ขายของ
วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557
ไฟใกล้ฟาง
หลังจากลุงรินทร์เดินทางไปต่างประเทศแล้ว เจมส์จำต้องอยู่บ้านท่านอีกสักระยะตามคำสั่งของทั้งท่านและพ่อ วันไหนเซ็ง ๆ ก็โทร.ไปชวนไอ้ณัฐและไอ้ออยออกไปเที่ยวห้าง ดูหนังตามประสาวัยรุ่น แต่ก็จะพยายามกลับบ้านก่อนป้าพิมเลิกงาน
วันนี้ก็เช่นเดียวกัน เขากลับมาจากด้านนอก เหงื่อชุ่มเต็มตัว เปิดประตูบ้านเข้ามาก็เจอป้าแย้ม แม่บ้านคนเก่าคนแก่ซึ่งเป็นแม่นมเลี้ยงป้าพิมมาแต่เล็ก แต่น้อย จึงกล่าวทักทายเช่นทุกครั้ง
“หวัดดีครับป้า...ป้าพิมกลับมาบ้านยัง ผมเห็นรถจอดอยู่ด้านนอก”
“กลับมาแล้วค่ะ...วันนี้กลับเร็วเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าไม่สบายหรือเปล่า”
ป้าแย้มกล่าวตอบเขาอย่างสุภาพ
“คุณเจมส์ไปไหนมาล่ะคะ เหงื่อชุ่มเต็มตัวเชียว ไปอาบน้ำก่อนสิคะ จะได้มาทานอาหารเย็นพร้อมกับคุณหนู”
“แล้วป้าพิมตอนนี้อยู่ไหนล่ะครับ”
“ถามหาคุณเจมส์แล้ว ก็บอกว่าจะขึ้นไปอาบน้ำ คุณเจมส์เข้าไปหาเธอสิคะ คุณหนูบอกป้าว่าถ้าคุณเจมส์ กลับมาให้ขึ้นไปตามค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้น ป้าไปจัดอาหารเถอะ เดี๋ยวผมขึ้นไปตามป้าพิมเอง”
แปลกแฮะ ปกติป้าพิมไม่กลับบ้านเร็วอย่างนี้ สงสัยวันนี้คนป่วยน้อย แต่ดูท่าหมอจะเป็นไข้หรือเปล่าหรือเปล่า....
เขารำพึงกับตนเอง ขณะเดินตรงไปยังห้องนอนตน เปิดประตูเข้าไป ก็รีบจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อเตรียมตัวลงไปรับประทานอาหารเย็นร่วมกันเช่นทุกวัน แต่ก่อนที่จะเดินลงไปด้านล่าง เขาตัดสินใจเดินไปทางห้องนอนของลุงรินทร์ เพื่อดูว่าป้าพิมเธอลงไปด้านล่างหรือยัง
ป้าพิมภรรยาสาววัย ๓๓ ปีซึ่งอายุอ่อนกว่าลุงรินทร์ผู้เป็นสามีถึง ๑๔ ปี ในวัยล่วงเลยหมายเลขสามมาแล้ว แต่ความเป็นลูกผู้ดีมีสกุลตลอดถึงความเป็นแพทย์ของเธอด้วย ทำให้ยังคงความเป็นสาวสวยสะพรั่ง ขนาดว่าแต่งงานกับลุงรินทร์มาแล้ว ๖ ปี แต่ความสวย ความสาว ยังคงอยู่สภาพเดิมเหมือนวันที่เขาเห็นในงานแต่งอย่างไรอย่างนั้น
เห็นคงแรกยังนึกสงสัยเลยว่า เหตุใดป้าพิม สาวสวยในสังคมชั้นสูงซึ่งเป็นที่หมายปองของหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ในวงการธุรกิจและวงการแพทย์กลับยอมตกลงปลงใจแต่งงานกับหนุ่มใหญ่ อย่างลุงรินทร์ลูกน้องคนสนิทของท่านเจ้าสัว ซึ่งขณะนั้นท่านมีอายุเลยเลขสี่แล้วด้วยซ้ำ หลังจากเรียนจบแล้วเดินทางมาจากต่างประเทศไม่ถึงสองปี
เป็นสิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้แก่เขาและคนทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง ก็คือเหตุใดท่านเจ้าสัวจึงยอมยกลูกสาวคนเดียวให้กับลุงรินทร์ ทั้งที่ท่านก็รู้อยู่แก่ใจว่า เบื้องหลังลุงรินทร์นั้น เป็นนักรักตัวฉกาจฉกรรจ์ ผ่านประสบกามมาอย่างโซกโซน
แต่หลังชีวิตแต่งงาน ลุงรินทร์ก็เปลี่ยนจากคนหนึ่งเป็นอีกคนไปทันทีทันใด กลับบ้านตรงเวลา งดเที่ยวผู้หญิง เป็นสามีที่ดีอย่างไม่น่าเชื่อ
เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องนอนท่าน เขาเคาะห้องเบา ๆ พร้อมกับส่งเสียงเรียก
“ป้าพิมครับ ....ป้าพิม ป้าลงไปด้านล่างยังครับ”
สังเกตประตูห้องนอน ก็เห็นว่าไม่ได้ล็อค ส่งเสียงเรียกอย่างนั้นอีกสองครั้ง ก็ยังเงียบ ไม่มีเสียงตอบกลับมาจึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปอย่างคุ้นเคย มองไปยังเตียงนอนสีชมพู ภาพที่ปรากฏต่อสายตา เป็นภาพท่านกำลังนอนหลับสนิทบนเตียงนอน ด้วยท่านอนตะแคงด้านข้างหันหลังมาทางเขา กระโปรงชุดทำงานสีขาวที่สวมใส่อยู่ร่นไปถึงต้นขา เผยให้เห็นเรียวขาขาวเจ้าของร่าง
นับแต่เขาเดินเข้ามาแทบจะชิดเตียงนอนอยู่แล้ว แต่ไม่มีทีท่าว่าท่านจะรู้สึกตัวแต่อย่างใด แสงโคมไฟอ่อน ๆ บนหัวเตียงนอน ฉายส่องเรือนร่างที่นอนอยู่ กระทบกับเรียวขา ยิ่งทำให้ดูขาวเนียนน่าหลงใหล น่าสัมผัสยิ่งนัก
เจมส์ยืนมองภาพการนอนตะแคงภรรยาของลุงอยู่เป็นเวลานาน อย่างตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเรียกให้ท่านรู้สึกตัวหรือเดินออกไปบอกให้ป้าแย้ม คนสนิทเข้ามาปลุกดี แต่อีกใจหนึ่ง เขาไม่อยากให้ท่านรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตอนนี้เลย อยากจะขอยลโฉมเมียลุงเป็นขวัญตานาน ๆ หน่อย เพราะตั้งแต่เป็นหนุ่มมา นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นผู้หญิงนอนแบบไม่รู้ตัวอย่างนี้ เห็นแล้วมันได้อารมณ์ไปอีกแบบ
“ขาวและสวยจริง ๆ เลยโว้ย...! เมียลุงรินทร์ มิน่าล่ะท่านถึงยอมตัดสินใจแต่งงานด้วย”
อยากยื่นมือเข้าไปลูบไล้ต้นขานวลเนียนนั้น เอานิ้วแหย่เข้าไประหว่างร่องก้นป้าพิมดูบ้าง มันจะตอดรัดแน่นเหมือนร่องตูดผู้ชายด้วยกันหรือเปล่า แต่ก็เป็นแค่ความคิด ก่อนจะตัดสินใจเดินออกไปเงียบ ๆ เหมือนตอนเข้ามา ลงไปด้านล่าง มองไปยังโต๊ะอาหาร เห็นป้าแย้มกำลังง่วนกับการเตรียมอาหารขึ้นโต๊ะอยู่ จึงแกล้งถามขึ้น
“ป้าแย้ม ป้าพิมยังไม่ลงมาเหรอ”
“ยังคะ คุณเจมส์ไม่ได้เข้าไปดูที่ห้องนอนเหรอคะ”
“เปล่าครับ อาบน้ำเสร็จก็รีบลงมาเลย เกรงว่าจะทำให้ป้าพิมคอยนาน”
“เดี๋ยวป้าขึ้นไปตามเองคะ...คงเหนื่อยกับงานทั้งวัน แถมวันนี้ยังต้องขับรถกลับบ้านเองอีก เพราะนายไหมคนขับรถให้คุณหนู ขอลากลับบ้าน”
“เหรอครับ..ไม่เห็นป้าพิมบอกผมเลย”
“คงเห็นว่าไม่สำคัญ”
“แบบนี้ก็เหนื่อยแย่สิ เพราะป้าพิมแทบไม่ได้ขับรถเองเลยไม่ใช่หรือตั้งแต่แต่งงานกับลุงรินทร์”
“ค่ะ ปกติตอนเช้านายไหมจะขับไปส่ง ตอนเย็นบางวันคุณผู้ชายก็ไปรับหรือไม่ก็สั่งให้นายไหมไปรับค่ะ”
คำพูดของป้าแย้มดูเหมือนเข้าหูซ้าย ทะลุหูขวาเขาในตอนนั้น เพราะภาพขาขาว ๆ ของป้าพิมยังติดตรึงตราเขาอยู่ จึงขอตัวไปนั่งดูโทรทัศน์รอที่ห้องรับแขก กระทั่งได้ยินเสียงเรียกจากเจ้าของบ้าน
“ว่าไงพ่อหนุ่มคาสโนว่า รอป้านานหรือเปล่า ขึ้นไปอาบน้ำก็ไม่ยอมเข้าไปปลุกป้าบ้างเลย”
เขาหันขวับไปทางเจ้าของเสียงที่เปลี่ยนจากชุดทำงานมาเป็นชุดนอนลายดอกไม้บาง หวิว แสงไฟในห้องอาหารสว่างแจ่มจ้ากว่าห้องนอน ฉะนั้นจึงทำให้เขาสามารถมองเห็นสัดส่วนตามเรือนร่างบอบบางได้อย่างชัดเจน มันก่อให้เกิดความอลหม่านใจกับเจ้ามังกรหนุ่มที่ไม่ได้หลั่งน้ำรักมาหลายวัน เหลือเกิน
เนินเนื้อบนหน้าอกที่ขาวเนียนพร้อมกับดอกปทุมถันคู่งามภายใต้ชุดนอนบาง ๆ ยอดสีชมพูชูโดดเด่นปะทะเสื้อบางจนมองเห็นยอดอย่างชัดเจน
แม้จะไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงมาก่อนนับแต่ได้มีอะไรกันกับลุงวัฒน์ แต่สำหรับวันนี้ รูปร่างอันเซ็กส์ซี่เย้ายวนของป้า ประกอบกับการที่ตนเองไม่ได้มีสัมพันธ์สวาทกับใครเลย ตามสัญญาที่ให้ไว้กับลุงรินทร์ แม้แต่ว่าวเล่นก็ไม่ได้ทำตลอดหลายวันมานี้ ส่งผลให้อารมณ์หนุ่มของเขากระเจิดกระเจิงจนแทบควบคุมไม่อยู่ ต้องก้มหน้าไม่กล้าสบตาผู้เป็นป้าตรง ๆ ขณะกล่าวเบา ๆ
“ป้าพิมหิวยังครับ ผมว่ารีบไปทานกันเถอะ อาหารจะเย็นเสียก่อน เพราะป้าแย้มตั้งโต๊ะไว้นานแล้ว”
ขณะพูดพยายามก้มหน้าลงต่ำ แต่สายตาเจ้ากรรมดันไปสบเข้ากับเนินโคกสามเหลี่ยมนูนเด่นเหมือนหลังเต่าตัว น้อย ๆ ที่นอนหลับสนิทภายใต้ผืนผ้าบาง ๆ มันชัดเจนเหลือเกิน หัวใจเต้นรัวเร็ว ถี่ยิบไม่เป็นจังหวะ หน้าแดงซ่าน ขณะเดินจึงต้องพยายามหนีบขาตนเองไว้ เพราะดันไม่ได้ใส่กางเกงในลงมาด้วย
เมื่อเห็นเขายืนก้มหน้านิ่งอย่างสงบเสงี่ยม ท่านกลับเดินเข้ามาเบียด จูงมือไปยังโต๊ะอาหารด้วยกัน จังหวะก้าวเดินแต่ละย่างก้าว เผยให้เห็นเอวคอดกิ่วราวกับมดแดง สะโพกกลมกลึงโค้งมน ผึ่งผายเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจนผสานรับกับท่อนขาเรียวงามภายใต้ชุดนอนนั้น เบียดเสียดกันไป มันช่างกระตุ้นให้เขาอยากเอามือไปขยุ้มสัมผัสดูเหลือเกิน อยากรู้เหมือนกันว่าก้นนุ่ม ๆของผู้หญิงกับก้นแน่นของผู้ชายอย่างไหนมันจะสร้างอารมณ์ให้เขามากกว่ากัน
“เอ้าเป็นอะไรไป เดินตัวงอเชียว”
“เออ...คือ...ปา...ปา...ป่า...ป้า ป้าพิมเดินก่อนเถอะครับ ผมเดินไปเองได้”
น้ำเสียงตะกุกตะกักเหมือนคนติดอ่าง ไม่กล้าสบตาตรง ๆ
“เป็นอะไรหรือเปล่าเจมส์...ฝ่ามือร้อนเหลือเกิน เหงื่อแตกออกด้วย”
หญิงสาวสอบถามอาการหลานชายสามีด้วยความเป็นห่วง ตามสัญชาตญาณแพทย์ของตน ยื่นมือไปสัมผัสตามร่างกายของเด็กหนุ่ม ก็สัมผัสได้ถึงอุ่นไอร้อนจากร่างกำยำนั้น
“ป้าว่า ทานอาหารเสร็จต้องให้ป้าลองตรวจดูแล้วล่ะ เพิ่งหายป่วย ร่างกายยังไม่แข็งแรงดี ก็ต้องไปทดสอบร่างกายอย่างหนัก แถมวัน ๆ ก็ไม่ยอมพักผ่อนอยู่กับบ้านเฉย ๆ ออกไปเที่ยวนอกเกือบบ้านทุกวัน อากาศช่วงนี้ยิ่งเปลี่ยนแปลงบ่อยด้วย เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดร้อน เกิดไม่สบายขึ้นมาอีก พี่รินทร์จะตำหนิป้าได้ว่าดูแลไม่ดี”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ”
เขาตอบอย่างสุภาพเอามือประสานกันไว้ตรงเป้า เหมือนคนยืนอย่างสำรวม แต่ความจริง พยายามกดมังกรหนุ่มของตนไว้แน่น พลางนึกในใจ
“โอ๊ย...! แค่เห็นและคิด น้ำยังเกือบแตกเลยกู ป้าพิมเอ๊ย...เร่าร้อนอย่างนี้นี่เอง ลุงรินทร์ถึงยอมสละความโสดที่อุตส่าห์ครองมานานถึงสี่สิบปีของตน ถ้าไอ้เจมส์เป็นลุงรินทร์นะ จะล่อทั้งเช้า บ่าย เย็น หลังเวลารับประทานอาหารเลย”
“ทานข้าวเถอะเจมส์ จะได้รีบไปนอนพักผ่อน”
“ครับ...แล้วป้าพิมล่ะสบายดีหรือเปล่า วันนี้ทำไมถึงเลิกงานเร็วกว่าทุกวัน”
“วันนี้ผู้ป่วยฉุกเฉินเยอะ ทำให้ต้องทำงานหนักกว่าปกติ เลยรู้สึกเพลีย ๆ จึงขอแลกเวรกับเพื่อน ๆ อีกอย่างต้องขับรถเองกลับบ้านในรอบหลายปี ไม่อยากขับกลับมืด ๆ ค่ำ ๆ”
“เอาแบบนี้แล้วกัน พรุ่งนี้ผมจะขับไปรับ ไปส่งเอง”
เขาขันอาสาอย่างหนักแน่น เพราะพรุ่งนี้ตนเองไม่ได้ไปไหน
“ดีเหมือนกัน เพราะป้าไม่ชอบขับรถด้วยตนเองเท่าไหร่”
ระหว่างนั่งรับประทานร่วมกัน ท่านก็ชวนคุยอย่างสนิทสนมเป็นกันเอง ทำให้เขากล้าสอบถามเรื่องส่วนตัวท่านมากขึ้น
“ป้าพิม..!”
“ว่าไงจ๊ะ...”
“ป้าสวยเหลือเกิน ลุงรินทร์โชคดีมากเลยที่ได้ป้าเป็นภรรยา”
“นึกอย่างไรมาชมกันเองล่ะนี่”
“ผมพูดจริง ๆ ครับ”
“คำพูดของเจมส์ทำให้ป้ารู้สึกเหมือนตัวเองตอนแตกสาวใหม่ ๆ แล้วมีเพื่อนนักเรียนชายมาจีบเลยนะนี่”
“อย่าหาว่าละลาบละล้วงนะครับ ผมอยากรู้จริง ๆว่า ป้าคิดอย่างไรถึงได้แต่งงานกับลุงรินทร์ ซึ่งมีอายุมากกว่าถึง ๑๔ ปี”
“ก็พ่อหนุ่มหน้าใสอย่างเจมส์ มันหนักแน่นสู้สู้คนสูงอายุอย่างพี่รินทร์ไม่ได้นะสิ ป้าเลือกพี่รินทร์เพราะเห็นว่า เป็นคนที่หนักแน่นมั่นคง เป็นผู้ใหญ๋สุขุมเยือกเย็น มีเหตุมีผล อีกอย่างคุณพ่อท่านเห็นดีเห็นงามด้วย และป้าก็คิดว่าตนเองเลือกคนไม่ผิด”
หญิงสาวกล่าวยิ้ม ๆ เมื่อนึกสามีของตน
“ป้าไม่อยากมีลูกบ้างเหรอ...”
“อยากมีแทบใจขาดเลย แต่พี่รินทร์ไม่อยากมี เพราะเห็นว่าตนเองแก่เกินมีลูก เลยต้องอยู่ด้วยกันอย่างนี้ อย่างไรล่ะ”
“แสดงว่าป้าต้องกินยาคุมตลอดเวลานะสิ”
หลุดปากถามออกไปแล้ว ก็รู้สึกอาย ๆ ตนเองเหมือนกัน เมื่อสบตากับภรรยาคนสวยของลุงที่มองมาทางเขาด้วยอาการขบขันเล็กน้อย
“ขออภัยครับ”
ขณะกล่าวพยายามส่งเสียงหัวเราะกลบเกลื่อน
จากนั้นเขาก็นั่งเงียบ ตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเดียว ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าท่าน กลัวเก็บอาการของตนไม่อยู่
“แล้วเจมส์ล่ะ อายุขนาดนี้เคยมีอะไรกับผู้หญิงหรือยัง?”
“ยังครับ”
ปากตอบอย่าง แต่ในใจคิดอีกอย่าง
จะมีคนแรกก็คงเป็นป้านี่แหละครับ เพราะโอกาสกับสาว ๆ สำหรับเขาแทบไม่มีเลย
แต่อย่างที่ไม่คาดคิด เมื่อท่านย้อนถามมาอีกครั้ง
“เคยคิดอยากลองไหมล่ะ”
ซ่าน เมื่อเจอถามตรง ๆ แบบนี้ เขารู้สึกเขินจนหน้าแดงซ่าน ร้อนวูบวาบไปทั้งเรือนร่าง มันเหมือนมีคนเอาขนไก่อ่อน ๆ มาแหย่เข้าไปในรูหู แล้วแยงเล่นเบา ๆ จึงตอบด้วยเสียงแผ่วเบา
“อยากเหมือนกันแหละครับ แต่โอกาสยังไม่มี อีกอย่างกลัวเป็นเรื่องเหมือนพี่โจ้ด้วย”
จากนั้นเขาก็ก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียว ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาท่าน ความคิดอยากลิ้มลองรสสวาทกับผู้หญิงดูบ้างสักครั้ง ได้เกิดขึ้นพร้อมกับแผนการที่ได้ตระเตรียมไว้คร่าว ๆ อย่างแยบยลในสมองอันเจ้าเล่ห์ของตน
กระทั่งเสร็จจากการรับประทานอาหาร เขาจึงขอกุญแจห้องทำงานลุงรินทร์จากท่าน โดยอ้างว่าอยากหาหนังสือเกี่ยวกับภาวะผู้นำไว้อ่านเล่นก่อนนอนหน่อย จะได้เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นนายทหารที่ดีแต่ความจริงแล้ว เขาต้องการไปค้นหาข้อมูลบางอย่างเพื่อประกอบแผนหลอกล่อภรรยาสาวสวยของลุงให้ ยินยอมเป็นของตน ด้วยความเห็นชอบด้วยกัน เพราะคิดว่าการที่เธอต้องว่างเว้นกิจกามเป็นเวลาหลายวัน น่าจะทำให้เธอยอมเป็นของเขาได้โดยง่าย....
"ขอโทษนะลุงรินทร์ ลุงบอกผมเองให้หัดลองกับผู้หญิง ในเมื่อหาคนอื่นไม่ได้ ขอคนใกล้ตัวแทนแล้วกัน"
เขากล่าวกับตนเองเบา ๆ
มันจะเป็นประสบกามครั้งแรกที่เขาต้องใช้แผนการโดยอ้างเอาชื่อลุงรินทร์เข้า ช่วย หลังจากที่ผ่าน ๆ มามักเป็นเรื่องบังเอิญหรือสมยอมกันโดยดีทั้งสองฝ่ายมากกว่า ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกตี่นเต้น....
มันจะเป็นประสบกามครั้งแรกที่เขาต้อง ใช้แผนการเข้าช่วย หลังจากที่ผ่าน ๆ มามักเป็นเรื่องบังเอิญหรือสมยอมกันโดยดีทั้งสองฝ่ายมากกว่า ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกตี่นเต้น....
ภายในห้องทำงานอันกว้างใหญ่ซึ่งจัดตกแต่งไว้หรูหรางดงามสมกับเป็นห้องทำงาน ส่วนตัวของท่านเจ้าสัวจริง ๆ พอเจ้าสัวสิ้นเมื่อหลายปีก่อน ลุงรินทร์ก็ยังคงรักษาเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่าง เครื่องทำงานทุกชิ้นไว้เหมือนเดิม ไม่มีการเพิ่มเติมอะไรทั้งสิ้น นอกจากเครื่องคอมที่ท่านเพิ่มเข้ามา เขาต่อลำโพงโทรศัพท์บ้านเข้ากับเครื่องคอม เปิดโปรแกรมสำหรับบันทึกไฟล์เสียงขึ้นมา จึงกดโทร.ออกไปหาลุง
“หวัดดีครับลุง...”
“หวัดดีเจมส์ บายดีเปล่า”
“บายดีครับ เสี่ยงโทร.มานี่ กลัวเหมือนกันว่าลุงจะออกไปทำงานแล้ว”
“ยังหรอก...วันนี้ลุงมีนัดพบลูกค้าตอนบ่าย ที่นี่เพิ่งเก้าโมงเช้าเอง แล้วเจมส์ล่ะทำไรอยู่”
“นอนอ่านหนังสือเล่นอยู่ครับ ไม่มีอะไรทำ”
“เป็นไงบ้าง...อยู่บ้านลุง”
“บายดีครับ”
“มีอะไรกับลุงเป็นพิเศษหรือเปล่าถึงได้โทร.มาหา”
“โทร.มาเพราะคิดถึงไม่ได้เหรอครับ”
“เชื้อ....เชื่อ”
นรินทร์รับคำเสียงสูง เพราะรู้ว่าชายหนุ่มต้องมีปัญหาอะไรแน่ ๆ ถึงได้โทร.มาหา เพราะบ่อยครั้งตั้งแต่เวลาอยู่กับพ่อแม่ของเจ้าตัวแล้ว หากมีปัญหาที่ไม่กล้าคุยกับพ่อแม่ เจมส์มักโทร.หาตนเป็นคนแรก การที่เขาทำตัวสนิทสนมกับหลานชายเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง ทำให้ได้รับทราบปัญหาของหลานชายมากกว่าพ่อของเด็กหนุ่มอีก ในบรรดาหลานชายสองคน เจ้าเจมส์ดูจะแสบสันกว่าเจ้าโจ้พี่ชายนัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด
“อยากให้ลุงช่วยอะไรอีกล่ะ ถ้ามีเรื่องอะไรที่ลุงพอช่วยได้ ก็รีบบอกมา ลุงมีเวลาไม่มากนัก”
“ลุงรินทร์นี้รู้ทันผมทุกอย่างเลย”
“ว่ามาเร็ว ๆ จะให้ลุงช่วยอะไรอีกล่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอก ผมกำลังลองตัดต่อไฟล์เสียงเล่น ๆ ลุงช่วยพูดตามประโยคที่ผมบอกได้ไหม”
“ไร้สาระอีกแล้วเจมส์”
“นะลุง...ผมอยากรู้ว่าตัดต่อจากเสียงโทรศัพท์ทางไกล มันจะชัดเจนหรือเปล่า”
เจมส์ยิ้มอย่างพอใจที่ลุงรินทร์หลงเข้ามาในแผนของตน เขาจึงกรอกคำพูดให้ท่านพูดตาม พร้อมกับเก็บบันทึกไว้เรียบร้อย
“เล่นอะไรก็ไม่รู้เจมส์...”
เสียงปลายสายบ่นมา
“ขอบคุณครับลุง...เสียงมันชัดเจนเหมือนพูดต่อหน้าเลย”
“แล้วทำไมต้องมีชื่อป้าพิมด้วย”
“ผมอยากรู้ว่าเวลาลุงบอกรักเมียจะหวานหรือเปล่า”
“ทะลึ่ง....! มีอะไรอีกเปล่า”
“ไม่มีครับ ทำงานให้สนุกนะครับ ไม่ต้องเป็นห่วงผม ยังรักษาสัญญาอยู่”
“แน่นะ...”
“คร๊าบ...หวัดดีครับ”
“กู๊ดไนท์”
เขาวางโทรศัพท์พร้อมกับทำการดัดแปลงตัดต่อไฟล์เสียงของลุงรินทร์ให้เหมือน การพูดคุยกันธรรมดา กระทั่งเสร็จสรรพก็บันทึกลงเครื่องโทรศัพท์ของตน ยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ ก่อนจะปิดคอม ปิดไฟ ล็อคห้องให้เรียบร้อย เดินลงไปด้านล่างซึ่งเป็นห้องพักป้าแย้ม โชคดีแกยังไม่นอน เพราะติดละครหลังข่าวอยู่ เมื่อเหลียวมามองเขา แกก็ถามขึ้นอย่างแปลกใจ
“อ้าว....คุณเจมส์มีอะไรใช้ป้าหรือเปล่าคะ”
ป้าแย้มซึ่งเป็นแม่บ้านคนเก่าแก่ รู้ดีว่าชายหนุ่มแม้จะเป็นหลานชายของคุณผู้ชายประจำบ้าน แต่ก็ถือว่าเป็นคุณหนูประจำบ้านคนหนึ่ง ยามเจ้าตัวแวะมาพักบ้านนี้
“ไม่มีอะไรหรอกครับป้า...เพียงแต่อยากรู้ว่าป้าเตรียมอะไรเป็นเมนูเช้า”
“ก็ข้าวต้มเครื่องปลาน่ะคะ คุณเจมส์จะเปลี่ยนเมนูหรือ?”
“ไม่หรอกครับ ลำบากป้าเปล่า ๆ เพียงแต่ป้าช่วยใส่กระเทียมเยอะ ๆ หน่อยนะครับ ตั้งแต่หายป่วยกลับมาดูเหมือนร่างกายยังไม่ค่อยปกติ ป้าพิมสั่งให้ผมทานกระเทียมเยอะ ๆ บอกว่า สารอัลลิซิน (Allicin) จากกระเทียมจะช่วยให้การไหลเวียนของกระแสโลหิตในหลอดเลือดคล่องตัวยิ่งขึ้น”
“เอาอะไรเพิ่มอีกไหมค่ะ”
หญิงสูงวัยซึ่งไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของเด็กหนุ่มถามขึ้น
“ตอนเย็นขอเป็นผักขึ้นฉ่ายผัดหรือต้มก็ได้ หรือเอาแบบสด ๆ กินกับน้ำพริกก็อร่อยดี ส่วนผัดขอเป็นกระเพาตับไก่นะครับป้า ต้มยำไข่ปลาก็ไม่เลว..ผลไม้ขอเป็นกล้วยหอม มะม่วง พีช และป้าช่วยไปซื้อช็อคโกแลตไว้เยอะหน่อยนะครับ ผมชอบกินก่อนนอน จะได้นอนหลับสบาย”
“คุณเจมส์ไปทำอะไรมาล่ะคะ อยากกินหลายอย่างจังเลย”
“คนเพิ่งหายป่วยนะครับป้า ต้องบำรุงร่างกายหน่อย เดี๋ยวประกาศผลสอบรอบสอง จะต้องมีการตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้ง”
“ได้จ๊ะ...ป้าจะจัดให้ทุกอย่างเลย”
“ขอบคุณครับป้า ผมไปนอนก่อนล่ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าขับรถไปส่งป้าพิม”
อย่างที่แกไม่ทันระวังตัว เขาแกล้งหอมแก้มเหี่ยว ๆ แกหนัก ๆ หนึ่งฟอด
หญิงสูงวัยมองตามหลังชายหนุ่มที่วิ่งขึ้นบันไดด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ
แม้เด็กหนุ่มจะไม่ค่อยมาพักบ้านนี้บ่อยนัก แต่ความเป็นคนอารมณ์ดี มนุษย์สัมพันธ์เยี่ยมทำให้สามารถเข้ากับคนอื่นได้ง่าย คนงานในบ้านทุกคนล้วนชอบอัธยาศัยไมตรีของเขา ซึ่งต่างจากโจ้ แม้จะพักอยู่บ้านนี้เป็นประจำ แต่กลับไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เก็บตัวเงียบ สงวนคำพูดคำจา ไม่ค่อยเป็นกันเองกับคนงานเท่าน้องชาย
เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่เขาได้วางไว้แล้วทุกอย่าง เจมส์ก็ล้มตัวลงนอนอย่างสุขใจ อยากให้ถึงวันพรุ่งนี้เร็ว ๆ
ตื่นเช้าเขาก็ขับรถไปส่งป้าพิมที่โรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่ง อันเป็นสถานที่ทำงานของท่าน ระหว่างขับรถ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น