ขายของ

วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ปฎิหารย์แห่งรัก ตอนที่22

ตอนที่22 พอหมดฤทธิ์ยานอนหลับ ผมก็ตื่นขึ้นมาเอะอะโวยวาย ดิ้นรน เหมือนคนบ้าคลั่ง แม้ร่างกายยังเจ็บปวดรวดร้าว แต่ใจผมกลับยิ่งเจ็บร้าวมากมายหลายร้อยเท่า และสุดท้ายหมอก็ต้องเข้ามาฉีดยาให้สงบ เป็นเช่นนี้ทุกวัน จนย่างเข้าวันที่7 หลังจากเกิดอุบัติเหตุ ที่ทำให้ผมต้องสูญเสียภาไป เช้า วันที่7 ผมตื่นขึ้นมานอนสงบนิ่ง นัยตาดูเลื่อนลอย คล้ายคนเสียสติไม่รับรู้สิ่งรอบข้างอีกต่อไป แต่เมื่อวรรณมากระซิบให้ทราบว่า เย็นนี้จะทำพิธีฌาปนกิจศพภาแล้ว ผมก็ได้สติขึ้นมารับรู้อย่างประหลาด ผมร้องขอให้วรรณไปปรึกษาคุณหมอเพื่ออณุญาตให้ผมออกจากโรงพยาบาลชั่วคราว เพื่อไปร่วมพิธีให้ได้้ำ อันที่จริงแล้วร่างกายของผมนั้นไม่ได้รับ อันตรายมากมายนัก แต่สิ่งที่หมอเป็นกังวลคือสภาพจิตใจของผมมากกว่า แต่หลังจากที่หมอเข้ามาตรวจดูสภาพร่างกายของผมเมื่อตอนบ่าย ก็เซ็นต์อณุญาตให้ผมออกจากโรงพยาบาลได้เป็นการชั่วคราว โดยมีรถพยาบาลมาส่งและนางพยาบาลคอยประกบเป็นพี่เลี้ยง เมื่อผมมาถึง ยังวัดที่จัดพิธีนั้น ผมนึกขอบคุณวรรณอยู่ในใจลึก ๆ เพราะเธอเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดการพิธีต่าง ๆ ของงานศพน้องสาวเธอได้อย่างเรียบร้อย สมเกียรติ สมฐานะของผู้ตาย ไม่มีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง แขกมากหน้าหลายตาทั้งบรรดาญาติผู้ใหญ่ เพื่อนของทั้งผมและภา ต่างทะยอยเดินทางมาร่วมอาลัยการจากไปของภาเป็นครั้งสุดท้ายอย่างล้นหลาม ผม ไม่แปลกใจหรอกที่บรรดาเพื่อน ๆ ของเราทั้งคู่ ต่างอยู่ในอาการเศร้าสลด หลายคนถึงกับร้องไห้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ญาติสนิทชิดเชื้อ ในช่วงที่ภายังมีชีวิตอยู่ เธอเป็นที่รัก ทั้งของผู้ใหญ่ เพื่อน ๆ ไม่ว่ารุ่นเดียวกันหรือรุ่นน้อง ๆ ชีวิตของเธอมีแต่เป็นผู้ให้มาตลอด บรรดา แขกผู้เข้ามาร่วมพิธี ต่างเข้ามาแสดงความเสียใจกับผม บางท่านที่เป็นผู้ใหญ่กว่า ได้แต่ปลอบประโลม ให้ผมหักอกหักใจ คิดเสียว่าเกิด แก่ เจ็บ ตาย นั้นเป็นนิจจังของชีวิต ทุกคนต้องเวียนว่ายตายเกิดจนกว่าจะหลุดพ้นจากบ่วงกรรม ลูกน้อยสองคน ของผมคลอเคลียอยู่ไม่ห่างรถเข็น ข้าง ๆตัวผม เธอทั้งสองคนยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจถึงความสูญเสียแม่ไป จึงมีหลากหลายอารมณ์ให้เห็น บางครั้งก็พากันร้องไห้ บางคราก็นิ่งเงียบ และบางคราก็ดูเพลิดเพลินไปกับการแสดงโขนหน้าไฟ ที่จัดแสดงอยู่หน้าเมรุ ผม สงบนิ่งจนวรรณคงแปลกใจ จึงเดินมาดูผมหลายครั้ง แต่เมื่อเห็นว่าผมไม่เป็นอะไร เธอก็กลับไปต้อนรับแขกเหรื่อที่มาร่วมไว้อาลัยในครั้งนี้ ผมมองตรงไปยังเมรุที่ซึ่งมีร่างของภานอนสงบนิ่งอยู่ในโรงแกะสลักลายอย่างสวย งาม ม่านน้ำตาคลอเบ้าจนหยาดหยดลงมาบ่อย ๆ ครั้ง จวบจนได้เวลา ผมไม่สามารถเดินขึ้นไปวางดอกไม้จันได้เพราะขาข้างขวาที่โดนรถชนยังอยู่ใน เผือก จึงเพียงส่งผ่านให้วรรณขึ้นไปวางแทน แขกหรื่อต่างทะยอยกันเดินขึ้นไปวางดอกไม้จัน บางคนถึงกับร่ำไห้คร่ำครวญ เสียงร่ำไห้ในความสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักนั้น ทำให้บรรยากาศภายในวัดแห่งนี้ช่างเศร้าสลดนัก ควันสีเทาจำนวนมากลอย ออกมาจากปล่องเมรุ ร่างอันไร้วิญญาณของภากำลังถูกเผาไหม้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอคงไม่เจ็บปวดทรมานแล้ว ภาพกลุ่มควันสีเทา ๆ ค่อย ๆ จางลง ภาเธอพ้นบ่วงกรรมแล้ว เป็นสุข ๆ เถิดเมียรัก จะมีเหลือเพียงแต่ผม ที่ต้องเผชิญกับโลกเพียงลำพัง และปมฝันร้ายแห่งชีวิต หลังจากที่ผม กลับไปอยู่ที่โรงพยาบาลอีก2วัน หมอก็อณุญาตให้กลับมาพักฟื้นต่อที่บ้านได้ วรรณพาลูกน้อยทั้งสองของผมไปอยู่ด้วย ความจริงก็ไม่ได้ไกลจากบ้านผมเลย เราพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน เพียงแค่ห่างกันคนละซอยเท่านั้น แต่เธอก็มาดูแลผมเสมอหลังจากที่ลูกน้อยของผมไปเรียนหนังสือแล้ว เจ้าสวยยังคงแวะเวียนมาเยี่ยมผมไม่ขาด แม้ผมจะไม่ได้พูดจากับมันเลยตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นก็ตาม แต่มันก็ยังคงมาดูแลผมผลัดเวรกันกับวรรณ ทั้งดูแลบ้านช่อง ทำอาหาร รวมทั้งเช็ดเนื้อตัวให้ผมเป็นครั้งคราว ผ่านพ้นไปอีก1เดือน ผมเริ่มเดินเหินได้ถนัดขึ้นแม้จะต้องใช้ไม้เท้าค้ำยันก็ตามที ผมจัดการไปลาออกจากงาน แม้จะได้รับการร้องขอจากนายชาวญี่ี่ปุ่นมิให้ผมลาออกก็ตามที แต่ทว่าผมหมดใจกับงานในหน้าที่นี้ไปเสียแล้ว เจ้าสวยลาออกตามด้วยโดยที่ผมก็คร้านที่จะถามสาเหตุจากมัน ผมเริ่ม กลับมาดื่มเหล้าและสูบบุหรี่อีกครั้ง หลังจากที่เลิกไปนานตั้งแต่ลูกสาวคนโตของผมคลอดออกมา เหล้าหลากหลายสกุลยี่ห้อที่ผมเก็บสะสมไว้จากการได้เป็นของกำนัลเนื่องในวาระ ต่าง ๆ กัน ถูกทะยอยออกมาเปิดดื่มหมดไปทีละขวด ๆ เมื่อผมเมาพับ หลับไปคาวงเหล้า ก็เป็นหน้าที่ของวรรณและเจ้าสวยที่ต้องคอยดูแล ฝันร้ายเกี่ยวกับภายังคงตามหลอกหลอนผมอย่างสม่ำเสมอยามที่ผมเมาจนหลับพับไป ผมถูกหามเข้าโรงพยาบาลอีกหลายครั้งจากการดื่มเหล้า แต่เมื่อกลับมายังบ้านภาพเงา และอริยาบทต่าง ๆ ของภาภายในบ้านก็ยังตามหลอกหลอนผมอยู่ ผมผวาตื่นมากลางดึกบ่อย ครั้ง เมื่อหูแว่วได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานของภา เหมือนเช่นคืนวันหนึ่งที่มันยังคงอยู่ในความทรงจำของผมตลอดมา แม้มันจะผ่านไปเนิ่นนาน ผมก็ยังจำได้ถึงวิญญาณของสัตว์ร้าย ที่มันเข้ามาสิงในร่างของผม ทำให้ผมกระทำสิ่งเลวร้ายกับชีวิตของผู้หญิงอีกคนหนึ่ง คืนนั้นผมผวา ตื่นขึ้นมากลางดึก หลังจากที่พยายามจะนอนให้หลับอีกครั้ง แต่ก็ช่างยากยิ่ง ผมจึงลงมาที่ห้องรับแขกเพื่อดื่มเหล้า หวังเพียงว่าหลังจากเมาแล้วผมคงหลับได้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับไม่เป็นเช่นเดิม เมื่อผมดื่มไปเรื่อย ๆ เจ้าสวยก็ออกมาจากห้องนอนที่มันใช้นอนค้างทุกครั้งที่มาบ้านผม เสียง ก็อกแก๊ก ๆ ของผมในการดื่มเหล้าคงไปรบกวนจนมันนอนไม่หลับเช่นกัน มันเดินออกมานั่งตรงข้ามกับผมพร้อมรินเหล้าเพียว ๆ ขึ้นดื่มบ้าง ผมยังคงไม่เคยพูดกับมันเลยหลังจากที่เกิดเรื่องคราวโน้นขึ้นมา แต่คราวนี้ผมเริ่มรู้สึกตัวว่าเริ่มเมาหนัก หลังจากที่ดื่มเหล้าเพียว ๆ ไปสี่ห้าแก้ว ผมจำได้คร่าว ๆ ว่าผมไล่ให้มันออกไปจากบ้านผม ก่นด่าว่ามันคือสาเหตุของการจากไปของภา ผมเยาะเย้ยมันว่าอย่าหวังเลยว่า เมื่อผมไม่มีภาแล้ว มันจะเข้ามาแทนที่ได้ การกล่าวเช่นนี้เสมือน หนึ่งผมตีเข้าไปที่จุดอ่อนของเจ้าสวย ตามันวาวโรจน์ตรงเข้ามาตบหน้าผมอย่างแรง พร้อมกับร้องไห้เสียใจ อารมณ์และสติของผมก็ขาดสะบั้นลงไปเช่นกัน ผมจำได้เพียงว่าผมกระชากร่างของเจ้าสวยล้มลงนอนหงายแล้วลงมือข่มเหงมันด้วย ความป่าเถื่อน

ไม่มีความคิดเห็น: