ขายของ

วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ปฎิหารย์แห่งรัก ตอนที่17

ตอนที่17.... หลัง จากการร่วมรักในรูปแบบสามคนผัวเมียของผมกับภาและเจ้าสวยผ่านไปแล้ว ในสายๆของวันนั้นผมตื่นลงมาก็พบว่าสองสาวพร้อมกับลูกสาวของผมทั้งคู่ กำลังนั่งเล่นอยู่ในห้องรับแขกกันทั้งหมด เด็กๆนั่งดูการ์ตูนรายการโปรด ส่วยภาและเจ้าสวยนั่งคุยกันกระหนุงกระหนิงกัน ทั้งคู่หันมาส่งยิ้มร้องทักทาย เมื่อเห็นผมเข้ามาในห้องรับแขกนั้น ลูกสาวทั้งคู่โผมาให้ผมกอด หอมแก้ม อันเป็นกิจวัตรประจำวันที่เธอทั้งสองทำทุกเช้า แต่เผอิญวันนี้ผมตื่นสายที่สุดในบ้าน คงไม่ต้องบอกเหตุผลหรอกนะครับว่าเพราะอะไรที่ผมตื่นสายผิดปรกติ หลัง จากเด็กทั้งคู่ลุกลงจากตักผมหันไปสนใจภาพการ์ตูนบนจอทีวีแล้ว ภาก็ขยับตัวเข้ามาในอ้อมกอดของผมแทน ผมเอียงหน้าเข้าไปหอมแก้มใสๆของเธอฟอด ๆ เธอส่งรอยยิ้มล้อเลียน ซึ่งมันยิ่งทำให้ผมรู้สึกเขิลๆเหมือนคนทำอะไรผิดแล้วโดนจับได้อย่างไรก็ อย่างนั้น ส่วนเจ้าสวยนั่งก้มหน้า สังเกตให้ดีจะพบว่าใบหน้าสวยๆของมันแดงสร่านจนจรดใบหู "ไม่สบายหรอ ...หน้าแดงเหมือนคนเป็นไข้" ผมอดที่จะแซวมันไม่ได้ เมื่อเห็นว่าเจ้าสวยยังคงนั่งก้มหน้าแดงๆ อยู่แบบนั้น ยังผลให้หน้าสวยๆของมันยิ่งแดงหนักเข้าไปอีก "ป๊าก็...นิสัย ไปแซวน้องอีก" ภาพูดเสร็จก็หยิกหมับที่ต้นขาผมเบาๆ พร้อมหัวเราะคิก ๆ จากนั้นก็ขยับตัวออกจากอ้อมกอดของผมไปนั่งจับมือเจ้าสวยบีบเบาๆ สักครู่เจ้าสวยจึงเงยหน้าส่งค้อนขวัับมายังผม เมื่อเห็นผมยังหัวเราะ หึ หึ สองสาวก็พร้อมใจกันทำหน้านิ่วขมวดคิ้วข่มขู่ผม แต่มีหรือที่ผมจะกลัว ช่าง น่าแปลกใจนัก เมื่อวานเจ้าสวยมันยังเป็นสาวมั่นอยู่แหมบๆ กล้าคิดกล้าทำ และกล้าพูด และพอผ่านพ้นเมื่อคืนมา มันกลับกลายเป็นสาวน้อยขี้อายไปเสียได้ แต่ก็ดูน่ารักไปอีกแบบ หลังอาหารมื้อเช้าของผม ซึ่งเป็นมื้อกลางวันของสี่สาวผ่านไป ผมอยากทำให้บรรยากาศในบ้านผ่อนคลายขึ้นจึงเสนอว่า เราจะไปทานอาหารมื้อเย็นกันที่ชายทะเลใกล้ๆ อาจจะเป็นบางแสนหรือศรีราชาดี ซึ่งพอลูกสาวของผมทั้งคู่ได้ยินเช่นนั้นก็โห่ร้องไชโย พร้อมแย่งกันเสนอสถานที่กันวุ่นวาย แต่สรุปแล้วเรากลับเลือกที่จะไปบางขุนเทียน อำเภอหนึ่งเดียวของกรุงเทพที่ติดทะเล ผมยังจำได้ถึงเส้นทางอันแสนคับ แคบ และขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อของถนนลาดยางเส้น บางขุนเทียน -ชายทะเล ได้เป็นอย่างดี สองข้างทางเป็นคลองระบายน้ำเล็กๆ ที่โดนน้ำเค็มแทรกซึมเข้ามา ทำให้บรรดาต้นกกต้นหญ้าตายหมด แต่กลับมีต้นไม้ที่ชอบน้ำเค็มแทรกเข้ามาแทน มันจึงดูไม่เขียวสดใส เฉกเช่นเราเคยเห็นตามข้างทางทั่วๆไป เส้นทางยาวราวๆ20กว่ากิโล แต่ผมกลับใช้เวลาขับรถเกินกว่าครึ่งชั่วโมงจึงถึงจุดหมายปลายทาง ซึ่งปลูกเป็นอาคารคล้ายๆโกดังขนาดเล็กๆกว้าง10เมตร ยาว10เมตร เป็นเสมือนอาคารโชร์สินค้าส่งออกทั้งเสื้อผ้า เครื่องหนัง และของหัตกรรมพื้นบ้าน แต่จุดมุ่งหมายในการไปครั้งนี้ของผมหาใช่การหาซื้อข้าวของเสื้อผ้า แต่ผมกำลังจะพาสี่สาวต่างวัยไปนั่งทานอาหารทะเลที่ร้านอาหารนั้นปลูกสร้าง อยู่ในทะเลจริงๆ เส้นทางการไปร้านชายทะเลนี้ไปได้เพียงทางเดียวคือ การนั่งเรือหางยาวเข้าไป ผมจอดรถเรียบร้อยแล้วก็รีบพาสี่สาวต่างวัยไปซื้อตั๋วลงเรือหางยาวทันที จำได้ว่าราคาค่าโดยสารคนละ100บาท ซึ่งเมื่อเกือบ10ปีที่แล้วถือว่าแพงเอาการ แต่ก็คุ้มค่าเมื่อเราได้สัมผัสกับบรรยากาศของสถานที่ ที่เราคาดไม่ถึงมาก่อนเลยว่า จะมีพื้นที่ของกรุงเทพมหานครที่ติดกับชายทะเลเช่นนี้ เจ้าสวยและลูก สาวทั้งคู่ของผมค่อนข้างดูแตกตื่นดีใจที่ได้มาเยือนสถานที่แห่งนี้เป็นครั้ง แรก แต่ผมกับภานั้นเคยมาแล้วสองสามครั้งในช่วงที่เพิ่งเป็นแฟนกัน เรือหางยาวที่เราห้าคนใช้โดยสารไปนั้น ขับเลี้ยวลดไปทางคลองแคบๆ บางช่วงต้องลอดสะพานข้ามถนน ที่ดูว่ามันแสนจะต่ำจนไม่แน่ใจว่าเรือจะลอดไปพ้นหรือไม่ แต่ฝีมือคนขับเรือบวกกับความชำนาญเส้นทาง เรือลำใหญ่ที่จุผู้โดยสารได้30กว่าคนก็ค่อยๆแล่นเอื่อยๆเลี้ยวลดไปได้ตลอด รอดฝั่ง เสียงใสๆของมัคคุเทศบรรยายสิ่งรอบข้างให้พวกเรารับฟังเพื่อ เป็นความรู้ตลอดเส้นทาง ทำให้ผมทราบได้ว่าเมื่อก่อนคลองที่เรือแล่นผ่านนั้นสองข้างล้วนเป็นสวนปลูก ส้มบางมดอันรือชื่อ แต่บัดนี้น้ำทะเลที่หนุนสูงขึ้นมาทุกๆปี บวกกับแผ่นดินที่ค่อยๆทรุดตัวลงทำให้พื้นที่บริเวณนี้ไม่สามรถเพาะปลูกพืช สวนได้อีกต่อไป เสียงใสๆของมัคคุเทศบรรยายพร้อมชี้ชวนให้ดูภาพสอง ข้างคลอง ที่เห็นร่องรอยของบ้านเรือนที่ถูกรื้อถอนออกไป เหลือทิ้งไว้เพียงเสาบ้านที่จมหายลงไปในน้ำ จากเสาบ้านต้นสูงกว่าสามเมตร บัดนี้มันกลายเป็นตอเหลือพ้นน้ำไม่ถึงครึ่งเมตร ผมรู้สึกใจหายเมื่อคิดว่าอีกไม่กี่สิบปีพื้นดินแห่งนี้คงจมหายไปในทะเลทั้ง หมด เรือหางยาวค่อยๆแล่นเลี้ยวลดออกจากคลองเล็กๆสักพักหนึ่งก็ออก คลองใหญ่ ผมไม่ทราบเช่นกันว่าคลองนี้มันชื่ออะไร แต่คนเรือกระซิบบอกว่าคลองนี้แหละจะเป็นเส้นทางที่ออกทะเล ผมบอกให้คนเรือทราบถึงจุดประสงค์ว่าผมต้องการพาครอบครัวมาร้านชายทะเล ขอให้แวะจอดเรือด้วย แต่คนเรือวัยกลางคนบอกกับผมว่าจะพาออกไปดูปลาโลมาก่อน ขากลับค่อยแวะมาส่งที่ร้านอาหาร เมื่อผมกระซิบบอกต่อให้ภาทราบว่าคน เรือจะพาไปดูปลาโลมา ภาก็กระซิบต่อๆกันไป สาวๆทั้งหมดดูตื่นเต้นที่จะได้เห็นปลาโลมาหัวบาตรตัวจริงๆในทะเล ผมก็รู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้กัน เรือแล่นต่อไปค่อนข้างเร็วได้แล้วเพราะเป็นคลองใหญ่ มัคคุเทศตะโกนแข่งกับเสียงดังของเครื่องยนต์เรือบอกให้ทราบว่า เมื่อหลายสิบปีก่อนคลองแห่งนี้กว้างเพียงไม่เกิน20เมตรเท่านั้น แต่บัดนี้น้ำทะเลที่ท่วมขึ้นมาทำให้มันกว้างขยายระดับเดียวกับแม่น้ำเจ้า พระยาก็ไม่ปาน เรือแล่นไปได้สักพักก็ออกมาถึงท้องทะเลกว้างไกล มัคคุเทศสาวก็ชี้ให้ดูหลักเขตของกรุงเทพมหานคร ที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางทะเลสีเขียวใส ผมสังเกตุเห็นว่ามันเป็นหลักเขตที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ เสียงมัคคุเทศบอกให้ทราบว่า เมื่อครั้งรุ่นพ่อของเธอหลักเขตนี้อันเดิมตั้งอยู่บนแผ่นดิน แต่บัดนี้มันจมหายไปแล้ว ทางกทม.จึงเพิ่งมาสร้างใหม่ ณ.จุดเดิม เรือ หางยาวแล่นออกทะเลผ่านหลักเขตกรุงเทพมหานครได้สักครู่ น้ำทะเลสีเขียวใสก็กลายเป็นสีน้ำเงินเข้ม อันแสดงให้ทราบว่า มันค่อนข้างลึกทีเดียว คนเรือดับเครื่องยนต์พร้อมชีมือไปทางกราบขวา ห่างไปร่วมร้อยเมตรแลเห็นฝูงปลาขนาดใหญ่ว่ายเล่นน้ำอย่างสำราญอารมณ์ เรือหางยาวถูกคัดหางเสือปล่อยให้ไหลไปตามแรงส่งตรงไปยังฝูงปลาเบื้องหน้า ครู่ เดียวเรือลำยาวก็จอดเทียบอยู่ใกล้ฝูงปลาโลมาหัวบาตรจำนวนร่วมสิบตัว บางตัวแหวกเข้ามาจนใกล้กับลำเรือ ผู้โดยสารต่างตื่นเต้น ถ่ายรูปกันวุ่นวาย คนเรือจอดเรือลอยลำให้พวกเราดื่มด่ำกับธรรมชาติครู่ใหญ่ๆ ก่อนนำพาเรากลับมาเส้นทางเดิม แต่คณะของผมลงกลางทางที่ร้านอาหารชายทะเล ร้าน อาหารแห่งนี้เดิมทีปลูกสร้างอยู่บนพื้นดินชายเลน มีเส้นทางเข้าได้สองเส้นทางคือถนนลูกรังเล็กๆเป็นทางเข้าด้านข้าง และลำคลองขนาด10วา เป็นทางเข้าอีกด้านหนึ่ง ตัวร้านอาหารหันหน้าสู่ทะเล ตัวร้านอาหารปลูกสร้างยกพื้นด้วยเสาไม้ขนาดใหญ่สูงเพียง2เมตร แต่ทว่าบัดนี้ เส้นทางถนนลูกรังหายไปจมอยู่ภายใต้น้ำทะเลสีเขียว ลำคลองขนาดกว้าง10วา ก็กลายเป็นท้องน้ำกว้างเกิน100เมตร ตัวอาคารต้องยกพื้นสูงขึ้นกว่า10เมตร จึงพ้นน้ำทะเล รูปแบบตัวอาคารเปลี่ยนไป จากอาคารรูปสี่เหลี่ยม กลายเป็นเหมือนสะพานทางเดินรอบๆกรอบสี่เหลี่ยมแทน โดยที่พื้นตรงกลางปล่อยว่างไว้ ให้ผู้มาเยือนได้สนุกกับการตกปลาทะเล ทางร้านอาหาร มีคันเบ็ดใช้เช่าสำหรับผู้รักนิยมกีฬาประเภทนี้ ส่วนปลาที่ตกขึ้นมาได้ ก็สามารถส่งเข้าไปปรุงในห้องครัวได้แบบสดๆทันที โดยทางร้านคิดเพียงค่าปรุงเท่านั้น ส่วนผู้ใดไม่ประสงค์จะทำเช่นนี้ก็สามารถสั่งอาหารทะเลสดๆ ที่ทางร้านจัดเตรียมไว้บริการได้เช่นกัน ผมเห็นว่าเวลาเพิ่งจะบ่าย สามกว่าๆ ยังไม่ถึงเวลาขอมื้อเย็น เลยสั่งเพียงของทานเล่นพร้อมกับแกล้้มเหล้ามาทานไปพลางๆ พร้อมเช่าเบ็ดตกปลามาแจกให้คนละคัน ครอบครัวผมคงมีฝีมือมากเพราะสองชั่วโมงผ่านไป ผมตกได้เพียงปลากระบอกตัวเล็กๆ 1ตัว ส่วนอีกสี่สาว สนุกกับการตวัดเบ็ดเปล่าขึ้นมา พร้อมกับใส่เหยื่อเนื้อปลาหมึกลงไปเลี้ยงปลาทุกครา แต่ดูท่าทางทั้งสี่ก็ช่างมีความสุข สองลูกรักหัวเราะร่าเริงสนุกสนาน หนึ่งเมียขวัญยิ้มละมัยทั้งดวงตาและรอยยิ้มช่างน่ารักเหลือเกิน ส่วนอีกหนึ่งสาว ผมบอกตรงๆว่า ผมไม่รู้เช่นกันว่าจะเรียกเธอว่าอะไร เมียน้อย คู่ขา หรือ...โอ๊ว ช่างเถอะ ผมไม่อยากคิดให้เปลืองสมอง และเสียบรรยกาศของความสุข แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เธอก็คือสาวผู้ที่ผมเพิ่งมีสัมพันธ์สวาทมาเมื่อคืน

ไม่มีความคิดเห็น: