ขายของ

วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ปฎิหารย์แห่งรัก ตอนที่5

ปฎิหารย์แห่งรัก ตอนที่5, รำลึกวัยเยาว์ถึงวัยหนุ่ม ผม ตกใจตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เมื่อรู้สึกว่ามีใครยุกยิกๆตรงแก่นกายผม พอผมลืมตาขึ้นก็เห็นนิดนั่งมองผมตาปริบๆ มือของนิดซุกอยู่ที่แก่นกายผม กำๆบีบๆเบาๆ พอเธอเห็นว่าผมลืมตาตื่นแล้วนิดก็ก้มลงมาจุ๊บแก้มผมเบาๆ "ป๊า..ลุกเร็ว กลับห้องได้แล้ว เดี๋ยวน้องลงมาเห็น นิดอาย" "กี่โมงแล้ว..ที่รัก" ผมกำลังเพลินๆเสียวๆกับการกระทำของนิดอยู่ จึงไม่อยากรีบลุกขึ้น "ตี5กว่าแล้วคะ....เร็วๆลุกขึ้น..น้องลงมาเจอนิดจะเอาหน้าไว้ไหน" " ก็..เอาหน้าซุกไว้ตรงนี้ไง" ผมพูดจบก็แอ่นเอวขึ้นให้นิดทราบว่าตรงนี้ไงน่ะมันคือตรงไหน นิดร้องว๊ายๆ ป๊า..ลามก พร้อมออกแรงบีบที่ท่อนลำของผมแรงขึ้น จนผมสะดุ้งเสียวๆจุกๆ ต้องรีบลุกขึ้นนั่งพร้อมดึงร่างนิดมากอดปล้ำ มือล้วงนมล้วงหอยเธอวุ่นวายชุลมุล นิดได้แต่ร้องว๊าย ๆ ดิ้นไปดิ้นมา จนผมเริ่มเหนื่อยจากการกอดปล้ำ หอบหายใจฟืดๆ ถึงได้เลิกแล้วรีบลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปยังห้องนอนผม ก่อนออกจากห้องนิด เธอเดินมาส่งที่ประตู พอนิดเผลอผมจุ๊บปากเธออย่างเร็วพร้อมเอื้อมมือไปบีบที่โคกเนินนูนของนิดแล้ว รีบเดินออกจากห้อง พร้อมกับเสียงร้องว๊ายๆจากนิดตามหลัง พอคล้อยหลังไปสองสามก้าวผมหันกลับมามองนิดอีกครั้ง เธอกวักมือเรียกผมพร้อมทำหน้าสยิวเรียกผมเบาๆว่า..ป๊า..มานี่ก่อน...เหมือน เชิญชวนให้ผมกลับไปหา ผมหลงกลเธอพอเดินมาใกล้ นิดก็คว้าท่อนลำในกางเกงของผมกำบีบพร้อมกระทอกแรงๆ จนท่อนลำที่แข็งตัวอยู่น่วมๆ ลุกโชนทันที เธอหัวเราะคิกๆ พร้อมรีบดันตัวผมออกแล้วปิดประตูล็อค เสียงเธอหัวเราะฮ่าๆๆ อยู่ภายในห้องที่แกล้งผมได้อีกครั้ง ผมเดินจากมาด้วยท่อนลำที่แข็งจนเหมือนมีไม้ค้ำกางเกงเอาไว้ ฝากไว้ก่อนเถอะ..คืนนี้โดนจนสว่างแน่ๆ ผมคิดอยู่ในใจแล้วรีบเดินสู่ห้องนอนของผมที่อยู่ชั้นบนทันที หลังจาก อาบน้ำแต่งตัวใหม่ด้วยชุดลำลองสบายๆ ผมก็ลงมาข้างล่างอีกครั้งสมาชิกสามสาวพร้อมอยู่ที่ห้องอาหารแล้ว ผมตรงเข้าไปหอมแก้มลูกสาวทั้งสองคนเสร็จก็ป่องแก้มให้พวกเธอหอมกลับ นิดอมยิ้มมองการกระทำของผมและลูกสาว พอถึงตาเธอผมคว้าเอวเธอดึงเข้ามาชิดตัวพร้อมก้มลงหอมแก้มเธอฟอดใหญ่ เธอตกใจร้องว๊าย เบาๆ หน้าแดงขึ้นมาทันที บ่นอุ๊บอิ๊บเบาๆ ส่วนสองสาวก็หัวเราะกันคิกคักที่เห็นพี่นิดของเธออายหน้าแดง "เช้านี้ สาวๆทำไรให้ป๊าทานครับ" ผมร้องถามทันทีที่นั่งโต๊ะประจำที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งสามสาวรีบลุกขึ้น เดินเข้าไปในครัวพร้อมจัดลำเลียงอาหารเช้าออกมา "ป๊า..ทานไรละคะมีสองอย่าง" น้องโมรายงานให้ทราบ "นี่ข้าวต้มหมูสับ...พี่นิดทำ ส่วน american breakfast นู๋กะพี่โมทำ" น้องส้มลูกสาวคนเล็กอวดผลงานของเธอมั่ง "ป๊า..ขอทั้งสองอย่างได้มั๊ย..เดี๋ยวมีคนน้อยใจ" ผมหันไปทำหน้าล้อๆกะสามสาว พวกเธอทั้งสามก็ส่งค้อนให้ผมกันทุกคนเหมือนดั่งนัดกันไว้ " ทานเยอะเดี๋ยวไม่หล่อหรอกป๊า..อ้วนขึ้นมาพี่นิดไม่แต่งด้วยอย่ามาร้องไห้ละ กัน" น้องโมพูดหยอกผมเล่นพร้อมหันไปหัวเราะคิกๆกับน้อง ส่วนมือก็จัดเตรียมอาหารในส่วนที่เธอทำใส่จานเล็กๆให้ผมประกอบด้วยขนมปัง ปิ้งแผ่นนึง ไส้กรอก2ชิ้นพร้อมเบคอนชิ้นยาวๆทอดจนส่งกลิ่นหอมฟุ้ง ส่วนน้องส้มก็ชงกาแฟใส่ถ้วยกระเบื้องเคลือบสีสวยมาให้ผมอย่างรู้ใจ " ป๊า..จะรับข้าวต้มเลยมั๊ยคะ" นิดถามขึ้น แต่เมื่อผมบอกว่าขอจัดการอาหารฝรั่งพวกนี้เสร็จก่อนค่อยตบท้ายด้วยข้าวต้ม แบบไทยๆ เธอก็พยักหน้า พร้อมนั่งลงกันทานอาหารเช้ากันพร้อมหน้า นิดเธอไม่ชอบอาหารฝรั่งนักคงเพราะกลัวอ้วน เธอจึงเลือกที่จะทานข้าวต้ม ส่วนลูกสาวทั้งสองของผมเธอโปรดปรานนักกับแฮมไส้กรอกและเบคอน ขนมปังปิ้งกรอบๆกับนมร้อนๆแก้วใหญ่ เธอทานกันแบบนี้ได้เกือบทุกวันมาหลายปีแล้ว ผมจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกเธอสองคนจึงรูปร่างสูงเกือบๆเท่าผมแล้วทั้งๆที่ อายุเพียง15-16 ผมนึกแล้วอดขำไม่ได้ในเวลาที่เราทั้งสี่คนไปเดินห้างกัน พอนิดเผลอเดินล้ำหน้าออกไปจากกลุ่ม น้องโมมักมากระซิบนินทาพี่นิดของเธอว่า " ป๊า..ๆ ดูเจ้าตัวเล็กเดินดิ ก้นยักคิ้วได้" มันก็จริงอย่างที่น้องโมพูด เพราะเวลาเดินกันไปสี่คน นิดจะตัวเล็กที่สุด เธอสูงเพียง160กว่าๆ ในขณะที่ผมสูง180 ส่วนลูกสาวผมสองคนก็170ปลายๆ ฉนั้นนิดจึงเป็นเจ้าตัวเล็กให้น้องๆแอบเรียกลับหลังบ่อยๆ หลัง อาหารเช้าเสร็จสิ้นไปแล้ว ผมกับนิดเดินออกมาที่สนามหน้าบ้านซึ่งจะเป็นที่จัดงานแต่งในคืนนี้ เพื่อดูความเรียบร้อยต่างๆอีกครั้ง เวทีจัดตั้งพร้อมประดับข้อความเสร็จแล้ว ช่วงบ่ายทางโรงแนมคงจะมาจัดโต๊ะ งานของผมเล็กๆไม่ใหญ่ฉนั้นคงใช้เวลาการจัดเตรียมเรื่องโต๊ะและอาหารไม่นานก็ คงเสร็จ พอช่วงบ่ายแก่ ๆ เจ้าหน้าที่จากห้องเสื้อพร้อมช่างแต่งหน้าก็เข้ามาพานิดแยกออกไปแต่งตัว ส่วนผมก็รับเสื้อผ้าที่สั่งตัดไว้มาเช่นกัน ของผมง่ายๆเพียงแค่ชุดสูททรงพระราชทานสีฟ้าน้ำทะเล ตัดจากผ้าไหมเนื้อดี ส่วนกางกางก็ผ้าลินินสีขาว รองเท้าหนังแกะสีดำที่ขัดจนเป็นเงางาม ผมนั้นใช้เวลาแต่งตัวไม่นานก็เสร็จ จึงได้ไม่รีบเร่งนัก หลังจากอาบน้ำเสร็จ ก่อนที่จะแต่งตัว ผมเดินเข้าไปที่ห้องๆนึงใกล้ๆห้องพระ ในห้องนั้นว่างเปล่าไม่มีเครื่องประดับอันใด มีเพียงหิ้งเล็กๆซึ่งหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเพียงหิ้งเดียว บนหิ้งนั้นมีรูปถ่ายของหญิงสาวคนหนึ่ง มีพวงมาลัยสีดำคล้องอยู่บนกรอบลูก ด้านข้างซ้ายขวามีแจกันลายครามประดับด้วยดอกกล้วยไม้สีม่วงอมขาวช่อใหญ่ ใบหน้าเจ้าของรูปถ่ายใบนั้นดูงดงาม อ่อนหวานท่าทางใจดี แต่ถ้าใครเคยได้รู้จักกับตัวจริงของเธอจะทราบเลยว่าภายใต้ความอ่อนหวานงดงาม นั้น คือความเข้มแข็ง เฉียบขาด ทุกคำพูดและการตัดสินใจไม่เคยพลาด เธอเป็นที่รักและเกรงใจของบุคคลที่เป็นบริวารและเพื่อนร่วมงานทุกคน ผม เดินเข้าไปยืนนิ่งอยู่หน้ารูปถ่ายใบนั้น เพ่งมองใบหน้างดงามอ่อนหวานนั้นเหมือนตาฝาดที่ผมเห็นรอยยิ้มจากผู้หญิงอัน เป็นที่รักของผม ภาพเหตุการณ์ในอดีตผุดขึ้นมาเป็นฉากๆตั้งแต่ผมเริ่มรู้จักกับเธอเป็นครั้ง แรกในขณะที่เธอยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย สาวร่างสูงโปร่งใส่กระโปรงจีบยาวๆจนเกือบถึงน่อง ถักเปียสองข้างพร้อมแว่นสายตาเชยๆ แต่ภายใต้กรอบแว่นนั้นคือดวงตาที่สวยงาม ดวงตาที่ทำให้ชายใดก็ตามที่สบตาด้วยต้องชะงักตลึง ภาพความหวานชื่นระหว่างเธอกับผมที่กำลังอยู่ในมนต์ตราความรัก ภาพความลำบากที่เราสองคนช่วยกันก่อร่างสร้างตัวด้วยความมานะและอดทน และสุดท้ายคือภาพการจากไปของเธอที่คงต้องเจ็บปวดและสยดสยอง พอถึงตอนนี้ ผมรู้สึกแน่นที่หน้าอก ก้อนสะอื้นที่พยายามกลั้นไว้ทะลักออกมาจนผมไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป ผมยืนมองภาพนั้นนิ่งๆด้วยน้ำตาที่ค่อยๆกลบลงมาจนภาพเริ่มพร่ามัว จนสักครู่ผมต้องสะดุ้งเมื่อมีมือสองข้างมาจับแขนทั้งสองของผมไว้

ไม่มีความคิดเห็น: