ขายของ

วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เล่ห์สวาทเพลิงราคะ 18

  ฐิติพรรณไม่ใช่คนโง่ ถึงแม้ว่าเธอกำลังอยู่ในช่วงแห่งความรู้สึกอิ่มเอมกับการแผนการยิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว คือทั้งช่วยไม่ให้ตัวเองต้องตกเป็นเหยื่ออารมณ์ของเด็กวัยรุ่นชั้นสวะเหล่านั้น และยังเป็นการแก้แค้นต่อรุจิราที่คอยเยาะเย้ยถากถางเธอด้วยคำพูดและสีหน้าแววตามาโดยตลอดอย่างสะใจ

แต่ภายใต้อารมณ์แห่งความสาแก่ใจกับความสำเร็จตามแผนการล่อหลอกคู่อริของเธอไปโดนรุมโทรมนั้น พริตตี้สาวรู้สึกมีอะไรบางอย่างรบกวนจิตใจ...เสียงนั้นพยายามบอกให้เธอตั้งสติใคร่ครวญ

...มีบางอย่างไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรือ...อย่างน้อยเธอเคยคิด

เหตุการณ์ที่เธอผ่านมากับตัวเองในค่ำคืนนั้นที่กลับออกมาจากผับกับศักดา

...และอีกฝ่ายรถเสียกระทันหัน...รถป้ายแดงอย่างนั้น...ไปจบลงตรงรถเมล์คันนั้นที่ตรงเข้ามารับเธอเหมือนกับไม่มีอะไรผิดปกติ

...มันไม่ใช่...มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน...มันต้องเป็นแผนที่ถูกเตรียมการเอาไว้...

ยิ่งคิดดวงตาของพริตตี้สาวก็แทบลุกเป็นไฟ เมื่อประกอบกับคำบอกเล่าของคันธรสว่าแท้ที่จริง...ศักดานั้นเป็นแค่แมงดาลวงโลก...ล่อหลอกผู้หญิงตีกินไปวันๆ

ฐิติพรรณโทรศัพท์ไปหาชิดโดยทันที...

และจากนั้นฐิติพรรณก็แทบคลั่ง เมื่อความฉุกคิดนั้นได้รับการตอกย้ำอย่างชัดเจน จาการหว่านล้อมตะล่อมถามจนอีกฝ่ายหลุดปากออกมาว่าร่วมมือกับศักดา ซึ่งความจริงหัวโจกเด็กนรกก็ไม่ได้ยี่หระอะไรนักที่จะบอกความจริงอยู่แล้ว น้ำเสียงที่เล่าให้ฐิติพรรณฟังจึงไม่มีวี่แววแห่งความรู้สึกผิดแต่อย่างใด ซ้ำยังหัวเราะร่วนให้พริตตี้สาวจนเธอแทบจะกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียงด้วยความคั่งแค้น

ไอ้ศักดา...ไอ้ชาติชั่ว...มันทำลายอนาคตของเธอจนป่นปี้ด้วยเงินตอบแทนแค่ไม่กี่หมื่นบาท....

ดวงตาคู่งามของพริตตี้นั้นหลั่งไหลน้ำตาแห่งความแค้นออกมา ใบหน้าที่สวยจัดนั้นเปล่งประกายอันเหี้ยมเกรียม

มันต้องได้รับการตอบแทนจากเธออย่างสาสม...ไอ้แมงดาชาติชั่ว...

.......................

เสียงจ้อกแจ้กจอแจดังขึ้นสับสนอยู่บริเวณหน้าอาคารใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นจุดรวมตัวของบรรดานักศึกษาที่เข้าประกวดเวทีมีสยูนิเวอร์ซิตี้ที่กำลังจะออกเดินทางไป
ร่วมทำกิจกรรมเก็บตัวกับกองประกวด ข้างๆ รถบัสคันใหญ่ถึงสองคันรถที่จอคอยอยู่นั้น บัดนี้มีกลุ่มคนวุ่นวายสับสนเดินขวักไขว่ไปมา กระเป๋าโดยสารกองเป็นภูเขาย่อมๆ กำลังถูกลำเลียงขึ้นไปในรถบัส ในเวลานั้นที่มุมต่างๆ รอบบริเวณลานกว้างจะแลเห็นบรรดานักศึกษาหน้าตาดีจับกลุ่มยิ้มหัวเราะและถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะกิ๊วก๊าวดังขึ้นโดยทั่วไปเป็นระยะๆ

ท่ามบรรยากาศแห่งความรื่นเริงบันเทิงใจ บรรดาพ่อแม่พี่น้องที่มาส่งบุตรหลานไปร่วมกิจกรรมของกองประกวดต่างยิ้มแย้มแจ่มใส หน้าตาเบิกบาน มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะนั้น จะมีก็แต่เพียงเด็กสาวหน้าหวานคนเดียวเท่านั้นที่ทำตาแดงๆ ยืนกอดร่างเล็กบางของพี่สาวเอาไว้แน่น

พี่แต๋วที่ยืนอยู่ข้าง ตบอกตัวเองอย่างแข็งขัน

“น้องษาไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ...พี่แต๋วคนนี้รับรองจ้ะว่าจะดูแลพี่นุชของน้องษาแบบไม่ยอมให้ริ้นไต่ไรตอมเลย...”

อรนุชเองก็พยายามเสริมคำพูดของสตรีผู้สูงวัยกว่า และกล่าวปลอบใจน้องสาวตัวเองด้วยน้ำเสียงรื่นเริง ทั้งๆ ที่ในใจชักแป้วไปเหมือนกันที่เห็นน้องสาวคนเล็กเป็นถึงขนาดนี้ เธออดสงสัยในใจไม่ได้

...ทำไมยายษาคราวนี้ถึงได้งอแงถึงขนาดนี้นะ...

วูบหนึ่งนั้น เด็กสาวหวนนึกน้ำเสียงแปลกๆ ของพี่สาวคนโตที่โทรมาหาเธอในวันนั้น...ก่อนที่เธอเกือบจะประสบกับชะตากรรมที่สุดเลวร้าย...ถ้าไม่ได้...น้องสาวที่มีสติดี...และ...เขา..คนนั้นที่เข้ามาช่วยเ
อาไว้ได้ทันท่วงที

“นุช..พี่เป็นห่วง...ดูแลตัวเองดีๆ นะ...ฝากน้องด้วย...”

เสียงของพี่สาวคนโตนั้นประหนึ่งว่ายังคงดังอยู่ใกล้ๆ ทำให้ความรู้สึกอย่างหนึ่งมันตื้อขึ้นมากระทันหันจนจับไปที่ขั้วหัวใจ ร่างเล็กบางสั่นระริก ขนลุกซู่...ดวงตากลมโตของอรนุชพลอยชื้นๆ ไปด้วยน้ำตาขึ้นมาเหมือนกัน ยืนกอดน้องสาวเอาไว้แน่น...และในที่สุดต่างคนต่างน้ำตาไหลออกมา

พี่แต๋วเห็นดังนั้นแล้วทำท่าเหมือนกับจะเป็นลม รีบควักไปที่กระเป๋าหยิบซองกระดาษทิชชู่ออกมาวุ่นวาย ฉีกดึงออกมายื่นกระดาษให้กับอรนุช ส่งเสียงโอดโอย

“ตายๆๆๆ...อะไรกันเนี่ย...โอยยย...พี่แต๋วจะเป็นลม...น้องนุช....น้องษา...ไม่เอาค่ะ..ไม่เอา...โถ....ไปแค่ไม่กี่วันเองนะคะ...พี่แต๋วก็บอกแล้วไงว่าจะไ
ม่ยอมให้น้องนุชเป็นอะไรเด็ดขาด...เอ้า...เช็ดหน้าเช็ดตาซะนะจ๊ะ”

อรนุชพยายามหักห้ามใจที่กำลังปั่นป่วน ยกหลังมือปาดน้ำตาตัวเองทิ้ง ปรับสีหน้าใหม่ให้สดใสร่าเริงขึ้น ยิ้มให้กับอรอุษา พลางใช้กระดาษนุ่มที่พี่แต๋วส่งให้บรรจงป้ายซับน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นทางบนแก้มของน้องสาวอย่างอ่อนโยน

“ษา...ษาต้องเข้มแข็งนะจ๊ะ...พี่รับรองว่าจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด...นะจ๊ะ..อย่าร้องไห้...คนเก่งของพี่”

อรอุษาพยักหน้ารับคำพร้อมกับพยายามกลั้นน้ำตาตนเองเอาไว้ เวลานั้นจมูกโด่งงามของเธอแดงก่ำ จนเสียงขึ้นจมูกกระท่อนกระแท่น

“ค่ะ...พี่นุช...ษาจะเข้มแข็ง...พี่นุชจะได้ไม่ต้อง...เป็นห่วงษาเหมือนกัน...”

แต่ถึงแม้อรอุษาจะพยายามหักห้ามใจสักเพียงไร แต่ในที่สุดดวงตากลมโตนั้นก็หลั่งหยาดน้ำใสๆ ออกมาอีก เมื่อเธอยืนมองรถบัสคันนั้นพาพี่สาวของเธอแล่นออกไปจากบริเวณลานจอดจนลับตา

.........................

ปานเทพเพิ่งวางหูโทรศัพท์ลงหลังจากจบการสนทนาปรึกษาหารือกับฝ่ายกฏหมายเรื่องเกี่ยวกับนำเรื่องของโรงแรมเครือปาล์มบีชขึ้นศาล เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ธนาน้องชายโผล่หน้าเข้ามา

“คุณพ่อให้มาตามพี่เทพครับ”

คนเป็นพี่เลิกคิ้วถาม

“เรื่องอะไร...แกรู้ไหม”

“คงจะเรื่องการขอประนอมหนี้ของโครงการหมู่บ้านที่คุยกันค้างอยู่คราวประชุมคณะกรรมการบริหารที่แล้วมังครับ...ได้ยินว่ามีนักการเมืองช่วยวิ่งให้...สงสัย
ว่าคุณพ่อคงอยากฟังความเห็นพี่เทพ”

ปานเทพผงกศีรษะ ลุกขึ้นยืนก่อนจะส่งแฟ้มเอกสารตรงหน้าให้น้องชาย

“นี่คือประวัติของโครงการโรงแรมปาล์มบีชที่ทำเรื่องการปรับโครงสร้างกับเราทั้งหมด พี่มีสรุปข้อพิจารณาของฝ่ายกฏหมายด้วย แกเอาไปอ่านดูรายละเอียดนะ...คืนนี้เสี่ยทองเขานัดเราไปเจอที่โรงแรม”

ธนาทำหน้าเบื่อ

“ผมเซ็งกับเรื่องนี้เต็มทีแล้ว...เราเองก็ทำไปตามกฏเกณฑ์ที่มีอยู่ไม่ได้หรือครับ”

“เออน่า...ไปรับฟังข้อเสนอของทางเขาดูอีกทีจะเป็นไรไป...นี่พี่ก็เพิ่งปรึกษาเรื่องกับฝ่ายกฏหมายเสร็จหยกๆ เกี่ยวกับการเอาเรื่องขึ้นศาล...เราก็เตรียมงานของทางเราไป...ทางเขาก็คงต้องดิ้นหนักหน่อยมันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว...ถ้าไม่มีข้อเสนอที่ดีกว่าเราก็คงทำไปตามแผ
น”

น้องชายผงกศีรษะรับแฟ้มมาถือไว้ ก่อนที่ปานเทพจะตบบ่าธนาและขยับจะเดินออกไปจากห้องเพื่อไปพบกับบิดาของเขา...นายธวัชชัย...ผู้เป็นประธานกรรมการบริหารของบริษัทบริหารหลักทรัพย์ชื่อดังของเมื
องไทยแห่งนี้

ก่อนจะพี่ชายจะเดินออกไปนั้น ธนากระตุกแขนเสื้อของพี่ชายเอาไว้ กล่าวด้วยใบหน้าขัดเขินนิดๆ

“เอ่อ ถ้าช่วงนี้ไม่มีมีตติ้งอะไรสำคัญนัก เสร็จจากคืนนี้แล้ว ผมขอตัวได้ไหมครับ...”

ปานเทพยิ้มกว้าง กล่าวเคล้าเสียงหัวเราะ

“จะไปหายายนุชล่ะสิ...”

น้องชายเกาศีรษะเขินๆ ก่อนจะพยักหน้า

“ครับ...หมู่นี้งานยุ่งมากจนไม่มีเวลาไปเจอน้องนุชเลย...เมื่อวันก่อนที่เธอประสบอุบัติเหตุเรื่องรถ...ผมก็ยังติดประชุมเสนอรายงานอยู่...ร้อนใจจะตายแต่
จะออกไปหาก็ไม่ได้...”

ปานเทพหัวเราะเสียงดัง ผงกศีรษะ

“เอาเถอะน่า...ยัยนุชโทรมาว่าไม่เป็นอะไรมากก็โอเคแล้ว....อือม์...เอาเถอะ...พี่เห็นใจแก...เอาอย่างนี้แล้วกัน...หลังจากคุยกับเสี่ยทอง...เราก็มาสรุปแ
นวทางกันอีกครั้ง...จากนั้นแกก็ฟรี...”

ธนายิ้มกว้างอย่างสดชื่น ดวงตาเป็นประกาย นึกใคร่อยากจะโบยบินไปหาเด็กสาวร่างเล็กบางคนนั้นตั้งแต่เดี๋ยวนี้

......................

เกมกามที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อคืนยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เสียงเนื้อกระทบเนื้อ เสียงครางกระเส่าของรุจิราดังประสานกันอย่างเร่าร้อน

“อ๊ะๆๆๆๆๆๆๆ....ปั่บๆๆๆๆๆๆๆๆ....”

เด็กสาวแหงนหน้าเพริด อ้าปากส่งเสียงร้องออกมาอย่างสุดเสียว เมื่อร่างที่มีแต่คราบน้ำกามกำลังนั่งขย่มควยของมืดที่นอนแผ่อยู่บนเตียงนั้นกำลังสั่นระริกไปทั้งตัว เพราะความเสียวกระสันนั้นกำลังไต่ระดับจนใกล้จะถึงจุดกระสันซ่านน้ำแตกเต็มที

สองเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงแต่ทว่าแตกต่างในรายละเอียดเกิดขึ้นในรังสวาทแห่งนี้ ครั้งก่อนเป็นฐิติพรรณที่ตกอยู่ในอาการที่แก๊งเด็กนรกมอมยาเธอจนคุมสติไม่อยู่ แต่ครั้งนี้รุจิราที่เพลิดไปกับเพลิงกระสันที่ถูกป้อนให้เสพสมอย่างต่อเนื่องนั้น ชิดกับพวกไม่ได้ใช้ยากับเด็กสาวแต่อย่างใด...

ตลอดค่ำคืนอันยาวนาน กับความหื่นกระหายของสมาชิกแก๊งเด็กนรกที่ตักตวงเอาจากเรือนกายของสาวสด รุจิรานั้นสลบเหมือดไปหลายต่อหลายครั้ง และเมื่อเธอฟื้นความรู้สึกขึ้นมา ทุกครั้งจะมีร่างของวัยรุ่นสมาชิกแก๊งนรกกำลังทาบทับกระเด้าเธออยู่อย่างเมามันราวกับไม่มีที่สิ้นสุด...

เมื่อร่างกายที่กะปลกกะเปลี้ยเริ่มมีอาการตอบสนองต่อความเสียวกระสัน และปากงามของเด็กสาวอ้าออกครางครวญ ท่อนเอ็นอวบของเด็กช่างกลที่เธอไม่เคยรู้จักก็แอ่นกระเด้ายื่นเข้ามาต่อหน้า

หลังจากที่ถูกสอนให้รู้จักรสชาติของท่อนเอ็นที่ฉุนกลบปากเป็นครั้งแรกตั้งแต่ในรถเมล์นรกเมื่อคืนก่อน รุจิราก็รู้ดีว่าต้องทำอะไรกับท่อนเนื้อที่ถูกยื่นเข้ามานั้น

ทุกประการวนเวียนไปเหมือนกับหนังฉายซ้ำ....เพลิงสวาทระลอกแล้วระลอกเล่าที่ถาโถมเข้าใส่ประสาทสัมผัสอันอ่อนไหวของเด็กสาว...ความเสียวกระสันจนถึงจุดสุดขีด ร่างกายที่สั่นเทิมร่านระริกเสียวซ่านจนแทบจะปริออกจากทุกรูขุมขน....ก่อนที่ความเหนื่อยล้าจะคืบคลานเข้ามา...ความเจ็บระบม...และอย่างช้าๆ ความเสียวระลอกใหม่ก่อเกิด...วนซ้ำจนร่างกายของเธออ่อนล้าเกินกว่าจะรับรู้อะไรได้อีก....และทุกอย่างค่อยๆ ดับมืดสนิทไปจากความรับรู้....จนกระทั่งเธอฟื้นขึ้นมาใหม่อีกรอบ....

เวลาเลยเที่ยงมาแล้วตอนที่รุจิราที่ตื่นขึ้นมาพบกับอ้วนที่กำลังทะลวงควยอวบกระซวกโพรงหลืบของเธออย่างเมามัน เสียงหัวเราะทักทายจากเด็กช่างกลร่างอ้วนที่ใบหน้ามันอูมนั้นมีรอยยิ้มอย่างกระหาย รุจิราครางออกมาอย่างเจ็บปวดร้าวระบมไปทั่วตัว แต่ทว่าอย่างช้าๆ ร่างที่กระปลกกระเปลี้ยก็ค่อยๆ สั่นสะท้านไปด้วยความเสียวซ่านรัญจวน และเด็กสาวที่นอนหงายอยู่บนฟูกก็แอ่นโคกอูมของเธอเสนอสนองตอบการกระเด้าของเด็กร่างอ้วนอย่างร้อนร่าน จนกระทั่งอ้วนกระฉูดน้ำเมือกใส่โพรงสวาทของรุจิราอย่างสุขสม

และจากนั้นก็เป็นคิวของมืด ที่จับเธอนั่งคร่อมควยของตนเองที่เด้งคอยอยู่ จนกระทั่งถึงตอนนี้ที่เด็กสาวกำลังเกร็งหน้าท้องโยกสะโพกผายของเธอควบลำเอ็นที่อัดแน่นในโพรงสวาท และรับรู้ถึงความรู้สึกเสียวกระสันที่กำลังไต่ระดับไปเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว ใบหน้างามของเธอแหงนเพริดปากครางกระเส่า อืออๆๆๆๆๆๆ

ขณะนั้นเองชิดเดินยิ้มกริ่มเข้ามาส่งมือถือให้รุจิรา กล่าวเสียงกลั้วหัวเราะ

“พี่หมวยคนสวย..มีคนโทรมาหา”

ใบหน้าที่กำลังเหยเกเพราะแรงกระแทกจากควยที่เธอคร่อมคาอยู่นั้น เบิกตาโพลงออกมา ยื่นมือสั่นสะท้านหยิบมารับสาย เด็กสาวพยายามกัดฟันทำเสียงให้เป็นปกติ ขณะที่ร่างของเธอสั่นกระตุกไปตามแรงกระแทกของมืด

“รุเหรอจ๊ะ..”

“ไอซ์.....”

“ได้ข่าวว่ารุ..ลาป่วยวันนี้...เมื่อวานมีอะไรจ๊ะ...อยู่ดีๆ...รุก็หายไปเฉยๆ...ที่สตูเขาตามให้วุ่น...ไอซ์พยายามโทรติดต่อรุไปก็ไม่รับสาย”

เสียงของฐิติพรรณดังขึ้นมาอย่างห่วงใย รุจิราที่กัดฟันแน่น เพราะแรงกระแทกที่โพรงหลืบทำให้เธอรู้สึกเสียวซ่านจนตัวสั่นสะท้าน พยายามใช้มือป้องไปที่โทรศัพท์พยายามปิดบังไม่ให้เสียงหนั่นเนื้อกระทบกันปั่บๆๆๆ นั้นดังลอดออกไปอีกด้าน

“.พอดี...รุเปลี่ยนใจ...เลยไม่ได้ไปที่สตู...จ้ะ…คือ...รุ...รุ...ปวดหัว...เลยเปลี่ยนใจ...”

เด็กสาวส่งเสียงกระท่อนกระแท่นเต็มทีตอบไป...ยกมือปิดไปที่โทรศัพท์แน่น ขณะที่หลับตาปี๋ ขบริมฝีปาก พยายามกลบความเสียวซ่านให้ดังอยู่ในลำคอ อือ อือ อือ....ปั่บ ปั่บ ปั่บ

เสียงอีกด้านดังมาอย่างเป็นห่วง

“เหรอจ๊ะ...แหมเสียดายจัง...มิน่า..วันนี้เห็นเพื่อนรุบอกว่ารุลาป่วย....แล้วรุรู้สึกดีขึ้นหรือยัง”

“มะ..ไม่เป็นไร..แล้ว...เอ่อ...รุต้องไปล่ะ...มีธุระ...”

รุจิราเริ่มพูดเสียงระรัวเร็ว เพราะความเสียวซ่านนั้นมันกระเพื่อมแรงขึ้นๆ ทุกที จนเธอนั้นขนลุกซ่านไปทั้งตัว

“จ้ะ...อย่าลืมนะจ๊ะ...ถ้ารุมีอะไรให้ไอซ์ช่วยบอกมาได้เลย...ไอซ์ยินดีช่วยทุกอย่าง...จะให้รุช่วยนัดทางสตูให้ใหม่เอาไหมจ๊ะ...”

เสียงใสๆ นั้นดังมา รุจิรารีบตัดบท

“เอา...เอา...ไว้ก่อนแล้วกัน...รุ..รุต้อง..วางหูแล้วนะ...แค่นี้นะ”

จากนั้นเด็กสาวก็รีบปิดมือถือลง แล้วแหงนหน้าเพริดร้อง อ๊ะๆๆๆๆๆๆ อารมณ์พล่านไปตามแรงกระแทก ปั่บๆๆๆๆๆๆๆ....

มืดลากมือไปตามลอนสะโพกผายของรุจิราที่คร่อมตอของตัวเอง แสยะยิ้มกระเส่าร้อง

“พี่หมวย...เสียวซ่านไปถึงทรวงใช่ไหมล่ะ...คนสวยของมืด...”

“ชะ..ใช่....อ๊ะๆๆๆ...พี่..พี่จะ...ถึงแล้ว...อ๊ะๆๆๆๆ....เร็วๆๆๆ...อ๊ะๆๆๆๆ....”

เด็กวัยรุ่นหน้าปรุ หัวร่อร่า

“ได้สิครับ...ถ้าพี่หมวยคนสวยร้องขอ...มีหรือมืดจะให้ไม่ได้..กั๊กๆๆๆๆๆ”

สะโพกของรุจิราที่กระเด้าลงมาประสานกับแรงกระทอกของมืดที่ใบหน้าเบี้ยวด้วยความหฤหรรษ์บังเกิดเสียงดัง ปั่บๆๆๆๆๆๆๆๆ.....รุนแรงถี่ยิบต่อเนื่อง เนื้อตัวบนร่างขาวๆ ที่กำลังนั่งคร่อมตัวเต้นระริกๆ ไปจนทั่ว และในที่สุดเมื่อความเสียวกระสันนั้นพล่านไปจนถึงสุดทาง ใบหน้างามก็แหงนเพริด

“อ๊ะๆๆๆๆ....อ๊ายยๆๆๆๆ....อ๊ายยยยยยยซซ”

รุจิราร้องลั่นสุดเสียงถึงจุดทะลักแตกไปคาควยของมืด ก่อนที่ร่างปวกเปียกของเธอนั้นจะทรุดฮวบลงไปทาบกับตัวของช่างกลหน้าปรุอย่างอ่อนแรง หน้าอกอูมของเธอที่ปลายงอนนั้นเต็มไปด้วยรอยขบกัดจนแดงเถือกบดเบียดลงไปบนหน้าอกแห้งกรังของเด็กหนุ่ม

มืดหัวเราะกระเส่าโอบรัดร่างขาวของรุจิราเอาไว้แน่น กระดกควยกระทอกใส่โพรงสวาทนั้นอย่างเมามันไม่มีหยุด เสียง ปั่บ ปั่บ ปั่บ ดังถี่ยิบ ขณะที่หน้าเปื้อนสิวนั้นระดมเบียดไซร้ไปตามหน้าขาวผ่องที่ทาบลงมาอย่างอ่อนแรง แลบลิ้นเลียไปตามวงหน้าของรุจิราอย่างอร่อยลิ้น ซ๊วบ ซ๊วบ ซ๊วบ

เนื้อขาวๆ บนร่างปวกเปียกของรุจิราที่ทาบไปบนตัวของเด็กช่างกลหน้าปรุยังเต้นระริกๆ ไปตามจังหวะกระทอกของมืด ซึ่งเร่งเร้าความแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามความเสียวกระสันของผู้เป็นเจ้าของอย่างต่อเนื่องยาวนาน จนใบหน้าบิดเบี้ยวนั้นเหยเกสุด แหกปากร้อง อู๊ซซซๆๆๆๆๆ...สุดยอด...โอววว...อูยยยยย...จะออก..แล้วโว้ย....อูซซซ...อูซซซ...โอ้ววว...อ๊าซซซซ...อ๊าซซซซซ

ร่างของมืดกระตุกพราดๆ ควยกระทอกปั่ปๆๆ กระแทกสวนโพรงหลืบที่ฉ่ำเยิ้มนั้น กระฉูดน้ำกามระลอกใหม่เข้าไปอย่างสุดๆ ใบหน้าปรุนั้นอ้าปากหอบครางอย่างสุขสม....อูววววว..อูววววว...สุดยอดดดด...พี่หมวย....

รุจิราที่ป้อแป้เต็มที่ ถูกดึงตัวพรวดออกมา โพรงหลืบนั้นหลุดจากควยของมืดดังบ๊วบใหญ่ เด็กสาวอ้าปากคราง ซี๊ดดดดดด...อย่างเสียวซ่านเมื่อลำเอ็นนั้นครูดไปตามโพรงหลืบบี้เบียดไปตรงติ่งแตดเธอเต็ม ๆ

อ๋องเป็นคนดึงร่างขาวบางของเด็กสาวขึ้นมา เด็กโค่งมองไปยังโพรงหลืบที่ตอนนั้นเฉอะแฉะ น้ำเมือกขาวขุ่นๆ เกรอะไปตามกลีบอูม น้ำกามของมืดเพื่อนร่วมแก๊งที่เพิ่งพรวดเข้าไปเมื่อครู่นี้เยิ้มย้อยออกมาเป็นทางยาวไปตามลำขาเนียนของรุจิรา

อ๋องหัวเราะหื่น ดันให้รุจิราไปยืนโก้งโค้งเอามือเกาะพนักเก้าอี้โซฟาตัวเก่า ๆ ที่ตั้งอยู่ในห้อง ก่อนที่จะเกร็งหน้าท้องสูดปาก อูซซซซซซซซ..อัดทะลวงควยเข้าไปในโพรงหลืบที่ฉ่ำแฉะนั้น

รุจิราแหงนหน้าเพริด อ้าปากคราง อื้อออออออ.....

bananaa 2010-04-27 21:47
เสียงปั่บๆๆๆๆ ที่เกิดขึ้น และความเสียวกระสันที่พล่านขึ้น สะโพกของเด็กสาวก็เริ่มกระเด้าตอบควยของอ๋องอย่างช้า ๆ จนเนื้อขาว ๆ ตรงหนั่นสะโพกเต้นระริกๆๆๆ เป็นตามจังหวะกระแทกนั้น เสียงอ๋องคราง อูซๆๆๆๆๆ อย่างมันส์สะเด่า ใบหน้าบิดเบี้ยวตาเหลือกโพลงมองแก้มก้นขาวๆ ที่แบะอยู่ตรงหน้า และกลีบคูมที่โอบขยอกท่อนเอ็นของตัวเองตาไม่กระพริบ ปั่บๆๆๆๆๆ อูซซซซๆๆๆๆๆ....สุดยอดดด...สุดยอดดด...

แจ๊กยิ้มกริ่มเดินมาข้างๆ ตรงบริเวณใบหน้าของเด็กสาวที่แหงนสะบัดไปมาอย่างเสียวซ่าน และแอ่นสะโพกที่ควยแข็งกำลังเด้งถอกหงึกหงักเข้าไป

รุจิราใบหน้าแดงซ่าน โอบท่อนเนื้อนั้นดูดอมไปจนแก้มตอบ เสียง อึ้มๆๆๆๆๆ พร้อมๆ กับเกร็งสะโพกรับการกระเด้าควยของอ๋องที่กระแทกตอบขึ้นมาอย่างเร่าร้อนเป็นจังหวะ ปั่บๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นมสองเต้าอวบตูมนั้นกระเด้งดึ๋งๆๆๆๆๆ

เสียง แช๊ะๆๆๆๆ เมื่อชิดเก็บภาพการกระเด้าสวาทนั้นเอาไว้อย่างชัดเจน

ขณะที่เสียงพรรคพวกแก๊งนรกดังหัวเราะกระหึ่มต่อเนื่อง

........................

ทันทีที่เสียงทางปลายสายตัดไป ฐิติพรรณก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างสะใจ

“คิกคิก....สมน้ำหน้า...อีลูกเจ๊ก...มีธุระเหรอ...คิกคิก...นึกว่าฉันไม่รู้กระมัง...ธุระของเธอคืออะไร...ฮึ”

ตอนนี้ถึงแม้จะสาแก่ใจในสภาพของรุจิรา แต่ความรู้สึกอย่างหนึ่งที่รุมๆ สุมอยู่ในอกของพริตตี้สาว คือความคั่งแค้นต่อสิ่งที่ศักดากระทำกับเธอ ความเร่าร้อนในอกนั้นประหนึ่งไฟเผาผลาญนับตั้งแต่วินาทีที่เธอได้รับฟังคำจากปากของชิดว่าศักดานั้นขายเธอให้กับสวะพวกนั้น…ด้วยค่าตอบแทนแค่ไม่กี่หมื่นบาท...

ท่ามกลางความพลุ่งพล่านดาลเดือดในใจ เมื่อเลิกเรียนในตอนเย็นพริตตี้สาวจึงขับรถตรงไปหาคันธรสที่บริษัทของหญิงสาวผู้สูงวัยกว่า

คันธรสเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของพริตตี้สาวก็ทักว่า

“ไอซ์ไม่สบายไปหรือเปล่า...ดูหน้าตาเครียดๆ”

ถึงแม้จะรุ่มร้อนต้องการแก้แค้นอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่ฐิติพรรณไม่ยอมแน่ๆ ก็คือการแพร่งพรายเหตุการณ์ที่ตนเองถูกไอ้สวะพวกนั้นรุมโทรม ดังนั้นพริตตี้จึงตกลงใจจะลองสืบเรื่องราวเกี่ยวกับศักดาให้มากกว่านี้ เพื่อจะได้ใช้เป็นข้อมูลในการหาทางเอาคืนไอ้แมงดาชาติชั่วนั้นให้สาสม

“ไอซ์รู้สึกเบื่อๆ...อยากชวนพี่รสไปกินข้าวเย็นแล้วไปฟังเพลงต่อที่ผับกันหน่อยค่ะ”

คันธรสมีความรู้สึกดีๆ ให้กับพริตตี้สาวไม่น้อย เห็นอีกฝ่ายมาชวนก็ไม่อยากขัด หวนนึกถึงผับหรูที่โรงแรมของเสี่ยทองได้ จึงชวนว่า

“เอาสิ...เราไปที่โรงแรมที่เคยเจอกันวันก่อนไหม...พี่รู้จักเจ้าของด้วย...รับรองว่าบริการดีเยี่ยมเลย”

“ก็ดีค่ะ...”

พริตตี้สาวรับคำง่ายๆ ที่ไหนก็ได้อยู่แล้ว เพียงแต่เธอแค่จะอาศัยจังหวะเหมาะๆ ตะล่อมอีกฝ่ายหาข้อมูลเกี่ยวกับศักดาเท่านั้นเอง

“โอเคจ้ะ...ถ้างั้นรอพี่เดี๋ยวนะขอเคลียร์งานก่อน”

………………….

เสี่ยทองพยายามสะกดกลั้นอารมณ์เกรี้ยวกราดเอาไว้อย่างสุดกำลัง แต่ถึงกระนั้นใบหน้าอวบอูมก็ยังแดงคล้ำ ดวงตาสามเหลี่ยมกระตุกถี่ ขณะที่ริมฝีปากหนานั้นสั่นระริก

“คุณปานเทพ...ผมยอมคุณถึงขนาดนี้แล้วคุณยังไม่เห็นใจผมอีกหรือ”

ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อย กล่าวเรียบๆ

“การที่ผมยอมมาพบเสี่ย...นี่แสดงว่าผมเปิดรับความเห็นของเสี่ยอยู่แล้ว...เพราะผมเองก็ไม่อยากให้เรื่องเดินไปจนถึงศาล...ฉะนั้น...ผมขอพูดตรงๆนะครับ...ไ
ม่ใช่ไม่เห็นใจ...เพียงแต่ธุรกิจก็คือธุรกิจ...ถ้าเสี่ยมีข้อเสนอที่ผมเห็นว่าควรรับพิจารณา...ผมก็ต้องรับแน่นอน”

เสี่ยร่างอ้วนแค่นหัวเราะ กล่าวอย่างเดือดดาล

“นี่คือข้อเสนอที่ผมถอยมาสุดๆ แล้ว...ผมจะเสนออะไรให้ได้อีก...”

ปานเทพยักไหล่ กล่าวว่า

“ถ้าเรื่องขึ้นศาลและเสี่ยก็คงรู้แนวโน้มของผลการตัดสิน...คงไม่ต้องบอก...สิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวของเสี่ย....”

ชายหนุ่มผายมือไปรอบๆ อันเป็นห้อง VIP แบบส่วนตัวอันเป็นส่วนหนึ่งของภัตตาคารหรูภายในโรงแรมระดับห้าดาวของเครือปาล์มบีช

“มันก็จะสูญไปจนหมด...ดังนั้นสิ่งที่เสี่ยบอกว่าถอยสุดๆ มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นนะครับ”

ธนาที่นั่งเบื้องข้างพี่ชาย กล่าวเสียงห้วน

“เสี่ย...พี่ของผมเขาอธิบายขนาดนี้ก็นับว่าใจเย็นมากแล้วนะ...บอกตรงๆ ถ้าเป็นผม...ผมไม่มาพูดกับเสี่ยในวันนี้ด้วยซ้ำ...เพราะฉะนั้นเราอย่ามาเสียเวลากับการต่อรองแบบไม่จริงใจอย่างนี้ดีกว่า...”

เสี่ยทองสะกดอารมณ์อย่างลำบาก แค่นเสียง

“แล้วทางคุณเทพต้องการอะไร...”

ปานเทพยิ้ม กล่าวเรียบๆ

“ถ้าเครือปาล์มบีชยอมพิจารณาข้อเสนอในการควบกิจการของเครือคัทลียา...สิ่งที่เสี่ยจะได้ไปก็เห็นจะเป็นเงินที่เสี่ยจะใช้ได้สบายตลอดชีวิต”

เสี่ยทองตัวสั่นเทิ้ม ผุดลุกขึ้น ชี้หน้าปานเทพ

“ถุย....ในที่สุดก็โผล่หาง...ที่แท้มึงทำทุกอย่างก็เพื่อนังเมียเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมของมึง...”

ใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มเครียดขึ้นฉับพลัน เขาเป็นนักธุรกิจที่เจนสังเวียนการเจรจา ถ้าพูดกันแต่ในเนื้อหาของงานปานเทพก็ยังคงรักษาท่าทีได้อย่างนุ่มนวลเสมอ แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังก้าวล่วงไปยังบุคคลที่เขารักสุดหัวใจ....

“เสี่ยระวังคำพูดหน่อยครับ...อย่าลืมว่าตอนนี้ไม่ใช่ผมมาขอร้องเสี่ย...แต่เสี่ยต้องคอยดูว่าผมจะลงดาบเสี่ยหรือเปล่านะครับ”

ปานเทพกล่าวเสียงเย็นชา ใบหน้าอูมของเสี่ยทองถมึงทึง

“ทำไม..ทำไมกูจะพูดไม่ได้...ก็พวกมึงสองผัวเมียรวมหัวกันคิดฮุบกิจการของกู...”

ธนาผุดลุกขึ้น ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยโทสะ กล่าวเสียงกร้าว

“ผมบอกแล้วพี่เทพ...เสียเวลาเปล่าเจรจากับคนพรรค์นี้...บริหารกิจการเจ๊งไม่เป็นท่าเองแท้ๆ...”

คำพูดของชายหนุ่มจี้ใจดำเสี่ยทอง จนใบหน้าดำคล้ำ ขณะที่ปานเทพเองก็ผุดลุกขึ้นเช่นกัน หันตัวกลับไปพร้อมกับพูดทิ้งท้าย

“ผมให้โอกาสเสี่ยถึงที่สุดแล้ว...ตอนนี้มีแค่คำแนะนำสุดท้าย...หาทนายที่คิดว่ามือแน่ที่สุดเตรียมไว้ก็แล้วกันครับ”

ชายหนุ่มพูดจบก็พยักหน้าชวนให้น้องชายเดินออกไป ขณะที่เสี่ยทองงุ่นง่านจัด หยิบแก้วน้ำขว้างไปยังผนังเสียงดังเปรี้ยง เศษแก้วแตกกระจาย

ปานเทพหันมามองดูเสี่ยอ้วนด้วยสายตาหมิ่นๆ ก่อนจะหันกลับไปเดินออกไปไม่เหลียวหลัง

..................

bananaa 2010-04-27 21:47
หญิงสาวต่างวัยที่เดินเคียงคู่กันเข้าไปในโรงแรมหรูนั้น กลายเป็นจุดสนใจของคนตั้งแต่พวกเธอเดินผ่านล๊อบบี้ของโรงแรม ทะลุออกบริเวณสวนหย่อม และโซนร้านค้า ไปจนถึงบริเวณส่วนที่จัดไว้สำหรับเป็นที่ตั้งของภัตตาคารหรูและผับที่ตกแต่งอย่างตระการตา

คันธรสและฐิติพรรณที่เดินเคียงกันไปต่างคนต่างมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ชาวต่างประเทศร่างอ้วนคนหนึ่งเดินสวนมาถึงกับตาลุกเบิ่งมองตาค้างจนเหลียวหลัง สตรีชราผู้เป็นภรรยาเดินมาด้วยมีสีหน้าบึ้งเอื้อมมือกับบิดไปที่หูของสามี ซึ่งตัวสะดุ้งโหยง พร้อมส่ง เสียงดัง โอ้วโนๆๆๆๆๆ ซอรี่ๆๆๆๆๆ

ดวงตาของหญิงสาวต่างวัยแลมาสบตากันจากนั้นก็แย้มปากงาม หัวเราะคิกๆ เสียงใส

ทันใดนั้นเองบุรุษสองคนที่กำลังเดินสวนกลับออกไป ก็ทำให้ทั้งคันธรสและฐิติพรรณอุทานออกมาแทบจะพร้อมๆ กัน

“คุณเทพ...”

“พี่ธนา...”

สองชายหนุ่มพี่น้องผู้เด่นดังในวงสังคมที่กำลังเดินคุยกันมาชะงักเท้ากึก ต่างคนหันมายังต้นเสียงที่ร้องทัก พอเห็นหญิงสาวต่างวัยสองคนยืนอยู่ตรงหน้า ต่างก็ร้องทักออกแทบพร้อมๆ กันเหมือนกัน

“คุณรส...”

“น้องไอซ์...”

สิ้นเสียงของชายหนุ่มทั้งสองนั้น ขณะที่คันธรสยังยืนนิ่งอึ้ง มองดูปานเทพชายหนุ่มผู้ซึ่งอดีตเคยเป็นกุมหัวใจของเธอเอาไว้อย่างตะลึงลาน ตรงกันข้ามกับฐิติพรรณที่ใบหน้ายิ้มออกมาอย่างอ่อนหวานปราดเข้ามายืนใกล้ๆ ธนาเอียงคอทักทายเสียงใส

“ไอซ์ดีใจจังเลย...แหม...ไม่นึกจริงๆ ว่าจะเจอพี่ธนาที่นี่”

ธนาหัวเราะแหะๆ รู้สึกว่าอีกฝ่ายจะเบียดตัวมาชิดไปหน่อย จึงถอยไปครึ่งก้าวพร้อมพูดว่า

“เอ่อ...พี่ก็ดีใจ...ไอซ์มาได้ยังไงเนี่ย”

“ไอซ์มากับพี่รสค่ะ...พอดีเซ็งๆ เลยชวนพี่รสมาหาข้าวเย็นทานกัน…แล้วพี่ธนาล่ะคะ”

ธนาหันมาสบตาพี่ชาย ซึ่งตัวของปานเทพเองคุ้นๆ หน้าของพริตตี้สาวอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ค่อยได้วิสาสะกันตรงๆ เท่าไหร่นัก ตอนนั้นเป็นคนตอบแทนว่า

“พวกผมมาคุยเรื่องงานนิดหน่อยครับ กำลังจะกลับ....”

ฐิติพรรณเอียงนาฬิกาข้อมือดู แล้วยิ้มเย้าๆ กล่าวเสียงใส

“แหม...นักธุรกิจนี่เวลาเป็นเงินเป็นทองไปหมดเลยนะคะ...นี่มันตั้งทุ่มแล้ว...ยังไม่เลิกงานกันอีก”

ปานเทพเพียงแค่ยิ้มๆ ไม่ตอบอะไร ตอนนั้นคันธรสเดินเข้ามาหาชายหนุ่ม กล่าวทักทายเสียงเรียบ

“คุณเทพสบายดีนะคะ...เราไม่ได้เจอกันเสียนาน...ตั้งแต่วันแต่งงานของคุณ...”

ความจริงหญิงสาวเคยเห็นชายหนุ่มกับภรรยาในวันที่อรชาเดินทางไปต่างประเทศ แต่ในวันนั้นปานเทพไม่ได้สังเกตเห็นว่าคันธรสนั้นอยู่ที่โรงแรมด้วย

ในเวลานั้นพอคันธรสพูดไปถึงวันแต่งงาน ดวงตาของหญิงสาวนั้นอดเปล่งประกายวาบออกมาด้วยความรู้สึกยอกแสยงใจแว่บหนึ่งไม่ได้

คืนนั้น...มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ชีวิตของเธอได้พลิกไปในอีกด้านหนึ่งอย่างไม่มีทางหวนกลับมาเส้นทางเดิมได้อีกต่อไป...

แต่ประกายตานั้นปรากฏเพียงวูบเดียวก็สลายไป ขณะที่ปานเทพผงกศีรษะกล่าวเสียงนุ่มนวลเป็นปกติ

“ผมสบายดี...แล้วคุณรสล่ะครับ...สบายดีหรือเปล่า”

คันธรสยักไหล่ ยิ้มอย่างเฉิดฉัน ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านในใจ ทำให้เธออดที่จะกล่าวอย่างเน้นเสียงไม่ได้

“รสก็เป็นรสอย่างนี้แหล่ะค่ะ...เมื่อก่อนเป็นอย่างไร..เมื่อนี้ก็อย่างนั้น”

ปานเทพพอจะจับเค้าอารมณ์บางอย่างในน้ำเสียงนั้นได้...ซึ่งชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกโกรธอีกฝ่ายแม้แต่น้อย...ตรงกันข้ามเขาลอบถอนใจ...คันธรสมีสิทธิ์ที่จะแค้นเขาเ
ต็มที่...

ความจริงชายหนุ่มรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ เหมือนกัน...ถึงแม้ว่าตอนที่เขาคบหากับหญิงสาวตรงหน้าจะยังไม่ได้มีการสัญญาหรือข้อตกลงผูกมัดแต่อย่างใด แต่ทว่าการที่อรชาก้าวเข้ามาในแวดวงวิถีชีวิตของเขา และดึงความสนใจทั้งมวลของเขาให้พุ่งตรงไปยังเธอ โดยละทิ้งความสัมพันธ์ของเขากับคันธรสไปโดยไม่ไยดี...มันก็เป็นการตัดสินใจที่เห็นแก่ตัวเองอย่างมาก...

ตอนนั้นปานเทพจึงกล่าวด้วยเสียงที่เขาพยายามจะใส่ความจริงใจที่มีให้กับอีกฝ่ายลงไปอย่างสุดความสามารถ

“ผมดีใจจริงๆ นะครับที่เจอคุณรส...งานวันแต่ง...เราก็ไม่ค่อยได้คุยกันมาก...ผมอยากจะบอกว่าผมยังเป็นเพื่อนที่ดีของคุณ...ถ้ามีเรื่องอะไรที่ผมจะช่วยได้...ผมยินดีและเต็มใ
จ”

คันธรสเชิดหน้า คำพูดของอีกฝ่ายนั้นทำให้ดวงตาคู่งามต้องพยายามกลบเกลื่อนร่องรอยแห่งความเสียใจที่บัดนี้กำลังพลุ่งพล่านอยู่ในอก...

ฐิติพรรณที่คบหามานานกับคันธรสเองก็รู้ตื้นลึกหนาบางของความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ดี ตอนนั้นเกิดความรู้สึกวาบขึ้นในใจ

อีนุชแย่งพี่ธนาไปจากฉัน...พี่สาวของมันก็แย่งพี่เทพไปจากพี่รส....

ดวงตาของหญิงสาวเป็นประกายวูบวาบด้วยความรู้สึกบางอย่างที่พลุ่งขึ้นมา จนประกายตานั้นเกรี้ยวกราดจนน่ากลัว แต่ในเวลานั้นที่ทั้งปานเทพและธนาไม่เห็นเพราะกำลังมองไปที่คันธรส ซึ่งหญิงสาวตอนนั้นเชิดหน้ากล่าวเสียงกระด้าง

“ไอซ์...เราเข้าไปกันเถอะ...”

หญิงสาวไม่ต้องการให้อดีตคนรักเห็นความอ่อนแอ...อันหมายถึงสัญญลักษณ์ของความพ่ายแพ้...เดินเชิดหน้าตรงเข้าไปโดยทันที...โดยไม่รีรอเพื่อนรุ่นน้องที่หันไปยัง
ธนากล่าวเสียงหวาน

“พรุ่งนี้...พี่ธนา...ว่างไหมคะ…ไอซ์อยากชวนพี่ธนาไปกับหาพี่ภาคภูมิด้วยกัน”

ธนามีใบหน้าเก้อเขิน เมื่อกล่าวเสียงเคล้าหัวเราะ

“พี่คงไม่ว่าง...พี่จะไปหานุชเขาน่ะ...ขอโทษทีนะน้องไอซ์...”

ฐิติพรรณต้องพยายามสะกดกลั้นอารมณ์อย่างมาก เพื่อไม่ให้ตัวเองแสดงสีหน้าและแววตาอันเกรี้ยวกราดออกไป เมื่อได้ยินคำตอบอันแสลงหูนั้น

…นังนุช...นังนุชอีกแล้ว...อะไรๆ ก็นังนุช....ฮึ...พี่ธนานะ...ไอซ์มีอะไรที่สู้นังนั่นไม่ได้

ในเวลานั้ปานเทพพยักหน้ากับน้องชาย

“เราไปกันเถอะ...แล้วเจอกันครับ”

ตอนท้ายชายหนุ่มหันมาก้มศีรษะให้กับพริตตี้สาวเล็กน้อยเป็นเชิงลา ก่อนที่จะเดินผละไป โดยที่ธนานั้นหันมายิ้มให้กับฐิติพรรณ แล้วสำทับคำพูดเดียวกับของพี่ชาย

“พี่ไปก่อนนะ...แล้วเจอกัน”

ก่อนที่เขาจะเร่งก้าวเท้ายาวๆ ตามติดปานเทพไป ทิ้งให้ฐิติพรรณมองตามด้วยแววตาที่เร่าร้อนราวกับมีเพลิงสุมอก

...................

bananaa 2010-04-27 21:48
ความจริงอารมณ์ของเสี่ยทองนั้นนับว่าปะทุจนใกล้จะคลั่งเต็มที แต่ภาพที่เสี่ยอ้วนแลเห็นแต่ไกลนั้นมันสะกิดใจให้เกิดความสงสัยและครุ่นคิด จนกระทั่งทำให้ความพลุ่งพล่านดาลเดือดในใจนั้นลดระดับความรุนแรงลงอย่างรวดเร็ว

“ไอ้ปานเทพ...กับคุณรส…ดูแล้วมันน่าจะมีอะไรมากกว่าคนรู้จักธรรมดาว่ะ...”

มือไวเท่าความคิด เสี่ยเจ้าของสถานที่ยกมือถือขึ้นโทรไปหาเสี่ยเซี้ยง ใบหน้าอูมนั้นยิ้มแย้มว่า

“เสี่ยเซี้ยง...ผมเสี่ยทองนะ...ที่โทรมาหาก็เพราะวันนี้คุณรสมาถึงที่นี่...เสี่ยรู้หรือเปล่า”

เสี่ยโฉดที่กำลังนั่งตรวจเช็คสต็อกของเพชรที่มีทั้งแท้และเทียมอยู่ที่บ้าน...เลิกคิ้วหนา...กล่าวเรื่อยๆ

“เหรอ...ผมไม่รู้...ถ้ายังไงก็รบกวนเสี่ยช่วยเทคแคร์คุณรสหน่อยนะ...”

แต่ในเวลานั้นเสี่ยโฉดกำลังคิดในใจ รอคอยคำพูดต่อไปของอีกฝ่าย

...ถ้ามีเรื่องแค่นี้...ไอ้เสี่ยทองมีหรือจะโทรมา...ชะช้า...อย่านึกว่ากูไม่รู้...ถ้าไม่มีอะไร...มึงก็นั่งคั่วเมียกูเพลินไปเท่านั้น...

และก็จริงดั่งที่คาด เสี่ยทองกล่าวเสียงเคล้าหัวเราะตามมา

“ผมเพียงแต่สงสัยแทนเสี่ย...เพราะเผอิญผมเชิญนัดไอ้ปานเทพมาคุยธุระ...ดูเหมือนคุณรสกับมันจะรู้จักกันอย่างดีมากกว่าคนรู้จักธรรมดา...”

เสี่ยเซี้ยงสะอึก เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาเองไม่รู้มาก่อน ตอนนั้นความรู้สึกอย่างหนึ่งพรวดๆ ขึ้นมา ทำให้เสี่ยโฉดผุดลุกขึ้น กล่าวเสียงกร้าว

“เดี๋ยวผมไปแจมด้วยคนสิ...งานสนุกๆ อย่างนี้...ผมจะพลาดได้ไง”

“ฮ่ะๆ...ได้สิ...ผมจะรอ...”

เสี่ยทองพูดตอบเสียงกลั้วหัวเราะ...

ไม่มีความคิดเห็น: