ขายของ

วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ปฎิหารย์แห่งรัก ตอนที่21

ตอนที่21 ผมเดินอยู่ท่ามกลางความมืดของรัตติกาล ในคืนเดือนดับ แสงดาวสว่างพราวขาว ๆ นวล ๆ ประดับอยู่กลางท้องฟ้า ลมเย็น ๆ พัดวูบผ่าน จนสะท้านกาย ทุ่งหญ้ากว้างขวางอยู่เบื้องหน้า ดูไกลสุดขอบฟ้า ถ้าไม่มีเงาตะคลุ่มของไม้ต้นใหญ่ที่ขวางอยู่เพียงต้นเดียว มีแสง เรือง ๆ ออกมาจากโคนไม้ใหญ่ ผมย่ำเท้าก้าวเข้าไปหา แม้ไม่ทราบเลยว่าจะเดินผ่าดงหญ้าเข้าไปเพื่อสิ่งใด เสียงสะอื้นไห้ ลอยมาตามลม ทิศทางต้นเสียงมาจากโคนไม้ใหญ่ ผมเพียงนึกว่าจะเดินไปทางต้นเสียง เพียงแค่นึกน่าประหลาดอย่างยิ่ง ที่ผมก็มาปรากฎกายอยู่เบื้องหน้าไม้ใหญ่ต้นนั้นเสียแล้ว อ่ะ....... หรือว่าผมตายไปแล้ว ถึงได้มีอิธิฤทธิ์ นึกจะไปไหน ก็ไปได้ทันท่วงที แต่เสียงสะอื้นไห้ยังคงดังแว่วออกมาจากด้านหลังของโคนไม้ใหญ่เสียงนั้นช่าง คุ้นหูนัก ร่ำไห้ด้วยความเศร้าโศรกเสียใจ และจำปวด ผมปวดร้าวลึก ๆ อยู่ในอก ใครหนอมาร้องไห้ได้เวทนาเช่นนี้นัก ร่างบอบบางสว่างโพลน เผยออกมาจากการแอบอยู่ด้านหลังไม้ใหญ่ สาวร่างบอบบางผมยาวประบ่าดูคุ้นตาเหลือเกิน ภา....ภา....ผมตะโกนขึ้นสุดเสียง เมื่อแน่ชัดแล้วว่าร่างนั้นคือภา..เมียรักของผม ผมขยับเท้าก้าว เข้าไปหา แต่ทว่าร่างของภากลับลอยถอยห่างออกไป ไม่ว่าผมจะสาวเท้าก้าวเข้าไปมากเพียงใด ระยะห่างของภากับผม ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม ภา...ภา...อย่าหนีป๊าสิ....ผมร่ำร้องเรียกหา น้ำตาไหลลงอาบหน้าอย่างไม่อายผู้ใดอีกแล้ว .......ภาร้อน........ ภาเจ็บ..........เสียงคร่ำครวญหวลไห้ สะอื้นฮัก ๆ ปริ่มว่าจะขาดใจ ผมร่ำไห้ตามปวดใจเหมือนมีหนามหรือเข็มหลายพันเล่มทิ่มแทงอยู่ ...... ป๊า.....ภาร้อนเหลือเกิน............สีหน้าของภา แสดงอาการเจ็บปวดรวดร้าว ผมอยากลงไปแดดิ้นกับพื้นดิน เมื่อไม่สามารถจะช่วยอะไรเธอได้เลย มีเพียงเสียงตะโกนก้องร่ำเรียกชื่อเธอซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ร่างของภาค่อย ๆ เลือนหายไปกลับกลายเป็นกองเพลิงกองใหญ่ อยู่เบื้องหน้าผม ภา....................ภา...................ผมตะโกนเรียกพร้อมร่ำไห้ แทบว่าจะขาดใจ............................ "ฟื้นแล้ว...ฟื้นแล้ว..." ผมได้ยินเสียงคุ้นหู ก่อนภาพของคนคุ้นตา จะค่อยๆแจ่มจ้าในความรู้สึก " หัวหน้า..ฟื้นแล้ว" เจ้าสวยนั่นเอง ที่เป็นคน เข้ามาจับอกผมเขย่าเรียกเบา ๆ ก่อนที่ญาติ ๆ อีกหลายคนของผม จะกรูกันเข้ามาห้อมล้อมเตียงโดยรอบ สีหน้าทุกคนผมบรรยายไม่ถูก ทั้งดีใจ และร่ำไห้สะอื้นเบา ๆ ได้ในเวลาเดียวกัน ผมปวดหัวเสมือนสมองจะแยกแตกออกมาเป็นเสี่ยง ๆ นึกทบทวนว่าตัวผมอยู่ที่ใด พยายามเหลียวมองรอบห้องแต่ขยับเขยื้อนเคลื่นหน้าได้ลำบากเหลือเกิน ผมพยายามจะยกแขนขวา แต่ก็ยึดติดกับสายยางรัด พร้อมสายน้ำเกลือระโยงระยางอยู่ แขนซ้ายก็มีพลาสเตอร์พันโดยรอบ แต่ก็ยังพอขยับยกขึ้นมาจับรอบคอตัวเองได้ ผมจึงได้รู้ว่าสาเหตุที่ผมขยับหมุนคอเหลียวมองไม่ถนัด ก็เพราะเผือกอ่อนที่หนุนรองอยู่รอบคอนั่นเอง ผมมองเห็นวรรณ พี่สาวผมยืนกอดกันร่ำไห้อยู่ด้านขวา เจ้าสวยร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ด้ายซ้าย ปลายเตียงมีลูกน้องของผมยืนอยู่อีกคนหนึ่ง แล้วลูกเมียผมหายไปไหน ภากับลูกโม ลูกส้ม ของผมทำไมไม่อยู่ในห้อง ผมพยายามจะพูด แต่เสียงกลับแหบแห้ง พลันสมองและความทรงจำก็ค่อย ๆกลับคืนมา คราวนี้ผมร้องตะโกน ออกมาสุดเสียง " ภา........อยู่ไหน.........." ไร้เสียงตอบรับ แต่คนทั้งห้องกลับร่ำไห้เสียงดังกว่าเดิม ผมพยามดิ้นขลุกขลักจะลุกขึ้น แต่คนทั้งหมดกลับกรูเข้ามายึดแขนขาผมไว้ "ภา..อยู่ไหน....บอกมา..." ผมพยามตะหวาดด้วยเสียงที่คิดว่าน่าจะดัง แต่ประสาทหูที่ได้ยินกลับมา กลายเป็นเสียงแหบแห้ง แผ่วเบา " คุณ....ใจเย็น ๆน๊า...ภาไปแล้ว น้องภาไม่อยู่กับพวกเราแล้ว" เสียงพูดกระท่อนกระแท่น พร้อมสะอื้นร่ำไห้ ของวรรณบอกแผ่ว ๆ แต่กลับดังก้องอยู่ในอกและโสตประสาทของผม ใช่แล้ว.........ภาพสุดท้ายที่ผมเห็นคือกองเพลิงลุกไหม้รถยนต์อยู่ในคูกลาง ถนน มันไม่ใช่จินตนาการ หรือภาพฝัน ภาจากผมไปแล้วจริง ๆ ผมร่ำไห้ออก มาอย่างเหลืออด พยายามดิ้นรนผลักไส ผู้คนที่มารายล้อมยึดจับ เข็มน้ำเกลือพร้อมขวดใส่ กระเด็นกระดอนไปคนละทิศทาง เสียงฝีเท้าวิ่งกรูกันมาที่หน้าห้อง ก่อนที่หมอและพยาบาลจะตรงเข้ามาช่วยกันยึดจับร่างผมให้มั่น เสียงหมอ ผู้ชายร้องสั่งพยาบาลให้ฉีดยาตามจำนวนซีซี ที่พอเหมาะ ผมเจ็บแปร๊บ ๆ ที่ท่อนแขนขวา ก่อนจะค่อย ๆ หมดแรงดิ้นรนขัดขืนทีละน้อย ๆ ตาแม้จะพยายามจะฝืนลืม แต่ก็กลับค่อย ๆ ปรือลงเหมือนหนักอึ้งเกินจะทนฝืน พร้อมสติรับรู้จางลง ๆ ไปทีละน้อย ๆ............. .......................................................................................................................................................... .......................................................................................................................................................... ผม เดินอยู่ท่ามกลางความมืดของรัตติกาลอีกครั้ง ในคืนเดือนดับ แสงดาวสว่างพราวขาว ๆ นวล ๆ ประดับอยู่กลางท้องฟ้า ลมเย็น ๆ พัดวูบผ่าน จนสะท้านกาย ทุ่งหญ้ากว้างขวางอยู่เบื้องหน้า ดูไกลสุดขอบฟ้า ถ้าไม่มีเงาตะคลุ่มของไม้ต้นใหญ่ที่ขวางอยู่เพียงต้นเดียว มีแสง เรือง ๆ ออกมาจากโคนไม้ใหญ่ ผมย่ำเท้าก้าวเข้าไปหา แม้ไม่ทราบเลยว่าจะเดินผ่าดงหญ้าเข้าไปเพื่อสิ่งใด เสียงสะอื้นไห้ ลอยมาตามลม ทิศทางต้นเสียงมาจากโคนไม้ใหญ่ ผมเพียงนึกว่าจะเดินไปทางต้นเสียง เพียงแค่นึกน่าประหลาดอย่างยิ่ง ที่ผมก็มาปรากฎกายอยู่เบื้องหน้าไม้ใหญ่ต้นนั้นเสียแล้ว อ่ะ....... หรือว่าผมตายไปแล้ว ถึงได้มีอิธิฤทธิ์ นึกจะไปไหน ก็ไปได้ทันท่วงที แต่เสียงสะอื้นไห้ยังคงดังแว่วออกมาจากด้านหลังของโคนไม้ใหญ่เสียงนั้นช่าง คุ้นหูนัก ร่ำไห้ด้วยความเศร้าโศรกเสียใจ และจำปวด ผมปวดร้าวลึก ๆ อยู่ในอก ใครหนอมาร้องไห้ได้เวทนาเช่นนี้นัก ร่างบอบบางสว่างโพลน เผยออกมาจากการแอบอยู่ด้านหลังไม้ใหญ่ สาวร่างบอบบางผมยาวประบ่าดูคุ้นตาเหลือเกิน ภา....ภา....ผมตะโกนขึ้นสุดเสียง เมื่อแน่ชัดแล้วว่าร่างนั้นคือภา..เมียรักของผม ผมขยับเท้าก้าว เข้าไปหา แต่ทว่าร่างของภากลับลอยถอยห่างออกไป ไม่ว่าผมจะสาวเท้าก้าวเข้าไปมากเพียงใด ระยะห่างของภากับผม ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม ภา...ภา...อย่าหนีป๊าสิ....ผมร่ำร้องเรียกหา น้ำตาไหลลงอาบหน้าอย่างไม่อายผู้ใดอีกแล้ว .......ภาร้อน........ ภาเจ็บ..........เสียงคร่ำครวญหวลไห้ สะอื้นฮัก ๆ ปริ่มว่าจะขาดใจ ผมร่ำไห้ตามปวดใจเหมือนมีหนามหรือเข็มหลายพันเล่มทิ่มแทงอยู่ ...... ป๊า.....ภาร้อนเหลือเกิน............สีหน้าของภา แสดงอาการเจ็บปวดรวดร้าว ผมอยากลงไปแดดิ้นกับพื้นดิน เมื่อไม่สามารถจะช่วยอะไรเธอได้เลย มีเพียงเสียงตะโกนก้องร่ำเรียกชื่อเธอซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ร่างของภาค่อย ๆ เลือนหายไปกลับกลายเป็นกองเพลิงกองใหญ่ อยู่เบื้องหน้าผม ภา....................ภา...................ผมตะโกนเรียกพร้อมร่ำไห้ แทบว่าจะขาดใจ............................ ทุกครั้งที่ผมหลับไหล ด้วยฤทธิ์ยาที่ฉีดเข้าไป ผมจะต้องฝันระเมอถึงภา ภาพความเจ็บปวดรวดร้าวและทรมานของภา ตามหลอกหลอนผมตลอดเวลาทุกครั้งที่ผมหลับ และหลังจากผมฟื้นตื่นขึ้นมาเมื่อยาหมดฤทธิ์ ผมก็ทั้งร้องทั้งดิ้นรนเหมือนคนบ้าไร้สติ หมอและพยายบาล ก็เข้ามาทำตามหน้าที่เช่นเดินอีก ครั้งแล้วครั้งเล่า............

ไม่มีความคิดเห็น: