ขายของ

วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เล่ห์สวาทเพลิงราคะ 16




อรนุชสวมเสื้อแจ็กเก็ตสีดำของคมศรที่ส่งให้ เด็กสาวรับมาใส่โดยไม่พูดอะไรกับเขาสักคำ จนกระทั่งเธอค่อยๆ คลายอาการจุกเสียด ก็ไปนั่งรวมกับฐิติพรรณข้างทาง โอบร่างของพริตตี้สาวที่ยังสั่นๆ เอาไว้อย่างปลอบใจ

“ไม่เป็นอะไรแล้วนะ...ไอซ์ไม่ต้องกลัว”

เด็กสาวร่างบางปลอบเสียงนุ่มนวล ขณะที่คมศรแลเห็นอาการสั่นเทิ้มของเด็กสาวอีกคนอย่างหยามเยาะ นัยต์ตาที่พรั่นพรึงเพราะความกลัวนั้น เขาก็อ่านออกว่าเด็กสาวนั้นกลัวจริงๆ

หึหึ...แต่กลัวจะถูกเปิดโปงมากกว่ามั้ง

เมื่อหันไปดูใบหน้าบางใสของเด็กสาวตัวเล็กที่เมื่อครู่แทบจะตกเป็นเหยื่อให้กับเดนนรกกลุ่มนั้น แต่ตอนนี้ทำเป็นเก่ง ทำเป็นเข้มแข็งปลอบใจเพื่อน ชายหนุ่มต้องส่ายหัวอย่างเวทนา

ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเล๊ย...ยัยเด็กหัวดื้อ

ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือของอรนุชขึ้นมา และเหยียดยิ้มนิดๆ เมื่อเห็นว่าอยู่ใน Silent mode แต่ก็ไม่ได้กล่าวว่าอะไร เปลี่ยนให้กลับไปสู่โหมดปกติ ก่อนจะส่งให้ พูดสั้นๆ

“โทรไปที่บ้าน...พวกเขาเป็นห่วง...โดยเฉพาะน้องสาวคุณ ต้องขอบคุณเขาให้มาก...ถ้าไม่ได้เขา...ผมก็คงตามมาหาคุณไม่ทัน....”

อรนุชใบหน้าตื่นขึ้นเล็กน้อย รีบรับไปแล้วโทรไปที่บ้าน

“พี่นุช..พี่นุช..”

เสียงน้องสาวระรัวรับ เด็กสาวร่างบางพยายามกรอกเสียงให้เป็นปกติ

“ษา..ไม่ต้องห่วง...ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ แค่รถพี่ประสบอุบัติเหตุนิดหน่อย ตอนนี้เรียบร้อยดีแล้วจ้ะ”

“อุบัติเหตุ....แล้วพี่นุชเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

เสียงอรอุษาดังร้อนรน อรนุชทำเสียงหัวเราะให้สดใส

“ไม่เป็นไร...พี่สบายดีทุกอย่าง...ษาบอกทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงนะจ๊ะ...”

“พี่นุชอยู่ไหนคะ...ษาจะได้ให้ลุงมากไปรับ”

“ไม่เป็นไร...ไม่รบกวนลุงมากหรอก...เดี๋ยวพี่จะกลับไปเอง”

“แต่..แต่..พี่นุช...”

“เอาเถอะจ้ะ...แค่นี้ก่อนนะ...เดี๋ยวพี่ก็กลับบ้านแล้วล่ะ...”

อรนุชพูดตัดบทและปิดโทรศัพท์ จากนั้นก็นั่งจุ่มอยู่ข้างๆ เพื่อนสาวอย่างเงียบๆ ไม่พูดอะไรอีก

ขณะที่เด็กสาวร่างบางโทรไปที่บ้าน คมศรก็โทรศัพท์ไปแจ้งตำแหน่งให้ตำรวจ พักหนึ่งรถสายตรวจ และรถพยาบาลก็วิ่งมาถึงที่เกิดเหตุ

หลังจากสอบปากคำ และพยาบาลดูอาการของอรนุชแล้วก็อนุญาตให้กลับบ้านได้

“ดิฉันไม่ต้องการแจ้งความ…”

คมศรมองดูเด็กสาวร่างบางอย่างหมั่นไส้ ระคนหงุดหงิด เพราะตอนนั้นอรนุชกล่าวยืนยันเสียงแข็งว่าจะไม่แจ้งความ และขอให้ทุกอย่างเป็นความลับ

เมื่อเจ้าทุกข์ไม่ยอมแจ้งความ ตำรวจก็เลยได้แต่ต้องพากันกลับไป โดยที่คมศรขอให้รถตำรวจคันหนึ่งช่วยพาฐิติพรรณไปส่งบ้าน ซึ่งก่อนที่จะจากกันไป อรนุชยังเข้าไปกอดเพื่อนสาวเอาไว้ ปลอบใจว่า

“ทำใจให้สบายนะ..ไอซ์...แล้วเจอกันจ้ะ..”

พริตตี้สาวผงกศีรษะ ก้มหน้างุดๆ ตลอดเวลาไม่กล้าสบตาอันมีประกายกล้าของคมศรเลย เดินดุ่มๆ ตามตำรวจกลับขึ้นไปที่รถ

จนในที่สุดเหลือเพียงคมศรกับอรนุช ซึ่งชายหนุ่มผายมือเป็นทีเชิญชวนให้เด็กสาวขึ้นไปในรถของเขา ซึ่งอรนุชอิดออดอยู่นิดหนึ่ง ก็ไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่าก้าวเข้าไปนั่งเคียงข้างคมศรที่ออกรถขับกลับออกไปทางเดิม

เมื่อผ่านมาถึงรถของอรนุชที่ยังจอดอยู่ข้างทาง ตอนนั้นรถยกกำลังเตรียมพ่วงฉุดรถของเธอออกไป คมศรก็กล่าวเรื่อยๆ

“จะเอาอะไรในรถไหม”

อรนุชผงกศีรษะนิดเดียว ไม่ตอบอะไร ชายหนุ่มก็ยิ้มขันๆ จอดรถลง และอรนุชก็เดินเข้าไปหยิบกระเป๋าถือและหนังสือเรียนของเธอกลับออกมา

คมศรขับรถไปเรื่อยๆ ก็ปรายตาไปยังเด็กสาวร่างบางที่นั่งจุ้มปุ้กกอดอกเอาไว้แน่น ใบหน้าก้มงุดๆ ไม่มองหน้าเขานิ่งเงียบเป็นหุ่นอย่างหมั่นไส้ ก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยเรื่อยๆ ทำลายความเงียบ

“เก่งเหมือนกันนี่คุณ...เล่นงานไอ้พวกนั้นได้ไม่เลว...”

น้ำเสียงเหมือนกับจะล้อๆ ยียวนพิกลในใจของเด็กสาว ที่ตอนนั้นกำลังรู้สึกสับสนอลหม่านในใจ จะขอบคุณก็ไม่กล้าพูด จะไม่พูดก็น่าเกลียด เลยได้แต่นั่งหน้างุดอยู่กับที่ พอได้ยินเสียงเรื่อยๆ นั้น ก็เป็นช่องให้เธอขมุบขมิบปากพึมพำเบาหวิว

“ขอบคุณค่ะ...”

คมศรหัวเราะออกมา พึมพำว่า

“นึกว่าจะไม่ยอมพูดอะไรกับผมซะแล้วสิ”

ดวงตากลมนั้นปรายมองมา อยากจะขุ่นใจให้ แต่ความหวานที่มันล้นอก ก็ทำให้ดวงตากลมโตนั้นมีประกายแววหวานจนปิดไม่มิด

คมศรแลเห็นความหวานที่พร่าพรายออกมาจากดวงตาคู่นั้นแล้วอารมณ์ระรื่นจนไม่อยากแหย่ให้เสียบรรยากาศ จึงยิ้มน้อยๆ แล้วว่า

“คุณจะกลับบ้านทั้งๆ อย่างนี้น่ะหรือ”

คราวนี้อรนุชหันมามองคนพูดได้ตรงๆ พอนึกอะไรได้ ก้มลงดูตัวเอง แม้ว่าจะสวมเสื้อแจ็กเกตสีดำทับอยู่ แต่ข้างในนั้น...ใบหน้าบางใสแดงก่ำขึ้นทันที ถามอุบอิบเบาๆ

“ทำ..ทำไงดีคะ...”

คมศรมองใบหน้าเล็กๆ ที่ก้มงุด อย่างเอ็นดู นัยน์ตาระรื่นพราว

อือม์...อย่างนี้ก็ดีอย่าง...ไม่แว้ดๆ...แต่แม่แมวเหมียวตัวน้อย...ฉันพอใจให้เธอขู่ฟ่อๆ ใส่ฉันมากกว่านะ

ชายหนุ่มเปลี่ยนเส้นทางรถ และขับไปสักครู่หนึ่งก็เลี้ยวรถเข้าไปในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เมื่อเข้าไปจอดเรียบร้อย คมศรก็ทำสัญญาณให้เด็กสาวลงจากรถ แต่อรนุชยังคงนั่งจุ้มปุ้กอยู่ไม่ขยับตัว ใบหน้างามนั้นแดงระเรื่อไม่หาย

“จะไปไหนคะ”

เสียงถามนั้นยังคงแผ่วเบาเหลือเกิน คมศรหัวเราะพลางว่า

“ผมจะพาคุณไปร้านที่เขาขายชุดนักศึกษา ไปหาซื้อเสื้อใหม่ หรือจะไปซื้อกระดุมมาซ่อมก็เรื่องของคุณ...กลับไปอย่างนี้...ต่อให้มีสิบปากเหมือนทศกัณฑ์...ก็ไม่มีใครเชื่อว่าคุณหรอกว่าแค่รถเสีย”

อรนุชนึกขัดใจตัวเองครามครัน ที่ความมั่นใจ ความเก่งกล้าสามารถที่ตัวเองเคยคิดว่ามีอยู่ ตอนนี้พร้อมหน้าพร้อมตาโบยบินหายไปไหนหมด รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นเด็กเล็กๆ ไม่ประสีประสาต้องให้ชายหนุ่มบอกบทตลอด

คิดดังนั้นก็รวบรวมจิตใจ ฮึด เชิดหน้าเล็กๆ ขึ้น ก้าวออกไปจากรถ ท่ามกลางสายตาแวววาวขอคมศรที่มองมา

ฮือม์...อย่างนี้ค่อยเหมือนแมวเหมียวตัวน้อยของฉันหน่อย

อรนุชเดินกอดอกตัวเองแน่น เดินตามชายหนุ่มร่างสูงต้อยๆ ซึ่งเดินไปเดินมาตั้งนานก็ยังไม่ไปไหน วนไปเวียนมาจนกระทั่งเด็กสาวร่างบางสงสัย หยุดเดินเงยหน้าขึ้นถามเบาๆ

“คุณ...คุณทำไมเดินไปเดินมาอยู่กับที่คะ”

คมศรซ่อนยิ้มไว้ในหน้า กล่าวเสียงรื่นรมย์

“ผมน่ะคนบ้านนอก เคยมาห้างดังๆ อย่างนี้เมื่อไหร่ล่ะ แค่เห็นก็ตาลายไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ที่เดินๆ ก็นึกว่าเจ้าถิ่นอย่างคุณจะรู้ทางดีน่ะสิ ผมก็เดินไปเรื่อยๆ ตามที่คุณเดินนั่นแหล่ะ”

อรนุชอ้าปากค้าง ใบหน้าใสนั้นแดงเป็นริ้วๆ ด้วยความโมโห

ตาบ้า...ตาบ้า...ตาบ้า....ฮึ...วันนี้..วันนี้...ออกจะทำดีเหลือเกิน....ทำไมนะ...ไม่ทำดีให้ตลอดไป.....ดูซี..ยังมาทำยิ้มยั่วอีก...กวนประสาทจริงๆ...ตาสิงห์
บ้า..

เด็กสาวร่างบางขมุบขมิบปากเจริญพรยาวเหยียด ก่อนจะเชิดหน้าและเดินนำไปทันที โดยมีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ยิ้มกว้างขวางเดินตามไปอย่างรื่นเริงใจ

………………..

คมศรเคลื่อนรถมาจอดหน้าประตูบ้านของอรนุช ตอนนั้นเด็กสาวร่างเล็กบางเปลี่ยนชุดนักศึกษาที่เพิ่งซื้อมาใหม่แล้ว ส่วนตัวเดิมที่กระดุมขาดหมดแล้วนั้นชายหนุ่มเก็บเอาไว้ บอกว่าจะเอาไปทิ้งเอง อรนุชไม่ต้องการให้ใครสงสัยอะไรก็เห็นดีด้วย

“เอาล่ะ ผมส่งคุณลงตรงนี้นะ”

ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ อรนุชไม่พูดอะไรทั้งนั้น เปิดประตูก้าวออกไป

พอเด็กสาวปิดประตูกลับ คมศรก็ขยับจะขับรถออกไปทันที อรนุชก็รีบเคาะกระจกเรียกไว้ก่อน

คมศรยิ้มกว้างขวาง เมื่อลดกระจกลง และเห็นใบหน้าเล็กๆ นั้นยื่นเข้ามา พูดเบาๆ ใบหน้าแดงระเรื่อสวยจับตาคนมอง จนแทบจะเอื้อมมือไปหยิกที่แก้มใสนั้น

“แล้ว..แล้ว...ที่ฉันแพ้พนันยิงปืน...คุณจะให้ฉันทำอะไรคะ”

ชายหนุ่มยิ้มระรื่น กล่าวเรื่อยๆ

“ผมยังคิดไม่ออกนะ...เอาไว้ก่อนแล้วกัน...พรุ่งนี้ผมจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัดแล้วล่ะ...เอาไว้คุณตามผมไปที่บ้าน...แล้วผมจะบอกให้คุณฟังอีกทีแล้วกัน”

อรนุชทำหน้างงๆ เหมือนกับคิดว่าตัวเองหูฝาดไป กล่าวทวน

“คุณ...คุณ...ว่า...ฉัน..ฉัน..จะตามคุณไปบ้านที่ต่างจังหวัดหรือคะ”

คมศรหัวเราะเอื่อยๆ ผงกศีรษะรับคำ

“ใช่ อีกสองสามวันมั้ง เราคงได้เจอกัน...”

ใบหน้าบางใสนั้นแดงก่ำ ด้วยความโมโห

นี่เขานึกว่าฉันเป็นใคร...ฉันนี่นะ...จะตามผู้ชายไปถึงบ้าน...อีตาบ้า...บ้าที่สุด...บ้า...บ้า...บ้า

ดวงตากลมโตนั้นพองขึ้น ไม่ต่างอะไรกับแมวเหมียวตัวเดิมที่ขู่ฟ่อๆ ใส่เขา คมศรหัวเราะเสียงดัง โบกมือให้

“ลาก่อนนะ...แล้วเจอกัน”

ปากงามอ้าค้าง อรนุชชี้นิ้วไปจะพูดอะไร แต่อีกฝ่ายก็ออกรถไปก่อน ทิ้งไว้เพียงแต่เสียงหัวเราะที่แว่วมา

เด็กสาวร่างบางโมโหสุดๆ กระทืบเท้ากับพื้นอย่างขัดใจ ทันใดนั้นเองแรงกระเทือนก็ทำให้ความบอบช้ำที่ถูกทำร้ายที่ท้องน้อย ก็แปล็บขึ้นมาจนต้องนิ่วหน้า ร้องลั่นในใจ

“ตาสิงห์บ้า…ตาบ้า...บ้าที่สุด”

จากนั้นอาการที่เขม็งบิดเกลียวที่ท้องน้อยค่อยๆ ผ่อนคลายอาการลง อรนุชลูบคลำท้องน้อยตัวเองอย่างช้าๆ นุ่มนวล หวนนึกถึงวินาทีนั้นที่เธอเห็นชายหนุ่มเข้ามาช่วยเหลือตัวเธอให้รอดพ้นจากชะตากรรมที่เลวร้ายที่สุดของชีวิตลูกผู้หญิงจะเผชิญ....ความหวานอบอุ่นสายหนึ่งที่ตล
อดชีวิตเธอไม่เคยรู้จักนั้นมันท่วมท้นจนจับใจ....อบอุ่น...สวยงามเหลือเกิน...ความรู้สึกนั้นตื้นตันจับใจจนเธอน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไว้ไม่ได้

ความหวานที่พลุ่งขึ้นจนจับจิตในบัดดลนั้น ทำให้สายตาของอรนุชที่ค้อนให้กับรถที่ค่อยๆ หายลับไปกับเส้นทางนั้นมันช่างอ่อนหวานเหลือประมาณ

ริมฝีปากงามที่ราวกับกลีบกุหลาบต้องน้ำค้างยามเช้าพึมพำเบาหวิว

“อีตาสิงห์บ้า...”

แต่ทว่าเสียงที่ลอดผ่านออกมา....มันช่างหวานกระไรปานนั้น

bananaa 2010-04-26 22:50
คมศรเคลื่อนรถมาจอดหน้าประตูบ้านของอรนุช ตอนนั้นเด็กสาวร่างเล็กบางเปลี่ยนชุดนักศึกษาที่เพิ่งซื้อมาใหม่แล้ว ส่วนตัวเดิมที่กระดุมขาดหมดแล้วนั้นชายหนุ่มเก็บเอาไว้ บอกว่าจะเอาไปทิ้งเอง อรนุชไม่ต้องการให้ใครสงสัยอะไรก็เห็นดีด้วย

“เอาล่ะ ผมส่งคุณลงตรงนี้นะ”

ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ อรนุชไม่พูดอะไรทั้งนั้น เปิดประตูก้าวออกไป

พอเด็กสาวปิดประตูกลับ คมศรก็ขยับจะขับรถออกไปทันที อรนุชก็รีบเคาะกระจกเรียกไว้ก่อน

คมศรยิ้มกว้างขวาง เมื่อลดกระจกลง และเห็นใบหน้าเล็กๆ นั้นยื่นเข้ามา พูดเบาๆ ใบหน้าแดงระเรื่อสวยจับตาคนมอง จนแทบจะเอื้อมมือไปหยิกที่แก้มใสนั้น

“แล้ว..แล้ว...ที่ฉันแพ้พนันยิงปืน...คุณจะให้ฉันทำอะไรคะ”

ชายหนุ่มยิ้มระรื่น กล่าวเรื่อยๆ

“ผมยังคิดไม่ออกนะ...เอาไว้ก่อนแล้วกัน...พรุ่งนี้ผมจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัดแล้วล่ะ...เอาไว้คุณตามผมไปที่บ้าน...แล้วผมจะบอกให้คุณฟังอีกทีแล้วกัน”

อรนุชทำหน้างงๆ เหมือนกับคิดว่าตัวเองหูฝาดไป กล่าวทวน

“คุณ...คุณ...ว่า...ฉัน..ฉัน..จะตามคุณไปบ้านที่ต่างจังหวัดหรือคะ”

คมศรหัวเราะเอื่อยๆ ผงกศีรษะรับคำ

“ใช่ อีกสองสามวันมั้ง เราคงได้เจอกัน...”

ใบหน้าบางใสนั้นแดงก่ำ ด้วยความโมโห

นี่เขานึกว่าฉันเป็นใคร...ฉันนี่นะ...จะตามผู้ชายไปถึงบ้าน...อีตาบ้า...บ้าที่สุด...บ้า...บ้า...บ้า

ดวงตากลมโตนั้นพองขึ้น ไม่ต่างอะไรกับแมวเหมียวตัวเดิมที่ขู่ฟ่อๆ ใส่เขา คมศรหัวเราะเสียงดัง โบกมือให้

“ลาก่อนนะ...แล้วเจอกัน”

ปากงามอ้าค้าง อรนุชชี้นิ้วไปจะพูดอะไร แต่อีกฝ่ายก็ออกรถไปก่อน ทิ้งไว้เพียงแต่เสียงหัวเราะที่แว่วมา

เด็กสาวร่างบางโมโหสุดๆ กระทืบเท้ากับพื้นอย่างขัดใจ ทันใดนั้นเองแรงกระเทือนก็ทำให้ความบอบช้ำที่ถูกทำร้ายที่ท้องน้อย ก็แปล็บขึ้นมาจนต้องนิ่วหน้า ร้องลั่นในใจ

“ตาสิงห์บ้า…ตาบ้า...บ้าที่สุด”

จากนั้นอาการที่เขม็งบิดเกลียวที่ท้องน้อยค่อยๆ ผ่อนคลายอาการลง อรนุชลูบคลำท้องน้อยตัวเองอย่างช้าๆ นุ่มนวล หวนนึกถึงวินาทีนั้นที่เธอเห็นชายหนุ่มเข้ามาช่วยเหลือตัวเธอให้รอดพ้นจากชะตากรรมที่เลวร้ายที่สุดของชีวิตลูกผู้หญิงจะเผชิญ....ความหวานอบอุ่นสายหนึ่งที่ตล
อดชีวิตเธอไม่เคยรู้จักนั้นมันท่วมท้นจนจับใจ....อบอุ่น...สวยงามเหลือเกิน...ความรู้สึกนั้นตื้นตันจับใจจนเธอน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไว้ไม่ได้

ความหวานที่พลุ่งขึ้นจนจับจิตในบัดดลนั้น ทำให้สายตาของอรนุชที่ค้อนให้กับรถที่ค่อยๆ หายลับไปกับเส้นทางนั้นมันช่างอ่อนหวานเหลือประมาณ

ริมฝีปากงามที่ราวกับกลีบกุหลาบต้องน้ำค้างยามเช้าพึมพำเบาหวิว

“อีตาสิงห์บ้า...”

แต่ทว่าเสียงที่ลอดผ่านออกมา....มันช่างหวานกระไรปานนั้น

bananaa 2010-04-26 22:51
เบอร์ที่แสดงในเสียงเรียกเข้านั้นทำให้พริตตี้สาวถึงกับมือสั่นสะท้าน นัยต์ตานั้นเต็มไปด้วยหวาดหวั่น

“พี่ไอซ์ทำพวกผมแสบมากนะครับ...”

เสียงชิดดังขึ้นมา น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความอาฆาต เจ็บแสบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกตัวเองเมื่อคืนที่ผ่านมา

“พี่...พี่ทำตามที่เราวางแผนเอาไว้ทุกอย่างนะ..”

น้ำเสียงของฐิติพรรณนั้นแหบแห้ง ขณะที่เสียงหัวโจกแก๊งเด็กนรก แค่นหัวเราะออกมา น้ำเสียงนั้นฟังดูแล้วเหี้ยมเหลือประมาณในความรู้สึกของพริตตี้สาว

“พี่ไอซ์กำลังบอกว่าพวกผมไม่มีน้ำยาเองใช่ไหมครับ...”

ถ้าเป็นไปได้ ฐิติพรรณก็อยากจะกรีดร้องออกมาเช่นนั้นเหมือนกัน...ใช่พวกแก...มันไร้น้ำยาจริงๆ....

แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวก็ถูกเล่นงานถึงขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่ว่าตัวฉันยอมเจ็บตัวให้แกจับล็อกคอ ...ไม่ต้องถึงนายคนนั้นโผล่มา...พวกแกก็ทำอะไรนังอรนุชไม่ได้...ทุเรศจริงๆ

แต่มีหรือที่ฐิติพรรณจะกล้าพูดในสิ่งที่เธอคิดอย่างอัดอั้นตันใจนั้นออกไปจริงๆ เธอทำได้แค่เพียงพูดเสียงอ่อน พยายามแก้ไขความเข้าใจผิดของอีกฝ่าย

“ปละ..เปล่าพี่ไม่ได้หมายความอย่างนั้น...แค่จะบอกว่า...พี่ทำตามแผนที่ได้ตกลงเอาไว้แล้ว...”

“ฮะฮะ...แล้วพี่ไอซ์จะไม่รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบหรือครับ พวกผมเจ็บตัวกันไปขนาดนั้น....”

ฐิติพรรณมีสีหน้าเกรี้ยวกราดกับมือถือที่เธอยึดอยู่แนบหู…ฉันต้องรับผิดชอบอะไร...เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะพวกแกมันกระจอกเองแท้ๆ

แต่เวลาพูดออกมาจริงๆ เด็กสาวได้แต่ฝืนใจถามเสียงสั่นๆ

“แล้ว..แล้ว...จะให้พี่ทำยังไง”

“ผมต้องการพบพี่ไอซ์....คืนนี้มาเจอกันหน่อย...”

พริตตี้สาวมีสีหน้าหวาดผวา....รู้ดีว่าเป้าหมายที่แท้จริงของการเจอกันนั้นคืออะไร...

ไม่...ไม่เธอจะไม่ยอมให้ไอ้สวะพวกนั้นเอามือต่ำๆ ของพวกมันมาแตะต้องตัวเธออีก...

ฐิติพรรณกัดฟันแน่น เมื่อพยายามกล่าวด้วยเสียงวิงวอนขอร้อง

“พี่..พี่..ขอแก้ตัวอีกครั้ง...นะ..พี่ขอแก้ตัว”

เสียงของชิดหัวเราะร่วน....อย่างคนที่ถือไพ่เหนือมือกว่าทุกประการ

“พี่ไอซ์จะแก้ตัวยังไงไม่ทราบ....”

“พี่...พี่...จะพยายามหลอกนังนุชไปให้อีกครั้ง...คราวนี้พวกเธอก็ใช้ยา...”

เสียงหัวเราะของหัวโจกแก๊งนรกดังแข็งกร้าว คำพูดของคมศรยังคงกึกก้องในโสตประสาทของชิด

“...ถ้าเธอเป็นอะไรไป อั๊วไม่สนใจว่าจะเป็นสาเหตุอะไร และใครทำ....อั๊วจะหาตัวลื้อมากระทืบให้รากแตก...”

เด็กหนุ่มที่จะเก่งกาจก็เฉพาะเมื่อตัวเองเป็นต่อผู้อื่น แต่ขลาดเขลากับคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่า แค่คิด...ก็รู้สึกขวัญกระเจิง น้ำหนักที่เท้าข้างนั้นบดเบียดอยู่ที่ทรวงอก...ยังคงรู้สึกได้ในการคิดคำนึง

ไอ้ห่านั่น มันรู้จักชื่อ ที่อยู่ ที่เรียน...ถ้าเกิดอะไร...มันต้องมากระทืบกูแน่

นัยน์ตาสีเหล็กวาวๆ นั้น ชิดรู้ดีว่าอีกฝ่ายเอาจริง ถึงแม้อยากจะแก้แค้นอีนังตัวแสบนั้นขนาดไหน แต่หัวโจกแก๊งเด็กนรกก็ไม่กล้าเสี่ยง

เหนืออื่นใดทั้งหมด เขาได้รับโทรศัพท์จากพี่ชายที่โทรมาอย่างเกรี้ยวกราดสุดๆ

“ไอ้เหี้ยชิด...กูเตือนมึงแล้วนะ...ว่าอย่าหาเรื่องเดือดร้อนให้กู....ไอ้สัตว์...มึงไปทำเหี้ยอะไรเอาไว้...อย่านึกว่ากูไม่รู้นะ...กูขอยื่นคำขาด...อย่
าไปแตะต้องเด็กคนนั้นอีก...ไม่งั้นมึงเจอดีแน่...”

ชิดไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นล่วงรู้ไปถึงพี่ชายได้ยังไง แต่คำสั่งของพี่ชายเป็นสิ่งที่ตนเองมีแต่ต้องทำตามสถานเดียวเท่านั้น

หัวโจกแก๊งเด็กนรก ตอนนั้นจึงพูดเสียงเหี้ยม

“พวกผมไม่สนใจ อีนังบ้านั่นแล้ว...ผมจะให้เวลาพี่ไอซ์วันนึง ถ้าวันพรุ่งนี้พี่ไอซ์ไม่มีปัญญาหาใครมาแทนอีนังบ้านั่นแล้ว...พี่ไอซ์ก็เตรียมตัวแล้วกัน...พวกผมจะเอาคืนพี่ไอซ์ให้สาสม...”

เสียงทางปลายสายตัดไปแล้ว ทิ้งให้พริตตี้สาวยืนตะลึงลาน

พรุ่งนี้.....เธอจะทำยังไง....

ฐิติพรรณแทบร้อง กรี๊ด ออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจจนแทบคลั่ง

....................

bananaa 2010-04-26 22:52
อรอุษาที่กำลังเตรียมเนื้อหาที่เธอจะสอนอยู่ที่เรือนกล้วยไม้อันร่มรื่นย์นั้นต้องผุดลุกขึ้นอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นรถเบ๊นซ์สปอร์ตหรู SLK สีดำเป็นมันวาวนั้นเคลื่อนเข้ามาภายในตัวบ้านเด็กสาวจึงเดินออกไปรับ

“อ้าว...พี่นุช...วันนี้ไม่ต้องซ้อมหรือคะ...กลับแต่วันเลย”

อรนุชก้าวออกมาจากรถหรูของพี่สาวคนโตที่เธออาศัยขับไปพลาง ขณะที่รถฮอนด้าของเธอเข้าอู่ ยิ้มกวางขวาง เดินเข้ามาหาน้องสาวคนเล็ก ฮัมเพลงอย่างร่าเริง

“อานิสงค์ของการที่พี่ขับรถชนต้นไม่เมื่อวานไงจ๊ะ....พี่แต๋วใจดีเลยงดซ้อม”

อรนุชพูดพลางยิ้มสบายใจ แต่น้องสาวไม่ขำด้วย ทำหน้ามุ่ย...ยังนึกถึงเรื่องที่พี่สาวหายตัวไปเฉยๆ เมื่อวานด้วยความรู้สึกเสียวๆ ไม่คลาย

“แหม...พี่นุชพูดเป็นเรื่องเล่นๆ ...โชคดีนะคะ...ไม่บาดเจ็บอะไรมาก”

อรนุชหัวเราะเบาๆ เดินกอดร่างบางของน้องสาวกลับเข้ามานั่งในเรือนกล้วยไม้ พลิกๆ ดูเอกสารที่อรอุษากำลังเตรียมตัวสอน แล้วกล่าวอย่างนึกขึ้นได้

“เออ...พี่บอกษาแล้วหรือยัง...ว่าพี่ต้องไปต่างจังหวัดสักสามสี่วัน”

“เอ๋...ยังเลยค่ะ...นี่..ษาเพิ่งรู้นะคะ...พี่นุชจะไปไหนหรือคะ”

อรนุชเบ้ปาก กล่าวด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายจากใจจริง

“ก็ต้องไปร่วมกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ แล้วก็ไปเก็บตัวกับกองประกวดน่ะสิ...เบื่อจะตาย…วันมะรืนนี้ก็ต้องไปแล้ว”

อรอุษาก็พลอยหน้าม่อยไปด้วย

“ษาต้องอยู่คนเดียวสิคะ...”

อรนุชยิ้มหวาน เอื้อมมือไปหยิกแก้มใสของน้องสาว พยายามชวนอย่างกระตือรือร้น

“ถ้าอย่างนั้นษาก็ไปกับพี่สิ...”

น้องสาวคนเล็กทำหน้าเบื่อ ปากบางงามนั้นเม้มแน่น ดวงตาพองโต ซึ่งเป็นกิริยาที่แทบไม่เคยเห็นจากเด็กสาวแสนสวยผู้อ่อนหวานน่ารักคนนี้

“ษาติดสอนซัมเมอร์แคมป์ค่ะ...โธ่...รู้งี้ไม่รับเป็นติวเตอร์ดีกว่า...”

อรนุชโอบร่างบางนั้นไว้อย่างรักใคร่ พูดปลอบใจ

“เอาน่าๆ...แค่สามสี่วันพี่ก็กลับแล้ว...แล้วจะซื้อขนมอร่อยๆ มาฝากนะ”

หน้าของน้องสาวคนเล็กยังงอง้ำด้วยความไม่ชอบใจ อรนุชรู้ดีว่าน้องสาวคนเล็กเป็นคนติดพี่สาวแค่ไหน เธอกับพี่สาวคนโตถึงกับต้องคอยบอกตารางกิจกรรมซึ่งกันและกันเสมอๆ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้พวกเธอทั้งสองคนต้องไปค้างคืนที่อื่นพร้อมๆ กัน เพราะอรอุษาที่เรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้ จะกลายเป็นงอนป่อง และเฮี้ยวสุดๆ ถ้าเธอต้องถูกทิ้งไว้ที่บ้านคนเดียว และเพราะว่าเด็กสาวติดพี่สาวแจอย่างนั้น เป็นอันรู้กันระหว่างหมู่เพื่อนว่าที่จะชวนอรอุษาไปเที่ยวค้างคืนต่างจังหวัดนั้นเป็นอันลืมไปได้เลย

“ว้า....ษา...ดูสิ...หน้าหงิกเลย...โธ่ๆๆๆ...เรื่องประกวดนี่มันมาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวนี่นา...ษาก็รู้....พี่น่ะจำใจทำแท้ๆ...น่า...นะ...อย่างอนสิ...ษ
าคนดีของพี่...”

อรนุชโอบหลังโอบไหล่ร่างบางที่ใบหน้าหวานนั้นยังคงงอง้ำ คิ้วเรียวขมวดมุ่น กับเรื่องอื่นๆ อรอุษานั้นทั้งน่ารัก ทั้งว่าง่าย แต่เรื่องนี้เป็นจุดอ่อนของเด็กสาวที่แก้ไม่หายจริงๆ ทั้งที่รู้ว่าคำพูดของพี่สาวคนกลางเป็นจริงดั่งนั้น แต่เธอก็ยังคงรู้สึกไม่ชอบใจอยู่ดี

“น่า..นะ...ยิ้มหน่อยซี...คนดี๊คนดี....เอางี้...เดี๋ยวเราไปเที่ยวกันไหม...ไปหาข้าวอร่อยๆ กิน ดูหนังรอบค่ำ”

“ษาไม่อยากดูค่ะ...เมื่อวานเพิ่งไปมา”

เสียงงอนๆ กับแก้มใสที่ยังป่องอยู่ ทำให้อรนุชยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บๆๆ ๆ อย่างรู้ดีว่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้น้องสาวคนเล็กที่กำลังงอนป่องนั้นอารมณ์ดีขึ้น

ดวงตากลมโตที่เง้างอนค่อยๆ แฝงประกายรื่นรมย์ขึ้น ใบหน้าหวานใสนั้นทำพยายามตีขรึมอยู่ได้ไม่นาน ก็พราวไปด้วยรอยยิ้มหวาน ก่อนจะหัวเราะคิกๆ เสียงใส

ป้าเอียดที่เดินมาตามสองพี่น้องไปกินข้าวเย็น ได้ยินเสียงหัวเราะของสองพี่น้องแต่ไกล ก็ยิ้มกว้าง ส่งเสียงดังๆ

“คุณนุช...คุณษา...ทานข้าวเย็นค่ะ..”

อรนุชฉุดข้อมือบางของน้องสาวคนเล็กอย่างเอาใจ

“ไปกินข้าวกันเถอะ....พี่หิ๊วหิววววว....เฮ้อ...อยากกินยำไข่ดาวฝีมือษาจัง...”

ได้ยินแค่นั้น น้องสาวคนเล็กก็ลืมเรื่องที่เธองอนพี่สาวไปหมด รีบกระวีกระวาดไปก่อน พูดดังๆ

“ป้าเอียดขา...ขอเวลาสิบห้านาทีค่ะ...ษาจะทำยำไข่ดาวให้พี่นุช...”

อรนุชหัวเราะคิกๆ นัยน์ตาเต็มไปด้วยประกายตาเจ้าเล่ห์

…………………….

bananaa 2010-04-26 22:53
ใบหน้าของเสี่ยเซี้ยงถมึงทึง ดวงตาเป็นประกายกร้าวนั้นแดงก่ำเพราะแรงโทโสที่คุกกรุ่นในอกจนแทบจะระเบิด ในหัวสมองของเสี่ยโฉดนั้นเต็มไปด้วยภาพใบหน้าที่เหยียดยามตนเองของนายเดชนักธุรกิจผู้คร่ำหวอดในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

การนัดทานอาหารร่วมกันระหว่างเขากับอีกฝ่ายโดยการติดต่อจัดการอย่างกระตือรือร้นของคันธรสนั้นพังไม่เป็นท่า เมื่อบิดาของหญิงสาวนั้นกล่าวเสียงหยามเขาโดยเปิดเผย และประกาศกร้าวจะไม่ยอมให้มีการแต่งงานเกิดขึ้น

“ชะ...ไอ้เฒ่าเดช...บังอาจมาหักหน้ากู....รู้จักไอ้เซี้ยงน้อยไปซะแล้ว...”

เสี่ยโฉดคำรามในใจ ตอนนั้นที่ด้านข้างเขา...คันธรสกำลังนั่งเบียดแนบชิดอยู่ พยายามใช้มือเรียวงามของตนเองประคองใบหน้าเหี้ยมของชายผู้ที่บัดนี้ได้กลายเป็นเจ้าของตัวเธอหมดทั้งร่างกายและวิญญาณ ให้หันมามองดูตนเอง แล้วกล่าวเสียงหวาน

“เสี่ยใจเย็นๆ.ค่ะ...”

เสี่ยเซี้ยงแค่นเสียงออกมาทางรูจมูก กระดกเหล้าเข้าปากอย่างฉุนเฉียว กล่าวว่า

“คุณพ่อคุณหักหน้าผมอย่างนั้น...ประกาศก้องว่าจะไม่มีการจัดงานแต่ง...คุณจะให้ผมเอาหน้าไปไว้ไหน”

คันธรสเองก็รู้สึกไม่พอใจบิดาที่ปกตินั้นเอาใจเธอทุกอย่าง ตั้งแต่เล็กไม่ว่าเธอต้องการอะไร ผู้เป็นบิดาจะต้องเลือกเฟ้นสรรหามาให้ทุกครั้ง แต่ครั้งไม่ว่าเธอจะวิงวอนอย่างไร คำตอบก็คือคำเดียว...ไม่

ทุกครั้งที่เธอทำฤทธิ์ไม่บิดาก็มารดาในที่สุดก็ต้องใจอ่อน แต่คราวนี้ทั้งพ่อและแม่ของเธอไม่มีทีท่าผ่อนปรนเลยแม้แต่น้อย ท่าทีที่แข็งกร้าวนั้นทำให้คันธรสเสียใจน้อยใจ ด้วยความโมโหหญิงสาวเก็บข้าวของใส่กระเป๋า

“ถ้าแกขืนจะไปอยู่กับไอ้เสี่ยขี้โกงนั่น...ก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพ่ออีก”

น้ำเสียงที่นายเดชพูดนั้นแข็งกร้าวแบบไม่เคยพูดกับเธอมาก่อน คันธรสที่เอาแต่ใจตัวเองมาโดยตลอด ยิ่งฟังก็ยิ่งโมโหน้อยใจ สะบัดหน้าจากผู้เป็นบิดา และไม่ฟังคำขอร้องของผู้เป็นมารดา เดินยกกระเป๋าออกจากบ้านและขับรถตรงมาหาเสี่ยเซี้ยงที่บ้านของเสี่ยโฉดทันที

“รสรักเสี่ยค่ะ...รสโตแล้ว...คุณพ่อไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับชีวิตรส...รสตัดสินใจแล้ว...รสจะมาอยู่กับเสี่ยตั้งแต่นี้เป็นต้นไปค่ะ”

คันธรสเน้นเสียงพูด โอบแขนงามของเธอไปรอบร่างกำยำ ซบใบหน้าไปกับอกหนาของอีกฝ่าย

เสี่ยเซี้ยงชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะกล่าวถามเครียดๆ

“แล้วคุณพ่อคุณล่ะ...”

ใบหน้างามของคันธรสเชิดขึ้น หญิงสาวกล่าวกับเสี่ยโฉด

“ถึงแม้คุณพ่อจะขู่รส..จะตัดพ่อตัดลูก...รสก็ไม่เปลี่ยนใจค่ะ..”

เสี่ยเซี้ยงคำรามในใจ อีไฮโซหน้าโง่....ถ้าแกมาแต่ตัว...ฉันจะลงทุนไปตั้งเยอะ..มันจะคุ้มได้ยังไงวะ

นับตั้งแต่เช็คห้าล้านที่เขายอมวางเป็นเหยื่อล่อให้กับศักดาเพื่อฮุบไฮโซสาวมาครอง เสี่ยเซี้ยงก็ปรนเปรอคันธรสด้วยความสบายนานาประการ พาไปเที่ยว ดื่มกินในสถานที่หรูหรามีระดับ ซื้อของขวัญราคาแพงให้เพื่อเป็นการมัดใจหญิงสาวให้หลงใหล แม้ว่าสิ่งที่เขาจะตักตวงคืนมาได้คือรสสวาทจากเรือนร่างงามบาดตานี้ แต่เป้าหมายที่สำคัญของเสี่ยโฉดคือเงินทองอันมหาศาลที่จะเป็นมรดกตกทอดจากนายเดชไม่ใช่แค่ตัวของคันธรส

“ผมไม่อยากเป็นสาเหตุให้ที่รักกับครอบครัวต้องทะเลาะกัน”

เสี่ยเซี้ยงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเป็นห่วง แต่ในใจครุ่นคิด

ใจเย็นๆ ก่อนดีกว่า ถ้าอีไฮโซหน้าโง่หักดิบกับกองมรดก กูก็ชวดน่ะสิวะ

คันธรสตอนนั้นโอบแขนงามไปรอบคอหนากล่าวเสียงฉอเลาะ

“รสรักเสี่ย....รสไม่สนใจอะไรทั้งนั้นค่ะ...ต่อไปนี้รสจะมาอยู่กับเสี่ยที่นี่นะคะ”

“แต่ผมไม่อยากให้มีคนซุบซิบนินทาครหาคุณรส...ที่รักของผม”

เสี่ยเซี้ยงพยายามซ่อนความโมโหเอาไว้ใต้สีหน้าของความเป็นห่วงใยต่อหน้าตาและชื่อเสียงของหญิงสาว แต่ตอนนี้ที่คันธรสตัดสินใจแล้ว บวกกับความน้อยใจในท่าทีแข็งกร้าวของบิดา ต้องการประชดประชันความรู้สึกนั้น ทำให้หญิงสาวยื่นหน้าเข้าไปจูบที่ปากหนา กล่าวเสียงหวาน

“ไม่เป็นไรค่ะ...รสไม่สนใจแล้ว...รสรักเสี่ย...เสี่ยรักรส...แค่นี้รสก็พอใจแล้วค่ะ”

โธ่ อีดอกไฮโซ...ทำไมมึงมันโง่อย่างนี้วะ....

เสี่ยเซี้ยงคำรามในใจอย่างงุ่นง่าน...คันธรสกล่าวต่อโดยไม่รู้อารมณ์ของเสี่ยโฉดแม้แต่น้อย

“อย่าว่าแต่...รสตัดสินใจแล้วค่ะ...รสจะแต่งงานกับเสี่ย เราจัดงานกันเองก็ได้...ใช่ไหมคะ...เสี่ยขา”

ตอนท้ายหญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงหวานหยาดเยิ้ม ซึ่งถ้าเป็นปกติเสี่ยเซี้ยงคงอารมณ์กรุ่นด้วยความสบายใจ แต่ตอนนี้มีแต่ความกลัดกลุ้ม จะปฏิเสธก็ใช่ที่ ไม่รู้จะทำอย่างไร ตอนนั้นก็ได้แต่ยกเหล้าเข้าปากเป็นการดับอารมณ์

คันธรสที่หลงคิดว่าอีกฝ่ายแค่หงุดหงิดกับการถูกหักหน้าจากบิดาตนเอง จึงกอดร่างกำยำไว้อย่างเอาใจ บรรจงจูบปากงามไปตามริมฝีปากหนาของอีกฝ่าย

เสี่ยโฉดที่กลัดกลุ้มเต็มที ในที่สุดก็คำรามในใจ.... อีร่าน...อยากนักใช่ไม๊...นังไฮโซหน้าโง่

ร่างกำยำจึงตวัดร่างงามนั้นโอบอุ้มเข้าไปในห้องนอนทันที โดยที่ปากงามของคันธรสไม่ห่างจากปากหนาของเสี่ยเซี้ยง เสียงคราง อืออมมม์ อือมมมมม์ ดังไปตลอดทาง ใบหน้างามนั้นแดงระเรื่อ...

จากนั้นไม่นาน

เสียงครางครวญของคันธรสนั้นดังออกมาอย่างเจ็บปวดระคนเสียวซ่าน ควยอวบที่บดทะลวงโพรงสวาทของเธอนั้นรุนแรงไม่ปราณีปราศรัย ร่างงามที่เปลือยเปล่าสั่นกระตุกวาบๆ ขณะที่คลานนมกระเพื่อมอยู่บนเตียงนอน

เสี่ยเซี้ยงเบิกตาแดงซ่าน ถอดหัวบานร่านั้นออกมาจากโพรงสวาทดัง บ๊วบ ใหญ่ และแหวกแก้มก้นขาวของคันธรสออก และกดหัวควยที่แดงคล้ำนั้นลงไปในรูทวารสวาทนั้นอย่างแรง ร่างบางของคันธรสดิ้นพล่าน อ้าปากร้องสุดเสียง อ๊ายยยยยยยยยยยยยยย....

ทุกทีเสี่ยเซี้ยงจะใช้เจลหล่อหลื่น...แต่คราวนี้ไม่....

“เสี่ย....เสี่ย...ขา....รส...เจ็บ....โอววววว...เจ็บบ.บบบ....อย่าเพิ่งดันเข้ามาค่ะ....อี๊ยยยยยย....”

ร่างบางขยับจะหนีออก แต่มือหยาบนั้นกำไปที่เอวคอดกิ่วนั้นแน่น หัวหยักที่แหวกรูทวารเข้าไปนิดหนึ่ง นั้นถูกแรงอัดจากสะโพกหนา กระแทกแหวกพรวดเข้าไปเต็ม ๆ เงี่ยงควย ผลุ๊บบบ

“อ๊ายยยยยยยยยยยยย......เสี่ยขา.....เจ็บเหลือเกิน.....”

ปากงามแหวกอ้า ใบหน้าของคันธรสแหงนเพริดบิดเบี้ยว ร่างขาวของเธอสั่นระริก เหงื่อเม็ดโป้งๆ ผุดพรายออกมาจากทุกรูขุมขน

เสี่ยเซี้ยงไม่ตอบคำถาม ใบหน้าถมึงทึง แสยะ คิดในใจ

อยากร่านนัก อีดอก....

ปากหนานั้นสูด...ซี๊ดดดดดดด...เพราะแรงบีบจากรูทวารนั้นรัดเข้าแน่นเหลือเกิน เสี่ยโฉดกัดฟันแน่น สูดลมหายใจลึกๆ แล้วเกร็งหน้าท้อง อัดลำควยแหวกเข้าไปอีก ร่างของคันธรสแอ่นระริก ใบหน้างามนั้นบิดเบี้ยว น้ำตาไหลพรากออกมา อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย.....

เสี่ยโฉดส่งเสี่ยงกระเส่า ตอนนั้นลำควยยักษ์จมหายเข้าไปในรูสวาทได้เกือบครึ่งท่อน อูวววววววว...แน่นชิบหาย...รูตูดอีดอกไฮโซ...อูยยยย.ยยยยยยย.....รัดควยแทบขาด...อูยยยยย...แสบบบบ....

เสี่ยเซี้ยงกัดฟัน เกร็งท้องกระทอกควยเข้าไปอีกนิ้วหนึ่ง ท่ามกลางอาการดิ้นเร่าๆ ของคันธรส ปากงามอ้าค้าง อ๊ายยยยยยยยยยยยยยย.....เสี่ยขา.....พอ...พอ...ก่อน....เจ็บบบบ....เหลือเกิน....

เจ็บเรอะ...ก็อยากร่านนี่หว่า..กูก็สนองให้เต็มคราบแล้วไง

เสี่ยเซี้ยงคำรามในใจ ใช้มือขยำไปที่เอวคอดของคันธรส ดึงร่างของหญิงสาวให้กระแทกกลับเข้ามาหาร่างกำยำนั้นที่แอ่นสะโพกกระทอกควยยักษ์สวนเข้าไปเต็มๆ ท่อนอวบบดทะลวงเข้าไปอีกหลายนิ้ว

อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย.....

คันธรสร้องสุดเสียง ร่างบางงามนั้นหลังแอ่นโย้ เนื้อขาวๆ เต้นระริกๆ ไปทั้งตัว เสี่ยเซี้ยงก้มลงมองรูทวารที่แหกถ่างออกขยอกท่อนเอ็นของตัวเองไปจนกว่าครึ่งค่อนแล้ว ก็แสยะยิ้ม ใช้มือบีบไปที่แก้มก้นงอนงามขาวสล้างนั้นอย่างเมามัน ขยำขยี้ไปตามเนื้อเนียน บีบเคล้นจนเนื้อขาวๆ นั้นปลิ้นออกมาตามร่องมือหยาบ

“.ซี๊ดดดดด....อ๊ะ...อ๊ะ....โอ๊ววววว....เสี่ย....เสี่ย...ขา...โอยวววววว.....เจ็บ....เหลือเกิน....”

คันธรสครางครวญ สะบัดหน้างามไปมาอย่างเจ็บปวด ผมเผ้ายุ่งเหยิงเป็นกระเซิงปกคลุมใบหน้างามนั้น เสี่ยเซี้ยงหัวเราะอย่างสะใจ ใช้มือเอื้อมไปจับข้อมือบางทั้งสองด้านของหญิงสาวดึงเธอกลับจนหลังแอ่น ก้อนเต่งตึงที่ทรวงอกเด้งกระเพื่อม ก่อนที่สะโพกหนาจะกระทอกแรงๆ อัดควยเบียดเข้าไป เบียดเข้าไป เบียดเข้าไป.....

อ๊ายยยยยยย.....อ๊ายยยยยยยยย...อ๊ายยยยยยยย....อ๊ายยยยยยยยยยยย

สาวสวยครางลั่นห้อง ร่างสั่นกระตุกราวกับปลาถูกทุบหัว จนรูทวารนั้นแหกกว้างดูดกลืนท่อนเอ็นอวบนั้นเข้าไปจนมิด หนอกควยยักอัดบดไปที่แก้มก้นขาวที่แบะถ่างออกจนสุด กระโปกควยเหี่ยวดำของเสี่ยเซี้ยงตบกระแทกไปตรงกลีบอูมของคันธรสเสียงดัง แผละๆๆ

เสี่ยเซี้ยงครางกระเส่า ก้มลงไปนาบลำตัวเข้ากับแผ่นหลังของหญิงสาว เอื้อมมือเข้าไปขยำสองเต้าอวบอิ่มนั้นอย่างเมามัน เนื้อขาวๆ ปลิ้นไปตามร่องมือของเสี่ยโฉด ขณะที่ปากหนานั้นกระซิบกระซาบ

“คุณรส...คุณรักผมใช่ไหมจ๊ะ....”

คันธรสที่รู้สึกเหมือนกับตัวจะขาดออกจากกันเพราะท่อนอวบที่ยัดเข้ามาในรูทวาร ใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างเจ็บปวด แต่ปากงามนั้นก็ส่งเสียงกระท่อนกระแท่น

“รัก..ค่ะ...รส...รักเสี่ย...ซี๊ดดดดดดด....”

“รักผม..ก็กระเด้าสะโพกสวยๆ ให้ผมหน่อยสิจ๊ะ.....”

เสียงเสี่ยเซี้ยงนั้นไม่ต่างอะไรกับคำสั่งของเจ้าชีวิต แม้ว่าจะเจ็บแสบจนแทบขาดใจ แต่คันธรสก็กัดฟันแน่น แอ่นโยกสะโพกผายโย้ก้นของตัวเองลากไปตามลำเอ็นที่บานแผ่เต็มรูทวาร อื้ออออออออออออออออ เสียงครางออกมาอย่างปวดแสบ เมื่อลำอวบนั้นครูดไปกับผนังโพรงของเธอ

พอเธอโย้สะโพกรูดปากทวารไปตามลำอวบจน ควยยักษ์ที่ตอนนั้นมีมันเยิ้มปลาบหลุดออกมาประมาณครึ่งท่อน หญิงสาวก็กัดฟันแน่น แข็งใจกระเด้าสะโพกผายของเธอ บดรูทวารที่แหวกอมท่อนควยยักษ์ ขยอกท่อนอวบนั้นกลืนกลับเข้าไปในร่าง จนแก้มก้นขาวนั้นกระแทกไปตรงหนอกควยดัง พลั่ก

เสี่ยโฉดครางกระเส่า....อูยยยยยย...อย่างนั้น....ที่รักของผม......โอววววว....สุดๆๆ....ไปเลย

คันธรสอ้าปากพะงาบๆ อย่างเจ็บแสบ แต่เพราะต้องการเอาใจเสี่ยเซี้ยง เธอก็แข็งใจโย้สะโพก กระเด้าก้นผาย ขยอกคลึงควยอวบนั้นเป็นจังหวะ พลั่ก พลั่ก พลั่ก เหงื่อเม็ดโป้งๆ อาบไปทั่วร่างจนขาวปลาบไปทั้งตัว

ความเสียวกระสันที่ได้รับจากรูทวารที่บีบตอดแน่นรัด ทำให้เสี่ยเซี้ยงแสยะปากออกมาอย่างสะใจ มือกำไปที่แก้มก้นขาว พอสะโพกผายนั้นได้จังหวะกำลังกระเด้าขยอกควยตัวเอง เสี่ยโฉดก็อัดสวนเข้าไปเป็นแรงบวกเต็มๆ

ป้าป.........อ๊ายยยยยยยยยยยยยยย......

ร่างบางนั้นสะท้านเฮือกใหญ่ ปากงามคราง ...ซี๊ดดดดดดดดดดด....เสี่ย....ขา...

เสี่ยเซี้ยงติดเครื่องแล้ว สะโพกหนานั้นกระทอกควยเป็นจังหวะ ขณะที่คันธรสเองรูทวารที่อ้าถ่างนั้นเริ่มปรับตัวให้เข้ากับสิ่งที่อัดแน่นอยู่ ทำให้จังหวะสอดกระแทกของควยยักษ์เป็นไปราบรื่นขึ้น เสียง ป้าบ ป้าบ ป้าบ ป้าบ ดังกระชั้นขึ้น แรงขึ้น ถี่ขึ้น.....อ๊ายยยยย....อ๊ายยยยย...ซี๊ดดดดดด...ซี๊ดดดดดด...อูวววววว อูวววววว อูววววววว

ใบหน้าของเสี่ยโฉดบิดเบี้ยว ปากครางกระเส่า นาบลำตัวไปกับแผ่นหลังขาวเปลือย อ้อมมือไปขยำสองเต้าอวบเป็นการเร่งเร้าสัญญาณให้ร่างงามที่คลานอยู่โย้สะโพกผายขยอกรับควยที่บดทะลวงเข้ามาราวกับลูกสูบ เสียง ปั่บๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ดังสนั่นห้อง พร้อมๆ กับเสียงดัง อ๊ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อูววววๆๆๆๆๆๆๆ
เร็วๆๆๆ...ที่รัก...โอวววว...อย่างนั้นๆๆ...เร็วอีกๆๆๆๆ....อาวว...อูวว...สุดยอดด....ดีๆๆๆ...โอววว..ปั่บปั่บๆๆ

คันธรสพลันรู้สึกถึงแรงบีบเคล้นที่สองเต้ามันแรงหนักหน่วงมากขึ้น และแรงกระแทกของหนอกยักษ์นั้นที่เข้ามากระทบกับแก้มก้นของเธอก็แรงขึ้นๆๆๆ ปั๊กกกๆๆๆๆๆ แสดงให้เห็นอาการใกล้จุดกระสันเต็มทีของเสี่ยเซี้ยง หญิงสาวจึงกัดฟันแน่น เร่งเครื่อง กระเด้าสะโพกผายร่อนรับอย่างเร่าร้อน อึ้อออออออ อึ้ออออออออ ๆๆๆๆ

โอวววว...ที่รัก....โอวววว...โอวววว...โอวววว.....โอววววววว....อ๊าซซซซซซ อ๊าซซซซซซซ.....อ๊าซซซซซซซ

เสี่ยโฉดแหกปากร้องคราง ใบหน้าบิดเบี้ยว กระตุกร่างวาบๆ กระฉูดน้ำกามเข้าไปในรูทวารสวาทที่ตอดรัดนั้นราวกับยิงปืนกล พรวดๆๆๆๆ...กระทอกลำควยไม่หยุด ปั่บ ปั่บ ปั่บ ปั่บ จนกระทั่งรีดน้ำกามออกไปจนหยดสุดท้ายแล้ว จึงค่อยดึงควยออกมาดัง บล๊อบ

คันธรสที่เหนื่อยแทบขาดใจ ถึงกับล้มฟุบคว่ำไปกับเตียง รูทวารที่บานเบ้อ ตอนนั้นเกรอะกรังไปด้วยน้ำกามที่เจิ่งนองออกมา ไปทางลากลงไปตามร่องหลืบและกลีบอูมที่ฉ่ำแฉะ

เสี่ยเซี้ยงที่สมอารมณ์หมายไปแล้ว ทิ้งตัวลงแนบไปกับแผ่นหลังขาวเปลือยนั้น ลากไล้มือไปอย่างหื่นกระหาย

อีดอกนี่...แม่งเย็ดสะเด่า.จริงๆ...เอาวะ...เรื่องเงิน...เอาไว้ค่อยๆ คิดหาทางดูอีกที...มานอนแบหีให้กูทั้งคืนอย่างนี้ก็อร่อยควยไปอย่างว่ะ...ฮ่ะฮ่ะ....

เสี่ยเซี้ยงหัวเราะกระเส่า พลิกร่างงามของคันธรสให้นอนหงายกับเตียง แบะสองขาอ่อนขาวเรียวผ่องให้ถ่างออก ก่อนจะกระเด้าควยอวบทะลวงโพรงหลืบนั้นเข้าไปอย่างเมามัน เสียงหนอกควยกระแทกโคกอูม ปั้ป ปั้ป ๆๆ ปากหนาก้มลงไปดูดดื่มหัวนมงอนงามบนสองเต้าอวบ ซ๊วบบบบ ซ๊ววบบบบบบ

คันธรสแอ่นอกอูมและโคมสาวร่อนรับการกระทำของเสี่ยเซี้ยงอย่างเสียวซ่านรัญจวน โอบแขนเรียวตวัดกอดไปที่ร่างหนากำยำที่ทาบทับเธออยู่ ปากงามครางครวญ

“เสี่ย...ขา....ซี๊ดดดดด....ซี๊ดดดด....”

เพลงกามที่เร่าร้อนดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง

.........................

bananaa 2010-04-26 22:54
ฐิติพรรณที่หงุดหงิดงุ่นง่าน ใกล้เวลาที่เธอรับปากชิดกับพวกไว้แล้ว เธอจะทำยังไงดี?

แค่เด็กสาวคิดว่าจะต้องถูกเดนสังคมพวกนั้นแตะต้องก็ทำให้เธออยากจะอาเจียนออกมาด้วยความขยะแขยง อย่าว่าแต่ภายใต้ความรังเกียจสะอิดสะเอียนนั้นมันยังแฝงไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง

มันเป็นความประหวั่นพรั่นพรึง ที่ฐิติพรรณรู้แน่แก่ใจว่าสวะพวกนั้นจะต้องหันมาระบายความเก็บกดเข้ากับเธออย่างรุนแรงป่าเถื่อน จนแค่คิดพริตตี้สาวก็ขนลุกด้วยความหวาดผวา

ไม่ยอม..เธอจะไม่ยอมตกเป็นเหยื่อระบายอารมณ์ของไอ้สวะพวกนั้นอีกต่อไป...ไม่มีวัน....

แล้วเธอจะหันหน้าไปปรึกษาใคร...เรื่องที่เกิดขึ้นมันเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ...เธอยิ่งไม่มีทางหันหน้าเข้าหาเพื่อนคนไหนได้เลย...อย่าว่าแต่ตอนนี้เธอนั่งอยู่
แต่เพียงคนเดียว ปราศจากเพื่อนฝูงสนิทร่วมกลุ่มที่เคยเดินด้วยกัน...

เป็นเพราะหลังจากที่เธอทุ่มเทสุดตัวในการเข้าไปตีสนิทอรนุช ทำให้ศจีกับผองเพื่อนซึ่งไม่เข้าใจในความมุ่งหมายที่แท้จริง คิดว่าพริตตี้สาวยอมแพ้ให้กับอรนุช ศจีถึงกับยื่นคำขาด

“นังไอซ์ ถ้าแก...ไปพะเน้าพนอนังชะนีนุชนั่นอีก...ฉันกับแก...เลิกคบกัน”

แน่นอนในตอนนั้นฐิติพรรณยักไหล่อย่างไม่สนใจ เพราะปัญหาของเธอนั้นมันกดดันตัวเธอหนักหนาสาหัสนัก..เกินกว่าความสัมพันธ์ที่แม้จะมีมาช้านานระหว่างเธอกับศจีจะเทียบเท่าได้ ดังนั้นศจีกับเพื่อนร่วมก๊วนจึงตัดสินใจบอยคอยพริตตี้สาว โดยแยกวงไปต่างหาก

ในเวลานั้นดวงตาของพริตตี้สาวเต็มไปด้วยความว้าวุ่นสับสน ตอนนี้เธอจะทำอย่างไรดี

เพราะสิ่งที่เธอต้องทำนั้นคือการเป็นตัวชักนำให้ใครสักคนหนึ่งไปเป็นตัวแทนของเธอรองรับการระบายอารมณ์ดิบเถื่อนทุกอย่างที่ไอ้สวะพวกนั้นต้องการ

ในมโนธรรมที่มีในส่วนลึก ที่เคยฟ้องกับตนเองว่าสิ่งที่กำลังทำนั้นเป็นสิ่งผิด แต่ความดิ้นรนต้องการปกป้องตัวเองจากเงื้อมือของเดนนรกเหล่านั้น ทำให้ฐิติพรรณพยายามหาเหตุผลบอกกับตัวเองว่า อรนุชนั้นสมควรต้องรับโทษทัณฑ์ให้สาสม เป็นเพราะอรนุชเธอจึงตกอยู่ในสภาพนี้....

แต่ตอนนี้....กับใครสักคนที่ไม่ใช่อรนุช...แต่เธอก็ต้องทำ...เพราะถ้าไม่ทำ...คนที่เจ็บปวดก็ต้องเป็นตัวเธอเอง...

ทันใดนั้นดวงตาที่ว้าวุ่นสับสนของฐิติพรรณก็เจิดจ้า

..............................

“แอ๋ว...ดูไอซ์มันซึมๆ..ไปนะ...ไม่สงสารมันบ้างเหรอ”

เพื่อนฝูงถาม ตอนนั้นทั้งหมดที่นั่งกันอยู่ในม้านั่ง มองเห็นเพื่อนสาวนั่งไหล่คู้อยู่อย่างเดียวดายไกลๆ

ศจีเองก็เริ่มใจอ่อนกับสภาพที่เธอเห็นตรงหน้า ....ไอซ์มันไม่เคยเป็นอย่างนี้....ไม่เคยดูแย่อย่างนี้.....

“ฮื่อ...ฉันก็ว่างั้น...ดูมันจ๋อยมาก...ไม่อยากเชื่อนะว่าไอซ์มันจะเป็นถึงขนาดนี้”

“เอาไง...ยกโทษให้มันเหรอ...”

ศจีหน้านิ่ว เธอเองยังยอมรับไม่ได้ที่เพื่อนสนิทก้มหัวให้กับคู่อริแบบหมดศักดิ์ศรี ถ้าเธอเข้าหาฐิติพรรณตอนนี้ก็เท่ากับว่าเธอยอมรับในการตัดสินใจของเพื่อน...ซึ่งมันไม่ใช่...เธอไม่คิดว่าจะยอมรับได้...

เชอะ...อีชะนีนุชอาศัยเกิดมาเป็นลูกคนรวย...แล้วมีดีอะไร...ทำไมต้องไปก้มหัวพะเน้าพะนอมันอย่างนั้น

ในที่สุดเด็กสาวสั่นศีรษะ กล่าวเสียงแข็ง พร้อมกับสะบัดหน้าไปอีกทางหนึ่ง ไม่อยากเห็นภาพของเพื่อนที่เธอเคยคิดว่ารักที่สุด...

“ช่างเหอะ...ตราบใดที่นังไอซ์มันยังไม่รู้จักรักศักดิ์ศรีตัวเอง...ฉันก็ไม่อยากยุ่งกับมัน”

“เฮ้ยๆ....ดูสิ...ใครมานั่น”

ศจีหันกลับไปก็แลเห็นนักศึกษาคนหนึ่งเดินเข้ามาหาฐิติพรรณ ดวงตาของศจีเบิกพล่าน

“แอ๋ว...แกเห็นเหมือนกับที่ฉันเห็นหรือเปล่า นังไอซ์มันก้มหัวให้อีลูกเจ๊กนั่นด้วย”

ใช่ทำไมเธอจะไม่เห็น....เพื่อนของเธอ...คนที่เธอเคยรักนักหนา และคิดว่าเป็นนักสู้ชีวิตที่มีศักดิ์ศรีและไม่เคยก้มหัวให้กับใคร ตอนนี้กำลังยืนก้มศีรษะให้กับเด็กสาวอีกคนหนึ่ง...รุจิรา...ที่กำลังแหงนหน้าหัวเราะอย่างผู้มีชัย

ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังเห็นฐิติพรรณพยายามกุมไปที่มือของรุจิรา แต่อีกฝ่ายสะบัดหนี แต่เพื่อนของเธอก็ยังตื้อ...ภาพนั้นมันทำให้ศจีรู้สึกเจ็บจี๊ดจนน้ำตาคลอด้วยความอัดอั้นตันใจ....

“พวกเราไปกันเถอะ....”

ศจีพูดอย่างสุดแค้น สะบัดหน้าเดินหนีไปทันที เพื่อนๆ ร่วมกลุ่มก็มองไปยังภาพที่เห็นอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ก่อนจะพากันเดินตามศจีไปกันทุกคน

...................

ในความคิดของรุจิราตอนนั้นถึงแม้ในส่วนหนึ่งเธอแปลกใจเหลือประมาณที่เด็กสาวที่เธอเคยเขม่น และอีกฝ่ายแสดงท่าทีไม่เคยเห็นเธออยู่ในสายตา ถึงกับมีทีท่าโอนอ่อนเข้าหาเธอ และแสดงเหมือนยอมรับที่ผ่านมานั้นเป็นคนผิด แต่อีกใจหนึ่งที่กำลังเพริดแพร้วไปด้วยความยินดีนั้นกลบความรู้สึกแปลกใจนั้นไปจนหมด

ลึกๆ รุจิรานั้นก็รู้ว่าเธอมีดีกว่าฐิติพรรณแค่ฐานะครอบครัว ดังนั้นในตอนนี้ที่อีกฝ่ายยอมก้มหัวให้ มันทำให้เด็กรู้สึกกระหยิ่มในใจจนเหลือประมาณ

“ไอซ์ขอโทษนะ...ที่เมื่อก่อนทำไม่ค่อยดีกับรุ...”

รุจิราผงกศีรษะ ในเมื่ออีกฝ่ายยอมเธอถึงขนาดนี้แล้ว เธอจะไม่ให้อภัยมันก็กระไรอยู่ แต่ถึงกระนั้นรอยยิ้มหวานอย่างเชือดเฉือนนั้นตามมาด้วยเสียงเย้ยๆ

“ไม่เป็นไร...รุไม่ถือ...”

พริตตี้สาวที่ซ่อนความเลือดเย็นเอาไว้ในหน้า....แก...นังลูกเจ๊ก...ใช่...แกน่ะเหมาะ...เหมาะที่สุด...

รุจิราที่คิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายชนะอย่างงดงาม หันกายจะเดินจากไป ฐิติพรรณก็ยื้อข้อมือของเด็กสาวหน้าผ่องเอาไว้

“เดี๋ยวสิรุ...”

“มีอะไรหรือ...ไอซ์”

รุจิราพยายามสะบัดมือหนี แต่พริตตี้สาวก็ตื้อจนกุมเอาไว้จนได้ พร้อมกับพูดเบาๆ ว่า

“รุ...รุ...อยากรับงานเป็นพริตตี้ไหม..”

เด็กสาวหน้าสวยผ่องด้วยเชื้อจีนชะงักไปครู่ใหญ่ ดวงตารีนั้นเปล่งประกาย แต่ยังไว้เชิงกล่าวว่า

“ไม่เห็นอยาก...รุ..ไม่เหมือนไอซ์นี่ที่ต้องการทำงานงกๆ เพื่อหาเงินใช้...”

ฐิติพรรณใบหน้าไม่เปลี่ยนสีต่อคำพูดถากถางนั้น เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอฉลาดพอจะอ่านออกว่าเด็กสาวตรงหน้านั้นโหยหาอะไร

“ไม่เกี่ยวนี่รุ...เพื่อนพริตตี้ของไอซ์ที่เขาเป็นลูกคนรวยมีเยอะแยะไป...เขาทำงานนี้ก็เพราะช่วยให้ตัวเองดูเด่น...เป็นที่ยอมรับ...และเปิดโอกาสในสังคม
ต่างหากล่ะจ๊ะ..”

รุจิราตาสว่างวาบ...ท่าทีอ่อนลงไปจนพริตตี้สาวเหยียดยิ้มในหน้า แต่ยังคงกล่าวอ่อนหวาน

“นะ...ลองไปดูหน่อยก็แล้วกัน....ไม่เห็นเสียหาย”

“แต่...แต่..พ่อของรุ..คงไม่อนุญาต...”

รุจิราที่ใจเอนเอียงไปในทางรับตั้งแต่แรก เพราะเธอนั้นแม้จะเป็นคนรวย และมีหน้าตาที่จัดอยู่ในขั้นดีอีกทั้งมีผิวพรรณที่ขาวงามโดยเชื้อจีนจากพ่อแม่ แต่เธอก็ไม่เคยเด่นดังเทียบเท่าฐิติพรรณได้ ...เมื่อก่อนเธอเคยคิดจะเลียนแบบฐิติพรรณ แต่แค่พูดว่าจะลองไปเป็นพริตตี้ พ่อของเธอซึ่งเป็นคนจีนหัวโบราณก็ห้ามเด็ดขาด...รุจิราไม่กล้าขัดใจพ่อก็เลยไม่ได้ลองทำอย่างที่ตั้งใจ

ตอนนี้ความคิดนั้นได้พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกจากการชักชวนของอีกฝ่ายที่น่าจะรู้ช่องทางลัดได้ดี...ถ้าฐิติพรรณเต็มใจช่วย...เธอคงไม่ยากที่จะได้เป็น

แต่อุปสรรคสำคัญก็คือพ่อของเธอน่ะสิ....

“ถ้าอย่างนั้น ขอให้ไอซ์ลองแคปรูปรุ ส่งไปให้เอเจนซี่ดู...ถ้าเขาสนใจเราก็ไปลองดูดีไหม...จากนั้นค่อยมาคิดกันว่าจะหว่านล้อมพ่อเธอยังไง...ดีไหมจ๊ะ”

ฐิติพรรณกล่าวเสียงหวาน พร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย ซึ่งรุจิราก็เผยความรู้สึกในใจออกมาโดยไม่รู้ตัวโดยพยายามยืนโพสในท่าที่คิดว่าดูดีที่สุดให้กับอีกฝ่ายถ่าย ซึ่งพริตตี้สาวแคปทั้งภาพเต็ม และโคลสอัพใบหน้าที่สวยผ่องนั้นเอาไว้

ก่อนที่พริตตี้สาวทำทีเป็นขอโทรศัพท์ไปหาเอเจนซี่ เดินผละออกจากรุจิราที่ยืนวาดฝันอยู่

เสียงหัวเราะที่ดังมาจากปลายสายนั้น ทำให้ฐิติพรรณถอนหายใจออกมา พร้อมๆ กับเหยียดยิ้มให้กับรุจิราที่ยืนอยู่ด้านหลัง

“ใช้ได้...ถึงแม้จะสวยสู้พี่ไอซ์ไม่ได้ แต่ขาวๆ หมวยๆ อย่างนี้ผมชอบ....”

เสียงชิดหัวเราะร่วน จากนั้นพริตตี้สาวได้ยินเสียงแว่วๆ ของมืดดังมา

“เห็นหน้าอีหมวยแล้วเงี่ยนโว้ย....”

bananaa 2010-04-26 22:55
พริตตี้สาวรับฟังคำพูดยาวเหยียดของหัวโจกแก๊งเด็กนรกที่ตามติดมา แววตาของเด็กสาวตอนนี้มันพล่านระริกด้วยความยินดีสะอารมณ์...

ฐิติพรรณซ่อนความรู้สึกทั้งมวลไว้ภายใต้หน้ากากแห่งความอ่อนหวาน ขณะที่เดินกลับไปหารุจิรา

“เขาสนใจรุมากนะ...บอกว่าอย่างรุ...เป็นพริตตี้ได้สบายเลย”

รุจิราหน้าแดงด้วยความพอใจ ยิ้มออกมาอย่างอิ่บเอิบ

“แล้วรุต้องทำอะไรบ้างล่ะ…ไอซ์”

เสียงของเด็กสาวตอนนี้อ่อนหวานราวกับเป็นคนละคน ซึ่งฐิติพรรณหัวเราะคิก เอื้อมไปจูงมือรุจิรา คราวนี้เด็กสาวหน้าสวยผ่องยอมให้จับแต่โดยดี

“วันนี้...เขาอยากลองถ่ายภาพของรุดูหน่อยน่ะ”

รุจิรากระตือรือร้นจนออกนอกหน้า

“ถ้าอย่างนั้น รุจะโทรไปบอกที่บ้านว่าจะกลับดึกหน่อยแล้วกัน”

“จ้ะ...ดีทางบ้านจะได้ไม่เป็นห่วง”

พริตตี้สาวรับคำอย่างยิ้มแย้ม แต่ดวงตาเป็นประกายวับ โดยที่รุจิราไม่ทันสังเกตเห็นเพราะมัวแต่ดีใจ โทรศัพท์ไปบอกทางบ้าน

……………………………..

คมศรนั่งอยู่ในรถจี๊ปที่วิ่งไปตามถนนที่ขรุขระที่ตัดผ่าแนวไร่ต้นสักที่ตอนนี้เขียวสะพรั่งงดงาม คนขับรถเป็นชายฉกรรจ์ไว้หนวด ซึ่งกำลังชี้มือไปยังแนวสักที่ด้านข้าง ส่งเสียงตะโกนแข่งกับเสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่ม

“แนวกันไฟที่พ่อเลี้ยงสั่งให้ถาง...ตอนนี้จัดการเรียบร้อยแล้วครับ”

ชายหนุ่มหน้าคร้ามผงกศีรษะ สายตาที่ทอดแลไปยังสองฟากนั้นเต็มไปด้วยความพึงพอใจ

ฤดูตัดไม้ที่กำลังจะมาถึงนั้น ไม้เหล่านี้จะแปรไปเป็นสินค้าที่มีมูลค่ามหาศาลให้กับเขา

เมื่อรถจี๊ปวิ่งปุเลงๆ ฝ่าพื้นที่อันขรุขระ เข้าไปจนถึงบริเวณปางไม้ของพนักงานที่ปลูกอาศัยกันเป็นระเบียบเรียบร้อย คนขับก็เคลื่อนรถเข้าไปจอด ในบริเวณปางไม้ตอนนั้นมีผู้คนยืนกันเป็นกลุ่ม พอคมศรก็ก้าวลงไปจากรถ คนทั้งหมดก็ตรงเข้ามาทักทายอย่างนอบน้อม ซึ่งในจำนวนนั้นยังมีคนในเครื่องแบบตำรวจสองสามคนด้วย

คมศรทักทายกับนายตำรวจหนุ่มคนหนึ่ง

“สารวัตรครับ...ดูจุดเกิดเหตุเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ”

พันตำรวจตรีรอรุณซึ่งเป็นสารวัตรปราบปรามที่มีความเด็ดขาดซื่อตรงในการปราบปรามการทำไม้เถื่อน และยาเสพติดเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของทางการในการจัดการกับอิทธิพลเถื่อนในจังหวัดลำปาง

นายตำรวจหนุ่มผงกศีรษะ ยื่นมือมาให้คมศรจับแน่น

“ครับ...พ่อเลี้ยง”

ชายหนุ่มหน้าคร้ามเป่าปาก ยิ้มแยกเขี้ยวขาวแวววาว

“คราวนี้ฝั่งนั้นมันล่อคนผมจนเจ็บไปสาม...”

พันตรีหนุ่มตอนนั้นเดินมากับคมศรแยกตัวจากกลุ่มคนออกมา มีเพียงชายฉกรรจ์ไว้หนวด และชายกลางคนร่างกำยำที่เดินตามมาสองคน

“ผมแปลกใจ...ตอนนี้ไม่ใช่หน้าล้มไม้...พวกนั้นก่อกวนพ่อเลี้ยงทำไม...”

นายตำรวจหนุ่มกล่าวด้วยสีหน้าสงสัย คมศรเองก็เคยคิดเช่นนั้น หลังจากใคร่ครวญดูชายหนุ่มก็มีผลสรุปในใจสองสามอย่าง ตอนนั้นก็กล่าวกับนายตำรวจที่เขาสนิทสนมด้วย

“ไอ้อดิศัยมันไม่ทำอะไรห่ามๆ โดยไม่วางแผน....ถ้าผมคิดไม่ผิดนะ...มันก่อกวนคราวนี้ต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของพวกเรา”

พันตรีหนุ่มตาลุกโพลง

“พ่อเลี้ยงหมายความว่า...”

คมศรผงกศีรษะกล่าวสั้นๆ

“ไม่ยา...ก็อาวุธสงคราม”

นายตำรวจดีดนิ้วเป๊าะทันที...

“สอดคล้องกับสายที่เรารายงานว่าจะมีการขนสินค้าล๊อตใหญ่เร็วๆ นี้ครับ”

คำพูดของสารวัตรหนุ่ม ทำให้ร่องรอยในแววตาประกายเหล็กนั้นเชื่อมั่นในความเห็นของตนเองมากยิ่งขึ้น

“อือม์...ถ้าอย่างนั้น...ดูเหมือนเรามีงานต้องทำกันอีกแล้วสินะ...สารวัตร”

กล่าวจบก็หันมายังชายร่างกำยำที่เป็นผู้จัดการปางไม้นี้

“ลุงแก้ว...ช่วยดูเรื่องเวรยาม..เตรียมคนเพิ่มขึ้นอีกกะละสองนะ...ปิง...ช่วยลุงแก้วเรื่องอาวุธ...ถ้าขาดเหลืออะไรติดต่อไปที่สำนักงาน...ของที่ฉันสั่งค
งได้มาแล้วจากกรุงเทพ...”

ลุงแก้วผู้จัดการปางไม้กับปิงชายหนุ่มคนขับรถที่ไว้หนวดซึ่งเป็นมือขวาคนสนิทของคมศรที่ยืนอยู่ด้านหลังรับคำแล้วผละไปจัดการตามคำสั่ง

จากนั้นคมศรก็หารือกับพันตรีหนุ่มมือปราบคนดังอีกนานจนกระทั่งอีกฝ่ายลากลับไป

ทิวไม้ยามเย็นย่ำ มืดสลัวลงอย่างรวดเร็ว บรรยากาศในบริเวณปางไม้นั้นความจริงนับว่าเย็นร่มรื่นย์ เป็นภาพที่ชวนให้มองแล้วเกิดความสบายใจ

แต่ในเวลานั้นดวงตาประกายเหล็กนั้นมีวี่แววของความกังวล...เขารู้สึกเหมือนกับมีลางสังหรณ์แปลกๆ
.......................

อรอุษาที่ทานข้าวเย็นอาบน้ำเรียบร้อยนั่งอยู่บนเตียงในห้องของอรนุช กำลังมองดูพี่สาวคนกลางจัดเสื้อผ้ายัดๆ ลงกระเป๋า ดวงตากลมโตสวยคู่นั้นเริ่มปรากฏสีแดงๆ เมื่อนึกถึงว่าตั้งแต่พรุ่งนี้เธอต้องอยู่บ้านคนเดียว

อรนุชจัดเสื้อผ้าเสร็จ ก็เดินมานั่งข้างๆ น้องสาวบนเตียง กอดร่างบางนั้นเอาไว้ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ พยายามทำเสียงให้ร่าเริง และจิ้มจมูกของเธอไปที่พวงแก้มบางใสนั้น

“เอ้า...ทำหน้าเศร้าอีกแล้ว...โธ่ๆๆ..พี่ไปแค่สามสี่วันเอง...แป๊บเดียวก็กลับแล้ว...ยังไม่ทันหายคิดถึงหรอก”

ดวงตาที่แดงนั้นเริ่มปรากฏรอยรื้นของน้ำตา อรอุษากล่าวเสียงสั่นๆ ว่า

“ไม่รู้สิคะ...ษารู้สึกแปลกๆ...คราวนี้ไม่เหมือนทุกครั้ง...ไม่อยากให้พี่นุชไปเลย”

อรนุชรั้งศีรษะได้รูปของน้องสาวมาแนบไหล่ตัวเอง โอบหลังโอบไหล่อรอุษาวุ่นวาย ปลอบใจเสียงอ่อนหวาน

“ไม่นะจ๊ะ..ษาคนเก่งของพี่...อย่าขี้แย...พี่ไปกับพี่แต๋ว กับกองประกวด...โอ๊ย...คนเยอะแยะหลายสิบคน...รับรองไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้นแหล่ะจ้ะ...ษาไม่ต้องคิดมาก”

อรอุษาเองก็อยากจะเชื่ออย่างนั้น แต่ในเวลานี้เธอรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างประหลาดจนจับใจ เมื่อก่อนเธออาจจะเคยหงุดหงิดไม่สบายใจเมื่อบางครั้งบางคราวพี่สาวทั้งสองปล่อยทิ้งให้เธออยู่บ้านคนเดียว แต่ความรู้สึกนั้นมันเป็นเพียงความรู้สึกแห่งความน้อยใจและเหงาใจที่ไม่มีบุคคลที่เธอรักอยู่ใกล้ๆ

ไม่เหมือนครั้งนี้ที่เธอรู้สึกแปลกๆ ตั้งแต่เมื่อค่ำคืนก่อน อะไรบางอย่างมันรบกวนจิตใจเธอตั้งแต่ที่รู้ว่าพี่สาวคนกลางต้องไปต่างจังหวัด จนเธอถึงกับฝันร้าย

ฝันร้ายนั้น...ฝันที่อรอุษาจำรายละเอียดไม่ได้แล้วว่าเธอฝันว่าอะไร...แต่ในความฝันที่รางเลือนไม่ต่างอะไรกับภาพเงามายาที่พร่าพรายนั้น เด็กสาวจำได้แต่ว่าตนเองนั้นรู้สึกทรมานจนร่างกายแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ จนต้องหวีดร้องออกมา และสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึก เหงื่อแตกเต็มตัว

ในเวลานั้นเด็กสาวแสนสวยตัวสั่นขึ้นมาในอ้อมแขนของพี่สาว เธอกลัว....กลัวจริงๆ....

.......................

ไม่มีความคิดเห็น: