ขายของ

วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ปฎิหารย์แห่งรัก ตอนที่24

ตอนที่24 จนกระทั่งบัดนี้ ร่างงามอวบอัดในชุดแดงเพลิง ที่ขับผิวขาวผ่องของเจ้าสวยให้ดูงามสง่า กลับมายืนอยู่ตรงหน้าของผม กลับมาให้ผมเห็นอีกครั้งในคืนวันแต่งงานของผมกับนิด ......................... เจ้าสวยเดินเยื้องกายเข้ามาจนใกล้ กลิ่นน้ำหอม กลิ่นเดิมที่ผมเคยได้สูดดม มันยังคงใช้อยู่ไม่เปลี่ยนแปลง ร่างบอบบางสวยคม พร้อมแววตาซุกซนขี้เล่นของเจ้าสวยคนเดิมหายไป กลับกลายเป็นสาวใหญ่ร่างอวบอิ่มสมบูรณ์ไปทุกสัดส่วน ซึ่งมีอกอวบคู่งามค้ำเด่นเป็นสง่า เอวมันยังคอดกิ่วรับกับสะโพกที่เสมือนหนึ่งมันขยายใหญ่มากกว่าเดิมไปอีกมาก โข พร้อมด้วยแววตาของสาวใหญ่ทรงเสน่ห์ ที่เพียงชะม้ายตามอง ก็สามารถทำให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แม้แต่ผู้เฒ่ายังยอมสยบซบลงแนบตักของมันได้ เรื่องราวของผมกับเจ้าสวยแม้ผ่านไปเนินนานร่วมสิบปี แต่มันก็ยังกระจ่างชัดในความทรงจำ เสมือนหนึ่งว่ามันเพียงผ่านไปเมื่อเดือนที่แล้วนั่นเอง ผมมัวแต่ ตะลึงมองใบหน้าสวยหวานของเจ้าสวยพร้อมร่างที่อวบอิ่มสมบูรณ์นั้น จนกระทั่งนิด เจ้าสาวของผมจับสังเกตได้ เธอบีบกระชับพร้อมกระตุกมือผมเบา ๆ จึงทำให้ผมได้สติกลับคืนมา "ป๊า....." นิดเธอเรียกผมเบา ๆ พร้อมค้อนควักอย่างน่าหมั่นไส้ "มองตะลึงเลยนะคะ....." " สวัสดีค่ะ...พี่ภู..." เจ้าสวยทักทายพร้อมยกมือไหว้ อย่างอ่อนน้อม ผมรีบยกมือรับไหว้ พร้อมกับนึกแปลกใจกับสรรพนามที่เจ้าสวยเรียกผมว่า พี่ภู นับว่าเป็นครั้งแรกที่เจ้าสวยมันไม่ได้เรียกผมว่า หัวหน้า อย่างที่มันเคยชิน "ต๊าย....เจ้าสาวพี่ภูสวยจังเลยค่ะ" เจ้าสวยตรงเข้าไปจับมือนิดกุมไว้ พิจารณาเรือนร่างของว่าที่เจ้าสาวของผม พร้อมกล่าวชื่นชมด้วยน้ำเสียงแจ่มใสร่าเริง แม้ผมจะพยายามจับตาดูแต่ก็พบว่าเจ้าสวยชื่นชมนิดด้วยความจริงใจหาใช่เสแสร้ง แกล้งทำ "พี่สวยก็งามสง่า...เหมือนที่ป๊าเคยเล่าให้นิดฟังค่ะ" นิดยิ้มแย้มตอบ แม้ว่าผมจะเคยเล่าเรื่องเจ้าสวยให้นิดฟังมาก่อน แต่เรื่องความสัมพันธ์อันล้ำลึกของผมกับเจ้าสวยนั้น ผมก็ไม่ไ้ด้กล่าวถึง ถ้านิดรู้ผมอยากทราบเช่นกันว่าเธอจะยังคงยิ้มแย้มแจ่มใสเฉกเช่นนี้หรือไม่ ผม ปล่อยให้สองสาวต่างวัยทักทายทำความรู้จักกันสักครู่ ก็พานิดเดินจากมาเพื่อทักทายเหล่าบรรดาเพื่อนเก่า ๆ ของผม แม้ผมจะอยากถามเจ้าสวยมันนักว่า ที่ผ่านมาเกือบ10ปีนั้น มันไปอยู่ที่ไหน มีความเป็นอยู่เช่นใดบ้าง และมันรู้ได้อย่างไรว่าคืนนี้ผมกำลังจะแต่งงาน เพราะผมแน่ใจว่าไม่ได้ออกการ์ดเชิญมันมาร่วมงานอย่างแน่นนอน แต่ผมก็เพียงแต่ได้เก็บคำถามและความสงสัยในใจทั้งหมดเข้าไปไว้ในกระเป๋าเสีย ก่อน เพราะไม่มีจังหวะและเวลาที่จะซักถามมันเสียเลย ถ้าจะกล่าวว่าจน ถึงบัดนี้ ผมยังมีความรู้สึกเช่นใดกับเจ้าสวยนั้น คงจะกล่าวได้ลำบาก แต่ที่แน่ ๆ ความแค้นเคืองในตัวมันมลายหายไปสิ้นแล้วหลังจากที่เกิดเรื่องในคืนวันสุด ท้ายก่อนที่ผมจะไม่เคยเห็นหน้าเจ้าสวยมันอีกเลย ผมพานิดเดินทักทาย แขกเหรือที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในงานแต่งครั้งที่สองของผมจนถ้วนทั่ว แม้ลำบากพอดูกว่าที่จะผ่านกลุ่มเพื่อนเก่า ๆ ของผมมาได้ ทั้งโดนแซวว่าไปหลอกเด็กที่ไหนมาแต่งงานด้วย ยิ่งนิดเรียกผมว่า ป๊า พวกเพื่อน ๆ ผมมันยิ่งแซวกันสนุกปากว่า ผมจะแต่งเมียหรือจะหาพี่สาวให้ลูกผมกันแน่ แต่ละด่านแต่และโต๊ะที่ผมเดินเข้าไปทักทายกว่าจะสลัดตัวหลุดพ้นมาได้ ก็ต้องโดนจับดื่มเหล้าไปเสียหลายแก้ว จนมีเสียงแซวกันกระหึ่มจากเพื่อนสนิทสองสามคนขึ้นว่า " เฮ้ย ๆ พอแล้ว..ให้ไอ้ภูมันกินเหล้าเยอะ เดี๋ยวมันก็หลับก่อนส่งตัวเข้าหอพอดี" เสียงหัวเราะครื้นเครงดังไม่ขาดสาย บางคนแซวหนักถึงขนาดว่า "เดี๋ยวกูเข้าหอแทนไอ้ภูเอง..ฮ่า ๆ ๆ ๆ " ผม เดินเซนิด ๆ เมื่อหลุดพ้นมาจากกลุ่มเพื่อน ๆ ได้ ผมเลิกดื่มไปนานหลายปีแล้ว ด้วยเพราะรู้ว่าสุขภาพภายในร่างกายของผมนั้นมันไม่เอื้ออำนวยให้ผมดื่มเหล้า อีก แต่ในวาระเช่นนี้ จะหลีกเลี่ยงการดื่มเหล้าที่เพื่อนสนิทหยิบยื่นมาให้ มันก็กระไรอยู่ นิดรู้ดีว่าสุขภาพผมไม่เอื้ออำนวยให้ดื่มมากขนาดนี้ เธอจึงเดินประคองผมไม่ห่างคอยกระซิบถามอยู่บ่อยครั้งว่าผมเป็นเช่นไรบ้าง ผมรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าว เหงื่อไหลออกมาเป็นสายจนชุ่มแผ่นหลังและหน้าอก แม้ในคืนนี้อากาศจะเย็นสบายก็ตามที เสียงโฆษกประกาศเชิญให้คู่บ่าว สาวขึ้นไปบนเวที ผมจูงมือนิดเดินไปอย่างช้า ๆ เพื่อไม่ให้เซ นิดเบียดร่างกอดเอวผมไว้มั่น สีหน้าเธอฉายแวววิตกกังวลออกมาอย่างเด่นชัด แต่ละก้าวที่ผมย่างเดิน ความรู้สึกของผมเสมือนมีใครบางคนลอบมองด้านหลังผมด้วยความห่วงใย ผมพยายามเหลียวกลับไปมองหา แต่ก็ไม่พบว่าใครที่ทำเช่นนั้น แขกเหรื่อสนุกสนานกับการพูดคุยและดื่มกิน อาหารจากโรงแรมระดับ5ดาวที่ผมสั่งมา พร้อมเหล้านอกที่เสริฟกันอย่างไม่อั้น เสียงเพลงขับกล่อมจากนักร้องเสียงดีที่ผมจ้างมาด้วยราคาที่สูง ดังกังวาลไปทั่วบริเวณงาน เสียงดนตรีหยุดลงเมื่อผมและนิดขึ้นไปปราก ฎกายอยู่บนเวที เสียงโฆษกประกาศดังกังวาลเรียกร้องให้แขกเหรื่อหันความสนใจมายังคู่บ่าวสาว มีเสียงแทรกเข้ามาเป็นระยะให้ผมเล่าถึงเรื่องราวความเป็นมา ว่าคุ่ของเราพบรักกันอย่างไร เสียงอื้ออึงหัวเราะชอบใจของบรรดาแขกเหรื่อ เมื่อนิดเจ้าสาวของผมเป็นผู้เริ่มเล่าเรื่อง แต่ผมกลับเริ่มรู้สึกมึนงง ภายในหัวเหมือนว่างเปล่า เสียงอึกทึกครื้นเครงกลับเสมือนเสียงแว่ว ๆ จากที่ห่างไกล ผมเริ่มหนาวยะเยือกจนร่างสะท้าน แม้เหงื่อจะยังคงไหลหลั่งออกมาจนอกเสื้อของผมชื้น ผมพยายามฝืนให้ ยืนได้ตรง ๆ แม้จะเริ่มรู้สึกว่าหัวเข่าจะทนรับน้ำหนักตัวไม่ไหวแล้วก็ตาม นิดเหลือบตาขึ้นมามองหน้าผม พร้อมร้องกรี๊ดขึ้นมาสุดเสียง ในขณะที่ตาผมเริ่มพร่า เสียงอึกทึกครื้นเครงภายในงานเงียบสงบโดยพลัน ผมรู้สึกหายใจขัด ๆ มีความรู้สึกเปียกชื้นที่โพรงจมูก นิดผวาเข้ามายกผ้าเช็ดหน้าขึ้นเช็ดที่ใบหน้าผม เสียงเธอร้องไห้ออกมา ผมยิ่งแปลกใจนัก แขกเหรื่อทั้งญาติ ๆ ของผม และบรรดาเพื่อน ๆ ต่างวิ่งกรูกันเข้ามา มีหลายคนที่ก้าวขึ้นมาบนเวที ตาผมเริ่มพร่าจนไม่สามารถจำแนกได้ว่าใครเป็นใคร เสียงร้องกรี๊ด ๆ ของบรรดาสาว ๆ เสียงร้องถามไถ่อื้ออึงขึ้นรอบ ๆ ตัวผม ในขณะที่หัวเข่าผมเริ่มทรุดลงเพราะไม่อาจแบกรับน้ำหนักของร่างกายไหว ผมยกมือป้ายไปที่จมูกซึ่งรู้สึกเปียกชื้น จนหายใจติดขัด ก็รู้สึกถึงกลิ่นคาวของเมือกลื่น ๆ ที่ผมจับต้องอยู่ เสียงของใครสักคนหนึ่งร้องตะโกนให้รีบตามหมอ ผมหงายมือขึ้นมาดูก็พบว่าเลือดสด ๆ สีแดงฉานติดอยู่ ผมเริ่มอึดอัด หายใจติดขัดจนไอออกมา กลิ่นคาวเลือดคลุ้งเข้ามาจนน่าคลื่นไส้ ก่อน ที่ผมจะไม่รู้สึกตัว ก็ยังได้ยินเสียงไซเรนของรถพยาบาลแว่ว ๆ มาจากที่ห่างไกล ใบหน้าสุดท้ายที่ลอยเด่นเข้ามาก่อนสติผมจะดับวูบ คือใบหน้าและแววตาที่เป็นห่วงกังวลของภา นั้นเอง........................................

ไม่มีความคิดเห็น: