิ้นส่วนอาภรณ์ของตนที่กระจัดกระจายอยู่ในบริเวณนั้นสวมใส่กลับคืน ส่วนชายหนุ่มก็จัดการกับตัวเองเฉกเช่นกัน ต่างตรงที่ร่างกำยำนั้นเพียงสวมแค่กางเกงขายาวเท่านั้น ปล่อยให้แสงสีทองจากเปลวไฟฉาบไล้ไปบนผิวกายที่แข็งแกร่งประหนึ่งกับเป็นนัก รบนั้นอย่างน่าดู...


ชายหนุ่มจับจ้องมองความนิ่งเงียบของเด็กสาวที่เขาเป็นเจ้าของอย่างสมบูรณ์ แบบอยู่เนิ่นนาน...ร่างบางที่หันไปนั่งกอดเข่าจับจ้องมองไปยังกองไฟนั้นมี อะไรบางอย่างที่คล้ายกับผนังอันไร้สภาพอย่างหนึ่งที่ห่อหุ้มอยู่...พลัง บางอย่างนั้น...ไม่น่าเชื่อ...ถึงกับทำให้เขารู้สึกเกรงและประหม่าอย่างที่ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิต


ความเงียบที่มีเพียงสรรพเสียงของป่าที่ห่อล้อมอยู่กดดันจนคมศรเองอดใจไม่ไหว ต้องใช้มือไปเกลี่ยปอยผมที่เคลียอยู่ข้างแก้มนวลนั้นเบาๆ พึมพำถาม


“คุณคิดอะไรอยู่...อรนุช?...”


ไม่มีเสียงตอบจากเด็กสาว ดวงตางามราวกับนิลคู่นั้นยังจ้องไปยังกองไฟแน่วนิ่ง คมศรผ่อนลมหายใจอย่างเบาๆ...ความรู้สึกอัดอั้นบางอย่างขับให้ตัวเขาเอ่ย ปากถามออกไปโดยไม่รู้ตัว...


“คุณเสียใจหรือ?...”


คำถามนั้นทำให้วงหน้างามล้ำหันมามองเขา....ริมฝีปากที่เรียวสวยเผยอขึ้น น้อยๆ....พ่อเลี้ยงปางห้วยสักกลั้นลมหายใจ....สะกดความรู้สึกที่พลุ่งพล่าน ขณะรอคอยคำตอบ...


....ความรู้สึกเช่นนี้...เขาไม่รู้จักกับมันมานานแค่ไหนแล้วนะ....


ครั้งสุดท้าย...ผู้หญิงที่ทำให้เขารู้สึกว้าวุ่นใจเช่นนี้...เนิ่นนานเหลือ เกิน...จนเขาคิดว่าตนเองแกร่งเกินกว่าที่ความรู้สึกนั้นจะมีอิทธิพลเหนือจิต ใจของเขาแล้ว...


ดวงตางามล้ำคู่นั้น...สวยเฉกเช่นกับมณีงามคู่ตรงหน้านี้....ประกายตาที่หวาน ซึ้ง...หากแต่แหลมคมราวกับธนูศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งเข้าปักลึกเข้าไปถึงวิญญาณ แห่งสิงห์ร้ายเช่นเขาทุกครั้งที่จ้องมองมา....


“ค่ะ...ฉันเสียใจ”


เสียงเบาบางที่ดังลอดออกมานั้น ทำให้ชายหนุ่มใจหาย....ลมหายใจติดขัดขาวช่วง...มือที่แตะเล่นปลายผมของเด็ก สาวอยู่ถึงกับอ่อนแรงตกลงแนบกาย...ร่างนั้นหนักอึ้งราวกับเหมือนว่าถูกของ หนักกดทับเอาไว้...


....คมศรอยากจะหัวเราะสมเพทตัวเอง...ในที่สุด...เขาก็พ่ายแพ้ให้กับเธออีกครั้ง...


อรนุชถอนหายใจ จ้องมองคมศรอย่างเปิดเผย กล่าวว่า


“....ฉันเสียใจ...เสียใจที่ไม่สามารถทำตัวให้ดี...ดีสมกับความรัก และความหวังดีที่คุณพ่อ..คุณแม่...พี่อรเฝ้าอบรมสั่งสอนฉันตลอดมา ...”


ฉับพลันปรากฏรอยยิ้มจางๆ ฉาบไล้กลีบกุหลาบบางงามนั้น เมื่อนิ้วมือที่เรียวเสลาเคลื่อนไล้ไปตามแผงหน้าอกที่กำยำราวกับนักรบทองแดง นั้นเบาๆ


“แต่..ฉันไม่เสียดาย...เพราะสิ่งที่มีค่าของฉัน ถูกมอบให้กับคนที่คู่ควรรับ...เช่นคุณ...”


ดวงตาประกายเหล็กของคมศรเต็มไปด้วยความรู้สึกแห่งความปลดปล่อย สีหน้าที่แสดงออก....เหมือนักโทษประหารที่ได้รับการอภัยโทษ ใบหน้าคร้ามคมนั้นแสดงความรู้สึกภายในออกมาอย่างชัดแจ้ง ผสานกับเสียงที่ครางออกมานั้นสั่นพร่าสะท้านจากอารมณ์อันอ่อนไหวในส่วน ลึก....


“อรนุช....”


มือแข็งแรงที่ดึงไปที่ข้อมือเล็กบางนั้น ทำให้ร่างงามของอรนุชอิงแอบเข้ามายังอ้อมแขนกำยำของเขาแต่โดยดี...ลมหายใจ ของเด็กสาวเป็นสุข...ทาบหน้าไปกับแผงอกที่อบอุ่น...


“ฉันรักคุณ...แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับฉัน...”


วงแขนของคมศรกระชับเข้าร่างบางที่อิงแอบเข้ามานั้น จรดจมูกลงไปกับศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผาดำสลวยราวกับไหมนุ่มนั้นนิ่งนาน


“...คุณเป็นคนที่พิเศษสำหรับผม...ที่สุด...อรนุช...ที่สุดจริงๆ...”


แขนบอบบางของเด็กสาวเคลื่อนเข้ารัดร่างของชายหนุ่มเป็นการตอบสนอง ดวงตาของสิงห์ร้ายเต็มไปด้วยความตื้นตัน...ในแววตานั้นยังเคลือบฉาบไปด้วย ความรู้สึกผิด....ลึกๆ...ในใจ...เขาใช้เธอเป็นเครื่องมือ...ตอบสนองต่อความ เย็นชาของเธอคนนั้น....


คมศรกระซิบเสียงแผ่ว แต่มั่นคงจริงจังจนอรนุชรู้สึกได้


“ผมขอสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์...ผมจะปกป้องคุณด้วยชีวิต...ไม่ ว่าอะไรจะเกิดขึ้น...ชีวิตของผมจะต้องตายก่อนคุณ..อรนุช...จำคำของผมเอาไว้ นะ....”


เด็กสาวสูดลมหายใจยาว...กระซิบเสียงแผ่วหวานกับชายผู้เป็นเจ้าของเธอทั้งกายและใจ


“ไม่ค่ะ...ไม่มีใครต้องเป็นอะไร...เพราะฉันเชื่อค่ะ...เชื่อว่า คุณจะต้องพาฉันกลับไปหาพี่อรกับยายษาได้อย่างปลอดภัย...ฉันเชื่อจริงๆ ...”


...........................


อรอุษารู้สึกตนเองวิ่งอยู่ท่ามกลางหมอกสีดำที่น่าสะพรึงกลัว...ดินแดนที่ เป็นป่าอันแห้งโกรกรกร้าง...มีเสียงกู่ร้องโหยหวนราวกับภูตินรกดังสะท้อน อยู่รอบๆ....สภาพอันกดดันยิ่งโถมทับเข้ามาท่วมท้นจิตใจของเธอเมื่อยามที่เธอ วิ่งวนหาทางออกอยู่นั้น ชั่วขณะหนึ่งก็จะปรากฏเงาทมึนอันน่าหวาดหวั่นโกรกลอยเข้ามาจากทุกทิศทาง เสียงแหบโหยหัวเราะดังกระเส่าอย่างชั่วร้ายระดมเข้ามาจนเธอรู้สึกใจหายหวาด หวั่นพรั่นพรึงจนสุดประมาณ...


แต่ไม่ว่าเธอจะวิ่งไปไกลแค่ไหน...ทุ่มเทจนหมดเรี่ยวแรงเพียงไร...แต่ก็หาพ้น ไปจากความน่าสะพรึงกลัวที่รายล้อมเข้ามาไม่...อรอุษาวิ่งจนเหนื่อยแทบขาดใจ ก็ยังไม่สามารถสลัดเงาดำที่ราวกับภูตินรกนั้นที่ยังลอยคว้างตามติดเข้ามา มือที่แห้งกรังราวกับซากโครงกระดูกที่เน่าผุไขว่คว้าเข้ามาหมายจะจับตัวเธอ เอาไว้...


เด็กสาวพยายามดิ้นรนสุดชีวิตเมื่อรู้สึกมือที่เน่าเหม็นตะครุบมายังบ่าของ เธอ แต่เธออ่อนแรงจนเกินกว่าจะดิ้นให้พ้นจากเงื้อมมืออันชั่วร้ายนั้นที่ กระชากร่างของเธอเอาไว้ก่อนที่เงาดำทมึนที่เหม็นคาวหืนจนกลบนาสิกประสาทจะ โอบรัดเข้ามา...ดวงตาของอรอุษาเบิกกว้าง....ใบหน้าอูบแสยะของเสี่ยคิ้มล อยคว้างเข้ามาแนบชิด....


ความหวาดหวั่นสะพรึงกลัวที่กดดันอยู่ในส่วนลึกที่จดจำเหตุการณ์อันเลวร้าย เอาไว้ก่อนที่เธอจนสิ้นสติสมประดีนั้นระเบิดออกมาเป็นเสียงที่กรีดร้องออกมา อย่างโหยหวน.....


“น้องษา...น้องษา....”


เสียงเรียกดังแว่วๆ ทำให้อรอุษาสะท้านเฮือก....ภาพทมึนดำของเสี่ยคิ้มหายวับไปกับตา พร้อมๆ กับการรับรู้ว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงที่หนานุ่ม....


แว่บแรก...ใจที่หวาดผวานั้นคลายความตึงเครียดลง...เมื่อตระหนักว่าตนเองฝันไป....มันเป็นแค่ฝันร้ายอีกตื่นหนึ่งเท่านั้น...


แต่ฉับพลันร่างกายที่ปวดร้าวไปทั่ว...ความระบมที่แทรกเข้ามาแทบจะทุกส่วนสัด นั้นแผ่ลามความจริงบางอย่างเข้ามาท่วมท้นอณูแห่งความรู้สึก ทำให้ใจที่คลายความตระหนกไปเพียงแค่แว่บเดียวนั้นแหบโหยร่วงคว้างไร้หลักยึด ราวกับใบไม้ที่ปลิดขั้วจากกิ่ง....


....โอว...ไม่นะ...นี่เรายังไม่ตื่นใช่ไหม...เรายังฝันอยู่ใช่ไหม....


แต่ควาเมป็นจริงนั้นถูกตอกย้ำด้วยร่างของใครคนหนึ่งที่เคลื่อนเข้ามา ...เสียงแหบของอีกฝ่าย...ที่เธอจำได้ว่าเป็นเสียงของศักดาดังขึ้นมาอย่าง แผ่วเบา...สั่นพร่า...เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด...


“น้องษา...พี่...พี่เสียใจ....พี่ไม่สามารถปกป้องน้องษา....”


...ไม่จริง...เรายังฝันอยู่...ไม่จริง....ไม่จริงนะ...ตื่นสิ...ตื่นเดี๋ยวนี้....


อรอุษาคร่ำครวญ หวนไห้...ร่ำร้องในใจ....แต่ภาพใบหน้าของเสี่ยคิ้ม...ความหยาบช้าที่อีก ฝ่ายกระทำกับตัวเองนั้นล่องลอยเข้ามาในโสตประสาทการรับรู้ราวกับภาพหลอน จากนรกนั้นทำให้เด็กสาวสิ้นหวัง....


แม้จะอ่อนเยาว์ไร้เดียงสา...แต่อรอุษาก็โตความพอจะล่วงรู้ว่าความปวดระบมจน แสบไปจนจับขั้วหัวใจที่บังเกิดตรงบริเวณส่วนพึงสงวนที่สุดของลูกผู้หญิงนั้น มีสาเหตุมาจากอะไร....


น้ำตาแห่งความเสียใจ...เจ็บปวด...ร้าวระบมจนสุดชีวิต...ไหลรินออกมาอาบแก้ม...


คุณพ่อขา..คุณแม่ขา...พี่อร..พี่นุช...ษาอยากตาย....ษาเจ็บเหลือเกิน....


เด็กสาวสะอื้นจนตัวกระตุก ร่างบอบบางที่ราวกับจะแตกหักไปได้ในทุกขณะ เคลื่อนขดเป็นก้อนกลม ท่ามกลางความปวดร้าวจับจิต...เสียงร้องไห้นั้นสั่นสะท้าน...แหบโหย....


ศักดาที่ซ่อนความสามานย์ทุกอย่างไว้ภายใต้สีหน้าท่าทางของชายหนุ่มผู้กำลัง ชอกช้ำกับความรู้สึกผิด เคลื่อนตัวเข้ามาแนบชิดร่างบางที่กำลังขดสะอื้นจนตัวโยน วางมือไปที่หัวไหล่กลมมนนั้นเบาๆ กระซิบเสียงอ่อนเบา


“น้องษาครับ...อยากร้องไห้ก็ร้องเถอะ...ร้องกับอกพี่นะ...พี่ศัก คนนี้จะขอชดใช้ความผิดด้วยการขอดูแลน้องษาของพี่ไปจนตลอดชั่วชีวิต ...”


ในเวลานั้น...ความโดดเดี่ยว...อ้างว้าง...ทำให้อรอุษาเหมือนกับเรือน้อยที่ ขาดหางเสือ..ลอยเคว้งอยู่ท่ามกลางทะเลอันบ้าคลั่งไปด้วยความรู้สึกปั่นป่วน ที่ถาโถมเข้ามาราวพายุลูกมหึมา....


เมื่อมืออุ่นๆ ของศักดาเคลื่อนเข้าแตะหัวไหล่ของเธอ พร้อมกับเสียงนุ่มนวลที่ดังกระซิบปลอบโยนผ่านเข้ามากระทบโสตประสาท ....ร่างบอบบางของอรอุษาจึงผวาเข้าไปซบกับร่างของชายหนุ่ม ร่ำไห้ออกมาเสียงดังสะท้าน...ยึดถือจิ้งจอกโฉดผู้ซึ่งทำลายเธอจนยับเยินเป็น หลักพึ่งพิงเพียงแห่งเดียวที่สามารถไขว่คว้าเอาไว้ได้ในตอนนี้จนหมดใจ...


อรอุษาร้องไห้จนตัวโยน...เด็กสาวร้องออกมาอย่างร้าวรานใจ....ร้องจนกระทั่ง เสียงสะอื้นไห้นั้นเปลี่ยนเป็นเสียงแหบโหย และน้ำตาที่ไหลรินหลั่งนั้นท่วมท้นออกมาจนไม่มีน้ำตาไหลออกมาอีก...


....ดวงตาคู่งามแห้งผาก...ฉายแววแห่งความเจ็บช้ำน้ำใจจนสุดชีวิต....


ตลอดเวลาศักดาโอบประคองร่างบางงามของอรอุษาเอาไว้ ปล่อยให้เด็กสาวร้องไห้ไปโดยไม่ขัดขวางอะไร สิ่งที่ทำมีเพียงการกอดประโลมอย่างอ่อนโยนเท่านั้น...จิ้งจอกสวาทมากตัณหา รู้ดีว่าในอารมณ์ที่กำลังท่วมท้นไปด้วยความเสียใจของเด็กสาวนั้นมีแต่ต้อง ปล่อยให้ระบายออกไปเท่านั้น...


จนในที่สุด...เมื่อจิ้งจอกโฉดสังเกตเห็นอาการสั่นสะท้านร่างงามเริ่มสงบลง ก็กระซิบเสียงแผ่ว


“...น้องษาคนดีของพี่...”


เสียงอ่อนหวานที่แทรกเข้ามาในโสตประสาททำให้น้ำตาที่ไหลรินจนแห้งผากนั้น กลับหล่อรื้นคลอเบ้าตาคู่งามนั้นออกมาอีกครั้ง ก่อนจะหยดหยาดลงต้องแก้มใสราวกับประกายเพชร


“พี่ศัก...ษา..ษา...ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว...ษาอยากตาย...ษา..ษา..”


“ไม่ครับ...น้องษา...อย่าพูดอย่างนั้นนะครับ...”


จิ้งจอกโฉดเชยคางมนที่ซบกับอกตนเองให้เงยขึ้น และจ้องไปยังดวงตากลมโตที่กำลังหลั่นรินน้ำตาออกมาแน่วนิ่ง กล่าวเสียงอ่อนหวานนุ่มนวล...ด้วยทีท่าแห่งผู้ปรารถนาดี...และห่วงใยอย่าง สุดซึ้ง...ไม่หลงเหลือคราบของสัตว์ป่าที่แทบจะฉีกกระชากเรือนร่างอันบอบบาง ของอรอุษาออกเป็นชิ้นๆ เมื่อก่อนหน้านี้แม้แต่นิดเดียว...


“น้องษาเจ็บ..พี่ศักคนนี้เจ็บยิ่งกว่า...”


เสียงนุ่มนวลนั้นกระซิบหวานต่อเนื่องอย่างเจนจัด


“เรื่องที่ผ่านมาแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว...น้องษาก็ปล่อยให้มันผ่าน ไปเถอะนะ...และที่สำคัญที่สุด....ขอให้น้องษารับรู้เอาไว้ว่า...น้องษาไม่ ได้สูญเสียอะไรไปเลย....”


ใบหน้าหล่อเหลาของจิ้งจอกราคะเคลื่อนลงไปใกล้วงหน้างามล้ำนั้นกระซิบเสียงแผ่ว...


“...ตรงกันข้าม...น้องษาได้หัวใจ...ร่างกาย...ชีวิตและวิญญาณของ พี่ศักคนนี้เอาไว้ในครอบครองไปตลอดกาล...รู้ไหมคนดีของพี่ศัก...”


อรอุษามีใบหน้าตื่นตะลึงไปกับคำพูดของอีกฝ่าย ริมฝีปากบางงามสั่นระริกเมื่อว่า


“ษา..ษาไม่คู่ควร...ร่างกายของษามัน...สกปรก...ไร้ค่าใดๆ..อีกต่อไปแล้ว....”


ศักดาส่ายหน้า ตวัดแขนรัดร่างบอบบางให้เข้ามาแนบชิด สูดกลิ่นกายอันหอมสะพรั่งนั้นจนเต็มปอดอย่างสมใจ ปากเคลื่อนลงไปไล้ที่ติ่งหูขาวใส พึมพำ


“ใครว่ากัน...น้องษาจะเป็นแก้วมณีอันมีค่าที่พี่จะเทินทูนรักษาเอาไว้ตราบสิ้นชีวิตของพี่นี้ต่างหาก...”


คำพูดอันอ่อนหวานนั้นชำแรกเข้ามาในโสตประสาทการรับรู้ของอรอุษาราวกับหยาดฝน ที่เคลื่อนเข้าหาหัวใจอันบอบช้ำแสนแห้งผากของเด็กสาว...ความอบอุ่นที่แทรก ขึ้นมาท่ามกลางความร้าวระทมนั้นราวกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาปลดปล่อย ความดำมืดที่เกาะกุมจิตใจ...


คำพูดนั้นส่งผลให้ร่างงามของเด็กสาวเคลื่อนอิงแอบเข้าไปในอ้อมแขนที่รั้งตัว ของเธอเข้าไปกอดอย่างลืมตัว...ใบหน้าเอนซบไปกับหน้าอกของอีกฝ่ายอย่างโอน อ่อนด้วยแรงขับแห่งจิตใจที่เปราะบาง...ขณะที่จิ้งจอกโฉดที่ก้มหน้าลงไป สูดกลิ่นหอมกรุ่นจากกลุ่มผมนุ่มราวกับคลื่นไหมสีดำนั้นยิ้มมุมปากออกมาอย่าง พึงพอใจ.......


“น้องษาวางใจนะ...เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้จะไม่มีใครอื่นที่ ล่วงรู้...วันพรุ่งนี้...น้องษาก็จะเป็นน้องษาคนเดิมที่บริสุทธิ์...สดใส ...มีชีวิต...มีความหวัง...มีอนาคตอันงดงามเหมือนเดิม....”


ปากของจิ้งจอกโฉดเคลื่อนไปแตะพวงแก้มอิ่มงาม กระซิบเสียงหวาน


“มีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่เหมือนเดิมก็คือ...น้องษาจะได้หัวใจของพี่ที่ยอมเป็นทาสที่จงรักไปตลาดกาล...”


สิ้นเสียงนั้น...ใบหน้างามล้ำของอรอุษาที่ซีดขาวปรากฏรอยระเรื่อสีแดงเจือ ขึ้นมาโดยทันที....ท่ามกลางความเศร้าระทมที่เกาะกินใจอยู่อย่างหนาแน่นนั้น ความอ่อนหวานจับจิตสายหนึ่งส่งกระแสขึ้นมาจนทำให้หัวใจอันบอบบางนั้นตรา ประทับภาพของชายหนุ่มที่ประคองกอดเธออยู่ด้านข้างนี้เข้าไว้จนแนบแน่น....


“น้องษาไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นนะครับ...ที่นี่คือบ้านของพี่เอง ...หลับซะเถอะนะ...วางใจให้พี่ศักได้ปกป้องคุ้มครองน้องษานะ...คนดีของพี่ ..”


อรอุษาที่ระลึกถึงอะไรบางอย่าง พยายามดิ้นรนจากการกอดรัดของศักดา พลางกล่าวเสียงแผ่วเบาสะท้านด้วยความรู้สึกที่ยังไม่ห่างหายไปจากความเศร้า เสียใจสุดประมาณนั้น....


“แล้ว...แล้ว...ที่บ้านษาล่ะคะ...ษาต้องกลับบ้าน...”


ศักดาแอบยิ้มในหน้า กระซิบเสียงแผ่ว


“เชื่อพี่ศักนะครับ...ถ้าน้องษากลับไปตอนนี้...สภาพร่างกายอย่าง นี้...คงจะตอบคำถามคนทางบ้านไม่ได้แน่ๆ...เราจะต้องไม่ให้เรื่องที่เกิดขึ้น ล่วงรู้ไปถึงคนที่สาม....คืนนี้พี่ขอให้น้องษาพักที่นี่อย่างวางใจ...วัน พรุ่งนี้พี่จะพาน้องษาไปต่างจังหวัด...ไปให้ไกลพ้นจากทุกคน...ให้น้องษาได้ พักทั้งร่างกายและจิตใจ...จนเป็นปกติแล้วค่อยกลับ...เชื่อพี่ศักเถอะนะ ...”


อรอุษามีสีหน้าลังเลใจ ...จะให้เธอค้างอ้างแรมกับชาย...ชายที่ความจริงเป็นคนแปลกหน้าที่เธอเพิ่ง รู้จักแค่วันเดียว...แต่ในเวลานี้...เด็กสาวผู้อ่อนเยาว์ไร้เดียงสารับชาย แปลกหน้าคนนี้เข้ามายึดครองจิตใจของเธอจนหมดสิ้น....


ซึ่งในเวลานี้...คำพูดของศักดานั้นมี..อิทธิพลและน้ำหนักสูงสุดในจิตใจของ เด็กสาวที่พลัดตกเข้าไปในเงื้อมมือของจิ้งจอกโฉดโดยสมบูรณ์...ทำให้อรอุษา เห็นคล้อยตามไปกับชายหนุ่มโดยง่ายทันที...


อย่าว่าแต่ความเป็นจริงตรงหน้า...สภาพร่างกายปวดร้าวระบมจนแทบขยับไม่ได้ อย่างนี้เธอจะกลับไปที่บ้านและไม่ให้ใครล่วงรู้สิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นได้ อย่างไร?


“แล้ว...แล้วษา..ษาจะทำยังไงดีล่ะคะ...”


ศักดายิ้มเล็กน้อยกระชับร่างงามเข้ามาแนบอก กระซิบเบาๆ


“ไม่ยากนี่ครับ...แค่น้องษาโทรไปบอกที่บ้านว่าขอค้างบ้านพี่ไอซ์ เพราะวันพรุ่งนี้ต้องมีนัดไปทำกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยแต่เช้าตรู่...และบอก ทางบ้านว่าเป็นกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยจัดขึ้นไปทริปต่างจังหวัดด้วย ...”


“จู่ๆ...ก็มีกิจกรรม...ป้าเอียดต้องสงสัยแน่ค่ะ...”


ใบหน้างามของอรอุษามีความกังวล ขณะที่ศักดากล่าวเบาๆ


“เชื่อพี่ศักเถอะ...เด็กดีและเรียบร้อยอย่างน้องษาน่ะไม่มีใครไม่เชื่อแน่นอน...”


จริงดั่งที่จิ้งจอกโฉดคาดการณ์ เพราะเมื่ออรุอษาโทรไปบอกที่บ้าน ป้าละเอียดของเธอเพียงแค่ถามไถ่อย่างเป็นห่วงเท่านั้น...หลงเชื่อสนิทว่า สิ่งที่อรอุษาพูดเป็นความจริง


“แหม...ทำไมคุณษาทำอะไรปุ๊บป๊บๆ กระทันหันอย่างนี้ล่ะคะ.....”


“ษา...ษาลืมบอกป้าเอียดไปน่ะค่ะ...และ...และก็ไม่ตั้งใจล่วงหน้า ด้วย...พอดี...พอดีพี่ไอซ์เขาชวนน่ะค่ะ...ทีแรกพี่ไอซ์จะมารับแต่เช้า...แต่ ษาเกรงใจก็เลยขอไปพักด้วย...”


“แล้วคุณษาจะเอาเสื้อผ้าที่ไหนใส่ล่ะคะ...ออกไปตัวเปล่าอย่างนั้น...”


ป้าเอียดร้องถามอย่างเป็นห่วงแกมอ่อนใจ นี่ถ้าคุณษาอยู่ข้างๆ ต้องหยิกให้เนื้อเขียวซักที...ทำอะไรไม่รู้อย่างกับเป็นเด็กๆ...


ขณะที่อรอุษาอึกๆ อักๆ ไม่รู้จะพูดอะไรดี ต้องให้ศักดาที่เจ้าเล่ห์ในการหลอกลวงเป็นนิสัย คิดหาทางหนีทีไล่อย่างว่องไว กระซิบไปที่ข้างหูของเธอ บอกบทให้เด็กสาวพูดต่อ


“เอ่อ..ไม่...ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ...ษาหาซื้อเอาไว้พอใส่แล้วค่ะ...”


“เฮ้อ...คุณษานะคุณษา...ทำตัวอย่างกับเด็กๆ...เอาเถอะค่ะ...ระวัง ตัวและดูแลสุขภาพให้ดีด้วยแล้วกันนะคะ...มีอะไรรีบโทรกลับมาที่บ้านนะคะ ...”


ดวงตาคู่งามหล่อรื้นน้ำตาออกมาอีกรอบ...ความรักใคร่ห่วงใยอย่างสุดใจของอีกฝ่ายเป็นสิ่งที่เธอรับรู้ได้ดีเสมอมา


....ป้าเอียดขา...ษา...ขอโทษนะคะที่โกหกป้าเอียด...ษาจำใจจริงๆ ค่ะ...


“ค่ะ..แค่นี้นะคะ...ป้าเอียดไม่ต้องห่วง...”


เด็กสาวกล่าวเสียงเครือสะท้านก่อนที่จะรีบตัดสายไปเพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะจับหางเสียงที่ใกล้จะร้องไห้เต็มทีของตนเองได้


อรอุษาร่ำไห้ออกมาอีก...เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตที่เติบโตมาแต่ในสภาพ แวดล้อมของความรักและความอบอุ่นนั้นมันรุนแรง...และร้ายกาจจนเกินกว่าหัวใจ อันบอบบางนั้นจะรับเอาไว้ได้...แม้จิ้งจอกโฉดจะแสดงตัวให้อรอุษายึดเหนี่ยว เป็นที่พึ่ง...แต่ความเจ็บปวดที่เด็กสาวรับรู้มันบาดลึกเข้าไปในจิตวิญญาณ ของเธออย่างที่ไม่มีทางลบเลือนไปได้ในระยะเวลาอันสั้น...


ศักดาที่นอนพิงพนักเตียงอยู่เคียงข้างอรอุษาดึงร่างงามของเด็กสาวให้นอนซบไปกับอกของตนเอง กระซิบเสียงอ่อนหวาน


“นิ่งซะนะคนดีของพี่ศัก...อย่าร้องไห้ต่อไปเลย...”


อรอุษาที่ซบหน้าไปกับอกกว้างของจิ้งจอกโฉดผู้ซึ่งเธอไม่ตระหนักรู้เลยแม้แต่ น้อยว่าเป็นต้นเหตุแห่งความเจ็บช้ำร้าวระบมทั้งมวลที่บังเกิดกับเรือนกายอัน บริสุทธิ์ของเธอ...


“ษาขอบคุณค่ะ...ถ้าไม่มีพี่ศัก...ษา..ษาจะผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ไปได้อย่างไร...”


“ไม่ต้องขอบคุณพี่...แต่ขอให้พี่ได้ขอบคุณน้องษา...ที่ไม่ถือโทษโกรธพี่คนนี้ที่ไร้ความสามารถปกป้องน้องษา...”


ศักดาส่งเสียงสั่นพร่าด้วยบทบาทที่แสดงอย่างสมบูรณ์ไม่มีที่ติ สร้างความตื้นตันให้เกิดขึ้นในใจของเด็กสาวผู้อ่อนเยาว์ไร้เดียงสาจนจับจิต


อรอุษาน้ำตาไหลรินเป็นทาง กระซิบเสียงแผ่วสะท้าน


“พี่ศักไม่ผิดค่ะ...ทุกอย่างที่เกิดเป็นโชคร้ายของษาเอง....”


ศักดาใช้มือลูบไปที่ผมนุ่มสลวยที่เป็นคลื่นราวกับไหมดำละเอียดนั้นอย่างเบามือ กระซิบเสียงแผ่ว


“น้องษาหลับซะนะ...ทำใจให้สบาย...เราจะทิ้งเรื่องร้ายๆ ทั้งหมดเอาไว้ข้างหลังและเริ่มต้นกันใหม่...”


เสียงทุ้มนุ่มนวลนั้น เหมือนมีมนตราที่ทำให้อรอุษาเชื่อฟังอย่างว่าง่าย ดวงตาคู่งามนั้นหลับพริ้มลง...และความเหนื่อยอ่อนเพลียทั้งร่างกายและจิตใจ ก็ทำให้เด็กสาวหลับสนิทไปกับอ้อมแขนของศักดาในที่สุด...


รอยยิ้มของจิ้งจอกโฉดแสยะออกมาที่มุมปาก...ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ..ลงตัวอย่างไม่มีที่ติ...


...ทุกอย่างสาสมกับใจของเขาทุกประการ....


........................


อากาศยามเช้ามืดในป่าโปร่งที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์นั้นแจ่มใส สะอาดสดชื่นเหลือประมาณนัก ในเวลานี้...ถึงแม้ความเย็นยะเยือกนั้นจะชำแรกเข้าผ่านผิวกายอันบอบบางของ เธออย่างร้ายกาจ แต่อรนุชก็ยังยืนสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ด้วยใบหน้าที่อิ่มเอิบ งดงามตระการตา...


คมศรที่กำลังจัดการกลบกองไฟอยู่หันมามองวงหน้างามพิลาศล้ำนั้นแล้วต้องสูดลม หายใจลึกๆ...ความรู้สึกเสน่หาพอกพูนขึ้นเป็นเท่าทวีคูณเมื่อตระหนักถึงความ เป็นเจ้าของที่ตนเองครอบครอบสิทธิ์...


ความอบอุ่นนั้นยังกรุ่นในหัวใจไม่สร่างซา....คมศรยิ้มกว้างขวางกับภาพที่ เห็น...และรอยยิ้มนั้นยิ่งขยายเพิ่มขึ้นไปเมื่อแลเห็นรอยยิ้มตอบจากวงหน้า สะอาดใสนั้น...


ร่างกำยำเดินเข้าไปหาแล้วโอบตวัดร่างแน่งน้อยนั้นเข้ามา ก้มหน้าลงจูบไปอย่างรวดเร็วที่ซอกคอขาวอย่างมันเขี้ยว ขณะที่อรนุชหัวเราะคิก...เสียงใสราวกับระฆังเงิน...


เด็กสาวหัวเราะคิกคิก...บ่ายเบี่ยงตัวหลบเลี่ยงจมูกเจ้าชู้ของชายผู้ซึ่งถือ ว่าเป็นสามีของเธออย่างสมบูรณ์ตามพฤตินัยที่พยายามซอกซอนเข้ามาไซร้ตามซอกคอ ของเธอ...ใบหน้าหวานฉาบเปี่ยมไปด้วยประกายแห่งความสุขที่อิ่มเอิบ ตอบสนองกับการหยอกเย้านั้นด้วยอารมณ์อันเริงรื่น...ราวกับลืมไปว่าอะไรกำลัง รอคอยอยู่เบื้องหน้า...


“..หน้าไม่อาย...เหม็นขี้ฟันจะตายอยู่แล้วว...”


...ปากงามแย้มยิ้มว่าเสียงใส ขณะที่ย่นจมูกให้อย่างสุดน่ารัก..


คมศรยิ้มกริ่ม ยื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วทำจมูกฟุดฟิด


“อื่อม์ ของคุณก็ใช่เล่นนะ...”


ใบหน้างามของอรนุชแดงก่ำขึ้นมาทันทีทันควัน เด็กสาวร้องลั่น...อุทานออกมาคำหนึ่งอย่างสุดอาย ยกมือเล็กๆ ของตนเหวี่ยงทุบไปที่หน้าอกแข็งแรงนั้นดังบึ้กใหญ่ พยายามดิ้นสะบัดตัวออกมาจากอ้อมแขนของพ่อเลี้ยงปางห้วยสัก แต่ชายหนุ่มไม่ยอมกลับรัดร่างเล็กบางนั้นไว้แน่นยิ่งขึ้น กระซิบที่ข้างหู


“ผมล้อเล่นน่ะ...ลมหายใจของคุณน่ะหอมจะตาย...หอมจนผมเคลิ้ม...ไหนพูดอีกซิ...”


อรนุชครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง อ้าปากน้อยๆ ขบเขี้ยวงับไปที่ต้นแขนหนาที่รัดเธออยู่อย่างหมั่นไส้ คมศรร้องโอ้ก...ความจริงไม่ได้เจ็บอะไรเลย...แต่ก็คลายวงแขนออกให้แต่โดยดี ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม...


ด้วยสัญชาตญาณแห่งความเป็นหญิงแท้ที่แม้ว่าจะซุกซ่อนอยู่ภายในท่าทางอันแก่น แก้วนั้น พอเป็นอิสระเด็กสาวรีบผละตัวหนีไปหากระติกน้ำไม้ไผ่ที่คมศรหามาสำรองเอาไว้ และรินน้ำส่วนหนึ่งที่เย็นเยียบขึ้นลูบหน้า และบ้วนปากอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาประกายเหล็กที่เต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความรื่นรมย์เอ็นดู...


ก่อนที่ชายหนุ่มจะตามเข้ามาล้างหน้าล้างปากด้วยวิธีเดียวกันบ้าง จากนั้นคมศรก็หันไปสำรวจกองไฟอีกครั้งว่าดับสนิทจริงๆ ก่อนจะหันไปชักชวนเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง


“คุณพร้อมหรือยัง?..เราต้องไปต่อแล้วล่ะ...คงยังต้องเดินกันอีกไกล”


“ค่ะ...ฉันพร้อมแล้ว”


อรนุชกล่าวด้วยใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น สร้างความปลาบปลื้มให้เกิดขึ้นในใจของคนตัวใหญ่กว่าจนรู้สึกตัวเบาหวิว....


เมื่อคมศรยื่นมือไปหา อรนุชก็ส่งมือเล็กบางของเธอไปให้อุ้งมือใหญ่กุม...ด้วยประกายตาสดใสที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ....


พ่อเลี้ยงปางห้วยสักสูดลมหายใจลึกๆ...รู้สึกตัวเบา...โล่งโปร่งอย่างที่ไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มานานนักหนา...


ถึงแม้จะไม่รู้ว่ามีอันตรายอะไรรอคอยอยู่เบื้องหน้า...และเขาจะพาอรนุชกลับไปอย่างปลอดภัยหรือไม่


แต่คมศรรู้สึกกับตัวเอง...แน่แก่ใจ...เช้านี้เป็นเช้าที่ดีที่สุดในชีวิตรอบหลายปีของเขาโดยแท้จริง....


..............................


ทันทีที่เครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่นั้นหยุดการเคลื่อนไหวลงจากการแล่นเอื่อยๆ ผ่านแทกซี่เวย์ไปแตะกับทางเข้าที่เปิดงวงรอคอยอยู่ สิ่งแรกที่อรชาทำก็คือหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิด....


ทันทีที่เห็นสายเรียกเข้าขณะที่เธอปิดเครื่องอยู่ คิ้วเรียวงามของหญิงสาวก็ขมวดนิดหนึ่ง


...คุณเทพโทรมา....


แต่เนื่องเพราะชายหนุ่มเคยโทรมาหาหลายครั้งทำให้หญิงสาวมิได้คิดเป็นอื่น อย่างไร ตอนนี้สิ่งที่เธอต้องการเป็นที่สุดก็คือการได้ยินเสียงของน้องสาวอันเป็นที่ รักทั้งสองคน...


อรชาโทรศัพท์ไปที่บ้าน...เสียงกริ่งที่ดังขึ้นไม่กี่ครั้งหญิงสาวก็ได้ยินเสียงแม่บ้านผู้เลี้ยงดูเธอตั้งแต่เล็กเป็นคนรับสาย


“ป้าเอียดหรือคะ...นี่อรค่ะ...ขอพูดกับยายนุชกับยายษาหน่อยค่ะ..”


หญิงสาวกรอกเสียงลงไป...ปลายเสียงนั้นสั่นสะท้านไปด้วยความรู้สึกที่กดดันจนตึงเครียด....มือขาวบางที่กุมโทรศัพท์นั้นสั่นระริก...


แม่บ้านที่จับสุ้มเสียงร้อนรนของเจ้านายสาวที่เธอเลี้ยงมาแต่แบเบาะได้ ไม่ทันจะคิดว่าอีกฝ่ายนั้นโทรศัพท์มาจากเมืองไทยเอง รีบตอบไปว่า


“คุณนุชกับคุณษาไม่อยู่ค่ะ...พวกเธอไปต่างจังหวัดทั้งคู่...คุณ นุชไปกับกองประกวด ส่วนคุณษาไปทำกิจกรรมกับมหาวิทยาลัยที่เธอไปสอนพิเศษค่ะ..”


ใบหน้างามของอรชามีทั้งร่องรอยของความผิดหวัง และความโล่งใจระคนกันไป...ผิดหวังที่ไม่คุยกับน้องสาว...แต่ก็โล่งใจที่ไม่ ได้ข่าวร้ายที่ตัวเองหวั่นเกรง....


หญิงสาวผ่อนลมหายใจยาว...ก่อนจะสงบจิตใจกล่าวเรียบๆ


“ขอบคุณค่ะป้าเอียดแค่นี้นะคะ...อ้อ...ลืมบอกไป...อรมาถึงกรุงเทพแล้วนะคะ...นี่โทรมาจากในเครื่องบิน...”


“อุ๊ยตาย...ทำไมมาเงียบๆ ล่ะคะ ทูนหัวของป้า...เดี๋ยวจะรีบให้นายมากไปรับเลยนะคะ”


เสียงป้าละเอียดร้องอุทานโวยวายมา อรชากล่าวด้วยน้ำเสียงที่สบายใจขึ้นกว่าเดิมจนลิบลับ


“ไม่เป็นไรค่ะ...อรจะเรียกรถเช่าของสนามบินไปส่งจะสะดวกกว่า...แค่นี้นะคะ”


“ค่ะๆ...ป้าจะเตรียมอาหารเช้าไว้คอยนะคะ...”


เสียงของแม่บ้านผู้สูงวัยละล่ำละลักรับคำ...จนหญิงสาวอดต้องยิ้มขันกับตัวเองไม่ได้...


อรชาเคาะมือถือสีแดงเพรียวบางที่สวยสดนั้นกับปลายคางตัวเองอย่างใช้ความคิด


...จะโทรกลับหาคุณเทพดีไหม...ฮื้อ...ไม่เป็นไร...คุยกับยายนุชกับยายษาก่อนดีกว่า...


คิดได้ดั่งนั้นนิ้วเรียวงามก็สะกิดไปที่หน้าปัด รายนามที่แสดงขึ้นมานั้น...อย่างไม่ทันได้คิดอะไรมาก ปลายเล็บมนที่เจียนไว้อย่างสะอาดก็จิ้มไปยังเบอร์ของน้องสาวคนรอง....


เสียงสัญญาณที่ดังขึ้น...เพียงแค่สองครั้งเท่านั้น...เสียงรับก็ดังขึ้น ...พร้อมๆ กับ...น้ำเสียงที่ร้อนรนอย่างปิดบังไม่มิดที่กรอกผ่านเข้ามาจากอีกด้าน หนึ่ง.....


“อรหรือครับ...นี่ผมเองนะ...”


คิ้วเรียวของอรชาขมวดขึง...หัวใจที่เริ่มสงบเพียงแค่ไม่นานก่อนหน้านี้....พลันกระตุกวูบ....


คุณเทพ...ทำไม...


“อรครับ..ทำใจดีๆ นะครับ...ผมมีเรื่องจะบอก....”


ข่าวที่ปานเทพเล่าอย่างฉุกละหุก แม้จะสั้น...แต่ใจความที่ชัดเจนนั้นแหลมคมราวกับใบหอกที่ปักตรึงเข้ากลางใจของหญิงสาว...


อรชานั่งตะลึง....มือเรียวงามอ่อนระทวยปวกเปียกจนมือถือเครื่องนั้นตกลงไป กระแทกพื้นเสียงดังลั่น...สะกิดความสนใจของผู้โดยสารในบริเวณนั้นจนหันมามอง ดูเป็นตาเดียว หญิงสาวแอร์โฮสเตสที่อยู่ในที่นั่งตอนหน้าได้ยินเสียงก็หันมาเช่นเดียวกัน เห็นดังนั้นก็รีบปราดเข้ามาหยิบมือถือที่ตกบนพื้นยื่นส่งให้ แล้วถามอย่างเป็นห่วงด้วยใบหน้าตกตื่นใจ


“คุณอรชา....เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?...”


ใบหน้าของอรชาซีดเผือด....ดวงตาแห้งผาก...อาการที่รับมือถือคืนไปนั้นซึมเซาเหมือนคนไร้จิตวิญญาณ...


แอร์สาวส่งเสียงถามย้ำไปอีกหลายครั้ง แต่อรชาก็ยังคงตะลึงงันอยู่เช่นนั้นราวกับถูกสาป...จนกระทั่งแอร์โฮสเตสที่ รู้จักหน้าและความเป็นมาของแขกผู้โดยสารอันทรงเกียรติผู้นี้เป็นอย่างดี ตัดสินใจเอื้อมมือมาเขย่าที่ต้นแขนบอบบางของอรชาเบาๆ อย่างสุดเกรงใจ...


“คุณอรชาคะ...คุณอรชา...คุณไม่สบายไปหรือเปล่าคะ...”


แรงเขย่าที่ต้นแขนแม้ไม่แรง แต่ก็เรียกสติของอรชาคืนมาอย่างฉับพลัน...หญิงสาวผู้ซึ่งเรียนรู้ที่จะซุกงำ ความรู้สึกของตนเองเสมอมา ระงับสีหน้าลงจนราบเรียบ ก่อนจะกล่าวเสียงเบาบาง....ทว่าปลายเสียงไม่วายสั่นนิดๆ...


“ไม่เป็นไรค่ะ...แค่หน้ามืดไปหน่อย...”


“ต้องการยาดมไหมคะ...ดิฉันจะจัดให้...”


“ไม่..ไม่เป็นไร...ดิฉันนั่งสักพักก็คงหาย....ไม่เป็นค่ะ...ขอบคุณมาก”


อรชากล่าวแล้วทรุดนั่งลงกับเก้าอี้ หันหน้าไปยังนอกหน้ากลบซ่อนแววตาที่สั่นพร่า ...หวาดหวั่น....แววตาที่เธอไม่สามารถเก็บซ่อนความรู้สึกภายในเอาไว้ได้....


...นุช....นุชของพี่......


หญิงสาวสาวร่ำร้องในใจอย่างโหยไห้....ร่างบางงามพยายามระงับอาการสั่นกระตุกที่สะเทือนมาจากภายในอย่างสุดชีวิต...


...นี่เธอมาสายไปกระนั้นหรือ...


...เธอจะต้องสูญเสียน้องสาวสุดที่รักไปเหมือนกับคราวที่เธอสูญเสียบิดาผู้บังเกิดเกล้ากระนั้นหรือ....


อรชานั่งนิ่ง...แม้ภายนอกหญิงสาวจะดูสงบ..ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น...แต่ภาย ในนั้นอารมณ์ปั่นป่วนจนแทบจะฉีกกระชากอวัยวะภายในของเธอเป็นชิ้นๆ


...ความหวาดหวั่นที่พรั่นพรึงเกาะกินใจมาตลอดการเดินทางถูกตอกย้ำด้วยข่าว ร้ายจนกระพือความรุนแรง โหมเข้ากดดันจนลมหายใจของหญิงสาวแทบขาดห้วงไป ณ ที่นั้น...


อรชานั่งอยู่ในตำแหน่งนั้นจนกระทั่งผู้โดยสารคนสุดท้ายเดินลงจากเครื่องไป นานแล้ว...สักพักหนึ่งแอรโฮสเตสคนเดิม เดินนำหน้ากัปตันเครื่องบินที่รู้จักกับอรชาเป็นอันดีกลับมา..


“คุณอรชาครับ...มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ...”


คำถามนั้นราวกับปลุกอรชาให้ตื่นจากภวังค์...


ดวงตาคู่งามนั้นพลันส่องประกายของธาตุแท้ของคนที่ไม่ยอมแพ้กับชะตากรรม...ดวงตาที่งามราวกับนิลเจิดจ้า...


เธอจะต้องเข้มแข็ง.....ยิ่งในเวลานี้...เธอต้องการความเข้มแข็งและสติที่ มั่นคงเพื่อหาทางช่วยน้องสาวอันเป็นที่รักของเธอให้กลับมาอย่างปลอดภัยให้จง ได้...


อรชาหันมา ดวงตาที่สงบระงับ เพียงแค่สั่นไหววูบเดียวก็เอ่ยออกมาเบาๆ


“ค่ะ...ถ้าไม่เป็นการรบกวน...ดิฉันอยากขึ้นเครื่องไปเชียงใหม่ให้เร็วที่สุด...”


...น้ำเสียงนั้นราบเรียบ...เบาบาง..นุ่มนวลทว่าแฝงไปด้วยราศีที่สูงส่ง ...กัปตันผู้ซึ่งมีอายุสูงวัยกว่าอรชาหลายสิบปีต้องยืนค้อมตัวกุมมือรับคำ สั่งโดยไม่ทันรู้ตัว...


“ครับ...ผมจะจัดการให้...ไฟลท์ถัดไปคงขึ้นอีกประมาณสิบนาที...ส่วนกระเป๋าเดินทางจะให้ส่งตามไปไหมครับ”


หญิงสาวผุดลุกขึ้นยืน เหยียบกายหลังตรงอย่างสง่า...


“ไม่ต้องค่ะ...ดิฉันจะให้คนมารับกระเป๋าไปเอง...ขอบคุณมากนะคะ”


ร่างบางเดินออกจากไปห้องผู้โดยสารด้วยอาการสงบระงับ...ท่าเดินที่เนิบนาบได้ จังหวะอัน...สง่างามจับตา...สายตาของหญิงสาวแอร์โฮสเตสที่มองตามไปนั้นเต็ม ไปด้วยความชื่นชม...เลื่อมใสจนหมดหัวใจ....


อรชาที่เดินออกไปตามเส้นทางเชื่อมที่ตรงไปยังห้องพักผู้โดยสาร ในใจครุ่นคิดถึงหนทางเท่าที่จะเป็นไปได้ในการติดต่อกับคนที่เธอรู้จัก ...ตำรวจใหญ่หลายคนที่มีความสัมพันธ์กับเธออย่างดี...ให้ช่วยตามหาน้อง สาว...


ฉับพลัน....ในใจของเธอหวนนึกถึงน้องสาวคนเล็กขึ้นมา....


ข่าวร้ายที่เกิดขึ้นกระทันหัน ทำให้อรชาปักใจสนิทว่าลางสังหรณ์ของเธอนั้นเกิดขึ้นมาจากเรื่องของน้องสาวคน รอง...มิได้คาดคิดไปเลยว่า...เหตุการณ์อันโหดร้ายอะไรได้บังเกิดขึ้นกับอร อุษา..น้องสาวคนเล็กผู้อ่อนแอเปราะบางของเธอ...


ในใจอรชาครุ่นคิด...เธอควรจะโทรไปหาน้องสาวคนเล็กหรือเปล่า...มือขาวบางกำแน่นไปที่โทรศัพท์มือถือ...ชั่งใจคิดอยู่อึดใจหนึ่ง...


คำตอบที่ผุดขึ้นในใจ ทำให้อรชาเก็บมือถือกลับเข้ากระเป๋าถือ ก้าวเดินตรงไปยังห้องต่อเนื่องไปยังบริเวณห้องผู้โดยสารขาออกเพื่อต่อเข้า สู่ไฟลท์บินไปเชียงใหม......ที่นั้นมีพนักงามต้อนรับยืนรอคอยอยู่แล้วพร้อม กับตั๋วเครื่องบินที่ถูกออกให้เป็นการเร่งด่วน...


อรชาผงกศีรษะรับตั๋วมา ยิ้มบางๆ กล่าวขอบคุณพนักงานที่นำตั๋วมาให้นั้นอย่างอ่อนโยนนุ่มนวล...สีหน้าของหญิง สาวสงบระงับราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นภายในจิตใจของเธอ....


อรชาเดินตรงเข้าไปยังเส้นทางที่เปิดคอยสู่นกยักษ์ที่กำลังเตรียมบินขึ้นสู่ท้องฟ้าจุดหมายปลายทางคือจังหวัดเชียงใหม่...


..ถ้า...โทรศัพท์เบอร์แรกที่อรชาเลือกกดคือเบอร์ของอรอุษา...


หรือ...ถ้า..หญิงสาวจะไม่ตกลงใจกับตัวเองว่าไม่ต้องการให้เรื่องของอรนุชนั้นทำให้น้องสาวคนเล็กไม่สบายใจ...


....ถ้าเสียงสัญญาณมือถือนั้น....ดังขึ้นในรถคันงามที่กำลังมุ่งออก จากกรุงเทพตรงไปยังเส้นทางนอกเมืองด้วยความเร็วสูงของชายหนุ่มผู้เป็นคน ขับ....


....ถ้าอรอุษาที่กำลังว้าเหว่...สับสนใจ...ไร้ที่พึ่งพิงหลักยึด...จะได้คุยกับพี่สาวคนโตที่เธอทั้งรักและเทินทูนเหนือสิ่งอื่นใด....


เรื่องราวที่จะตามมาอีกมากมายนั้นก็คงจะพลิกแปรเปลี่ยนไปอีกรูปแบบหนึ่ง.....


ชีวิตของตัวละครอีกหลายๆ คนที่กำลังโลดแล่นไปในบทบาทของตนเองก็คงจะแปรเปลี่ยนกลับกลาย....


เป็นโชคชะตา...หรือพรหมลิขิต...ที่ทำให้อรชาตัดสินใจเช่นนั้น...


ไม่มีความคิดเห็น: