ปาน
เทพนั่งอยู่ในห้องทำงานส่วนตัวของเขา
ในเวลานั้นชายหนุ่มหมุนเก้าอี้หันออกไปยังทิศทางด้านหลังซึ่งเป็นผนังกระจก
สีตัดแสงบานใหญ่
จากระดับซึ่งชายหนุ่มนั่งทำงานอยู่บนอาคารสูงเสียดฟ้ากว่าสี่สิบชั้นนั้น
สามารถมองออกไปได้รอบทิศทาง
สายตาของเขาที่มองเหม่อๆ
ไปยังภาพของตึกสูงที่ผุดขึ้นมาเป็นหย่อมๆ
ทั่วพื้นที่โดยรอบบริเวณนั้นมีแววครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง
ขณะที่ปานเทพกำลังใคร่ครวญเกี่ยวกับโทรศัพท์ที่เขาเพิ่งวางหูไปไม่นานก่อน
หน้านี้
ในเวลานั้นเองที่เสียงเคาะประตูดังขึ้นและเมื่อเขาหันกลับไป
น้องชายของเขาก็เปิดประตูเยี่ยมหน้าเข้ามา
“ผมจะออกเดินทางแล้วนะครับ”
ปานเทพเลิกคิ้ว
อ้าว...นึกว่าทนคิดถึงยายนุชไม่ไหวเผ่นไปตั้งแต่เช้าเสียอีก...ชายหนุ่มผู้พี่ยิ้มเล็กน้อย
“...พี่นึกว่าแกไปตั้งนานแล้วเสียอีก...แล้วจะกลับเมื่อไรล่ะ”
น้องชายของเขายิ้มสดชื่น
“พอดีมีเอกสารให้เคลียร์นิดหน่อยครับ...อีกอย่างตอนนี้น้องนุชคงวุ่นๆ
อยู่กับกิจกรรมกองประกวด
ตามที่ผมเช็คเวลามา...กว่าจะถึงโรงแรมก็คงค่ำๆ...ผมกะจะไปสบทบที่นั่นเลย...
ส่วนขากลับ...คงจะมะรืนนี้ล่ะครับ...ตั้งใจจะพยายามชวนน้องนุชให้กลับ
กรุงเทพด้วยกันกับผม”
“เออ...ขอให้สำเร็จเถอะ...จะเอาใจช่วยนะ”
แม้ว่าต่อหน้าเขาต้องให้กำลังใจน้องชายเต็มที่
แต่พอลับร่างของธนาไปแล้ว
ปานเทพก็อดคิดในใจไม่ได้
...ไอ้ธนาเอ๊ย...ดูตายัยนุชไม่ออกเลยสิวะ...น่าจะเบนเข็มไปจีบยายษาให้รู้
แล้วรู้รอดดีกว่า...เด็กหัวอ่อนว่าง่ายอย่างยายษาน่าจะจีบติดสบายๆ...ถึงจะ
ต้องรออีกนานก็เหอะกว่าจะได้คบเป็นแฟนจริงๆ...เพราะพี่สาวเขาหวงน้องคนเล็ก
จะตายไป….
พอคิดถึงตอนนี้วงหน้างามล้ำของภรรยาสุดที่รักก็ลอยเข้ามาในห้วงคำนึง
...เฮ้อ...ผมคิดถึงคุณจัง...อรจ๋า...
เมื่อปานเทพนึกถึงคำสนทนาที่คันธรสโทรมาหาเขาเมื่อสักครู่ใหญ่ที่ผ่านมา
ชายหนุ่มก็หันไปมองรูปของอรชาที่กำลังแย้มยิ้มให้กับเขาอย่างอ่อนหวานสดใสใน
กรอบรูปใบเล็กบนโต๊ะทำงาน
พลางพูดในใจ
ผมขออนุญาตไปพบคุณรสนะครับ...ที่รัก...ผมเสียใจกับคุณรสเขาจริงๆ...อรเข้าใจผมนะครับ...
........................
ในเวลานั้นมือขวาของคมศรตาเหลือก
ใบหน้าเต็มไปความตื่นตระหนก
เพระร่างเล็กบางที่หนีเขาปีนเข้าไปในรั้วไม้จนได้กำลังวิ่งหัวเราะเสียงใส
ล้อเล่นอยู่กับอันตรายที่สามารถทำให้สาหัสจนถึงกับพิการเอาง่ายๆ
เพราะหลังม้าดำปลอดสูงใหญ่พ่วงพีตัวนั้นยังสูงท่วมศีรษะของร่างเล็กๆ
นั้นเสียอีก
“ว้า...คุณหนู...ออกมาก่อน...มันอันตรายครับ...แว๊กกกก...ฉิบหาย...แล้วววว”
ปิงร้องลั่น
ยกมือปิดตาที่กำลังเหลือกลนลานของตัวเอง
เพราะเจ้าโธโรเบลด*
(พันธุ์ม้าแข่งชนิดหนึ่ง)
วัยฉกรรจ์อายุกำลังครบสามปี
สงสัยคงกำลังหงุดหงิดเต็มที่
ที่อยู่ดีๆ ก็มีร่างเล็กๆ
มายืนล้อเลียนใกล้ๆ จึงร้อง
ฮี้ยยยยยยยยยยยส์ เสียงดังสนั่น
โผนเข้ามาเอาขาหน้าตะกุยเข้าใส่ร่างเล็กบางที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างดุร้าย
คนสนิทของพ่อเลี้ยงปางหัวสักหลับตาปี๋
กลั้นใจ ขวัญบินหายไปไปจากร่าง
ขนลุกชันอย่างสยองขวัญ
ไม่กล้าแม้จะลืมตาขึ้นมอง
แต่จากนั้นชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงหัวเราะใสแจ๋วดังแว่วมา
ค่อยพ่นลมหายใจออกมาจากปากดังพรืดใหญ่
เฮ้อออออออ.....เสียงร้องดังออกมายาวเหยียด
โล่งอกโล่งใจราวกับตายแล้วเกิดใหม่
พอเขาเปิดนิ้วที่ปิดตาขึ้นมองไปก็เห็นร่างเล็กนั้นมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอย
ยิ้มอย่างเฉิดฉัน
ดวงตากลมโตกำลังระริกพราวสวยระยับราวกับดาวบนท้องฟ้า
แต่ตอนนั้นมือขวาของพ่อเลี้ยงปางห้วยสักไม่มีแก่จะเชยชมความสวยงามตระการตา
นั้น วิ่งเข้าไปหา
แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้นัก
เพราะถ้าถูกเจ้าหมอกเตะ
ถึงแม้ว่าตัวเองจะตัวใหญ่กว่าร่างเล็กนั้นมากก็คงไม่แคล้วต้องนอนหยอดน้ำ
เกลือที่โรงพยาบาลเป็นเดือน
ได้ยืนห่างๆ ตะโกนเสียงสั่นเครืออย่างหวาดเสียว
“โธ่...คุณหนู...ไอ้ปิง...ขอล่ะ...เจ้าหมอกมันโกรธใหญ่แล้วว....อ๊ายยย...
ออกมาเร็ววววว...เดี๋ยวผมหาตัวใหม่ให้ขี่ครับ...ตายๆๆ...โอ๊ย...อย่างยื่น
หน้าเข้าใกล้อย่างนั้นสิคร้าบบบ...ตายแน่ๆ...ไอ้ปิง”
“คิกคิก...ไม่เอา..จะขี่ตัวนี้...”
อรนุชตะโกนตอบอย่างสนุก
พลางวิ่งตื๋อสลับเท้าเล็กๆ
ของตัวเธอเองหลบการจู่โจมของเจ้าโธโรเบลดกลัดมันตัวนั้นอย่างคล่องแคล่ว
เจ้าหมอกร้อง ฮี้ยยยยยยยส์
ดังสนั่น หงุดหงิดเหลือเกิน
ถ้ามันเป็นคนอาจจะกำลังคิดว่า
ทำไมเหยียบไม่โดนวะ...ไวอย่างกับปรอท
เด็กสาวร่างเล็กบางผู้ซึ่งพิสมัยการขี่ม้ามาตั้งแต่เล็ก
กำลังตื่นเต้นระทึกใจกับทีท่าอันพยศของเจ้าหมอกตรงหน้าอย่างที่สุด
ตกลงใจแม่นมันจะต้องขึ้นหลังเจ้านี่ให้ได้...ทั้งอยากขี่เองเพราะแรงปราถนา
ส่วนตัว...ทั้งอยากเอาชนะอีตาหน้าหมีด้วย...เช๊อะ...หวงเหรอจะขี่ให้ดู...
ใส่อานไว้เรียบร้อยแล้วด้วย...คิกคิก...เสร็จเรา
อรนุชผู้ซึ่งตั้งแต่อายุได้ห้าขวบเธอก็ขึ้นหลังเจ้าโพนี่*
(พันธุ์ม้าแคระชนิดหนึ่ง)
เป็นครั้งแรก
จนเจ้าของคอกม้าซึ่งเป็นเพื่อนกับบิดาของเธอถึงกับอ้าปากค้างด้วยความทึ่ง
และนับจากนั้นแทบจะทุกปิดเทอมใหญ่
ที่ร่างเล็กๆ
ของอรนุชจะเริงร่าอยู่บนหลังม้าสูงใหญ่
ควบตะบึงราวกับจ๊อกกี้ผู้ชำนาญการขี่ม้า
และเมื่อมีม้าตื่น...เธอก็เคยกระโจนขึ้นไปคุมจนสงบมาแล้วมากครั้ง
ดังนั้นท่ามกลางเสียงเอะอะโวยวายของปิง
กับเสียงคำรามของเจ้าหมอก
เสียงกุบกับๆ ที่ดังพร้อมๆ
กับเนื้อดินที่แตกกระจุยกระจายยามสองเท้าที่แข็งแกร่งนั้นดีดตะกุย
ร่างเล็กบางของอรนุชก็ยังวิ่งวนอยู่รอบๆ
ได้อย่างสนุกสนาน
ใบหน้างามตาที่หาตัวจับได้ยากยามนั้นเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
ดวงตากลมโตพราวใส
เสียงหัวเราะดังกังวานไพเราะราวกับสกุณาระเริงไพร
คมศรที่เหยียบคันเร่งจนแทบมิด
พารถจี๊ปที่เหินเข้ามาราวกับบิน
ก็ต้องตาเหลือกเมื่อเห็นภาพหวาดเสียวตรงหน้าไกลๆ
ร้องออกมาอย่างหงุดหงิด
“เอ้า...เอาเข้าไป...ยัยเด็กนี่...ไม่รู้เหรอว่ามันอันตรายแค่นไหน...ฮึ่ม...อย่าให้จับได้นะ...”
ความจริงอรนุชตั้งใจจะศึกษาจังหวะสะบัดตัวของเจ้าหมอกตรงหน้าให้ดีกว่านี้
อีกหน่อย
เพราะจะเป็นประโยชน์กับเธอเมื่อตอนขึ้นหลังไปแล้ว
แต่พอดีหางตาเหลือบไปเห็นรถจี๊ปคนหนึ่งกำลังวิ่งปุเลงๆ
เข้ามา
โดยมีบุรุษร่างใหญ่ไว้เคราดกซึ่งกำลังทำหน้ายักษ์เป็นคนขับเลยเปลี่ยนใจ
ในเวลานั้นเด็กสาวสะกิดเท้าเล็กๆ
กระโดดผึงไปด้านข้างเฉียงๆ
หลบฉากการพุ่งเข้ามาเหยียบของเจ้าหมอกอย่างคล่องแคล่ว
ร่างเล็กบางที่แม้ศีรษะยังไม่สูงเสมอหลังอานดีเลย
แต่มีความไวเหลือประมาณ
ก็เอื้อมมือคว้ามับไปที่สายบังเหียน
ดีดตัวออกจากพื้น
เท้าซ้ายจิกสอดเข้าไปที่โกลนอย่างแม่นยำ
และอาศัยแรงดีดบวกกับการส่งแรงจากเท้าที่จิกสอดอยู่ในโกลนม้านั้นเหวี่ยง
ร่างบางของเธอขึ้นไปบนหลังเจ้าโธโรเบลดสีดำปลอดจนได้อย่างสวยงาม
ตระการตา เสียงหัวเราะใสดังกังวานเจื้อยแจ้ว
ทั้งคมศรและมือขวาของเขาเห็นอย่างหน้าก็ทำตาเหลือก
คนหนึ่งยืนอยู่ในคอก
อีกคนกำลังขับรถพุ่งวาบเข้ามาต่างอ้าปากร้องออกมาพร้อมๆ
กับราวกับนัดเอาไว้
“ฉิบหาย...!!!”
เจ้าหมอกดำร้อง
ฮี้ยยยยยยยยยยยยส์ ดังลั่น
ดีดขาหลังสุดแรง
หมายจะเหวี่ยงร่างเล็กบางที่บังอาจขึ้นมาขี่หลังมันโดยไม่ได้รับอนุญาตให้
กระเด็นไป แต่อรนุชที่กำสายบังเหียนมั่น
ยืดตัวตรงสองขาหนีบไปที่อานม้า
สอดเท้ายึดจิกไว้กับโกลนแน่น
ขณะที่ใช้กำลังขาถีบส่งกำลังให้ร่างบางนั้นล้อไปตามจังหวะดีดของเจ้าหมอก
เป็นการลดทอนแรงเหวี่ยงอันรุนแรงนั้น
ส่วนมือเล็กบางงามแต่เชี่ยวชาญในการบังคับม้าเหลือขนาดนั้นกระตุกสาย
บังเหียนเชิดรั้งให้หัวของเจ้าโธโรเบลดดำปรอดนั้นแหงนขึ้นอย่างคล่องแคล่ว
ภาพร่างเล็กบางของอรนุชกับเจ้าหมอกเด้งดีดไปพร้อมๆ
กันเป็นวงกลม
ผมดำงามเป็นมันวาวปลิวไสวสยายล้อไปกับแรงสะบัดช่างเป็นภาพที่สวยงามจับตา
เหลือประมาณ
ถ้าไม่ติดว่าคนที่กำลังมองอยู่นั้นกำลังเครียดจัดจนแทบจะเป็นบ้า
คมศรนั้นจอดรถพรวดที่ริมรั้วไม้
ก่อนที่ชายหนุ่มจะวิ่งออกมาจากรถกระโดดผึงเดียวก็ข้ามรั้วสูงนั้นมายืนเคียง
ข้างคนสนิทที่ทำหน้าอย่างกับร้องไห้
“ผมพยายามห้ามแล้วนะครับพ่อเลี้ยง...แต่คุณหนู...”
ปิงพูดเสียงสั่นๆ
ทำตัวแหยง ๆ เตรียมรอรับบาทาจากเจ้านายร่างใหญ่
แต่ทว่าตอนนั้นคมศรไม่มีแก่ใจจะมาคิดลงโทษอะไรกับคนของเขา
เพราะตอนนั้นความสนใจทั้งมวลมันมุ่งไปสู่ความกังวลกับสวัสดิภาพของร่างเล็ก
บางที่เตลิดอยู่บนหลังเจ้าหมอกอย่างร่าเริง
ผมดำขลับพลิ้วสยายไปกับแรงลมที่โกรกเข้ามา
ชายหนุ่มอ่านความรู้สึกของม้าตัวโปรดออก...เจ้าหมอกกำลังโกรธ...ตอนนี้แม้
กระทั่งเขาเข้าไปก็คงจะหยุดมันไม่ได้
ใบหน้าคร้ามคมจึงมีวี่แววของความตระหนกตกใจจนปิดไม่มิด
เจ้าหมอกดีดหลังอย่างไรก็สลัดไม่หลุด
เลยเปลี่ยนวิธีมาเป็นยกขาหน้าขึ้นสูง
ร้อง ฮี้ยยยยยยสสสสส...
ดังสนั่นคอก
ร่างพ่วงพีของเจ้าโธโรเบลดกลัดมันนั้นเกือบจะยกขึ้นตั้งชันกับพื้นดิน
พร้อมๆ กับอาการดิ้นสะบัดเต็มแรง
“โอ๊ยยยยย...คุณหนู....ตายแล้ววววว”
ปิงร้องลั่นเมื่อมองเห็นภาพที่น่าหวาดเสียวนั้น
ส่วนคมศรเองก็กำหมัดแน่นเหงื่อซึมออกมาจนเหนียวมือไปหมด
ร่างเล็กบางของอรนุชเหยียดตรงเท้าสองข้างจิกไปที่โกลนแน่น
โผตัวขึ้นไปตรงแผงคออันกำยำของเจ้าหมอก
และใช้มือทั้งสองที่ยังไม่คลายบังเหียน
ตะปบกุมไปที่ขนคอที่ดำเป็นมันนั้นเอาไว้แน่นหนา
ปากบางงามแย้มเยื้อนอย่างสมใจ
ดวงตาพราวระริกด้วยความสนุกสนานที่ได้รับจากการต่อกรกับเจ้าโธโรเบลดจอมพยศ
ตัวนี้
ม้าตัวโปรดของคมศรดิ้นอย่างไรก็สลัดไม่หลุด
เลยร้องเสียงดังลั่นก่อนจะทิ้งตัวลงอย่างรวดเร็วพร้อมกับดีดขาหลังกระเด้ง
สะโพกแข็งแรงของมันเป็นแรงบวกกระแทกใส่ร่างเล็กบางที่ตกวูบลงมาตามจังหวะ
ทิ้งตัวของมัน
ทั้งคมศรและมือขวาคนสนิทสะดุ้งขึ้นพร้อมๆ
กันเมื่อเห็นร่างเล็กคราวนี้ถูกสลัดอย่างแรงจนร่างบางนั้นแกว่งออกจากอานม้า
แต่สองขาที่เหยียดตรงของเด็กสาวนั้นยังจิกแน่นไปกับโกลนทั้งสองข้าง
พร้อมทิ้งตัวแนบหลังทำมุมไปกับอานม้าจนเกือบเท่ากับร้อยแปดสิบองศา
มือบางที่จับบังเหียนนั้นเกร็งข้อกระตุกจนหน้าของเจ้าหมอกสะบัดแหงนพรืดพราด
ร่างที่กำลังดีดสุดๆ
ต้องชะงักงัน ผ่อนเพลาแรงลงไปมากอักโข
ทำให้อรนุชรั้งตัวพลิกกลับมาหนีนอานเอาไว้ได้อีกครั้งไม่ถูกเหวี่ยงหลุดออก
ไป ปากงามของเด็กสาวผ่านเสียงหัวเราะใสราวกับระฆังเงิน
เสียงถอนหายใจดังเฮือกใหญ่ดังมาจากสองชายที่ยืนมองอย่างเครียดจัดอยู่ข้างๆ
ขณะที่ใบหน้างามของเด็กสาวยิ้มพราว
ใช้สองเข่าหนีบกระทุ้งเป็นเชิงหยอกเจ้าหมอกเล่น
สร้างความหงุดหงิดให้กับมันจน
ฮี้ยยยยยสสสส ฮี้ยสสสสสสส
วิ่งกระโดดดีดไปมาราวกับบ้าคลั่ง
ถึงตอนนี้มือขวาของคมศรต้องยกมือขึ้นปิดหน้าอีกรอบ
คอย่นอย่างหวาดเสียว
เบิ่งตามองลอดผ่านร่องนิ้วของตัวเองอย่างตื่นเต้นระทึกขวัญจนหัวใจแทบ
กระดอนออกมาจากอก ปากร้องซี๊ดซ๊าดดดด
ออกมาไม่หยุด
แต่ทว่าสายตาประกายเหล็กของพ่อเลี้ยงปางห้วยสักเริ่มมีแววของความผ่อนคลาย
...เขามองเห็นความล้าของม้าตัวโปรดแล้ว...สองขาด้านหลังที่เป็นอาวุธหลักของ
มันไม่ดีดแรงเหมือนตอนแรกจึงต้องใช้อาการสะบัดตัวเข้าช่วยเหวี่ยง
แต่จากสายตาของผู้ชำนาญการบังคับม้าคนหนึ่ง...เขาคาดการณ์ได้...เจ้าหมอกน่า
จะแพ้
ทุกอย่างเป็นจริงดั่งที่คมศรคิด...เพราะในตอนนั้นไม่ว่าร่างกำยำพ่วงพีที่
หงุดหงิดเต็มที่
ดีดเด้งอย่างไรก็ไม่สามารถสลัดร่างเล็กที่อยู่บนหลังมันออกมาได้
สายตาอันเต็มไปด้วยความกังวลของคนสนิทพ่อเลี้ยงปางห้วยสักก็เริ่มแปรเปลี่ยน
ไปเป็นพิศวง และค่อยๆ
ปรากฏร่องรอยของความชื่นชมขึ้นมาอย่างปิดไม่มิด
ชายหนุ่มหัวเราะแหะๆ
ดีใจว่าตัวคงรอดพ้นการถูกเตะแน่
กล่าวเสียงประจบเจ้านาย
“คุณหนูเก่งนะครับ...ไม่เคยมีใครเอาเจ้าหมอกอยู่หมัดเหมือนเจ้านายมาก่อนเลย”
คมศรเริ่มมีอารมณ์ดีขึ้น
มองร่างเล็กที่เด้งไปเด้งมาบนหลังเจ้าหมอกที่ค่อยๆ
อ่อนแรงลงเรื่อยๆ
ด้วยนัยน์ตาที่พราวไปด้วยความรู้สึกทึ่ง
ยกเท้าดีลูกแปใส่คนสนิทมือขวาไม่เบาและไม่แรงนัก
เสียงปิงร้องอุ๊บ...คลำก้นป้อย...คิดในใจ....แต่ก็ดีกว่าถูกเตะเยอะล่ะวะ...
ขณะที่สองชายเริ่มคลายใจลงเพราะมองเห็นแรงดีดของเจ้าหมอกเริ่มลดระดับความ
เกรี้ยวกราดลงไปเรื่อยๆ
ในไม่ช้าก็น่าจะละพยศ
แต่ไม่รู้เพราะเสียงหัวเราะกังวานใสของอรนุชที่ดังพร้อมกับเสียงร้อง
ร้องชู่วส์ ชู่วส์
ไปกระตุ้นต่อมโมโหของมันหรือเปล่า
เจ้าโธโรเบลดกลัดมันเลยฮึดขึ้นมาอีก
ดีดเด้งสุดเรี่ยวแรง
ร่างกำยำนั้นดิ้นสะบัดควบตะบึงลู่ไปกับรั้วไม้คราวนี้จุดมุ่งหมายของเจ้า
หมอกคือการใช้ลำตัวของมันกระแทกไปกับผนังรั้วเพื่อสลัดคนร่างบางที่อยู่บน
หลังของมันออกไป
“ตายแล้ว...คุณหนู...”
ปิงอุทานออกมาดังลั่น
ขณะที่คมศรเองก็สบถคำหยาบออกมาคำหนึ่ง
ร่างสูงใหญ่วิ่งปราดออกไปยังทิศทางของเจ้าหมอกที่กำลังพุ่งเข้าหารั้วด้วย
ความเร็วสูงอย่างตกใจ
ในความคิดของชายหนุ่มถ้าร่างเล็กบางกระเด็นออกมา
มีทางเดียวที่เขาจะทำได้ก็คือพุ่งเข้าเอาตัวไปขวางเอาไว้
เพราะรู้ดีว่าเจ้าหมอกจะต้องลงโทษอรนุชโดยการใช้เท้ากระทืบร่างเล็กๆ
นั้นอย่างรุนแรงแน่นอน
ในเวลานั้นอรนุชเองก็เบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนก
จากอยู่ดีๆ
ที่รับรู้ว่าแรงของม้าเริ่มลดลงดูท่ากำลังจะละพยศอยู่แล้วกลับมีลูกฮึดขึ้น
มาอีก
แถมคราวนี้เจ้าเล่ห์พอที่จะใช้รั้วไม้มาเป็นเครื่องช่วยด้วย
ทำให้ใบหน้างามนั้นเม้มปากอย่างขัดใจ
โผตัวเข้าไปกอดแผงคออันกำยำของเจ้าหมอกแน่น
กระซิบเสียงเขียวใส่ข้างหูของเจ้าโธโรเบลดดำปรอดนั้น
“ฤทธิ์มากนักนะ..เจ้าหมอก...เอาซี้...ดูซิ...ใครจะแน่กว่ากัน...”
ปากงามพูดพลาง
ชักเท้าขวาออกจากโกลนด้านที่เจ้าหมอกสีไปกับรั้วอย่างว่องไว
ดีดขาไขว้สลับ
ร่างบางจึงห้อยแกว่งออกมาทางด้านซ้าย
แต่ยังรั้งตัวอยู่ได้ไม่ร่วงหล่นลงไปเพราะจับยึดแน่นไปที่ลำคออันแข็งแรง
นั้น เสียงอาชาสีดำพ่วงพีตัวโปรดของคมศรร้อง
ฮี้ยยยยยยยยสสส ดังลั่น
เมื่อลำตัวของมันครูดไปกับรั้วไม้
เสียงโครมครามดังตามมาสนั่นหวั่นไหว
“ตาย...ตาย...ตายแน่”
เสียงปิงร้องลั่น
ขณะที่เจ้านายของเขาสบถออกมาคำหนึ่งอย่างหัวเสีย
ยืนชะงักงันอยู่กับที่
เบิ่งตามองดูเจ้าหมอกที่พลิกตัวกลับวิ่งวนย้อนมาอีกด้าน
คราวนี้เบียดร่างกำยำของมันเข้าทางด้านซ้ายหวังจะกระแทกร่างบางที่ห้อยแกว่ง
อยู่ให้กระเด็นไป
อรนุชหัวเราะเสียงใส
ร้องว่า
“แหว่ะ..มุขเดิม...เจ้าหมอก...ไม่ได้กินฉันหรอก”
ร่างบางนั้นพลิกวาบขึ้นไปบนหลังอาน
และใช้เทคนิคเดิมคือเหวี่ยงตัวสลับข้ามมาห้อยอยู่อีกด้านทางขวาอย่างรวดเร็ว
แคล่วคล่อง เสียงโครมครามดังสนั่น
เมื่อสีข้างด้านซ้ายของมันกระแทกไปรั้วไม้
เจ้าหมอกร้อง ฮี้ยยยยยยสสสส
หงุดหงิดเหลือประมาณที่ไม่สามารถสลัดร่างเล็กจ้อยนั้นให้หลุดไปได้ดั่งใจ
“โอ้โห...สุดยอดดดดดด...”
ปิงครางออกมา
ขณะที่คมศรถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่
ใบหน้าคร้ามคมนั้นทั้งยิ้มทั้งบึ้ง
จากนั้นเจ้าหมอกก็วิ่งกระแทก
กระโดดดีดตัวอีกพักใหญ่จนเหนื่อยใจ
ในที่สุดร่างกำยำพ่วงพีก็หมดฤทธิ์
กลายมาเป็นวิ่งเหยาะย่างให้ร่างเล็กบางบนหลังนั้นควบตะบึงตามใจ
เสียงหัวเราะใสแจ๋วดังกังวานไพเราะราวกับระฆังเงิน
อรนุชขี่เจ้าหมอกวิ่งผ่านหน้าเจ้าของที่ยืนกอดอกอยู่
แล้วหันหน้ามาแสยะให้พร้อมกับแลบลิ้นหลอก
ส่งเสียงหัวเราะร่วนอย่างสุขใจเหลือประมาณ
คมศรส่ายศีรษะพลางหัวเราะถอนฉิวตัวเอง
ก่อนจะหันไปยังมือขวาคนสนิท
“ปิง...แกไปเปิดรั้วได้...ให้คุณนุชเขาขี่เจ้าหมอกเล่นตรงลานดินข้างหลัง”
ปิงหัวเราะแหะๆ
รับคำรีบวิ่งไปเปิดประตูรั้ว
ขณะที่อรนุชหัวเราะเสียงใส
ควบเจ้าโธโรเบลดซึ่งตอนนี้พอละพยศก็คึกคักใหญ่พอๆ
กับเจ้านายคนใหม่ตัวจ้อยที่อยู่บนหลัง
โก่งคอร้อง ฮี้ยยยยยยยยยยสสส
ดังสนั่น
พลางตะกุยขาหน้ากระแทกพื้นดินดีดตัวพุ่งผ่านออกรั้วออกไปอย่างคะนองเท้า
ทางที่ต่อเนื่องไปจากบริเวณคอกของเจ้าหมอกนำไปสู่บริเวณลานดินที่เป็นรูปวง
รีซึ่งใช้เป็นที่ออกกำลังของเจ้าหมอกรวมไปถึงม้าที่อยู่ในคอกบริเวณนั้นอยู่
เป็นประจำ
ซึ่งอรนุชยิ้มอย่างเบิกบานควบเจ้าหมอกอย่างสนุกสนาน
เสียงฝีเท้าม้ากุบกับกับเสียงหัวเราะของเธอดังประสานกันอย่างสดใส
คมศรยืนกอดอกดูร่างบางที่กำลังเริงร่าอยู่บนหลังม้าตัวโปรดของตัวเอง
ผมยาวพลิ้วนั้นไสวล้อลมเป็นคลื่นสีดำงามจับตา
ม้าที่สูงสง่าบวกกับผู้ขับที่มีความงามโดดเด่นหาตัวจับยาก
ทำให้ภาพเบื้องหน้านั้นน่าตื่นตาตื่นใจเหลือประมาณ
นัยน์ตาประกายเหล็กนั้นฉาบแวววูบวาบจ้องมองอยู่อึดใจใหญ่
ก่อนที่คมศรจะหันไปกำชับมือขวาให้เฝ้ากำกับดูแล
ส่วนตัวเองนั้นผละไปขึ้นรถจี๊ปขับออกไปทางด้านหน้ารีสอร์ท
ขณะที่เจ้าของปางห้วยสักกำลังคลายใจ
และมอบหมายให้คนสนิทเฝ้าดูแทนตัวเองนั้น
ไม่ได้สังเกตเห็นว่านอกเหนือไปจากปิงแล้วในตอนนั้นยังมีสายตาที่แข็งกร้าว
ของร่างผอมเกร็งสายหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ
โรงม้าจับจ้องมาอยู่ด้วยในมือถือโทรศัพท์แนบหู
“ครับ
พ่อเลี้ยง....ไม่ต้องห่วง...ผมคิดว่าพอมีทางครับ”
ร่างฉกรรจ์ที่ผอมเกร็ง
เหลือบมองไปยังมือขวาคนสนิทของคมศร...ใบหน้าตอบเกรียมครุ่นคิด
....ถ้าจะจัดการกับนังหนูนั่น....ก็ต้องจัดการไอ้ปิงก่อน
......................
งานแสดงคอนเสิร์ตเปียโนการกุศลจบลงอย่างงดงามท่ามกลางความประทับใจของผู้ฟัง
โดยส่วนใหญ่ซึ่งรวมทั้งอรอุษาด้วย
เด็กสาวร่วมกับผู้ชมในหอประชุมใหญ่ปรบมือเป็นเกียรติแก่นักเปียโนชื่อดังที่
บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาเปิดการแสดงในวันนี้
ในขณะที่ศักดากับฐิติพรรณที่แสนจะเบื่อหน่ายเต็มทีแล้วก็ลุกขึ้นยืนตบมือ
ด้วย
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มนั้นเป็นเพราะนึกดีใจที่การแสดงจบลงเสียทีหลังจากทนนั่ง
ฟังมาเกือบสองชั่วโมงเต็ม
ขณะที่ทยอยกันเดินออกมาจากหอประชุม
ฐิติพรรณก็หันไปยิ้มถามอรอุษา
“เป็นไงจ๊ะ...น้องษา...สนุกไหม”
เด็กสาวยิ้มน่ารัก
กล่าวเสียงอ่อนหวาน
“ค่ะ...เขาเล่นได้ไพเราะมาก...ษาชอบจังค่ะ...โดยเฉพาะมูนไลท์
โซนาต้าของเบโธเฟ่น...ไม่กี่คนหรอกนะคะที่จะเล่นมูฟเม้นท์ที่สามได้ดีขนาด
นี้”
ศักดาได้ช่องสบโอกาส
กล่าวเสริมด้วยเสียงนุ่มนวลเอาใจ
“น้องษาก็เล่นเปียนโนเก่งไม่ใช่หรือครับ
ได้ยินน้องไอซ์เล่าให้พี่ว่าน้องษาน่ะ...เก่งฝีมือระดับออกแสดงงานของโรงเรียนด้วย”
ใบหน้างามของอรอุษาเป็นสีชมพูระเรื่อขึ้นทันที
แม้จะพอคุ้นเคยกับชายหนุ่มบ้างแล้ว
แต่สายตาของอีกฝ่ายและคำชมเชยที่นุ่มนวลก็ทำให้จิตใจของเด็กสาวเต้นแรงจนไม่
กล้าสบตาด้วย
ต้องก้มหน้าลงพูดอุบอิบอย่างเขินอายว่า
“ไม่...เอ่อ...ไม่หรอกค่ะ...ษาพอเล่นได้บ้างเท่านั้น”
พริตตี้สาวหัวเราะคิกๆ
หันไปเย้าเสียงใส
“อย่าถ่อมตัวไปเลยจ้ะ...นุชเขาก็เคยเล่าให้พี่ฟังนะ...ว่าน้องษาน่ะเล่นเปีย
โนเก่งม๊ากมาก....พี่ว่า...ถ้าวันนี้เป็นน้องษาขึ้นเวทีก็คงไม่ด้อยกว่าเท่า
ไหร่หรอก..ว่าไหมคะ...พี่ศัก...”
“ใช่ครับ...พี่ก็ว่าอย่างนั้น”
ศักดาเออออด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
อรอุษาเลยยิ่งอายจัด
จนกระทั่งใบหูขาวใสสวยได้รูปราวกลับกลีบดอกไม้นั้นแดงก่ำไปจรดซอกคอเรียว
ระหง เด็กสาวก้มหน้ากล่าวเสียงเบาหวิว
“โธ่...อย่าล้อษาเล่นสิคะ...เดี๋ยวใครได้ยิน...อายเขาแย่เลย”
พริตตี้สาวหัวเราะเสียงดัง
ขณะที่จิ้งจอกสวาทใช้สายตาที่นุ่มนวลมองไปยังเด็กสาวแสนสวย
อรอุษาที่เหลือบมองไปพอดีสบกับแววตาที่จัดเจนในการสร้างภาพของศักดาแล้ว
เด็กสาวผู้อ่อนเยาว์ยิ่งใจสั่นสะท้าน
รีบก้มหน้าหลบไปหลังฐิติพรรณทันที
“จ้า...ไม่ล้อแล้ว...เอ้า...ไม่ต้องไปหลบอยู่หลังพี่อย่างนั้นก็ได้”
ฐิติพรรณกล่าวเสียงเคล้าหัวเราะ
หันไปจูงมือเด็กสาวที่กำลังอายจนหน้าแดงเดินออกไปตามทางที่ตรงไปยังบริเวณลานจอดรถ
“ษาจ๋า...นี่เพิ่งบ่ายสามโมงกว่าเอง...ไปเป็นเพื่อนพี่ช๊อปปิ้งหน่อยสิ...
ช่วยพี่เลือกหน่อย...พี่อยากซื้อชุดสวยๆ
สักตัว...จะเตรียมไว้สำหรับไปงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อนจ้ะ...”
อรอุษาผงกศีรษะ
ยิ้มรับอ่อนหวาน
“ค่ะ..พี่ไอซ์”
จากนั้นใจของเด็กสาวผู้อ่อนเยาว์ก็เต้นแรง
เมื่อได้ยินเพื่อนรุ่นพี่หันไปชวนชายหนุ่มที่ยืนข้างๆ
เสียงใส
“พี่ศักไปด้วยกันไหมคะ”
จิ้งจอกสวาทซ่อนยิ้มหื่น
เอาไว้ภายใต้ใบหน้าอันนุ่มนวลสนิทสนม
ทั้งๆ
ที่ความจริงนั้นยิ่งมองไปยังร่างงามของอรอุษาก็ยิ่งสร้างความกระสันซ่านให้
กับเขาจะยากจะระงับ
เมื่อเดินอยู่ใกล้ๆ
แลเห็นทุกอย่างได้อย่างละเอียดเต็มตา
ผิวพรรณที่ขาวสะอาดเป็นประกายงามสมบูรณ์เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลอันเกิดมาจาก
วัยสาวอันสะพรั่งกำดัด
กลิ่นกายที่หอมอ่อนๆ
เหมือนกับดอกมะลิอันบริสุทธิ์นั้นรวยรินเข้ามากระทบจมูกของเขาเป็นระยะๆ
รอยยิ้มอันอ่อนหวานที่ฉาบเอาไว้ด้วยความเอียงอายของสาวน้อยอ่อนวัยไร้
เดียงสา ดวงตาที่มักจะหลบต่ำ
จนอวดให้เห็นขนตาอันงอนงามเป็นแพหนา
พวงแก้มที่ขาวใสจนเห็นริ้วรอยของเส้นเลือดที่ส่งให้ใบหน้าเป็นสีชมพูระเรื่อ
ตาอยู่เสมอๆ ยามที่เธอรู้สึกประหม่าอาย
ริมฝีปากที่สวยราวกลับดอกไม้แดงสดเต่งตึงที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสีวิทยา
ศาสตร์ใดๆ มาจับให้ระคายเคือง
ประกอบเป็นวงหน้าที่มันปั่นป่วนอารมณ์ของจิ้งจอกสวาทให้พลุ่งพล่านไปด้วย
ความอยากในตัณหาระคะจนแทบจะทนไม่ได้อีกต่อไป
ทั้งนี้ยังไม่ต้องคำนึงไปถึงเรือนกายที่สูงโปร่งงดงามได้รูปที่ซ่อนความ
สมบูรณ์แบบเอาไว้ในชุดแต่งกายที่น่ารักสดใสสมวัยนั้น
“ถ้าไอซ์คิดว่าพี่ไม่ไปเกะกะการช๊อปปิ้งของสาวๆ
พี่ก็ยินดี”
“ไม่หรอกค่ะ...คิกคิก...ดีซะอีก...เผลอๆ...ได้เจ้ามือด้วย...”
พริตตี้สาวพูดยิ้มๆ
ศักดาหัวเราะ
“โธ่...พี่ยินดีและเต็มใจอยู่แล้ว...น้องไอซ์ก็รู้”
ฐิติพรรณหัวเราะร่วน
หันไปจูงมืออรอุษาให้เดินไปยังรถ
“รีบไปเลยดีกว่าน้องษา...เดี๋ยวเจ้ามือเปลี่ยนใจ”
อรอุษาเห็นอาการของเพื่อนรุ่นพี่อย่างนั้น
รู้สึกตลกภายในใจ
จึงยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะคิกเสียงใส
ดวงตากลมหวานนั้นเต็มไปด้วยประกายตารื่นเริง
ทำเอาจิ้งจอกสวาทที่เห็นถึงกับกลืนน้ำลายเหนียวๆ
ลงคออย่างลำบาก
ขนทั่วร่างลุกชันสั่นสยิวไปด้วยความกระหาย
ฐิติพรรณกับศักดาขับรถไปสมทบกันที่ศูนย์การค้าใหญ่ในบริเวณนั้น
ซึ่งพริตตี้สาวที่เดินชวนอรอุษาไปยังแผนกเสื้อผ้า
ก็จงใจเปิดโอกาสให้กับศักดาโดยการเข้าไปลองเสื้อร้านโน้นร้านนี้อย่างเนิ่น
นาน
ทิ้งให้จิ้งจอกสวาทเริ่มเก็บเกี่ยวคะแนนกับเหยื่อชิ้นงามของตัวเอง
ใบหน้าหล่อเหลาของศักดายิ้มอบอุ่น
อ่านอาการที่ยังเกร็งๆ
ของเด็กสาวแสนสวยตรงหน้าออก
ดังนั้นวาจาที่ออกมาจากปากจึงเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว
ที่ชี้ชวนให้อรอุษาพูดคุยถึงครอบครัวของเด็กสาวเป็นการเบี่ยงเบนความกังวลใจ
ซึ่งก็ได้ผลอย่างที่สุด
เพราะเด็กสาวแสนสวยนั้นยินดีเสมอที่จะได้พูดถึงพี่สาวอันเป็นที่รักยิ่งของ
ตัวเธอทั้งสองคน
ใบหน้างามล้ำนั้นจึงมีรอยยิ้มอ่อนหวานน่ารัก
กล่าวเสียงใสกับศักดาอย่างเพลินไปกับหัวข้อสนทนา
ค่อยๆ เกิดความรู้สึกสนิทสนมกับชายหนุ่มตรงหน้า
“พี่อรกับพี่นุช...ของษาน่ะ...ทั้งสวยทั้งเก่ง...ษารักและภูมิใจพี่ทั้งสองคนอย่างที่สุดเลยค่ะ”
เด็กสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงเริงรื่น
จิ้งจอกสวาทกระหยิ่มยิ้มในใจ
ที่สามารถพาตัวเข้าไปใกล้เหยื่ออันโอชะได้ทีละน้อยๆ
กล่าวเสียงนุ่มนวล
“ได้ยินน้องษาพูดถึงพี่สาวแล้ว...ผมมีความเชื่อว่าเธอจะต้องมีบุคคลที่พิเศษ
จริงๆ
ครับ...น้องษาโชคดีเหลือเกินนะครับมีพี่สาวที่น่ารักถึงสองคน...”
อรอุษายิ้มน่ารัก
ผงกศีรษะรับคำอย่างหน้าชื่นบานไม่มีปิดบัง
“ค่ะ...ษาก็คิดอย่างนั้น...ษาโชคดีจริงๆ”
คมศรยิ้มละไม
ใช้วาจาย้อนเข้าจู่โจมอย่างเจนจัด
“แต่ผมเชื่อนะครับว่า...พี่สาวทั้งสองคนก็คงรักและภูมิใจในตัวของน้องสาวคนเล็กด้วยเช่นกันอย่างแน่นอน”
คำพูดที่ทุ้มนุ่มนั้น
พุ่งแทรกวาบเข้าสู่จิตใจของเด็กสาวผู้อ่อนเยาว์ราวกับใบหอกอันแหลมคม
ใบหน้างามซึ้งตรึงใจของอรอุษาเปลี่ยนสีเป็นสีชมพูระเรื่อขึ้นมาทันที
ก้มหน้าลงพูดเสียงเบาหวิว
“ไม่...ไม่หรอกค่ะ...ษาเทียบกับพี่ทั้งสองคนไม่ได้เลย...”
คมศรหัวเราะนุ่มนวล
จิ้งจอกสวาทที่เจนจัดในการใช้วาจา
รู้ว่าควรรุกเมื่อไรค่อยถอยเมื่อไร
ก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาเป็นเรื่องงานอดิเรกที่เด็กสาวชื่นชอบ
การเรียน การตั้งใจวางแผนศึกษาต่อ
พูดเหมือนเป็นเรื่องเรื่อยๆ
แต่ก็สามารถคิดค้นคำอันนุ่มนวลยวนใจให้รู้สึกชื่นมื่นเข้าวกมาเป็นชื่นชมใน
ความสามารถของเด็กสาวอย่างเจนจัดในด้านคารมอันถูกฝึกฝนมาอย่างเชี่ยวชาญ
อา...ผู้หญิงมากหน้าหลายตาในอดีต...ทั้งร้อนแรง...ทั้งกร้านโลก...หลายต่อ
หลายคนก็ลุ่มหลงไปกับวาจาอันอ่อนหวานจับใจนี้มาแล้วทั้งนั้น...
ส่วนอรอุษานั้นเล่า...เด็กสาวที่อ่อนเยาว์ไร้เดียงสา...ที่ไหนเลยจะเคยเจอ
ชายหนุ่มที่อบอุ่นนุ่มนวลราวกับพี่ชายผู้ใจดีมาพูดเอาใจอย่างนี้
เพราะทั้งปานเทพกับธนานั้นแทบไม่ค่อยจะยุ่งกับเธอเลย
คำพูดที่เลี้ยวลดเข้ามาชมเชยเธอ
แต่สามารถใช้คำที่ไม่ทำให้เด็กสาวซึ่งเป็นคนหน้าบางเขินอายจนประหม่านั้น
อย่างช้าๆ ก็ทำให้วงหน้างามนั้นเบิกบาน
ยิ่งรวมกับรอยยิ้มอันหล่อเหลาที่เป็นอาวุธในกระชากใจของเพศตรงข้าม
ก็ทำให้อรอุษานั้นเอิบซ่านไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ
ที่ใสหวานขึ้นจับหัวใจอันบริสุทธิ์ผุดผ่อง
ดวงตากลมโตเปล่งแววตาอันสดใสฉายขึ้นมาจนสวยระยับราวกับดวงดาวพร่างฟ้า
ทั้งหมดนั้นมันเป็นการเปลี่ยนแปลง
ที่สร้างความยินดีให้กับศักดาจนแทบร่ำร้องออกมาอย่างลิงโลด
ชายหนุ่มต้องพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะซุกซ่อนอารมณ์ที่กำลังกระเจิงไป
ด้วยความหฤหรรษ์ไว้ภายในหน้ากากอันนุ่มนวลอ่อนโยน
ท่ามกลางท่วงท่าที่เป็นสุภาพบุรุษไม่มีการจับจ้องมายังเธอตรงๆ
ให้เกิดความประหม่าใจ
อรอุษาผู้อ่อนเยาว์ถึงกับบ่อยครั้งเป็นคนแอบปรายตาขลาดๆ
มองไปยังเสี้ยวหน้าที่คมสันของอีกฝ่ายเอง
หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นแรง
ยิ่งทำให้เลือดที่สูบฉีดไหลเวียนขึ้นหล่อเลี้ยงจนวงหน้าหวานใสนั้นเป็นสี
ชมพูระเรื่ออยู่ตลอดเวลา
จิ้งจอกสวาทที่เห็นชัดเจนแต่รักษาท่าทีเอาไว้อย่างแยบยลถึงกับตัวสั่น
ใคร่กระชากร่างบางนั้นเข้ามาขยี้จูบให้สาแก่ใจ
แต่แน่นอนว่าชายหนุ่มผู้เจนสังเวียนไม่ทำอะไรโง่ๆ
เช่นนั้นออกไปจริงๆ อย่างแน่นอน
ภายใต้เปลือกนอกแห่งความเป็นพี่ชายที่แสนดี
อรอุษาก็เพลินไปกับการใช้เวลากับชายหนุ่มเบื้องข้าง
ถึงแม้ว่าฐิติพรรณจะแกล้งลองชุดต่างๆ
ที่ดูเหมือนเลือกแล้วยังไม่ถูกใจ
เลือกแล้วเลือกอีก
หายตัวเข้าไปในห้องลองเสื้อเนิ่นนาน
เด็กสาวก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดกับการต้องยืนคุยกับศักดาเหมือนช่วงแรกๆ
อีก
แต่ทว่าจากการที่หลอกล่อสร้างความสนิทสนมกับเหยื่อสวาทตรงหน้า
ทำให้จิ้งจอกโฉดที่แสนเจ้าเล่ห์เพทุบายต้องกลับมาทบทวนแผนการณ์ที่ตัวเอง
ครุ่นคิดมาตั้งแต่ต้นใหม่
เพราะถึงแม้เด็กสาวตรงหน้าจะอ่อนเยาว์และซื่อบริสุทธิ์ไร้เดียงสา
ไม่มีทางมีความสามารถที่จะปกป้องตัวเองเลยแม้แต่น้อย
ถ้าเขาจะใช้เล่ห์สวาทกับเธอ
ยิ่งมีมีฐิติพรรณเปิดทางสะดวกให้
รับรองว่าเหยื่ออันสุดโอชาชิ้นนี้ไม่มีทางรอดพ้นการตกเป็นภักษาหารของเขา
อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามปัญหามันอยู่ที่ว่าถ้าเขาจัดการเคลมสวาทเธอแล้ว
การจะสานต่อไปเพื่อคว้ารางวัลสูงสุดคือตัวของพี่สาวคนโตที่แสนสวยนั้นคงจะ
มืดมนไปจนเกือบมิด
เพราะความรักเทิดทูนที่อรอุษามีต่อพี่สาวอย่างสุดหัวใจ
ถ้าเขาคะเนไม่ผิด
เด็กสาวตรงหน้านั้นรักพี่สาวมากกว่ารักตัวเองเสียอีก
อรอุษาจะต้องเป็นอุปสรรคที่สำคัญที่สุด
ถ้าเข้าใช้เล่ห์สวาทกับเธอจนทำให้เปลือกนอกของความเป็นสุภาพบุรุษของเขาถูก
ทำลายไป
ไม่มีวันที่เด็กสาวตรงหน้าจะกลายเป็นสะพานเชื่อมให้เขาได้ใช้ประโยชน์ในการ
เข้าถึงตัวพี่สาวคนสวยของเธอเป็นแน่
ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาแต่จิตใจชั่วร้ายโสมมใช้สมองครุ่นคิดอย่างเร็วจี๋
มันต้องมีทางสิน่า...ไอ้ศัก...ต้องมีทาง
สมองอันโฉดชั่วของจิ้งจอกสวาททำงานอย่างหนัก
แต่เปลือกนอกนั้นไม่มีวี่แววอะไรให้เด็กสาวแสนสวยที่ไร้เดียงสาจับเค้าได้
เลยแม้แต่น้อยนิด
ยังคงรักษาสภาพของพี่ชายที่อบอุ่น
ยิงคำพูดอันอ่อนหวานพุ่งเข้าจู่โจมใส่จิตใจอันบริสุทธิ์บอบบางนั้นอย่างต่อ
เนื่อง
เมื่อฐิติพรรณเดินออกมาจากห้องลองเสื้อปรายตามาแว่บเดียว
ก็เหยียดยิ้มอย่างพอใจ
เพราะตอนนั้นเห็นใบหน้างามของอรอุษากำลังแดงระเรื่อ
เพราะศักดาสามารถรุกเร้าความสนิทสนมให้ยกระดับขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
จนถึงกระทั่งชี้ชวนให้เด็กสาวลองทาบเสื้อแบบต่างๆ
ที่ออกแบบอย่างสวยแก๋สำหรับเด็กรุ่นสาววัยใสไปบนเรือนกายอันงามได้รูปของเธอ
พริตตี้สาวเดินยิ้มกริ่มเข้าไปร่วมวง
ขณะแรกอรอุษาส่ายศีรษะระรัวเร็ว
รู้สึกประหม่าเกินกว่าจะยอมรับของขวัญของชายหนุ่มที่เธอกับเขาเพิ่งรู้จัก
กันไม่กี่ชั่วโมงดีเลย
แต่ฐิติพรรณก็กระซิบกระซาบเสียงหวาน
“น่า...ษาอย่าไปปฏิเสธน้ำใจของพี่ศักเลย...เดี๋ยวเขาจะน้อยใจเอานะ”
อรอุษาปรายตามองมายังใบหน้าคมคายของจิ้งจอกสวาทที่มองมายิ้มๆ
อยู่ก่อนแล้ว ก็ต้องก้มศีรษะอย่างเอียงอาย
รับเสื้อนั้นเข้าไปลองแต่โดยดี
โดยมีสายตาของศักดาและฐิติพรรณจับจ้องมองตามไป
และเมื่อร่างบางของเด็กสาวหายเข้าไปในห้องลองเสื้อ
เสียงหัวเราะใสกังวานของฐิติพรรณกับเสียงหัวเราะของจิ้งจอกโฉดก็ประสานกัน
อย่างพึงใจ
รอยยิ้มเหยียดขึ้นตรงริมฝีปากของทั้งคู่มีนัยยะที่ต่างฝ่ายต่างมีความคิดใน
ใจที่แตกต่างกันคนละขั้ว
แต่นัยยะอย่างหนึ่งที่เหมือนกันก็คือนัยยะอันชั่วร้ายที่แฝงอยู่ในน้ำเสียง
หัวเราะนั้น
ซึ่งหามีใครในบริเวณนั้นจะทันสังเกตุออกไม่
ท่ามกลางเสียงหัวเราะประสาน
สมองอันโฉดชั่วของจิ้งจอกสวาทก็ยังทำงานไม่หยุด
มันต้องมีทางสิน่า...ต้องมีทาง
..........................
ปานเทพเดินทางมายังจุดนัดพบที่คันธรสนัดเจอเขาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
ในยามบ่ายแก่ๆ เช่นนี้
คันธรสที่นั่งคอยอยู่แล้วเป็นแขกคนเดียวของร้าน
ซึ่งในความเป็นจริงนั้นเสี่ยทองที่จัดการเรื่องสถานที่ให้บอกว่า
“เชิญคุณรสสนทนากับคุณปานเทพให้สบายใจเลยนะครับ..ร้านนั้นเป็นของคนรู้จักของผมเอง...รับรองว่าจะไม่มีแขกเหรื่อคนไหนมากวนคุณรสแน่นอน”
คันธรสตั้งใจว่าจะพยายามรวบรัดธุระที่เธอรับปากกับเสี่ยทองมาให้กระชับสั้น
ที่สุด จะไม่พยายามให้ความรู้สึกใดๆ
มามีผลกระทบกับอารมณ์ของเธออีกเป็นอันขาด
แต่วูบหนึ่งแห่งความค้างคาใจ
แค้นใจในตัวของชายหนุ่มที่เธอหญิงสาวเคยคิด
เคยย้ำกับตัวเองว่าลืมเขาไปได้จนสนิทใจแล้ว
แต่ยามที่ต้องมานั่งประจัญหน้ากันเช่นนี้...ไม่ต่างอะไรกับสมัยที่เธอกับเขา
ยังคบหากัน...ภาพเก่าๆ
ที่แสนหวาน สวยงาม
มันก็พลุ่งพล่านขึ้นมาในความคิดของคันธรส
จนทำให้หญิงสาวแสนสวยอดไม่ได้ที่จะมองใบหน้าของอดีตคนรักด้วยความรู้สึกอัด
อั้นตันใจ
ความรู้สึกที่ระอุอยู่ในอกทำให้เธอต้องนั่งนิ่งๆ
อยู่ช่วงใหญ่
พยายามรวบรวมพละกำลังและสติอย่างมากในการบังคับไม่ให้เสียงที่กล่าวออกไป
นั้นสั่นสะท้าน
“คุณเทพคงทราบดีแล้วนะคะ...ว่าวันนี้รสขอพบทำไม”
ปานเทพผงกศีรษะ
แม้หญิงสาวตรงนั้นจะพยายามบังคับเสียงให้ราบเรียบ
แต่แววตาที่ปกปิดความรู้สึกไม่มิดของอีกฝ่ายทำความลำบากใจให้กับเขาพอสมควร
ชายหนุ่มก็ได้หวังว่าการพยายามทำตัวให้เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขาจะเป็น
การชดใช้ให้กับการกระทำในอดีต...
“ครับ...คุณรสต้องการพูดกับผมเรื่องสัญญาของเครือปาร์มบีช”
หญิงสาวเชิดใบหน้าอันสวยบาดตาขึ้นเล็กน้อย
กล่าวเสียงเรียบ
พลางยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้กับชายหนุ่ม
“ความจริงรสก็ไม่อยากจะยุ่ง...แต่เสี่ยทอง...คนรู้จักกัน...เขาขอให้รสช่วย
พูด...รสก็จะพูดตรงๆ
ล่ะค่ะว่าข้อเสนอที่เสี่ยทองเขายื่นมาครั้งนี้...ไม่ทราบว่าทางคุณเทพจะ
ยินดีพิจารณาให้เขาหรือเปล่า”
ชายหนุ่มรับมาเปิดออกอ่านอย่างพิจารณาด้วยความถี่ถ้วน
ใบหน้าหล่อเหลาของปานเทพเคร่งขรึม
ขณะที่คันธรสที่นั่งอีกด้านหนึ่ง
อย่างช้าๆ
อดที่จะต้องเบือนหน้ากลับมามองชายที่นั่งตรงข้ามไม่ได้
ความรู้สึกหนึ่งที่พรั่งพรูขึ้นมาจนรู้สึกวาบไปทั้งทรวงอกนั้น
มันมีความอ่อนหวานแบบที่หญิงสาวไม่เคยได้รับจากการที่เธอเสพสมกับเพลิงสวาท
ที่ได้รับการปรนเปรออย่างเต็มอิ่มจากศักดาและเสี่ยเซี้ยง
เพลิงสวาทที่เผาผลาญให้เธอร้อนรุ่มและตกอยู่ในวังวนแห่งความหลงใหลนั้นมัน
เร่าร้อน เพริดแพร้ว
หฤหรรษ์...แต่มันไม่มีความอ่อนหวานสวยงามที่เธอกำลังรู้สึกอย่างรุนแรงจับ
จิตเหมือนในขณะนี้
ดวงตาคู่งามของคันธรสมีแววแห่งความสับสน
จินตนาการ...ถ้า...ถ้า...คนตรงหน้าของเธอจะเป็นคนที่มอบความสุขให้กับเธอ
เป็นคนที่พาเธอเตลิดไปกับเกมสวาทอันเย้ายวนใจ...มันคง...คง...
หญิงสาวสะบัดหน้าไล่ความคิดนั้นออกไป
ยกแก้วน้ำส้มตรงหน้าขึ้นดื่ม
พลางยิ้มอย่างขมขื่น...มันสายไปแล้ว...เธอเดินในเส้นทางที่มันคงหวนกลับไป
ไม่ได้อีกต่อไป
ปานเทพถอนหายใจอย่างหนักอึ้ง...เมื่อเขาอ่านเอกสารในมือเสร็จ
ใบหน้าของชายหนุ่มเคร่งขรึม
กล่าวช้าๆ
“ถึงแม้ว่าเพดานของเปอร์เซนต์การขอใช้จ่ายเงินต่อสินทรัพย์ที่เสี่ยทองยื่น
มาคราวนี้...จะลดลงกว่าข้อเสนอสุดท้ายที่เขาเคยคุยกับผม...แต่มันก็ยังสูงไป
อยู่ดี...แต่...แต่ว่านะครับ...กับเรื่องนี้...ถ้าผมเห็นกับคุณรสที่ช่วยพูด
ให้เสี่ยทอง...ผมอาจจะพอไปปรับหาข้อมูลมาสนับสนุนเพิ่มเติมเพื่อนำเสนอให้
กับคณะกรรมการบริหารได้...”
ชายหนุ่มหยุดพูดลงเล็กน้อย
พลางยกแก้วน้ำเย็นเฉียบที่บริกรนำมาเสริฟให้ขึ้นดื่ม
ก่อนจะกล่าวต่อไป
“...แต่ว่ามูลค่าหนี้ที่ต้องชำระจากเงินทุนหมุนเวียนที่ทางเครือปาร์มบีชแจก
แจงให้กับเรา
มีทางเดียวคือการต้องขอกู้ใหม่ซึ่งผมเองเคยทำข้อเสนอเพื่อปรับโครงสร้างหนี้
ในแนวทางนี้ให้กับเสี่ยทองไปแล้ว...แต่เขาไม่ยอมรับ...สิ่งที่ทางเครือปาร์
มบีชยื่นมาก็คือการขอให้พิจารณาเลื่อนขยายระยะเวลาใช้หนี้ที่ความจริงถูก
เลื่อนมาแล้วหลายครั้ง
และการขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยพิเศษนั้น...ผมบอกตามตรงว่าเป็นเรื่องยากที่คณะ
กรรมการบริหารจะพิจารณารับข้อเสนอนี้...”
คันธรสรับฟังคำพูดของปานเทพ
ซึ่งตัวเธอถึงแม้จะไม่ค่อยจะมีความรู้เรื่องการทำธุรกิจนัก
แต่พอจะเข้าใจได้ว่าสภาพคล่องของเครือปาร์มบีชนั้นอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่จนยาก
จะเยียวยาแล้ว...หญิงสาวถอนหายใจ...เธอก็พยายามทำดีที่สุดแล้ว...
ปานเทพเก็บเอกสารใส่ซองและยื่นส่งคืนให้กับหญิงสาว
“ผมเสียใจ...ถึงแม้ว่าคุณรสจะขอ...แต่มันคงจะเป็นไปไม่ได้...”
คันธรสยักไหล่ลาดงามของเธอ
“ช่างเถอะค่ะ...รสก็แค่รับปากเสี่ยทองเขาจะมาช่วยพูดให้...ไม่ได้หมายความคุณเทพจะต้องมาเทคแคร์อะไรเป็นพิเศษกับคนอย่างรสนี่คะ..”
ตอนท้ายน้ำเสียงสั่นๆ
มันเจือไปด้วยความรู้สึกน้อยใจอย่างเห็นได้ชัด
ทำให้ชายหนุ่มมีสีหน้าลำบากใจ
“คุณรส..ผมเสียใจจริงๆ...ถ้ามีเรื่องอื่น...เรื่องที่อยู่ในอาณัติที่ผมตัดสินใจได้...ผมจะต้องช่วยคุณแน่นอน”
“ช่างเถอะค่ะ...เพราะรสก็คงไม่ต้องการรบกวนอะไรคุณเทพให้มากไปกว่านี้แล้ว”
คันธรสพูดเสียงห้วนด้วยอารมณ์ที่เริ่มพลุ่งพล่าน
ปานเทพมีสีหน้าวิงวอนขอร้อง
“ผมหมายความอย่างนั้นจริงๆ..นะครับ...คุณรส...ผมพูดตามตรง...เรื่องของเรา
...เมื่อก่อน...ผมยอมรับว่าผมเป็นฝ่ายผิดเอง...ผมอยากชดใช้อะไรบ้างให้กับ
คุณ”
หญิงสาวมีน้ำตาขังคลอออกมา...ทำไม...ทำไมคุณจะต้องมาพูดตอกย้ำให้รสแค้นใจ
...เสียใจ...ด้วย...เรื่องทั้งหมด...เรื่องทั้งหมดที่รส...ประชดคุณ...
มัน...มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้รสตกอยู่ในสภาพนี้...ทุกวันนี้
ปานเทพแลเห็นน้ำตาที่กลิ้งเกลือกลงมาจากดวงตาคู่งามก็ใจหาย
เขาอยากทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น
ไม่ใช่แย่ลงเหมือนอย่างนี้....เขา...ทำผิดไปละหรือ?
ชายหนุ่มนัยน์ตาตกลงพื้น
กล่าวเสียงแหบ
“ผมเพียงแต่รู้สึกผิด...ผมอยากจะทำให้ดีที่สุด...เท่านั้นเองจริงๆ
นะครับ”
คันธรสพยายามกลั้นสะอื้น
ใช้กระดาษเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา
ก่อนจะเชิดหน้างามของเธอ
“เอาเป็นว่ารสรับทราบความตั้งใจดีของคุณเทพ...แค่นี้นะคะ...เราคงจบธุระกันวันนี้แล้ว”
หญิงสาวคิดว่าหน้าที่ของเธอในการรับปากเสี่ยทองคงหมดแค่นี้
แต่...อนิจจา...ทั้งปานเทพและคันธรสหารู้ไม่ว่าเครื่องดื่มธรรมดาที่ถูกนำมา
ให้ทั้งสองดื่มนั้นผสมยานอนหลับที่ออกฤทธิ์หน่วงเวลาประมาณยี่สิบนาทีเอาไว้
ยานั้นเริ่มออกฤทธิ์ไปได้สักพักแล้ว
แต่ทั้งสองที่กำลังเครียดอยู่กับหัวข้อเจรจาจึงไม่รู้สึกตัว
แต่พอขณะที่คันธรสคิดจะลุกขึ้นเดินออกไป
พลันหญิงสาวรู้สึกตัวเองเข่าอ่อนระทวยจนลุกขึ้นไม่ไหว
ใบหน้างามนั้นซีดขาว
ขณะที่ปานเทพเองก็เริ่มรู้สึกมึนๆ
จนต้องสะบัดศีรษะแรงๆ
เป็นการกระตุ้นตัวเอง
ในมุมหนึ่งที่เสี่ยทองยืนกำลังแอบเฝ้าอยู่แต่ไกลอย่างตื่นเต้น
มองดูทั้งคันธรสและปานเทพกำลังพยายามต่อสู้กับอาการมึนงงที่เกิดขึ้น
แต่อย่างช้าๆ
ในที่สุดทั้งสองคนฟุบลงไปกับโต๊ะสิ้นสติสัมปะชัญญะกันไปด้วยกันทั้งคู่
เสี่ยอ้วนหัวเราะพุงกระเพื่อม
ดวงตาร่านระริกที่เต็มไปด้วยแววตาอันชั่วร้ายเจ้าเล่ห์
มองไปยังใบหน้างามบาดตาของคันธรสที่ฟุบอยู่กับโต๊ะอย่างหื่นกระหาย
.................................
ขณะที่มือขวาของพ่อเลี้ยงปางห้วยสักกำลังยืนกอดอกเฝ้ามองร่างเล็กบางที่ควบ
เจ้าหมอกสีดำปลอดวิ่งตะกุยไปรอบๆ
ลานดินอยู่อย่างเพลิดเพลินนั้น
เสียงแหบๆ ก็ดังขึ้นมาทางด้านหลัง
“นายปิง...มาทางนี้หน่อยสิครับ”
ปิงหันกลับไปก็มองเห็นชายฉกรรจ์ผอมเกร็งยืนอยู่ด้านหลัง
ก็ขมวดคิ้วถามว่า
“มีอะไรหรือ
คำ”
“ดูเหมือนนังแสงดาวมันจะมีแผลตรงข้อเข่าครับ
ไม่รู้มันสะบัดไปกระแทกผนังคอกหรือเปล่า
ผมอยากรบกวนนายปิงไปดูหน่อยครับ”
ชายฉกรรจ์หน้าซูบกล่าวด้วยสีหน้าตกใจ
ส่วนปิงก็รู้สึกละล้าละลังเพราะ
“แสงดาว”
เป็นม้าเพศเมียแม่พันธุ์ตัวสำคัญของคอกที่ทางคมศรเลี้ยงเอาไว้
หลังจากหันรีหันขวางมองไปยังอรนุชที่กำลังขี่ม้าอยู่อย่างเพลิดเพลินอยู่อึด
ใจหนึ่ง ก็ตกลงใจ
คุณหนูขี่เจ้าหมอกเล่นตรงนี้ก็คงไม่มีปัญหาอะไรมั้ง
ไปดูนังแสงดาวให้รู้เรื่องก่อนดีกว่า...
คิดได้ดังนั้นปิงจึงเดินตรงไปยังนายคำซึ่งเป็นลูกจ้างที่รับเข้ามาทำงานอยู่ที่คอกม้าได้หลายเดือนแล้ว
“มีใครโทรไปตามหมอมาหรือยัง”
ชายหนุ่มถามด้วยสีหน้าวิตกกังวล
เพราะอาการที่เกิดขึ้นตรงข้อเข่าม้านั้นถือเป็นอาการที่ค่อนข้างรุนแรง
จำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยอย่างถูกต้องจากสัตวแพทย์
“ครับ
โทรตามไปแล้วครับ
แต่อยากให้นายปิงไปดูหน่อยเพราะนังแสงดาวมันค่อนข้างตื่น
ผมเกรงว่ามันจะทำร้ายตัวเองจนบาดเจ็บเพิ่มขึ้น”
วาจาของอีกฝ่าย
ทำให้ปิงเกิดความร้อนใจ
อีกทั้งตัวเขาไม่ได้มีความคิดระแวดระวังใดๆ
แม้แต่น้อย
ทำให้มือขวาของคมศรพอเดินมาถึงบริเวณคอกม้า
ก็เดินแกมวิ่งเข้าไปก่อนตรงไปยังซองที่นังแสงดาวอยู่
นายคำที่เดินตามหลัง
ใบหน้าซูบเกรียมนั้นมีดวงตาวาวโรจน์เป็นประกาย
ร่างถลันวูบไปคว้าไม้หน้าสามดุ้มใหญ่ที่ซุกซ่อนอยู่ก่อนติดมือขึ้นมา
พุ่งตัวตามติดไปอย่างกระชั้นชิด
ปิงได้ยินเสียงฝีเท้าที่กระชั้นเข้ามาอย่างผิดสังเกต
สัญชาตญาณทำให้เขาพลิกตัวกลับมา
ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตระหนก
ไม้เนื้อแกร่งที่สวนกระหน่ำเข้ามาอย่างฉับพลัน
กระแทกเข้าไปที่ขมับของชายหนุ่มถนัดถนี่
แรงจากข้อแขนที่แม้จะซูบเกร็งแต่แข็งแรงของนายคำ
ก็ทำให้การรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างของมือขวาพ่อเลี้ยงปางห้วยสักนั้นดับมืดไป
อย่างฉับพลัน มีเพียงสียงครางหนักๆ
ดังขึ้นมา พร้อมๆ
กับร่างกำยำของชายหนุ่มทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นดุจดินเหลวก้อนหนึ่ง
ดวงตาของนายคำเป็นประกายวาบ
ก่อนจะลากร่างไร้สติของปิงเข้าไปซ่อนในมุมคอก
และโยนมัดฟางกองใหญ่ทับปิดร่างที่นอนคุดคู้นั้นเอาไว้
.........................
ฐิติพรรณหัวเราะกระซิกกระซี้เสียงหวานกับอรอุษาหลังจากที่เธอได้รับของขวัญ
จากศักดาไปหลายถุงแล้ว
ส่วนเด็กสาวผู้อ่อนเยาว์ตัดใจยอมรับเสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีชมพูอ่อนจางจนเกือบ
ขาวที่ถักทอจากเนื้อฝ้ายนุ่มอุ่นไปทั้งตัวนั้นเพียงแค่ชิ้นเดียวก็เกรงใจจน
สั่นศีรษะไม่ยอมรับอะไรอีก
ไม่ว่าศักดากับฐิติพรรณจะคะยั้นคะยออย่างไรก็ตาม
จิ้งจอกสวาทมองดูเวลาซึ่งประมาณสี่โมงกว่าเกือบห้าโมงแล้ว
ก็เอ่ยชวน
“ถ้าน้องไอซ์กับน้องษาไม่รีบไปไหน...เราหาภาพยนต์ดูกันสักรอบไหมครับ..พอ
หนังเลิก...พี่อยากจะขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารค่ำกับน้องทั้งสองคน...”
ฐิติพรรณหัวเราะเสียงใส
หันไปชักชวนอรอุษาทันที
“นะจ๊ะ...อยู่เป็นเพื่อนพี่หน่อย...ษาไม่ได้รีบกลับไม่ใช่เหรอจ๊ะ...วันพรุ่งนี้เห็นว่าไม่มีสอนเหมือนกันนี่นา”
อรอุษาทำหน้าอิดเอื้อน
เธอไม่เคยเที่ยวเกินสี่ห้าโมงหรืออย่างช้าก็กลับบ้านไม่เกินหกโมงเย็นสักที
ยกเว้นเสียแต่ว่าเธอไปด้วยกันกับพี่สาวทั้งสองคน
“น่า...อย่าให้เสียน้ำใจคนชวนเลย...พี่ศักอุตส่าห์ทำตัวน่าร๊าก
เลี้ยงอาหารกลางวันแล้วยังซื้อเสื้อให้ตั้งหลายชุด”
พริตตี้สาวจู่โจมไปในจุดที่รู้ดีว่าเป็นจุดอ่อนของเด็กสาวตรงหน้า...คือความ
เป็นคนขี้เกรงใจคนอื่น....ซึ่งคำพูดนั้นก็ทำให้เด็กสาวผู้อ่อนเยาว์มีใบหน้า
ลังเลใจ
จิ้งจอกสวาทที่รอเชิงอยู่ดูสีหน้าของเหยื่อสวาทของตนเองแล้ว
ก็รีบเสริมอย่างนุ่มนวล
“นะครับ...พี่กำลังรู้สึกสนุกกับน้องไอซ์กับน้องษา...อยากอยู่ด้วยกันให้นานๆ
อีกนิด...น้องษาคงไม่รังเกียจใช่ไหมครับ”
ใบหน้างามนั้นก้มหน้าลงต่ำทันที
เพราะดวงตาของอีกฝ่ายมันเปล่งประกายเว้าวอนอย่างเห็นได้ชัด
หัวใจที่กำลังเอิบซ่านด้วยความรู้สึกงดงาม
ทำให้เด็กสาวตัดสินใจโทรศัพท์กลับไปที่บ้าน
“ป้าเอียดขา...เย็นนี้ษากลับดึกหน่อยนะคะ...พี่...พี่ไอซ์เขาชวนดูหนังรอบเย็นค่ะ”
ป้าละเอียดขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจนักที่คุณษาของเธอจะกลับบ้านดึก
แต่เพราะความรักทำให้เธอตามใจ..แต่ก็พูดว่า
“ค่ะ...ถ้าอย่างนั้นป้าเอียดจะให้นายมากไปรับนะคะ”
“อุ๊ย...ไม่เป็นไรค่ะ...พี่ไอซ์เขาจะมาส่งเอง...ไม่ต้องรบกวนลุงมากหรอกค่ะ”
อรอุษาพูดเสียงอ่อนหวาน
ก่อนที่จะยิ้มให้กับคำสั่งของป้าเอียดที่สำทับให้ดูแลตัวเองดีๆ
อีกครั้งอย่างเป็นห่วง
“ค่ะ...ป้าเอียดไม่ต้องห่วงค่ะ..ษาอยู่พี่ไอซ์...คงไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วล่ะค่ะ...แค่นี้ก่อนนะคะ”
ขณะที่เด็กสาวแสนสวยพูดโทรศัพท์
นัยน์ตาของฐิติพรรณและศักดาที่สบกันนั้นเปล่งประกายวาวโรจน์อย่างสาสมใจ
ริมฝีปากของทั้งสองแย้มเหยียดยิ้มออกมาให้แก่กัน
นัยยะที่ซ่อนอยู่ในรอยยิ้มที่ดูระรื่นเบิกบานนั้นมันเต็มไปด้วยความโหด
เหี้ยมอำมหิตที่กำลังมุ่งทำร้ายเด็กสาวที่อ่อนเยาว์ไร้เดียงสาผู้ซึ่งไม่ได้
มีความรู้ตัวต่อชะตากรรมตรงหน้าเลยแม้แต่น้อยนิด!!!
.......................
“เออ...พวกแกสองคนรออยู่ที่นั่นแหล่ะ...ฉันจะโทรไปสั่งอีกทีว่าจะให้ทำอะไร...แค่นี้ล่ะ”
เสี่ยคิ้มสั่งงานผ่านโทรศัพท์มือถือ
ใบหน้าสี่เหลี่ยมเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
ทั้งความแค้นที่กำลังได้รับการชำระสะสาง...และความหฤหรรษ์ที่กำลังรอคอยอยู่
ตรงหน้า...ความคิดที่มาถึงตอนนี้ควยอวบเริ่มกระตุกคับเป้า
เสี่ยนักค้าทองเดินตัวปลิวเข้ามาในอีกห้องหนึ่ง
ตอนนั้นเสี่ยทองกำลังกำกับให้ชายฉกรรจ์สองคนจัดท่าทางของบุรุษและสตรีที่
ร่างปวกเปียกไร้สติทั้งคู่นั้นนอนอยู่บนเตียงกว้าง
ซึ่งในเวลานั้นฝ่ายบุรุษมีเพียงกางเกงในตัวเดียวเผยให้เห็นเรือนร่างที่มี
กล้ามเนื้อสมส่วนบุรุษเพศ
ส่วนร่างระทวยของสตรีนั้น...ร่างขาวราวกับไข่ปอกเหลือเพียงชุดชั้นในวาบหวาม
สีดำปกปิดของสงวนของเธออยู่สองชิ้นสุดท้ายบนและล่างเท่านั้น
สีของเนื้อผ้าลื่นเป็นมันงามนั้นตัดกับผิวผ่องของเธอ
จนขับเน้นให้ดูขาวสะอาดเป็นประกาย
ยองใยดุจไข่มุก
นัยน์ตาของทุกคนในที่เหลือกลานจับจ้องไปอย่างกระหายหื่น
“เออ..อย่างนั้นๆ...จับหน้าคุณรสเอนไปวางซบที่อกไอ้ปานเทพอีกหน่อย...
เออๆๆ..ดีถูกต้อง...จับมือไอ้ปานเทพโอบเอวคุณรสไว้ด้วย...ใช่ๆ..ดีมากๆ...
อย่างนั้นแหล่ะ”
เสียงสั่งการของเสี่ยทองตามมาด้วยเสียงกดปุ่มกล้องถ่ายรูปดิจิตอล
แช๊ะ แช๊ะ แช๊ะ
เสี่ยคิ้มเดินไปสบทบกับเสี่ยทอง
ซึ่งเสี่ยอ้วนกำลังหัวเราะเสียงกระเส่า
“ฮ่า
ฮ่า...เด็ดจริงๆ...”
เสี่ยนักค้าทองอัญมณี
เบิกตาแทบถลน
มองไปยังเรือนร่างงามของคันธรสที่ตอนนี้ถูกจับให้นอนซบไปกับร่างไร้สติของ
ปานเทพ
สมุนของเสี่ยทองคนหนึ่งจับเรียวขาขาวงามของหญิงสาวให้ก่ายไปบนตัวของชาย
หนุ่ม
จากมุมที่เสี่ยคิ้มเห็นนั้นทั้งปรีก้นที่ขาวงอนงานตึงเปรี๊ยะคับผ้าลูกไม้สี
สวย
ทั้งโคกอูมที่ซ่อนตัวอยู่เนื้อผ้ามันลื่นสีดำวาวนั้นมันอวบเด่นนูนขึ้นมาให้
เห็นอย่างชัดๆ
ถนัดตายิ่งไปเสียกว่าตอนที่เห็นผ่านผนังกระจกที่ห้องพิเศษของเสี่ยทองหลาย
เท่า
รับกับสองขาอวบขาวผ่องปานหยกเนื้อดีไล่ไปจรดปลายเท้าที่ตัดเล็บเจียนไว้งด
งาม
เสี่ยนักค้าทองอัญมณีตัณหากลับถึงกับตัวสั่นสะท้านอย่างกระหายหื่น
ใบหน้าสีเหลี่ยมนั้นอ้าปากเบิกตาถลนออกมา
ครางซี๊ดซ๊าดดดด
“อูยยยย...ทำไมช่างขาว...ช่างอวบอูมอย่างนี้...คุณรสคนสวย...”
เสี่ยอ้วนผู้ซึ่งเป็นคนต้นคิดแผนการณ์เองก็เบิ่งตามองควยตุงทะลุเป้าอยู่นานแล้ว
ตอนนั้นฉีกยิ้มอย่างกระหายหื่น
“ไม่ต้องกลัว...เสี่ยคิ้ม...รอให้ผมจัดการตามที่คิดไว้ก่อน...เราสองคนได้ขึ้นสวรรค์กับคุณรสคนสวยนี่แน่นอน”
จากนั้นเสี่ยทองก็สั่งการให้สมุนซึ่งเป็นชายฉกรรจ์ร่างกำยำทั้งคู่จัดท่าทาง
ของชายหนุ่มและหญิงสาวที่นอนสลบไสลไม่ได้สติในลักษณะการก่ายกอดกันอีกหลาย
ท่าหลายมุม และถ่ายรูปเอาไว้จนหมดอย่างละเอียดละออ
เสี่ยคิ้มตอนนั้นเอ่ยถามว่า
“แค่รูปพวกนี้...เสี่ยทองคิดว่าไอ้ปานเทพมันจะยอมเหรอ”
“ฮ่า
ฮ่า
ผมมีไม้เด็ดกว่านั้นอีก...เสี่ยคิ้ม...ถ้ารูปนิ่งไม่ยอม...ผมก็จะโชว์คลิปให้ดู”
เสี่ยทองกระซุ่นกล่าว
ขณะที่เสี่ยนักค้าทองมีสีหน้าไม่เข้าใจ
มองร่างไร้สติที่นอนอยู่บนเตียง
แล้วว่า
“เสี่ยหมายความว่ายังไง...”
เสี่ยหน้าอูมตอนนั้นแสยะยิ้ม
เดินไปหยิบกล่องเล็กๆ
ออกมาเปิดออก ในกล่องมีเข็มฉีดยากับขวดเล็กๆ
มีน้ำยาสีอ่อนๆ อยู่ข้างใน
จากนั้นเสี่ยทองก็จัดการดูดยาเข้าเข็มแล้วเดินเข้าไปจิ้มใส่ท้องแขนอันแข็ง
แรงของปานเทพ
ก่อนจะดูดยาเข็มใหม่คราวนี้ปริมาณยาเพิ่มไปกว่าเดิมอีกประมาณเท่าหนึ่ง
และหันไปตบท้องแขนขาวผ่องของคันธรสจนเส้นเลือดขึ้นเป็นริ้วๆ
และกดเข็มลงไปฉีดยาเข้าไปในร่างของหญิงสาวจนหมดเข็ม
เสี่ยคิ้มสืบเท้าตามมา
ดวงตาเบิกโพลง
ตอนนี้ภาพที่เห็นคันธรสนอนหงายอยู่นั้น
ทรวงอกที่เต่งเต้าขาวอวบนั้นเคลื่อนสะท้อนเบียดอัดตูมแน่นอยู่ภายใต้ยกทรง
ผ้าลูกไม้
ซึ่งเนื้อผ้าสีดำนั้นมันช่วยเน้นให้เนินอกของสาวสวยนั้นอูมเด่นขาวสล้างเป็น
ประกายล้อแสงไฟ
ตูมเต้าดันเด้งสะท้อนสะท้านขึ้นมายั่วยวนให้เข้าไปเคล้นคลึงเสียเหลือเกินใน
ความคิดของเสี่ยตัณหากลับ
“นั่นมันยาอะไรน่ะ...เสี่ยทอง”
เสี่ยทองหัวเราะร่วน
“อภินันทนาการจากเสี่ยเซี้ยงเขา...เดี๋ยวพอยาออกฤทธิ์...เสี่ยก็รู้เองแหล่ะว่ามันมีผลยังไง...ฮ่าฮ่า”
เสี่ยอ้วนจัดเก็บเข็มฉีดยาเข้ากล่องตามเดิม
กล่าวต่อไป
“ยานี่มันจะกระตุ้นทำให้ยานอนหลับคลายตัวลงไป...จากนั้นพวกเราก็รอดูหนังสด
...ระหว่างไอ้ปานเทพกับคุณรสกันให้สบายตาไปเลย...เสี่ยคิ้ม...ฮ่ะฮ่ะ”
เสี่ยทองผุดลุกขึ้น
แสยะยิ้มว่า
“เราออกไปกันก่อน
ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่ได้ดูฉากเด็ด...เพราะผมติดกล้องเอาไว้แล้ว...ฮ่ะฮ่ะ...
อภินันทนาการจากเสี่ยเซี้ยงเขาอีกเหมือนกัน
ผมรับรองซูมกันเห็นจะจะแบบทุกรูขุมขุนเลยทีเดียว...กร๊ากกๆๆ”
เสี่ยอ้วนผู้โฉดชั่วแผดเสียงหัวเราะแหลมเล็ก
เสี่ยคิ้มหัวเราะกระเส่าตามไปด้วย
แลบลิ้นเลียปาก
“อูยยยย..แต่..แต่...คุณรส...เธอช่างขาว...ช่างยั่ว...สวยบาดตาบาดใจผมเหลือ
เกิน...เสี่ยทอง...ผมขอมัดจำไว้หน่อยก่อนได้ไหม...ก่อนยาออกฤทธิ์”
เสี่ยทองหัวเราะก๊าก
“ได้สิ...เสี่ยคิ้ม...แต่อย่าให้นานนักล่ะ...”
เสี่ยนักค้าทองตัณหากลับไม่ฟังคำพูดของอีกฝ่ายจนจบ
ร่างพุ่งกระซวกลงไปเบียดร่างที่นอนระทวยปวกเปียกของคันธรสก่อนจะระดมบดขยี้
จูบไปตรงริมฝีปากนุ่มงามของหญิงสาวอย่างหื่นกระหาย
มือหยาบของเสี่ยตัณหากลับขยำขยี้ไปบนสองเต้าอวบอย่างเมามันกระหายหิว
มือหยาบๆ
นั้นบีบเคล้นขยี้ลงไปอย่างรุนแรงราวกับจะทำให้สองเต้าอวบขาวนั้นแหลกราญไปคา
มือตน
“อูยยยย...อูยยยยยย...มันช่างหอมเสียเหลือเกิน
นุ่มแน่นมือไปหมด...อูยยยยย...สุดยอด...ซี๊ด...ซี๊ดดด..อยากขยำนมขาวๆ
ของคุณรสมานานแล้ว....อูยยยย...เมื่อก่อนได้ดู....ได้แต่อิจฉาเสี่ยเซ้ยง
....โอวววว...นุ่มจริงๆ...เต็มมือดีจริงๆ....ซี๊ดดดด...ซี๊ดดดด”
เสียงกระเส่าของเสี่ยคิ้มคร่ำครวญออกมาผ่านริมฝีปากของตนเองที่บดเบียดอยู่
กับปากงามของคันธรส
ขณะที่เสี่ยทองที่ทีแรกคิดจะเดินออกจากห้องไปก่อน
แต่เห็นเพื่อนลงมืออย่างนั้นก็เปลี่ยนใจตามเข้ามาบ้าง
ร่างของเสี่ยอ้วนทิ้งตัวลงไปตรงปลายขาเรียวงามของหญิงสาว
ใช้มือแบะตรงขาอ่อนขาอวบนั้นให้ถ่างออกจากกัน
เบิกตาแทบถลนจ้องไปบนเนินสวาทที่ห่อตัวอยู่ภายใต้ผ้าลูกไม้เนื้อดำสนิทลื่น
เป็นมันนั้น
ก่อนจะบีบเคล้นอุ้งมือหยาบลงไปตรงโคกอูมของหญิงสาวอย่างเมามัน
สัมผัสความแน่นนูนนิ่มเต็มมือนั้นอย่างละลานใจ
นิ้วหยาบของเสี่ยอ้วนลากดุนไปตามร่องหลืบผ่านเนื้อผ้าบางเบานั้น
ปลายนิ้วสัมผัสไปถึงติ่งกระสันที่ซ่อนอยู่ภายใน
ส่วนใบหน้าก็ก้มตามลงไปสะบัดไซร้ไปมาตรงบริเวณโคนขาขาวผ่อง
ปากอ้าออกประกบดูดไปตรงเนื้อเนียนอ่อน
แลบลิ้นสากๆ
ออกมาโลมเลียลิ้มชิมรสเนื้ออันหอมหวานของสาวสวยที่นอนสลบไสลไม่ได้สติอย่าง
สุดอร่อยลิ้น
ร่างอ้วนฉุนั้นสั่นระริกอย่างเสียวกระสันซ่าน
ดวงตาเบิกพล่านด้วยความหฤหรรษ์
ปากร้องกระเส่า
“อูววววว...อูววววว..สุดยอด....สุดยอดดด.....อูมชิบหาย...แน่นมืออีกต่างหาก
...เนื้อก็หวานเหลือเกิน...เสี่ยคิ้ม...อูววววว...อย่างที่ผมบอก...เราสองคน
ได้ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดกันแน่ๆ
วันนี้...ฮ่าฮ่า...อูยยยย...ซี๊ดดดด...สุดยอดดด...”
เสี่ยชั่วทั้งสองคนละเลงปากและมือหยาบไปบนร่างกายของคันธรสอย่างกระหายหื่น
คราวนี้กระทั่งชุดชั้นในบางเบาทั้งสองชิ้นก็ถูกกระตุกเหวี่ยงออกไป
เสี่ยคิ้มใช้นิ้วบีบไปตรงปลายถันงามงอนสีน้ำตาลอ่อนนวลเนียน
ใช้ปากอมโอบเข้าไปดูดดื่ม
ลิ้นสากๆ นั้นลากไล้ไต่ตามหัวนมที่ชูชันนั้น
เสียงซู๊ดดดด ซู๊ดดดด
ครางกระเส่า
“อูยยยย...ซี๊ดดดด...อร่อยลิ้นของคิ้มเหลือเกิน...คนสวย...ดูสิ...หัวนมชูร่อนขึ้นมา...อย่างนี้แสดงว่าคนสวยชอบใช่ไหมจ๊ะ...ฮ่าฮ่า”
เสี่ยนักค้าทองพล่ามไป
ปากก็ดูดดุนหัวนมนั้นไปเสียงซ๊วบซ๊าบ
ดังต่อเนื่องจนปลายถันงอนงามนั้นเปียกชุ่มอาบไปด้วยน้ำลายของเสี่ยตัณหากลับ
เสี่ยทองก็ไม่น้อยหน้าเพื่อน
ตอนนั้นแบะโคนขาอวบของคันธรสจนถ่างออก
แล้วใช้นิ้วแหวะกลีบอูมนั้นจนเผยให้เห็นร่องหลืบสีชมพูสด
ก่อนจะลากลิ้นลากไล้ไปบนร่องเสียวนั้นอย่างกระหาย
ปลายลิ้นห่อตัวเป็นรูปฉมวกกระตุกจี้กระซวกลงไปบนเม็ดแตดที่ชูร่อนระริกอยู่
ตรงหน้า เสียงซ๊วบซ๊าบดังกระเส่าไม่แพ้กัน
ปากของเสี่ยคิ้มที่ดูดไปตรงหัวนมงามงอน
และลิ้นสากของเสี่ยทองที่ละเลงดูดไปตามร่องสวาทที่เผยอกลีบอูมออกมา
ต่างคนต่างระดมโลมเลียดูดดื่มความหอมหวานจากเรือนกายสุดงามตรงหน้าอย่างเมา
มันกระหายหิว เสียงครางกระเส่า
ซี๊ดดดด ซ๊าดดดด...เสียงซ๊วบๆๆๆ
ดังต่อเนื่อง
สองเสี่ยละเลงปากมือและลิ้นไปอย่างอิ่มอกอิ่มใจ
จนกระทั่งปรากฏเสียงครางออกมาเบาๆ
ผ่านลำคอของหญิงสาว
ทำให้พวกตนรู้ว่าเวลาแห่งการลิ้มลองช่วงมัดจำได้สิ้นสุดลงแล้ว
ต่างคนต่างละมือออกจากร่างงามบาดตาบาดใจของคันธรสอย่างเสียดาย
ก่อนจะพากันเดินออกไปจากห้อง
โดยไม่ลืมที่จะถอดกางเกงในตัวสุดท้ายของปานเทพออกไปจากเรือนร่างของชายหนุ่ม
ด้วย เสียงหัวเราะอย่างชั่วโฉดของสองเสี่ยดังจนลับหายออกไป
....................
อรนุชที่กำลังควบเจ้าโธโรเบลดดำปรอดนั้นอย่างมีความสุข
ทันใดนั้นเองก็มีชายฉกรรจ์ร่างซูบเกร็งขับม้าสีน้ำตาลเข้ามาประชิด
ทำให้เด็กสาวร่างบางกระตุกบังเหียน
รั้งเจ้าหมอกให้ชะลอตัวจนวิ่งกุบกับไปช้าๆ
นายคมกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“พ่อเลี้ยงให้ผมมาถามว่าคุณหนูอยากจะไปขี่ม้าที่ทุ่งปลายป่าไหมครับ
เป็นพื้นที่โล่งๆ
หญ้ากำลังขึ้นสวยเลยครับ”
ดวงตากลมโตของอรนุชเบิกกว้างอย่างยินดี
เธอควบเจ้าหมอกวนเวียนอยู่ตรงลานดินมานานแล้ว
เปลี่ยนเป็นทุ่งโล่งๆ
หญ้านุ่มๆ เจ้าหมอกก็คงชอบเหมือนกัน
หวนนึกไปถึงคนร่างสูงตัวใหญ่
ฮึ...นายหน้าหมี...ก็ยังดีนะที่รู้จักเอาใจคนอื่นเขาเป็นด้วย
ความรู้สึกหวานๆ
ที่จับใจขึ้นมา
ทำให้อรนุชยิ้มกว้างขวางกล่าวเสียงใสระรื่น
“ดีสิคะ...คุณช่วยนำทางฉันไปที”
“ได้ครับ
คุณหนูตามผมมาเลยครับ”
นายคมยิ้มกว้างกระตุ้นม้าวิ่งนำไปก่อน
เด็กสาวร่างเล็กบางที่แม้จะซุกซนแก่นแก้ว
แต่จิตใจนั้นบริสุทธิ์ใสอ่อนต่อสังคมอันเต็มไปด้วยเล่ห์มารยาและกลลวงอันโหด
ร้าย
ไม่ได้เฉลียวใจแม้แต่น้อยนิดว่าถ้าคมศรจะให้คนนำทางไปเที่ยว
ทำไมไม่ใช้คนสนิทของเขาที่สั่งให้เฝ้าเธออยู่
แต่กลับเป็นคนอื่นที่เด็กสาวไม่เคยรู้จัก
ตอนนั้นอรนุชมีเพียงรอยยิ้มกว้างอย่างสดใส
ก่อนที่จะกระตุกบังเหียนให้เจ้าหมอกตะกุยเท้าตามไปอย่างร่าเริง
อาชาสองตัววิ่งควบตามกันไปสักพักหนึ่ง
จนในที่สุดอรนุชก็เห็นแนวเขตที่ถูกปักปัน
มีต้นไม้ใหญ่ปลูกเป็นแนวยาว
และมีป้ายที่เขียนว่า
“ปางห้วยสัก” เด่นสะดุดตาอยู่
ก็รู้ว่าน่าจะล่วงพ้นอาณาบริเวณของปางมาแล้ว
อรนุชขี่เจ้าหมอกตามไปเรื่อยๆ
ระยะทางระหว่างเธอกับปางห้วยสักก็ค่อยๆ
ห่างกันไปเช่นกัน
จนในไม่นานป้ายบอกอาณาเขตปางก็เห็นอยู่ลิบๆ
ที่ด้านหลัง
นายคมกระตุ้นม้านำเด็กสาวร่างบางมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางที่เห็นว่ากำลังจะไป
บรรจบเนินเล็กๆ
ที่ทอดต่อมาจากทิวเขาขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตา
นัยน์ตาของคนขี่ม้านำหน้าเป็นประกายวูบวาบสมใจ...น่าเสียดายที่อรนุชที่ตามมาอยู่ด้านหลังไม่มีทางสังเกตุเห็น
ทันใดนั้นเอง
โทรศัพท์มือถือของเด็กสาวร่างบางก็ดังกังวาน......
................
คันธรสเริ่มฟื้นคืนสติขึ้นมาท่ามกลางความรู้สึกเร่าร้อนจนเหลือประมาณ
หญิงสาวพยายามลืมตาขึ้นมา
ขณะที่ร่างงามของเธอที่เคลื่อนบิดเพื่อคลายความล้า
ก็รู้สึกตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงที่ไหนสักแห่ง
ภายใต้ความรู้สึกที่ค่อยๆ
คืนกลับมาทีละน้อยๆ
ความตระหนกตกใจก็พุ่งวาบขึ้นมาจับจิตเมื่อลมเย็นๆ
นั้นพัดเข้ามาต้องร่างกายของเธอจนตัวสั่นสะท้าน
รับทราบต่อมาว่าตัวเองตอนนั้นเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ปกปิดแม้แต่ชิ้นเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นผิวกายของตนเองตรงบริเวณหัวไหล่และต้นแทนนั้นรู้สึกถึงการ
สัมผัสเสียดสีไปกับร่างของใครคนหนึ่งที่นอนอยู่ข้างๆ
ทำให้ร่างของหญิงสาวผวาพลิกกลับมาโดยพลัน
และเบิกตากว้างเมื่อมองเห็นร่างกำยำที่นอนอยู่ข้างๆ
อย่างชัดเจน
“คะ...คุณ..คุณ...เทพ!!!”
คันธรสเอ่ยพึมพำอย่างตระหนกตกใจ
และท่ามกลางความตกใจนั้น
ความระอุรุ่มเร่าร้อนที่ถูกกดดันให้สงบไปชั่วขณะนั้น
ตอนนี้มันกลับพลุ่งพล่านขึ้นมาใหม่ราวกับน้ำป่าไหลหลาก
เมื่อผิวกายอุ่นละเอียดของเธอสัมผัสแนบชิดกับเรือนกายของชายหนุ่ม
ความร้อนร่านที่ปะทุขึ้นมาราวกับไฟป่านั้นประหนึ่งว่าการเสียดสีสัมผันนั้น
เป็นประกายไฟที่กระเซ็นไปถูกเชื่อเพลิงสวาทที่กำลังอาบชุ่มไปทั่วอณูแห่ง
ความรู้สึกของหญิงสาว
สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน...ใบหน้าอันหล่อเหลาที่เคยมัดใจเธอเอา
ไว้...ร่างที่กำยำแข็งแรง...และ...ท่อนกายนั้นที่แม้จะยังอยู่ในสภาพปกติ
แต่มันเร้าอารมณ์จนคันธรสใบหน้าแดงก่ำ
ครางครวญออกมาอย่างฟุ้งซ่านรัญจวน
“อา....เทพ..เทพขา....”
มือบางเรียวงามนั้นไต่ไปตามแผงหน้าอกที่กำยำสมชาย
ปากนุ่มของคันธรสไต่ประกบจูบไปบนหนั่นเนื้อแข็งแรงนั้นอย่างสุดพิสวาส
ความฟุ้งซ่านที่เกิดจากฤทธิ์ยาสวาทที่ไหลเวียนอย่างรุนแรงในร่างกาย
บวกกับความต้องการในก้นบึ้งที่ถูกกักเก็บเอาไว้
ทำให้เพลิงปรารถนาของหญิงสาวลุกพล่านจนบดบังสติสัมปะชัญญะใดๆ
ที่จะฉุกคิดว่าทำไมเธอกับปานเทพถึงมานอนเปลือยเปล่าอยู่ด้วยกันบนเตียงนี้
ปากงามของหญิงสาวระดมจูบไปตามใบหน้าหล่อเหลาของปานเทพ
หญิงสาวครางครวญกระเส่าซ้ำๆ
กันราวกับละเมอ
“เทพ..เทพ..ขา..รส..รสรักคุณค่ะ...รักมาก...ไม่เคยลืมคุณเลย...”
ความเสียวซ่านรัญจวนที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วดุจน้ำป่าทลายนั้น
ทำให้ร่างขาวเปลือยของคันธรสนั้นพลิกขึ้นไปทาบทับร่างที่ยังนอนเหยียดของปาน
เทพ อวบอวบสองเต้านั้นเบียดไปกับแผงอกของชายหนุ่ม
ขณะที่หญิงสาวกางเรียวขางามคร่อมตัวของคนที่เธอรักหมดใจมาโดยตลอด
ส่ายสะโพกผายงามของตัวเองนั้นก็บดโคกอูมไปบนท่อนกายของปานเทพอย่างกระสัน
ซ่านรัญจวน
ปลายท่อนกายที่ยังไม่มีการขยายตัวแต่อย่างใดเนื่องจากเจ้าของยังคงสิ้นสติ
อยู่
แต่ถึงกระนั้นรสชาติของเนื้อท่อนที่ไถไปตามติ่งกระสันของเธอมันสร้างความสุข
ให้กับคันธรสจนห่อปากครางครวญ
ขนอ่อนๆ ทั่วร่างลุกชันอย่างเป็นสุข
“..เทพขา...รส..รสมีความสุข...สุขจังเลย...อา....ซี๊ดดดดด...ซี๊ดดดด....”
ปากงามของหญิงสาวจูบไปบนริมฝีปากสวยหยักได้รูปของปานเทพอย่างกระหายในรสชาติ
มืองามสองข้างนั้นไต่เปะเปะไปตามกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่งของชายหนุ่ม
สัมผัสลากไล้ไปทั่วตัวจนมืองามของคันธรสป่ายไปถึงท่อนเนื้อของปานเทพ
ก่อนที่หญิงสาวจะใช้มือรูดไปตามลำท่อนนั้นอย่างรวดเร็วแต่เบามือทะนุถนอม
การโลมไล้สัมผัสที่เร่าร้อนนั้นมันค่อยๆ
แทรกเข้ามาในห้วงสติของปานเทพที่ตกอยู่ภายใต้ฤทธิ์ยา
อย่างช้าๆ
ความเสียวซ่านที่บังเกิดขึ้นมาจากท้องน้อยก็ปั่นป่วนอารมณ์ของชายหนุ่มจน
กระเจิง ร่างอุ่นละเอียดที่ทาบทับอยู่
ความเนียนนุ่มของผิวพรรณที่บดเบียดเข้ามา
มันดุจดั่งเป็นน้ำมันที่ราดรดลงไปบนกองเพลิงสวาทที่ปะทุขึ้นมาเนื่องจากถูก
ยาสวาทมอมเมา
ภายใต้ภาวะที่ครึ่งหลับครึ่งตื่น
ปานเทพละเมอไปว่าเป็นเรือนร่างสุดงามของภรรยาแสนรักที่กระแซะเข้ามาราวกับ
แมวน้อย สร้างความสุขหฤหรรษ์ที่เขาใฝ่ถวิลหาทุกค่ำคืน
ทำให้ร่างกายของชายหนุ่มนั้นตื่นขึ้นมาจากสภาวะหลับใหล
ท่อนเนื้อที่กำลังอยู่ในมือของคันธรสเริ่มกระดิกตัว
และยืดขยายขึ้นมาเรื่อยๆ
ตามความรู้สึกที่ไต่ระดับความร้อนแรงขึ้นของเจ้าของหนุ่มรูปงาม
โอวววว...อรจ๋า...ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน...คุณกลับมาหาผมแล้วใช่ไหมครับ
ปานเทพคำนึงในใจอย่างเป็นสุข
ตวัดร่างนุ่มนิ่มที่ทับอยู่บนตัวเขาไว้แนบแน่น
ทั้งๆ ที่ภาพตรงหน้ายังพร่าเลือนเหมือนอยู่ในม่านหมอก
แต่ชายหนุ่มก็บดขยี้จูบไปตามริมฝีปากนุ่มที่เข้ามากระซิบเคลียดคลอ
“เทพ..เทพขา....”
ชายหนุ่มผู้กำลังตกอยู่ในภวังค์สวาท
บดปากแนบกระชับไปกับเรียวปากงามของคันธรส
สอดลิ้นระรัวพัวพันกันอย่างดูดดื่มเร่าร้อน
เสียงซ๊วบๆ
ดังปนเปกับเสียงครางกระเส่าของชายหญิงที่ดังสะท้านสะท้อนมาจากความรู้สึกภาย
ในที่กำลังเดือดพล่าน
อืออออ...อืออออ..อาาาาาาาาาา....ซี๊ดดดดด
ซี๊ดดดดดด
ปานเทพพลิกตัวขวับ
ร่างกำยำของเขาก็เป็นฝ่ายทาบทับร่างอุ่นละเอียดงามนั้นแทนที่
มือของชายหนุ่มปัดป่ายไปตามผิวกายที่เนียนนวลนั้น
ปากลากไซร้ไปตามซอกคอหอมละมุน
ส่งเสียงครางหนักๆ
ดังขึ้นอย่างรัญจวน
“อร..อรจ๋า...ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน....ผมคิดถึงคุณทุกคืนเลย...โอวว...ที่รัก...ผมมีความสุขเหลือเกิน...”
คันธรสเบิกตากว้าง
คำพูดของปานเทพนั้นเกี่ยวความรู้สึกของหญิงสาวให้วูบขึ้นมาอย่างน้อยใจ
ทำให้เธอผลักร่างของปานเทพออกไป...นี่อะไรกัน...เขานึกว่าเธอเป็นอรชา
หรือ....
การกระแทกกระทั้น
ทำให้ปานเทพลืมตาขึ้นกระพริบถี่ถี่
จนปรับสายตาได้
แลเห็นเป็นใครที่ตัวเองนอนทาบทับอยู่ด้วยสภาพร่างกายที่เปลือยเปล่าด้วยกัน
ทั้งคู่ก็ใจหายวาบ เบิกตากว้าง
“คุณรส
!!!...คุณ...คุณ...อะไรกันนี่...”
ปานเทพร้องเสียงหลง
ขยับตัวจะพลิกหนีไป
แต่แขนบอบบางของคันธรสนั้นตวัดรัดไปที่แผงหลังกำยำของชายหนุ่มแน่น
ปากพร่ำเพร้อ
“ใช่ค่ะ..รสเอง...รสรักคุณค่ะ...รักเหลือเกิน...เทพขา...โอว...เทพขา...รสเสียววว....”
คันธรสครางครวญอย่างเสียวซ่าน
ใบหน้าแหงนเพริด
เมื่อท่อนเอ็นของชายหนุ่มที่กำลังตื่นตัวเต็มที่นั้นส่ายเบียดไปมาตามโคกอูม
ของเธอ
ปลายถอกที่เริ่มแผ่ตัวออกนั้นสะกิดไปตรงปุ่มกระสันของหญิงสาว
ทำให้ร่างงามของคันธรสบิดพร่านอย่างรัญจวนใจ
หญิงสาวที่กำลังเพลิดไปกับเพลิงสวาท
ตวัดสองขางามของเธอรัดไปที่สะโพกของปานเทพ
เกร็งหน้าทองส่ายโคกสาวของเธอแนบเบียดไปกับท่อนกายของชายหนุ่ม
ริมฝีปากงามนั้นก็บดจูบไปตามแผงอกของอีกฝ่ายที่พยายามยันตัวออก
“อย่า..อย่าครับ..คุณรส...”
ปานเทพพยายามดันตัวออกห่าง
แต่คันธรสนั้นไม่ยอม
ทั้งแขนและขาของเธอตวัดรัดไปที่ร่างของชายหนุ่มที่เธอบัดนี้ยอมรับแล้วว่า
ไม่เคยลืมเขาไปได้เลย...ความรัก...ความเสน่หามันแค่ถูกกดดันให้ซุกซ่อนอยู่
ในก้นบึ้งลึกสุดแห่งจิตใจ...ซึ่งตอนนี้ความรู้สึกนั้นมันได้ทะลักทะลายออกมา
ราวกับภูเขาไฟระเบิด
ปานเทพที่อยู่ในภาวะแห่งความตื่นตระหนกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า
ถึงแม้ว่าจะพยายามดิ้นรนให้หลุดจากการโอบรัดของหญิงสาว
แต่ร่างอุ่นละเอียดที่บดเบียดตัวเขาอยู่นั้นมันเป็นเรือนกายที่สวยบาดตาสุด
ประมาณ
ทรวงอกที่อวบขาวที่แอ่นเข้ามาใช้ความหยุ่นนิ่มนั้นเสียดสีไปกับแผงอกของเขา
ความเนียนนุ่มของหน้าทองขาวที่ส่ายเข้ามาทาบไปกับลำตัว
ทั่วทุกตารางนิ้วของผิวเนื้อขาวผ่องมันโถมเข้ามาเบียดไปกับร่างอันเปลือย
เปล่าของปานเทพ
ทำให้อารมณ์ของชายหนุ่มพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างช้าๆ
บวกกับแรงฤทธิ์ของยาสวาทที่กระตุ้นไหวเวียนอยู่อย่างเต็มที่
ทำให้มือหนาหนักของปานเทพในที่สุดต้องเคลื่อนไปโอบร่างงามของคันธรสเอาไว้
อย่างลืมตัว ส่งเสียงครางกระเส่า
“โอววว.....คุณรส....อูยยยย...คุณรส....อูยยยย...ซี๊ดดดดด”
ชายหนุ่มกัดฟันร้องออกมาอย่างเสียวซ่าน
เมื่อโคกสาวอูมแน่นที่เด้งเบียดเข้ามานั้นบี้คลึงไปตามปลายถอกอันมีเส้น
ประสาทอันมีความว่องไวต่อความรู้สึกอย่างนุ่มนวลแต่ทว่าเร่าร้อนเหลือประมาณ
ทำให้แก่นชายของปานเทพนั้นตื่นตัวดีดเด้งเป็นการใหญ่
ร่างกำยำของชายหนุ่มสั่นสะท้านไปด้วยความเสียวซ่านรัญจวนจนขนทั่วร่างลุกชัน
ขึ้นมา
คันธรสเองก็ส่งเสียงครางครวญ
แหงนหน้าเพริดอย่างรัญจวนใจ
ใบหน้าที่สวยบาดตาบาดใจชายนั้นแดงก่ำ
ปากแดงจัดอ้าหอบพร่ำเพร้อ
อาการของหญิงสาวตรงหน้าที่สุดจะยวนอารมณ์
ทำให้ปานเทพที่กำลังตกอยู่ในเพลิงเสน่หาต้องโน้มใบหน้าลงไปประทับจูบอย่าง
ดูดดื่มโดยไม่สามารถต้านทานความงามที่ยั่วเย้าอยู่ตรงหน้าได้
“อืออออ...อือออออ...อาาาาาาาาาา....อืออออออซซซ...เทพ...เทพขา...ซี๊ดดดดด...อื้ออออ...”
หญิงสาวประกบจูบแลกลิ้นอย่างเร่าร้อน
ความเสียวซ่านที่ได้รับนั้นมันสร้างความหฤหรรษ์สุขสมให้เกิดขึ้นแก่ตัวของ
คันธรสอย่างเหลือประมาณ
มือของปานเทพเริ่มป่ายขยำไปบนสองเต้าอวบขาวนั้น
นิ้วของชายหนุ่มลากไล้บดเบียดไปตามความเต่งของก้อนตึงนั้น
ความเนียนนุ่มและหยุ่นมือสุดๆ
ทำให้ปานเทพครางออกมาอย่างกระสันซ่าน
ปากของเขาเลื่อนออกจากปากงามนั้น
ไต่ลงมาประกบตรงบริเวณปลายงอน
และก้มลงดูดไปอย่างอเร็ดอร่อยลิ้น
เสียงซ๊วบซ๊วบ
คันธรสใบหน้าแดงก่ำอย่างเป็นสุข
แอ่นอกอวบอูมของเธอเสนอสนองการเล้าโลมของชายในดวงใจเธออย่างร้อนร่าน
นิ้วเรียวงามทั้งสิบนั้นลากไล้ไปตรงท้ายทอยของเขา
ถึงกับเกร็งข้อมือกดหน้าของปานเทพให้เบียดไซร้แนบชิดไปกับฐานอวบของสองเต้า
เธอให้มากขึ้น
แน่นขึ้น...ซึ่งจมูกโด่งงามของชายหนุ่มก็ไซร้สูดดมความหอมของเนื้อสาวตรงสอง
เต้าอวบอย่างอิ่มเอม...ทำให้ปากงามของคันธรสครางกระเส่าไม่หยุด...ซี๊ดดดดด
...ซี๊ดดดดด...เทพขา...เสียวเหลือเกิน....สุขเหลือเกินค่ะ...รส...มีความสุข
เหลือเกิน......
ปานเทพที่ตอนนั้นอารมร์กำลังเพลิดเตลิดเปิดเปิงไปราวกับม้าหลุดจากคอก
อาวุธประจำกายที่เหยียดตรงบานร่าเต็มตัวนั้นกระดิกส่ายเพื่อหาตำแหน่งในการ
สอดใส่เข้าไปในร่องหลืบที่ตอนนั้นโคกสาวร่อนร่ายเพื่อประกบให้กลีบอูมของเธอ
ได้จังหวะมุมที่สอดโอบรัดเข้าไปตรงปลายเนื้อท่อนนั้น
พอชายหนุ่มได้ยินคำพูดพร่ำเพร้อของคันธรส....ฉับพลันนั้นดวงหน้าหวานสวยของอรชาก็ลอยเข้ามาในห้องคำนึง
ดวงตากลมโตคู่งามตอนนั้นเปี่ยมไปด้วยรอยเศร้าหมอง
ทำให้ปานเทพครางกระเส่าออกมาอย่างเจ็บปวดใจ
ผละใบหน้าออกมาจากสองเต้าอวบขาวนั้นทันที
ใบหน้าหล่อเหลานั้นเปี่ยมไปด้วยความแตกตื่น
ตาเบิกโพลงสับสนวุ่นวายใจ
“มะ..ไม่...ผมทำไม่ได้...”
ปานเทพพยายามสะบัดหน้าเพื่อเรียกสติกลับมา
แต่คันธรสนั้นกดใบหน้าของเขาให้ทิ้งต่ำลงมาเบียดกับเต้าขาวของเธออีกอย่าง
เร่าร้อน ปากงามพร่ำเพร้อ
“เทพ..เทพขา...รสต้องการค่ะ...ต้องการเหลือเกินนน.....ซี๊ดดดดด...ซี๊ดดดดดด”
ความงามที่ยวนยั่วอยู่ตรงหน้า
คันธรสที่บิดส่ายไปมาอยู่บนเตียง
กำลังแสดงออกอย่างที่สุดถึงความต้องการอันเร่าร้อนของเธอ
ผิวกายที่ขาวเนียนเปล่งปลั่งไปทุกส่วนสัดที่ลอยเด้งอยู่ตรงหน้า
มันยวนเย้าต่อกิเลศตัณหาที่กำลังเพลินพล่านในใจของชายหนุ่ม
ปานเทพที่ตกอยู่ในภาวะถูกยาสวาทเล้าโลม
อย่างช้าๆ
มือของเขาก็เริ่มป่ายไปตามผิวกายสุดงามนั้นอีกครั้ง
“โอววว์...คุณรส...คุณสวยเหลือเกิน....โอวววว....ขาวเหลือเกิน”
คันธสนแอ่นร่างให้ชายหนุ่มเฟ้นฟอนตามอำเภอใจ
ปากงามคร่ำครวญ
อกอูมนั้นถูกบดเบียดใบหน้าลงมาอีก
ร่างงามสะท้านสะเทือนไปตามลิ้นหนาของปานเทพที่ส่ายวนไปตามปลายถันสีน้ำตาล
อ่อนของเธอ
“เทพ..เทพขา...ตัวของรส..ร่างกายนี้...เป็นของเทพคนเดียวค่ะ...ได้โปรด...
รส...รส...เสียวเหลือเกิน...ซี๊ดดดด....ซี๊ดดดดด...อา...เทพขา....รส...
ซี๊ดดดดด...เสียวววว”
ท่ามกลางความกระสันรัญจวนจนกระเจิงจนกู่ไม่กลับแล้ว
คันธรสแอ่นโคกสาวของเธอร่อนให้กับชายหนุ่ม
ส่วนมือบางงามนั้นเลื่อนลงไปประคองแก่นกายอันตึงตัวเต็มที่นั้นจ่อหัวบาน
เข้ามายังร่องหลืบของเธอ
“เทพ..เทพขา...ได้โปรดดดด...ทำกับรส....ซี๊ดดดดด...รส...อยากกก.....ไม่ไหวแล้วค่ะ...เสียวเหลือเกิน”
ปานเทพขบกรามแน่น
ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี
กับความรู้สึกกระสันซ่านสวาทนั้นต่อสู้กันอย่างรุนแรง
สะโพกผายของคันธรสที่ร่อนอยู่ด้านล่าง
มืออุ่นๆ
ที่จับท่อนกายของเขาจ่อเข้าไปตรงโพรงสวาทของเธอ
กลีบอูมที่แสนนุ่มนิ่มกำลังโอบรัดเข้ามาในความเป็นชายของเขา
ชายหนุ่มครางกระเส่า
ความรู้สึกด้านต่ำค่อยๆ
มีกำลังมากกว่า ทำให้มือของเขาอย่างช้าๆ
เลื่อนเข้ามาตะปบไปที่สองเต้าอวบตรงหน้า
และขยำลงไปอย่างสุดจะหักห้ามใจได้แล้ว
“โอววว..คุณรส...ผมเองก็เสียวเหลือเกิน...คุณช่างสวยสดไปทั้งตัว...โอวววว...”
ปานเทพร่ำร้องออกมา
บีบเค้นคลึงไปบนสองเต้าอวบขาวนั้นอย่างกระหาย
ร่างงามของคันธรสแอ่นสะท้านเสียวกระสัน
เสนอสนองการกระทำนั้นอย่างเต็มอกเต็มใจ
ร้อนร่านระอุไปด้วยความหฤหรรษ์
ฉับพลันทันใดนั้นเองประกายแว๊บสายหนึ่งก็สะท้อนเข้ามาที่สายตาของปานเทพ
ประกายแสงนั้นมีต้นกำเนิดมาจากแหวนทองคำขาวเกลี้ยงที่อรชามอบให้เขาในวัน
แต่งงานที่ชายหนุ่มสวมใส่เอาไว้ตลอดเวลานั่นเอง
ในเวลานั้นจังหวะที่เขากำลังเฟ้นคลึงไปบนทรวงอกของคันธรส
มุมตกกระทบของแสงไฟบนเพดานห้องนั้นมันสะท้อนแสงาบเข้ามาสู่สายตาของปาน
เทพอย่างพอดิบพอดี
แสงปลาบนั้นมันแทรกเข้ามาสู่จิตใจที่กำลังพล่านไปด้วยเพลิงเสน่หา
วงหน้างามล้ำของอรชาที่ลอยกลับมาในห้องคำนึงอีกครั้ง
คราวนี้ดวงตากลมโตเศร้าสร้อยมองมายังเขาด้วยสายตาแห่งความน้อยใจ
ผิดหวัง....
โอววว...อร...อรจ๋า...โอวว...ยกโทษให้ผมด้วย...โอววว...ผมมันเลวบัดซบจริงๆ...ผมทรยศความรักที่คุณมอบให้กับผม....
ปานเทพร้องลั่นออกมาในใจ
ความรู้สึกผิดที่มีต่อภรรยาที่เขารักสุดหัวใจ
กลับมีพลังจนเอาชนะเพลิงกระสันที่กำลังพล่านอยู่ในตัวของชายหนุ่มไปได้
ทำให้ร่างกำยำนั้นพลิกพรวดออกจากร่างงามของคันธรส
ใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มร้อนวาบ
ลนลานควานเอากางเกงในที่ตกอยู่ข้างเตียงเข้ามาสวมอย่างลุกลี้ลุกลน
ยัดเก็บอาวุธประจำกายที่ยังแข็งตั้งเป็นลำทวนนั้นเข้าไปในเนื้อผ้า
พร้อมกับต้องขบริมฝีปากอย่างเจ็บปวด
คันธรสผวาเข้ามารัดแผ่นหลังกำยำนั้น
อกอวบเต่งเต้าเบียดไปตามแผ่นหลังของชายหนุ่ม
“เทพ..เทพขา...อย่าทิ้งรสไปนะคะ....”
ปานเทพใบหน้าเต็มไปด้วยความประหวั่นลนลาน
สลัดตัวให้หลุดพ้นจากการโอบรัด
รีบคว้าเสื้อกางเกงที่เรื่อยราดอยู่บนพื้น
ร้องเสียงกระเส่า
“ผม..ผมเสียใจ...รส..ผมทำไม่ได้....”
จากนั้นชายหนุ่มก็วิ่งผลุนผลันโผเผออกไปจากห้องทันที
ใบหน้าหล่อเหลานั้นเปี่ยมไปด้วยความตื่นตระหนกใจ
ขณะที่คันธรสซึ่งเปลือยเปล่าขาวโพลนทิ้งตัวลงคร่ำครวญหวนไห้
ใบหน้างามบิดเบี้ยว
ความต้องการที่พรั่งพรูขึ้นมาอย่างรุนแรง
เพราะเสี่ยทองมอมเมาเธอด้วยยาสวาทที่รุนแรงกว่าที่เขามอมปานเทพกว่าครึ่ง
กำลังเผาผลาญร่างกายของหญิงสาวจนสุดปัญญาระงับ
คันธรสจึงแบะขาขาวเพรียวของตัวเองออกถ่างจากกัน
แล้วใช้นิ้วชี้ที่เรียวงามราวกับลำเทียนป่ายคลึงไปบนปุ่มกระสันของเธออย่าง
เสียวซ่านรัญจวน
แอ่นสะโพกผายเด้งสู้นิ้วของตนเอง
พร้อมๆ กับปากงามครางครวญ
ฮื้อออ ฮื้ออออ ฮื้ออออ
เสียงดังกระสันลั่นห้อง
ในเวลานั้น...เสี่ยทองกับเสี่ยเซี้ยงที่เฝ้าดูผ่านจอมอนิเตอร์อยู่อีกห้องมองตากัน
เสี่ยคิ้มเบิกตากว้าง
“ผิดแผนแล้ว...ไอ้ปานเทพมันหนีไปก่อน...เสี่ยจะทำยังไงล่ะ”
เสี่ยทองเองก็ตกใจ
คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มจะสามารถต่อการกับความงามสุดยอดที่ยั่วยวนอยู่ตรงหน้า
ได้ทั้งๆ ถูกมอมยา
แต่ตอนนั้นใบหน้าอูมก็แสยะยิ้ม
“ไม่เป็นไร...แค่ภาพที่จับได้ผมว่าก็เกินพอแล้วล่ะ...ฮ่าฮ่า”
เสี่ยคิ้มตาลุกโพลง
มองไปยังจอภาพที่แลเห็น
คันธรสกำลังนอนเด้งสะโพกส่ายอยู่บนเตียงอย่างร้อนร่าน
“ถ้าอย่างนั้น....”
เสี่ยนักค้าทองกล่าวพลางแลบลิ้นออกมาอย่างหื่นกระหาย
เสี่ยอ้วนผุดลุกขึ้นอย่างชั่วโฉด
“เราก็ไปช่วยคุณรสคนสวยกันดีกว่าครับ...สงสารเธอออก...ฮ่าฮ่าฮ่า”
เสียงหัวเราะชั่วร้ายของสองเสี่ยดังลั่นขึ้น
ก่อนที่ทั้งสองคนจะแทบวิ่งออกไปจากห้อง
ไม่นานหลังจากนั้น
จอมอนิเตอร์ที่จับภาพคันธรสกำลังนอนกระตุกเสียวตัวเองอยู่
ก็พลันปรากฏร่างของสองเสี่ยที่ถาโถมลงไปบนเตียง
ตอนนั้นทั้งคู่เปลือยเปล่าจนล่อนจ้อน
ควยอวบกระตุกเด้งจนแลเห็นได้ชัดเจน
เหตุการณ์ภายในจอนั้นแลเห็นเบื้องแรกร่างงามของคันธรสผวาจะลุกหนี
แต่แรงกลัดมันของสองเสี่ยที่ถาโถมลงไปบนตัวเธอมันเกินกว่าที่หญิงสาวจะต้าน
ทานได้ ร่างบางงามของเธอถูกจับกดหงายลงไปบนเตียง
ตามติดไปด้วยเสี่ยคิ้มที่ละเลงไปใบหน้าไปตามซอกคอของหญิงสาว
ส่วนเสี่ยทองนั้นเคลื่อนร่างอ้วนฉุของตัวเองไปคุดคู้อยู่ตรงบริเวณปลายเตียง
แลเห็นเสี่ยร่างอ้วนจับสองขาของคันธรสแหวกออก
และซุกหน้าลงไปเฟ้นฟอนเนินสวาทของหญิงสาวอย่างเมามัน
มือหยาบๆ
ที่ช่วยกันละเลงป่ายไปตามเนื้อตัวที่อุ่นละเอียดขาวโพลนเป็นไข่ปอกนั้นอย่าง
ไม่มีหยุดยั้งเบื่อหน่าย
อย่างช้า ๆ ก็ค่อยๆ
เปลี่ยนการตอบสนองของหญิงสาวไปในอีกลักษณะหนึ่ง
และเมื่อเพลิงสวาทที่กรุ่นอยู่แต่เดิมกำลังหาช่องที่จะระเบิดออกนั้นพล่านไป
ทั่วอณูความรู้สึก
ความเสียวซ่านรัญจวนที่ได้รับการปลดเปลื้องจากสองเสี่ยโฉดก็เคลื่อนเข้า
บดบังสติของหญิงสาวไปในที่สุด
ภาพในจอมอนิเตอร์จึงแลเห็นร่างงามบาดตาของคันธรสบิดไหวอย่างเร่าร้อน
แอ่นอกอวบสองเต้าขาวเสนอปากของเสี่ยคิ้มที่ดูดดื่มไปบนปลายเต้างอนงามนั้น
อย่างไม่มีเบื่อ
และขณะเดียวกันก็กระเด้งสะโพกผายของเธอส่งโคกสาวอูมแน่นร่อนสนองตอบการโลม
เลียของเสี่ยทองจนปลายเท้าที่งามได้รูปตัดเล็บไว้จนสะอาดเรียบร้อยนั้น
เหยียดหยิกหงิกงอเกร็งกระตุกระริกๆ
ไปกับเพลงลิ้นของเสี่ยอ้วนที่ฉกกระซวกไปบนติ่งกระสันของเธออย่างรุนแรง
เชี่ยวชำนาญ
เสียงของคันธรสครางครวญอย่างกระสันรัญจวน
ผสานกับเสียงหัวเราะกระเส่าของสองเสี่ยชั่วดังอย่างเร่าร้อนดังปกคลุมไปทั่ว
พื้นที่ของห้องนั้น!!!
………………..
พี่แต๋วที่สมัครใจเอนหลังในห้องพักของรีสอร์ทปางห้วยสักจนเต็มอิ่ม
ก็ลุกขึ้นมายืนบิดขี้เกียจอยู่หน้าห้องพัก
ตอนนั้นก็สอดส่ายสายตาไปรอบๆ
ปางอย่างสบายใจ
ส่วนป้ากานตาที่นอนอยู่ด้วยกันก็เดินมาสมทบหลังจากล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย
แล้ว
“เฮ้อ...สบายใจจริงๆ
นะ...กานตา...ดูพวกสาวๆ
แล้วกระชุ่มกระชวยหัวใจดีจริง”
กรองกนกพูดยิ้มๆ
พยักเพยิดกับเพื่อนซี้
ตอนนั้นได้ยินเสียงหัวเราะต่อกระซิกใสๆ
แว่วมาเป็นระยะ
พลางสอดส่ายสายตาไปยังร่างสวยสมบูรณ์กำดัดไปด้วยวัยสาวที่เดินไปๆ
มาๆ ให้เห็นทั่วพื้นที่
“อิอิ...ใช่ฉันก็ว่างั้น...ที่สำคัญนะ...ปีนี้น่ะ...พวกเด็กๆ
กลุ่มนี้น่ะดี๊ดี...นิสัยดีน่ารักกันทุกคนเลย...ตั้งแต่เริ่มกิจกรรมเก็บตัว
มา...กลมเกลียวกันดีตลอด...ไม่เห็นปัญหาอะไรเลยแม้แต่สักอย่างเดียว...จะมี
บ้างก็แค่กลุ่มทะโมนไพรสี่คนนั่น...ซนเซี้ยวจริงๆ”
กานตาพูดเสียงแจ่มใส
เพื่อนซี้ก็ผงกศีรษะเห็นด้วย
เพราะปีที่ผ่านๆ มานั้น
พอเข้าร่วมกิจกรรม
จะมากจะน้อยก็มีเรื่องกระทบกระทั่งกันบ้างประปราย
ตามประสาก็เด็กสาวๆ
ที่ชอบแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน
“แต่ก็น่ารักใช่ไหมล่ะ...น่าเอ๊นดูน่าเอ็นดูทั้งสี่คน...”
กรองกนดพูดยิ้มๆ
ขณะที่เพื่อนซี้ชี้หน้าอย่างรู้ทัน
“เชอะ
อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่...เธอน่ะเชียร์หนูนุชออกนอกหน้า...เห็นๆ
กันอยู่”
กรองกนกหัวเราะร่วน
ไม่ปฏิเสธแต่ตอกกลับ
“ก็พอๆ
กันล่ะ...เธอก็ถือหางน้องนิดเต็มที่เหมือนกันล่ะย่ะ...”
ว่าแล้วคุณป้าทั้งสองก็หัวเราะออกมาพร้อมๆ
กัน
พอดีตอนนั้นสามสาวแกงค์ทะโมนไพรตามฉายาที่ป้ากานตาพูดก็เดินหัวเราะร่วนกัน
เข้ามา ที่จอนผมทุกคนปักดอกไม้ป่าช่อสวยสีขาว
ทำให้ใบหน้าสวยใสทั้งสามนั้นดูน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋มกันไปตามๆ
กัน
สองป้าจึงเดินเข้าไปทักทาย
“เป็นไงจ๊ะ...สาวๆ...ไปเที่ยวไหนกันมาล่ะนั่น...โอโห...มีดอกไม้ทัดหูกันด้วย...สวยจริงเชียว”
กรองกนกเป็นคนทัก
รัชนีที่เป็นหัวหน้าแกงค์สาวซ่ากลายๆ
เพราะเซี้ยวที่สุด
ยิ้มหวานย่อตัวพนมมือไหว้ขอบคุณในคำชมนั้น
“พวกเราไปเดินเที่ยวป่ามารอบหนึ่งค่ะ...ทางไกด์เขาใจดี๊ใจดี
ตัดช่อดอกไม้แจกด้วย”
นิรัชราเองก็หัวเราะผสมเสียงใส
ก่อนจะกวาดตาไปรอบๆ
“ใช่ค่ะ..ดอกไม้สวยเหลือเกิน...พวกเรายังบ่นถึงนุชกันอยู่เลยค่ะ...ว่าเสียดายไม่ยอมมาด้วย”
“อ้าว...พี่แต๋วก็นึกว่าน้องนุชไปกับพวกน้องๆ
เสียอีกแน่ะ”
กรองกนกอุทาน
พลางกวาดสายตาไปรอบๆ
แต่ก็ไม่เห็นร่างเล็กบางนั้นแม้แต่เงา
มุกดาสาวน้อยจากธรรมศาสตร์ยิ้มว่า
“เห็นนุชเขาบอกว่าขี้เกียจเดินค่ะ...สงสัยคงเดินเล่นอยู่แถวๆ
นี้...เอ...แต่บางทีอาจจะเบื่อๆ
เลยเปลี่ยนใจเดินไปทางสวนดอกไม้ก็ได้นะคะ”
กรองกนกผงกศีรษะ
ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรนักในเวลานั้น
แต่ทว่าพอพวกบรรดากลุ่มสาวๆ
ที่แยกย้ายกันไปเที่ยวตามใจอยากเริ่มทยอยกันกลับมา
พี่แต๋วมองไปรอบๆ ใช้สายตากะๆ
ก็คะเนว่าพวกนักศึกษาที่มาในกองประกวดนั้นน่าจะกลับมาจนครบแล้ว
จะขาดก็อยู่แต่อรนุชคนเดียว
ซึ่งไม่ว่าเธอจะมองชะเง้อไปตรงไหนในบริเวณทั่วพื้นที่นั้น
ก็ยังไม่เห็นร่างเล็กบางแม้แต่เงา
ในใจชักเริ่มเป็นห่วง
เอ...น้องนุชหายไปไหนล่ะนี่
กรองกนกเดินไปรอบๆ
บริเวณปาง แต่ก็ยังไม่พบอรนุช
ทำให้ใบหน้าของเธอจึงเริ่มมีวี่แววของความรู้สึกวิตกทุกข์ร้อน
ก็พอดีเห็นเจ้าของปางห้วยสักขับรถจี๊ปกลับมาจากบริเวณสวนสัก
นำคณะคุณลุงคุณป้าที่ออกทัวร์ชมการทำสวนป่าสักกลับมา
ก็เดินเกร่เข้าไปหา
โล่งใจขึ้น...คิดว่าอรนุชน่าจะติดตามขบวนนี้ไปเป็นแน่
แต่เสียงพูดคุยหัวเราะของบรรดาคุณลุงคุณป้าที่ทยอยกันเดินออกมาจากรถบรรทุก
ขนาดเล็กนั้นจนหมด
ก็ไม่เห็นมีวี่แววของอรนุชแม้แต่เงา
ทำให้กรองกนกใจหายวาบ
รีบเดินเข้าไปหาคมศร
“พ่อเลี้ยงคะ..พ่อเลี้ยง...น้องนุช...เด็กในคณะประกวดคนหนึ่งน่ะค่ะ...ตอนนี้ไม่รู้แกหายไปไหน...”
เสียงของเธอสั่นๆ
คมศรซ่อนยิ้มไว้ในหน้า
ทำทีเป็นปกติ กล่าวยิ้มๆ
“คนตัวเล็กๆ
ผิวขาว ไว้ผมยาวเลยบ่าไปหน่อยใช่หรือเปล่าครับ?”
พี่แต๋วเบิกตาโต
“ใช่..ใช่ค่ะ...พ่อเลี้ยงเห็นหรือคะ...”
เจ้าของปางห้วยสักผงกศีรษะ
หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาคนสนิท
พลางพูดว่า
“รู้สึกตอนที่ผมกำลังจะออกไปสวนสัก
เห็นเธอขี่ม้าเล่นอยู่หลังรีสอร์ทน่ะครับ...”
พี่แต๋วทาบมือกับอกอย่างโล่งใจ
ถอนหายใจดังเฮือกใหญ่ บ่นพึมพำ
“แหม..น้องนุชน้า....น้องนุช..ทำเอาพี่แต๋วงี้ใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม...”
ใบหน้ายิ้มๆ
ของพ่อเลี้ยงปางห้วยสักเริ่มเลือนหายไป
เมื่อเสียงเรียกสายของเขาไปยังคนสนิทไม่มีการตอบรับแต่อย่างใด...
พี่แต๋วมองเห็นอย่างนั้นแล้วรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างไรพิกล
ในตอนนั้นฉุกคิดขึ้นมาได้
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายไปยังอรนุชทันที
เสียงสัญญาณเรียกดังขึ้นสองสามครั้งเสียงร่าเริงของอรนุชก็แว่วมา
“พี่แต๋วหรือคะ....”
“น้องนุช!!!...น้องนุชหรือจ๊ะ...โอยยย...คุณพระคุณเจ้าช่วย...โธ่เอ๋ย...น้องนุชจ๋า....พี่แต๋วจะเป็นลม...”
พี่แต๋วยกมือทาบหน้าผากตัวเอง
ร้องเสียงเครือออกมาสั่นสะท้าน
ท่ามกลางสีหน้าโล่งใจยินดีราวกับยกภูเขาออกจากอก
พอๆ กับสีหน้าของคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ
เมื่อได้ยินเสียงอุทานของสตรีผู้สูงวัยกว่า
ร่างสูงใหญ่ลอบผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ
โดยระวังไม่ให้พี่แต๋วสังเกตเห็น
แต่ยังไม่ทันความโล่งใจ
โล่งอกจะบังเกิดขึ้นสักเท่าใด
เสียงอุทานอย่างตกใจของอรนุชก็แว่วมา
“อุ๊ย.....”
จากนั้นเสียงที่ดังมาอีกด้านเหมือนกับเสียงโทรศัพท์ร่วงหล่นลงบนพื้น
ใบหน้าของพี่แต๋วซีดเผือดร้องเสียงสั่น
“น้องนุช...น้องนุช”
เงียบ...ไม่มีเสียงตอบอะไรจากอีกด้าน
แต่ปลายสายนั้นยังเปิดทิ้งคาอยู่อย่างนั้น
คมศรถือวิสาสะดึงโทรศัพท์ไปจากมือของพี่แต๋ว
และกรอกเสียงลงไป
“คุณนุช...คุณนุชครับ”
เสียงซ่าๆ
ดังตอบกลับมา
ก่อนที่คมศรจะเบิกตาโพลงเพราะเสียงร้อง
ฮียยยยยยสส์ ดังกังวานที่ลอดเข้ามานั้น
เจนหูเขาเหลือเกิน...เสียงนั้นมันเต็มไปด้วยร่องรอยของความเจ็บปวดแตกตื่นใจ
ของม้าตัวโปรด
เจ้าหมอก.....
คมศรร้องลั่นในใจ
ใบหน้าเครียดจนเกือบๆ
จะกลายเป็นเหี้ยมเกรียมไปพลัน
ชายหนุ่มรีบตัดสายสัญญาณส่งคืนโทรศัพท์ให้กับพี่แต๋วซึ่งทำหน้าอย่างกับจะ
ร้องไห้ ใบหน้าซีดเผือด
กล่าวเสียงแหบแห้ง
“น้องนุช...น้องนุช...”
“ใจเย็นๆ
นะครับ...ผมขอร้อง...ขอให้คุณแต๋วเก็บเรื่องนี้เป็นความลับก่อน...อย่าเพิ่ง
ให้แพร่ลุกลามออกไป..ผมจะตรวจสอบดูก่อน...ขอนะครับ...คุณแต๋ว...ผมจะรีบ
ติดต่อกลับมาเมื่อรู้เรื่องแล้ว”
กล่าวจบ
ร่างสูงนั้นหันกลับวิ่งไปยังรถจี๊ป
ก่อนจะกระชากรถวิ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว
ทิ้งให้กรอกกนกยืนตัวสั่นทำหน้าอย่างกับจะร้องไห้อยู่กับที่นั้น
.....................
ใบหน้าของอรนุชเปี่ยมไปด้วยความตระหนกตกใจ
ที่อยู่ดีๆ คนนำทางของเธอก็หวนหน้าม้าวกกลับมา
ยังไม่ทันที่เธอจะมีปฏิกิริยาอะไร
นายคำก็ฉวยโทรศัพท์ไปจากมือเธอ
และโยนเหวี่ยงไปไกลๆ อย่างสุดแรง
“อุ๊ย...นี่คุณทำอะไรน่ะ”
เด็กสาวร่างบางร้องอย่างตกใจ
พลางกระตุกบังเหียนชะลอให้เจ้าหมอกชะงักตัวลง
ก่อนจะพยายามเบนหน้าม้าไปยังทิศทางที่อีกฝ่ายโยนโทรศัพท์ของเธอทิ้งไป
แต่นายคำไม่อนุญาตให้เธอทำเช่นนั้น
ในมือของชายฉกรรจ์หน้าซูบปรากฏมีมีดสปาร์ต้าด้ามยาวคมกริบด้ามหนึ่ง
ใบหน้าซูบเกรียมนั้นไม่พูดอะไรสักคำเป็นการตอบคำถามอรนุชก็จ้วงมีดในมือลง
เข้าไปสะโพกด้านหลังของเจ้าหมอกอย่างถนัดถี่
ฮียยยยยยยยยยยสส์
เสียงเจ้าโธโรเบลดดำปลอดนั้นร้องคำรามลั่นอย่างเจ็บปวด
ม้าตัวพ่วงพีนั้นแผดเสียงดังก้องพร้อมๆ
กับยกขาหน้าขึ้นสูง
จนอรนุชที่บังคับอยู่ด้านหลังต้องยึดบังเหียน
และหนีบเข่าแน่นไปกับอาน
ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความแตกตื่นตกใจในการกระทำของอีกฝ่าย
เจ้าหมอกกระแทกเท้าลงกับพื้นอย่างเจ็บปวด
ก่อนที่ความแสบซึ่งบังเกิดขึ้นแผ่ลามไปทั่วร่างกายจะกระตุ้นให้ตัวของมัน
วิ่งเตลิดออกไปเบื้องหน้าอย่างไร้ทิศทางด้วยความเร็วสูงราวกับจะเหินบิน
อรนุชที่อยู่บนหลังม้า
กระตุกบังเหียนอย่างไรก็ไม่มีปัญญาควบคุมอาการคุ้มคลั่งของเจ้าหมอกได้อีก
ต่อไปแล้ว
ขาที่หนีบกระตุ้นสัญญาณบอกให้เจ้าหมอกชะลอฝีเท้านั้นไม่มีการตอบรับ
เด็กสาวกัดฟันแน่น
โน้มร่างบางของตัวเองลงไปกับแผงคอของเจ้าหมอก
โอบรัดไปที่ลำคอของแข็งแรง
พยายามส่งเสียงปลอบไปที่ข้างหูที่ลุกชันของมัน
พร้อมๆ กับลูบไปที่คออย่างนุ่มนวล
ซึ่งม้าเตลิดหลายตัวที่เธอเคยขึ้นหลังในอดีตนั้น
เด็กสาวก็ใช้วิธีนี้มาแล้วอย่างได้ผล
เจ้าหมอกที่กำลังคลั่งด้วยความเจ็บ
ได้รับการปลอบประโลมจากเจ้านายตัวน้อยที่ด้านหลังทำให้มันค่อยๆ
หายจากอาการตื่นทีละน้อย
อรนุชยิ้มออกมาได้ กล่าวเสียงหวาน
“อย่างนั้นจ้ะ..ดีมาก...เจ้าหมอก..ดีมาก...ช้าลงๆ...”
เสียงใสที่ราวกับมนตราที่มีอำนาจวิเศษ
เจ้าโธโรเบลดเริ่มมีอาการที่สงบลง
จนรับสัญญาณจากสายบังเหียนของเด็กสาวแล้ว
อรนุชยอร่างของเจ้าหมอกดำช้าๆ
พยายามเบนศีรษะของมันให้หันกลับ
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง
นายคำที่ควบม้าสีน้ำตาลที่แข็งแรงพ่วงพีไม่น้อย
แต่ฝีเท้ายังสู้เจ้าหมอกไม่ได้
จึงได้แต่ตามหลังมา
พอเจ้าหมอกผ่อนฝีเท้าลง
ชายฉรรจ์ร่างซูบก็โผนม้าเข้ามาเทียบ
แล้วจ้วงมีดลงย้ำลงไปที่แผลเก่าอย่างเลือดเย็น
ไม่มีความปราณีแม้แต่น้อย
เจ้าหมอกร้องลั่น
เสียง ฮียยยยยยยยยยยส์
ดังกันวานไปทั่วชายป่า
คราวนี้ความเจ็บแสบที่ได้รับบวกเพิ่มไปเป็นทวีคูณ
ทำให้ร่างเปรียวของมันเตลิดพุ่งไปอย่างบ้าคลั่ง
คราวนี้ไม่ว่าอรนุชจะปลอบอย่างไรก็ไร้ผล
เด็กสาวร่างบางทำได้ดีที่สุดคือพยายามเลี้ยงตัวเองให้นั่งอยู่บนหลังอานนั้น
ไม่ให้ร่วงหล่นลงไปกับพื้น
ใบหน้างามนั้นละล้าละลังอย่างตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขณะที่นายคำที่ควบม้าตามไปห่างๆ
ยกโทรศัพท์ขึ้นต่อสายไป
และส่งเสียงเร่งร้อน
“พ่อเลี้ยงครับ...ตอนนี้นังเด็กนั่นกำลังอยู่บนหลังม้า
วิ่งตรงไปยังบริเวณทุ่งผึ้งครับ...คงจะได้ตัวเร็วๆ
นี้...พ่อเลี้ยงจะให้เอาตัวไปที่ไหนครับ”
“เออ...เอาไปเก็บไว้ที่กระท่อมบนดอย...ควบคุมเอาไว้ให้ดี...ฉันเสร็จธุระที่ปางแล้วจะขึ้นไป”
เสียงกระด้างดังตอบกลับมา
ชายฉกรรจ์รับคำอย่างนอบน้อม
ก่อนจะกระตุ้นม้าควบตามเจ้าหมอกที่วิ่งเตลิดอยู่เบื้องหน้าอย่างเต็มกำลัง
อรนุชแลเห็นเจ้าหมอกเริ่มหอบหายใจหนักๆ
ฟืดฟาด ที่ปากมีน้ำลายขาวฟ่อดออกมา
ก็ต้องน้ำตาไหลด้วยความสงสาร
ยกมือกอดไปที่แผงคอของมันแน่น
สะอื้นออกมา
“เจ้าหมอก...เป็นเพราะฉันจะขี่เธอ...เธอเลยต้องเป็นแบบนี้...ฮือฮือ...”
โธโรเบลดที่เตลิดมาด้วยฤทธิ์แห่งความเจ็บปวด
จนในที่สุดก็เกินกว่าที่กำลังของมันจะทนไหว
ร่างพ่วงพีกำยำของเจ้าหมอกนั้นวิ่งจนหมดแรง
ขาอ่อนหัวซุน
ร่างที่พุ่งด้วยความเร็วสูงนั้นคู้ขาหน้าลง
ก่อนจะพลิกดิ้นปัดๆ ลงไปกับพื้น
พร้อมๆ กับเหวี่ยงร่างเล็กบางของอรนุชกระเด็นหวือออกไป
อรนุชขดตัวเป็นก้อนกลม
ใช้สองแขนบังอยู่ตรงศีรษะ
ร่างกลิ้งหลุนๆ
ไปตามพื้นดินเป็นการทอนแรงเหวี่ยงอันมหาศาลของเจ้าหมอก
จนกระทั่งพลิกมานอนหงายกับพื้น
ถึงแม้จะทิ้งตัวได้อย่างปลอดภัยโดยไม่เป็นอันตรายจนบาดเจ็บรุนแรง
แต่การเหวี่ยงจากเจ้าหมอกก็ยังทำให้เด็กสาวหัวหมุนตาลาย
ดวงตากลมโตนั้นเบลอพร่าไปหมด
เสียงฝีเท้าม้าวิ่งกุบกับเข้ามาหยุดลง
พร้อมๆ กับร่างผอมเกร็งของนายคำกระโดดลงมาจากม้า
“ลุก...”
เสียงแหบนั้นตวาดมาอย่างห้วนเหี้ยม
มือหยาบนั้นตะปบดึงไปที่ต้นแขนบางของอรนุชที่นอนมึนอยู่บนพื้น
และฉุดร่างของเด็กสาวขึ้นมา
อรนุชที่คลายความมึนงง
ก็สะบัดตัวเต็มแรงจนหลุดจากปลอกมืออันแข็งแรงนั้น
ก่อนจะวิ่งน้ำตาไหลตรงไปยังร่างของเจ้าหมอกที่นอนฟุบอยู่บนพื้นน้ำลายฟูมปาก
เด็กสาวร่างเล็กบางโผไปกอดที่แผงคอของมันร้องไห้ออกมาอย่างเสียใจ
“ฮือฮือ...เจ้าหมอก...เจ้าหมอก...เธอต้องไม่เป็นอะไรนะ”
นายคำเดินหน้าเกรียมกลับมา
มองร่างเล็กบางนั้นอย่างสมเพท
อะไรวะ...ตัวเองจะเป็นจะตาย...อนาคตยังไม่รู้เลยว่าจะเจออะไร...ยังทำเป็นห่วงม้าอีก...
ชายร่างผอมเกร็ง
เดินเข้ามากล่าวเสียงห้วน
“เลิกร่ำไรได้แล้ว
เราต้องออกเดินทางอีก”
อรนุชหันขวับมา
ดวงตากลมโตนั้นเบิกกว้างอย่างขุ่นแค้น
ตวัดเสียงแหลม
“ใจร้าย...ทำไมต้องทำกับเจ้าหมอกขนาดนี้”
นายคำเลิกคิ้ว
แค่นหัวเราะออกมา กล่าวว่า
“เป็นห่วงตัวเองให้มากก่อนเถอะ...อย่าไปห่วงไอ้หมอกนี่เลย...มันโดยมีดอาบยาเข้าไป...เดี๋ยวก็ตายแล้ว”
อรนุชใจหาย
หันกลับมายังเจ้าหมอกที่ตอนนั้นเริ่มหายใจแผ่วลงไปทุกขณะจิต
ร้องไห้ออกมาเสียงดัง
ฟุบหน้าไปกับแผงคอที่กำยำของมัน
ฮือฮือ...เจ้าหมอก...เจ้าหมอก...ฉันเสียใจ...เสียใจจริงๆ...ถ้าฉันไม่ดื้อจะขี่เธอ...ฮือฮือ
นายคำชักหงุดหงิดใจ
ร้องไห้อยู่นั่นแหล่ะ...เดี๋ยวไอ้พ่อเลี้ยงสิงห์มันก็คงตามมาแล้ว
ร่างผอมเกร็งนั้นปราดเข้าไปตะปบที่หัวไหล่บางที่กำลังไหวสะท้านอยู่ราวกับกรงเล็บมาร
ฉุดดึงอรนุชขึ้นมาอย่างไม่ปรานีปราศรัย
อรนุชครางออกมาอย่างเจ็บปวด
ร่างเล็กบางสะบัดดิ้นเต็มแรงแต่ก็ไม่หลุด
เด็กสาวเม้มปากอย่างโกรธจัด
ร่างเล็กบางหมุนกลับ
ตวัดเท้าเล็กๆ
ของเธอกระหน่ำไปตรงบริเวณท้องน้อยของนายคำสุดแรง
แต่นายคำไม่ใช่สวะเหมือนกับชิดและพวกแกงค์เด็กนรก
เขาเป็นมือดีที่ได้รับการไว้วางใจให้เข้ามาแทรกซึมในปางห้วยสักของคมศร
อีกประการหนึ่งหลังจากเฝ้ามองอรนุชแสดงฝีมือสยบเจ้าหมอกแสนพยศลงได้กับตา
ชายฉรรจ์ร่างผอมเกร็งนี้ก็คำนวนในใจว่าเด็กสาวตัวเล็กคนนี้น่าจะมีฤทธิ์ไม่
ใช่เล่น
ดังนั้นจึงเข้ามาจู่โจมอรนุชด้วยท่วงทีที่ระแวดระวังอยู่ก่อนแล้ว
พอเด็กสาวหมุนตัวเตะ
ร่างผอมซูบก็เบี่ยงตัวหลบทัน
ก่อนที่จะใช้สันมือหนักๆ
ฟันกระแทกลงไปที่บริเวณบ่าเล็กๆ
ต่อต้นคอของเด็กสาวอย่างแรง
อรนุชกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
อ่อนระทวยปวกเปียกไปโดยพลัน
ร่างเล็กบางห้อยร่องแร่งอยู่กับกรงเล็บของอีกฝ่ายที่ตะปบหัวไหล่ของเธออยู่
มีสภาพไม่ต่างอะไรกับที่นายคำกำลังหิ้วตุ๊กตาไร้ชีวิตจิตใจตัวหนึ่ง
ชายฉกรรจ์ร่างเกร็งแบกร่างของอรนุชที่สิ้นสติไปแล้ว
ไปวางพาดบนหลังม้าแล้วกระโจนขึ้นไปควบม้าสีน้ำตาลตัวนั้นตะลุยฝ่าทุ่งตรงไป
ยังแนวป่าที่เห็นอยู่ลิบๆ
เบื้องหน้า
........................
เสี่ยทองยิ้มกระเส่า
มองร่างเปลือยเปล่าขาวผ่องของคันธรสที่นอนระทวยปวกเปียก
หลังจากที่หญิงสาวเพิ่งล้ามาจากอาการดิ้นเร่าๆ
สุดขีด
เพราะถึงจุดกระสันต์ทะลักแตกไปคาลิ้นสากของเสี่ยร่างอ้วนที่จู่โจมใส่ร่อง
สวาทของเธออย่างชำนิชำนาญ
ใบหน้างามบาดตาของคันธรสแดงฉานก่ำไปจรดใบหู
หญิงสาวนอนหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อยราวกับขาดใจ
อกอวบสองเต้านั้นสะท้อนขึ้นลงเป็นจังหวะตามการสูดลมหายใจทั้งทางปากและจมูก
ยั่วสายตาของเสี่ยชั่วทั้งสองที่ตัวเปลือยเปล่าล่อนจ้อนนอนขนาบอยู่ทางซ้าย
และขวาของไฮโซสาวสวย
เสี่ยอ้วนยิ้มแก้มอูมของตัวเอง
กล่าวเสียงกระเส่า
“คุณรสขึ้นสวรรค์ไปเรียบร้อย
คงจะต้องถึงตาผมบ้างล่ะนะครับ”
คันธรสที่ได้ยินเสียงแหบห้าวดังแว่วเข้ามานั้น
พลันเรียกสติที่กับฟุ้งซ่านให้กลับคืนมา
ตอนนี้ยามที่เพลิงสวาทที่เมื่อครู่อัดอั้นอยู่ในอกจนแทบระเบิดจนทำให้เธอหมด
ปัญญาหักห้ามความต้องการ
ต้องเสนอร่างกายตอบสนองต่อการเล้าโลมของสองเสี่ยนั้นได้สงบลง
ความรักนวลสงวนตัวก็พลุ่งขึ้นมา
ถึงแม้เธอจะไม่ใช่สาวบริสุทธิ์
และผ่านเกมกามมากับศักดาและเสี่ยเซี้ยงอย่างโชกโชน
แต่สองเสี่ยเบื้องข้างเป็นใคร?
พวกเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะมาจาบจ้วงบนร่างกายของเธอเช่นนี้...
คันธรสพยายามดิ้นรนให้ลุกขึ้นจากเตียง
กล่าวเสียงหอบถี่ใบหน้าแดงก่ำ
“รส..จะกลับแล้ว”
“โอ๊ว...จะรีบไปไหนล่ะครับ...เมื่อครู่นี้ผมช่วยคุณรสจนถึงฝั่งฝันไปแล้ว...เรากำลังมีความสุขด้วยกันไม่ใช่หรือครับ...คนสวย”
เสี่ยทองหัวเราะกระเส่า
มือไม้ของเขาก่ายกอดไปตามเนื้อขาวที่ขาวผ่องของคันธรส
ที่กรีดร้องโวยวายออกมา
“อย่านะ...เสี่ยไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับรส...”
ร่างงามดิ้นพร่าน
เมื่อมือของเสี่ยทองนั้นลากเข้ามาขยำตรงบริเวณขาอ่อนของเธอ
ขณะที่มือของเสี่ยคิ้มก็โอบมาจากด้านหลัง
อุ้งมือหยาบนั้นตะปบคลึงอยู่บนเต้าอวบขาวของเธออย่างกระหายหื่น
ปากหนาๆ
ของเสี่ยค้าทองก็ซอนไซร้ไปตามซอกคอขาวด้านหลังคอของเธอ
สร้างความรังเกียจให้เกิดขึ้นแก่คันธรสสุดเปรียบปาน
หญิงสาวกรีดร้อง ดิ้นรนสุดชีวิต
พยายามสลัดตัวให้พ้นจากการเฟ้นฟอนอย่างหยาบช้านั้น
เสี่ยอ้วนหัวเราะร่วน
“พวกผมไม่มีสิทธิ์...แต่นายปานเทพมีใช่ไหมครับ...ฮ่ะฮ่ะ...อะไรกัน...ผมขอ
ให้คุณรสแค่ช่วยหว่านล้อมนายปานเทพ...ไม่คิดว่าคุณรสคนสวยจะเห็นแก่หน้าผม
ถึงกับลงทุนทั้งตัวช่วย...ฮ่าฮ่า”
ร่างงามที่กำลังดิ้นรนนั้นอ่อนเปลี้ยไปพลัน...ใบหน้างามของคันธรสซีดสลด
หญิงสาวสั่นศีรษะระรัว
ปากคอสั่นเมื่อว่า
“รส..รสไม่รู้...มัน...มัน...ไม่ใช่อย่างที่เสี่ยเข้าใจนะ...”
“แต่ผมเห็นกับตา...แล้วนี่จะให้ผมบอกกับเสี่ยเซี้ยงยังไงครับ”
เสี่ยทองกล่าวเสียงหื่น
คันธรสใจหาย ใบหน้างามซีดเผือด
ละล่ำละลักวิงวอน
“เสี่ย...เสี่ย...รสขอร้อง...อย่าบอกเสี่ยเซี้ยงนะคะ”
เสี่ยชั่วทั้งสองระเบิดเสียงหัวเราะ
เสี่ยคิ้มแลบลิ้นเลียปาก
“มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณรสจะช่วยผมปิดปากหรือเปล่าละครับ..คนสวยของคิ้ม”
คันธรสสะอื้นไห้
ร่างงามที่จำเดิมกำลังบ่ายเบี่ยงการกอดรัดจากสองเสี่ย
เริ่มค่อยๆ หมดปฏิกิริยาขัดขืนไป
จนในที่สุดปากหนาของเสี่ยค้าทองก็สามารถประกบจูบไปบนปากงามของหญิงสาว
ที่นั่งอ่อนระทวย
พ่ายแพ้...ไร้ความคิดจะขัดขืนดิ้นรนอะไรอีก
ปากนุ่มของหญิงสาวจึงถูกประกบบดเบียดอย่างกระหายจากเสี่ยค้าทอง
ซึ่งฉกลิ้นเข้าไปกระหวัดพันลิ้นนุ่มของคันธรสอย่างกระหาย
ส่วนเสี่ยทองที่หัวเราะจนพุงกระเพื่อม
ก็กระทอกควยอวบของตัวเองจนยืดขยายบานหัวร่าดำคล้ำ
หัวถอกนั้นขนาดไม่ด้อยไปกว่าของเสี่ยเซี้ยงสักเท่าใด
แม้ว่าความยาวของเสี่ยร่องอ้วนนั้นจะห่างไกลกับท่อนซุงอวบของเสี่ยโฉด
ร่างงามของคันธรสถูกสองเสี่ยจับจนพลิกคว่ำ
และดึงให้คลานอยู่บนเตียง
เสี่ยทองที่ประกบไปด้านหลังสะโพกที่อวบขาวกลมเปรี๊ยะของหญิงสาว
ก็เบิกตามองดูกลีบพลูที่แอ่นย้อนกลับมาให้เห็นเต็มๆ
ด้วยดวงตาแทบเบิกถลนออกมานอกเบ้า
สองมือละเลงไปตรงปรีก้อนขาวอวบนั้น
แบะออกจนร่องก้นขาวผ่องนั้นถ่างออกจนเห็นรูทวารที่แดงสดของสาวสวยรวยเสน่ห์
“โอววว...มันช่างขาวอะไรเช่นนี้....คุณรสคนสวยของทอง...กลีบหีของคุณน่ะช่าง
สวยราวกับกลีบดอกไม้เลย...ซี๊ดดดด...ซี๊ดดด...ยิ่งมันชุ่มไปด้วยน้ำเงี่ยน
ของคุณ...มันก็ยิ่งสวนรู้ไหมคนดีของทอง...”
เสี่ยทองครางกระเส่า
ก่อนจะละเลงมือบี้ไปตามหนั่นเนื้อนุ่มตรงแก้มก้นนั้นอย่างเมามัน
คันธรสครางออกมาอย่างเสียวซ่าน
เพราะแท้ที่จริง...ฤทธิ์ยาสวาทที่เสี่ยทองฉีดเข้าเส้นเลือดของเธอมันยังคงมี
พลังอยู่อย่างเต็มเปี่ยม...แค่รอเวลาในการระเบิดปะทุอีกรอบหนึ่งเท่านั้น
ร่างงามของหญิงสาวที่คลานอยู่บนเตียงเริ่มแอ่นไหวสะท้านไปกับการเล้าโลมของ
เสี่ยทอง
เสียงครางของคันธรสยิ่งแรงขึ้นเมื่อเสี่ยคิ้มที่ประกบข้างๆ
เริ่มใช้มือขยำไปบนสองเต้าอวบที่ห้อยตัวหยุ่นล้อมือของเสี่ยนักค้าทองอย่าง
ยั่วยวนใจ
นิ้วแข็งแรงนั้นปาดขยำซึมซับความเนียนละเอียดนุ่มของสองเต้าตูมนั้นอย่าง
อร่อยนิ้วสุดๆ
ปากหนาของเสี่ยค้าทองก็ไม่อยู่นิ่งเฉยๆ
ระดมลากเลียไปตามแผ่นหลังที่ขาวสะอาดราวกับแผ่นหยกเนื้อดีที่หาตำหนิไฝฝ้า
ไม่เจอ
เสี่ยทองที่มองเพื่อนเล้าโลมร่างงามตรงหน้า
ก็หัวเราะกระเส่า
ควยอวบที่เด้งหงึกหงักได้ที่
ก็จ่อพรวดเข้าไปในโพรงหลืบที่ฉ่ำแฉะไปด้วยน้ำรักจากร่องสาวที่ทะลักทะลายออก
มาเมื่อครู่นี้ยามที่สาวสวยถึงจุดกระสันไปคาลิ้นของเขา
มือหยาบข้างหนึ่งกดไปตรงเอวคอดกิ่วของคันธรสให้ร่างงามของหญิงสาวแอ่นต่ำลง
ไปกับพื้นเตียงอีก
ส่วนอีกมือหนึ่งตบไปที่โคนขาอ่อนเป็นสัญญาณให้สาวสวยแบะถ่างขาเธอให้กว้าง
ขึ้น ซึ่งคันธรสก็ทำตามอย่างว่าง่าย
สะโพกผายของหญิงสาวจึงแอ่นโค้งหงายขึ้นมาร่อนรับหัวถอกบานที่จ่อคอยอยู่ตรง
กลีบอูมเธอขึ้นไปอีก
เสี่ยทองเบิกตากว้างไปยังแคมหีแต่ละข้างที่ทั้งขาวทั้งอูมกำลังอ้าเผยอขึ้น
โดยมีน้ำใสๆ ไหลเอ่ออาบออกมาจากร่องหลืบสวาท
กลีบอูมสวยนั้นขมิบถี่ถี่ราวกับปากลูกนกน้อยกำลังร้องเรียกการป้อนอาหารจาก
แม่นก
เสี่ยชั่วไม่รอช้ากดหัวหยักแหวะโพรงหลืบของคันธรสเข้าไปอย่างหฤหรรษ์
ร่างงามของหญิงสาวสะท้านวูบ
ปากครางครวญ
“อูยยยยย.....ซี๊ดดดดด...อ๊ะ....ซี๊ดดดดด”
ขนาดหัวบานของเสี่ยทองที่ราวกับกำปั้นเด็กนั้นไม่ด้อยไปกว่าของเสี่ยเซี้ยง
เลย ทำให้คันธรสสะดุ้งเฮือก
โก่งตัวและส่ายบั้นท้ายผายกลมของเธอไปมาอย่างเสียวซ่าน
รับรู้ถึงปลายบานนั้นค่อยๆ
แหวกกลีบแคมเข้าไปในร่างกายของเธออย่างช้าๆ...ลำอวบนั้นครูดคราดไปกับติ่ง
เสียวของเธอถนัดถี่
“อูยยยย...เสี่ย...เสี่ยทอง...ซี๊ดดดดด....รส...เสียววววว....”
“ซี๊ดดดดด...อูวววว...แคมหีคุณมันรัดควยผมแน่นเหลือเกิน....โอวววว...คุณรส....ผมก็เสียวววว...ซี๊ดดดดด”
เสี่ยทองครางกระเส่าสูดปากอย่างเป็นสุข
จนเสี่ยคิ้มมองมาอย่างอิจฉา
แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงรอบของตัวเอง
จึงระบายความเงี่ยนง่านไปบนสองเต้าอวบของคันธรสไม่หยุด
นิ้วที่ขยำขยี้ไปบนทรวงอกของหญิงสาว
มันสร้างความเสียวซ่านรัญจวนใจให้เกิดขึ้นแก่ตัวเธอสุดประมาณ....อา...ตอน
นี้เพลิงสวาทที่ถูกปลุกปั่นจากฤทธิ์ยามันกำลังคุกกรุ่นได้ที่แล้ว...
ใบหน้างามของคันธรสแหงนเพริด
แดงก่ำไปจรดใบหู หญิงสาวส่ายศีรษะไปๆมาๆ
ผมยุ่งเหยิงที่ปกคลุมหลังไหล่นั้นสะบัดตามแรงเหวี่ยงของศีรษะ
ส่วนช่วงล่างของเธอนั้นเล่า...หญิงสาวแบะท่อนขาของเธอเองออกจนถ่างกว้าง
แอ่นโด่งสะโพกผายกลมงามงอนนั้นเต็มที่จนเชิดหงายพรูกลีบงามให้ล้อรับกับมุม
เสียบจากท่อนควยอวบของเสี่ยทองให้เหมาะเจาะ
ทำให้ลำควยของเสี่ยอ้วนนั้นแหวกชำแรกเข้าไปในร่างกายของหญิงสาวได้ถนัดถนี่
ยิ่งขึ้น
เสียงครางกระเส่าของเสี่ยเจ้าของโรงแรมที่กำลังจะเจ๊งจนต้องวางแผนชั่ว
ร้องสูดปากอย่างอร่อยควย
“ซี๊ด...แน่นชิบหายเลย....อูววววว......เสี่ยคิ้ม.....ซี๊ดด.....หีฟิตรัด
ควยสุดยอดจริงๆ...โอววว...ไม่อยากเชื่อว่าผ่านควยของเสี่ยเซี้ยงมาแล้ว....
อูวววววว”
คันธรสกัดปากครางครวญ
ถึงแม้ลำอวบนั้นที่ดันเข้ามาจนสุดหนอกควย
จะยังไม่เข้ามาลึกถึงขนาดของเสี่ยเซี้ยง
แต่ความอวบนั้นแหวกดันกลีบแคมของเธอแต่ละข้างจนแหกอ้า
สร้างความเสียวซ่านรัญจวนใจให้เกิดขึ้นกับตัวเธอจนต้องเกร็งมือ
เกร็งเอว
ขมิบรัดโพรงสวาทของเธอรัดตอดเข้าใส่ลำอวบนั้นอย่างเร่าร้อน...
“อูยยยย...หีตอด...ตอดสุดๆ...อูยยยยย....มันส์ควยชิบหาย....”
เสี่ยทองร้องลั่น
เกร็งหน้าท้องที่เต็มไปด้วยไขมัน
เริ่มกระเด้ากระแทกลำควยของตัวเองผลุบเข้าผลุบออก
หนอกควยที่กระแทกป้าบๆ
เข้าไปที่แก้มก้นนั้นทุกครั้งลำอวบของเสี่ยอ้วนก็จะครูดเบียดดูดเม็ดแตด
กระสันของคันธรสให้ยู่ยี่ย่นหลุบเข้าออกไปมาในโพรงเนื้อสาวสดนั้น
สร้างความเสียวซ่านระเริงให้เกิดแก่เจ้าของโพรงหลืบสาวสวยจนตัวสั่นสะท้าน
แอ่นสะโพกกระตุกวาบสวนกลับรับการกระเด้ากระแทกของเสี่ยทองอย่างร้อนร่าน
เสียง ปั่บๆๆๆๆๆ ดังขึ้นเป็นจังหวะจะโคน
พร้อมๆ กับเสียงของหญิงสาว
โอ๊ะ...อ๊ะ...อ๊ะๆๆๆๆ..
เสี่ยทองแสยะยิ้มอย่างกระหาย
มือขยำไปที่ปรีก้นขาวงอนไม่หยุด
ปากก็ร้องกระเส่า อูซซซซ
อูซซซซ ไปตามจังหวะลูกสูบควยที่พรวดเข้าพรวดออกอย่างเมามัน
ปั่บๆๆๆๆๆๆ
คันธรสแหงนหน้าเพริด
ปากบิดเบี้ยวด้วยความเสียวซ่าน
แอ่นบั้นท้ายขาวงอนของเธอกระเด้งรับการกระเด้าจากควยอวบอย่างร้อนร่าน
ง่ามก้นที่ขาวจั๊วะที่ลอยเด่นตรงหน้าของเสี่ยทองนั้นขมิบส่ายไปมาไม่หยุด
พรูกลีบที่แหงนร่อนกลับมานั้นเริ่มผลิตน้ำเมือกขาวๆ
จับไปตามลำอวบอ้วนที่กำลังบดขยี้ผนังโพรงนั้นอยู่
จนลำเอ็นดำของเสี่ยทองที่เวลากระชากออกมาจากร่องหลืบนั้นเป็นมันวาวสะท้อน
แสงวูบวาบ
“ซี๊ดดดด...โอววว...เย็ดมันส์สะเด่าควยจริงๆ....โอย...ตูดก็ขาว...แน่นก็
แน่น...อูยยยยย..คุณรสคนสวย...คืนนี้ทองจะกระเด้าไม่ให้คนสวยได้พักเลย...อู
วววว...อูววววว”
ความเสียวซ่านที่แผ่ลามมาจากตรงโคกอูมที่กระจายไปทั่วร่างกาย
บวกกับแรงเสริมจากการขยำขยี้ของเสี่ยคิ้มที่ไม่หยุดยั้งการเฟ้นฟอนสองเต้า
อวบงามนั้น ก็ทำให้คันธรสสะท้านเฮือกๆๆๆ
ร้องระบายความเสียวออกมาอย่างสุดรัญจวนใจ
“อูวววววว...ซี๊ดดดดด...ซี๊ดดดดด...อูววววว.....ซี๊ดดดดด....ซี๊ดดดดดด”
เพลิงสวาทที่ลุกท่วม
กระตุ้นเร้าให้โพรงสวาทของคันธรสดูดรัดท่อนอวบที่ทะลวงเข้ามาอย่างดูดดื่ม
ผนังเนื้อที่อ่อนนุ่มหลั่งน้ำเมือกออกมาหล่อเลี้ยงท่อนควยของเสี่ยทองราวกับ
น้ำป่าไหล
ท่อนควยที่ทะลวงอย่างเมามันนั้นบังเกิดเป็นเสียงแจ๊ะๆๆๆๆ
ขึ้นมาเมื่อน้ำเงี่ยนของคันธรสนั้นมันหลั่งไหลออกมาจนฉ่ำเยิ้มไปทั่วกลีบอูม
ซึ่งช่วยให้การประเคนท่อนอวบเสี่ยทองทำได้อย่างคล่องขึ้นลื่นขึ้น
เสียงดังต่อเนื่อง ปั่บๆๆๆๆๆๆ
แก้มก้นที่เปล่งปลั่งขาวนวลเนียนของคันธรสเริ่มแดงเป็นผื่น
ความขาวสดของร่องก้นที่อยู่ผ่ากลางของปรีก้นอวบขาวไร้ร่องรอยตำหนิ
มันช่างสร้างความหฤหรรษ์ให้แก่เสี่ยทองที่เบิกตาแทบถลน
ก้มมองดูผลงานของตัวเองอย่างสาแก่ใจ
“ซี๊ดดดดด....มันส์ควยจริงๆ....อูวววววว.....สุดยอดดดดด....ซี๊ดดดด....
เสี่ยคิ้ม...เดี๋ยวถึงรอบเสี่ยคิ้มแล้วจะรู้ว่าสวรรค์บนดินน่ะมีจริง....อู
ววววว....ซี๊ดดดดด...ตอดอีกแล้ว...คุณรสคนสวยของทอง...หีตอดตุ๊บๆๆ..เลย”
คันธรสฟังคำพูดของเสี่ยทอง
คราวนี้เพราะเพลิงสวาทที่ลุกท่วมจนบดบังสติสัมปปชัญญะของเธอไปแล้ว
หญิงสาวจึงไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรกับความรู้ที่ว่าหลังจากเสี่ยทองไปแล้ว
โพรงสวาทอันอ่อนนุ่มของเธอก็จะถูกส่งต่อให้เสี่ยคิ้มรับช่วงอีกทอดหนึ่ง...
ราวกับเธอเป็นหญิงบริการที่ทั้งสองเช่าซื้อมากระนั้น...ปากงามของเธอห่อครวญ
ครางอย่างเสียวซ่านอยู่ถ่ายเดียว
ไม่คำนึงถึงอะไรอื่นๆ
แม้แต่น้อย
“อูววววว....โอวววว..โอวววว...อ๊ะๆๆๆๆๆ....อ๊ายย...อ๊ายยย”
ท่ามกลางเสียงครางระงม
หญิงสาวก็แอ่นเอว
เด้งสะโพกให้ลอยโด่งขึ้นเพื่อรับการโถมกระแทกของลำควยนั้นให้ถนัดถนี่เหมาะ
เจาะมากขึ้น
เสี่ยทองเห็นอย่างนั้นก็เร่งเครื่องกระเด้าลำอวบเป็นการใหญ่
เสียง ปั่บๆๆๆๆๆ ดังสนั่นหวั่นไหว
เสี่ยคิ้มที่มองเห็นอย่างนั้นก็งุ่นง่านสุดจะทนทาน
เร่งเร้าภวนาให้เสี่ยทองถึงที่ไปไวๆ
ตัวเองจะได้ต่อบ้าง
ตอนนี้ก็ได้แต่ระบายอารมณ์โดยการบิดร่างของคันธรสที่คลานขวางอยู่ให้แอ่นตัว
พลิกมาทางด้านเขา
และโน้มหน้าลงไปอ้าปากโอบดูดหัวนมงามงอนบนสองเต้าอวบที่ตอนนั้นกำลังกระเด้ง
กระดอนไปตามแรงกระเด้าอย่างเมามัน
ปากหนานั้นวนเฟ้นสลับไปสองฟากก้อนอย่างอร่อยเสียงซ๊วบๆๆๆๆ
ดังไม่หยุด
คันธรสเริ่มส่งเสียงครางหนักขึ้นๆ
ตามเพลิงกระสันที่ไต่ระดับความเข้มไปเรื่อยๆ
จากเพลงควยและเพลงลิ้นของสองเสี่ยที่จู่โจมเข้ามาบนเรือนร่างของเธอ
“โอ้วๆๆๆ...อูวววๆๆๆๆ...อ๊ายยๆๆๆๆ....”
“อูวววว..จะถึงที่แล้วใช่ไหมคุณรสคนสวย...ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวทองจะช่วยให้ถึงฝั่งฝันนะครับ...อูวววว”
ปากของเสี่ยอ้วนร้องกระเส่า
กระเด้ากระแทกซอยควยเข้าใส่โพรงหลืบของคันธรสอย่างถี่ยิบ
เสียง ปั่บๆๆๆๆๆ ดังสนั่น
ร่างงามของหญิงสาวกระตุกเกร็งสะท้าน
เนื้อขาวๆ
ทั่วร่างเต้นระริกถี่ถี่ไปตามแรงกระแทกของควยอวบ
ใบหน้างามนั้นแหงนเริด
ปากสูดกระเส่าคราง อ๊ะๆๆๆๆๆๆๆ
“ซี๊ดดดดด...โอวววว...ขมิบสุดๆๆๆ...ตอดใหญ่แล้วววว....โออววววว....โอววว...อูยยยย...สุดยอด”
เสี่ยทองครางออกมา
กัดฟันแน่น
โหมแรงเร่งเครื่องกระเด้าลำอวบเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง
หนั่นเนื้อหนอกควยบดกระแทกบี้ไปกับแก้มก้นขาวผ่องของคันธรส
เสียงป้าบๆๆๆๆๆๆๆ เนื้อขาวๆ
เต้นระริกรี้
แรงกระแทกนั้นแพร่ซ่านไปทั่วลำตัวงามจนสองเต้ากระเด้งกระดอน
เสี่ยคิ้มโอบปากสลับซ้ายขวาตามดูดหัวนมที่เด้งดึ๋งดั๋งนั้นอย่างสนุกปาก
ส่งเสียงซี๊ดซ๊าดดดด
เมื่อเพลิงสวาทไต่ระดับเข้าสู่จุดทะลักเดือด
ปากงามของคันธรสก็ห่อครางออกมาอย่างสุดเสียง
“อ๊ะๆๆๆๆๆ...เสี่ย....เสี่ย...อ๊ะๆๆๆๆๆ...รส...รส..จะถึงแล้วค่ะ...อ๊ะๆๆๆๆ...”
“ได้สิครับคนสวย...ผมก็จะถึงเหมือนกัน...”
เสี่ยทองร้องลั่น
เกร็งหน้าท้องที่มีไขมันพอกจนอูมกระทอกควยถี่ยิบ
ใบหน้าบิดเบี้ยวมันเยิ้มไปด้วยเหงื่อกาฬที่แตกทะลักออกมาจนชุ่มโชก
เสียงปั่บๆๆๆๆๆ ดังราวกับเสียงปืนกล
ประสานกับเสียงของคันธรสที่แหงนหน้าร้องกระเส่าสุดๆ
อ๊ะๆๆๆๆๆๆๆ....อ๊ายยยย...อ๊ายยยย...อ๊ายยยยซซซซซซซซ
ร่างงามของหญิงสาวกระตุกถี่ถี่ราวกับถูกไฟฟ้าช๊อต
ร่างบิดไหวพล่านไปมา
แก้มก้นขาวนั้นขมิบเกร็ง
โพรงสวาทดูดตอดระรัวใส่ลำควยที่บานแผ่คับอยู่ในร่องหลืบ
ดูดรัดจนเสี่ยทองก็แหกปากร้องลั่นออกมา
“อูวววววว....ซี๊ดดดดด...ซี๊ดดดดด...โอ้วววววว....อ๊าซซซซซซซซซซซ”
ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวน
ร่างอ้วนฉุก็กระฉอกน้ำเมือกพรวดพราดเข้าไปในร่างของคันธรสอย่างเต็มที่
โพรงสวาทของหญิงสาวนั้นยังบีบรัดและเค้นหยุบๆ
ดูดดื่มรีดเร้นน้ำกามปรี๊ดๆๆๆ
ออกจากหัวถอกบานที่อัดแน่นอยู่นั้นจนกระทั่งเสี่ยทองหอบหายใจราวกับจะขาดใจ
ร่างอ้วนฉุเซถลาตึงๆ
พลอยฉุดเอาควยอวบนั้นหลุดผลัวะออกมาจากร่องหลืบนั้น
เสี่ยคิ้มที่รอท่าอยู่นานแล้ว
ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปแม้แต่วินาทีเดียว
วิ่งเข้ามาจ่อคิวของเสี่ยทอง
แหกปากลั่นกระทอกควยอวบของตัวเองพรวดพราดผ่านกลีบอูมที่เหนอะหนะไปด้วยน้ำ
เมือกของเสี่ยทองเข้าไปอย่างรวดเร็ว
เสียงหัวเราะกระเส่าหฤหรรรษ์
“อูยยยย...อูยยยย...สุดยอด..สุดยอดจริๆ...อย่างที่เสี่ยทองว่าไว้เลย...ฮ่ะฮ่ะ...โอยยยยย...หีตอดตุ๊บๆๆ
ไม่หยุดเลย...คนสวยของคิ้ม”
คันธรสครางออกมา
เพลิงกระสันที่พลุ่งพล่านไปหยกๆ
รีดเค้นพลังของเธอไปจนเกือบหมดตัว
ทำให้ร่างงามนั้นล้มฟุบไปกับเตียง
แต่เสี่ยคิ้มไม่สนใจ
มือหยาบนั้นกำแน่นไปที่เอวคอดกิ่วของหญิงสาว
จับสะโพกผายนั้นให้แอ่นตั้งขึ้น
แทงกระทุ้งควยอวบเข้าใส่โพรงสวาทของหญิงสาวแสนสวยราวกับบ้าคลั่ง
เสียง ปั่บๆๆๆๆๆ ดังสนั่นห้อง
เสี่ยทองหัวเราะกระเส่า
นั่งแปะอยู่ข้างเตียง
มองใบหน้าสวยบาดตาของหญิงสาวที่หันพลิกมาทางเขาอย่างหลงใหลในความงามนั้น
และรอยยิ้มแสยะก็ยิ่งกว้างขวางขึ้น
เมื่อแลเห็น อย่างช้าๆ
ท่ามกลางเพลงควยของเสี่ยคิ้มที่กระเด้าราวกับลูกสูบนั้นมันได้กระตุ้นให้
สะโพกผายของคันธรสเริ่มส่ายวนไปมาและเด้งสะท้อนตอบการกระเด้าอันหนักหน่วง
นั้น
“เอาเลย...เสี่ยคิ้ม...หนักๆ
หน่อย...คุณรสเขาอยากอีกแล้ว...ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ”
เสี่ยคิ้มหัวเราะร่า
ปากร้องซี๊ดดดดด ซ๊าดดดด
มือจิกไปที่เอวคอดกิ่วนั้นแนบแน่น
“ได้เลย...คนสวยของคิ้ม”
เสียงปั่บๆๆๆๆๆๆ
แรงขึ้นถี่ขึ้น ร่างงามของคันธรสก็ค่อยๆ
ยันตัวขึ้นมาและกระเด้าสะโพกผายของเธอตอบสนองอย่างร้อนร่าน
ใบหน้างามแหงนเพริดนั้นแดงก่ำไปจรดใบหู
ปากของหญิงสาวร้องกระเส่า
“อูวววววว..โอววววว...อ๊ะๆๆๆๆ...อ๊ายยซซซซ”
เพลิงสวาทระลอกใหม่โถมทะลักเข้ามาจนคันธรสหมดปัญญาขัดขืนความต้องการ
ร่างงามของเธอจึงพล่านระริกตอบสนองต่อเสี่ยคิ้มอย่างเร่าร้อน
เสี่ยนักค้าทองหัวเราะร่าน
เมื่อเห็นร่างงามนั้นยันตัวขึ้นมาคลาน
ก็สอดมือซ้ายอ้อมร่างของหญิงสาวเข้าไปบีบเคล้นสองเต้าอวบนั้น
นิ้วหนาบีบไต่ไปมาตรงปลายงามงอนนั้น
ส่วนมือขวาอีกด้านนั้นลากไล้ไปตามสะโพกผายและเอวคอดกิ่ว
จนเลยไปถึงหน้าท้องที่เนียนนุ่มราบเรียบ
การเล้าโลมนั้นบวกกับจังหวะกระทอกไม่หยุด
ทำให้หญิงสาวแสนสวยครางแอ่นอกส่ายสะโพกเชิดหน้าสูดปากอย่างเสียวซ่าน
ซี๊ดดดดดด ซี๊ดดดดดดดด
เสี่ยคิ้มที่ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความหฤหรรษ์
ความเสียววาบๆ
ที่เกิดจากโพรงสวาทที่ตอดรัดไปตามลำเอ็นอวบของตัวเอง
นั้นทำให้จังหวะกระเด้านั้นเร่งขึ้นๆ
ลำควยแข็งราวกับทวนที่กระเด้าซอยเข้าอกผลุบผลับเบียดขยี้กลีบอูมขาวนั้น
อย่างแรง
น้ำเมือกขาวข้นคลั่กของเสี่ยทองที่เอ่อนองอยู่ในโพรงสวาทนั้นก็ถูกแรงกระแทก
นั้นตีจนเป็นฟองฟ๊อดขาว
กระฉอกเจ๊าะแจ๊ะๆๆๆๆ
ไปตามการทะลวงของเสี่ยนักค้าทองตัณหากลับ
น้ำเมือกขาวข้นที่ถูกลำเอ็นอวบรีดเร้นออกมาจากร่องหลืบที่ควยคับคานั้นไหล
เยิ้มซึมไปตามแคมอวบอูมเจิ่งนองลากไปเป็นตามโคนขาอ่อนของคันธรสเป็นแนวยาว
“อ๊ะๆๆๆๆๆ...ซี๊ดดดด..ซี๊ดดดด...”
คันธรสส่ายหน้าไปมาอย่างบิดเบี้ยวเหยเก
ปากครางออกมาไม่หยุด
“อูยยยย....ทำไมโพรงมันถึงได้ตอดอย่างนี้....อร่อยควยเหลือเกิน...ทูนหัวของคิ้ม....โอวววววว...ซี๊ดดดด”
เสี่ยคิ้มพูดไปกระเด้าไป
ขบกรามแน่น สูดปากซี๊ดซ๊าด
เร่งกระเด้าบั้นเอวกระแทกควยซอยเข้าออกซอกแคมขาวนั้นอย่างเมามัน
“โอวววว...อาวววว...ซี๊ดดดดด...เสียวววว...เหลือเกิน....ซี๊ดดดดด...ซี๊ดดดด...โอวววว.”
เสี่ยนักค้าทองได้ยินอย่างนั้นก็ร้องแหกปากออกมาอย่างกระหยิ่มยินดี
ที่สามารถกระเด้าควยกระตุ้นอารมณ์ให้กับเรือนร่างงามที่
ตนเองได้แต่เก็บเอาไปฝันเปียกมาหลายคืนได้จนสะใจสะอารมณ์ควยเป็นที่สุด
มือหยาบนั้นสองข้างเปลี่ยนเป้าหมายมาตะปบไปที่ปรีก้นขาวอวบที่ตอนนั้นแดง
เป็นผื่นอันเนื่องมาจากการะถูกตีกระหน่ำอย่างรุนแรงต่อเนื่องมายาวนาน
บดบี้มือไปตามผิวเนียนตรงแก้มก้นนั้น
กระตุกดึงตัวของคันธรสให้สวนรับเข้ากับจังหวะในการซอยกระแทกดุ้นอวบของตัว
เองเข้าไปเป็นแรงบวก
เสียงกระทบกระแทกของหนั่นเนื้อหนอกควยที่บี้ไปเต็มๆ
กลางร่องก้นดังผสานกับลำควยที่กระฉอกโพรงหลืบที่ฉ่ำแฉะ
เสียง ปั๊บๆๆๆๆ...เจ๊าะแจ๊ะๆๆๆๆๆ
และพร้อมๆ
กันนั้นเสียงครางกระเส่าก็ดังครวญออกมาระงมจากปากคันธรส
อ๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆ
ในเวลานั้นร่างงามของหญิงสาวมันปลาบไปด้วยเหงื่อที่ผุดพรายออกมา
แต่ทว่ากลิ่นเหงื่อของหญิงสาวกับกลิ่นคาวที่ฟุ้งออกมาจากโพรงหลืบนั้นมัน
กระตุ้นให้เสี่ยนักค้าทองร่อนจมูกสูดดอมดมอย่างกระหายหื่น
ไม่มีความรังเกียจแม้แต่น้อยนิด
มิหนำซ้ำกลับเป็นการกระตุ้นให้เพลิงความเสียวกระสันซ่านในตัวของเสี่ยตัณหา
กลับลุกโชติช่วงมากไปกว่าเดิมเสียอีก
“อูยยยยย...โอยยยยย...ซี๊ดดดดด...สุดยอดจริงๆๆๆ....คนสวยของคิ้ม...อูวววว”
คันธรสเองก็เช่นกันที่ความเสียวกระสันมันพล่านไปทั่วร่างกายจนต้องร้องร่ำคร่ำครวญ
“อื้ออออ...อื้อออออ....อ๊ะๆๆๆๆๆ....อื้อออออ....อ๊ะๆๆๆๆ...”
เสียงปั่บๆๆๆๆๆๆ
ดังต่อเนื่องถี่ยิบราวกับปืนกลไม่มีหยุด
มือบางงามของหญิงสาวกางขยุ้มไปตรงฟูก
ร้องครางอย่างเสียวซ่าน
“โอววววว...เสี่ยขา....เสียวเหลือเกิน....รสส..เสียววววว”
เสี่ยคิ้มแสยะยิ้ม
ร้องกระเส่า
“เดี๋ยวคิ้มจะช่วยให้เสียวมากขึ้นไปอีกนะครับ...คุณรสคนสวย”
ว่าแล้วมือหยาบก็ดันร่างของคันธรสให้นอนคว่ำลงไป
ทิ้งตัวตามไปไม่ยอมให้ควยหลุดออกมจากร่องหลืบนั้น
ก่อนจะจับหญิงสาวให้นอนตะแคงโดยสอดตัวประกบอยู่ด้านหลัง
มือข้างหนึ่งโอบเข้ามาขยำไปที่สองเต้าอวบ
บดคลึงไปมาอย่างเมามัน
อีกมือหนึ่งลากเลื่อนลงไปตามผิวกายเนียนลื่นไปตามหน้าท้องขาวเรียบจนไปบี้
บีบติ่งกระสันของสาวสวยที่ร่านระริกอยู่ท่ามกลางกลีบพลูที่อ้าแหกโอบอมท่อน
ควยจนตึงแน่นนั้น พร้อมๆ
กับโยกสะโพกกระเด้าซอยควยอวบนั้นเข้าใส่ซอกหลืบของคันธรสเป็นจังหวะถี่ยิบ
ปั่บ ปั่บ ปั่บ
คราวนี้ทั้งควยอวบและนิ้วแข็งที่แย่งกันบี้บดไปตรงติ่งกระสัน
บวกกับอุ้งมือหยาบที่ตะปบคลึงบนสองเต้านั้นต่างช่วยกันเร่งเร้าความเสียว
ซ่านจนทำให้คันธรสดิ้นพร่านๆ
ราวกับถูกแส้โบยตี ปากงามห่อครางสุดๆ
“อูยยยยย....อูยยยยยย....ซี๊ดดดดดด...เสี่ยขา....ซี๊ดดดดดดด...เสียวเหลือเกิน....ซี๊ดดดดดดด”
“ฮ่าฮ่า
ผมบอกแล้ว...คนสวย...อูยยยย..หีตอดเหลือเกิน...ผมก็เสียวเหมือนกัน...โอววววว”
เสี่ยคิ้มร้องกระเส่าตอบอาการเสียวกระสันของสาวสวยที่ดิ้นพร่านอยู่ในกำมือ
ของตัวเอง
เสียงหน้าท้องของเสี่ยตัณหากลับกระแทกไปยังสะโพกผายของหญิงสาวดัง
เปี๊ยะๆๆๆๆๆๆ คันธรสแหงนหน้าเพริด
เด้งส่ายก้นอวบขาวของเธอสวนใส่จังหวะกระเด้าของเสี่ยคิ้มอย่างเร่าร้อน
การตอบสนองนั้นเร้าอารมณ์ให้กับเสี่ยค้าทองจนเหลือประมาณ
เด้งควยกระทอกใส่โพรงหลืบนั้นอย่างเมามัน
เร่งเร้าจังหวะเสียว
ให้กับหญิงสาวที่กระเด้าสะโพกกลับอย่างหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
“ซี๊ดดดดด...เสียวววว.ซี๊ดดดดด..รส...จะขาดใจแล้ว....เสียวเหลือเกิน.....”
คันธรสอ้าปากร้องร่ำคร่ำครวญ
เสี่ยคิ้มที่ใบหน้าบิดเบี้ยวอยู่ด้านหลังก็รู้สึกไม่ต่างกัน
นิ้วขยี้จิ๊กๆๆๆๆ
ไปที่ติ่งแตดผสานจังหวะกับการกระทอกควยตัวเอง
ก็ไต่ระดับความเสียวกระสันตามสาวสวยไปติดๆ
“โอวววว...ไม่ไหวแล้วค่ะ...ซี๊ดดดดด..รสไม่ไหวแล้ว.....เสี่ยขา...เร็วๆ..แรงๆๆ..เลยค่ะ...โอวววว”
“อูยยยยย...หีขมิบดูดเหลือเกินคนสวย....โอวววว...ได้เลย...คิ้มจัดให้.....อูววววว....ซี๊ดดดดด...”
เสี่ยคิ้มร้องกระเส่า
มือที่กำลังขยี้ติ่งแตดนั้น
ละออกมาขยุ้มไปที่ขาอ่อนของคันธรส
และจับขานั้นให้ร่อนแหกชูขึ้นไปบนอากาศ
และเกร็งสะโพกกระแทกลำควยราวกับลูกสูบยักษ์ทะลวงเข้าใส่โพรงหลืบนั้นถี่ยิบ
ปั่บๆๆๆๆๆๆๆ คันธรสสะท้านเฮือกๆๆๆๆๆ
จังหวะเร่งเครื่องกระเด้าโหมหนักสุดช่วงท้ายนั้นติดต่อยาวนานหลายนาที
ก่อนในที่สุดหญิงสาวจะแหงนหน้าเพริด
ร้องออกมาสุดเสียง
อ๊ายยยยยยยยยซซซซซซซซซ
โพรงสวาทของสาวสวยยามที่ทะลักจุดแตกนั้นดูดรัดไปบนลำควยที่คับแน่นอย่าง
รุนแรง ผนังอันอ่อนหนุ่มยืดหยุ่นดูดด๊วบๆๆๆ
ไปตามปลายถอกบาน
ทำให้เสี่ยนักค้าทองแหงนหน้าเริ่ดไม่แพ้กัน
ก่อนจะซู๊ดดดด
ปากดังสนั่นกระทอกควยกระฉูดน้ำเมือกเข้าไปราดรดโพรงสวาทของคันธรสต่อเนื่อง
ตามของเสี่ยทองที่เข้าไปเจิ่งนองอยู่ก่อนแล้วอย่างสมอารมณ์หมาย
ใบหน้าไว้เคราคางแพะของเสี่ยคิ้มเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกปลดปล่อย
รอยยิ้มที่ฉีกออกมานั้นมันแสดงให้เห็นเสี่ยนักค้าทองกำลังรู้สึกอิ่มเอม
เพียงไร
เพราะในที่สุดตัวเองก็ได้ลิ้มรสหอมหวานจากการตักตวงสวาทเรือนร่างอันงามบาด
ตานี้ หลังจากที่ได้แต่ต้องเบิ่งตาดู
คอยอุดอู้อยู่ในห้องแคบๆ
กระทอกควยตัวเองเปลื้องความใคร่ในครั้งก่อนๆ
เสี่ยทองที่ต้องสูญเสียมูลค่าหุ้นไปให้กับเสี่ยเซี้ยงถึงสิบเปอร์เซ็นต์ใน
การวางแผนการณ์ในวันนี้
ตกลงใจตักตวงเอาคืนให้คุ้มค่า
จึงโด๊ปยาเอาไว้เต็มที่
ควยอวบนั้นแข็งเด่ขึ้นรออยู่นานแล้ว
พอเพื่อนถึงสวรร์ชั้นเจ็ด
ตนเองก็เดินส่ายควยเข้าไปฉุดร่างงามของคันธรสที่ป้อแป้เต็มที่ให้หลุดออกมา
จากควยของเสี่ยคิ้ม
“อา...เสี่ยขา...รสเหนื่อยเหลือเกิน...ไม่ไหวแล้วค่ะ”
คันธรสครางออกมาอย่างอ่อนล้า
แต่เสี่ยทองไม่สนใจ
ดันร่างงามของหญิงสาวเดินไปเอามือยันผนังห้อง
และกระชากสะโพกผายของหญิงสาวให้กดต่ำลงจนได้จังหวะมุมพอดีกับแท่งควยที่ตั้ง
แข็ง ก่อนจะคำรามอย่างกระหายหื่น
“เดี๋ยวก็รู้ว่าไหวหรือเปล่าคนสวย...ฮ่าฮ่า”
ควยอวบชำแรกเข้าไปในร่างของคันธรส
และกระเด้าต่อเนื่องตามไปติดๆ
เสียงปั่บๆๆๆๆๆ ดังสนั่นหวั่นไหว
คันธรสยืนโก้งโค้งเอามือยันผนังอยู่
ทีแรกร่างงามนั้นอ่อนยวบไร้เรี่ยวแรง
ได้แต่ยืนถ่างขาตัวสั่นสะท้านไปตามแรงกระเด้าอยู่ถ่ายเดียว
แต่ไม่นานเท่าไรเลยเพลิงสวาทกลุ่มใหม่ก็ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
ความเสียวซ่านที่แผ่ซ่านจากเนินสวาทก็ทำให้เธอแหงนหน้าร่ำร้อง
และกระเด้าสะโพกตอบสนองควยของเสี่ยทองอย่างเร่าร้อนอีกครั้ง
“ฮ่าๆๆๆ...ผมบอกแล้ว...คุณรสคนสวย....สนุกกันต่อดีกว่าครับ...ฮ่าฮ่า”
เสียงปั่บๆๆๆๆๆ
ดังผสานกับเสียงครางครวญของคันธรส
เสี่ยคิ้มที่เดินควยตุงตามมาก็ประกบตัวไปทั้งขยำนมและลากลิ้นเลียไปตามแผ่น
หลังของหญิงสาวอย่างกระหายหิว
เพลงสวาทและเพลงกามนั้น
ดำเนินต่อไปอย่างเร่าร้อน...ดูเหมือนจะอีกยาวนาน...กว่าเกมสวาทนี้จะสิ้นสุดลง
.....................
ขณะที่กำลังได้เวลาหนังเข้าฉายแล้ว
จู่ๆ ฐิติพรรณก็ดึงตัวของอรอุษามากระซิบ
“ตายแล้ว...พี่มีธุระด่วน...เพื่อนพี่เขาโทรมาว่าประสบอุบัติเหตุ...พี่ต้องรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล...”
เด็กสาวผู้อ่อนวัยกว่าหน้าตื่นไปด้วย
รีบถามไถ่อย่างเป็นห่วงว่า
“อุ๊ยตาย...แล้วเพื่อนพี่ไอซ์เป็นอะไรมากไหมคะ...”
“ก็ไม่ถึงกับบาดเจ็บสาหัสหรอก..แต่ก็ต้องพักค้างคืนในโรงพยาบาล...พี่เลยจะรีบไปหาน่ะจ้ะ”
อรอุษาผงกศีรษะ
ด้วยใจซื่อจึงเชื่อคำพูดของอีกฝ่ายสนิท
“ถ้าอย่างนั้นพี่ไอซ์ก็รีบไปเถอะค่ะ...ไม่ต้องห่วงษา...เดี๋ยวษาจะเรียกแท๊กซี่กลับบ้านเอง”
พริตตี้สาวทำหน้าพิกล
ร้องเบาๆ
“อะไรกัน...นี่น้องษาจะทิ้งพี่ศักเขาไปเฉยๆ
อย่างนี้น่ะเหรอ”
อรอุษามีใบหน้างงๆ
กับคำพูดของอีกฝ่าย...ความคิดที่จะอยู่ดูหนังต่อกับศักดาสองต่อสองนั้นไม่
เคยมีอยู่ในหัวสมองของเด็กสาวเลยแม้แต่นิดเดียว...แต่พอตั้งสติคิดได้ว่าอีก
ฝ่ายหมายถึงอะไร...ใบหน้าของเด็กสาวก็กลายเป็นสีชมพูระเรื่อขึ้นมาทันที...
ตอนนั้นมองไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ห่างๆ
แล้วต้องเอ่ยเสียงขลาดๆ
ตะกุกตะกัก
“แต่...ษา..ษา..พี่ไอซ์ไม่อยู่...แล้ว..แล้ว...ษา...เอ่อ..ษา..”
“แหม...น้องษา...ทำอย่างนี้พี่ศักดาเขาน้อยใจแย่เลย...มานี่ม๊ะ...”
พริตตี้สาวจูงข้อมือบางของเด็กสาวเดินไปหาศักดา
แล้วกล่าวเสียงระรื่น
“พี่ศักขา...ไอซ์มีธุระด่วนกระทันหัน...ฝากยายษาให้พี่ศักช่วยดูแลได้ไหมคะ...ดูแลน้องสาวที่น่ารักของไอซ์คนนี้ให้ดีด้วยนะคะ...”
ศักดาเลิกคิ้ว
กล่าวถามเสียงซื่อ
“อ้าว...น้องไอซ์จะไปไหนน่ะ”
“พอดีเพื่อนประสบอุบัติเหตุน่ะค่ะ...เลยจะต้องรีบไปเยี่ยม...พี่ศักดูแลษาดีๆ..พาน้องษากลับบ้านด้วยนะคะ”
ใบหน้าของอรอุษาแดงก่ำ
ก้มหน้างุด
พยายามกระตุกมือของตัวเองเป็นสัญญาณประท้วงคำพูดของฐิติพรรณ
จิ้งจอกสวาทหันไปมองใบหน้างามซึ้งที่กำลังประหม่าอายสุดๆ
ก็กล่าวด้วยสีหน้าสะท้อนใจอย่างเชี่ยวชาญ
“พี่..พี่..ว่าอย่าดีกว่าครับ...น้องษาอาจจะไม่สะดวกใจ...”
พริตตี้สาวหันมายังอรอุษากล่าวว่า
“เห็นเสียงของพี่ศักไหม...เขาน้อยใจษาแล้วล่ะ...ษาคงไม่ไว้ใจพี่ศักใช่ไหมล่ะ”
อรอุษาผู้อ่อนเยาว์รีบเงยหน้าขึ้นมา
กล่าวเสียงเบาบางแต่ระรัวมาจากความรู้สึกร้อนใจ...เกรงอีกฝ่ายจะเข้าใจผิด
“ไม่..ไม่ใช่ค่ะ...ไม่ใช่ว่าษาจะไม่ไว้ใจพี่ศัก...เพียงแต่..แต่...ษา..เอ่อ...ษา”
จะให้เธอพูดอย่างไร...ในชั่วชีวิต...เธอไม่เคยไปเที่ยวกับผู้ชายคนไหนสองต่อสองมาก่อนเลย...
จิ้งจอกสวาทยิ้มละไม
จ้องไปที่ดวงตากลมใสนั้น
“ถ้าอย่างนั้นขอให้พี่ได้รับเกียรติจากน้องษาในการเทคแคร์น้องษาให้ดีที่สุด...ได้หรือไม่ครับ”
เด็กสาวผู้อ่อนเยาว์ใจเต้นระทึกปั่นป่วนไปด้วยความรู้สึกสับสน...จะปฏิเสธก็
กลัวอีกฝ่ายน้อยใจ
จะรับปากก็กลัว...กลัวในสิ่งที่เธอไม่เคยกระทำมาก่อน...
และฐิติพรรณก็เป็นฝ่ายที่ตัดสินใจให้กับอรอุษาอย่างรวบรัด
โดยการยิ้มร่าเริงและโบกไม้โบกมือให้กับเด็กสาว
“ไม่ต้องถามน้องษาหรอกค่ะ...น้องษาน่ะไม่ปฏิเสธอยู่แล้วจริงไม๊จ๊ะ...น้องษา”
กล่าวจบร่างงามของพริตตี้สาวก็เดินผละออกไปทันที
โดยทิ้งให้อรอุษายืนตะลึงลาน
ทำอะไรไม่ถูก...จะเดินหนีไปเฉยๆ
ก็ไม่กล้าทำ...
ศักดาก้มลงกล่าวเสียงนุ่มละมุนละไม
“หนังจะฉายแล้วครับ...น้องษา..เราเข้าไปกันดีกว่า”
ใบหน้างามของอรอุษาแดงก่ำ
ยืนอิดๆ เอื้อนๆ ไม่ขยับตัว
จนกระทั่งศักดาเอ่ยเตือนเสียงหวานอีกรอบ
ริมฝีปากงามเต่งตึงแดงสดนั้น
ก็สั่นระริกค่อยๆ เอ่ยเสียงตะกุกตะกัก
“ษา..เอ่อ..ษา...”
เห็นอย่างนั้น...จิ้งจอกสวาทจึงเปลี่ยนบทบาท...ตีสีหน้าสะท้อนใจได้อย่างราวกับเป็นนักแสดงอาชีพ
“พี่คงไม่มีค่าพอที่จะได้รับเกียรตินั้นจากน้องษากระมังครับ..ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่เป็นไร...”
เด็กสาวผู้อ่อนเยาว์มองเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่แสดงแววตาอันน้อยอกน้อยใจ
จิตใจที่บริสุทธ์ไร้เล่ห์มารยานั้นก็อ่อนยวบไปด้วยความรู้สึกสงสาร
...และในที่สุด...อรอุษาก็ตัดสินใจเดินก้มหน้าอย่างประหม่าอายเคียงข้างชาย
หนุ่มเข้าไปในโรงฉายภาพยนต์
ท่ามกลางรอยยิ้มอันชั่วโฉดของจิ้งจอกสวาทในความมืด
......................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น