ขายของ

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

อัญมณีแห่งชีวิต ตอนที่ 1

 
ณ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
มีนักศึกษาชั้นปีที่ 2 กลุ่มหนึ่งกำลังนั่งคุย หรือพยายามหาทางแก้ปัญหาบางอย่างอยู่
บี : เฮ้ย กล้า ช่วยหน่อยเหอะว่ะ บ้านแกน่ะมีเงินออมอยู่ตรึมเลยไม่ใช่หรอแค่แบ่งมานิดหน่อยช่วยซื้อหุ้น บริษัทพ่อข้าหน่อยเหอะว่ะ เดี๋ยวมันฟื้นตัวเมื่อไรบ้านข้าจะซื้อคืนพร้อมกำไรเลยเอ้า
กล้า : เรื่องนี้กูช่วยมึงไม่ได้ว่ะไอ้บี เศรษฐกิจแบบนี้ไม่รู้บ้านมึงจะฟื้นตัวได้ชาติไหน บ้านกูน่ะต้องเก็บเงินไว้รอโอกาสตลาดฟื้นตัวว่ะ มึงไม่ลองขอไอ้แว่นดูล่ะ บ้านมันเป็นนักการเมืองจะเกิดปัญหาอะไรบ้านมันก็ไม่มีทางเดือดร้อน
แว่น : มึงนี่โยนขี้เก่งจริงนะไอ้กล้า เออ ๆ บี เดี๋ยวกูไปคุยกับพ่อให้เว้ย เด๋วโครงการXXXของพ่อกูผ่าน ครมเมื่อไร บ้านกูได้กินค่าต๋งวันละเป็นสิบล้านว่ะ ของเช่ายังงี้ผ่านเมื่อไรก็สบายมือ
บี : ขอบใจว่ะแว่น แต่โครงการของพ่อมึงทำท่าจะไม่ผ่านง่าย ๆ นี่สิ ไม่รู้บริษัทพ่อกูจะรอดถึงวันนั้นป่าว
เอ็ม : มึงก็ลองไปกูธนาคารก่อนดิไอบี เอาตัวรอดไปก่อน ยังไงพ่อไอ้แว่นมันก็จ่ายใต้โต๊ะจนโครงการผ่านจนได้แหละแล้วค่อยเอาเงินไปคืน
บี : แล้วกูจะไปหาหลักประกันที่ไหนวะ
สามคน : ก็บริษัทของมึงไง!!!


สิ่งที่เด็กหนุ่มทั้งสี่คนปรึกษากันพอจะจับเค้าความได้ว่าเป็นการหาเงิน เพื่อซื้อหุ้นประคองบริษัทของนายบี ที่เกิดการสะดุดจากการที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ และพ่อของเขาก็มาล้มป่วยลงในเวลานี้พอดี โดยบทสรุปก็คือนายบีจะไปกู้ธนาคารโดยใช้บริษัทเจียระไนเพชนของพ่อเป็นหลัก ประกัน


สองเดือนผ่านไป
สถานะการบ้านเมืองยังระอุยิ่งขึ้นการเจรจาของพ่อนายแว่นยังไม่บรรลุผล มิหนำซ้ำเงินกูของนายบีก็ทบต้นดอกจนเกินเยียวยา ตอกย้ำซ้ำไอด้วยการจากไปของพ่อของเขา
แม่นายบี : บีลูกต้องเข้มแข็งนะลูก วันนี้เราคงต้องยอมสละบริษัทไปก่อนเพราะหนี้ก้อนนี้มันใหญ่โตเกินกว่าที่เราจะหามาจ่ายได้
บีฟังแม่ด้วยหน้าตรึงเครียด จากการที่ตัวบีเองนั้นก็เรียนบริหารธุรกิจในระดับดีเยี่ยมของคราสทำให้เขาพอ จะรู้ว่าบริษัทนั้นไม่มีทางไปรอดแน่นอน แต่ครั้นจะให้ทิ้งสมบัติของวงศ์ตระกูลชิ้นนี้ก็ตัดใจลำบากยิ่งนัก "ผมขอเวลาคิดก่อนครับแม่"
บีครุ่นคิดพร้อมเดินเข้าไปในห้องนอนเก่าของตนเอง ห้องที่พ่อเคยบอกว่า เป็นห้องที่จะใช้เป็นห้องหอของเค้า หอ้งนี้ใหญ่โตเกินกว่าจะอยู่คนเดียวและเหมือนจะเป็นส่วนนึงของบ้านก่อนที่จะ ทำการต่อเติม จากการที่ห้องนี้เป็นห้องไม้ "เอี๊ยด" เสียงนี้อีกแล้ว บีครุ่นคิดถึงวัยเด็ก มีแค่บริเวณนี้เท่านั้นที่มีเสียงในบ้าน "เอ หรือมันจะมีอะไรอยู่ที่พื้น อย่างสมบัติลับ ฉโนดที่ดินของตระกูลเรา"บีพึมพำกับตัวเอง อีกทั้งใจของเค้ายังรู้สึกว่ามันเหลวไหลไร้สาระสิ้นดี แต่คิด ๆ ไปถึงไม่มีอะไรก็ควรจะซ่อมแซมเสียที
บีจึงก้มลงดูไม้บริเวณนั้นซึ่งไม่มีรอยผุกร่อนแต่ยังใด หนำซ้ำ ยังประหลาดที่ว่ามันดูไม่เก่าตามกาลเวลาเหมือนบริเวณอื่น ๆ
"เอาวะ ลองดูสักตั้ง " บีตัดสินใจทำลายพื้นโดยไปหาจอบเหล็กมาใช้แทนชะแลง ตื้บ
ข้างใต้พื้นไม้กับมีหีบสมบัติใบเล็กที่มีรูเล็ก ๆ อยู่พอจะใส่นิ้วได้นิ้วเดียว
"อืม มันอาจจะมีที่กดเปิดอยู่ข้างใน ละมั้ง" บีคิดพร้อมเอานิ้วชีแหย่เข้าไปในรูนั่น "ผึง" "อ้ะ โอ้ย" บีร้องเสียงหลงเมื่อสัมผัสโดนเข็มข้างในรูจนมีเลือดไหลซึมออกมาจำนวนหนึ่ง ในเวลาเดียวกับที่ฝาหีบเปิดออก


ข้างในหีบนั้น คือ......................
อัญมณีสีฟ้าใส ขนาดพอพอกับไข่ไก่ ที่ทอประกายแวววับโดยหากดูดีดีแล้วจะพบว่าในสีฟ้าใสนี้มีอัญมณีสีฟ้าขุ่น ขนาดเท่าแหวนปกติวงนึงอยู่ภายใน พร้อมจดหมายฉบับหนึ่ง ที่แสดงว่าอัญมณีชิ้นนี้เป็นอัญมณีที่ปู่ของพ่อเป็นคนพบก่อนที่จะเริ่มทำ ธุรกิจเจียระไนเครื่องประดับซึ่งในเวลานั้นไม่มีใครสามารถเจียระไนอัญมณี ชิ้นนี้ได้ จึงทำกล่องใส่มันเอาไว้ จนมีแมลงเข้าไปทำรังในรูปสวิตเปิดนั่นเอง พร้อมสมุดวิธีเจียระไนอัญมณี 1 เล่ม
"พ่อไม่เห็นเคยพูดถึงแฮะ แต่ะไอของที่ทำเป็นเครื่องประดับไม่ได้เนี่ย จะไปมีค่าอะไรนะ ถึงขายก็คงไถ่บริษัทไม่ได้อยู่ดี"
บีพูดด้วยน้ำเสียงผิดหวังปนเศร้า ขณะที่ไม่ทันระวังนั่นเองเลือดหยดหนึ่งก็หยดลงบนอัญมณีนั้น
ฉับพลัน ทั่วทั้งห้องเกิดควันขึ้นรอบด้านจนบีสำลัก ทำให้คนข้างล่างที่สังเกตุเห็นรีบวิ่งขึ้นมาทันที "คุณบีเป็นอะไรไหมคะ" บี ลูกปลอกภัยหรือเปล่า" เสียงทุกคนดังขึ้นที่หน้าห้อง บีพยามจะพูดว่า"ผมไม่เป็นอะไรครับแม่" แต่พูดไม่ออก ขณะที่ควันค่อย ๆ จางหายไป บีก็ได้ยินเสียงที่เหมือนหญิงสาวสวย(ในความคิดของบี)กระซิบข้างหูว่า "เราจะเป็นสายฝน ที่ชำระล้างความผิดหวังไปจากเธอเอง เธอจงเป็นผืนแผ่นดินที่รับความชุ่มฉ่ำเถิด" ก่อนที่บีจะสลบไสลไป


บีลืมตาตื่นขึ้นเห็นแม่และน้องสาว มัธยมปลายที่กลับมาจากโรงเรียนนอนเฝ้าอยู่ข้าง ๆ
"บี ตืน แล้วหรือลูก" แม่เห็นเป็นคนแรก
"ผมไม่เป็นไรครับแม่" บีตอบ พร้อมกับประหลาดใจที่นิ้วชี้ของตนเองกลับมีแหวนประหลาดสีฟ้ากระจ่างที่มีแสงเรืองรองสวมอยู่
"บีตกใจะอะไรหรอลูก แหวนวงนั้นลูกเจอจากในช่องที่พื้นห้องหรอ"
"ครับ "บีกลบเกลื่อนความประหลาดใจ"แม่ใส่ให้ผมหรอครับ"
"ป่าวนี่ ตอนที่เข้าไปเจอลูกสลบอยู่ มันก็สวมอยู่แล้วจ้ะ ลูกคนนี้จำว่าสวมแหวนไม่ได้ระวังจะหมั้นผิดคนนะจ้ะ ฮิฮิ"
บีคิดถึงคำพูดที่ได้ยินก่อนสลบ "ดีล่ะ ถ้ามันปัดเป่าความผิดหวังได้จริงล่ะก็ เราต้องลอดูสักตั้ง" บีตัดสินใจจะไปคุยกับธนาคารอีกครั้ง เพราะดีกว่าการยอมแพ้โดยไม่ทำอะไรเลย


ที่ธนาคารวันรุ่งขึ้น
ห้องผู้จัดการฝ่ายสินเชื่อธนาคาร : เกษร : สวัสดีค่ะ คุณสุทธิ ใช่ไหมคะ
"ใช่ครับ" บีตอบ
"คุณรู้เรื่องที่หุ้นบริษัทที่เป็นหลักประกันของคุณหุ้นแตะเพดานต่ำสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แล้วใช่ไหมคะ"
"ใช่ครับ" บีตอบอีก
"คุณคิดจะทำยังไงกับเรื่องนี้ค"
"..."ซวยแล้วไงไม่เห็นจะปัดเป่าอะไรเลยนี่หว่า ตอนแรกนึกว่าธนาคารจะลืมเรื่องยึดบริษัทเสียอีก
"ได้สิ" เสียงหญิงสาวนั้นดังขึ้น
ความเงียบเข้าครอบคลุมห้องราว30วินาที
"เอ่อ คุณมาติดต่อเรื่องอะไรคะ " เกษรถาม
เอาแล้วเว้ยของจริงงงงงงงง แต่ากระนั้นบีก็ลองหยั่งเชิง " ผมมาตามเอกสารของธนาคารน่ะครับ"
เกษรอ่านเอกสารในมือ แล้วทันในั้นเองเธอก็ฉีกเอกสารนั่นทิ้งทันที "เอ่อ ชั้นว่าคุณควรออกไปได้แล้วนะคะ"
YESSSSSSSSSSSS บีคิดในใจ ยังงี้จะทำอะไรได้อีกวะเนี่ยแหวนวงนี้ ทำให้อีนี่กลายเป็นทาสเราได้ไหมนะ
"ได้สิ" ผู้หญิงคนนั้นตอบอีกครั้ง


ไม่มีความคิดเห็น: